Skip to content
Home » [NEW] 20 สำนวนอังกฤษน่าใช้ พูดได้เหมือนเจ้าของภาษา | ทํา ให้ เต็มที่ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] 20 สำนวนอังกฤษน่าใช้ พูดได้เหมือนเจ้าของภาษา | ทํา ให้ เต็มที่ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ทํา ให้ เต็มที่ ภาษา อังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

แชร์บทความนี้

เมื่อคุณได้ยินเพื่อนต่างชาติของคุณพูดว่า hitting books (ตีหนังสือ) อีกคนพูดถึง twisting someone’s arm (บิดแขนใครคนหนึ่ง) และ ดูเหมือนว่า someone’s been stabbed in the back (ใครบางคนถูกแทงจากข้างหลัง) นี่มันกำลังเกิดอะไรขี้นเนี่ย? คุณอาจจะเกาหัวและสงสัยว่าทำไมคุณไม่เข้าใจทั้งๆที่คุณสามารถแปลออกได้ทุกคำ เพราะจริงๆแล้วเพื่อนคุณกำลังใช้สำนวนภาษาอังกฤษกับคุณอยู่น่ะสิ

สำนวนภาษาอังกฤษนั้นเป็นกลุ่มคำที่มีความหมายไม่ชัดเจนหากคุณแปลมันคำต่อคำ การเรียนสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้คุณเข้าถึงสถาณการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในสนามเกมส์บาสเก็ตบอล ในวงเหล้า ในการเรียน หรือแม้แต่การออกเดทกับสาวสุดสวยหรือหนุ่มสุดหล่อ หลักสำคัญในการเข้าใจสำนวนภาษาอังกฤษคือการมองข้ามความหมายจากการแปลตรงตัว ถ้าคุณรู้ไต๋ของสำนวนภาษาอังกฤษแล้ว สำนวนเหล่านี้ก็จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป!

เราได้รวบรวม 20 สำนวนภาษาอังกฤษที่ชาวอเมริกันใช้บ่อยที่สุดมาให้คุณ เพื่อช่วยให้คุณคุ้นเคยกับสำนวนภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับนักเรียน ESL หรือใครก็ตามที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เราลองมาดูกันเถอะ!

Table of Contents

(to) hit the books — เรียน, อ่านหนังสือ

hit the books แปลตรงตัวว่า ตี ต่อย หรือตบหนังสือที่คุณอ่าน แต่จริงๆแล้ววลีนี้เป็นสำนวนที่ใช้กันโดยทั่วไปในกลุ่มนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่ต้องเรียนหนังสืออย่างหนัก หลักๆแล้วสำนวนนี้ให้ความหมายว่า เรียนหนังสือหรืออ่านหนังสือ และมันยังเป็นวิธีบอกเพื่อนของคุณว่าคุณกำลังจะไปเรียน ซึ่งอาจจะเป็นการเรียนเพื่อการสอบปลายภาค กลางภาค หรือแม้แต่การสอบภาษาอังกฤษ

Sorry but I can’t watch the game with you tonight, I have to hit the books. I have a huge exam next week!
ขอโทษด้วยนะ แต่คืนนี้ฉันคงไปดูการแข่งกีฬากับเธอไม่ได้ ฉันต้องอ่านหนังสือ เพราะฉันมีสอบใหญ่ในสัปดาห์หน้า

(to) hit the sack — เข้านอน

คล้ายกับสำนวนก่อนหน้านี้ ความหมายโดยตรงแปลว่า ตีหรือตบกระสอบ แต่จริงๆแล้ว to hit the sack นั้นคือการเข้านอน ซึ่งคุณสามารถใช้สำนวนนี้เพื่อบอกเพื่อนหรือครอบครัวของคุณว่าคุณเหนื่อยมากๆ คุณจะไปเข้านอนแล้ว นอกจากนี้ แทนที่จะพูดว่า hit the sack คุณยังสามารถพูดว่า hit the hay ได้เหมือนกัน

It’s time for me to hit the sack, I’m so tired.
ฉันได้เวลาเข้านอนแล้ว ฉันเหนื่อยมาก

(to) twist someone’s arm — โน้วน้าวใจ

To twist someone’s arm แปลตรงๆได้ว่า การจับแขนใครสักคนแล้วหมุนบิด ซึ่งฟังดูเจ็บถ้าคุณแปลแบบนี้ การบอกว่า my arm has been twisted ก็แปลว่าใครบางคนพูดโน้วน้าวใจคุณให้ทำอะไรบางอย่างที่คุณไม่ได้ปรารถนาที่จะทำ และการบอกว่าคุณสามารถ twist someone else’s arm ได้ ก็หมายความว่า คุณโน้วน้าวใจคนอื่นเก่ง และพวกเขายอมที่จะทำตามที่คุณบอก

Jake, you should really come to the party tonight!
แจ็ค คุณควรมางานปาร์ตี้คืนนี้จริงๆ นะ

You know I can’t, I have to hit the books (study).
คุณก็รู้ว่าฉันไปไม่ได้ ฉันต้องอ่านหนังสือนะ

C’mon, you have to come! It’s going to be so much fun and there are going to be lots of girls there. Please come?
เอาน่า คุณต้องมานะ! งานนี้สนุกมากและยังมีสาวๆมาอีกเพียบ ได้โปรดมาเถอะนะ?

Pretty girls? Oh, all right, you’ve twisted my arm, I’ll come!
สาวๆสวยๆใช่ไหม? อ้า งั้นก็ได้นะ นายนี่โน้วน้าวใจฉันเก่งจริงๆ ฉันจะไป!

(to be) up in the air — ไม่แน่ไม่นอน

เมื่อได้ยิน something’s floating หรือ flying in the sky เรามักมีความคิดว่ามีอะไรบางอย่างลอยหรือบินอยู่บนท้องฟ้า อาจจะเป็นเครื่องบินหรือลูกโป่ง แต่ถ้าใครบอกคุณว่า things are up in the air มันหมายความว่าสิ่งนั้นไม่แน่นอนหรือไว้วางใจไม่ได้ ยังไม่มีการวางแผนที่แน่นอน

Jen, have you set a date for the wedding yet?
เจน คุณได้เลือกวันแต่งงานแล้วหรือยัง?

Not exactly, things are still up in the air and we’re not sure if our families can make it on the day we wanted. Hopefully, we’ll know soon and we’ll let you know as soon as possible.
ยังเลยนะ หลายอย่างๆยังไม่แน่นอนและเรายังไม่แน่ใจว่าครอบครัวของเราว่างในวันที่เราต้องการหรือเปล่า หวังว่าเราจะตกลงกันได้เร็วๆนี้และเราจะบอกให้คุณทราบให้เร็วที่สุด

(to) stab someone in the back — หักหลัง ทรยศ

ถ้าเราฟังจากคำแปลโดยตรงของสำนวนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเราอาจจะมีปัญหากับตำรวจได้ถ้าเรานำมีดจริงๆหรือของมีคมไปแทงหลังของใครเข้า อย่างไรก็ตาม เมื่อมาเป็นสำนวนแล้ว to stab someone in the back แปลว่า ทำร้ายจิตใจ หรือทำให้คนที่สนิทและรักเราเสียใจโดยการหักหลังพวกเขาอย่างเงียบๆ และทำลายความเชื่อใจที่พวกเขามีให้ เราเรียกคนเหล่านี้ว่า a backstabber

Did you hear that Sarah stabbed Kate in the back last week?
คุณได้ยินเรื่องที่ซาร่าหักหลังเคทเมื่ออาทิตย์ก่อนไหม?

No! I thought they were best friends, what did she do?
ไม่นะ! ฉันคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกันเสียอีก ซาร่าทำอะไรเคทหรอ?

She told their boss that Kate wasn’t interested in a promotion at work and Sarah got it instead.
เธอบอกกับเจ้านายของพวกเธอว่าเคทไม่สนใจเรื่องการขึ้นตำแหน่งที่ทำงาน แล้วซาร่าเลยได้ขึ้นตำแหน่งแทนเลยน่ะสิ

Wow, that’s the ultimate betrayal! No wonder they’re not friends anymore.
โอ้โห นั่นถือเป็นเป็นการทรยศกันเลยนะ! มิน่าล่ะ พวกเขาเลยไม่ใช่เพื่อนกันแล้วตอนนี้

(to) lose your touch — หมดฝีมือ

ตามความหมายตรงตัวแล้วจะแปลว่า สูญเสียความรู้สึกสัมผัสที่นิ้วหรือมือขอคุณ แต่ to lose your touch จริงๆแล้วแปลว่าคุณสูญเสียความสามารถหรือพรสวรรค์ที่คุณเคยมี ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับส่ิ่งต่างๆ คนหรือสถาณการณ์ เราจะใช้สำนวนนี้สำหรับคนที่มีความสามารถอะไรสักอย่าง แต่สามารถนั้นเริ่มแย่ลง ไม่เก่งเหมือนเดิม

I don’t understand why none of the girls here want to speak to me.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะพูดกับฉัน

It looks like you’ve lost your touch with the ladies.
ดูเหมือนว่าคุณจะหมดฝีมือเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงนะ

Oh no, they used to love me, what happened?
โอ้ ไม่นะ สาวๆเคยชอบฉันมาก แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?

(to) sit tight — อย่ารีบร้อน

To sit tight เป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่แปลก ตามความหมายแปลว่าคุณต้องนั่งลงแน่นๆ เกร็งตัวของคุณ ซึ่งถ้าคุณทำแบบนั้น ก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่สบายตัวน่าดู แล้วยังดูประหลาดอีกด้วย แต่ถ้าใครบอกคุณ to sit tight เขาแค่อยากให้คุณรอหรือใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อนก่อนที่จะได้รับข้อมูลครบถ้วน

Mrs. Carter, do you have any idea when the exam results are going to come out?
คุณคาร์เตอร์ครับ คุณรู้ไหมว่าผลสอบจะออกเมื่อไร?

Who knows Johnny, sometimes they come out quickly but it could take some time. You’re just going to have to sit tight and wait.
ใครจะรู้ล่ะ จอร์นนี่ บางครั้งผลสอบก็ออกเร็ว แต่ยังไงมันก็ใช้เวลาสักพัก เธอต้องใจเย็นๆแล้วรอไปก่อน

(to) pitch in — ช่วยเหลือกัน

สำนวนนี้จะเห็นได้ว่าไม่สามารถหาความหมายได้เมื่อแปล อย่างไรก็ตาม ให้คุณนึกภาพตามความหมายของมันเป็นการแสดงถึงการกระทำที่ให้บางสิ่งบางอย่างหรือการเข้าร่วมร่วมกัน เช่น ถ้าพ่อของคุณบอกกับครอบครัวว่า เขาอยาก pitch in สุดสัปดาห์นี้ และช่วยทำความสะอาดสวนหลังบ้าน มันหมายความว่า อยากให้ทุกคนมาช่วยกันทำความสะอาดสวนและทำให้มันเสร็จเร็วขึ้น

What are you going to buy Sally for her birthday?
คุณจะซื้ออะไรให้ซอลลี่ ในวันเกิดของเธอหรอ?

I don’t know. I don’t have much money.
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ค่อยมีเงิน

Maybe we can all pitch in and buy her something great.
ถ้างั้นเราลองมารวมเงินช่วยกันซื้อของขวัญดีๆสักอย่างให้เธอกันไหม

จากตัวอย่างสนทนาขัางบน แสดงให้เห็นว่า เพื่อนของซอลลี่ทุกๆคนควรร่วมลงเงินกันคนละเล็กละน้อยเพื่อที่พวกเขาจะซื้อของขวัญที่ใหญ่กว่าดีกว่าให้ซอลลี่ได้

(to) go cold turkey — เลิกหรือหยุดในทันที

ฟังดูแปลกๆใช่ไหม? ใช่แล้วล่ะ มันฟังดูแปลก เพราะใครจะไปเป็นไก่งวงเย็นได้ล่ะ? คนๆหนึ่งไม่สามารถกลายร่างเป็นไก่ที่ใครๆก็ชอบกินเพื่อเฉลิมฉลองในงานเทศกาลอย่าง คริสมาสต์ หรือ Thanksgiving ได้หรอก ที่มาของสำนวนนี้นั้นแปลกประหลาดมาก to go cold turkey แปลว่า เลิกหรือหยุด เสพติดหรือพฤติกรรมที่อันตราย เช่น การสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์ สำนวนนี้เริ่มมีการใช้เมื่อสมัยปลายศตวรรษที่ 20 และหมายถึง คนที่เลิกเสพติดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ยาหรือแอลกอฮอล์ เนื่องจากได้รับผลข้างเคียงที่ทำให้ดูเหมือน ไงงวงที่ยังดิบและเย็น อาการที่ทำให้ผิวซีดขาวและขนลุกตลอดเวลา

Shall I get your mom a glass of wine?
ฉันควรรินไวน์ให้แม่ของคุณสักแก้วหนึ่งไหม?

No, she’s stopped drinking.
ไม่นะ แม่ฉันเลิกดื่มไวน์แล้วล่ะ

Really, why?
จริงหรอ ทำไมล่ะ?

I don’t know. A few months ago, she just announced one day she’s quitting drinking.
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ อยู่ดีๆเธอก็บอกว่าเธอเลิกดื่มแล้ว

She just quit cold turkey?
เธอเลิกไปกระทันหันเลยหรอ

Yes, just like that!
ใช่ แบบนั้นเลย

(to) face the music — เผชิญหน้ากับความจริง

ฟังดูเหมือนสำนวนจะบอกให้คุณหันหน้าไปทางเครื่องเสียงแล้วยืนฟังเพลง ในความเป็นจริงแล้วเมื่อใดก็ตามที่เพื่อนหรือพ่อแม่ของคุณบอกคุณว่า to face the music นั้นมีความหมายโหดร้ายเสียยิ่งกว่าคำแปลเสียอีก มันหมายความว่า เผชิญหน้าความจริงหรือยอมรับความจริง ยอมรับกับผลลัพท์ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี (แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ดีนะ) คุณอาจจะหลบหนีอะไรบางอย่างที่ไม่มั่นใจหรือกลัวผลลัพท์ที่จะเกิด คุณอาจจะหลอกคุณครูของคุณและเขาค้นพบความจริง ตอนนี้คุณต้อง face the music และยอมรับการลงโทษได้แล้วล่ะ

I can’t understand why I failed math.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันสอบคณิตศาสตร์ไม่ผ่าน

You know you didn’t study hard, so you’re going to have to face the music and take the class again next semester if you really want to graduate when you do.
คุณก็รู้ว่าคุณไม่ตั้งใจเรียน เพราะฉะนั้นคุณต้องยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นและลงเรียนใหม่ในเทอมถัดไปถ้าคุณยังอยากจะเรียบจบตามกำหนด

(to be) on the ball — มีความเตรียมพร้อม

สำนวนนี้ แปลตรงตัวจะหมายถึง การยืนหรือนั่งอยู่บนลูกบอล สำนวน you’re on the ball แปลว่า คุณมีการเตรียมพร้อม รับมือกับสถาณการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังวางแผนงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้าและคุณได้เตรียมแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว you’re on the ball อย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเตรียมตัวเยอะขนาดนี้!

Wow, you’ve already finished your assignments? They are not due until next week, you’re really on the ball. I wish I could be more organized.
ว้าว คุณทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอ? มีกำหนดส่งตั้งอาทิตย์หน้าเลยนะ คุณนี่เตรียมพร้อมดีจังนะ ฉันอยากจะเป็นคนที่มีระเบียบมากกว่านี้บ้างจัง

(to) ring a bell — คุ้นหู เคยได้ยิน

สำนวนนี้อาจจะมีความหมายว่า ตีระฆังหรือกระดิ่ง เหมือนกับตอนตีกระดิ่งให้เข้าเรียนหรือกดกริ่งเพื่อให้คนที่อยู่ในบ้านมาเปิดประตู แต่ในสำนวนจะแปลว่าใครบางคนได้พูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คุ้นหูให้คุณได้ยิน ซึ่งบางทีคุณอาจจะเคยได้ยินมาก่อน หรือพูดอีกนัยคือ ใครพูดถึงบางอย่างที่คุณเชื่อว่าคุณเคยได้ยินมาก่อนในอดีต เหมือนกับกระดิ่งดังขึ้นมาในหัวและคุณพยายามคิดว่าคุณเคยได้ยินชื่อหรือสถานที่เหล่านั้นจากที่ไหนกัน

You’ve met my friend Amy Adams, right?
คุณเคยเจอเพื่อนของฉันที่ชื่อเอมี่ อดัมส์ ใช่ไหม?

Hmmm, I’m not sure, but that name rings a bell. Was she the one who went to Paris last year?
อืม ฉันไม่ค่อยแน่ใจนะ แต่ชื่อนี้คุ้นหูอยู่ ใช่คนที่ไปปารีสเมื่อปีที่แล้วหรือเปล่า?

rule of thumb — กฏเกณฑ์ปากเปล่า เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป

นิ้วโป้งสามารถที่จะวางกฏเกณฑ์หรือคุณสามารถวางกฏเกณฑ์ให้กับนิ้วมือได้? ฟังดูแล้ววลีนี้แทบไม่มีความหมายใดๆเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณได้ยินใครพูดว่า as a rule of thumb พวกเขาหมายถึงกฏเกณฑ์ปากเปล่าที่เป็นที่รู้กันทั่วไป rule of thumb นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัย แต่เป็นเพียงหลักการทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีกฏวิทยาศาตร์ใดๆบอกไว้ว่าคุณต้องใส่น้ำมันลงไปในน้ำที่เดือดอยู่ในขณะที่คุณกำลังทำพาสต้า แต่มันคือ a rule of thumb และได้รับการปฏิบัติโดยคนส่วนใหญ่เพื่อที่เส้นพาสต้าจะไม่ติดก้นหม้อ

As a rule of thumb, you should always pay for your date’s dinner.
โดยหลักการทั่วไป คุณควรเป็นคนจ่ายค่าอาหารเย็นให้กับคู่เดทของคุณนะ

Why? There’s no rule stating that!
ทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ? ไม่มีกฏข้อไหนกล่าวไว้เลย!

Yes, but it’s what all gentlemen do.
ก็ใช่ แต่มันคือสิ่งที่สุภาพบุรุษเขาทำกัน

(to be) under the weather — ไม่สบาย ไม่ปกติ

คุณสามารถเข้าไปอยู่ข้างใต้ของสภาพอากาศได้หรือไม่? อาจจะจริงอยู่ ถ้ามองว่าตอนนี้คุณก็ยืนอยู่ใต้ก้อนเมฆ ฝน พระอาทิตย์ แต่ก็ฟังดูไม่มีเหตุผลใช่ไหมล่ะ จริงๆแล้วถ้าคุณ feeling under the weather นัั้นหมายความว่า คุณมีอาการไม่ปกติ หรือรู้สึกป่วย ความรู้สึกป่วยที่ไม่ได้ สาหัส แต่อาจจะเป็นอาการเหนื่อยจากการเรียนอย่างหนัก หรือปวดหัวจากไข้หวัด

What’s wrong with Katy, mom?
เคที่เป็นอะไรเหรอคะแม่?

She’s feeling a little under the weather so be quiet and let her rest.
เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ อย่าเสียงดังนะ ให้เธอได้พักผ่อน

(to) blow off steam — ระบายอารมณ์

ในความเป็นจริง คนเราไม่สามารถเป่าไอน้ำออกมาได้ถ้าไม่ใช่อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างกระติกน้ำร้อน (อุปกรณ์สำหรับการต้มน้ำเพื่อทำกาแฟ) แล้วมันหมายความว่าอย่างไรเวลาที่คน blows off steam? ถ้าคุณกำลังโกรธ เครียด หรือประสบกับความรู้สึกที่รุนแรง และคุณอยากจะระบายออกมาเพื่อที่คุณจะได้รู้สึกดีอีกครั้ง คุณจะ blow off steam ด้วยการทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น การออกกำลังกายเพื่อคลายเครียด

Why is Nick so angry and where did he go?
ทำไมนิคดูโกรธเคืองแบบนั้นแล้วเขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?

He had a fight with his brother, so he went for a run to blow off his steam.
เขาทะเลาะกับน้องชายของเขา เขาเลยออกไปวิ่งเพื่อระบายอารมณ์น่ะ

(to) look like a million dollars/bucks — ดูดี ดูเป๊ะปัง

มันคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้ามีคงบอกว่าเราดูเหมือนเศรษฐีเงินล้านใช่ไหมล่ะ? ใช่ มันจะดีมาก แต่นั่นไม่ใช่ความหมายของสำนวนนี้หรอกนะ แต่ถ้าใครบอกคุณว่า you look like a million bucks ถือว่าคุณได้รับคำชมที่ดีเลยทีเดียว เพราะว่ามันหมายถึงคุณปัง ดูดีมีสเน่ห์มากๆ มีบ้างที่เราใช้สำนวนนี้กับผู้ชายแต่มักจะใช้ชมพวกผู้หญิงเสียมากกว่า เพื่อนผู้หญิงของคุณจะดีใจมากถ้าคุณใช้สำนวนนี้ชมพวกเเธอในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานเต้นรำ หรืองานแต่งงาน

Wow, Mary, you look like a million dollars this evening. I love your dress!
ว้าว แมรี่ คืนนี้คุณดูดีดูปังมากๆเลยนะ ฉันชอบเดรสของคุณมาก!

(to) cut to the chase — พูดประเด็นสำคัญ พูดเข้าเรื่อง

ถ้าใครบอกคุณว่า cut to the chase นั้นหมายถึงคุณพูดยืดเยื้อและยังไม่เข้าเรื่องสักที เมื่อพวกเขาใช้สำนวนนี้ พวกเขากำลังพยายามบอกกับคุณว่า รีบๆพูดและเข้าเรื่องสักที ไม่ต้องเล่ารายละเอียดแล้ว ในการใช้สำนวนนี้ต้องระวังเพราะคุณถ้าใช้ตอนที่อาจารย์หรือเจ้านายของคุณกำลังพูดอยู่ล่ะก็ ถือว่าไม่สุภาพและไม่ให้เกียรติมากๆเลยนะ ถ้าคุณพูดกับคนกลุ่มใหญ่ เช่นลูกจ้างของคุณ คุณใช้ I’m going to cut to the chase นั่นหมายความว่า คุณมีเวลาไม่เพียงพอที่จะพูดทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นคุณจะพูดเพียงประเด็นสำคัญให้ทุกคนได้ทราบ

Hi guys, as we don’t have much time here, so I’m going to cut to the chase. We’ve been having some major problems in the office lately.
สวัสดีทุกคน เนื่องจากว่าเราไม่มีเวลามากนัก ฉันจะเข้าเรื่องเลยละกัน ในช่วงระยะหลังมานี้ เรากำลังประสบกับปัญหาใหญ่ในที่ทำงานของเรา

(to) find your feet — ปรับตัว ทำตัวให้ชิน

เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะทำเท้าของเราหาย ใช่ไหม? ก็เพราะมันเชื่อมอยู่กับร่างกายเราจะหายได้อย่างไรล่ะ! แล้วมันหมายความว่าอย่างไร เมื่อมีคนพูดว่า find their feet ถ้าเกิดว่าคุณตกอยู่ในสถาณการณ์แปลกใหม่ อย่างเช่น อาศัยอยู่ในต่างประเทศและต้องปรับตัวให้เข้ากับโรงเรียนใหม่ คุณควรพูดว่า I’m still finding my feet เพราะมันหมายความว่า คุณกำลังปรับตัวอยู่หรือกำลังทำตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมใหม่นี้

Lee, how’s your son doing in America?
ลี ลูกของคุณใช้ชีวิตอยู่อเมริกาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

He’s doing okay. He’s learned where the college is but is still finding his feet with everything else. I guess it’ll take time for him to get used to it all.
เขาสบายดี เขารู้ทางที่จะไปโรงเรียนแล้วล่ะ แต่ก็ยังต้องปรับตัวกับหลายๆอย่าง ฉันคิดว่าเขาคงใช้เวลาสักพักให้ชินกับทุกสิ่ง

(to) get over something — ทำใจได้แล้ว หายแล้ว (อาการป่วย)

ถ้าคุณอ่านสำนวนนี้ คุณอาจจะเห็นภาพของการเดินข้ามบางอย่าง อย่างเช่น ข้ามรั้ว แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สำนวนนี้หมายถึง ลองนึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างเช่น เวลาที่คุณเลิกกับแฟนของคุณสิ มันยากใช่ไหมล่ะ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณก็จะไม่คิดถึงแฟนเก่าของคุณอีกต่อไป นั่นหมายความว่า คุณทำใจเรื่องแฟนของคุณได้แล้ว (you’ve gotten over him/her) คุณไม่ต้องกังวลเกี่่ยวกับมัน หรือมันไม่ผลอะไรกับคุณในทางที่ไม่ดี คุณสามารถใช้สำนวนดังกล่าวเมื่อคุณหายจากอาการเจ็บไข้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าคุณหายดีแล้ว

How’s Paula? Has she gotten over the death of her dog yet?
พอลล่าเป็นอย่างไรบ้าง? เธอทำใจที่หมาของเธอตายได้แล้วหรือยัง?

I think so. She’s already talking about getting a new one.
ฉันคิดว่าคงได้แล้วแหละ เธอเริ่มบอกเหมือนกันว่าจะซื้อตัวใหม่อยู่

(to) keep your chin up — เข้มแข็งไว้

คุณเคยทะเลาะกับเพื่อนของคุณแล้วแพ้ไหม? เคยสอบภาษาอังกฤษแล้วตก? หรือเคยตกงาน? ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” ต่อเหตุการณ์เหล่านี้ล่ะก็ คุณคงจะรู้สึกเศร้าและหดหู่ใช่ไหม? ในสถาณการณ์เหล่านี้ เพื่อนที่แคร์คุณก็อาจจะพูดว่า keep your chin up เพื่อให้กำลังใจคุณและเป็นการบอกให้คุณเข้มแข็ง คุณจะผ่านมันไปได้ อย่าให้เรื่องเหล่านี้มาทำลายคุณ

Hey, Karen, have you had any luck finding work yet?
เฮ้ คาเรน เธอหางานทำได้หรือยัง?

No, nothing, it’s really depressing, there’s nothing out there!
ไม่เลย ฉันรู้สึกหดหู่มาก หางานไม่ได้เลย

Don’t worry, you’ll find something soon, keep your chin up buddy and don’t stress.
ไม่ต้องกังวลไปนะ เดี๋ยวเธอก็หางานได้ในเร็วๆนี้แหล่ะ เข้มแข็งไว้นะเพื่อน และอย่าเครียดมาก

ถ้าคุณจริงจังกับการเรียนภาษาอังกฤษและอยากจะ finding your feet กับภาษาเวลาไปอยู่ต่างประเทศล่ะก็ คุณควรเรียนสำนวนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารด้วย ภาษาอังกฤษก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โชคดีและ keep your chin up นะคะ

ติดตามเราเพื่อได้รับความรู้มากขึ้น

แชร์บทความนี้

[Update] ประโยคสำหรับขอร้อง (Request) คำพูดสำคัญในภาษาอังกฤษ | ทํา ให้ เต็มที่ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

การขอร้องให้คนอื่นทำอะไรหรือช่วยอะไรนั้น ควรพูดให้สุภาพเข้าไว้ มิฉะนั้นแล้วอาจจะได้รับการปฏิเสธได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามการขอร้องมีหลายระดับ คือ ระดับธรรมดา สุภาพและสุภาพที่สุด หรือในเรื่องที่ยากง่ายต่างกัน ฉะนั้น จะขอร้องให้ทำหรือช่วยอะไรนั้น ควรใช้คำให้เหมาะสมกับระดับเหตุการณ์นั้นๆ ในการขอร้องใช้คำได้หลายวิธี หลายประโยค ในที่นี่อาจจำแนกประโยคต่างๆ ที่ใช้ในการขอร้องได้ดังต่อไปนี้
1. ประโยคคำสั่ง (Command) ประโยคคำสั่งเป็นประโยคที่ขึ้นต้น ด้วยคำกริยาไม่มีประธาน เช่น Sit down. นั่งลง Open the window. เปิดหน้าต่างด้วย Don’t disturb her. อย่ารบกวนเธอ ประโยคชนิดนี้สร้างเป็นการขอร้องโดยการเติม Please (โปรด กรุณา) เข้าไป อาจจะวางต้นประโยค หรือท้ายประโยคก็ได้ การขอร้องด้วยประโยคชนิดนี้ ถือเป็นการขอร้องโดยตรง นิยมใช้โดยทั่วไป โดยมีรูปประโยคดังนี้
Please…………..         กรุณา / โปรด……………..
…………………….please.
ตัวอย่าง
Please sit down.
กรุณานั่งลง
Open the window, please.
กรุณาเปิดหน้าต่างด้วย
Please don’t disturb her.
กรุณาอย่ารบกวนเธอ
Please give me your name.
กรุณาบอกชื่อคุณด้วย
Don’t park in front of the office, please.
กรุณาอย่าจอดรถหน้าสำนักงาน
Please get me a chair.
กรุณาหาเก้าอี้ให้ฉันสักตัวด้วย
2. ประโยคบอกเล่า (Statement) การขอร้องอาจจะใช้เป็นรูปประโยคบอกเล่าธรรมดาก็ได้ แม้จะถือว่าเป็นการแสดงความต้องการของผู้พูดเองขึ้นมาลอยๆ โดยใช้กริยาที่แสดงออกถึงความต้องการ คือ want หรือ would like โดยการเติม Please เข้าท้ายประโยค ใช้ would like เป็นการสุภาพกว่า มีรูปประโยคดังนี้
I want …………, please.
ฉันต้องการ………………..
I would like …………….., please.
ฉันต้องการ……………………………
ตัวอย่าง
I want some water, please.
ฉันต้องการนํ้าบ้าง
I want a pen, please.
ฉันต้องการปากกาด้ามหนึ่ง
I want some drinks, please.
ฉันต้องการเครื่องดื่มสักอย่าง
I would like a cup of coffee, please.
ฉันต้องการกาแฟสักถ้วย
I would like the red one, please.
ฉันต้องการอันสีแดง
เพื่อให้มีความหมายเป็นการขอร้องโดยตรง ในรูปประโยคบอกเล่า ใช้กริยา ask หรือ request (ขอร้อง) ได้เลย หรือแสดงความต้องการจะขอร้อง โดยนำด้วย want หรือ would like และตามด้วย infinitive ดังโครงสร้างต่อไปนี้
I ask you to
ฉันขอร้องคุณให้ช่วย
I request you to
ฉันขอร้องคุณให้ช่วย
I want to ask you to
ฉันต้องการขอร้องคุณช่วย
I want to request you to
ฉันต้องการที่จะขอร้องคุณให้ช่วย
ตัวอย่าง
I ask you to open the window.
ฉันขอร้องให้คุณช่วยเปิดหน้าต่าง
I ask you to help me with this.
ฉันขอร้องคุณช่วยทำสิ่งนี้ด้วย
I request you to post these letters for me.
ฉันขอร้องคุณช่วยส่ง จ.ม.เหล่านี้ให้ด้วย
I would like to ask you to call him for me.
ฉันอยากขอร้องคุณช่วยโทรศัพท์ไปหาเขาให้ด้วย
I want to ask you to find his address.
ฉันต้องการให้คุณหาที่อยู่ของเขาให้ด้วย
I want you to sit down.
ฉันอยากจะให้คุณนั่งลง
I would like you to get me a pen.
ฉันอยากขอร้องให้คุณหาปากกาให้สักด้ามด้วย
3. ประโยคคำถาม (Question) การใช้รูปประโยคคำถามในการ ขอร้องนั้น ถือเป็นการขอร้องโดยอ้อมเป็นการถามกลายๆ ว่า จะทำอย่างนั้น ได้ไหม เป็นการแสดงความเกรงใจในการขอร้องนั้นๆ ซึ่งนิยมใช้กันมาก รูปคำถามที่ใช้มากคือ Yes/No Question แต่อย่างไรก็ตาม คำถามประเภทอื่นก็ใช้ในการขอร้องได้เช่นกัน ประโยคคำถามต่างๆ ที่ใช้ในการขอร้องมีโครงสร้างดังนี้
Yes/No Question :     Can / Will you…….., please?
Could / Would you please……., (please)?
Could / Would you kindly………..?
Would you be so kind as to……..?
Do / Would you mind………?
Tag Question :         ………,will you?
………,won’t you?
Wh- Question :         What……., please?
Who………, please?
(ect.)
Indirect Question :     I wonder if you……
I wonder if you’d mind…….
การใช้ประโยคคำถามชนิดต่างๆ ในการขอร้องนั้น มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
-ประโยค Yes/No Question ใช้มากที่สุด เป็นทั้งการถามและ ขอร้องในตัวเสร็จว่าจะทำได้หรือไม่ จากโครงสร้างข้างบนนั้น มีตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
Can you sit down, please?
กรุณานั่งลงได้ไหม
Will you make me a cup of coffee, please?
ชงกาแฟให้ฉันสักถ้วยได้ไหม
Could you please tell me the way to the airport?
คุณจะกรุณาบอกหนทางไปสนามบินให้ฉันหน่อยได้ไหม
Would you kindly lend me the book for two days?
คุณจะกรุณาให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันจะได้ไหม
Would you be so kind as to post these letters for me?
คุณจะกรุณาส่งจดหมายเหล่านี้ให้ฉันด้วยได้ไหม
Do you mind washing this glass?
คุณล้างแก้วนี้ด้วยได้ไหม
Would you mind closing the door?
คุณจะกรุณาปิดประตูหน่อยได้ไหม
Would you please translate this sentence for them?
คุณจะกรุณาแปลประโยคนี้ให้พวกเขาหน่อยได้ไหม
Can you help me with this exercise?
คุณช่วยฉันทำแบบฝึกหัดนี้ได้ไหม
Will you find the meaning of the word for me?
คุณจะหาความหมายคำนี้ให้ฉันหน่อยได้ไหม
Would you mind giving me her name?
คุณจะบอกชื่อเธอให้ฉันหน่อยได้ไหม
-ประโยค Tag Question ตามปกติใช้เฉพาะชนิดที่ท่อนแรกเป็นรูปคำสั่งเท่านั้น บางครั้งอาจจะถือว่ายังเป็นคำสั่งอยู่นั้นเอง แต่ในที่นี่จัดเป็นการขอร้องอีกระดับหนึ่งไม่ค่อยนิยมใช้กันมากนัก จากโครงสร้างข้างบนนั้น มีตัวอย่างดังต่อไปนี้
Come in, will you?
เข้ามาข้างใน ได้ไหม
Close the window, won’t you?
ปิดหน้าต่างด้วย ได้ไหม
Sit down, won’t you?
นั่งลงได้ไหม
Speak slowly, will you?
พูดช้าๆ ได้ไหม
ประโยคเช่นนี้ถือว่าเป็นคำสั่งโดยอ้อม ซึ่งมีความหมายสุภาพกว่า คำสั่งโดยตรง
-ประโยค Wh-Question เป็นรูปคำถามธรรมดา แล้วเติม please เข้าท้ายประโยค ถือว่าเป็นการขอร้องโดยอ้อมอีกแบบหนึ่ง เป็นการขอร้องระดับธรรมดา ดังตัวอย่างต่อไปนี้
What’s your name, please?
คุณชื่ออะไรครับ
Where are you from, please?
คุณมาจากไหนครับ
When were you born, please?
คุณเกิดเมื่อไรครับ
How old are you, please?
คุณอายุเท่าไรครับ
การขอร้องวิธีนี นิยมใช้กับเหตุการณ์หรือสถานการณไม่มากนัก
-ประโยค Indirect Question นิยมใช้ในการขอร้องเช่นกัน เป็น การขอร้องโดยอ้อมเช่นเดียวกับ Yes/No Question ที่จริงแล้วประโยคชนิดนี้ก็คือประโยคบอกเล่านั้นเอง กริยาที่นิยมใช้สำหรับประโยคชนิดนี้ ก็คือกริยาที่แสดงถึงความสงสัย ไม่แน่ใจ ได้แก่ wonder (สงสัย) ดังตัวอย่างประโยคต่อไปนี้
I wonder if you’d lend me the typewriter.
ไม่ทราบว่า คุณจะให้ฉันยืมเครื่องพิมพ์ดีดได้ไหม
I wonder if you could help me with this?
ไม่ทราบว่า คุณจะช่วยฉันทำสิ่งนี้ได้ไหม
I wonder if you would mind checking this work.
ไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาตรวจงานนี้หน่อยได้ไหม
I wonder if you would mind explaining this sentence.
ไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาอธิบายประโยคนี้หน่อยได้ไหม
ตอบรับ (Accepting) การตอบรับการขอร้อง คือสามารถกระทำได้ตามที่ขอร้องนั้น ใช้คำพูดได้หลายอย่างหลายระดับเช่นเดียวกับการขอร้องดังนี้
Yes, of course
ตกลง, ได้เลย, แน่นอน
Certainly
ตกลง, ได้เลย, แน่นอน
All right ตกลง
Not at all
ได้เลย, ไม่เป็นไร
O.K.
ตกลง, ได้เลย
Sure ได้เลย
With pleasure
ยินดี, ด้วยความยินดี
I’d be glad to
ด้วยความยินดี
No, of course not
ไม่เป็นไร, ไม่รังเกียจ
Certainly not
ไม่เป็นไร ไม่รังเกียจ
ตอบปฏิเสธ (Refusing) อาจใช้ได้หลายคำเช่นกัน ควรปฏิเสธอย่างสุภาพ และให้เหตุผลที่ไม่อาจสนองความต้องการตามที่ขอร้องได้ ดังนี้
I’m sorry…..
ขอโทษ……..
I’m afraid….
ฉันเกรงว่า……
I wish I could but……
ฉันอยากจะทำให้ แต่ว่า….
ตัวอย่าง
I’m sorry I don’t know.
ขอโทษด้วย, ฉันไม่ทราบ
I’m afraid I am not free at that time.
ฉันเข้าใจว่า ฉันคงไม่ว่างในเวลานั้น
I wish I could but I have to hurry back home.
อยากจะทำให้เหมือนกัน แต่ว่าฉันต้องรีบกลับบ้าน
ข้อสังเกต
-การใช้กริยารูปอดีต (past) คือ could, would ไม่มีความหมาย เป็นอดีต แต่แสดงถึงความสุภาพหรือเกรงใจว่า can และ will และใช้ would like สุภาพกว่า want
-การขอร้องรูปคำถาม Yes/No นั้นแตกต่างจากคำถามธรรมดา โดยเติม Please เข้าไปเพื่อแสดงการขอร้อง และตอบแตกต่างกัน โดยคำถามธรรมดาตอบ Yes/No แต่การขอร้องตอบ Yes, of course หรือ I’m sorry … ดังตัวอย่างต่อไปนี้

คำถาม

ขอร้อง

Can you open the window?

Yes, I can. / No, I can’t.

คุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ไหม

เปิดได้ / เปิดไม่ได้

Can you open the window, please?

Yes, of course. / I’m sorry …

คุณจะกรุณาเปิดหน้าต่างหน่อยได้ไหม      

ได้เลย / ขอโทษ เพราะว่า …

Can you speak Thai?

Yes, I can. / No, I can’t

คุณพูดภาษาไทยได้ไหม

ได้ พูดได้ / เปล่า พูดไม่ได้

Can you speak Thai, please?

All right. / Sorry, I don’t knowThai.

คุณกรุณาพูดภาษาไทยได้ไหม

ตกลง / ขอโทษ ฉันไม่รู้ภาษาไทย

Will you come tomorrow?

Yes, I will. / No, I won’t.

พรุ่งนี้ คุณจะมาใช่ไหม

ใช่, ฉันจะมา / เปล่า, ฉันจะไม่มา

Will you come tomorrow, please?

Sure. / I’m afraid I can’t.

พรุ่งนี้คุณมาได้ไหม

มาได้ / ฉันเกรงว่า คงมาไม่ได้

-การขอร้องที่ใช้ Do / Would you mind + v-ing เมื่อตอบรับ ใช้รูปเป็นปฏิเสธ คือ Of course not / Certainly not ซึ่งความหมายจริงๆ
ของการขอร้องชนิดนี้ ก็คือ คุณจะรังเกียจไหมที่จะ….คำตอบ ก็คือ เปล่า, ไม่รังเกียจ
ตัวอย่าง
Do you mind opening the window?    No, of courses not.
คุณจะรังเกียจไหมที่จะเปิดหน้าต่าง    ไม่เลย ไม่รังเกียจ
Would you mind helping me with this?    Certainly not.
คุณจะรังเกียจไหมที่จะกรุณาช่วยฉันทำสิ่งนี้   ไม่, ไม่รังเกียจ
แบบฝึกหัด
จงสร้างข้อความต่อไปนี้ให้เป็นประโยคขอร้อง
1. Take a seat
2. Turn off the fan
3. Show how to use it
4. Clean the room
5. Tell the way to somewhere
6. Type the letter
7. Not to be late
8. Pronounce this word
9. Send the letter by post
10. Not smoke in the room
ตัวอย่าง
Take a seat, please.
I want you to take a seat.
I would like you to take a seat.
Can you take a seat, please?
Could you please take a seat?
Do you mind taking a seat?
Take a seat, won’t you?
I wonder if you would take a seat.
โครงสร้างประโยคสำหรับขอร้อง มีดังนี้
Please…………….
………………., please.
I want …………., please.
I would like ……………, please.
Can/Could you ………….., please?
Will/Would
Could/Would you kindly ……………?
Would you be so kind as to …………?
Do/Would you mind ……………?
…………, will you?
…………, won’t you?
What/Who/etc…………, please?
I wonder if you…………….
I wonder if you would mind……………..
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา    

(Visited 257,716 times, 16 visits today)


เพิ่มศัพท์ภาษาอังกฤษยังไงให้จำได้ มีประสิทธิภาพ


วิธีเพิ่มศัพท์ภาษาอังกฤษให้จำได้ไม่ลืม ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เพิ่มศัพท์ภาษาอังกฤษยังไงให้จำได้ มีประสิทธิภาพ

ทุกคนเคยร้องไห้ – ป้าง นครินทร์「Official MV」


MV ทุกคนเคยร้องไห้
ป้าง นครินทร์
listen on Spotify : https://goo.gl/zyy14N
New Single 2017
genie records
พูดคุยกับพี่ป้างได้ที่ http://www.facebook.com/pangtalk
เนื้อร้อง / ทำนอง / เรียบเรียง : นครินทร์ กิ่งศักดิ์
ฉันไม่รู้เธอแบกรับอะไรไว้มากมาย เหมือนคล้ายๆเธอปวดร้าวที่ข้างใน
แต่ฉันรับรู้ถึงความกดดัน ที่เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้
ดูเหมือนเธอไม่ยอมให้ใคร มองว่าอ่อนแอ
จำได้ไหมวันแรกที่เธอเกิดมา เธอร้องไห้ มันสื่อความหมาย
ว่าเธอจะก้าวต่อไป ในโลกใบนี้ ใช่ไหม
อยากจะร้อง ร้องเลย ร้องไห้ ร้องออกมา
เธอจงเสียน้ำตา เพื่อเป็นการระบาย โลกใบนี้วกวน
ทุกๆคนก็เคยร้องไห้ ให้หยดน้ำตาสื่อความหมายให้เธออีกที ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว
เธอบอกฉันว่าไม่มีใครเข้าใจหรอกไอ้ความช้ำชอกที่เธอต้องเจอ
แต่เธอรู้บ้างไหม ไม่ว่าใครๆก็ต้องเคยน้ำตาล้นเอ่อ
แม้จะดูว่าเขาเลิศเลอ แค่ไหนก็ตาม
จำได้ไหมวันแรกที่เธอเกิดมา เธอร้องไห้มันสื่อความหมาย
ว่าเธอจะก้าวต่อไป ในโลกใบนี้ ใช่ไหม
อยากจะร้อง ร้องเลย ร้องไห้ ร้องออกมา
เธอจงเสียน้ำตา เพื่อเป็นการระบาย โลกใบนี้วกวน
ทุกๆคนก็เคยร้องไห้ ให้หยดน้ำตาสื่อความหมายให้เธออีกที ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว
อยากจะร้อง ร้องเลย ร้องไห้ ร้องออกมา
เธอจงเสียน้ำตา เพื่อเป็นการระบาย โลกใบนี้วกวน
ทุกๆคนก็เคยร้องไห้ ให้หยดน้ำตาสื่อความหมายให้เธออีกที ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว
ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว

Producer นครินทร์ กิ่งศักดิ์
Drums ขจรเดช พรมรักษา
Bass ปิยะสันต์ สถิตพันธุ์เวชา
Guitar นครินทร์ กิ่งศักดิ์ / วัฒนกร ศรีวัง
Piano ปธัย วิจิตรเวชการ
Mixdown \u0026 Mastering วัฒนกร ศรีวัง / นครินทร์ กิ่งศักดิ์
Studio Tonetintoy Studio / SideA Studio / Groovin’ house Stuido
Sound Engineer วัฒนกร ศรีวัง / ขัตมาน ชูกลิ่น

♪ listen on Spotify : https://goo.gl/zyy14N
♪ Download on iTunes : 19฿ Buy https://goo.gl/9cb5DZ
♪ JOOX Music : http://music.sanook.com/album/2208847/
♪ Digital download : กด 123 1044443 3 โทรออก
▶ genie|merch : http://www.geniemerch.com

ทุกคนเคยร้องไห้ - ป้าง นครินทร์「Official MV」

EP.15 | ฝึกคิดแปลไทยเป็นอังกฤษ ไม่ยากอย่างที่คิด ดูละครไทย ก็ฝึกได้! | Netflix English Room


ครบ จบทุกเรื่องภาษาอังกฤษ ดู Loukgolf’s Netflix English Room
เข้าสู่บทเรียนของการแปลไทยเป็นอังกฤษที่ทุกคนรอคอย คลาสนี้บอกเลยว่ามีประโยชน์มากกกกก เพราะหลายคนน่าจะเคยประสบปัญหากันไม่มากก็น้อย เวลาต้องแปลคำ วลีหรือประโยคไทยๆ ให้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะจะแปลแบบไทยไปอังกฤษเลย มันก็จะดูห้วนๆ แปลกๆ และเจ้าของภาษาอาจจะเกาหัวใส่ได้
เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติการแปลภาษาตรงกัน วันนี้พี่ลูกกอล์ฟ เลยมีตัวอย่างการแปลที่เวิร์คมากจากซีรีส์และละครไทยมาฝากกัน ให้ลองฝึกคิดแปลเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างลื่นไหล เข้าใจ ไม่มีงง มาดูกันว่า การจะแปลประโยคที่มีอรรถรสแบบไทยๆ ให้เหมาะสมในบริบทภาษาอังกฤษมากที่สุด เค้าแปลกันยังไง แปลแบบไหนได้บ้าง เตรียมสมุด ปากกาให้พร้อมแล้วมาเข้าคลาสนี้ด้วยกันเลย
ติดตามคลาสเรียนสนุกๆ ของพี่ลูกกอล์ฟได้ใน Loukgolf’s Netflix English Room
ทุกวันอาทิตย์ 17.00 น. ทาง YouTube Netflix Thailand
NetflixEnglishRoom พี่ลูกกอล์ฟ
Netflix สอนภาษาอังกฤษ

EP.15 | ฝึกคิดแปลไทยเป็นอังกฤษ ไม่ยากอย่างที่คิด ดูละครไทย ก็ฝึกได้! | Netflix English Room

เพลงเป็ด รวมเพลงเด็กฟัง ก้าบ ก้าบ ก้าบ – Thai Duck Song by KidsMeSong


ขอบคุณมากค่ะสำหรับการดูวิดีโอนี้และสำหรับการแชร์วิดีโอของช่องหนู
Subscribe หรือสมัครสมาชิกเพื่อติดตามช่อง kids me songs |Please subscribe for new videos https://goo.gl/RXpPFZ
Mail ►► [email protected]
Facebook ►► https://www.facebook.com/KidsMeSong/
Instagram►► https://www.instagram.com/kidssongth/
twitter ►► https://twitter.com/KidssongTHAI
Line ►► kidssongth
รวมเพลง ก ไก่ ►► https://goo.gl/wIx4DS
เพลงเด็กพร้อมท่าเต้น ►► https://goo.gl/UqGBeq
รวมเพลงช้าง ►► https://goo.gl/QaP0lD
รวมเพลงเป็ด ►► https://goo.gl/dpFpuE
รวมเพลงลิง ►► https://goo.gl/CrzAt6
รวมเพลงเต่า ►► https://goo.gl/VCFjMj
รวมเพลงไก่ ►► https://goo.gl/4NLqaN
เรียนรู้ตัวเลข ►► https://goo.gl/G9LvY4
เพลงสูตรคูณ ►► https://goo.gl/LhJRqd
รวมเพลงเด็กอนุบาล ►► https://goo.gl/LTQauf
เพลงภาษาอังกฤษ ►► https://goo.gl/AOQ6RH
ปั้นแป้งโดว์ สนุกเสริมการเรียนรู้ ►► https://goo.gl/5rDSwm
เรียนรู้สี ►►https://goo.gl/f5osFA
ติดตามช่องอื่นๆของเรา
The kids song ►►https://goo.gl/mwQXzu
Happy kids thailand ►►https://goo.gl/tzlrAo
เพลงเป็ดอาบน้ำ
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอยปลาปู
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดูเพราะในคูมี หอยปูปลา
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอยปลาปู
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดูเพราะในคูมี หอยปูปลา

เพลงเป็ด รวมเพลงเด็กฟัง ก้าบ ก้าบ ก้าบ -  Thai Duck Song by KidsMeSong

ปล่อย – NUM KALA「Official MV」


MV ปล่อย
NUM KALA
ALBUM \”TIME TO SMILE\”
genie records
ติดตาม หนุ่ม KALA ได้ที่…
https://www.facebook.com/NumKALA6/ | IG @NUMKALA
เพลง : ปล่อย
เนื้อร้อง : จเร วรพจน์พิศุทธิ์
ทำนอง : เทียนชัย เกียรติปรุงเวช
เรียบเรียง : ศิลปกร มณีเนตร \u0026 เทียนชัย เกียรติปรุงเวช
ปล่อยความคิด ทิ้งไว้ให้ใจไม่ต้องคิด
ปล่อยชีวิต ไปตามแต่โชคชะตา
ปล่อยความหลัง ฝังใจ ให้มันด้านชา
ปล่อยน้ำตา ให้มันหลั่งริน
ปล่อยแม่น้ำ ให้ไหลร่วงไปจนสุดสาย
ปล่อยใบไม้ทิ้งใบร่วงลงพื้นดิน
ปล่อยให้นกหลงทาง ได้กางปีกบิน
ไปตามเสียงที่ได้ยินในใจ
ปล่อยให้เธอได้เจอทางที่ดี ปล่อยให้เธอได้มีชีวิตใหม่
ปล่อยให้การเฝ้ารอของเธอ ได้เจอจุดหมาย
ปล่อยความรักนำทางให้เธอ
ปล่อยความฝัน ของฉันให้เป็นแค่ความฝัน
ปล่อยดวงจันทร์ ให้ตามตะวันไม่เจอ
ปล่อยความรักให้เป็น แค่คำเพ้อเจ้อ
ปล่อยฉันให้ละเมอ เดียวดาย
ซ้ำ
ปล่อยความรักให้เป็น แค่คำเพ้อเจ้อ ปล่อยฉันให้ละเมอ
NKL Band : ศิลปกร มณีเนตร , อิทธิพล มุกดา , อิสระ สุวรรณณัฐวิภา , กฤษณพงศ์ มีพรหมดี
Additional Musician : เวธกา วสุรัตต์ (ซิดนี่ย์) (Acoustic Guitar)
Chorus : กัลป์ธีรา ทรงประโคน
Sound Engineer : ยศธร แสนสาร
Mix down : กมล กันฤทธิ์
Mastering : ศราวุธ พรพิทักษ์สุข at Westside mastering Studio
Recorded \u0026 Mixed at Polarbearstudios
Produced by : เทียนชัย เกียรติปรุงเวช
ปล่อย available on
♪ JOOX : https://bit.ly/2NAHnST
♪ iTunes : https://apple.co/30qHMg0
♪ Spotify : https://spoti.fi/2trNJNt
♪ LINE TV : https://tv.line.me/v/11906120
NUMKALA
genierecords

ปล่อย - NUM KALA「Official MV」

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ทํา ให้ เต็มที่ ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *