[NEW] 3 วิธีง่าย ๆ เริ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น ให้ประสบความสำเร็จ | วิธี เรียน ภาษา อังกฤษ ให้ เก่ง – NATAVIGUIDES

ถ้าพูดถึง การเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นแล้ว เพื่อน ๆ อาจจะรู้สึกว่า…

อยากเรียนภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนใช่มั้ยคะ?

อยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้จะเริ่มเรียนจากอะไรดี?

เบญเองก็เคยผ่านจุดที่ต้องบังคับตัวเองให้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษสักที ห้ามผลัดวันประกันพรุ่ง ห้ามขี้เกียจ ห้ามสร้างข้ออ้างให้ตัวเองว่าตัวเองเริ่มวันนี้ไม่ได้เพราะอะไร

แล้วเบญก็เชื่อค่ะว่า 3 วิธีง่าย ๆ วันนี้ ที่เบญนำมาฝากเพื่อน ๆ จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นได้อย่างง่าย ๆ เลยค่ะ

แต่เบญอยากให้เพื่อน ๆ ลองเปิดใจ และก็ลองทำตามที่เบญแนะนำดู และรอดูผลได้เลยค่ะ ว่าเพื่อน ๆ จะภูมิใจที่ตัวเองได้ก้าวผ่านความกลัว หรือว่าตัวเองได้เก่งภาษาอังกฤษขึ้นยังไงบ้าง

ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มก้าวแรกของเราด้วยกันเลยจ้า!!

ก้าวที่ 1 เลือกคอร์สที่ชอบ

ในโพสต์นี้ เบญจะไม่ได้พูดถึงการไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่โรงเรียน เหมือนที่หลาย ๆ คนรู้จักนะคะ แต่เบญจะเสนอทางเลือกอีกหนึ่งทาง ที่เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาแล้ว

ก็คือการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ นั่นเองค่ะ…

ที่เบญอยากให้เพื่อน ๆ ลองเปิดใจกับการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ก็เพราะว่า มันมีข้อดีหลาย ๆ ข้อเลยค่ะ

เช่น การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เพื่อน ๆ ไม่ต้องนั่งรถไปที่โรงเรียนเอง อันนี้คือประหยัดทั้งเงินค่ารถ ประหยัดทั้งเวลาที่ต้องไปรอรถติดเลยค่ะ

เบญเคยเห็นเพื่อน ๆ หลายคนที่ล้มเลิกความฝันที่อยากเก่งภาษาอังกฤษ เพียงเพราะโรงเรียนภาษาอังกฤษอยู่ไกล และไม่สะดวกเดินทางค่ะ น่าเสียดายมาก ๆ

และสิ่งที่นึงที่เบญชอบมาก ๆ เกี่ยวกับการเรียนภาษาออนไลน์ก็คือ…

เราสามารถเรียนที่ไหนก็ได้ และเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ที่บ้าน เรียนบนโทรศัพท์มือถือที่ร้านกาแฟ หรือที่ไหนก็ได้ที่เราอยากไป

จะช่วยทำให้เราสนุกไปกับการเรียนนอกสถานที่ จัดตารางเอง และไม่ต้องนั่งเครียดเรียนในห้องเรียนอีกด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ต้องเริ่มด้วยการเลือกคอร์สภาษาอังกฤษที่ตัวเองอยากเรียนก่อนค่ะ

ถ้าเกิดว่ายังไม่มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ในหัวใจ เบญช่วยเพื่อน ๆ ได้ค่าา

เบญจะแนะนำคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นค่ะ ซึ่งเบญชอบคอร์สนี้มาก ๆ และก็แนะนำคอร์สนี้ให้กับเพื่อน ๆ หลายคน ที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษเลย และอยากจะเริ่มเรียนค่ะ

เรามาเริ่มก้าวแรกพร้อมกันเลยดีกว่าค่า~

เหตุผลที่เบญอยากแนะนำคอร์สเรียนนี้ให้เพื่อน ๆ ก็เพราะว่า EnglishClass101 เป็นหนึ่งในคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด ที่เบญเคยเขียนแนะนำไว้ให้ค่ะ

เป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่เพื่อน ๆ สามารถเรียนที่ไหน และเมื่อไหร่ก็ได้

และเป็นคอร์สเรียนที่เน้นไปที่การสนทนาภาษาอังกฤษหัวข้อต่าง ๆ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ และมีบทเรียน กับแบบฝึกหัดที่เพื่อน ๆ ดาวน์โหลดเองได้ด้วยค่า

ถ้าเพื่อน ๆ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สนี้ ไปอ่านรีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ EnglishClass101 ที่เบญเขียนไว้ ได้เลยนะคะ

② ลงทะเบียนเรียนฟรี ตามขั้นตอนในรูปเลยจ้า

อีกหนึ่งเหตุผลที่เบญแนะนำให้เพื่อน ๆ ลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเบื้องต้น EnglishClass101 ก็เพราะว่า เค้ามีระดับภาษาอังกฤษให้เลือกหลากหลายค่ะ

เริ่มตั้งแต่ Absolute Beginner ซึ่งก็คือภาษาอังกฤษระดับพื้นฐาน แบบพื้นฐานมาก ๆ ค่ะ เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งแรก

หรืออาจจะเคยเรียนเมื่อนานมาแล้วแต่จำไม่ได้แล้ว คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ดีที่จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นจ้า

อย่ารอช้าอยู่เลย ไปลงทะเบียนฟรีกันก่อนเลยดีกว่าค่ะ!!

③ ตั้งเป้าหมายชัดเจน และจัดตารางเรียน

หลังจากที่ได้ลงทะเบียนเรียนไปแล้ว เพื่อน ๆ ก็ควรจะตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง เช่น ฉันจะเรียน วันละ 1 บทเรียน หรือฉันจะเรียน อาทิตย์ละ 3 บทเรียน และก็จัดตารางวันให้ตัวเอง

เพื่อน ๆ สามารถเลือกวันและเวลาที่เพื่อน ๆ ว่างสำหรับการเริ่มเรียนภาษาอังกฤษได้ แต่เบญแนะนำให้เราเลือก 1-2 วัน / อาทิตย์ ในการเริ่มเรียนเบื้องต้นค่ะ จะได้ไม่หนัก หรือมากเกินไป

เช่น เรียนบทเรียนที่ 1 วันจันทร์ เวลา 17:00-18:00 น. และ บทเรียนที่ 2 วันพุธ เวลา 18:00-19:00 น.

แต่ถ้าเกิดว่าเป็นน้อง ๆ ที่เรียนอยู่ หรือเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้ทำงาน ก็สามารถจัดตารรางเรียนถี่กว่านี้ได้ค่ะ โดยอาจจะเป็น 5 วัน / อาทิตย์

เช่น เรียนวันละ 2 บทเรียน ช่วงเย็น และเรียนทุกวัน จันทร์ – ศุกร์

ความท้าทายจะอยู่ที่ว่า เราจะขยันพอที่จะทำตามตารางได้มั้ย แต่เราควรลองดู ลองทำตามตารางที่เราจัดไว้ค่ะ และอาทิตย์ที่สองอาจจะลองเปลี่ยนนิดหน่อย

④ เลือกบทเรียนที่อยากเรียน และเริ่มเรียน

จริง ๆ บทเรียนของคอร์สภาษาอังกฤษ EnglishClass101 มีเยอะมากมายจนตาลายเลยค่ะ

แต่ถ้าพื่อน ๆ เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เบญออกอยากจะแนะนำให้ เลือกเรียนบทเรียนที่เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน และประโยคภาษาอังกฤษทั่วไป

เป็นการปรับหูเราให้ชินกับประโยคทั่วไปที่จะเจอในชีวิตประจำวันก่อน

แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหน อยากเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยเหตุผลอื่น เช่น ธุรกิจ หรืออะไรที่เฉพาะเจาะจงกว่านี้ คอร์สนี้เค้าก็มีนะคะ

เบญเจอบทเรียนนึงที่อยากจะแนะนำค่ะ ชื่อ Mastering Level 1 เป็นบทเรียนที่พื้นฐานในภาษาอังกฤษทั้งหมดเลยค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำตัวภาษาอังกฤษ การถามชื่อภาษาอังกฤษ และบทสนทนาภาษาอังกฤษอื่น ๆ ที่เราจะได้เจอในชีวิตจริงอย่างแน่นอน

และก็เป็นพื้นฐานคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ดีสำหรับเพื่อน ๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นอีกด้วยค่ะ

ถ้าเกิดเพื่อน ๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มเรียนจากบทไหน ก็สามารถเรียนบทที่เบญแนะนำได้เลยค่ะ

เรากำลังจะจบก้าวแรกด้วยกันแล้วค่ะ! แต่ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่ได้เริ่มก้าวแรกไปกับเบญเลย ก็ยังทำได้ตอนนี้นะคะ

ไม่ว่าจะลองคอร์สที่เบญแนะนำ ก็ลงทะเบียนฟรีกับ EnglishClass101 ได้ตอนนี้เลยจ้า!!

หรือว่ายังรู้สึกว่าอยากไปดูคอร์สเรียนภาษาอังกฤษอื่น ๆ ที่เบญรวบรวมไว้ให้ ก็กดปุ่มข้างล่างนี้ได้เลย…

ก้าวที่ 2 ขยันฝึกฝน = เก่งภาษาไวคูณสอง

เราต้องจำไว้เสมอค่ะ ว่าไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ แม้กระทั่งเวลาทำอาหาร เราเริ่มทำแรก ๆ เราก็อาจจะทำไม่อร่อย รสชาติขาด ๆ เกิน ๆ

แต่สิ่งที่จะทำให้คนทำอาหารธรรมดา กลายเป็นเชฟมืออาชีพ ก็คือการฝึกฝนอยู่เสมอค่ะ

การเรียนภาษาก็เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากเก่งภาษาไว ๆ กุญแจสำคัญก็คือ การขยันฝึกฝน และไม่ยอมแพ้ค่ะ

แต่เพื่อน ๆ ก็คงยังสงสัยว่า และการขยันเนี่ย ต้องเป็นแบบไหนล่ะ? หมายถึงนั่งท่องคำศัพท์ทั้งวันเลยหรือเปล่า

จริง ๆ แล้วก็ไม่เชิงนะคะ 555 แต่เบญมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นในการขยันฝึกฝน เก่งภาษาไว แบบมีประสิทธิภาพมาฝากกันด้วยค่ะ

เพราะเบญรู้ว่าเวลาของเราแต่ละคนก็จำกัดมากในแต่ละวัน บางคนก็ต้องทำงานประจำ บางคนทำงานพิเศษ บางคนต้องไปเรียน เลี้ยงลูก ดูแลครอบครัว บลา ๆ ๆ

แต่สิ่งที่เพื่อน ๆ ทำได้ก็คือ การแวงแผนเวลาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในหนึ่งวันค่ะ เช่น เรารู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไรบ้างในหนึ่งวัน

และก็แบ่งเวลาแค่วันละ 5-10 นาที อาจจะเป็น 3-5 วัน/อาทิตย์ ที่จะนั่งทบทวนบทเรียนที่เรียนไปค่ะ

เพราะการฝึกฝนที่ได้ผลที่แท้จริงแล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าฝึกนานเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ฝึกบ่อยแค่ไหนมากกว่าค่ะ

และสิ่งที่เบญอยากจะแนะนำ สำหรับเพื่อน ๆ ที่เรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นนะคะ สิ่งที่เราควรฝึกบ่อย ๆ ก็คือ..

① ทบทวนบทเรียน

จากบทเรียนที่เราได้เรียนกับ EnglishClass101 และก็ตารางที่เพื่อน ๆ ได้จัดไว้นะคะ

เพื่อน ๆ อาจจะแบ่งวันที่ตัวเองไม่ได้เรียนกับบทเรียน มานั่งทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนไปแล้ว โดยการปริ้นบทสนทนาที่เค้ามีให้ ลองฝึกพูด และฟังอีกรอบค่ะ

การทวบรวมสิ่งที่เราได้เรียนไปแล้วบ่อย ๆ ก่อนที่จะเริ่มบทเรียนใหม่ จะช่วยให้เราเข้าใจบทเรียนที่เรียนไปแล้วมากขึ้น และไม่ลืมมันเมื่อเราได้เรียนเรื่องใหม่ค่ะ

② ฝึกอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ

เพื่อน ๆ สามารถปริ้นการ์ดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เขียนคำแปลภาษาไทยไว้ ตัดออกเป็นแผ่นเล็ก ๆ

และอ่านทบทวนได้ค่ะ อาจจะเป็นวันละ 5 คำ และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็สามารถอ่านคำซ้ำ ๆ ได้นะคะ เพื่อที่เราจะไม่ลืม

โดยการ์ดคำศัพท์นั้น เพื่อน ๆ สามารถดาวน์โหลดได้จาก EnglishClass101 ด้วยค่ะ

โดยเข้าไปที่ Flashcards และเค้าก็จะมีคำศัพท์ให้เพื่อน ๆ ได้ดาวน์โหลดพร้อมรูปภาพประกอบ

เพื่อน ๆ ก็เอามาฝึกออกเสียง วันละ 5-10 คำ ถ้าไม่แน่ใจว่าอ่านยังไง ก็ฟังจากในคอร์สเรียนได้เลยค่ะ เค้าจะมีให้เราฟังด้วย ว่าออกเสียงตามเจ้าของภาษาเป็นยังไง

③ ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษ

อีกหนึ่งสิ่งที่เพื่อน ๆ ควรทำระหว่างอาทิตย์ หรือในช่วงที่ไม่มีตารางเรียนภาษาอังกฤษ ก็คือการฝึกแต่งประโยค

โดยที่เพื่อน ๆ สามารถเลือกประโยคภาษาอังกฤษง่าย ๆ ที่ควรรู้มา และก็ลองเปลี่ยนคำศัพท์บางคำในประโยคนั้น และแต่งเป็นประโยคใหม่ขึ้นมาค่ะ

เช่น Where is the bathroom? เราก็อาจจะลองเอามาแต่งประโยคของเราเอง เปลี่ยนเป็น Where is the bedroom? Where is the kitchen?

หรือเพื่อน ๆ สามารถเอาคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราปริ้นออกมาจากการ์ดนั้น มาลองแต่งประโยคได้เลยค่ะ

④ การฟังภาษาอังกฤษ

สิ่งหนึ่งเลยที่เราเลืมไม่ได้ในการเรียนภาษาให้ประสบสำเร็จก็คือ การฝึกฟังภาษาอังกฤษค่ะ เพราะว่าถ้าเพื่อน ๆ เรียนแค่อ่าน เขียน พูด ก็จะได้ผลลัพธ์ไม่ต่างอะไรกับการที่เราเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสมัยเด็ก ๆ

ก็คือแค่พูดได้ แต่สำเนียงไม่เหมือนเจ้าของภาษา หรือเขียนได้อ่านออก แต่ฟังฝรั่งพูดไม่ออก

เพราะฉะนั้นห้ามลืมการฝึกฟังภาษาอังกฤษในระหว่างอาทิตย์ค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ อาจจะโหลดบทสนทนาจากบทเรียน EnglishClass101 โหลดเป็น audio แบบเสียง

และก็โหลดใส่มือถือไว้ฟังในตอนที่ทำความสะอาดบ้านอยู่ วาดรูปเล่น หรือออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้ค่ะ

เพื่อให้หูของเราได้ฝึกฟังสำเนียงภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน ไม่งั้นเวลาที่เราไปใช้ภาษาอังกฤษจริง ๆ เราอาจจะเหมือนคนที่ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษมาเลยก็ได้นะคะ เพราะว่าเราฟังเค้าไม่ออก เลยไม่สามารถที่จะตอบโต้ได้

และดู Neflix เป็นภาษาอังกฤษ และวีดีโอ Youtube เป็นภาษาอังกฤษก็สามารถช่วยได้เยอะเช่นเดียวกันค่ะ

ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถจัดตารางและฝึกทบทวนสิ่งเหล่านี้ระหว่างอาทิตย์ หรือสามารถทบทวนพวกนี้เวลาที่เพื่อน ๆ มีเวลาว่างได้เลยค่ะ

มันจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้ก้าวไปข้างหน้าเร็วขึ้น และมั่นคงในการเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น

ก้าวที่ 3 ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

หลังจากที่เพื่อน ๆ ได้ลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษกับ EnglishClass101 แล้ว เริ่มเรียนตามที่ตัวเองได้จัดตารางไว้แล้ว และได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมระหว่างอาทิตย์

สิ่งสุดท้ายที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คือ นำไปใช้ค่ะ

เพราะเบญสามารถบอกเพื่อน ๆ จากโลกอนาคตได้เลยว่า ต่อให้เพื่อน ๆ เรียนภาษาอังกฤษมาหนักแค่ไหน หรือว่ารู้จักคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากแค่ไหน ถ้าเกิดว่าไม่ได้ใช้ล่ะก็ มันก็จะหายไปกับดอกไม้ค่ะ

ถ้าถามว่าเพื่อน ๆ จะลืมทั้งหมดเลยหรอ ถ้าไม่ได้ใช้ ก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นนะคะ แต่มันจะทำให้เพื่อน ๆ คิดช้าลงในการหาคำภาษาอังกฤษที่ตัวเองอยากจะใช้

เพื่อน ๆ สามารถหาโอกาสในการใช้ภาษาอังกฤษได้เสมอเลยค่ะในชีวิตประจำวัน เช่น เปลี่ยนการตั้งค่าเมนู ต่าง ๆ บนโทรศัพท์ บนคอมพิวเตอร์ เป็นภาษาอังกฤษ

หาเพื่อนสักคนที่เค้าสนใจภาษาอังกฤษเหมือนเรา ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ หรือว่าคนในครอบครัวของเรา เราก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษด้วยได้ค่ะ

หรือถ้าไม่มีเลยจริง ๆ เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวผ่านวีดีโอคอลได้นะคะ

นั่นก็จะช่วยให้เราเก่งภาษาเร็วขึ้นได้อีก ถ้ามีคนฝึกพูดกับเรา ถ้าไม่มีจริง ๆ เบญเป็นเพื่อนคุยให้ได้จ้าา 😀

แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ หรือว่ากลัวจะพูดผิดนะคะ เพราะนั่นคือเหตุผลที่เพื่อน ๆ เริ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น เพราะเรายังไม่เก่ง

แต่การฝึกฝนจะทำให้เราเก่งภาษาได้แน่นอนค่ะ ไม่ต้องรอวันที่เราเก่งที่สุดและถึงใช้ภาษาอังกฤษนะคะ เพราะว่ามันจะไม่มีวันนั้น นอกจากที่เพื่อน ๆ จะเริ่มใช้ภาษาอังกฤษจริง ๆ ค่ะ

เริ่มจากแค่เป็นคำศัพท์ก็ได้ และก็เป็นประโยคสั้น ๆ หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวได้เลยค่ะ

และถ้าเพื่อน ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ก็ใช้บทเรียนที่เราเรียนมานั่นแหละค่ะ ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษ การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ จากบทเรียนที่เบญแนะนำข้างบน

เริ่มจากตรงนั้นเลยค่ะ และเดี๋ยวเราก็จะเลิกเขิน และสามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะสื่อสารได้มากขึ้นเองค่ะ

ถ้าเพื่อน ๆ อ่านมาถึงตรงนี้และยังไม่ได้ลงทะเบียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ล่ะก็ รีบลงได้เลยค่าา~

เพราะนั่นแหละคือการเริ่มก้าวแรก ในการเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น

ขอเพียงแค่เรากล้าเริ่มในขั้นตอนแรก และก็ขยันที่จะทำตามขั้นตอนอื่น ๆ เบญเชื่อได้เลยว่า เพื่อน ๆ จะต้องเก่งภาษาได้ในเร็ว ๆ นี้ค่ะ

ถ้าเพื่อน ๆ อ่าน และได้ลองทำตามวิธีนี้ หรือว่ามีวิธีไหนอีกที่เพื่อน ๆ ลองทำแล้ว ช่วยให้เพื่อน ๆ ได้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นได้

สามารถแบ่งปันไว้ให้เบญและเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ อ่านกันได้ที่ใต้คอมเม้นข้างล่างนี้เลยนะคะ

เราจะมาเก่งภาษาอังกฤษไปด้วยกันจ้า!

“ภาษาอังกฤษ”

เรียกว่าเป็นภาษาที่ 2 ที่เราแทบทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะเป็นทักษะวิชาการที่เราถูกบังคับให้เรียนในหลักสูตรมาตั้งแต่อนุบาล จนถึงระดับมหาวิทยาลัยก็ยังต้องเรียนกันไม่เคยหยุด แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี กี่คอร์สเรียน ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของหลายๆ คน ก็ยังไม่ดีขึ้นตามซักที (เราก็ด้วย เห้อ พูดละท้อ)

แต่ยังก่อน ยังเร็วเกินไปที่จะมานั่งท้อใจ ไหนๆ ภาษาอังกฤษ ก็เป็นทักษะสำคัญกับชีวิตการเรียน การทำงาน และอนาคตของเราขนาดนี้ แล้ว บทความนี้เราจึงเสาะหาข้อมูลและเทคนิคดีๆ มาช่วยน้องๆ และทุกคนที่ยังรักจะพัฒนาตัวเอง และนี่คือ

9 สุดยอดเคล็ดวิชาเรียนรู้ภาษาอังกฤษยังไงให้เก่งและเห็นผลทันตา

ที่เราคัดสรรมาให้คุณนำไปใช้ได้ง่ายๆ พร้อมแล้วตามมาเลย

ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตัวเอง

สิ่งสำคัญอย่างแรกที่น้องๆ ต้องทำคือ การตั้งเป้าหมาย เพราะมีผลการทดลองแล้วว่า คนที่มีเป้าหมายการพัฒนาชีวิตตัวเองอย่างชัดเจนและมีกำหนดระยะเวลา 97% จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจ

โดยเป้าหมายในการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษที่น้องตั้ง จะต้องมีรายละเอียดชัดเจน มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน รวมทั้งควรตั้งเป้าหมายไว้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ และเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาตัวเองต่อไป

สร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง

ถ้าน้องๆ ต้องการประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ นอกจากการวางเป้าหมายที่ชัดเจน อย่างเทคนิคที่ 1 ได้กล่าวไปแล้ว เรายังต้องติดตามเป้าหมายนั้นอย่างสม่ำเสมอด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญคือในการติดตามเป้าหมายให้ได้ต่อเนื่องก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวเราเอง ดังนั้น การสร้างแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ ก็สำคัญไม่แพ้กัน 

ซึ่งแรงบันดาลใจที่ว่านี้ น้องๆ อาจมีไม่เหมือนกัน เช่น เราอาจจะอยากเก่งเหมือนดาราคนโปรด อยากมีโอกาสไปท่องเที่ยว เรียนต่อ หรือใช้ชีวิตต่างประเทศ การพูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่ว การอ่านหนังสือต้นฉบับหรือดูหนัง Soundtrack ได้เข้าถึงแก่นมากกว่าเดิม เป็นต้น และหากน้องๆ ค้นพบแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเก่งภาษาอังกฤษแล้ว เขียนตัวใหญ่ๆ แปะเอาไว้ข้างฝา ให้เห็นชัดทุกวัน และเราต้องเป็นอย่างนั้นให้ได้ รับรองว่าแรงใจมาเต็มแน่นอน

เปิดเพลงและสร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นภาษาอังกฤษ

เหมือนกับคนที่ไปอยู่ต่างประเทศก็จะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาก เพราะซึมซับและใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แม้เราอยู่เมืองไทย ก็สร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ใกล้เคียงกับเมืองนอกได้ด้วยเช่นกัน และน้องๆ อาจสังเกตว่าเพื่อนหลายที่เก่งภาษาอังกฤษ เขามักชอบฟังหรือเปิดเพลงภาษาอังกฤษไปพร้อมกับการทำอย่างอื่นด้วย

การเรียนรู้ประโยคและคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีนี้ แน่นอนว่ามันได้ผล นั่นก็เพราะสมองคนเราสามารถเรียนรู้ได้แม้กระทั่งเวลาเราไม่ใส่ใจ และเมื่อใส่ใจ ย่อมเรียนรู้ได้มากกว่านั่นแหละ นอกจากเปิดเพลงภาษาอังกฤษแล้ว ยังรวมไปถึง ใช้  Post-It Notes ติดไว้รอบห้อง โดยเริ่มจากการเขียนคำศัพท์ทั่วไปในแบบง่ายๆ แล้วค่อยใส่ วลี ประโยค และอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นตามลำดับ 

 

ดูภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ที่ชอบเป็นภาษาอังกฤษ

ถ้าหากน้องคนไหนพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้างแล้ว การดูหนังหรือซีรี่ส์เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง นอกจากจะได้ความบันเทิงแล้วก็ได้ฝึกทักษะภาษาไปในตัวด้วย เพราะการดูหนังจะช่วยให้เราได้เห็นการใช้ภาษาอังกฤษในบริบทจริง มีทั้งภาพและเสียงประกอบ ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมและทำให้สมองซึมซับภาษาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดก็ต้องดูหลายรอบหน่อย และรอบหลังๆ น้องก็จะสามารถดูหนังและเข้าใจบทสนทนาได้เองโดนไม่ต้องอ่านซับไตเติ้ลเลยหละ

อ่านหนังสือและนิตยสารที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างง่าย

น้องๆ อาจเบื่อที่จะอ่านหนังสือสอนภาษาอังกฤษหนาๆ ยากๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา ลองเริ่มเปลี่ยนความรู้ในการเรียนด้วยการอ่านหนังสือที่น่าสนใจและเราอยากอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิยาย นิทาน เรื่องสั้น นิตยสาร เกร็ดความรู้ ท่องเที่ยว แฟชั่น หรืออะไรก็ตามที่น้องๆ ชอบ นอกจากจะช่วยเปิดโลกทางความคิดและสร้างความรู้แล้วยังเป็นวิธีพัฒนาภาษาที่ได้ผลยอดเยี่ยม โดยเทคนิคสำคัญคือจะต้องเลือกหนังสือที่เหมาะสำหรับระดับทักษะของตัวเอง เช่น นักเรียนม.ต้น ก็ควรเป็นหนังสือที่มีภาพประกอบมากกว่าตัวหนังสือ เมื่อเราเก่งขึ้น ก็อ่านหนังสือที่ยากขึ้นตามลำดับ

ซึ่งแหล่งความรู้ที่เหมาะสมสำหรับน้องๆ มัธยมก็คือ นิตยสารภาษาอังกฤษ เช่น Nation Junior และ Student Weekly ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษที่ง่ายกว่านิตยสารสำหรับเจ้าของภาษา หรือ นิตยสารอย่าง Future ก็จะมีบทความที่มีทั้งสองภาษา อังกฤษและไทยให้อ่านเปรียบเทียบกัน รับรองว่า ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของน้องๆ จะคล่องขึ้นมากเลย

ฝึกพูดบทสนทนาที่มักใช้เป็นประจำ (Conversational Patterns) 

ในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อน้องๆ ไปซื้อของ ไปท่องเที่ยว ไปโรงเรียน กินข้าว ดูหนัง ทำรายงาน สอบถามเส้นทาง พูดคุยกับเพื่อน ลองพยายามคิดหรือจินตนาการว่าถ้าเราจะต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ จะพูดอย่างไร โดยเทคนิคการฝึกบทพูดสนทนาที่ใช้เป็นประจำคือ

ถ้าน้องๆ คิดไม่ออก ก็ลองหาหนังสือ Phrase book หรือ หนังสือรวมบทสนทนาสำหรับนักท่องเที่ยว และ CD รวมบทสนทนาภาษาอังกฤษต่างๆ เพื่อดูว่าบทสนทนาในสถานการณ์นั้นๆ เป็นอย่างไร เพราะในแต่ละสถานการณ์จะมีประโยคและคำศัพท์ที่ใช้โต้ตอบหลักๆ ไม่กี่รูปแบบเท่านั้น เมื่อเราฝึกคิดและใช้รูปแบบดังกล่าวได้อย่างคล่องแคล่ว เราก็จะพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์เหล่านั้นได้เองอัตโนมัติ 

ใช้สมุดจดหรือถ่ายภาพเพื่อบันทึกคำศัพท์ประจำวัน

เพียงแค่กดเปิด Social media ขึ้นมา หรือเดินออกไปหน้าบ้าน ก็จะเห็นว่ามีภาษาอังกฤษอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด น้องๆ ต้องหมั่นสังเกตและจดบันทึกสิ่งที่น่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์ไว้เพื่อเป็นไดอารี่และแหล่งเรียนรู้ส่วนตัว อย่างเช่น

เสื้อยืดที่วลีหรือประโยคมีภาษาอังกฤษเท่ๆ แปะอยู่ เมื่อเจอคำศัพท์เหล่านี้ น้องๆ ก็จดบันทึกไว้ในสมุดโน้ตหรือใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้ แล้วกลับมาหาความหมาย ซึ่งการเรียนรู้ผ่านสิ่งแวดล้อมประกอบแบบนี้ นอกจากจะน่าสนใจแล้วยังช่วยให้เราจดจำคำศัพท์ได้แม่นยำกว่า แต่ที่สำคัญต้องอย่าลืมหยิบมาหมั่นทบทวนกันบ่อยๆ ด้วยนะ

ขอให้พูดซ้ำหรืออธิบายอีกครั้งให้ชัดเจน

เมื่อน้องๆ ต้องสนทนากับชาวต่างชาติแล้วเราฟังประโยคที่เขาพูดไม่เข้าใจ สาเหตุอาจเกิดจากเขาพูดเร็วเกินไป ใช้คำศัพท์ที่เราไม่รู้จัก หรือเพราะสำเนียงที่เราไม่คุ้นหู ซึ่งการขอให้เขาพูดช้าลงไม่ใช่เรื่องยากและน่าอายเลย น้องๆ ไม่ต้องกลัวไปว่าเขาจะรำคาญหรือตำหนิเรา เพียงใช้วลีหรือประโยคต่อไปนี้ถามไปอย่างสุภาพ เช่น

Slowly, please = ช้าหน่อยได้ไหม 
Could you please speak slowly? = กรุณาพูดช้าๆได้ไหม
Again, please = อีกครั้งได้ไหม
Pardon me = ขอโทษนะคะ/ครับ (มีความหมายแฝงว่า เราต้องการให้เขาพูดซ้ำ)

จำไว้เลยว่า ชาวต่างชาติเขาเข้าใจ ถ้าเราจะถามซ้ำหรือฟังประโยคที่เขาพูดไม่ถนัดเพราะการสนทนาภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ได้เป็นภาษาที่เราใช้เป็นหลัก เพียงแต่น้องต้องแสดงความใส่ใจที่จะพูดคุยจริงๆ แค่นี้ก็เป็นการต่อบทสนทนาได้อย่างน่าประทับใจแล้วล่ะ

ติดตาม Social Media 

หรือ Website ที่น่าสนใจ แล้วเข้าไปมีส่วนร่วม

ปัจจุบันนี้คือยุคแห่งการเชื่อมโยงกันทั่วโลกผ่าน “อินเทอร์เน็ต” โดยสื่อ Social Media หรือ Website ที่น้องๆ รู้จักดีอย่าง Youtube, Facebook, IG, Twitter หรือ Blog  ล้วนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในการนำเสนอเนื้อหาต่างๆ ซึ่งสื่อเหล่านี้ได้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาที่สำคัญและเข้าถึงง่ายในชีวิตของน้องๆ โดยเราสามารถเขียนโต้ตอบกับคนทั่วโลกได้โดยใช้ภาษาอังกฤษ ที่อาจมีเนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์เป็นจุดดึงความสนใจร่วมกันอย่างเช่น Facebook หรือ Youtube ก็แสนจะสะดวกว่ามั้ยล่ะ