Skip to content
Home » [NEW] 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายใน 3 เดือน | อยากเก่งภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายใน 3 เดือน | อยากเก่งภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

อยากเก่งภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

การสื่อสารมีความสำคัญเป็นอย่างมากเมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารจะมีทั้งการฟังและพูด เพื่อสร้างบทสนทนาและสามารถโต้ตอบได้อย่างเข้าใจ แต่ปัญหาของผู้เรียนส่วนใหญ่จะเจอในการสื่อสารคือฟังได้แต่ตอบไม่ได้ พูดไม่ออก เรียนไปตั้งนานแต่ไม่เห็นการพัฒนา ทำให้รู้สึกว่าเรียนไปก็เสียเวลาไปเปล่า ๆ ดังนั้นวันนี้ทาง EngBreaking.co.th จะเปิด 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในสามเดือน จริงหรือไม่ ? ต้องดู !

Table of Contents

1.เปลี่ยนจากการคิดเป็นภาษาไทยเป็นคิดเป็นภาษาอังกฤษก่อนพูดทุกครั้ง

ถ้าผู้เรียนคนใดอยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง เราต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษก่อน เช่น เมื่ออยากจะพูดกับเพื่อนว่า

  • นานแล้วไม่เจอเธอเลย สบายดีไหม ?

เราจะคิดเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่มีความหมายเดียวกันคือ

  • “Hi, Long time no see, How are you?”

จากนั้นลองคิดเกี่ยวกับคำตอบที่จะได้รับ ฝึกคิดตั้งแต่ประโยคสั้น ๆ ก่อน ถึงจะลองฝึกคิดประโยคยาว ตั้งแต่ง่ายจนถึงยากเพื่อท้าทายตัวเอง และเป็นการฝึกฝนที่จะช่วยได้หลายอย่าง ในการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณเอง เช่น การโต้ตอบเร็วขึ้นเพราะจะไม่ต้องแปลหรือคิดเป็นภาษาไทยก่อนพูดเหมือนเดิม และสามารถเดาไว้ก่อนคำถามหรือคำตอบที่คุณอาจจะเจอในแต่ละกรณี ทำให้ตอนที่เราสื่อสารกับใครเราก็มั่นใจ พูดได้เร็วเพราะสมองได้ฝึกและคุ้นเคยกับศัพท์หรือประโยคเหล่านั้นอยู่แล้ว

Eng Breaking แนะนำวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษ

2.ต้องกล้าพูดภาษาอังกฤษ

ผู้เรียนบางคนชอบคิดว่าเมื่อเราเรียนแกรมมาเก่งแล้วเราถึงจะพูดก็ได้ แต่ความคิดแบบนี้ผิดมากเพราะตอนที่เราพูด ไม่จำเป็นที่ต้องพูดให้ถูกไวยากรณ์ 100% และถ้าเราไม่ฝึกพูดบ่อยและยิ่งมีความล่าช้าในการฝึกพูด ทำให้เกิดความไม่มั่นใจเมื่อต้องพูด เราคิดว่าเราจะพูดได้นะเพราะเราเคยเรียนศัพท์และไวยากรณ์นั้นไปแล้ว แต่เราไม่เคยได้ฝึกพูดจริง ๆ เมื่อถึงเวลาใช้งาน พอถึงเวลากลับพูดไม่ออก ดังนั้นอย่าลังเลในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ต้องกล้าพูด กล้าท้าทายตัวเอง ถึงจะเก่งได้

3. ต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษในหลายกรณีที่แตกต่างกัน

“Use It or Lose It” เป็นสำนวนอังกฤษที่มีความหมายว่า สิ่งใดไม่ได้ใช้ กำลังก็จะลูญหาย คุณค่าก็จะลดลง เช่นเดียวกันกับการฝึกฝนเรียนภาษาอังกฤษ หากไม่มีการนำออกมาใช้พัฒนา ความสามารถที่มีก็จะหายไปในที่สุด ดังนั้นต้องหมั่นเติมความรู้อยู่เสมอ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะให้ไม่ถูกลดทอนไปและใช้งานไม่ได้ในที่สุด

หมั่นฝึกพูดให้หลากหลายและบ่อยขึ้น ถ้าเรียนรู้คำศัพท์มามากมาย แต่ไม่ทำไปใช้งาน การพัฒนาก็ไม่เกิดขึ้น ควรที่จะรู้จักการเรียนรู้ในรูปแบบอื่น ๆ เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่มากขึ้น รู้จักการท้าทาย อย่ากลัวกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่ก้าวหน้า ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากความกลัวที่จะก้าวข้ามมานั่นเอง

4.เรียนพูดภาษาอังกฤษอย่างสร้างสรรต์

ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตามถ้าเรามีความสร้างสรรค์ในการเรียน รู้จักประยุกต์การเรียน ถึงแม้จะเรียนคนเดียวแต่รู้จักออกแบบการเรียนให้ดูสนุกก็ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ เช่น ฝึกฝนกับกระจก หรือร้องเพลงตามศิลปินที่ชอบ

และในปัจจุบัน ก็มีแอปพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยในการเรียนรู้ควบคู่ไปการสร้างความบันเทิง เช่น Tiktok ที่มักจะมีชาเลนจ์ คอนเทนต์ที่น่าสนใจที่อัปเดตอยู่เสมอ ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษดูไม่ยากและน่าเรียนมากขึ้น การเรียนรู้ไปกับเพื่อน ๆ ก็จะช่วยเพิ่มความสนุกได้มากขึ้น กับกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น บอร์ดเกม ที่เป็นที่นิยม หรือแอปพลิเคชั่นที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็นำมาเล่นสนุกด้วยกันเป็นทีมได้เช่นกัน

ฝึกพูดภาษาอังกฤษถูกต้องสามารถเก่งได้ในสามเดือน

5.มีแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษที่ดี น่าเชื่อถือใช้ตลอดการเรียน

ตอนนี้เราสามารถหาได้ทุกอย่างได้ในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น Blog, Vlog, Youtube เว็บไซต์ต่าง ๆ แต่ก็ใช่ว่าแต่ละแหล่งจะเชื่อถือได้และได้ผล ดังนั้นก็ควรศึกษาแหล่งข้อมูลเหล่านั้นให้ดี ๆ ว่ามีประโยชน์จริง ๆ อย่างเว็บ EngBreaking.co.th ที่มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษในแบบฉบับสมบูรณ์ รองรับผู้เรียนทุกระดับตั้งแต่ง่ายไปจนถึงยาก มีการจัดสรรเนื้อหาในบทเรียนให้เหมาะสมแก่ผู้เรียนแต่ละคน

6.เลียนแบบตามคนอื่นเป็นวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยม

ถ้าคุณชอบน้ำเสียงของใคร คุณสามารถเรียนตามเขาได้หรือเรียกได้ว่าวิธีการเลียนแบบตามคนอื่นที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนที่เคยใช้และประสบความสำเร็จได้ การเรียนแบบนี้ง่ายมาก ๆ กับสามขั้นตอนคือ

  • ขั้นตอนที่หนึ่ง คุณต้องเลือกคนที่คุณชอบ มีน้ำเสียงดี ออกเสียงภาษาอังกฤษแบบชัดเจน
  • ขั้นตอนที่สอง พูดตามคำพูดของเขาแบบที่ละประโยคสั้นๆ 
  • ขั้นตอนที่สาม ปรับความเร็ว การขึ้นลงของเสียงตามคนพูดในวิดีโอ แล้วฝึกพูดตามประโยคยาวๆ ถ้าตอนแรกเราฟังก่อนแล้วพูดตาม แต่ถึงขึ้นตอนที่สามนี้เราลองพูดตามไปเลยเหมาะกับจังหวะ ถ้าขยันใช้วิธีแบบนี้เราจะสามารถเลียนสำเนียงต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่ว

7.ลองฝึกใช้วิธี Tongue Twisters แบบสนุกๆ เพื่อฝึกพูดไว

ในภาษาอังกฤษมักจะมีศัพท์ที่อ่านออกเสียงยาก แต่ผู้เรียนจะไม่ต้องกังวลอีกแล้วเพราะเรามีเทคนิคเพื่อช่วยให้คุณปรับการออกเสียงให้ดียี่งขึ้นที่ได้เรียกว่า “Tongue Twisters” ที่หมายถึงสิ่งที่ทำให้ลิ้นบิดเบี้ยว หรือจริงๆ ก็คือเจ้าสิ่งนี้มันทำให้ลิ้นของเราอ่อน พูดได้เพราะมากขึ้นนั้นเอง
คุณสามารถฝึกออกเสียงตามวิธี “Tongue Twisters” โดยการอ่านประโยคละสามถึงห้ารอบหรือจนถึงเมื่อไหร่รู้สึกว่าโอเคแล้วเพื่อฝึกทักษะการพูดของตัวเองให้ดีขึ้นดังนี้

  • How can a clam cram in a clean cream can? ที่หมายถึง “หอยตลับเข้าไปแออัดยัดกันอยู่ในกระป๋องครีมสะอาด ๆ ได้ยังไงกัน” ช่วยคุณแยกระหว่างการออกเสียง /kl/ กับ /kr/ 
  • Send toast to ten tense stout saints’ ten tall tents. ที่หมายถึง “เอาขนมปังอบไปส่งที่เต็นท์สูงสิบหลังของพวกนักบุญอวบอ้วนที่ดูเคร่งเครียดสิบคน” ช่วยคุณแยกระกว่างการออกเสียง /s/ กับเสียง /t/ ซึ่งเป็นพยัญชนะฐานฟันทั้งคู่
  • If Stu chews shoes, should Stu choose the shoes he chews? ที่หมายถึง “ถ้าสตูเคี้ยวรองเท้า มันก็ควรจะเลือกรองเท้าที่มันเคี้ยวหรือเปล่า” ช่วยคุณแยกระกว่างการออกเสียง sh กับ ch ให้ชัดเจน กับหลายประโยคที่ผู้เรียนสามารถเก็บเอาไว้ฝึกพูดภาษาอังกฤษที่บ้านได้เช่น
  • Can you can a can as a canner can can a can? ฝึกออกเสียง เสียง /k/
  • I wish to wish the wish you wish to wish, but if you wish the wish the witch wishes, I won’t wish the wish you wish to wish. ฝึกออกเสียง sh กับ ch 
  • Santa’s short suit shrunk. ฝึกเสียง s กับ sh ซึ่งเป็นเสียงประเภท sibilant ทั้งคู่
  • Big purple bags were bought by the big picky people from

    Bilbao

    . ฝึกออกเสียง /b/ กับ /p/

8. เรียนรู้วลีแทนการเรียนรู้แต่ละคำ

การที่เราเรียนรู้เพิ่มวลีจะช่วยคุณในการพูดภาษาอังกฤษอย่างกล้วยๆ คำพูดจะออกมาแบบธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นเราควรทราบวลีที่ต่างชาติมักจะใช้กันบ่อยดังนี้

come up /kʌm/ with something แปลว่า ก่อให้เกิด, ปรากฏ
clean up /kliːn/ แปลว่า
ทำความสะอาด
come about  แปลว่า
สิ่งที่เกิดขึ้น
bring in something /brɪŋ/ แปลว่า
นำบางสิ่งบางอย่าง, เอามาให้
turn off /tɜːn/  แปลว่า ปิด
turn on something แปลว่า
เปิดบางสิ่งบางอย่าง
grow up /ɡrəʊ/  แปลว่า
โตขึ้น
keep up /kiːp/  แปลว่า
ทำต่อไป
look after /lʊk/ sb/sth แปลว่า
ดูแล
show up /ʃəʊ/ แปลว่า
แสดงขึ้นมา
stay behind /steɪ/  แปลว่า
อยู่ข้างหลัง
look up to sb แปลว่า
เคารพ
find out (something) /fɑɪnd/ แปลว่า
หา (บางสิ่งบางอย่าง)
wake up /weɪk/ แปลว่า 
ตื่นนอน

ยกตัวอย่างเช่น

:

What do you want to be when you grow up? แปลว่า คุณอยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้น?
How did you find out about the party? แปลว่า คุณทราบเกี่ยวกับปาร์ตี้ได้อย่างไร?
How many people showed up to the meeting? แปลว่า มีคนเข้าร่วมประชุมกี่คน

จากตัวอย่างดังนี้เราจะเห็นเลยว่าในภาษาอังกฤษเราก็มีหลากหลายวิธีเพื่อจะตั้งคำถามหรือตอบโดยการใช้ศัพท์หรือวลีที่เข้าใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคำที่ต่างชาตินิยมกันใช้ เราควรทราบเพื่อเลียนแบบตามได้ถูก มีความก้าวหน้าสำหรับทักษะการพูดภาษาอังกฤษของตนเอง

9. ไม่หยุดการเก็บกศัพท์ใหม่

สำหรับการพูดภาษาอังกฤษถ้าเราไม่ขยันเสริมสร้างคลังคำศัพท์ของตัวเราเอง เราก็จะพูดไม่ได้แน่นอน เพราะตอนที่ขาดศัพท์จะฟังไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดว่าหมายความว่าอะไร จากการฟังไม่ออกก็ทำให้จะตอบไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากพูดเก่งนอกจากต้องฝึกฟังและหัดสำเนียงตามให้เก่ง นอกจากนี้ก็ต้องหมั่นเก็บตกศัพท์ใหม่ไปเรื่อย ๆ ยิ่งมีคลังศัพท์เยอะยิ่งใช้คำพูดได้ธรรมชาติและพูดได้คล่อง ได้ไวเหมือเจ้าของภาษา

10. ต้องพัฒนาทักษะการพูดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

อย่าพึ่งหยุดการพัฒนาในทักษะการพูดของตัวเองโดยคิดว่าเราสื่อสารได้แล้ว หรือแค่นั้นแค่นี้คือพอแล้ว เพราะสำหรับการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ เราต้องขยันอัปเดตศัพท์ใหม่ถ้าจากพื้นฐานเราพูดได้แล้วแต่เรื่องแกรมมายังไม่ค่อยมั่นใจ ถึงจุดใดจุดหนึ่งถ้าคุณอยากเป็นช่างพูด พูดเก่งคุณควรใช้เวลาเพิ่มสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับ “part of speech” หรือเข้าใจกันง่ายๆ คือชนิดของศัพท์เพื่อได้รู้ว่าคำไหนเป็น คำนาม คำกริยา หรือ คำคุณศัพท์ เพื่อใช้ในการพูดหรือเขียนให้ถูก เพราะตอนสื่อสารทั่วไปคุณไม่ต้องใส่ใจแกรมมามาก แต่เมื่อคุณอยากสอบพูดแน่นอนว่าคุณต้องการทราบไวยากรณ์และเรียงศัพท์ให้ถูกถึงจะได้คะแนนสูงสุด คุณสามารถเข้า google translater หรือ youTube เพื่อดูวิธีการออกเสียงของศัพท์แต่ละคำที่คุณต้องการ ฝึกออกเสียงตามและตั้งประโยคกับศัพท์นั้นด้วยเพื่อจดจำได้ยาวนานขึ้น

11. เรียนจากทุกคน และหาเพื่อนใหม่เพื่อช่วยกันฝึกพูด

“Make a new friend” หรือเข้าใจได้ว่าการหาเพื่อนใหม่ผู้ที่ก็ชอบการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกับคุณ จะเป็นคนต่างชาติหรือเป็นคนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษก็ได้ คุณสามารถเรียนรู้ตามวิธีการออกเสียงหรือวิธีการตั้งประโยคของเพื่อนคนเก่ง เป็นวิธีการฝึกทักษะการพูดได้เร็วอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผล

มีหลากหลายหัวข้อให้คุณกับเพื่อนสามารถหยิบมาใช้ สร้างเป็นบทสนทนากันเพื่อฝึกพูดภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างเช่น

หัวข้อเกี่ยวกับ Hobbies ที่เสามารถถามตอบเกี่ยวกับเรื่องงานอดิเรกของเพื่อนหรือพูดเกี่ยวกับงานอดิเรกของเราเช่น

  • What are your hobbies?
  • Why do you like your hobbies so much?
  • How often do you do these hobbies?
  • How long have you been doing these hobbies, and how did you get started?

หัวข้อเกี่ยวกับ Work การทำงาน หรือที่ทำงานที่คุณสามารถเลือกถามตอบเกี่ยวกับ

  • What work do/did you do?
  • How do/did you like the work?
  • What is your dream job?
  • What is your general view about work? Why?

หัวข้อเกี่ยวกับ Shopping ใช้ในการเดินเล่นที่ตลาด หรืออยากหค้นหา ซื้ออะไรบางอย่างคุณสามรถฝึกพูดภาษาอังกฤษกับประโยคคำถามเหล่านี้

  • Do you enjoy shopping? Why/why not?
  • What is your favorite shop? Why?
  • In your city, where is a good place to go shopping?

ถ้าไม่มีสภาพแวดล้อมสำหรับการสื่อสารเลยส่งผลมให้พูดไม่เก่ง งั้นคุณลองหาหรือสร้างสภาพแวดล้อมเองโดยวิธีการลองหาเพื่อนสักคนที่เก่งภาษาอังกฤษเพื่อให้ทักษะการพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น ยังมีหลากหลายหัวข้อที่เราสามารถเอามาใช้กันได้ไม่ยากเมื่อคุณมีการเตรียมพร้อมในหลากหลายหัวข้อทั้งศัพท์และวิธีการตั้งคำถามและตอบรับรองว่าเมื่อคุณพูดคุณจะพูดได้ไว เพราะได้ผ่านการฝึกใช้มาก่อน และฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษมาก่อนแล้ว

12. อยากพูดดีต้องฟังให้ดีก่อน (จริงไหม?)

คุณเชื่อไหมว่าถ้าเราฟังไม่ดีเราก็จะพูดไม่ดีเหมือนกัน ? เพราะตอนที่เราฟังไม่ออกเราก็จะโต้ตอบแบบมั่นใจไม่ได้ แถมฟังไม่ออกจะไม่รู้วิธีการออกเสียงของศัพท์ให้ถูกต้องโดยซ้ำ ดังนั้นทักษะการพูดกับฟังต้องการฝึกใช้กันบ่อยๆ ฝึกไปพร้อมกันถึงจะเก่งได้
วิธีการฝึกฟังดีๆ ที่ทำที่ไหนก็ได้คือ

การพูดเป็นหนึ่งในสี่ทักษะสำคัญมากในเรียนภาษาใดภาษาหนึ่ง

13. จดจำเทคนิคการตอบคำถาม / คำตอบจะฝังอยู่ในคำถามเสมอ

คุณรู้ไหมว่าทักษะการตอบที่ดีคือจับ Keyword และคำตอบจะมีอยู่ในคำถามตลอด ดังนั้นตอนที่เราสื่อสารเราควรตั้งใจฟังคำถามที่คนอื่นเขาถามเราว่าเป็นประเภทคำถามแบบไหน ถึงจะหาคำตอบที่ตรงกันอย่างเช่น

ถ้าเขาถามคำถามโดยคำแรกเป็น “Does he…” เราจะตอบเป็นแบบ Yes, He does.

หรือถามแบบ Can she…?  เราจะตอบเป็นแบบ  Yes, she can.

หรือถามแบบ  It is…? เราจะตอบเป็นแบบ   Yes, it is. ง่ายๆ ที่แค่เราตั้งใจและจับใจความหมายของคำถาม หรือประเภคของคำถามเราจะตอบได้ถูกต้องเสมอเป็นอย่างไรกันบ้างกับ 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในสามเดือนจาก Eng Breaking อย่าลืมกดติดตามเว็บไซต์ของเราเพื่อได้รับโปรโมชั่นคอรสเรียนดี ๆ แถมเคล็ดลับเด็ดต่าง ๆ เพื่อช่วยคุณพัฒนาทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดีที่สุด Eng Breaking เชื่อว่าคุณทำได้แน่นอน ยินดีที่จะตอบทุกข้อสงสัยในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับผู้เรียนทั่วประเทศ

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[NEW] | อยากเก่งภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

อยากเก่งภาษาอังกฤษมาทางนี้เลยย

สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้นด้วยวิธีอันรวดเร็วรวมถึงเทคนิคการทำข้อสอบโทอิคเล็กๆน้อยๆนะคะ

ตัวเราล่าสุดได้ไปลองทำข้อสอบโทอิกมานะคะ ได้คะแนนตามรูปเลยค่ะ

ที่เห็นเราได้เยอะเพราะว่าเราเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลานาน และก็ฝึกฝนมาพอสมควรค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เอาจริงๆแบบไม่พูดเยอะคือ การที่เราจะเก่งภาษาอังกฤษ เน้นเลยว่า ไม่มี”ทางลัด”ใดๆค่ะ เราต้องฝึกฝนอย่างหนักด้วยตนเองเท่านั้น ตัวเราเองก็ยังไม่ได้เก่งมากๆระดับปรมาจารย์หลายๆท่านที่สอบได้เต็มหรือใช้ภาษาอังกฤษในcontextยากๆได้ แต่ถึงจะไม่มีทางลัด เราก็มีแนวทางบางข้อที่เราสั่งสมจากประสบการณ์แล้วอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆค่ะ

1) เริ่มต้นจากการฟังเยอะๆอ่านเยอะๆ

ฟังไปค่ะ ให้มันผ่านหู ดูให้มันผ่านตา ดูข่าว ดูหนังภาษาอังกฤษ มีsubtitleไทยก่อนก็ได้สักหนึ่งรอบ อีกรอบหนึ่งลองเปิดsubtitleภาษาอังกฤษ วิธีนี้จะทำให้เรารู้ว่าเค้าออกเสียงคำแต่ละคำอย่างไร รวมถึงได้ฟังภาษาอังกฤษในระดับความเร็วที่native speakersเค้าพูดกันจริงๆ แนะนำให้สมัคร netflix ค่ะ แชร์บัญชีกับเพื่อนหลายๆคนก็ได้ค่ะจะได้ประหยัด เพราะว่าnetflixมีหนัง ซีรีย์ต่างๆมากมายให้คุณเลือกดู ความชัดก็ดี มีsubtitleหลายภาษา ทริคนิดนึงนะคะ เวลาเราฝึกฟังเนี่ย ไม่ใช่แค่ดูผ่านๆแล้วจะได้นะคะ ถ้าอยากเก่งจริงๆต้องตั้งใจฟังว่าเค้าพูดว่าอะไร คำศัพท์นี้แปลว่าอะไรแล้วจดหรือจำค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นจะได้แค่ความคุ้นชินกับสำเนียงแต่ไม่สามารถเอาศัพท์หรือประโยคมาใช้ได้มากพอนะคะ
 

Credit: Google

ถ้าชอบดูข่าวก็เปิดเลยค่ะ BBC / CNN จะเลือกฟังภาษาอังกฤษแบบอเมริกันหรือแบบอังกฤษก็ตามใจชอบ ถ้าอยู่บนรถก็เลือกเปิดคลื่นที่มีข่าวภาษาอังกฤษ เช่น MET107 หรือ FM88 ฟังเพลงภาษาอังกฤษบ่อยๆ ใครชอบร้องแนะนำเลยค่ะ เปิดเนื้อ (lyrics) แล้วร้องตามฝึกสำเนียงไปด้วย ไม่ต้องแคร์ค่ะร้องผิดร้องถูก สมัยเราเป็นเด็กๆพอออกจากโรงหนังทีไรเราต้องลองพูดตามที่ตัวละครพูดในหนัง พูดแบบมั่วๆนะคะ ร้องเพลงก็ร้องแบบมั่วๆ จนวันวันนึงเราสามารถร้องถูกเนื้อ พูดได้ถูกตามที่เค้าพูดได้ค่ะ
 

รายการบนทีวีทุกรายการที่พอจะให้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยภาษาอังกฤษเราได้ก็ให้ดูค่ะ อย่างน้อยอาจจะทำให้เรารู้คำศัพท์เพิ่มขึ้นอีกสักคำสองคำในแต่ละวัน เช่น English on tour, Chris Delivery และอื่นๆอีกมากมายค่ะ

อ่านหนังสือเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ถ้าเริ่มแรกๆให้อ่านพวกเรื่องสั้น นวนิยายเล่มเล็กๆที่ไม่ยากจนเกินไป เช่น ชุดPenguin Readers หาอ่านได้จากเว็บนี้ค่ะ http://www.e4thai.com/e4e/ ถ้าระดับAdvanceขึ้นก็อ่านเรื่องยาวขึ้น  อ่านหนังสือเล่ม อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เช่น Bangkok Post, Nation ลงทุนซื้อฉบับล่ะไม่เกิน50บาทค่ะ อ่านได้เป็นอาทิตย์ ที่แนะนำอีกอย่างคือพวกที่ชอบอัพเดทเทรนด์ ข่าวต่างๆ เวลาไปร้านกาแฟเช่นStarbucks ก็ให้หยิบพวกนิตยสารแจกฟรี เช่น Time Out, BK แล้วเปิดอ่านคอลัมน์ต่างๆในนั้น ช่วยเพิ่มพูนคำศัพท์และแนวการเขียนได้เยอะมาก อีกทั้งยังได้อัพเดทเทรนด์ใหม่ๆด้วยค่ะ
 

Like Page Facebook ที่เป็นภาษาอังกฤษอะไรก็ได้ที่เราสนใจ เช่น พวกเพจขำขัน Memeตลกๆแบบ 9Gag หรือ Discovery Channel เอาให้เวลาเราไถหน้าจอเฟซบุ๊คล่ะมันได้ผ่านตาเราบ้าง เพราะคำศัพท์ต่างๆที่อยู่ในเพจเหล่านี้ส่วนใหญ่จะสอนพวก Idiomsและก็Slangไปพร้อมภาพทำให้เราจำง่ายค่ะ

หัดเป็นคนช่างสังเกตค่ะ ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษอยู่รายล้อมตัวเราไปหมด เวลาเดินห้างเคยสังเกตคำศัพท์รอบตัวไม๊คะ เช่นคำว่า concierge ซึ่งม่ีความหมายว่าคนที่ช่วยอำนวยความสะดวกตามโรงแรมหรือสถานที่ต่างๆในการบอกทางให้ลูกค้า หรือ Restroom ที่แปลว่าห้องน้ำ อะไรแบบนี้เป็นต้นค่ะ

Credit : Google

2) จำศัพท์ด้วยการผูกกับเรื่องราวของตัวเองหรือเรื่องตลก

เวลาเราเจอศัพท์ใหม่ๆ เราจะพยายามลิ้งค์ศัพท์นั้นกับเรื่องราวของตัวเองเช่น สมมติว่าเจอคำว่า dump(V.) ที่แปลว่า ทิ้ง เราก็อาจจะจำไปเลยว่า “dumped me when he found another girl.” ซึ่งแปลว่า แฟนเก่าคนนี้ทิ้งฉันเมื่อเขาเจอผู้หญิงคนใหม่ เป็นต้นค่ะ ยิ่งเป็นอะไรที่ตลกหรือเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ ประสบการณ์โดยตรงที่เราจำได้แม่นๆเนี่ย เราก็จะจำศัพท์แม่นไปด้วยค่ะ 5555

3) เวลาเปิดคำศัพท์ในดิกชันนารีให้เปิดเป็นENG-ENGค่ะ

เพราะการเปิดคำศัพท์เป็นEng จะทำให้เรารู้ความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์คำนั้นมากกว่าที่จะเปิดGoogle Translate ซึ่งบางครั้งก็ความหมายผิดนะคะ อีกทั้งคำบางคำมีความหมายได้หลายอย่างด้วย เมื่อเปิดดิกเป็น Eng-Eng เราจะได้เห็นตัวอย่างการใช้ไปในตัว รวมถึง Synonyms (คำที่มีความหมายคล้ายกัน)ด้วยค่ะ

สำหรับใครที่อาจจะยังไม่รู้คำศัพท์มากพอที่จะเข้าใจความหมายของคำจากการเปิดดิกอังกฤษเป็นอังกฤษ แนะนำให้เปิดอังกฤษ-ไทยก่อนแล้วค่อยไปเช็คความหมายกับ Eng-Engอีกรอบค่ะ ถ้าดิกชันนารีที่เชื่อถือได้ก็ Oxford, Longman, Merriam-Webster เป็นต้นค่ะ

4) ให้หาเพื่อนต่างชาติเพื่อคุยภาษาอังกฤษกับเค้า

ข้อนี้สำหรับคนที่อยากจะฝึกพิมพ์ภาษาอังกฤษ หรือ ฝึกพูดคุย สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นหาเพื่อนออนไลน์เพื่อฝึกภาษาได้ค่ะ แต่ข้อนี้ก็ต้องระวังนิดนึงนะคะสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ก็อย่าไว้ใจใครหรือไปนัดเจอใครง่ายๆ เอาแค่พิมพ์คุยกันเพื่อฝึกภาษาไปก่อนจนกว่าจะรู้จักกันดีนะคะ ส่วนตัวไม่เคยลองวิธีนี้นะคะ แต่เคยเห็นเพื่อนฝึกด้วยวิธีนี้บ้างเหมือนกันค่ะ

5) Grammarใครว่าไม่สำคัญ

หลายๆคนบอกว่าฟังพูดให้ได้ก็พอ แกรมม่าไว้ทีหลัง อันนี้ก็เป็นความจริงส่วนหนึ่งค่ะว่าเราควรให้ความสำคัญกับการที่เราจะใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้จริงก่อน แต่แกรมม่าเนี่ยจริงๆแล้วสำคัญนะคะเพราะ เพราะว่าใช้แกรมม่าถูก การสื่อสารก็จะง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แค่เราใช้กริยาเปลี่ยนรูปไป ความหมายก็เปลี่ยนตาม เช่น

I write a book. แปลว่า ฉันเขียนหนังสือ (เป็นปกตินิสัยหรือเป็นอาชีพ)

แต่ถ้าเขียนเป็น I wrote a book. (กริยาช่อง2ของwrite) นั่นแปลว่า ฉันเขียนหนังสือ (แต่เป็นการเขียนที่เสร็จไปแล้วในอดีต) เป็นต้นค่ะ

6) แนะแนวสำหรับข้อสอบ Toeic ที่มีสองพาร์ทคือฟังกับอ่านนะคะ

Part Listening เนี่ย เค้าจะมีรูปมาให้เราดูล่ะเลือกประโยคที่บรรยายรูปนั้น ก่อนอื่นให้เราตั้งสมาธิก่อนเพื่อโฟกัสเพราะว่าตอนฟังเนี่ยจะหลุดไม่ได้เลย หลุดแล้วให้ปล่อยทันทีค่ะอย่าไปอาวรณ์ เพราะจะทำข้อต่อไปไม่ทันเอาได้

    พาร์ทนี้ให้ดูรูปแล้วคิดในใจเร็วๆค่ะว่าในรูปเค้าทำอะไร หลังจากนั้นก็ตัดchoiceค่ะ เช่นรูปผู้หญิงกำลังซื้อของ ถ้าเกิดมีข้อนึงพูดว่า เธอกำลังกินอาหาร อะไรแบบนี้ก็ตัดทิ้งเลยค่ะ แล้วถ้ามีประโยคไหนที่เราชัวร์ว่าคำแปลมันคือ ผู้หญิงกำลังซื้อของ ให้เรามาร์คว่าจะตอบข้อนี้เลยค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่ข้อสอบฟังพาร์ทนี้เค้าจะไม่หลอกเราด้วยอะไรที่ใกล้เคียงกันมากๆค่ะ

ความยากคือเราจะโดนหลอกด้วยคำศัพท์ เช่น รูปห้องที่มีคนนั่งบนเก้าอี้สองสามคน choices จะเป็น

เก้าอี้ถูกวางซ้อนกันเป็นตั้งๆ

คนคุยกันเสียงดังในปาร์ตี้

ห้องนี้มีคนอยู่แค่สองสามคน

มีผู้ชายนั่งอยู่หน้าประตู

สังเกตได้ว่าโจทย์จะชอบหลอกเราด้วยคำศัพท์ที่เราคิดว่าต้องมีแน่ๆในchoice เช่น เราเห็นภาพนี้แล้วนึกถึงคน กับเก้าอี้ พอเราเห็นเก้าอี้ในข้อแรกหรือคนในข้อสองเราก็จะกาเลยซึ่งเป็นคำตอบที่ผิด คำแนะนำของเราคือ ฝึกฟังไปเยอะๆจนเราฟังออกว่าchoiceอื่นพูดผิด เรื่องนี้ต้องใช้เวลาค่ะ แต่ถ้าตั้งใจฝึกรับรองว่าเห็นผลแน่นอน

พาร์ทสองสามและสี่ สำหรับเราเกิดจากการสั่งสมทั้งหมดทั้งมวลจากข้อด้านบนๆค่ะ ไม่มีทริคอะไรมากมาย ขอแค่ฝึกตามด้านบนล่ะก็ฝึกทำโจทย์เยอะๆค่ะ ฝึกทำอะไรที่ยากขึ้นกว่าโจทย์ที่เราคิดว่าเราจะเจอก็ดีนะคะ เพราะเอาเข้าจริงพอต้องทำข้อสอบเราจะมีความลนปนอยู่ด้วยและอาจะพลาดได้ง่ายขึ้น

Part Reading มีสองส่วนคือ Grammar กับให้อ่านพวกจดหมาย โฆษณา Text หลายๆแบบแล้วตอบคำถามค่ะ

    พาร์ทแรกคือGrammar ส่วนใหญ่จะวัดพวก Subject and Verb agreement (ความสอดคล้องของประธานและกริยา) กับคำศัพท์ค่ะ ซึ่งเราต้องฝึกทำแบบฝึกหัดแกรมม่าไปด้วยค่ะ เรื่องต่างๆทั้งTenses, Articles, Adjectives and Adverbs ฝึกให้ครอบคลุมทั้งหมดค่ะ ซื้อพวกหนังสือติวสอบเอนท์ของเด็กม.6 มาทำเยอะๆก็ช่วยได้ค่ะ

    พาร์ทสองเนี่ย วัดความเร็วในการอ่านมากค่ะ หลายคนทำไม่ทัน จะบอกว่าบางครั้งการสแกนคำถามก่อนช่วยค่ะ เพราะว่าเค้าจะให้textที่ยาวๆมาหลอกเรา ให้เราอ่านคำถามก่อนล่ะค่อยไปหาคำตอบในเรื่องก็พอช่วยได้ค่ะ แต่สำหรับเราเราอ่านทั้งหมดค่ะแบบเร็วๆรอบนึง เพราะว่าถ้าเราอ่านจบสักรอบ พอไปเจอโจทย์แล้วเราจะสามารถกลับมาหาว่าคำตอบอยู่ตรงไหนได้เร็วและแม่นยำกว่าค่ะ แต่สำหรับพวกตารางที่มีข้อมูลเยอะๆ บางทีอ่านโจทย์ก่อนจะดีกว่าค่ะเพราะถึงเราอ่านไปเราก็จำไม่ไ่ด้อยู่ดีกว่าข้อมูลมีอะไรบ้าง และจะทำให้เสียเวลาค่ะ

7) The last suggestion from me would be to encourage everyone to work hard. I have seen a lot of people giving up before they could achieve their goals. When you feel like you want to give up on English, please try another way. Try another method that may suit you more. Make English enjoyable for you. Now there are lots of media available for you at affordable price or even free of charge. Ask your friends to set the goal and improve your skills together.

สำหรับข้อสุดท้ายนี้ เราอยากแนะนำให้ทุกคนตั้งใจค่ะ เพราะว่าเราเห็นหลายคนที่ตอนแรกดูจะมีไฟค่ะแต่ตอนหลังก็แผ่วลงจนมอดไป เวลาที่เราท้อๆเนี่ย อยากให้ทุกคนรู้สึกenjoyกับภาษาอังกฤษมากกว่า อย่าไปตั้งแง่ว่ามันยาก เพราะถ้าคิดงั้นมันจะปิดกั้นตัวเราจากการเรียนรู้ ให้มองหาทางที่เราจะสนุกกับมันได้มากที่สุด ตอนนี้สื่อการสอน สื่อออนไลน์ หนังสือต่างๆหาได้ทั่วไป ราคาไม่แพงมากหรือแม้กระทั่งฟรี รายการทีวี หนังสนุกๆก็มีมากมาย พยายามหาเพื่อนที่เค้าอยากจะเก่งไปกับเราแล้วฝึกด้วยกันก็ได้ค่ะ

มีปัญหาอยากปรึกษาเรื่องภาษาอังกฤษหลังไมค์มาได้นะคะ 🙂  เป็นกำลังใจให้ทุกคนประสบความสำเร็จและโชคดีกันทุกคนค่ะ

ไลค์เพจเสริมความรู้ภาษาอังกฤษเป็นกำลังใจกันได้นะคะ https://www.facebook.com/HappyEnglish555/


วิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบได้ผล | Tina Academy Ep.241


♡ดูตัวอย่างหนังสือของติน่า https://www.tinaacademy.com/books
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @linetina (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

วิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบได้ผล | Tina Academy Ep.241

ปลุกพลังในตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษ | KND MEDLEY#2


ติดตามช่องยูทูบ THE STANDARD PODCAST http://bit.ly/SUBthestandardpodcast
เพลย์ลิสต์รวมฮิตพอดแคสต์ คำนี้ดี ที่จะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น ทั้งจาก Mindset หลากหลายวิธีฝึก รวมทั้งหลุดจากกับดักทางใจที่ฉุดเราไม่ให้เก่งเสียที
• KND208 Mindset แบบไหนที่จะช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษ?
• KND320 จะ ‘ออกแบบความตั้งใจ’ อย่างไร ให้ภาษาอังกฤษของเราดีขึ้นได้จริงๆ
• KND273 ฟัง/พูด/อ่าน/เขียน เราเลือกเน้นเรียนแค่บางทักษะได้ไหม ในการฝึกภาษาอังกฤษ Feat. PEACHII
• KND274 “ฝึกเองได้ ไม่ต้องไปนอก”
• KND350 ฝึกฟังภาษาอังกฤษจากการดูหนังซับไตเติล ดีจริงไหม ซับอังกฤษกับซับไทย อย่างไหนดีกว่ากัน
• KND207 กับดักทางใจที่ฉุดคนไทยเอาไว้ไม่ให้ fluent ภาษาอังกฤษจริงๆ เสียที Feat. PEACHII
• KND014 “ใครๆ ก็พูดภาษาอังกฤษเก่งได้ทั้งนั้น” จกศัพท์จากอาจารย์อดัม
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/
Spotify : https://open.spotify.com/show/7o7TF3zfPyoydhWxtGSzLC?si=Nb_LuV8NS3C9mJ6ePdXLA

คำนี้ดี TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

ปลุกพลังในตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษ | KND MEDLEY#2

✨Lisa​ มีเคล็ดลับอะไรกันแน่? | Learn​ English​ with​ Blackpink​ | Choose​ to​ shine​


เคล็ดลับเก่งภาษาของลิซ่าBlackpink
ลิซ่าพูดอังกฤษเป๊ะเวอร์​
ลิซ่าพูดอังกฤษ
Lisa speak​s English
Blackpink
ลลิษา​ มโน​บาล
เทคนิกเก่งภาษาของลิซ่าBlackpink

✨Lisa​ มีเคล็ดลับอะไรกันแน่? | Learn​ English​ with​ Blackpink​ | Choose​ to​ shine​

อยากเก่งภาษาอังกฤษ ต้องเก่งแกรมม่า… จริงหรอ? | PetchZ


ใครว่าแกรมม่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก??
ใช่ค่ะ มันยากจริงๆ 5555 ยิ่งอ่านยิ่งเรียน ก็ยิ่งงง ซับซ้อนไปหมดเลย
ใครที่เจอปัญหานี้เหมือนกัน อ่านแกรมม่ายังไงก็ไม่เข้าใจ ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว!!
เพราะหนังสือ Grammar GO! จะช่วยให้ทุกคน \”อ่าน\” และ \”ฟัง\” เรื่องแกรมม่าภาษาอังกฤษ ได้เข้าใจง่ายขึ้น! แต่เนื้อหายังคงอัดแน่นอยู่เหมือนเดิม 🤩
ทำความเข้าใจแกรมม่าได้ง่าย และสนุกขึ้น เอาไปใช้จริง เอาไปสอบ ได้หมดเลย
📍 หนังสือ Grammar GO! By Kru Dew สั่งซื้อได้ใน 2 ช่องทาง
1. FB Page : KruDew English https://bit.ly/2XBCGQG
2. Shopee ร้าน OpenDurian https://bit.ly/3lNkRqo
ตอนซื้ออย่าลืมใช้โค้ด OPENPZ499 นะคะ เหลือเล่มละ 499 บาทเอง!!
ภาษาอังกฤษ แกรมม่าภาษาอังกฤษ GrammarGO
♡♡♡♡♡♡
ติดตามกันได้ที่ | Follow me
♡ ig: PetchZ ( https://www.instagram.com/petchz/ )
♡ fb page: PetchZ ( https://www.facebook.com/petchz/ )
♡ tiktok : PetchZ_tiktok ( https://www.tiktok.com/@petchz_tiktok )
ติดต่องาน | For work
[email protected]
♡♡♡♡♡♡

อยากเก่งภาษาอังกฤษ ต้องเก่งแกรมม่า... จริงหรอ? | PetchZ

4 ขั้นตอน วิธีเก่งภาษาอังกฤษ ฉบับเริ่มจาก 0 !! 😁😁


วิธีเก่งภาษาอังกฤษ ฉบับเริ่มจาก 0 !! 😁😁
Facebook Page: https://www.facebook.com/KruFyi.EasyEnglish/
LINE@ : @krufyi.easyenglish

4 ขั้นตอน วิธีเก่งภาษาอังกฤษ ฉบับเริ่มจาก 0 !! 😁😁

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ อยากเก่งภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *