Skip to content
Home » [NEW] 14212 English Grammar in Use | เอกพจน์ พหูพจน์ คือ – NATAVIGUIDES

[NEW] 14212 English Grammar in Use | เอกพจน์ พหูพจน์ คือ – NATAVIGUIDES

เอกพจน์ พหูพจน์ คือ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

 

3.1 คำนาม (noun)

คำนามเป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน   สัตว์   สถานที่  สิ่งของ และนามธรรม   เช่น  student, policeman, dog, snake, airport, river, television, sugar, love, etc.

        

        

3.1.1

 ประเภทของคำนาม 

                   แบ่งได้ดังนี้ 
                  
    1)   คำนามทั่วไป (common noun) เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน  สัตว์   สถานที่  สิ่งของ  สภาวะทั่วๆ ไป  เช่น  man, panda, city, day
                      2)   คำนามเฉพาะ   (proper noun) เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคนหนึ่งคนใด  สิ่งของหนึ่งสิ่งของใด  
สถานที่หนึ่งสถานที่ใดโดยเฉพาะ  เช่น

แบ่งได้ดังนี้เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สถานที่ สิ่งของ สภาวะทั่วๆ ไป เช่น man, panda, city, dayเป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคนหนึ่งคนใด สิ่งของหนึ่งสิ่งของใดสถานที่หนึ่งสถานที่ใดโดยเฉพาะ เช่น

                        man    เป็น  common noun   David เป็นชื่อเฉพาะเรียก  man  คนหนึ่ง
                        panda  เป็น  common noun   Linping เป็นชื่อเฉพาะเรียก  panda  ตัวหนึ่ง
                        city     เป็น  common noun    London เป็นชื่อเฉพาะเรียก  city  แห่งหนึ่ง
                        day     เป็น  common noun   Saturday เป็นชื่อเฉพาะเรียก  day วันหนึ่ง
       ชื่อวันและเดือนต้องเป็นคำนามเฉพาะ เช่น  Monday, Tuesday, etc.
                                               
          January, February, March, etc.
       คำนามเฉพาะ (proper noun)  ต้องเขียนอักษรตัวแรกของคำด้วยอักษรตัวใหญ่ (capital letter)

Activity 1

 

                      3)   คำนามนับได้ (countable noun)  คือคำนามที่นับจำนวนได้   จึงมีรูปเอกพจน์  (singular form)  และรูปพหูพจน์ (plural form)
                        การเปลี่ยนรูปเอกพจน์เป็นรูปพหูพจน์มีดังนี้
                        กลุ่มที่  1  คำนามส่วนมาก เติม  s  ที่รูปเอกพจน์เมื่อต้องการรูปพหูพจน์ เช่น คำต่อไปนี้
                                                Singular Form                     Plural Form
                                            boy                               boys    
                                            table                              tables
                                            teacher                          teachers

                        กลุ่มที่  2  คำนามที่ลงท้ายด้วย  o, ch, s,  ss, sh, x,  และ z  ต้องเติม  es    

                                      Singular Form                     Plural Form
                                            potato                            potatoes
                                            watch                             watches
                                            bus                                buses
                                            glass                              glasses
                                            brush                             brushes

ข้อยกเว้น  1.  คำที่ลงท้ายด้วย  o  เช่น buffalo  ใช้ได้ 2 แบบ คือเติม  es  ดังนี้  buffaloes หรือใช้รูปเดิมก็ได้ คือ buffalo
               2.  คำนามที่ลงท้ายด้วย  o  ที่มาจากภาษาอื่น หรือคำที่เป็นคำย่อ ให้เติม s เท่านั้น  เช่น  คำต่อไปนี้
                                             kilo = kilos                         photo = photos
                                            piano = pianos                  dynamo = dynamos                               

                                            kimono = kimonos             soprano = sopranos
การออกเสียง    เมื่อเติม es  ให้คำนามที่ลงท้ายด้วย  ch, s,  ss, sh, x,  และ z  ต้องออกเสียงคำ โดยเพิ่มพยางค์ที่ท้ายคำเป็นเสียง  /Iz/   เช่น  glasses  ออกเสียงว่า  [gla:sIz] 
                        กลุ่มที่  3  คำนามที่ลงท้ายด้วย  y  โดยอักษรที่นำหน้า  y  เป็นรูปพยัญชนะต้องเปลี่ยน y  เป็น  i  ก่อนเติม  es  เช่น
                                               Singular Form                          Plural Form
                                             baby                                babies    
                                             country                            countries
                                             fly                                   flies
 
                      แต่คำนามที่ลงท้ายด้วย  y  โดยอักษรที่นำหน้า  y  เป็นรูปสระ  ให้เติม  s  เช่น

                                             boy  =  boys

                                             monkey  =  monkeys
                        กลุ่มที่  4  คำนามที่ลงท้ายด้วย f  หรือ  fe  ต้องเปลี่ยน f  หรือ  fe  เป็น  ves  เช่น  คำนาม

ต่อไปนี้  calf, half , knife, leaf, loaf,  life, self, shelf, thief, wife, wolf, sheaf      
                                                Singular Form                        Plural Form
                                            loaf                                  loaves
                                            leaf                                  leaves
                                            wife                                  wives
                                            half                                  halves
                                            thief                                 thieves
ส่วนคำนามต่อไปนี้   hoof, scarf, และ wharf  เติม  s  หรือเปลี่ยน f  เป็น  ves ก็ได้ดังนี้    
                                            hoof  =  hoofs/ hooves      
                                            scarf = scarfs/ scarves  
                                           
wharf  =  wharfs/wharves
นอกจากคำนามที่กล่าวมานี้ คำนามอื่นที่ลงท้ายด้วย f  หรือ fe ให้เติม s  เมื่อเป็นพหูพจน์ เช่น
                                            cliff = cliffs

                                            handkerchief = handkerchiefs

                        กลุ่มที่  5  คำนามต่อไปนี้มีรูปพหูพจน์เฉพาะ  เช่น

Singular Form  

Plural Form

      man 

men

 
      woman    
women

 
      foot   
feet

 
      tooth
teeth

 
      goose 
geese

 
      mouse   
mice   

 
      lous
lice

 
      child   
children   

 
      ox         
oxen

ข้อสังเกต    คำที่  1 – 7   คำที่เป็นพหูพจน์เปลี่ยนสระภายในคำเอกพจน์   ส่วน 2 คำหลัง คือ
child  และ ox   เป็นการเติม  -ren/-en  ท้ายคำ

                        กลุ่มที่  6  คำนามกลุ่มนี้ไม่ต้องเปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์ 
                                      fish (fishes มีใช้บ้าง แต่น้อยมาก)
                                      ชื่อปลาต่าง ๆ  เช่น carp, salmon, trout, cod, mackerel
                                      ปลาหมึก  squid
                                      สัตว์บางชนิด เช่น  deer, sheep, swine
                                      ยานพาหนะบางชนิด  เช่น  aircraft, craft

คำนามต่อไปนี้ใช้รูปเดิมหรือเติม s ก็ได้   duck/ducks,  partridge/ partridges,  pheasant/pheasants
คำนามนับได้บางคำจะเป็นพหูพจน์เสมอ  เช่น clothes, police, savings, stairs, surroundings, valuables, pains, thanks, contents, etc.
                                      She unpacked and put all her clothes in the closet.
                                      The man witnessed the robbery and called the police.
                                      She walked up the stairs quietly.
คำนามเรียกเสื้อผ้า  เครื่องมือ หรือของใช้ที่มีสองส่วนจะเป็นพหูพจน์เช่นเดียวกัน เช่น
                       เสื้อผ้า:  trousers pants, shorts, etc.  (กางเกง มี 2 ขา)
                       เครื่องมือหรือของใช้:  pliers, scissors,  tweezers, binoculars, glasses, spectacles, etc.
                                     Schoolboys wear shorts when they go to school.
                                     The girl cut the pictures with scissors.

                                     Tim is short-sighted.  He must wear glasses when he reads.

Activity 2

                      4)   คำนามนับไม่ได้ (uncountable noun)  ได้แก่

                        คำนามที่เรียกสิ่งที่นับจำนวนไม่ได้หรือไม่สามารถแยกนับเป็นหนึ่ง  สอง  สาม  ฯลฯ  ได้    เช่น

                               water       sugar        bread      gold        paper      dust                          
                               sand        hair          cloth        soap       ice          oil
                               glass        wood        meat       jam        chalk       mud
                               milk         salt           butter      rice         air          snow

                        คำนามที่บอกการกระทำ (action)  คุณสมบัติ (quality) หรือ สภาพ (state)  ซึ่งไม่มีตัวตน  จับต้องไม่ได้    คำนามเหล่านี้เรียกว่า อาการนาม (abstract noun) ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดได้ในเรื่อง อาการนาม เช่น

                               information       advice       relief       laziness       sorrow       willingness   

                        คำนามที่เป็นชื่อวิชาหรือชื่อกีฬา  เช่น

                               English             Japanese          history      geography       psychology 
                               basketball         tennis              golf           baseball 

                        คำนามที่เรียกชื่อโรคต่าง ๆ  เช่น   mumps,  measles, shingles (งูสวัด) และ

                        คำนามต่อไปนี้      luggage, baggage,  furniture, weather,  news,  etc.

                        คำนามนับไม่ได้จะมีคุณสมบัติเป็นเอกพจน์เสมอ  และไม่ใช้คำกำกับนาม a/an
นำหน้า

 

Activity 3 | Activity 4

 

                      5)  สมุหนาม  (collective noun)  เป็นคำนามเอกพจน์ซึ่งใช้เรียกคนเป็นกลุ่ม  เช่น

                        family          staff       team        bunch       army        crowd       government
                        company     class       club          gang         jury          band        committee
                  คำนามเหล่านี้จึงสามารถใช้เสมือนเป็นคำพหูพจน์ใช้กริยาพหูพจน์  (plural verb)  แต่ใช้กับกริยาเอกพจน์  (singular verb)  ก็ได้   ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้พูดหรือผู้เขียนตั้งใจจะหมายถึงอะไร
ถ้าผู้พูดหมายถึง   คนจำนวนมากกว่า 1 คน ( = people) กำลังทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีคนมากกว่า 1 คนทำ  เช่น การวางแผนต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด  ฯลฯ ควรจะใช้กริยาพหูพจน์และต้องแทนด้วยคำสรรพนาม  “they”  เช่น
                        Our school team are wearing the school uniform.
                  ถ้าหมายถึง  กลุ่มเดียว/หน่วยเดียว (a single group or unit)  ให้ใช้กริยาเอกพจน์  เช่น
                        Our school team is better than our opponent’s.
                        The family is going to Italy next month.
                  สมุหนามบางคำมีรูปพหูพจน์ได้และต้องใช้กับกริยาพหูพจน์    เช่น
                        family =  families      class = classes      crowd = crowds

Activity 5

 

                      6)   อาการนาม (abstract noun) ได้แก่คำนามที่เรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง เช่น  honesty  คำนาม
ประเภทนี้เป็นคำนามที่บอกการกระทำ (action)  คุณสมบัติ (quality) หรือสภาพ (state)  ซึ่งไม่มีตัว
ตนที่จับต้องได้  อาการนามเป็นคำนามที่นับไม่ได้  เช่น

 
ability    
courage     
death 
fear  
help   

 
decision
experience 
beauty 
hope   
pity

 
honesty
horror      
knowledge 
happiness
mercy       

 
poverty      
arrival   
choice      
shopping   
camping

                      7)   คำนามวัตถุ/ คำนามที่ใช้เรียกสิ่งที่เป็นรูปธรรม  (material noun/ concrete noun)     คำนามประเภทนี้เป็น  mass noun  เป็นคำนามที่เรียกสิ่งของที่มีรูปร่าง   อยู่เป็นกลุ่มก้อน แต่นับไม่ได้ ต้องระบุจำนวนมากน้อยโดยบอกเป็นปริมาณ และเป็นคำนามที่บ่งบอกถึงเนื้อวัตถุ  จะมีรูปเป็นเอกพจน์และใช้กับกริยาเอกพจน์เสมอ เช่น  rice, soap, gold, water, wood
                             คำนามวัตถุจะไม่ใช้คำกำกับนาม a/an  นำหน้า  เช่น
                             Rice is grown in Thailand.
                             We wash our hands with soap and water before meals.
                             Gold is very expensive these days.
                             วิธีระบุปริมาณของคำนามวัตถุ ต้องใช้ common noun  มาช่วยแสดงปริมาณโดยใช้รูปแบบ

กลุ่มคำดังนี้

                        common noun + of + material noun  เช่น

 
a glass of water 
a jug of milk

 
a cup of tea  
a loaf of bread

 
a bar of soap   
a cube of sugar

 
a piece of paper 
a bag of rice

                        วิธีทำเป็นพหูพจน์ ต้องเปลี่ยนที่ common noun ดังนี้
                             He drinks two glasses of milk every morning.
                             She bought three loaves of bread.
                             Please give me five pieces of writing paper.
 
                      คำนามวัตถุจัดเป็นประเภทได้ดังนี้

                        พวกที่เป็นอาหาร ได้แก่  ประเภทเนื้อและพืชผลต่างๆ เช่น

                             meat      mutton      pork         cheese      bread        beef        rice
                             salt        sugar        fish           butter       curry         milk          wheat

                        พวกที่เป็นสารธรรมชาติและแร่ธาตุต่างๆ เช่น

                             gold       silver         iron          oxygen      metal        stone        wood
                             glass      brick         sand         cement     cotton        earth        copper

Activity 6 | Activity 7 

                      8)   คำนามที่แสดงเพศ (gender)  มีอยู่ 4 ประเภทคือ  เพศชาย (masculine),  เพศหญิง (feminine), เพศรวม  (common gender) และไม่มีเพศ (neuter)

                              คำนามที่บ่งบอกเพศชายและเพศหญิง

                                   –  สำหรับเรียก คน (people)       

 
M     
F  
 M     
 F    

boy

girl

man

woman

son 
daughter 
uncle
aunt

father 
mother
husband
wife

nephew
niece
bachelor 
spinster

gentleman   
lady     
bridegroom 
bride

widower  
widow    
duke   
duchess     

king    
queen   
prince       
princess

actor      
actress  
host      
hostess   

hero              
heroine   
waiter       
waitress

salesman        
saleswoman   
god          
goddess

heir             
heiress  
steward  
stewardess

                                          

                                   –  สำหรับเรียก สัตว์  (animals) ต่อไปนี้ 

 
M     
F  
 M     
 F    
 M
 F  

 

drake 

duck 

bull 

cow

cock 
hen

 
gander  
goose
ram
ewe 
dog
bitch

 
tiger   
tigress
lion
lioness
 
 

 

                              คำนามที่บ่งบอกเพศรวม เช่น

                                boy – girl  = child                    son – daughter = child
                                man – woman =  person          father – mother =  parent*
                               
cock – hen  =  fowl                 ram – ewe =  sheep

                              * คำว่า parent   ถ้าหมายถึงทั้งพ่อและแม่ จะเป็นพหูพจน์    คือ  parents    แต่ถ้าพูดถึงคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว คือ พ่อหรือแม่  ใช้เป็นเอกพจน์  คือ  parent

[Update] หลักการใช้ AGREEMENT | เอกพจน์ พหูพจน์ คือ – NATAVIGUIDES

agreement ออกเสียง เออะ-กรีเม้นทฺ
*agreement บางคนใช้คำว่า concord ออกเสียง คองคอด *agreement คือ ความสัมพันธ์สอดคล้องระหว่างประธาน (subject) และกริยา (verb)
*หลักการง่ายๆ ของ agreement ก็คือ
-ประธานเอกพจน์ (singular subject) กริยาเอกพจน์ (singular verb) –ประธานพหูพจน์ (plural subject) กริยาพหูพจน์ (plural verb)
หมายเหตุ
ก. หลักการนี้บังคับใช้เฉพาะ Present Simple Tense
ข. กริยาเอกพจน์ คือ กริยาที่เติม -s/-es
ค. กริยาพหูพจน์ คือ กริยาที่ไม่เติม -s/-es
รายละเอียดการใช้
1. ความสัมพันธ์สอดคล้องระหว่างประธานและกริยาใน Present Simple Tense ก็คือ
-ถ้าประธานเป็นคำนามหรือสรรพนามบุรุษที่ 3 เอกพจน์ กริยาจะ ต้องเติม -s/-es
-ถ้าประธานเป็นคำนามหรือสรรพนามบุรุษที่ 1, 2 หรือสรรพนาม บุรุษที่ 3 พหูพจน์ กริยาจะไม่เติม -s/-es
นาม                         กริยา
เอกพจน์
พหูพจน์                      –                           +s/es
+s/es                        –
ตัวอย่าง
ประธานเอกพจน์ – กริยาเอกพจน์
The carpet needs cleaning.
พรมต้องการการทำความสะอาด
He always works hard.
เขาทำงานหนักเสมอ
Laura studies at the University of Sydney.
ลอร่าเรียนที่มหาวิทยาลัยซิดนี่ย์
ประธานพหูพจน์-กริยาพหูพจน์
The carpets need cleaning.
พรมหลายผืนต้องการการทำความสะอาด
They always work hard.
พวกเขาทำงานหนักเสมอ
Laura and Tracy study at the University of Sydney.
ลอร่าและเทรซี่เรียนที่มหาวิทยาลัยซิดนี่ย์
ข้อยกเว้น
คำนามซึ่งทำหน้าที่ประธานของประโยคบางคำแม้จะมีลักษณะตามที่กล่าวมาข้างต้น คำกริยาก็ไม่ได้เป็นไปตามรายละเอียดการใช้ข้างต้น ได้แก่
1.1 คำนามที่ลงท้ายด้วย s ต่อไปนี้ถือว่าเป็นเอกพจน์ ฉะนั้นกริยาใน ประโยคจะต้องเป็นเอกพจน์ด้วย เช่น
politics รัฐศาสตร์    economics เศรษฐศาสตร์
physics วิชาฟิสิกส์    mathematics คณิตศาสตร์
ethics จริยศาสตร์    news    ข่าว
measles โรคหัด        mumps โรคคางทูม
billiards กีฬาบิลเลียด
ตัวอย่าง
Measles is a disease.
หัดเป็นโรคซนิดหนึ่ง
Physics is very difficult.
วิชาฟิสิกส์ยากมาก
Billiards is a game.
บิลเลียดเป็นการเล่นชนิดหนึ่ง
1.2 คำนามบางคำเป็นรูปพหูพจน์โดยไม่ได้ลงท้ายด้วย s ฉะนั้นกริยาในประโยคจะต้องเป็นพหูพจน์ด้วย เช่น
men        ผู้ชาย    women     ผู้หญิง
children     เด็กๆ        mice        หนู
lice        หมัด
ตัวอย่าง
Mice are found everywhere.
เราสามารถพบเห็นหนูได้ทุกหนทุกแห่ง
Women are sensitive.
ผู้หญิงเป็นเพศที่รับรู้สึกสิ่งต่างๆ ไว
A lot of men are on the road.
มีคนจำนานมากบนถนน
2. คำนามกลุ่มก้อน (group nouns) เช่น audience (ผู้ชม) committee (คณะกรรมการ) family (ครอบครัว) government (รัฐบาล) team (ทีม) เมื่อทำหน้าที่ประธานของประโยค กริยาอาจเป็นรูปเอกพจน์ ถ้าหากให้ความหมายเป็นหน่วยหนึ่งๆ แต่ถ้าแทนมวลสมาชิก กริยาจะเป็นพหูพจน์
ตัวอย่าง
The commitee /meets, meet every week.
ความหมาย
(1) ในกรณีที่เติม s ท้ายกริยา ซึ่งถือเป็นเอกพจน์ แสดงว่า The committee หมายถึง “คณะกรรมการ’’
(2) ในกรณีที่กริยาเป็นรูปพหูพจน์ไม่มี s แสดงว่า The committee หมายถึง “มวลสมาชิกที่เป็นคณะกรรมการ”
The audience were clapping and waving their hands in excitement. ความหมาย – กรณีนี้ audience หมายถึง “ผู้เข้าชม” กริยาจึงเป็นพหูพจน์
3. กรณีที่ประธานของประโยคมีตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป ถูกเชื่อมด้วย and ถือว่าเป็นพหูพจน์ กริยาจึงต้องเป็นพหูพจน์ด้วย
ตัวอย่าง
My husband and I have a job.
สามีของดิฉันและดิฉันมีงานทำ
Nichada and Aree are friends.
นิชาดาและอารีเป็นเพื่อนกัน
4. ถ้าหากประโยคขึ้นต้นด้วยคำว่า there กริยาที่ใช้จะต้องสอดคล้องกับนามที่อยู่ถัดไป โดยดูว่าเป็นนามเอกพจน์หรือพหูพจน์
ตัวอย่าง
There is one thing that keeps worrying me.
มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมกังวลตลอด
There are many tall buildings in New York City.
มีอาคารสูงมากมายในกรุงนิวยอร์ก
There has been tremendous progress within this century.
มีความก้าวหน้ามากในศตวรรษนี้
There have been a few changes in recent years.
มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
5. ในกรณีที่ประธานของอนุประโยคเป็น who, which, that ให้ใช้กริยา โดยคำนึงถึงการทดแทนคำนามของ who, which, that ว่าเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์
ตัวอย่าง
It is I who am wrong.
ผมนั่นแหละคือผู้ผิด
I am the one who is wrong.
ผมเป็นคนหนึ่งที่กระทำผิด
The article is one of the best sketches that have ever been
written.
บทคาามนี้เป็นร่างที่ดีที่สุดอันหนึ่งที่ถูกเขียนออกมา
6. กรณีที่ประธานของประโยคเป็นจำนวนหน่ายหรือปริมาณ อาทิ เวลา เงินตรา หน่วยการวัด นํ้าหนัก ปริมาตร เสษส่าน ถ้าหากเราพิจารณา เห็นว่าเป็นหน่วยหนึ่งๆ กริยาในประโยดจะเป็นเอกพจน์ แต่ถ้าพิจารณา แล้วเห็นว่าเป็นจำนวนหน่ายที่แยกออกจากกัน กริยาในประโยคจะเป็น พหูพจน์
ตัวอย่าง
Five years is a long time to be imprisoned.
ระยะเวลา 5 ปี ถือว่ายาวนานทีเดียวที่ถูกขังคุก
The last five years have been busy years.
ช่วง 5 ปีสุดท้ายนับเป็นช่วงปีที่ยุ่งวุ่นวายมาก
7. กรณีที่ประธานของประโยคเชื่อมด้วย and แต่หมายถึงบุคคลคนเดียวกันหรือสิ่งเดียวกันถือว่าเป็นประธานเอกพจน์ กริยาก็จะต้องเป็น เอกพจน์ด้วย
ตัวอย่าง
Spaghetti and meatballs is one of Susie’s favourite dishes.
สปาเก็ตตี้กับลูกชิ้นเนื้อเป็นอาหารจานโปรดของซูซี่
(ทั้ง spaghetti และ meatballs ผสมกันเป็นอาหารจานเดียว)
The president and secretary is Mr. Brown.
ประธานและเลขานุการคือ นายบราวน์
(นายบราวน์ ดำรงตำแหน่งทั้งเป็นประธานและเลขานุการ)
8. ถ้าประธานของประโยคมีมากกว่า 1 ตัว ถูกเชื่อมด้วย or หรือ nor กริยาจะใช้ตามปรานตัวที่อยู่ใกล้มันมากที่สุด
ตัวอย่าง
Either Jim or Jane was responsible for mailing the letter.
จิมหรือเจนก็ได้ช่วยรับผิดชอบส่งจดหมายให้ที
Neither Ray nor George has finished his work.
ไม่ว่าจะเป็นเรีย์หรือจอร์จต่างก็ทำงานไม่เสร็จ
Either the judge or the two witnesses were wrong.
ผู้พิพากษาหรือไม่ก็พยาน 2 คนที่ผิด
9. กรณีที่ประธานของประโยคมีคำว่า some, any, none, all และ most คำกริยาจะใช้ตามคำนามที่อยู่ถัดจากประธานเหล่านี้
ตัวอย่าง
Some of my work has been lost.
งานของผมบางชิ้นหายไป
Some of my papers have been lost.
หนังสือพิมพ์ของผมบางฉบับหายไป
Has any of the work been found?
มีงานชิ้นใดบ้างที่ถูกพบ
Have any of the letters been found?
มีจดหมายฉบับใดบ้างที่ถูกพบ
None of the work has been found.
ยังไม่พบงานชิ้นใดเลย
None of the letters have been found.
ยังไม่พบจดหมายสักฉบับเลย
10. กรณีที่ประธานของประโยคถูกเชื่อมด้วย and แต่หน้าประธานมีคำว่า each, every หรือ many a ถือว่าประธานตัวนั้นเป็นเอกพจน์ กริยาก็จะเป็นเอกพจน์ด้วย
ตัวอย่าง
Each dog and cat has been missing.
สุนัขและแมวแต่ละตัวหาย ไป
Every man, woman and child was evacuated from the burning building.
บุรุษ สตรี และเด็กถูกอพยพออกไปจากอาคารที่ไฟกำลังลุกไหม้
Many a paper and report has been written on the subject. หนังสือพิมพ์และรายงานถูกเขียนตามหัวข้อที่กำหนด
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 34,958 times, 5 visits today)


หลักการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์(Singular) ให้เป็นคำนามพหูพจน์(Plural) l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน


เรียนรู้หลักในการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์(Singular) ให้เป็นคำนามพหูพจน์(Plural) สามารถดูคลิปเพื่อติวสอบภาษาอังกฤษระดับ ประถม 456 และมัธยม 16 ได้เลย
สนใจเรียนไวยากรณ์และแกรมม่าภาษาอังกฤษพื้นฐานแบบฟรีๆ สามารถกดติดตามเราได้ที่:
Youtube: https://bit.ly/3dldu4m
Twitter: http://bit.ly/2Yt2lqH
Blog: https://goo.gl/JthDFX
Facebook: http://bit.ly/2CIaLBa
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน แกรมม่าภาษาอังกฤษเบื้องต้น

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

หลักการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์(Singular) ให้เป็นคำนามพหูพจน์(Plural) l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

EP.2 ว่าด้วยเรื่อง เอกพจน์ และพหูพจน์คืออะไร (Singular and Plural) มีอะไรบ้าง มาดูกัน


คลิบนี้ จะมาทบทวนไปพร้อมกันกับเพื่อนๆ น้องๆ เกี่ยวกับเรื่อง เอกพจน์ และพหูพจน์คืออะไร (Singular and Plural)
กดติดตาม กดถูกใจ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค่ะ
FB: Grammi Around

EP.2 ว่าด้วยเรื่อง เอกพจน์ และพหูพจน์คืออะไร (Singular and Plural) มีอะไรบ้าง มาดูกัน

หลักการเติม S ในภาษาอังกฤษ หายงงได้ในคลิปเดียว 10 นาที


www.englishleklek.tv
Line ID: @englishleklek

Note !
อย่าลืมมา join group ติวโจทย์ TOEIC แบบใหม่ของพี่เล็กกันได้ที่
https://www.facebook.com/groups/531233361052037

Hilight!
เปิดแล้วคอร์สติว TOEIC Level up สำหรับคนที่อยากเพิ่มคะแนน TOEIC ให้ถึงเป้า
update แนวข้อสอบแบบใหม่ดูรายละเอียดได้ทาง
https://www.englishleklek.tv/courses/newtoeic_reading_online/
ติวโทอิค ติวTOEIC สอบTOEIC เพิ่มคะแนนTOEIC

หลักการเติม S ในภาษาอังกฤษ หายงงได้ในคลิปเดียว 10 นาที

Grammar 5 นาที : การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (การเติม s, es, ies ท้ายคำนาม)


เนื่องในโอกาสวันพ่อในปี 2557 นี้ จึงอยากทำดีเพื่อพ่อโดยจัดทำวีดีโอให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ โดยจัดทำเป็นเนื้อหาสั้นๆ ตอนละประมาณ 5 นาที โดยใช้ชื่อว่า \”Grammar 5 นาที\” หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ชมนะคะ สามารถติดตามได้ที่ Facebook : Miss Noon
On the 5th of December is Father’s day in Thailand, since 2014 I would like to make the goodness for our father of Thailand so I make the videos about grammar for Thais who interested in English which the topic is \”Grammar 5 mins\” contact on Facebook : Miss Noon

Grammar 5 นาที : การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (การเติม s, es, ies ท้ายคำนาม)

ติว TOEIC Grammar : Subject-Verb Agreement คืออะไร? จำยังไงไม่ให้ลืม!


✿ ติวสอบ TOEIC® เริ่มจากพื้นฐาน เทคนิคแกรมม่า แนวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด! ✿
👉 ทดลองติวฟรี! ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
แกรมม่า TOEIC เรื่อง SubjectVerb Agreement นี้ หลายคนสับสนมาก จะเติม หรือไม่เติม s ดี?
คลิปนี้ครูดิวมีคำตอบ พร้อมเทคนิคจำง่ายๆ มาให้ค่าาา (เต้นตามครูดิวไปด้วยนะคะ ^^)
✿ คอร์สครูดิว ติวสอบ TOEIC® มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅ติวเทคนิคสอบ TOEIC® รวม Grammar ที่ใช้สอบ ครบถ้วน สอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เก็งศัพท์สอบ TOEIC® ออกข้อสอบบ่อย ๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ ติวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด ทั้ง Reading และ Listening
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC Grammar : Subject-Verb Agreement คืออะไร? จำยังไงไม่ให้ลืม!

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เอกพจน์ พหูพจน์ คือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *