Skip to content
Home » [NEW] 50++ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษรู้แล้วรอดเเน่ | โครงสร้างประโยค – NATAVIGUIDES

[NEW] 50++ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษรู้แล้วรอดเเน่ | โครงสร้างประโยค – NATAVIGUIDES

โครงสร้างประโยค: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ปัญหาของผู้เรียนหลายคนคือเห็นว่าการเรียนไวยากรณ์เป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีเยอะเเละจดจำยาก เเต่ถ้าเรามีเเนวทางการเรียนที่ถูกต้อง เรียนรู้ตามโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษที่มักจะใช้บ่อย รู้เเล้วรับรองรอดเเน่นอน ทั้งหมดมีในบทความเดียว อย่าพลาดนะจ๊ะ

Table of Contents

เริ่มจากโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษที่ง่ายที่สุด

1. S +V
ยกตัวอย่างเช่น
– I stand here. ฉันยืนตรงนี้
– You sit there. คุณนั่งตรงนั้น
– He sleeps on the sofa. เขานอนบนโซฟา

2. S + V + O
ยกตัวอย่างเช่น
– He buys a car. เขาซื้อรถยนต์
– She likes cats. หล่อนชอบแมว
– They clean the room. พวกเขาทำความสะอาดห้อง

3. S + V + IO + DO
ยกตัวอย่างเช่น
– He buys me a coffee. หมายถึง เขาซื้อกาแฟให้ฉัน
– Mom gives me a present. แม่ให้ของขวัญแก่ฉัน
– Dad makes a dog a house. พ่อทำบ้านให้หมา

4. S + V + OC ( ประธาน + กริยา + ส่วนเติมเต็มประธาน )
ยกตัวอย่างเช่น
– He is a doctor. (เป็นใคร) เขาเป็นหมอ
– I am tall. (เป็นยังไง) ฉันตัวสูง
– She is a nice student. (เป็นใคร) หล่อนเป็นนักเรียนที่ดี

5. S + V + O + OC
ยกตัวอย่างเช่น
– They painted the car white. พวกเขาทาสีรถยนต์ให้เป็นสีขาว
– He made me happy. เขาทำให้ฉันมีความสุข
– We consider John silly พวกเราถือว่าจอห์นงี่เง่า

6. S + V+ too + adj/adv + (for someone) + to do something (มาก….เพื่อให้ใครทำอะไร…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– He ran too fast for me to follow.
– This exercise was too easy for me to do. แบบฝึกหัดนี้ง่ายเกินไปสำหรับฉันที่จะทำ

7. S + V + so + adj/ adv + that +S + V (มาก… ถึงขนาดที่…)
ยกตัวอย่างเช่น
– This box is so heavy that I cannot take it. กล่องนี้หนักมากจนฉันไม่สามารถเอามันไปได้
– He speaks so soft that we can’t hear anything.  เขาพูดเสียงเบาจนเราไม่ได้ยินอะไรเลย

8. It + V + such + (a/an) + N(s) + that + S +V (มาก… ถึงขนาดที่…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– It is such a heavy box that I cannot take it. มันเป็นกล่องที่หนักมากจนฉันไม่สามารถรับมันได้
– It is such interesting books that I cannot ignore them at all. เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากจนไม่สามารถมองผ่านได้เลย

9. To be/get Used to + V-ing: (คุ้นเคยกับอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– We are used to getting up early เราเคยชินกับการตื่นเช้า

10. Have/ get + something + done (Vpp.) (ฝากหรือจ้างใครทำอะไร…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I had my hair cut yesterday. ฉันตัดผมเมื่อวานนี้
– I’d like to have my shoes repaired. ฉันต้องการซ่อมรองเท้า

โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คิด

ด้านล่างนี้คือโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษทั่วไปอื่น ๆ

11. It + be + time + S + V / It’s +time +for someone +to do something (ถึงเวลาที่ใครต้องทำอะไรสักอย่าง…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– It is time you had a shower. ได้เวลาอาบน้ำแล้ว
– It’s time for me to ask all of you for this question. ถึงเวลาที่ฉันจะถามพวกคุณทุกคนคำถามนี้

12. It + takes/took + someone + amount of time + to do something (ทำอะไร… เสียเวลาเท่าไหร่…)
ยกตัวอย่างเช่น
– It takes me 5 minutes to get to school. ฉันใช้เวลา 5 นาทีในการไปโรงเรียน
– It took him 10 minutes to do this exercise yesterday.  เขาใช้เวลา 10 นาทีในการทำแบบฝึกหัดนี้เมื่อวานนี้

13. To prevent/stop + someone/something + From + V-ing (ป้องกันคน / อะไร … ไม่ทำอะไร .. )
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I can’t stop her from tearing ฉันไม่สามารถทำให้เธอหยุดร้องให้

14. S + find + it + adj to do something (พบว่า … เพื่อทำอะไร…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I find it very difficult to learn about Japanese ฉันพบว่ามันยากมากที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น
– They found it easy to overcome that problem. พวกเขาพบว่ามันง่ายที่จะเอาชนะปัญหานั้น

15. To prefer + Noun/ V-ing + to + N/ V-ing. (ชอบทำอะไรมากกว่า/ ทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I prefer dog to cat. ฉันชอบสุนัขมากกว่าแมว
– I prefer reading books to watching TV. ฉันชอบอ่านหนังสือเพื่อดูทีวี

16. Would rather + V(infinitive) + than + V (infinitive) (ชอบอะไรมากกว่า)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– She would rather play games than read books. เธอชอบเล่นเกมมากกว่าอ่านหนังสือ
– I’d rather learn English than learn Math. ฉันอยากเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าเรียนคณิตศาสตร์

17. To be/get Used to + V-ing (คุ้นเคยกับอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I am used to eating with chopsticks.

18. Used to + V (infinitive) (มักจะทำอะไรเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ไม่ทำอีกแล้ว)
ยกตัวอย่างเช่น
– I used to go fishing with my friend when I was young. ตอนเป็นเด็กๆ ฉันเคยไปตกปลากับเพื่อนของฉัน

19. by chance = by accident (adv): โดยบังเอิญ
ยกตัวอย่างเช่น
– I met her in Paris by chance last week.  ฉันพบเธอที่ปารีสโดยบังเอิญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

20. to be/get tired of + N/V-ing (เหนื่อยเพราะ…)
ยกตัวอย่างเช่น
– My mother was tired of doing too much housework everyday.  แม่เหนื่อยกับการทำงานบ้านมากเกินไปทุกวัน

โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

เมื่อใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษคุณต้องใส่ใจกับกาลของกริยาหลักด้วย

21. to be keen on/ to be fond of + N/V-ing (ชอบทำอะไรสักอย่าง…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I am fond of listening to music = I like listening to music. ฉันชอบฟังเพลง

22. to be interested in + N/V-ing (สนใจต่อ…)
ยกตัวอย่างเช่น
– We were interested in the movie we saw yesterday. เราสนใจภาพยนตร์ที่เราเห็นเมื่อวานนี้

23. to waste + time/ money + V-ing (เสียเงินและเวลาเกี่ยวกับ)
ยกตัวอย่างเช่น
– You have been wasted my time surfing the internet. คุณเสียเวลาไปกับการท่องอินเทอร์เน็ต

24. To spend + amount of time/ money + V-ing (ใช้เวลาเท่าไหร่เพื่อ…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– To spend + amount of time/ money + on + something (ใช้เวลาเพื่อทำอะไร…)
– I spend 2 hours reading books a day. ฉันใช้เวลาอ่านหนังสือ 2 ชั่วโมงต่อวัน

25.  feel like + V-ing (รู้สึกอยากทำอะไรบางอย่าง…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I feel like going for a picnic ฉันรู้สึกอยากไปปิกนิก

26. would like/ want/wish + to do something (ชอบทำอะไร…)
ยกตัวอย่างเช่น
– I would like to go to the cinema with you tonight. ฉันอยากไปดูหนังกับคุณคืนนี้

27. have + (something) to + Verb (มีบางอย่างที่ต้องทำ)
ยกตัวอย่างเช่น
– I have many things to do this week. ฉันมีหลายสิ่งที่ต้องทำในสัปดาห์นี้

28. It + be + something/ someone + that/ who
ยกตัวอย่างเช่น
– It is Tom who got the best marks in my class. Tom เป็นคนที่ได้คะแนนดีที่สุดในชั้นเรียนของฉัน

29. Had better + V(infinitive) (ควรทำอะไร….)
ยกตัวอย่างเช่น
– He had better go to hospital. เขาควรไปโรงพยาบาลดีกว่า

โครงสร้างประโยคบางส่วนเกี่ยวข้องกับวลีกริยา

30. hate/ enjoy/ like/ dislike/ finish/ avoid/ mind/ practise/ postpone/ deny/ consider/ delay/ keep/ suggest/ fancy/ risk/ imagine + V-ing
ยกตัวอย่างเช่น
– I always practise speaking English everyday. ฉันมักจะฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกวัน

31. To remember doing (จดจำว่าได้ทำอะไรบ้าง)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I remember reading this book ฉันจำได้ว่าอ่านหนังสือเล่มนี้
– I remember visiting this place ฉันจำได้ว่าเคยไปที่นี่

32.FAIL TO DO SOMETHING (ล้มเหลวในบางสิ่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– He failed to pass the police test. เขาสอบตำรวจไม่ผ่าน
– John failed to do exercises. Johnทำแบบฝึกหัดไม่สำเร็จ

33. SUCCEED IN DOING SOMETHING (ประสบความสำเร็จในบางสิ่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– She succeeded in finishing the race. เธอประสบความสำเร็จในการแข่งขัน
– Henry succeeded in the final exam. เฮนรี่ประสบความสำเร็จในการสอบปลายภาค

34. BORROW SOMETHING FROM SOMEBODY (ยืมสิ่งของของใคร)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I borrow those books from Mary. ฉันยืมหนังสือเหล่านั้นจากแมรี่
– Anna borrows that glass from her mother. แอนนายืมแก้วใบนั้นมาจากแม่

35. TRY DOING SOMETHING (ลองทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I try playing football.ผมลองเล่นฟุตบอล
– He tried playing piano. เขาลองเล่นเปียโน

36. NEED TO DO SOMETHING (ต้องทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I need to see him next morning. ฉันต้องเจอเขาในเช้าวันพรุ่งนี้
– We need to plan the trip first. เราจำเป็นต้องวางแผนการเดินทางก่อน

37. NEED DOING (ต้องการทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– His shirt needs washing. เสื้อของเขาต้องซัก
– Our kids needs cleaning. เด็กๆ ต้องการการอาบน้ำ

38. REMEMBER DOING SOMETHING (จำว่าต้องทำอะไร)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– We remembered turning the lights off before coming out.เราจำได้ว่าปิดไฟก่อนเดินทางไปข้างนออก
– You should remember to clean up before leaving.  คุณควรอย่าลืมทำความสะอาดก่อนออกเดินทาง

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามต้องใช้ความเพียรพยายาม

ทำงานหนักและคุณจะมีความสำเร็จที่ดี

39.To prefer + N/ V-ing + to + N/ V-ing ชอบอะไร ชอบทำอะไรมากกว่า
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I prefer cat to dog ฉันชอบแมวมากกว่าสุนัข
– She Prefer watching TV to reading books เธอชอบดูทีวีมากกว่าอ่านหนังสือ
– My Mom prefers having dinner at home to going out.  แม่ของฉันชอบทานอาหารเย็นที่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก

40. HAVE SOMEBODY DO SOMETHING
ยกตัวอย่างเช่น
– My boss asked me to have Jerry come to his office before 5pm. เจ้านายของฉันขอให้เจอร์รี่มาที่ออฟฟิศก่อน 17.00 น.
– I had Jon fix my bike. ฉันฝากให้จอนซ่อมจักรยานของฉัน

41. BE ABLE TO DO SOMETHING (ความสามารถในการทำบางสิ่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– May is able to draw a picture. May สามารถวาดรูปได้

42. BE GOOD AT SOMETHING (ทำอะไรเก่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– He is very good at music. เขาเก่งโดนตรีมาก/ เขาถนัดดนตรีมาก
– She is good at playing games. เธอเล่นเกมเก่ง

43. BE BAD AT SOMETHING  (ทำอะไรไม่เก่ง)
ยกตัวอย่างเช่น
– Harry is bad at singing. Harry ร้องเพลงไม่เก่งเลย

44. Make progress (มีความก้าวหน้า)
ยกตัวอย่างเช่น
– Harriet is making progress with all her schoolwork. แฮเรียตกำลังก้าวหน้ากับ=การเรียน=ของเธอ

45. APOLOGIZE FOR DOING SOMETHING (ขอโทษที่ทำอะไรบางอย่าง)
ยกตัวอย่างเช่น
– He apologized for being late. เขาขอโทษที่มาช้า
– I apologized for not call him back. ฉันขอโทษที่ไม่โทรกลับเขา

46. HAD BETTER DO SOMETHING (ควรทำอะไรดีกว่า)
ยกตัวอย่างเช่น
– You had better hang out with them. คุณออกไปเที่ยวกับพวกเขาดีกว่า
– I had better go to sleep now.ไปนอนก่อนดีกว่า

47. BE BUSY DOING SOMETHING (ไม่ว่างจะทำอะไร)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– I was busy finishing my reports. ฉันยุ่งกับการทำรายงานให้เสร็จ
– My family was busy cooking dinner at 7pm. ครอบครัวของฉันยุ่งอยู่กับการทำอาหารเย็นตอน 19.00 น

48. WOULD RATHER SOMEBODY DID SOMETHING (อยากให้ใครทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I would rather him went to school. ฉันอยากให้เขาไปโรงเรียน
– Henry would rather his brother went swimming. เฮนรี่อยากให้พี่ชายของเขาไปว่ายน้ำ

โครงสร้างภาษาอังกฤษที่สำคัญบางประการไม่ควรมองข้าม

49. SUGGEST SOMEBODY (SHOULD) DO SOMETHING (เเนะนำให้ใครทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– The teacher suggested his students should learn that lesson hard.  ครูแนะนำนักเรียนของเขาควรเรียนรู้บทเรียนนั้นอย่างหนัก

50. TRY TO DO SOMETHING (ตั้งใจทำอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– He tried to learn all lessons before the test on Monday. เขาพยายามเรียนรู้บทเรียนทั้งหมดก่อนการทดสอบวันจันทร์

51. GET/HAVE SOMETHING DONE (สำเร็จเรื่องอะไร)
ยกตัวอย่างเช่น
– I have my Mom’s car washed.ฉันล้างรถของแม่แล้ว
แล้วคุณเป็นอย่างไรบาง…

52. It + takes/took + someone + amount of time + to do something (ทำอะไร…เสียเวลาเท่าไหร่…)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– It takes me 5 minutes to get to school. ฉันไปถึงโรงเรียนเสียเวลาห้านาที
– It took him 10 minutes to do this exercise yesterday.เขาใช้เวลา 10 นาทีในการทำแบบฝึกหัดนี้เมื่อวานนี้

53. want/ plan/ agree/ wish/ attempt/ decide/ demand/ expect/ mean/ offer/ prepare/ happen/ hesitate/ hope/ afford/ intend/ manage/ try/ learn/ pretend/ promise/ seem/ refuse + TO + V-infinitive
ยกตัวอย่างเช่น
– I decide to study English.  ฉันตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษ

54. LOOK FORWARD TO SOMETHING (รอคอยในอะไรสักอย่าง)
ยกตัวอย่างเช่น
– We are looking forward to go hiking next week.เรารอคอยที่จะไปปีนเขาในสัปดาห์หน้า
– I am looking forward to hear from you. ฉันกำลังรอคำตอบจากคุณ อันนี้ใช้บ่อยในการส่งเมล์นะคะ

55. PLAN TO DO SOMETHING (วางแผน / วางแผนที่จะทำบางสิ่ง)
ตัวอย่างบางส่วนใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน:
– We plan to go camping next week. เราวางแผนจะไปตั้งแคมป์ในสัปดาห์หน้า
– He plans to check up tomorrow. เขาวางเเผนจะตรวจสอบสุขภาพวันพรุ่งนี้

56. to be interested in + N/V-ing: สนใจถึง….
ยกตัวอย่างเช่น
– Mrs Brown is interested in going shopping on Sundays. คุณบราวน์สนใจจะไปซื้อของในวันอาทิตย์

57. To be bored with : เบื่อที่ต้องทำอะไร
ยกตัวอย่างเช่น
– We are bored with doing the same things every day. เราเบื่อกับการทำอะไรเดิม ๆ ทุกวัน

แบ่งปันสิ่งดีๆแล้วคุณจะได้รับสิ่งดีๆตอบแทน

ถ้าคุณเห็นว่าบทความนี้มีผลประโยน์ต่อคุณอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณได้ทราบด้วยนะคะ เราจะได้แชร์กันความรู้ดีๆ ช่วยกันเรียนภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นทุกวัน การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันหยุดนิ่งอยู่แล้ว เราต้องพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มาตลอด เรียนเพื่อกลายเป็นคนดี คนเก่งเพื่อจะได้งานและอนาตคที่สดใสนะคะ

และอย่าลืมไม่ว่าเราจะทำอะไรยากขนาดไหน ถ้าเราตั้งใจที่จะทำ มุ่งมันกับสิ่งที่ทำ มีแผนการเรียนอย่างชัดเจนว่าคสรเรามเรียนจากอะไรก่อนอะไรเป็นสิ่งสำคัญไม่ควรพลาด รับรองว่าอีกไม่กี่เดือนคุณก็จะเห็นความก้าวกระโดดในการเรียนรู้ของตัวเองในการเรียนภาษาอังกฤษแน่นอน

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย – NSRU BLOG | โครงสร้างประโยค – NATAVIGUIDES

Table of Content

  • Tense คืออะไร
  • โครงสร้าง tense ทั้ง 12 เป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร
  • หลักการใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ใช้ต่างกันอย่างไร
  • ตัวอย่างประโยคของเทนส์ทั้งหมด เพิ่มเติมเสริมความเข้าใจ

Tense คืออะไร

ความหมายของ Tense คือ รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา แสดงระบุเวลากำกับการกระทำในขณะที่พูด

นี่คือความหมายคร่าวๆนะครับ ถ้าย่นย่อกันจริงๆในการเรียนหลักภาษาแล้ว Tense คือ กาล (เวลา)

tense 12

โครงสร้างของ 12 Tense และหลักการใช้

ว่ากันไปแล้ว Tense ใหญ่ๆแค่ 3 เท่านั้นเอง แต่แยกย่อยออกอีก 4 จึงรวมกันได้ 12 tense

  1.  Present Tense (ปัจจุบันกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบัน
  2.  Past Tense (อดีตกาล)กล่าวถึงเรื่องราวในอดีต
  3.  Future Tense (อนาคตกาล)กล่าวถึงเรื่องราวในอนาคต

PRESENT TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในปัจจุบัน

Present Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)

หลักการใช้:

  • บอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ …

ตัวอย่างประโยค:

  • eat rice everyday. ฉันกินข้าวทุกวัน
  • A dog has four leg. สุนัขมีสี่ขา
  • Bangkok is the capital city of Thailand.  กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
  • My class statrs at 9.00 ชั่วโมงเรียนของฉันเริ่มเวลา 9 นาฬิกา

present continuous tense

Present Continuous Tense

Tense นี้อีกชื่อหนึ่งคือ Present Progressive Tense

โครงสร้าง: S. + is, am, are + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตแน่ๆ

ตัวอย่างประโยค:

  • am eating rice now.  ฉันกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้
  • A dog is walking. สุนัขกำลังเดิน
  • I’m going to London next week. ฉันกำลังจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า
  • We are visiting our granddad tomorrow. พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมปู่พรุ่งนี้

present perfect tense

Present Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + has, have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินเสร็จแล้ว
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค:

  • have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินเสร็จแล้ว)
  • She has finished her homework. หล่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว
  • have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวมาแล้ว 20 นาที
  • He has lived here since 2000. เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2000

present-perfect-continuous--tense

Present Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + has, have +been+ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบันคล้าย present perfect tense แต่เป็นการเน้นย้ำว่าทำอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างประโยค:

  • I have been playing foootball since 8 o’clock. ฉันเล่นฟุตบอล (อย่างต่อเนื่อง) ตั้งแต่ 8 โมง
  • She has been walking for 30 munites. หล่อนเดิน (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 30 นาที
  • Toon has been running for 4 hours. ตูนวิ่ง (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 4 ชั่วโมง)
  • He has been working here since 1999 . เขาทำงานที่นี่ (อย่างต่อเนื่อง)ตั้งแต่ปี 1999 (ไม่เคยย้ายไปไหน)

PAST TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอดีต

Past Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V2

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง

ตัวอย่างประโยค:

  • went to school yesterday. ฉันไปโรงเรียนเมื่อวานนี้
  • ate bananas last week. ฉันกินกล้วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • My dad washed his car last Sunday. พ่อของผมล้างรถของเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
  • She watched this movie last year. หล่อนดูหนังเรื่องนี้ปีที่แล้ว
  • Sam visited his parents five years ago. แซมไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาเมื่อห้าปีที่แล้ว

Past Continuous Tense

Past Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + was, were + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I saw a big elephant while I was walking to school . ฉันเห็นช้างตัวหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน
  • We were eating dinner when dad came home. พวกเรากำลังกินข้าวเย็นอยู่ ตอนที่พ่อมาถึงบ้าน
  • The light went out when they were watching TV. ไฟดับตอนที่พวกเขากำลังดูทีวีอยู่
  • She was taking a bath when I called her. หล่อนกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนที่ผมโทรหาหล่อน
  • Sam was driving home when it started to rain. แซมกำลังขับรถกลับบ้าน ตอนที่ฝนเริ่มตก

Past Perfect Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอดีต ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์ตามมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I had eaten a pizza before I went to bed.ฉันได้กินพิซซ่า ก่อนที่ฉันเข้านอน (กินก่อน )
  • John called me after I had left. จอห์นโทรหาฉัน หลังจากที่ฉันได้ออกจากบ้านแล้ว
  • All people had gone home when we reached the cinema. คนได้กลับบ้านหมดแล้ว เมือเราไปถึงโรงหนัง
  • They had had dinner before they did homework. พวกเขาได้เขากินข้าว ก่อนพวกเขาทำการบ้าน
  • The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี

Past Perfect Continuous Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + been + ฺฺ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เน้นการบอกเวลามากกว่าการกระทำ

ตัวอย่างประโยค:

  • had been waiting for the train for three hours  before it arrived. ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึง
  • We had been walking for one hour when we saw that bird.
    พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวนั้น
  • They had been playing football for four hours when it started to rain.
    พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)

FUTURE TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอนาคต

Future simple tense

Future Simple Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ V1

หลักการใช้:

  • บอกเล่า คาดการณ์เหตุการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • will go to school tomorrow. ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (คิดว่าต้องไป เดี๋ยวหมดสิทธิ์สอบ)
  • will watch Chin Jang this evening. ฉันจะดูชินจังเย็นนี้ (เพื่อนบอกว่าสนุก จะลองดูหน่อย)
  • You will eat papaya salad tonight. คุณจะกินส้มตำคืนนี้ (คุณเคยบอกไว้ ว่าจะกินคืนนี้)
  • He will clean the car next week. เขาจะล้างรถสัปดาห์หน้า (เขาบอกมา ว่าจะล้าง)
  • She will buy a bike next month. หล่อนจะซื้อจักรยานเดือนหน้า (หล่อนว่าเดินไปเรียนแล้วเหนี่อย)

future continuous tense

Future Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ be + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • will be reading books at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At nine o’clock tomorrow, we will be working on farm.พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
  • At six oclock, we will be eating dinner with our granddad. เวลา 6 นาฬิกา พวกเราจะกำลังกินข้าวกับปู่ของพวกเรา
  • She will be waiting when you arrive. หล่อนจะกำลังรอคอย เมื่อคุณมาถึง

Future Perfect Tense

Future Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • Tomorrow morning, we will have finished our project. พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
  • She will have gone when you arrive. หล่อน(คง)จะไปแล้ว เมื่อคุณมาถึง
  • will have cleaned the floor when my mom  gets home. ฉัน(คง)จะทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยแล้ว ตอนที่แม่มาถึง

Future Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + been + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนิมมาได้ระยะเวลาหนึ่งในอนาคต ก่อนมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามา

ตัวอย่างประโยค

  • will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow.
    ฉันจะได้กำลังกินข้าวเช้าเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว ณ เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At 10 o’clock tomorrow, we will have been working on farm for two hours.
    เวลา 10 นาฬิกาพรุ่งนี้ พวกเราจะได้กำลังทำงานในฟาร์ม เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
  • You will have been waiting for two  hours when the plane arrives.
    คุณจะได้กำลังรอ เป็นเวลาสองชั่วโมง เมื่อเครื่องบินมาถึ’

ที่มา : https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-12-tense-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD/


TEST คุณเรียงประโยคภาษาอังกฤษได้ไหม


ติดตามครูเชอรี่ https://www.facebook.com/cherry.englishbright/
background music :
Guiton Sketch by Kevin MacLeod is licensed under a Creative Commons Attribution licence (https://creativecommons.org/licenses/by/4.0/)
Source: http://incompetech.com/music/royaltyfree/index.html?isrc=USUAN1100473
Artist: http://incompetech.com/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

TEST คุณเรียงประโยคภาษาอังกฤษได้ไหม

โครงสร้างประโยค Sentence Structure By Kru Somsri


โครงสร้างประโยค Sentence Structure By Kru Somsri
พร้อมแล้ว Download มานั่งเรียนไปพร้อมกันเลยจร้า : https://goo.gl/3uJQJR
ครูสมศรีจะไม่ทำให้หนูผิดหวังsave!
\”สั้น กระชับ หมัดตรง\”
…สังคมดี เราดี ดีด้วยกัน…
ติดตามข่าวสารได้ที่ :: https://www.facebook.com/krusomsri

โครงสร้างประโยค Sentence Structure By Kru Somsri

โครงสร้างประโยค


โครงสร้างประโยค

แต่งประโยคไม่เป็น ไม่รู้จะเริ่มยังไง วิธีแต่งประโยคเบื้องต้น | Tina Academy Ep.191


♡ดูตัวอย่างหนังสือของติน่า https://www.tinaacademy.com/books
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @linetina (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x

แต่งประโยคไม่เป็น ไม่รู้จะเริ่มยังไง วิธีแต่งประโยคเบื้องต้น | Tina Academy Ep.191

Basic Sentence Structures (โครงสร้างประโยคพื้นฐาน)


ในคลิปนี้ ครูเคนนำเสนอเรื่องโครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษที่เป็นกรอบในการสร้างประโยคภาษาอังกฤษ

Basic Sentence Structures (โครงสร้างประโยคพื้นฐาน)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ โครงสร้างประโยค

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *