โครงสร้างประโยค: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
ปัญหาของผู้เรียนหลายคนคือเห็นว่าการเรียนไวยากรณ์เป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีเยอะเเละจดจำยาก เเต่ถ้าเรามีเเนวทางการเรียนที่ถูกต้อง เรียนรู้ตามโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษที่มักจะใช้บ่อย รู้เเล้วรับรองรอดเเน่นอน ทั้งหมดมีในบทความเดียว อย่าพลาดนะจ๊ะ
Table of Contents
เริ่มจากโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษที่ง่ายที่สุด
1. S +V
ยกตัวอย่างเช่น
– I stand here. ฉันยืนตรงนี้
– You sit there. คุณนั่งตรงนั้น
– He sleeps on the sofa. เขานอนบนโซฟา
2. S + V + O
ยกตัวอย่างเช่น
– He buys a car. เขาซื้อรถยนต์
– She likes cats. หล่อนชอบแมว
– They clean the room. พวกเขาทำความสะอาดห้อง
3. S + V + IO + DO
ยกตัวอย่างเช่น
– He buys me a coffee. หมายถึง เขาซื้อกาแฟให้ฉัน
– Mom gives me a present. แม่ให้ของขวัญแก่ฉัน
– Dad makes a dog a house. พ่อทำบ้านให้หมา
4. S + V + OC ( ประธาน + กริยา + ส่วนเติมเต็มประธาน )
ยกตัวอย่างเช่น
– He is a doctor. (เป็นใคร) เขาเป็นหมอ
– I am tall. (เป็นยังไง) ฉันตัวสูง
– She is a nice student. (เป็นใคร) หล่อนเป็นนักเรียนที่ดี
5. S + V + O + OC
ยกตัวอย่างเช่น
– They painted the car white. พวกเขาทาสีรถยนต์ให้เป็นสีขาว
– He made me happy. เขาทำให้ฉันมีความสุข
– We consider John silly พวกเราถือว่าจอห์นงี่เง่า
6. S + V+ too + adj/adv + (for someone) + to do something (มาก….เพื่อให้ใครทำอะไร…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– He ran too fast for me to follow.
– This exercise was too easy for me to do. แบบฝึกหัดนี้ง่ายเกินไปสำหรับฉันที่จะทำ
7. S + V + so + adj/ adv + that +S + V (มาก… ถึงขนาดที่…)
ยกตัวอย่างเช่น
– This box is so heavy that I cannot take it. กล่องนี้หนักมากจนฉันไม่สามารถเอามันไปได้
– He speaks so soft that we can’t hear anything. เขาพูดเสียงเบาจนเราไม่ได้ยินอะไรเลย
8. It + V + such + (a/an) + N(s) + that + S +V (มาก… ถึงขนาดที่…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– It is such a heavy box that I cannot take it. มันเป็นกล่องที่หนักมากจนฉันไม่สามารถรับมันได้
– It is such interesting books that I cannot ignore them at all. เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากจนไม่สามารถมองผ่านได้เลย
9. To be/get Used to + V-ing: (คุ้นเคยกับอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– We are used to getting up early เราเคยชินกับการตื่นเช้า
10. Have/ get + something + done (Vpp.) (ฝากหรือจ้างใครทำอะไร…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I had my hair cut yesterday. ฉันตัดผมเมื่อวานนี้
– I’d like to have my shoes repaired. ฉันต้องการซ่อมรองเท้า
โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คิด
ด้านล่างนี้คือโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษทั่วไปอื่น ๆ
11. It + be + time + S + V / It’s +time +for someone +to do something (ถึงเวลาที่ใครต้องทำอะไรสักอย่าง…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– It is time you had a shower. ได้เวลาอาบน้ำแล้ว
– It’s time for me to ask all of you for this question. ถึงเวลาที่ฉันจะถามพวกคุณทุกคนคำถามนี้
12. It + takes/took + someone + amount of time + to do something (ทำอะไร… เสียเวลาเท่าไหร่…)
ยกตัวอย่างเช่น
– It takes me 5 minutes to get to school. ฉันใช้เวลา 5 นาทีในการไปโรงเรียน
– It took him 10 minutes to do this exercise yesterday. เขาใช้เวลา 10 นาทีในการทำแบบฝึกหัดนี้เมื่อวานนี้
13. To prevent/stop + someone/something + From + V-ing (ป้องกันคน / อะไร … ไม่ทำอะไร .. )
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I can’t stop her from tearing ฉันไม่สามารถทำให้เธอหยุดร้องให้
14. S + find + it + adj to do something (พบว่า … เพื่อทำอะไร…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I find it very difficult to learn about Japanese ฉันพบว่ามันยากมากที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น
– They found it easy to overcome that problem. พวกเขาพบว่ามันง่ายที่จะเอาชนะปัญหานั้น
15. To prefer + Noun/ V-ing + to + N/ V-ing. (ชอบทำอะไรมากกว่า/ ทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I prefer dog to cat. ฉันชอบสุนัขมากกว่าแมว
– I prefer reading books to watching TV. ฉันชอบอ่านหนังสือเพื่อดูทีวี
16. Would rather + V(infinitive) + than + V (infinitive) (ชอบอะไรมากกว่า)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– She would rather play games than read books. เธอชอบเล่นเกมมากกว่าอ่านหนังสือ
– I’d rather learn English than learn Math. ฉันอยากเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเรียนคณิตศาสตร์
17. To be/get Used to + V-ing (คุ้นเคยกับอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I am used to eating with chopsticks.
18. Used to + V (infinitive) (มักจะทำอะไรเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ไม่ทำอีกแล้ว)
ยกตัวอย่างเช่น
– I used to go fishing with my friend when I was young. ตอนเป็นเด็กๆ ฉันเคยไปตกปลากับเพื่อนของฉัน
19. by chance = by accident (adv): โดยบังเอิญ
ยกตัวอย่างเช่น
– I met her in Paris by chance last week. ฉันพบเธอที่ปารีสโดยบังเอิญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
20. to be/get tired of + N/V-ing (เหนื่อยเพราะ…)
ยกตัวอย่างเช่น
– My mother was tired of doing too much housework everyday. แม่เหนื่อยกับการทำงานบ้านมากเกินไปทุกวัน
โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
เมื่อใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษคุณต้องใส่ใจกับกาลของกริยาหลักด้วย
21. to be keen on/ to be fond of + N/V-ing (ชอบทำอะไรสักอย่าง…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I am fond of listening to music = I like listening to music. ฉันชอบฟังเพลง
22. to be interested in + N/V-ing (สนใจต่อ…)
ยกตัวอย่างเช่น
– We were interested in the movie we saw yesterday. เราสนใจภาพยนตร์ที่เราเห็นเมื่อวานนี้
23. to waste + time/ money + V-ing (เสียเงินและเวลาเกี่ยวกับ)
ยกตัวอย่างเช่น
– You have been wasted my time surfing the internet. คุณเสียเวลาไปกับการท่องอินเทอร์เน็ต
24. To spend + amount of time/ money + V-ing (ใช้เวลาเท่าไหร่เพื่อ…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– To spend + amount of time/ money + on + something (ใช้เวลาเพื่อทำอะไร…)
– I spend 2 hours reading books a day. ฉันใช้เวลาอ่านหนังสือ 2 ชั่วโมงต่อวัน
25. feel like + V-ing (รู้สึกอยากทำอะไรบางอย่าง…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I feel like going for a picnic ฉันรู้สึกอยากไปปิกนิก
26. would like/ want/wish + to do something (ชอบทำอะไร…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I would like to go to the cinema with you tonight. ฉันอยากไปดูหนังกับคุณคืนนี้
27. have + (something) to + Verb (มีบางอย่างที่ต้องทำ)
ยกตัวอย่างเช่น
– I have many things to do this week. ฉันมีหลายสิ่งที่ต้องทำในสัปดาห์นี้
28. It + be + something/ someone + that/ who
ยกตัวอย่างเช่น
– It is Tom who got the best marks in my class. Tom เป็นคนที่ได้คะแนนดีที่สุดในชั้นเรียนของฉัน
29. Had better + V(infinitive) (ควรทำอะไร….)
ยกตัวอย่างเช่น
– He had better go to hospital. เขาควรไปโรงพยาบาลดีกว่า
โครงสร้างประโยคบางส่วนเกี่ยวข้องกับวลีกริยา
30. hate/ enjoy/ like/ dislike/ finish/ avoid/ mind/ practise/ postpone/ deny/ consider/ delay/ keep/ suggest/ fancy/ risk/ imagine + V-ing
ยกตัวอย่างเช่น
– I always practise speaking English everyday. ฉันมักจะฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกวัน
31. To remember doing (จดจำว่าได้ทำอะไรบ้าง)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I remember reading this book ฉันจำได้ว่าอ่านหนังสือเล่มนี้
– I remember visiting this place ฉันจำได้ว่าเคยไปที่นี่
32.FAIL TO DO SOMETHING (ล้มเหลวในบางสิ่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– He failed to pass the police test. เขาสอบตำรวจไม่ผ่าน
– John failed to do exercises. Johnทำแบบฝึกหัดไม่สำเร็จ
33. SUCCEED IN DOING SOMETHING (ประสบความสำเร็จในบางสิ่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– She succeeded in finishing the race. เธอประสบความสำเร็จในการแข่งขัน
– Henry succeeded in the final exam. เฮนรี่ประสบความสำเร็จในการสอบปลายภาค
34. BORROW SOMETHING FROM SOMEBODY (ยืมสิ่งของของใคร)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I borrow those books from Mary. ฉันยืมหนังสือเหล่านั้นจากแมรี่
– Anna borrows that glass from her mother. แอนนายืมแก้วใบนั้นมาจากแม่
35. TRY DOING SOMETHING (ลองทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I try playing football.ผมลองเล่นฟุตบอล
– He tried playing piano. เขาลองเล่นเปียโน
36. NEED TO DO SOMETHING (ต้องทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I need to see him next morning. ฉันต้องเจอเขาในเช้าวันพรุ่งนี้
– We need to plan the trip first. เราจำเป็นต้องวางแผนการเดินทางก่อน
37. NEED DOING (ต้องการทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– His shirt needs washing. เสื้อของเขาต้องซัก
– Our kids needs cleaning. เด็กๆ ต้องการการอาบน้ำ
38. REMEMBER DOING SOMETHING (จำว่าต้องทำอะไร)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– We remembered turning the lights off before coming out.เราจำได้ว่าปิดไฟก่อนเดินทางไปข้างนออก
– You should remember to clean up before leaving. คุณควรอย่าลืมทำความสะอาดก่อนออกเดินทาง
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามต้องใช้ความเพียรพยายาม
ทำงานหนักและคุณจะมีความสำเร็จที่ดี
39.To prefer + N/ V-ing + to + N/ V-ing ชอบอะไร ชอบทำอะไรมากกว่า
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I prefer cat to dog ฉันชอบแมวมากกว่าสุนัข
– She Prefer watching TV to reading books เธอชอบดูทีวีมากกว่าอ่านหนังสือ
– My Mom prefers having dinner at home to going out. แม่ของฉันชอบทานอาหารเย็นที่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก
40. HAVE SOMEBODY DO SOMETHING
ยกตัวอย่างเช่น
– My boss asked me to have Jerry come to his office before 5pm. เจ้านายของฉันขอให้เจอร์รี่มาที่ออฟฟิศก่อน 17.00 น.
– I had Jon fix my bike. ฉันฝากให้จอนซ่อมจักรยานของฉัน
41. BE ABLE TO DO SOMETHING (ความสามารถในการทำบางสิ่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– May is able to draw a picture. May สามารถวาดรูปได้
42. BE GOOD AT SOMETHING (ทำอะไรเก่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– He is very good at music. เขาเก่งโดนตรีมาก/ เขาถนัดดนตรีมาก
– She is good at playing games. เธอเล่นเกมเก่ง
43. BE BAD AT SOMETHING (ทำอะไรไม่เก่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– Harry is bad at singing. Harry ร้องเพลงไม่เก่งเลย
44. Make progress (มีความก้าวหน้า)
ยกตัวอย่างเช่น
– Harriet is making progress with all her schoolwork. แฮเรียตกำลังก้าวหน้ากับ=การเรียน=ของเธอ
45. APOLOGIZE FOR DOING SOMETHING (ขอโทษที่ทำอะไรบางอย่าง)
ยกตัวอย่างเช่น
– He apologized for being late. เขาขอโทษที่มาช้า
– I apologized for not call him back. ฉันขอโทษที่ไม่โทรกลับเขา
46. HAD BETTER DO SOMETHING (ควรทำอะไรดีกว่า)
ยกตัวอย่างเช่น
– You had better hang out with them. คุณออกไปเที่ยวกับพวกเขาดีกว่า
– I had better go to sleep now.ไปนอนก่อนดีกว่า
47. BE BUSY DOING SOMETHING (ไม่ว่างจะทำอะไร)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I was busy finishing my reports. ฉันยุ่งกับการทำรายงานให้เสร็จ
– My family was busy cooking dinner at 7pm. ครอบครัวของฉันยุ่งอยู่กับการทำอาหารเย็นตอน 19.00 น
48. WOULD RATHER SOMEBODY DID SOMETHING (อยากให้ใครทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I would rather him went to school. ฉันอยากให้เขาไปโรงเรียน
– Henry would rather his brother went swimming. เฮนรี่อยากให้พี่ชายของเขาไปว่ายน้ำ
โครงสร้างภาษาอังกฤษที่สำคัญบางประการไม่ควรมองข้าม
49. SUGGEST SOMEBODY (SHOULD) DO SOMETHING (เเนะนำให้ใครทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– The teacher suggested his students should learn that lesson hard. ครูแนะนำนักเรียนของเขาควรเรียนรู้บทเรียนนั้นอย่างหนัก
50. TRY TO DO SOMETHING (ตั้งใจทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– He tried to learn all lessons before the test on Monday. เขาพยายามเรียนรู้บทเรียนทั้งหมดก่อนการทดสอบวันจันทร์
51. GET/HAVE SOMETHING DONE (สำเร็จเรื่องอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I have my Mom’s car washed.ฉันล้างรถของแม่แล้ว
แล้วคุณเป็นอย่างไรบาง…
52. It + takes/took + someone + amount of time + to do something (ทำอะไร…เสียเวลาเท่าไหร่…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– It takes me 5 minutes to get to school. ฉันไปถึงโรงเรียนเสียเวลาห้านาที
– It took him 10 minutes to do this exercise yesterday.เขาใช้เวลา 10 นาทีในการทำแบบฝึกหัดนี้เมื่อวานนี้
53. want/ plan/ agree/ wish/ attempt/ decide/ demand/ expect/ mean/ offer/ prepare/ happen/ hesitate/ hope/ afford/ intend/ manage/ try/ learn/ pretend/ promise/ seem/ refuse + TO + V-infinitive
ยกตัวอย่างเช่น
– I decide to study English. ฉันตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษ
54. LOOK FORWARD TO SOMETHING (รอคอยในอะไรสักอย่าง)
ยกตัวอย่างเช่น
– We are looking forward to go hiking next week.เรารอคอยที่จะไปปีนเขาในสัปดาห์หน้า
– I am looking forward to hear from you. ฉันกำลังรอคำตอบจากคุณ อันนี้ใช้บ่อยในการส่งเมล์นะคะ
55. PLAN TO DO SOMETHING (วางแผน / วางแผนที่จะทำบางสิ่ง)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– We plan to go camping next week. เราวางแผนจะไปตั้งแคมป์ในสัปดาห์หน้า
– He plans to check up tomorrow. เขาวางเเผนจะตรวจสอบสุขภาพวันพรุ่งนี้
56. to be interested in + N/V-ing: สนใจถึง….
ยกตัวอย่างเช่น
– Mrs Brown is interested in going shopping on Sundays. คุณบราวน์สนใจจะไปซื้อของในวันอาทิตย์
57. To be bored with : เบื่อที่ต้องทำอะไร
ยกตัวอย่างเช่น
– We are bored with doing the same things every day. เราเบื่อกับการทำอะไรเดิม ๆ ทุกวัน
แบ่งปันสิ่งดีๆแล้วคุณจะได้รับสิ่งดีๆตอบแทน
ถ้าคุณเห็นว่าบทความนี้มีผลประโยน์ต่อคุณอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณได้ทราบด้วยนะคะ เราจะได้แชร์กันความรู้ดีๆ ช่วยกันเรียนภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นทุกวัน การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันหยุดนิ่งอยู่แล้ว เราต้องพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มาตลอด เรียนเพื่อกลายเป็นคนดี คนเก่งเพื่อจะได้งานและอนาตคที่สดใสนะคะ
และอย่าลืมไม่ว่าเราจะทำอะไรยากขนาดไหน ถ้าเราตั้งใจที่จะทำ มุ่งมันกับสิ่งที่ทำ มีแผนการเรียนอย่างชัดเจนว่าคสรเรามเรียนจากอะไรก่อนอะไรเป็นสิ่งสำคัญไม่ควรพลาด รับรองว่าอีกไม่กี่เดือนคุณก็จะเห็นความก้าวกระโดดในการเรียนรู้ของตัวเองในการเรียนภาษาอังกฤษแน่นอน
ความคิดเห็น 635 รายการ
[NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย – NSRU BLOG | โครงสร้างประโยค – NATAVIGUIDES
Table of Content
- Tense คืออะไร
- โครงสร้าง tense ทั้ง 12 เป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร
- หลักการใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ใช้ต่างกันอย่างไร
- ตัวอย่างประโยคของเทนส์ทั้งหมด เพิ่มเติมเสริมความเข้าใจ
Tense คืออะไร
ความหมายของ Tense คือ รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา แสดงระบุเวลากำกับการกระทำในขณะที่พูด
นี่คือความหมายคร่าวๆนะครับ ถ้าย่นย่อกันจริงๆในการเรียนหลักภาษาแล้ว Tense คือ กาล (เวลา)
โครงสร้างของ 12 Tense และหลักการใช้
ว่ากันไปแล้ว Tense ใหญ่ๆแค่ 3 เท่านั้นเอง แต่แยกย่อยออกอีก 4 จึงรวมกันได้ 12 tense
- Present Tense (ปัจจุบันกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบัน
- Past Tense (อดีตกาล)กล่าวถึงเรื่องราวในอดีต
- Future Tense (อนาคตกาล)กล่าวถึงเรื่องราวในอนาคต
PRESENT TENSE
บอกเล่าเรื่องราวในปัจจุบัน
Present Simple Tense
โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)
หลักการใช้:
- บอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ …
ตัวอย่างประโยค:
- I eat rice everyday. ฉันกินข้าวทุกวัน
- A dog has four leg. สุนัขมีสี่ขา
- Bangkok is the capital city of Thailand. กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
- My class statrs at 9.00 ชั่วโมงเรียนของฉันเริ่มเวลา 9 นาฬิกา
Present Continuous Tense
Tense นี้อีกชื่อหนึ่งคือ Present Progressive Tense
โครงสร้าง: S. + is, am, are + Ving
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตแน่ๆ
ตัวอย่างประโยค:
- I am eating rice now. ฉันกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้
- A dog is walking. สุนัขกำลังเดิน
- I’m going to London next week. ฉันกำลังจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า
- We are visiting our granddad tomorrow. พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมปู่พรุ่งนี้
Present Perfect Tense
โครงสร้าง: S. + has, have + V3
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินเสร็จแล้ว
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่างประโยค:
- I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินเสร็จแล้ว)
- She has finished her homework. หล่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว
- I have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวมาแล้ว 20 นาที
- He has lived here since 2000. เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2000
Present Perfect Continuous Tense
โครงสร้าง: S. + has, have +been+ Ving
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบันคล้าย present perfect tense แต่เป็นการเน้นย้ำว่าทำอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างประโยค:
- I have been playing foootball since 8 o’clock. ฉันเล่นฟุตบอล (อย่างต่อเนื่อง) ตั้งแต่ 8 โมง
- She has been walking for 30 munites. หล่อนเดิน (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 30 นาที
- Toon has been running for 4 hours. ตูนวิ่ง (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 4 ชั่วโมง)
- He has been working here since 1999 . เขาทำงานที่นี่ (อย่างต่อเนื่อง)ตั้งแต่ปี 1999 (ไม่เคยย้ายไปไหน)
PAST TENSE
บอกเล่าเรื่องราวในอดีต
Past Simple Tense
โครงสร้าง: S. + V2
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง
ตัวอย่างประโยค:
- I went to school yesterday. ฉันไปโรงเรียนเมื่อวานนี้
- I ate bananas last week. ฉันกินกล้วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- My dad washed his car last Sunday. พ่อของผมล้างรถของเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
- She watched this movie last year. หล่อนดูหนังเรื่องนี้ปีที่แล้ว
- Sam visited his parents five years ago. แซมไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาเมื่อห้าปีที่แล้ว
Past Continuous Tense
โครงสร้าง: S. + was, were + Ving
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา
ตัวอย่างประโยค:
- I saw a big elephant while I was walking to school . ฉันเห็นช้างตัวหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน
- We were eating dinner when dad came home. พวกเรากำลังกินข้าวเย็นอยู่ ตอนที่พ่อมาถึงบ้าน
- The light went out when they were watching TV. ไฟดับตอนที่พวกเขากำลังดูทีวีอยู่
- She was taking a bath when I called her. หล่อนกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนที่ผมโทรหาหล่อน
- Sam was driving home when it started to rain. แซมกำลังขับรถกลับบ้าน ตอนที่ฝนเริ่มตก
Past Perfect Tense
โครงสร้าง: S. + had + V3
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอดีต ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์ตามมา
ตัวอย่างประโยค:
- I had eaten a pizza before I went to bed.ฉันได้กินพิซซ่า ก่อนที่ฉันเข้านอน (กินก่อน )
- John called me after I had left. จอห์นโทรหาฉัน หลังจากที่ฉันได้ออกจากบ้านแล้ว
- All people had gone home when we reached the cinema. คนได้กลับบ้านหมดแล้ว เมือเราไปถึงโรงหนัง
- They had had dinner before they did homework. พวกเขาได้เขากินข้าว ก่อนพวกเขาทำการบ้าน
- The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี
Past Perfect Tense
โครงสร้าง: S. + had + been + ฺฺ Ving
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เน้นการบอกเวลามากกว่าการกระทำ
ตัวอย่างประโยค:
- I had been waiting for the train for three hours before it arrived. ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึง
- We had been walking for one hour when we saw that bird.
พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวนั้น - They had been playing football for four hours when it started to rain.
พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)
FUTURE TENSE
บอกเล่าเรื่องราวในอนาคต
Future Simple Tense
โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ V1
หลักการใช้:
- บอกเล่า คาดการณ์เหตุการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ตัวอย่างประโยค:
- I will go to school tomorrow. ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (คิดว่าต้องไป เดี๋ยวหมดสิทธิ์สอบ)
- I will watch Chin Jang this evening. ฉันจะดูชินจังเย็นนี้ (เพื่อนบอกว่าสนุก จะลองดูหน่อย)
- You will eat papaya salad tonight. คุณจะกินส้มตำคืนนี้ (คุณเคยบอกไว้ ว่าจะกินคืนนี้)
- He will clean the car next week. เขาจะล้างรถสัปดาห์หน้า (เขาบอกมา ว่าจะล้าง)
- She will buy a bike next month. หล่อนจะซื้อจักรยานเดือนหน้า (หล่อนว่าเดินไปเรียนแล้วเหนี่อย)
Future Continuous Tense
โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ be + Ving
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต
ตัวอย่างประโยค:
- I will be reading books at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
- At nine o’clock tomorrow, we will be working on farm.พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
- At six oclock, we will be eating dinner with our granddad. เวลา 6 นาฬิกา พวกเราจะกำลังกินข้าวกับปู่ของพวกเรา
- She will be waiting when you arrive. หล่อนจะกำลังรอคอย เมื่อคุณมาถึง
Future Perfect Tense
โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + V3
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอนาคต
ตัวอย่างประโยค:
- I will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
- Tomorrow morning, we will have finished our project. พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
- She will have gone when you arrive. หล่อน(คง)จะไปแล้ว เมื่อคุณมาถึง
- I will have cleaned the floor when my mom gets home. ฉัน(คง)จะทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยแล้ว ตอนที่แม่มาถึง
Future Perfect Continuous Tense
โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + been + Ving
หลักการใช้:
- บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนิมมาได้ระยะเวลาหนึ่งในอนาคต ก่อนมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามา
ตัวอย่างประโยค
- I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow.
ฉันจะได้กำลังกินข้าวเช้าเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว ณ เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้ - At 10 o’clock tomorrow, we will have been working on farm for two hours.
เวลา 10 นาฬิกาพรุ่งนี้ พวกเราจะได้กำลังทำงานในฟาร์ม เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว - You will have been waiting for two hours when the plane arrives.
คุณจะได้กำลังรอ เป็นเวลาสองชั่วโมง เมื่อเครื่องบินมาถึ’
ที่มา : https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-12-tense-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD/
TEST คุณเรียงประโยคภาษาอังกฤษได้ไหม
ติดตามครูเชอรี่ https://www.facebook.com/cherry.englishbright/
background music :
Guiton Sketch by Kevin MacLeod is licensed under a Creative Commons Attribution licence (https://creativecommons.org/licenses/by/4.0/)
Source: http://incompetech.com/music/royaltyfree/index.html?isrc=USUAN1100473
Artist: http://incompetech.com/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
โครงสร้างประโยค Sentence Structure By Kru Somsri
โครงสร้างประโยค Sentence Structure By Kru Somsri
พร้อมแล้ว Download มานั่งเรียนไปพร้อมกันเลยจร้า : https://goo.gl/3uJQJR
ครูสมศรีจะไม่ทำให้หนูผิดหวังsave!
\”สั้น กระชับ หมัดตรง\”
…สังคมดี เราดี ดีด้วยกัน…
ติดตามข่าวสารได้ที่ :: https://www.facebook.com/krusomsri
โครงสร้างประโยค
แต่งประโยคไม่เป็น ไม่รู้จะเริ่มยังไง วิธีแต่งประโยคเบื้องต้น | Tina Academy Ep.191
♡ดูตัวอย่างหนังสือของติน่า https://www.tinaacademy.com/books
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @linetina (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x
Basic Sentence Structures (โครงสร้างประโยคพื้นฐาน)
ในคลิปนี้ ครูเคนนำเสนอเรื่องโครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษที่เป็นกรอบในการสร้างประโยคภาษาอังกฤษ
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ โครงสร้างประโยค