Skip to content
Home » [NEW] 20 สำนวนอังกฤษน่าใช้ พูดได้เหมือนเจ้าของภาษา | ทํา งาน เหนื่อย ไหม ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] 20 สำนวนอังกฤษน่าใช้ พูดได้เหมือนเจ้าของภาษา | ทํา งาน เหนื่อย ไหม ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ทํา งาน เหนื่อย ไหม ภาษา อังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

แชร์บทความนี้

เมื่อคุณได้ยินเพื่อนต่างชาติของคุณพูดว่า hitting books (ตีหนังสือ) อีกคนพูดถึง twisting someone’s arm (บิดแขนใครคนหนึ่ง) และ ดูเหมือนว่า someone’s been stabbed in the back (ใครบางคนถูกแทงจากข้างหลัง) นี่มันกำลังเกิดอะไรขี้นเนี่ย? คุณอาจจะเกาหัวและสงสัยว่าทำไมคุณไม่เข้าใจทั้งๆที่คุณสามารถแปลออกได้ทุกคำ เพราะจริงๆแล้วเพื่อนคุณกำลังใช้สำนวนภาษาอังกฤษกับคุณอยู่น่ะสิ

สำนวนภาษาอังกฤษนั้นเป็นกลุ่มคำที่มีความหมายไม่ชัดเจนหากคุณแปลมันคำต่อคำ การเรียนสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้คุณเข้าถึงสถาณการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในสนามเกมส์บาสเก็ตบอล ในวงเหล้า ในการเรียน หรือแม้แต่การออกเดทกับสาวสุดสวยหรือหนุ่มสุดหล่อ หลักสำคัญในการเข้าใจสำนวนภาษาอังกฤษคือการมองข้ามความหมายจากการแปลตรงตัว ถ้าคุณรู้ไต๋ของสำนวนภาษาอังกฤษแล้ว สำนวนเหล่านี้ก็จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป!

เราได้รวบรวม 20 สำนวนภาษาอังกฤษที่ชาวอเมริกันใช้บ่อยที่สุดมาให้คุณ เพื่อช่วยให้คุณคุ้นเคยกับสำนวนภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับนักเรียน ESL หรือใครก็ตามที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เราลองมาดูกันเถอะ!

Table of Contents

(to) hit the books — เรียน, อ่านหนังสือ

hit the books แปลตรงตัวว่า ตี ต่อย หรือตบหนังสือที่คุณอ่าน แต่จริงๆแล้ววลีนี้เป็นสำนวนที่ใช้กันโดยทั่วไปในกลุ่มนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่ต้องเรียนหนังสืออย่างหนัก หลักๆแล้วสำนวนนี้ให้ความหมายว่า เรียนหนังสือหรืออ่านหนังสือ และมันยังเป็นวิธีบอกเพื่อนของคุณว่าคุณกำลังจะไปเรียน ซึ่งอาจจะเป็นการเรียนเพื่อการสอบปลายภาค กลางภาค หรือแม้แต่การสอบภาษาอังกฤษ

Sorry but I can’t watch the game with you tonight, I have to hit the books. I have a huge exam next week!
ขอโทษด้วยนะ แต่คืนนี้ฉันคงไปดูการแข่งกีฬากับเธอไม่ได้ ฉันต้องอ่านหนังสือ เพราะฉันมีสอบใหญ่ในสัปดาห์หน้า

(to) hit the sack — เข้านอน

คล้ายกับสำนวนก่อนหน้านี้ ความหมายโดยตรงแปลว่า ตีหรือตบกระสอบ แต่จริงๆแล้ว to hit the sack นั้นคือการเข้านอน ซึ่งคุณสามารถใช้สำนวนนี้เพื่อบอกเพื่อนหรือครอบครัวของคุณว่าคุณเหนื่อยมากๆ คุณจะไปเข้านอนแล้ว นอกจากนี้ แทนที่จะพูดว่า hit the sack คุณยังสามารถพูดว่า hit the hay ได้เหมือนกัน

It’s time for me to hit the sack, I’m so tired.
ฉันได้เวลาเข้านอนแล้ว ฉันเหนื่อยมาก

(to) twist someone’s arm — โน้วน้าวใจ

To twist someone’s arm แปลตรงๆได้ว่า การจับแขนใครสักคนแล้วหมุนบิด ซึ่งฟังดูเจ็บถ้าคุณแปลแบบนี้ การบอกว่า my arm has been twisted ก็แปลว่าใครบางคนพูดโน้วน้าวใจคุณให้ทำอะไรบางอย่างที่คุณไม่ได้ปรารถนาที่จะทำ และการบอกว่าคุณสามารถ twist someone else’s arm ได้ ก็หมายความว่า คุณโน้วน้าวใจคนอื่นเก่ง และพวกเขายอมที่จะทำตามที่คุณบอก

Jake, you should really come to the party tonight!
แจ็ค คุณควรมางานปาร์ตี้คืนนี้จริงๆ นะ

You know I can’t, I have to hit the books (study).
คุณก็รู้ว่าฉันไปไม่ได้ ฉันต้องอ่านหนังสือนะ

C’mon, you have to come! It’s going to be so much fun and there are going to be lots of girls there. Please come?
เอาน่า คุณต้องมานะ! งานนี้สนุกมากและยังมีสาวๆมาอีกเพียบ ได้โปรดมาเถอะนะ?

Pretty girls? Oh, all right, you’ve twisted my arm, I’ll come!
สาวๆสวยๆใช่ไหม? อ้า งั้นก็ได้นะ นายนี่โน้วน้าวใจฉันเก่งจริงๆ ฉันจะไป!

(to be) up in the air — ไม่แน่ไม่นอน

เมื่อได้ยิน something’s floating หรือ flying in the sky เรามักมีความคิดว่ามีอะไรบางอย่างลอยหรือบินอยู่บนท้องฟ้า อาจจะเป็นเครื่องบินหรือลูกโป่ง แต่ถ้าใครบอกคุณว่า things are up in the air มันหมายความว่าสิ่งนั้นไม่แน่นอนหรือไว้วางใจไม่ได้ ยังไม่มีการวางแผนที่แน่นอน

Jen, have you set a date for the wedding yet?
เจน คุณได้เลือกวันแต่งงานแล้วหรือยัง?

Not exactly, things are still up in the air and we’re not sure if our families can make it on the day we wanted. Hopefully, we’ll know soon and we’ll let you know as soon as possible.
ยังเลยนะ หลายอย่างๆยังไม่แน่นอนและเรายังไม่แน่ใจว่าครอบครัวของเราว่างในวันที่เราต้องการหรือเปล่า หวังว่าเราจะตกลงกันได้เร็วๆนี้และเราจะบอกให้คุณทราบให้เร็วที่สุด

(to) stab someone in the back — หักหลัง ทรยศ

ถ้าเราฟังจากคำแปลโดยตรงของสำนวนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเราอาจจะมีปัญหากับตำรวจได้ถ้าเรานำมีดจริงๆหรือของมีคมไปแทงหลังของใครเข้า อย่างไรก็ตาม เมื่อมาเป็นสำนวนแล้ว to stab someone in the back แปลว่า ทำร้ายจิตใจ หรือทำให้คนที่สนิทและรักเราเสียใจโดยการหักหลังพวกเขาอย่างเงียบๆ และทำลายความเชื่อใจที่พวกเขามีให้ เราเรียกคนเหล่านี้ว่า a backstabber

Did you hear that Sarah stabbed Kate in the back last week?
คุณได้ยินเรื่องที่ซาร่าหักหลังเคทเมื่ออาทิตย์ก่อนไหม?

No! I thought they were best friends, what did she do?
ไม่นะ! ฉันคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกันเสียอีก ซาร่าทำอะไรเคทหรอ?

She told their boss that Kate wasn’t interested in a promotion at work and Sarah got it instead.
เธอบอกกับเจ้านายของพวกเธอว่าเคทไม่สนใจเรื่องการขึ้นตำแหน่งที่ทำงาน แล้วซาร่าเลยได้ขึ้นตำแหน่งแทนเลยน่ะสิ

Wow, that’s the ultimate betrayal! No wonder they’re not friends anymore.
โอ้โห นั่นถือเป็นเป็นการทรยศกันเลยนะ! มิน่าล่ะ พวกเขาเลยไม่ใช่เพื่อนกันแล้วตอนนี้

(to) lose your touch — หมดฝีมือ

ตามความหมายตรงตัวแล้วจะแปลว่า สูญเสียความรู้สึกสัมผัสที่นิ้วหรือมือขอคุณ แต่ to lose your touch จริงๆแล้วแปลว่าคุณสูญเสียความสามารถหรือพรสวรรค์ที่คุณเคยมี ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับส่ิ่งต่างๆ คนหรือสถาณการณ์ เราจะใช้สำนวนนี้สำหรับคนที่มีความสามารถอะไรสักอย่าง แต่สามารถนั้นเริ่มแย่ลง ไม่เก่งเหมือนเดิม

I don’t understand why none of the girls here want to speak to me.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะพูดกับฉัน

It looks like you’ve lost your touch with the ladies.
ดูเหมือนว่าคุณจะหมดฝีมือเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงนะ

Oh no, they used to love me, what happened?
โอ้ ไม่นะ สาวๆเคยชอบฉันมาก แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?

(to) sit tight — อย่ารีบร้อน

To sit tight เป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่แปลก ตามความหมายแปลว่าคุณต้องนั่งลงแน่นๆ เกร็งตัวของคุณ ซึ่งถ้าคุณทำแบบนั้น ก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่สบายตัวน่าดู แล้วยังดูประหลาดอีกด้วย แต่ถ้าใครบอกคุณ to sit tight เขาแค่อยากให้คุณรอหรือใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อนก่อนที่จะได้รับข้อมูลครบถ้วน

Mrs. Carter, do you have any idea when the exam results are going to come out?
คุณคาร์เตอร์ครับ คุณรู้ไหมว่าผลสอบจะออกเมื่อไร?

Who knows Johnny, sometimes they come out quickly but it could take some time. You’re just going to have to sit tight and wait.
ใครจะรู้ล่ะ จอร์นนี่ บางครั้งผลสอบก็ออกเร็ว แต่ยังไงมันก็ใช้เวลาสักพัก เธอต้องใจเย็นๆแล้วรอไปก่อน

(to) pitch in — ช่วยเหลือกัน

สำนวนนี้จะเห็นได้ว่าไม่สามารถหาความหมายได้เมื่อแปล อย่างไรก็ตาม ให้คุณนึกภาพตามความหมายของมันเป็นการแสดงถึงการกระทำที่ให้บางสิ่งบางอย่างหรือการเข้าร่วมร่วมกัน เช่น ถ้าพ่อของคุณบอกกับครอบครัวว่า เขาอยาก pitch in สุดสัปดาห์นี้ และช่วยทำความสะอาดสวนหลังบ้าน มันหมายความว่า อยากให้ทุกคนมาช่วยกันทำความสะอาดสวนและทำให้มันเสร็จเร็วขึ้น

What are you going to buy Sally for her birthday?
คุณจะซื้ออะไรให้ซอลลี่ ในวันเกิดของเธอหรอ?

I don’t know. I don’t have much money.
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ค่อยมีเงิน

Maybe we can all pitch in and buy her something great.
ถ้างั้นเราลองมารวมเงินช่วยกันซื้อของขวัญดีๆสักอย่างให้เธอกันไหม

จากตัวอย่างสนทนาขัางบน แสดงให้เห็นว่า เพื่อนของซอลลี่ทุกๆคนควรร่วมลงเงินกันคนละเล็กละน้อยเพื่อที่พวกเขาจะซื้อของขวัญที่ใหญ่กว่าดีกว่าให้ซอลลี่ได้

(to) go cold turkey — เลิกหรือหยุดในทันที

ฟังดูแปลกๆใช่ไหม? ใช่แล้วล่ะ มันฟังดูแปลก เพราะใครจะไปเป็นไก่งวงเย็นได้ล่ะ? คนๆหนึ่งไม่สามารถกลายร่างเป็นไก่ที่ใครๆก็ชอบกินเพื่อเฉลิมฉลองในงานเทศกาลอย่าง คริสมาสต์ หรือ Thanksgiving ได้หรอก ที่มาของสำนวนนี้นั้นแปลกประหลาดมาก to go cold turkey แปลว่า เลิกหรือหยุด เสพติดหรือพฤติกรรมที่อันตราย เช่น การสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์ สำนวนนี้เริ่มมีการใช้เมื่อสมัยปลายศตวรรษที่ 20 และหมายถึง คนที่เลิกเสพติดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ยาหรือแอลกอฮอล์ เนื่องจากได้รับผลข้างเคียงที่ทำให้ดูเหมือน ไงงวงที่ยังดิบและเย็น อาการที่ทำให้ผิวซีดขาวและขนลุกตลอดเวลา

Shall I get your mom a glass of wine?
ฉันควรรินไวน์ให้แม่ของคุณสักแก้วหนึ่งไหม?

No, she’s stopped drinking.
ไม่นะ แม่ฉันเลิกดื่มไวน์แล้วล่ะ

Really, why?
จริงหรอ ทำไมล่ะ?

I don’t know. A few months ago, she just announced one day she’s quitting drinking.
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ อยู่ดีๆเธอก็บอกว่าเธอเลิกดื่มแล้ว

She just quit cold turkey?
เธอเลิกไปกระทันหันเลยหรอ

Yes, just like that!
ใช่ แบบนั้นเลย

(to) face the music — เผชิญหน้ากับความจริง

ฟังดูเหมือนสำนวนจะบอกให้คุณหันหน้าไปทางเครื่องเสียงแล้วยืนฟังเพลง ในความเป็นจริงแล้วเมื่อใดก็ตามที่เพื่อนหรือพ่อแม่ของคุณบอกคุณว่า to face the music นั้นมีความหมายโหดร้ายเสียยิ่งกว่าคำแปลเสียอีก มันหมายความว่า เผชิญหน้าความจริงหรือยอมรับความจริง ยอมรับกับผลลัพท์ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี (แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ดีนะ) คุณอาจจะหลบหนีอะไรบางอย่างที่ไม่มั่นใจหรือกลัวผลลัพท์ที่จะเกิด คุณอาจจะหลอกคุณครูของคุณและเขาค้นพบความจริง ตอนนี้คุณต้อง face the music และยอมรับการลงโทษได้แล้วล่ะ

I can’t understand why I failed math.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันสอบคณิตศาสตร์ไม่ผ่าน

You know you didn’t study hard, so you’re going to have to face the music and take the class again next semester if you really want to graduate when you do.
คุณก็รู้ว่าคุณไม่ตั้งใจเรียน เพราะฉะนั้นคุณต้องยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นและลงเรียนใหม่ในเทอมถัดไปถ้าคุณยังอยากจะเรียบจบตามกำหนด

(to be) on the ball — มีความเตรียมพร้อม

สำนวนนี้ แปลตรงตัวจะหมายถึง การยืนหรือนั่งอยู่บนลูกบอล สำนวน you’re on the ball แปลว่า คุณมีการเตรียมพร้อม รับมือกับสถาณการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังวางแผนงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้าและคุณได้เตรียมแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว you’re on the ball อย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเตรียมตัวเยอะขนาดนี้!

Wow, you’ve already finished your assignments? They are not due until next week, you’re really on the ball. I wish I could be more organized.
ว้าว คุณทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอ? มีกำหนดส่งตั้งอาทิตย์หน้าเลยนะ คุณนี่เตรียมพร้อมดีจังนะ ฉันอยากจะเป็นคนที่มีระเบียบมากกว่านี้บ้างจัง

(to) ring a bell — คุ้นหู เคยได้ยิน

สำนวนนี้อาจจะมีความหมายว่า ตีระฆังหรือกระดิ่ง เหมือนกับตอนตีกระดิ่งให้เข้าเรียนหรือกดกริ่งเพื่อให้คนที่อยู่ในบ้านมาเปิดประตู แต่ในสำนวนจะแปลว่าใครบางคนได้พูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คุ้นหูให้คุณได้ยิน ซึ่งบางทีคุณอาจจะเคยได้ยินมาก่อน หรือพูดอีกนัยคือ ใครพูดถึงบางอย่างที่คุณเชื่อว่าคุณเคยได้ยินมาก่อนในอดีต เหมือนกับกระดิ่งดังขึ้นมาในหัวและคุณพยายามคิดว่าคุณเคยได้ยินชื่อหรือสถานที่เหล่านั้นจากที่ไหนกัน

You’ve met my friend Amy Adams, right?
คุณเคยเจอเพื่อนของฉันที่ชื่อเอมี่ อดัมส์ ใช่ไหม?

Hmmm, I’m not sure, but that name rings a bell. Was she the one who went to Paris last year?
อืม ฉันไม่ค่อยแน่ใจนะ แต่ชื่อนี้คุ้นหูอยู่ ใช่คนที่ไปปารีสเมื่อปีที่แล้วหรือเปล่า?

rule of thumb — กฏเกณฑ์ปากเปล่า เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป

นิ้วโป้งสามารถที่จะวางกฏเกณฑ์หรือคุณสามารถวางกฏเกณฑ์ให้กับนิ้วมือได้? ฟังดูแล้ววลีนี้แทบไม่มีความหมายใดๆเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณได้ยินใครพูดว่า as a rule of thumb พวกเขาหมายถึงกฏเกณฑ์ปากเปล่าที่เป็นที่รู้กันทั่วไป rule of thumb นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัย แต่เป็นเพียงหลักการทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีกฏวิทยาศาตร์ใดๆบอกไว้ว่าคุณต้องใส่น้ำมันลงไปในน้ำที่เดือดอยู่ในขณะที่คุณกำลังทำพาสต้า แต่มันคือ a rule of thumb และได้รับการปฏิบัติโดยคนส่วนใหญ่เพื่อที่เส้นพาสต้าจะไม่ติดก้นหม้อ

As a rule of thumb, you should always pay for your date’s dinner.
โดยหลักการทั่วไป คุณควรเป็นคนจ่ายค่าอาหารเย็นให้กับคู่เดทของคุณนะ

Why? There’s no rule stating that!
ทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ? ไม่มีกฏข้อไหนกล่าวไว้เลย!

Yes, but it’s what all gentlemen do.
ก็ใช่ แต่มันคือสิ่งที่สุภาพบุรุษเขาทำกัน

(to be) under the weather — ไม่สบาย ไม่ปกติ

คุณสามารถเข้าไปอยู่ข้างใต้ของสภาพอากาศได้หรือไม่? อาจจะจริงอยู่ ถ้ามองว่าตอนนี้คุณก็ยืนอยู่ใต้ก้อนเมฆ ฝน พระอาทิตย์ แต่ก็ฟังดูไม่มีเหตุผลใช่ไหมล่ะ จริงๆแล้วถ้าคุณ feeling under the weather นัั้นหมายความว่า คุณมีอาการไม่ปกติ หรือรู้สึกป่วย ความรู้สึกป่วยที่ไม่ได้ สาหัส แต่อาจจะเป็นอาการเหนื่อยจากการเรียนอย่างหนัก หรือปวดหัวจากไข้หวัด

What’s wrong with Katy, mom?
เคที่เป็นอะไรเหรอคะแม่?

She’s feeling a little under the weather so be quiet and let her rest.
เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ อย่าเสียงดังนะ ให้เธอได้พักผ่อน

(to) blow off steam — ระบายอารมณ์

ในความเป็นจริง คนเราไม่สามารถเป่าไอน้ำออกมาได้ถ้าไม่ใช่อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างกระติกน้ำร้อน (อุปกรณ์สำหรับการต้มน้ำเพื่อทำกาแฟ) แล้วมันหมายความว่าอย่างไรเวลาที่คน blows off steam? ถ้าคุณกำลังโกรธ เครียด หรือประสบกับความรู้สึกที่รุนแรง และคุณอยากจะระบายออกมาเพื่อที่คุณจะได้รู้สึกดีอีกครั้ง คุณจะ blow off steam ด้วยการทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น การออกกำลังกายเพื่อคลายเครียด

Why is Nick so angry and where did he go?
ทำไมนิคดูโกรธเคืองแบบนั้นแล้วเขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?

He had a fight with his brother, so he went for a run to blow off his steam.
เขาทะเลาะกับน้องชายของเขา เขาเลยออกไปวิ่งเพื่อระบายอารมณ์น่ะ

(to) look like a million dollars/bucks — ดูดี ดูเป๊ะปัง

มันคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้ามีคงบอกว่าเราดูเหมือนเศรษฐีเงินล้านใช่ไหมล่ะ? ใช่ มันจะดีมาก แต่นั่นไม่ใช่ความหมายของสำนวนนี้หรอกนะ แต่ถ้าใครบอกคุณว่า you look like a million bucks ถือว่าคุณได้รับคำชมที่ดีเลยทีเดียว เพราะว่ามันหมายถึงคุณปัง ดูดีมีสเน่ห์มากๆ มีบ้างที่เราใช้สำนวนนี้กับผู้ชายแต่มักจะใช้ชมพวกผู้หญิงเสียมากกว่า เพื่อนผู้หญิงของคุณจะดีใจมากถ้าคุณใช้สำนวนนี้ชมพวกเเธอในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานเต้นรำ หรืองานแต่งงาน

Wow, Mary, you look like a million dollars this evening. I love your dress!
ว้าว แมรี่ คืนนี้คุณดูดีดูปังมากๆเลยนะ ฉันชอบเดรสของคุณมาก!

(to) cut to the chase — พูดประเด็นสำคัญ พูดเข้าเรื่อง

ถ้าใครบอกคุณว่า cut to the chase นั้นหมายถึงคุณพูดยืดเยื้อและยังไม่เข้าเรื่องสักที เมื่อพวกเขาใช้สำนวนนี้ พวกเขากำลังพยายามบอกกับคุณว่า รีบๆพูดและเข้าเรื่องสักที ไม่ต้องเล่ารายละเอียดแล้ว ในการใช้สำนวนนี้ต้องระวังเพราะคุณถ้าใช้ตอนที่อาจารย์หรือเจ้านายของคุณกำลังพูดอยู่ล่ะก็ ถือว่าไม่สุภาพและไม่ให้เกียรติมากๆเลยนะ ถ้าคุณพูดกับคนกลุ่มใหญ่ เช่นลูกจ้างของคุณ คุณใช้ I’m going to cut to the chase นั่นหมายความว่า คุณมีเวลาไม่เพียงพอที่จะพูดทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นคุณจะพูดเพียงประเด็นสำคัญให้ทุกคนได้ทราบ

Hi guys, as we don’t have much time here, so I’m going to cut to the chase. We’ve been having some major problems in the office lately.
สวัสดีทุกคน เนื่องจากว่าเราไม่มีเวลามากนัก ฉันจะเข้าเรื่องเลยละกัน ในช่วงระยะหลังมานี้ เรากำลังประสบกับปัญหาใหญ่ในที่ทำงานของเรา

(to) find your feet — ปรับตัว ทำตัวให้ชิน

เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะทำเท้าของเราหาย ใช่ไหม? ก็เพราะมันเชื่อมอยู่กับร่างกายเราจะหายได้อย่างไรล่ะ! แล้วมันหมายความว่าอย่างไร เมื่อมีคนพูดว่า find their feet ถ้าเกิดว่าคุณตกอยู่ในสถาณการณ์แปลกใหม่ อย่างเช่น อาศัยอยู่ในต่างประเทศและต้องปรับตัวให้เข้ากับโรงเรียนใหม่ คุณควรพูดว่า I’m still finding my feet เพราะมันหมายความว่า คุณกำลังปรับตัวอยู่หรือกำลังทำตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมใหม่นี้

Lee, how’s your son doing in America?
ลี ลูกของคุณใช้ชีวิตอยู่อเมริกาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

He’s doing okay. He’s learned where the college is but is still finding his feet with everything else. I guess it’ll take time for him to get used to it all.
เขาสบายดี เขารู้ทางที่จะไปโรงเรียนแล้วล่ะ แต่ก็ยังต้องปรับตัวกับหลายๆอย่าง ฉันคิดว่าเขาคงใช้เวลาสักพักให้ชินกับทุกสิ่ง

(to) get over something — ทำใจได้แล้ว หายแล้ว (อาการป่วย)

ถ้าคุณอ่านสำนวนนี้ คุณอาจจะเห็นภาพของการเดินข้ามบางอย่าง อย่างเช่น ข้ามรั้ว แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สำนวนนี้หมายถึง ลองนึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างเช่น เวลาที่คุณเลิกกับแฟนของคุณสิ มันยากใช่ไหมล่ะ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณก็จะไม่คิดถึงแฟนเก่าของคุณอีกต่อไป นั่นหมายความว่า คุณทำใจเรื่องแฟนของคุณได้แล้ว (you’ve gotten over him/her) คุณไม่ต้องกังวลเกี่่ยวกับมัน หรือมันไม่ผลอะไรกับคุณในทางที่ไม่ดี คุณสามารถใช้สำนวนดังกล่าวเมื่อคุณหายจากอาการเจ็บไข้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าคุณหายดีแล้ว

How’s Paula? Has she gotten over the death of her dog yet?
พอลล่าเป็นอย่างไรบ้าง? เธอทำใจที่หมาของเธอตายได้แล้วหรือยัง?

I think so. She’s already talking about getting a new one.
ฉันคิดว่าคงได้แล้วแหละ เธอเริ่มบอกเหมือนกันว่าจะซื้อตัวใหม่อยู่

(to) keep your chin up — เข้มแข็งไว้

คุณเคยทะเลาะกับเพื่อนของคุณแล้วแพ้ไหม? เคยสอบภาษาอังกฤษแล้วตก? หรือเคยตกงาน? ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” ต่อเหตุการณ์เหล่านี้ล่ะก็ คุณคงจะรู้สึกเศร้าและหดหู่ใช่ไหม? ในสถาณการณ์เหล่านี้ เพื่อนที่แคร์คุณก็อาจจะพูดว่า keep your chin up เพื่อให้กำลังใจคุณและเป็นการบอกให้คุณเข้มแข็ง คุณจะผ่านมันไปได้ อย่าให้เรื่องเหล่านี้มาทำลายคุณ

Hey, Karen, have you had any luck finding work yet?
เฮ้ คาเรน เธอหางานทำได้หรือยัง?

No, nothing, it’s really depressing, there’s nothing out there!
ไม่เลย ฉันรู้สึกหดหู่มาก หางานไม่ได้เลย

Don’t worry, you’ll find something soon, keep your chin up buddy and don’t stress.
ไม่ต้องกังวลไปนะ เดี๋ยวเธอก็หางานได้ในเร็วๆนี้แหล่ะ เข้มแข็งไว้นะเพื่อน และอย่าเครียดมาก

ถ้าคุณจริงจังกับการเรียนภาษาอังกฤษและอยากจะ finding your feet กับภาษาเวลาไปอยู่ต่างประเทศล่ะก็ คุณควรเรียนสำนวนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารด้วย ภาษาอังกฤษก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โชคดีและ keep your chin up นะคะ

ติดตามเราเพื่อได้รับความรู้มากขึ้น

แชร์บทความนี้

[NEW] | ทํา งาน เหนื่อย ไหม ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

วันนี้ Eng Breaking มาพร้อมกับคู่มือประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน ที่มีทั้งหมด 12 หัวข้อที่น่าสนใจรับรองว่าถ้าคุณใช้ประโยคเหล่านี้เป็นคุณสามารถโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษ สร้างการสื่อสารที่ดีได้อย่างแน่นอน

1. ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย Greetings- การแนะนำและคำทักทาย

Hello/ HiสวัสดีHow’s your day going?เป็นอย่างไรบ้าง?Hello, my name is….สวัสดีฉันชื่อ…  How are you?เป็นอย่างไรบ้าง?Hey man, Nice to meet you. เฮ้ เพื่อนยินดีที่ได้รู้จัก  Good to see you!ดีใจที่ได้เจอHi, how’s tricks?เป็นอย่างไรบ้าง?What’s your name?คุณชื่ออะไร?How do you do? สวัสดี (ไม่ได้แปลตรงตัวตามตัวอักษรว่า คุณทำอย่างไร)  Whazzup?ทำอะไรอยู่How’s life?ชีวิตเป็นไงบ้าง?What’s up? What’s new?, or What’s going on? มีอะไร? มีอะไรใหม่? หรือเกิดอะไรขึ้น?How’s it going?เป็นไงบ้าง?Where are you from?คุณมาจากไหนHow long will you stay here?คุณจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน?Where do you live now?ตอนนี้คุณอาศัยอยู่ที่ไหนHave a nice day for you!ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะAre you here on vacation?คุณมาที่นี่เพื่อพักร้อนใช่ไหม?Haven’t seen you for ages.นานมาแล้วไม่เห็นคุณ(สำนวน “in ages” หรือ “for ages” แปลว่า เป็นเวลานาน)  This is my name cardนี่คือนามบัตรของฉันHave a good one ขอให้มีวันที่ดีSee you soon!แล้วพบกันเร็ว ๆ นี้

2. ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย  Sentences about Family – ประโยคเกี่ยวกับครอบครัว

Do you want to see pictures of my family?คุณอยากดูรูปภาพครอบครัวของฉันไหม?How’s the family? How’s everybody doing?         ครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนเป็นอย่างไรบ้างHave you got a big family?คุณมีครอบครัวใหญ่ใช่ไหม?Have you got any brothers or sisters?คุณมีพี่ชายหรือพี่สาว?How many people are there in your family?ครอบครัวคุณมีสมาชิกกี่คน?There are six people in my familyครอบครัวของฉันมีหกคน

3. ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย  Sentences about Jobs – ประโยคเกี่ยวกับงาน

Are you available for the meeting on …?คุณว่างสำหรับการประชุมวันศุกร์ เวลา…มั้ยI wish I could help, but I’m busy right now.ฉันก็อยากจะช่วยนะ แต่ตอนนี้ยุ่งอยู่น่ะCan / Could I remind you to…?ขอฉันเตือนเธอสักนิดนะว่า…Hope you don’t forget to do it.ฉันหวังว่าเธอจะไม่ลืมทำมันนะCould I have your advice on this?ฉันขอคำแนะนำจากคุณได้ไหม?That sounds like a great plan!ฟังดูแผนนี้ยอดเยี่ยมจังCan you join the meeting on..?คุณสามารถเข้าร่วมประชุมวันศุกร์ เวลา…ได้มั้ยWhat time does the meeting start?  ประชุมเริ่มกี่โมงCan I take a day off? ฉันขอลาซักวันได้มั้ย  Which room is the meeting in?ห้องที่กำลังมีประชุมอยู่ไหน?Don’t forget to do it.อย่าลืมทำเรื่องนี้Would you mind photocopying this bill for me?จะเป็นไรไหมถ้าฉันจะรบกวนคุณถ่ายเอกสารบิลนี้ให้ที  Do you have a minute?ว่างคุยซักนิดมั้ย/มีเวลาซักเดี๋ยวมั้ย                 Would you mind sending the presentation to me?  รังเกียจมั้ยที่จะส่งสื่อนำเสนองานให้ฉันหน่อยI want to remind you about …ฉันอยากจะเตือนเธอเรื่อง…  Please don’t forget to do this.อย่าลืมทำมันนะI’d like to remind you about…ฉันต้องการเตือนคุณเกี่ยวกับ …You will remember to finish it, won’t you?เธอจำได้ว่าต้องทำมันให้เสร็จใช่ไหมI’m looking forward to working together.ฉันรอคอยที่จะทำงานร่วมกันกับคุณStick on the plan that…ตามแผนที่วางไว้คือ…                                     

Eng Breaking แนะนำประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

4. ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย  Things Are Good – ชื่นชม

Good job!ทำได้ดีมาก!You’re a genius.คุณเป็นอัจฉริยะGood for you!ดีสำหรับคุณ!You’re doing fine.คุณทำได้ดีGreat!ดีมากYou are really pretty.คุณน่ารักจริงๆGood thinking.เป็นความคิดที่ดีYou look great today.วันนี้คุณดูดีมากThat’s it!นั่นแหล่ะ! (ต้องเป็นอย่างนั้น)You’re on the right track now!คุณอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว!That’s the best ever.นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดYou’re looking so beautiful today.วันนี้คุณดูสวยงามมากThat’s not bad! นั่นไม่เลวเลย!I love your new dress.ฉันชอบชุดใหม่ของคุณThat’s really nice มันดีจริงๆHow thoughtful ช่างคิด,ครุ่นคิด,รอบคอบ

5. ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย  Ways To Say Sorry – วิธีการพูดคำขอโทษ

Whoops. Sorryอ๊ะ ขอโทษSorry to butt in ….ขอโทษที่พูดขัดจังหวะ….I’m (so / very / terribly) sorry หรือ I’m terribly sorryฉันขอโทษจริงๆSorry to interrupt, but…..ขออภัยที่จะขัดจังหวะ แต่…I’m sorry I’m lateฉันขอโทษที่มาสายPardon (me).ยกโทษให้ฉันSorry to bother youขอโทษที่รบกวนคุณThat’s my fault.นั่นเป็นความผิดของฉันSorry. I didn’t mean to do that ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นMy bad/My fault.ฉันไม่ดี / ความผิดของฉันSorry for keeping you waitingขออภัยที่ทำให้คุณต้องรอPlease excuse my (ignorance).กรุณาให้อภัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของฉัน

คุณสามารถใช้ประโยคต่อไปนี้เพื่อตอบกลับเมื่อคนอื่นพูดคำขอโทษกับคุณ เป็นประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยเช่น
Don’t worry about it. – อย่าไปกังวล, อย่าไปคิดมาก
Please don’t blame yourself. –อย่าโทษตัวเอง
It’s not your fault. – ไม่ใช่ความผิดของคุณ
That’s all right – ไม่เป็นไร หรือ ทุกอย่างยังโอเค
Think nothing of it. – ไม่ต้องคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกนะ
No problem – ไม่เป็นไร
Never mind. It doesn’t really matter. – ไม่ต้องคิดมากไม่เป็นไร

6. Ways To Say Thank You for someone – การพูดขอบคุณใครสักคน

Thank you very much.ขอบคุณมากๆThanks a million for…!ขอบคุณล้านครั้งสำหรับ … !How thoughtful.คุณรอบคอบจังThere are no words to show my appreciation!ไม่มีคำพูดใดที่แสดงความขอบคุณของฉัน!That’s so kind of you.คุณดีกับฉันจังI am most grateful ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่สุดThank you, without your supportขอบคุณที่ช่วยเหลือฉันI really appreciate itฉันซาบซึ้งกับเรื่องนี้จริงๆ

อย่าพลาดวิดีโอนี้นะ >> จะอธิบายบางอย่างในการสนทนาภาษาอังกฤษได้อย่างไร

7. Giving An Opinion – ให้ความคิดเห็น

As far as I’m concerned…ตามความเห็นของฉัน / เท่าที่ฉันรู้…..What I’m trying to say is….สิ่งที่ฉันพยายามจะพูดคือWhat are your views on…?คุณมีความคิดเห็นยังไงบ้างกับเรื่องนี้What is your opinion about that?เรื่องนั้นคุณมีความเห็นว่าอย่างไรWhat are your ideas ?คุณรู้สึกยังไงกับสิ่งนั้นTo my mind…ฉันคิดว่า….What’s your opinion?คุณมีความคิดเห็นอย่างไรI think we should…ฉันคิดว่า เราควร…

8. ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย  Sentences about Hobby – ประโยคเกี่ยวกับงานอดิเรก

What is your hobby? งานอดิเรกของคุณคืออะไรI’m really into it.ฉันหลงใหลในสิ่งนั้นมากๆI relax by…ฉันผ่อนคลายด้วยI’m addicted to itฉันติดสิ่งนั้นมากๆIf I’m not working, I…ถ้าฉันไม่ทำงานฉัน …Why did you start your hobby?ทำไมคุณถึงเริ่มงานอดิเรกของคุณMy hobbies are…งานอดิเรกของฉันคือ…How many hours a week do you spend on your hobby?คุณใช้เวลากับงานอดิเรกของคุณกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์?I wouldn’t mind a…ฉันจะไม่รังเกียจ …I’m crazy about it. ฉันคลั่งไคล้มันI could use a…ฉันต้องการI’d really like / I’d love a day off.ฉันชอบมาก / ฉันชอบวันหยุด

ผู้เรียนภาษาอังกฤษจะไม่ควรพลาดกับประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย

9. Asking For Help and Suggest Giving Help – การขอความช่วยเหลือและแนะนำการให้ความช่วยเหลือ

Can I help you?ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้างGive me a hand with this, will you?คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?Could you help me for a second? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม

Help! / Help me!ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยI need some help, please.ฉันต้องการความช่วยเหลือโปรด ช่วยฉันหน่อยThanks for your help. ขอบคุณที่ช่วยเหลือฉันI can’t manage. Can you help?ฉันจัดการไม่ได้ คุณช่วยได้ไหมIt’s my pleasure.ด้วยความยินดี

10. Sentences about Shopping – ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย
เกี่ยวกับการช็อปปิ้ง

Are you open on…?
ร้านเปิดตอน…ใช่ไหม?What is the total?
ทั้งหมดเท่าไหร่?Buy one get one free
ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งWhat is the price after the discount?
ราคาหลังลดแล้วคือเท่าไห่รCan you give me any off?
คุณลงราคาหน่อยได้ไหม?Would you like anything else?
คุณต้องการอย่างอื่นอีกไหมDo you sell any…? or Do you have any…?
คุณมีขาย….ไหม?That’s cheap!
ถูกมากเลย!That’s good value
นั่นมีมูลค่าที่ดีThat’s too expensive!
มันแพงเกินไป!

11. ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย On The Phone

Can I speak to + ชื่อคน/ชื่อตำแหน่ง? ขอสายคุณ…หน่อยได้มั้ยคะ/ครับ?
Can I speak to … please?ขอสายคุณ…หน่อยได้มั้ย
Could I ask who’s calling, please? ฉันขอถามได้ไหมว่าใครโทรมา
Can I leave a message for him/her? – ฉันสามารถฝากข้อความถึงเขา ได้หรือไม่?
Could you please take a message? Please tell her/him that…คุณช่วยส่งข้อความได้ไหม กรุณาบอกเธอว่า…

Sure, one moment please. –แน่นอนอยู่แล้ว รอฉันสักครู่
Thanks for getting back to me. ขอบคุณที่ติดต่อกลับ
Leave a message after the beep. ฝากข้อความหลังจากเสียงสัญญาณ
Leave a message.ฝากข้อความไว้
I’ll call you later. ฉันจะโทรกลับทีหลัง
I’ll call you back when I’m free. ฉันจะโทรกลับหาคุณเองเมื่อฉันว่าง

I’m sorry, she/he’s not here today. Can I take a message? ขอโทษนะคะ เขาไม่อยู่ที่นี่วันนี้ กรุณาฝากข้อความเอาไว้ได้ไหม
I’m sorry, we have a bad connection.  Could you speak a little louder, please? ขอโทษนะคะ เหมือนสัญญาณจะไม่ดี กรุณาพูดให้ดังหน่อยได้ไหม
Good morning/afternoon/evening.  This is (your name) at/ calling from (company name).  Could I speak to ….? – สวัสดี.ฉันชื่อ … โทรจาก… ฉันสามารถคุยกับ…. ได้ไหม?
Is there anything else I can help you with?……Okay, thanks for calling.  –มีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหม? … ขอบคุณมากที่โทรหา

ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยช่วยคุณมั่นใจมากขึ่้นในการสื่อสาร

ยกตัวอย่างบทสนทนามีใช้ประโยคที่ใช้บ่อย

บทสนมนาในการเจอกันครั้งแรกกับ การใช้ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยบทสนมนาถามตอบเกี่ยวกับงานอดิเรก กับประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยMike: Good morning, nice to see you, I’m Mike What’s yours?
สวัสดีตอนเช้า ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อ Mike แล้วคุณละครับ
Ning: You can call me Ning. — เรียกผมว่า Ning ได้นะครับ
Mike: You speak English very well. — คุณพูดภาษาอังกฤษดีมากเลยนะครับ
Ning: Oh, a little — อ่ะ ได้นิดหน่อยครับ
Mike: Where are you from Ning? — คุณมากจากไหนครับ Ning?
Ning: I’m from Japan — ผมมาจากญี่ปุ่นครับ 
Mike:  Are you here on vacation? — คุณมาเที่ยวหรอครับ
Ning: No, I’m not. I’m here working — ไม่ครับ ผมมาทำงานที่นี่ครับ
Mike: what are you doing? — คุณทำงานอะไรครับ
Ning: I’m a journalist — ผมเป็นนักข่าวครับ
Mike: How long will you stay here? — คุณจะอยู่ที่นี่นานไหมครับ
Ning: A week, nice to meet you Mike — หนึ่งสัปดาห์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับไมค็
Mike:  Me too , This is my name card — เช่นกันครับ นี่คือนามบัตรของผม
Ning: Thank you — ขอบคุณครับNing: Tell me, what do you enjoy doing in your spare time Mike? 
บอกผมได้ไหมครับว่าคุณชอบทำอะไรในเวลาว่างครับไมค์? 
Mike: Well, I like painting and I also collected a lot of other things. What
about you? — อ่ะ ผมชอบวาดรูป และสะสมบางอย่างครับ แล้วคุณละครับ ?
Ning: I like painting too and playing piano. — ผมชอบวาดรูปและเล่นเปียโน
Mike: You know how to playing piano? — คุณเล่นเปียโนเป็นด้วยหรอ
Ning: Yes, I do. — ครับ ผมเล่นได้
Mike: How interesting! When did you learn how to do that?
ดีจังเลย คุณเรียนเปียโนเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
Ning:  I learned by myself when I was 15 years old
ผมเรียนเองนะครับ ตั้งแต่ตอนอายุ 15 ปี
Mike: It’s so amazing. –มันช่างยอดเยี่ยมมาก

เยี่ยมเลยครับ 

ทั้งหมดดังกล่าวคือประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยที่ Eng Breaking ฝากไว้ให้ผู้เรียนทุกท่าน หวังว่าคุณจะใช้ได้มีประโยชต์ต่อการทำงาน การเรียน อย่าลืมติดตามเว็บไซน์การเรียนการสอนภาษาอังกฤษของ EngBreaking.co.th เพื่อได้รับข้อมูล และสารดีๆ ทางภาษาอังกฤษทุกวัน

ความคิดเห็น 635 รายการ

 


MAN’R – ทุกครั้งที่ถาม – ft JACK WC \u0026 แม่ทองแปน พันบุปผา [OFFICIAL MV] Prod By YOSHI


Song : ทุกครั้งที่ถาม
Artist : MAN’R ft. JACK W’C
Lyrics : MAN’R
Mixed \u0026 Mastered : DJ YOSHI
Arrange : YOSHI
Music Video : TheFaceMediaStudio
ทุกครั้งที่ถาม
MANR
อาจมีบางครั้งที่น้อยใจในโชคชะตา
เก็บเอาความจนใว้เป็นแรงบันดาลใจ
สักวันเราต้องสบาย
มองดูพ่อแม่ก็แก่ลงทุกวัน

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

MAN’R - ทุกครั้งที่ถาม - ft  JACK WC  \u0026 แม่ทองแปน พันบุปผา [OFFICIAL MV] Prod By YOSHI

7 โรค ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย | หมอหมีมีคำตอบ


7 โรค ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย
สนใจเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด เข้าลิ้งค์นี้ได้เลยครับ 📍 https://bit.ly/3yngLd4
อาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม อ่อนเพลีย เป็นอาการที่พบได้บ่อย หลายคนมาคอมเม้นต์ถามว่าตอนเองนั้นเหนื่อยง่าย ทำกิจกรรมอะไรต่างๆก็เหนื่อย กังวลว่าตนเองจะเป็นโรคหัวใจหรือโรคร้ายแรงหรือไม่ วันนี้หมอหมีเลยจะมาอธิบายให้ฟังว่ามีโรคอะไรบ้างที่ทำให้คุณมีอาการเหนื่อยง่าย
1. โรคหอบหืด (Asthma)
2. โรคปอดอักเสบ (Pneumonia)
3. โรคหัวใจวาย (Congestive Heart Failure)
4. โรคโลหิตจาง (Anemia)
5. โรคไทรอยด์เป็นพิษ (Thyrotoxicosis)
6. โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
7. โรควิตกกังวล
ถูกใจคลิปนี้ อย่าลืม กดLike กดแชร์ กดSubscribe กดกระดิ่ง ติดตามช่อง \”หมอหมีเม้าท์มอย\” กันด้วยนะครับ
ติดตามผลงาน \”หมอหมีเม้าท์มอย\” ได้ที่
Youtube : http://www.youtube.com/c/หมอหมีเม้าท์มอย
Facebook : https://www.facebook.com/MhomheeTalks/
IG : MhoMheeTalk
หมอหมีเม้าท์มอย หมอหมีมีคำตอบ เหนื่อยง่าย โรคหัวใจ @หมอหมี เม้าท์มอย

7 โรค ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย | หมอหมีมีคำตอบ

เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ???


KnowItAll อาจารย์อดัม ภาษาอังกฤษ

เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ???

กำลังใจให้คุณ ✌️ – T’PHARM | Lyrics Audio (Prod. DreamBeatZ)


กำลังใจให้คุณ ✌️ T’PHARM | Lyrics Audio (Prod. DreamBeatZ)
‘ เป็นกำลังใจให้คุณในวันที่คุณเหนื่อยล้า
อยากให้คุณรู้ว่ายังมีอีกคนอยู่ตรงนี้ ‘
LYRICS : T’PHARM
ARRANGED : T’PHARM
Mix \u0026 Mastering : T’PHARM
Beat Prod by Dream Beatz TH
Art work by Fah Ariyanee
(https://www.facebook.com/fahfy.holy)
ไม่อนุญาตให้นำภาพวาดไปใช้ในทุกกรณี
T’PHARM
FB : https://www.facebook.com/te.pongartch
Instragram : t_pharmm
(https://www.instagram.com/t_pharmm/)
✌️❤️✌️❤️✌️❤️✌️❤️✌️❤️
เนื้อเพลง
เป็นกำลังใจให้คุณในวันที่คุณเหนื่อยล้า
อยากให้คุณได้รู้ว่ายังมีอีกคนอยู่ตรงนี้
ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวมากมายเท่าไหร่
จะส่งเพลงนี้ไปให้คุณได้ฟังแทนกำลังใจ
เหนื่อยบ้างไหมคนดี วันนี้เป็นยังไง
ถ้าเหนื่อยก็พักลงก่อน ไม่ต้องรีบร้อน
เรื่องราวชีวิตที่มันมากมาย
ก็ไม่ต้องไปคิดให้มันวุ่นวาย
พักผ่อนสักนิดให้ความคิดได้ผ่อนคลาย
มาเปิดเพลงนี้ฟังไปเบาๆ
อย่าไปนึกถึงเรื่องร้ายๆของวันเก่า
เก็บเอาความเศร้าทิ้งไป ไม่ต้องคิดถึง
วันพรุ่งนี้จะดีกว่าเก่า
ในวันพรุ่งนี้เราจะไม่เศร้า
และวันพรุ่งนี้จะต้องเป็นวันที่ดีของเรา
,
คนเราบางทีก็อาจมีวันที่ท้อใจ
ก็อาจมีวันที่เสียใจ เป็นธรรมดา
คนเราบางทีก็อาจมีวันที่ท้อใจ
ก็อาจมีวันที่เสียใจแค่อย่าไปคิดถึงมัน
,,

กำลังใจให้คุณ ✌️ - T'PHARM | Lyrics Audio (Prod. DreamBeatZ)

มักอ้ายหลายอีหลี – เอม อภัสรา


เพลง : มักอ้ายหลายอีหลี
ศิลปิน : เอม อภัสรา
คำร้อง/ทำนอง : จตุพร มะละโซ
เรียบเรียงดนตรี : สวัสดิ์ สารคาม

มักอ้ายหลายอีหลี - เอม อภัสรา

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ทํา งาน เหนื่อย ไหม ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *