Skip to content
Home » [NEW] 12 English tense ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ | อดีต ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] 12 English tense ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ | อดีต ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

อดีต ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

English Tense 

Tense คือรูปแบบ (หรือโครงสร้าง) ของกริยา  ที่แสดงให้เราทราบว่า การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใดซึ่งเรื่อง tense นี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราใช้ tense ไม่ถูก เราก็จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ tense เสมอ ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าเกิดขึ้นเมื่อใดมาช่วยเสมอ แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป tense นี้มาเป็นตัวบอก ดังนี้การศึกษาเรื่อง  tense จึงเป็นเรื่องจำเป็น

Tense  ในภาษาอังกฤษนี้จะแบ่ง ออกเป็น  3  tense  ใหญ่ๆ คือ

1.     Present   tense        ปัจจุบัน

2.     Past   tense              อดีตกาล

3.     Future   tense          อนาคตกาล

ในแต่ละ  tense ยังแยกย่อยได้  tense  ละ  4  คือ

1 .   Simple   tense    ธรรมดา (ง่ายๆตรงๆไม่ซับซ้อน)

2.    Continuous  tense    กำลังกระทำอยู่ (กำลังเกิดอยู่)

3.     Perfect  tense     สมบูรณ์ (ทำเรียบร้อยแล้ว)

4.     Perfect  continuous  tense  สมบูรณ์กำลังกระทำ (ทำเรียบร้อยแล้วและกำลังดำเนินอยู่ด้วย)

โครงสร้างของ  Tense  ทั้ง  12  ได้แก่

Present  Tense

[Present]

[1.1]   S  +  Verb  1  +  ……(บอกความจริงที่เกิดขึ้นง่ายๆ ตรงๆไม่ซับซ้อน)

[1.2]   S  +  is, am, are  +  Verb  1  ing   +  …(บอกว่าเดี๋ยวนี้กำลังเกิดอะไรอยู่)

[1.3]   S  +  has, have  +  Verb  3 +  ….(บอกว่าได้ทำมาแล้วจนถึงปัจจุบัน)

[1.4]   S  +  has, have  +  been  +  Verb 1 ing  + …(บอกว่าได้ทำมาแล้วและกำลังทำต่อไปอีก)

Past Tense

[Past]

[2.1]  S  +  Verb 2  +  …..(บอกเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต)

[2.2]  S  +  was, were  +  Verb 1  +…(บอกเรื่องที่กำลังทำอยู่ในอดีต)

[2.2] S + was, were + Verb 1 +…(บอกเรื่องที่กำลังทำอยู่ในอดีต)

2.3]  S  +  had  +  verb 3  +  …(บอกเรื่องที่ทำมาแล้วในอดีตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง)

[2.4]  S  +  had  +  been  +  verb 1 ing  + …(บอกเรื่องที่ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่องไม่หยุด)

Future Tense

[Future]

[3.1]  S  +  will, shall  +  verb 1  +….(บอก เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต)
[3.2]  S  +  will, shall  +  be  +  Verb 1 ing  + ….(บอกว่าอนาคตนั้นๆกำลังทำอะไร อยู่)
[3.3]  S  +  will,shall  +  have  +  Verb 3  +…(บอกเรื่องที่จะเกิดหรือสำเร็จ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง)
[3.4]  S  +  will,shall  +  have  +  been  + verb 1 ing  +.. ..(บอกเรื่องที่จะทำอย่างต่อเนื่องในเวลาใด – เวลาหนึ่งในอนาคตและจะทำต่อไปเรื่อยข้างหน้า)

หลักการใช้แต่ละ  Tense  มีดังนี้

[2.4] S + had + been + verb 1 ing + …(บอกเรื่องที่ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่องไม่หยุด)[3.1] S + will, shall + verb 1 +….(บอก เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต) [3.2] S + will, shall + be + Verb 1 ing + ….(บอกว่าอนาคตนั้นๆกำลังทำอะไร อยู่) [3.3] S + will,shall + have + Verb 3 +…(บอกเรื่องที่จะเกิดหรือสำเร็จ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง) [3.4] S + will,shall + have + been + verb 1 ing +.. ..(บอกเรื่องที่จะทำอย่างต่อเนื่องในเวลาใด – เวลาหนึ่งในอนาคตและจะทำต่อไปเรื่อยข้างหน้า)

[1.1]   Present  simple  tense    เช่น    He  walks   เขาเดิน

1.    ใช้กับ เหตุการที่เกิดขึ้นตามความจริงของธรรมชาติ และคำสุภาษิตคำ พังเพย

2.    ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด  (ก่อนหรือหลังจะไม่จริงก็ตาม)

3.    ใช้กับกริยาที่ทำนานไม่ได้   เช่น  รัก,  เข้าใจ, รู้  เป็นต้น

4.    ใช้กับการกระทำที่คิดว่าจะเกหิดขึ้นในอนาคตอันใกล้(จะมีคำวิเศษณ์บอกอนาคตร่วมด้วย)

5.    ใช้ในการเล่าสรุปเรื่องต่างๆในอดีต  เช่นนิยาย นิทาน

6.    ใช้ในประโยคเงื่อนไขในอนาคต    ที่ต้นประโยคจะขึ้นต้น ด้วยคำว่า    If    (ถ้า), unless   (เว้นเสียแต่ว่า),    as  soon  as  (เมื่อ,ขณะที่),    till  (จนกระทั่ง) ,   whenever   (เมื่อไรก็ ตาม),    while  (ขณะที่)   เป็นต้น

7.    ใช้กับเรื่องที่กระทำอย่างสม่ำเสมอ  และมีคำวิเศษณ์บอกเวลาที่สม่ำเสมอร่วมอยู่ด้วย  เช่น  always (เสมอๆ),  often   (บ่อยๆ),    every  day   (ทุกๆวัน)    เป็นต้น

8.    ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น  [1.1]  ประโยคตามต้องใช้   [1.1]  ด้วยเสมอ

[1.2]   Present  continuous  tense   เช่น   He  is  walking  เขากำลังเดิน

1.    ใช้ในเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูด(ใช้  now ร่วมด้วยก็ได้ โดยใส่ไว้ต้น ประโยค, หลังกริยา หรือสุดประโยคก็ ได้)

2.    ใช้ในเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในระยะเวลาอันยาวนาน  เช่น  ในวันนี้ ,ในปีนี้

3.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ผู้พูดมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้  เช่น เร็วๆนี้, พรุ่งนี้

*หมายเหตุ   กริยาที่ทำนานไม่ได้  เช่น  รัก ,เข้าใจ, รู้, ชอบ  จะนำมาแต่งใน  Tense  นี้ไม่ได้

[1.3] Present perfect tense เช่น He has walk เขาได้เดินแล้ว

1.    ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และต่อเนื่องมาจนถึง ปัจจุบัน  และจะมีคำว่า Since  (ตั้งแต่) และ for  (เป็นเวลา) มาใช้ร่วมด้วยเสมอ

2.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยทำมาแล้วในอดีต (จะกี่ครั้งก็ได้ หรือจะทำอีกใน ปัจจุบัน หรือจะทำในอนาคต ก็ได้)และจะมีคำ ว่า  ever  (เคย) ,  never  (ไม่เคย) มาใช้ร่วมด้วย

3.    ใช้กับเหตุการณ์ที่จบลงแล้วแต่ผู้พูดยังประทับใจอยู่ (ถ้าไม่ประทับใจก็ใช้   Tense

4.    ใช้กับ เหตุการที่เพิ่งจบไปแล้วไม่นาน(ไม่ได้ประทับใจอยู่) ซึ่งจะมีคำเหล่านี้มาใช้ร่วมด้วยเสมอ คือ  Just   (เพิ่งจะ), already  (เรียบร้อยแล้ว), yet  (ยัง), finally  (ในที่สุด)  เป็นต้น

[1.4] Present  perfect  continuous  tense    เช่น  He  has  been  walking  เขาได้กำลังเดินแล้ว

*  มีหลักการใช้เหมือน  [1.3]  ทุกประการ เพียงแต่ว่าเน้นว่าจะทำต่อไปในอนาคตด้วย    ซึ่ง [1.3] นั้นไม่เน้นว่าได้กระทำอย่างต่อเนื่องหรือไม่  ส่วน [1.4]  นี้เน้นว่ากระทำมาอย่างต่อเนื่องและจะกระทำต่อไปในอนาคตอีกด้วย.

[2.1] Past  simple  tense      เช่น  He  walked  เขาเดิน แล้ว

1.   ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต   มิได้ต่อเนื่องมาถึงขณะ ที่พูด และมักมีคำต่อไปนี้มาร่วมด้วยเสมอในประโยค เช่น  Yesterday, year  เป็นต้น

2.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำเป็นประจำในอดีตที่ผ่านมาในครั้งนั้นๆ ซึ่งต้องมีคำวิเศษณ์บอกความถี่ (เช่น Always, every  day ) กับคำวิเศษณ์ บอกเวลา (เช่น  yesterday,  last  month )  2  อย่างมาร่วมอยู่ด้วยเสมอ

3.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต  แต่ปัจจุบันไม่ได้เกิด อยู่ หรือไม่ได้เป็นดั่งในอดีตนั้นแล้ว  ซึ่งจะมีคำว่า  ago  นี้ร่วมอยู่ด้วย

4.      ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [2.1]  ประโยคคล้อยตามก็ต้อง เป็น [2.1]  ด้วย

[2.2]   Past continuous  tense   เช่น    He  was  walking  เขากำลังเดินแล้ว

1.     ใช้กับเหตุการณ์   2   อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน  { 2.2  นี้ไม่นิยมใช้ตามลำพัง – ถ้าเกิดก่อนใช้  2.2   –  ถ้าเกิดทีหลังใช้ 2.1}

2.     ใช้กับเหตุการณ์ที่ ไดกระทำติดต่อกันตลอดเวลาที่ได้ระบุไว้ในประโยค  ซึ่งจะมีคำบอกเวลาร่วมอยู่ด้วยในประโยค  เช่น  all  day  yesterday  etc.

3.     ใช้กับเหตุการณ์  2  อย่างที่กำลังทำในเวลาเดียวกัน(ใช้เฉพาะกริยาที่ทำได้นานเท่านั้น  หากเป็นกริยาที่ทำนานไม่ได้ก็ใช้หลักข้อ 1 ) ถ้าแต่งด้วย 2.1  กับ  2.2  จะดูจืดชืดเช่น   He  was  cleaning  the  house  while  I was  cooking  breakfast.

[2.3]   Past  perfect  tense    เช่น  He  had walk  เขาได้เดินแล้ว

1.    ใช้กับ เหตุการณ์  2  อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต  มีหลักการใช้ดังนี้

เกิดก่อนใช้  2.3  เกิดทีหลังใช้  2.1

2.     ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำอันเดียวก็ได้ในอดีต แต่ต้องระบุชั่วโมงและวันให้แน่ชัดไว้ในทุกประโยคด้วยทุกครั้ง  เช่น   She  had  breakfast  at  eight o’ clock  yesterday.

[2.4]   past  perfect  continuous  tense    เช่น   He  had  been  walking

มีหลักการใช้เหมือนกับ  2.3  ทุกกรณี  เพียงแต่  tense  นี้  ต้องการย้ำถึงความต่อเนื่องของการกระทำที่ 1  ว่าได้กระทำต่อเนื่องไปจนถึงการกระทำที่  2  โดยมิได้หยุด  เช่น  When  we  arrive  at  the  meeting ,  the  lecturer  had  been  speaking  for  an  hour  .   เมื่อพวกเราไปถึงที่ ประชุม  ผู้บรรยายได้พูดมาแล้ว เป็นเวลา 1  ชั่วโมง

[3.1]   Future  simple  tense      เช่น   He  will  walk   เขาจะเดิน

ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ซึ่งจะมีคำว่า  tomorrow,  to  night,  next  week,  next  month   เป็นต้น  มาร่วมอยู่ด้วย.

  • Shall   ใช้กับ     I    we

Will    ใช้กับบุรุษที่  2  และนามทั่วๆไป

Will,  shall  จะใช้สลับกันในกรณีที่จะให้คำมั่นสัญญา, ข่มขู่บังคับ, ตกลงใจแน่วแน่

Will,  shall   ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือจงใจก็ได้

Be  going  to  (จะ)  ใช้กับความจงใจของมนุษย์ เท่านั้น  ห้ามใช้กับเหตุการณ์ของธรรมชาติและนิยมใช้ใน ประโยคเงื่อนไข

[3.2]    Future   continuous    tense    เช่น   He  will  be  walking   เขากำลังจะเดิน

1.     ใช้ในการบอกกล่าวว่าในอนาคตนั้นกำลังทำอะไรอยู่ (ต้องกำหนดเวลาแน่นอน ด้วยเสมอ)

2.     ใช้กับเหตุการณ์  2  อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต  มีกลักการใช้ดังนี้

–   เกิดก่อนใช้    3.2      S  +  will  be,  shall  be  +  Verb 1  ing

–  เกิดทีหลังใช้   1.1     S  +  Verb  1

[3.3]   Future   prefect  tens    เช่น  He  will  have walked  เขาจะได้เดินแล้ว

  1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึ้นหรือสำเร็จลงในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต  โดยจะมีคำว่า  by  นำหน้ากลุ่มคำที่บอกเวลา ด้วย  เช่น   by  tomorrow  ,   by  next  week   เป็นต้น

2.ใช้กับเหตุการณ์  2  อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต มีหลักดังนี้

  • เกิดก่อนใช้   3.3      S  +  will, shall  +  have  +  Verb 3
  • เกิด ที่หลังใช้   1.1    S  +  Verb 1

[3.4]  Future  prefect  continuous  tense เช่น He  will  have  been  walking เขาจะได้กำลังเดินแล้ว

ใช้เหมือน  3.3  ต่างกันเพียงแต่ว่า  3.4  นี้เน้นถึงการกระทำที่  1  ได้ทำต่อเนื่องมาจนถึงการกระทำที่  2  และจะกระทำต่อไปในอนาคต อีกด้วย Tense  นี้ไม่ค่อยนิยมใช้บ่อย นัก  โดยเฉพาะกริยาที่ทำนาน ไม่ได้ อย่านำมาแต่งใน  Tense  นี้เด็ดขาด

ที่มา:

marujo2524.igetweb.com

Like this:

Like

Loading…

[Update] คำคม ข้อคิดดีๆ คติประจําใจ – ประโยคภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล | อดีต ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

คติประจําใจภาษาอังกฤษ รวบรวมคำคมภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล มาฝาก สำหรับคนที่ชอบอ่าน คติสอนใจ และอยากหาความรู้เกี่ยวกับ ภาษาอังกฤษนะคะ

คำคม ข้อคิดดีๆ คติประจําใจ

– The past cannot be changed, forgotten, edited or erased; it can only be ACCEPTED.
อดีตไม่อาจเปลี่ยน ลืม แก้ไข หรือลบทิ้งได้ ทำได้เพียง “ยอมรับ”

– The future depends on what we do in the present.
อนาคตขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน

– Pretty words are not always true and true words are not always pretty.
คำพูดที่สวยงามไม่ได้จริงเสมอไป และการพูดความจริงก็ไม่ได้สวยงามเสมอไปเช่นกัน

– You only live once, but if you “do it right”, “once is enough”.
คุณใช้ชีวิตได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าใช้อย่างถูกต้อง ครั้งเดียวก็เพียงพอ

– If you don”t fight for what you want, don”t cry for what you lost.
ถ้าคุณไม่สู้เพื่อสิ่งที่คุณต้องการ ก็อย่าร้องไห้เวลาที่เสียมันไป

คติประจําใจภาษาอังกฤษ

– When nothing is sure, everything is possible.
ในเมื่อไม่มีอะไรที่แน่นอน ทุกๆ สิ่งก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

– Sometimes it”s very hard to move on, but once you move on, you”ll realize it was the best decision you”ve ever made.
บางครั้งมันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะก้าวเดินต่อไป แต่ถ้าเริ่มก้าวเมื่อใด คุณจะพบว่า มันคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด

– Pretty words are not always true and true words are not always pretty.
คำพูดที่สวยงามไม่ได้จริงเสมอไป และการพูดความจริงก็ไม่ได้สวยงามเสมอไปเช่นกัน

– When you really pay attention, everything is your teacher.
เมื่อคุณใส่ใจจริงๆ ทุกสิ่งก็คือครูของคุณ

– A good plan today is better than a perfect plan tomorrow.
แผนที่ดีของวันนี้ ย่อมดีกว่าแผนที่สมบูรณ์แบบของวันหน้า

– Every story has an end but in life every end is a new beginning.
เรื่องราวทุกเรื่องนั้นมีตอนจบ แต่ในชีวิตจริง ในทุกๆ ตอนจบคือการเริ่มต้นครั้งใหม่

– You only live once, but if you “do it right”, “once is enough”.
คุณใช้ชีวิตได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าใช้อย่างถูกต้อง ครั้งเดียวก็เพียงพอ

– Do it now. Sometimes “later” becomes “never”.
จงทำซะตอนนี้ บางครั้งคำว่า “ไว้ทีหลัง” จะกลายเป็นคำว่า “ไม่มีวัน”

– When nothing is sure, everything is possible.
ในเมื่อไม่มีอะไรที่แน่นอน ทุกๆ สิ่งก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

– Silence speaks when words can”t.
ความเงียบงันเกิดขึ้น ในยามเอ่ยคำใดไม่ได้

– If you don”t fight for what you want, don”t cry for what you lost.
ถ้าคุณไม่สู้เพื่อสิ่งที่คุณต้องการ ก็อย่าร้องไห้เวลาที่เสียมันไป

– When you really pay attention, everything is your teacher.
เมื่อคุณใส่ใจจริงๆ ทุกสิ่งก็คือครูของคุณ

– We don”t grow when things are easy, we grow when we face challenges.
เราไม่ได้เติบโตขึ้นหากทุกสิ่งที่เจอนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เราจะเติบโตขึ้นเมื่อเราเผชิญหน้ากับความท้าทาย

– Somtimes you need to fall before you can fly.
บางครั้งคุณจำเป็นต้องล้มก่อนที่จะลุก

– Pretty words are not always true and true words are not always pretty.
คำพูดที่สวยงามไม่ได้จริงเสมอไป และการพูดความจริงก็ไม่ได้สวยงามเสมอไปเช่นกัน

– Every story has an end but in life every end is a new beginning.
เรื่องราวทุกเรื่องนั้นมีตอนจบ แต่ในชีวิตจริง ในทุกๆ ตอนจบคือการเริ่มต้นครั้งใหม่

– The future depends on what we do in the present.
อนาคต ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน

คำคม ประโยคภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล

When nothing is sure, everything is possible.
ในเมื่อไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

– If you don”t fight for what you want, don”t cry for what you lost.
ถ้าคุณไม่สู้เพื่อสิ่งที่คุณต้องการ ก็อย่าร้องไห้เวลาที่เสียมันไป

– Our life is what our thoughts make it.
ความคิดสร้างชีวิต

– The hunger for love is much more difficult to remove than the hunger for bread.
การโหยหาในรักขจัดยากยิ่งกว่าความหิวโหยอาหาร

– A good plan today is better than a perfect plan tomorrow.
แผนที่ดีของวันนี้ ย่อมดีกว่าแผนที่สมบูรณ์แบบของวันหน้า

– It is by chance that we met, by choice that we became friends.
เป็นความบังเอิญที่เรามาพบกัน แต่เราเลือกเองที่จะเป็นเพื่อนกัน

– The only real failure in life is the failure to try.
ความล้มเหลวที่แท้จริงเพียงสิ่งเดียวในชีวิต คือล้มเหลวในความพยายาม

– Everything has beauty, but not everyone sees it.
ทุกสิ่งมีความสวยงาม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มองเห็น

– Where there is love there is life. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีชีวิต

– Never tell your problems to anyone…20% don’t care and the other 80% are glad you have them.
อย่าบอกปัญหาของคุณกับใคร เพราะ 20% ไม่สน ส่วนอีก 80% สมน้ำหน้า

– Anyone who trades liberty for security deserves neither liberty nor security.
ใครก็ตามที่แลกเสรีภาพกับความปลอดภัย จะไม่ได้รับทั้งเสรี ภาพและความปลอดภัย

บทความที่เกี่ยวข้อง


ฝึกตอบคำถามพื้นฐานภาษาอังกฤษ มีหลายคำตอบให้ดูเป็นตัวอย่าง พร้อมคำอธิบายจัดเต็ม!


ติดตามแฟนเพจครูเชอรี่ได้ที่ https://www.facebook.com/cherry.englishbright

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ฝึกตอบคำถามพื้นฐานภาษาอังกฤษ มีหลายคำตอบให้ดูเป็นตัวอย่าง พร้อมคำอธิบายจัดเต็ม!

ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน | V.to be | is am are was were | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


เรียนภาษาอังกฤษ ฝึกแต่งประโยคในชีวิตประจำวัน ฟรีภาษาอังกฤษ
คลิปนี้จะมาสอนการฝึกแต่งประโยคด้วยการใช้ verb to be จะมาทำความรู้จักกับ verb to be is am are was were แต่งประโยคปัจจุบันอดีตอนาคตโครงสร้างประโยคทั่วไปประธานกริยากรรมจำที่ใช้หลัง verb to be

ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน | V.to be | is am are was were | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

แต่คำถามแบบอดีตภาษาอังกฤษ Past Simple Tense


แต่คำถามแบบอดีตภาษาอังกฤษ Past Simple Tense

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ


สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ
คลิปนี้แยกมาจากคลิป \”Past Simple Tense ใช้ตอนไหน \u0026 แบบฝึกหัดท้ายบท\” เพื่อให้สะดวกแก่ผู้ชมที่ต้องการแยกศึกษาเฉพาะหลักการใช้ในคลิปเดียวค่ะ

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ

Day 13 แต่งประโยคเล่าอดีต | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | Past simple | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


คลิปนี้จะมาบอกโครงสร้างการแต่งประโยคหรือเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตตอนนั้นให้ฟัง และทบทวนการแต่งประโยคในเหตุการณ์ปัจจุบันเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตโครงสร้าง เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันทั้งการพูดและการเขียน

Day 13 แต่งประโยคเล่าอดีต | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | Past simple | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ อดีต ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *