Skip to content
Home » [NEW] ไปเก็บตังค์ที่…CANADA (เขียนโดย เงินเดือนจ๋าพี่มาแล้วจ้า) | work and holiday ค่าใช้จ่าย – NATAVIGUIDES

[NEW] ไปเก็บตังค์ที่…CANADA (เขียนโดย เงินเดือนจ๋าพี่มาแล้วจ้า) | work and holiday ค่าใช้จ่าย – NATAVIGUIDES

work and holiday ค่าใช้จ่าย: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เมื่อพูดถึงช่องทางการหารายได้พิเศษในช่วงปิดเทอม หรือ Gap Year ในต่างประเทศ หลายๆคนอาจจะนึกถึง โปรแกรม Work&Travel ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือนที่เราจะสามารถใช้ชีวิตและเก็บตังค์ได้ในต่างประเทศซึ่งพอหักลบกลบหนี้กับค่าโครงการและค่า Shopping แล้ว คิดว่าน่าจะเก็บตังค์ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ วันนี้เราเลยมาแนะนำ โครงการ Working Holiday ที่มีระยะนานถึง 1 ปี ให้ได้ใช้ชีวิตและเก็บตังค์กันได้อย่างเต็มที่

วันนี้เราก็จะมาแชร์การทำงานและการใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งเราไปอยู่มา 3 เมือง ก็จะแบ่งเป็น 3 part เพื่อความไม่ยาวนะคะ

1. Vancouver (Raincouver, Vancity)

เริ่มจากการหาบ้าน -> หลังจากย้ายออกมาจากบ้านโฮส เราก็มาหาบ้านเช่าอยู่เองซึ่งที่นี่เขาจะเรียกว่า share house เราก็จะใช้เว็บนี้ในการหาบ้าน http://www.kijiji.ca ซึ่งแรกๆเคยมีคนแนะนำอีกเว็บหนึ่งแต่เว็บนี้ต้องระวังตัวมากๆถ้าจะไปดูบ้านควรชวนเพื่อนผู้ชายไปด้วย -> https://vancouver.craigslist.ca/ ซึ่งราคาบ้านที่เราพออยู่ได้ก็จะเรทประมาณ 425$-550$ มากกว่านี้ก็คือแพงล่ะ

หลังจากนั้นเราก็มาดูเรื่องหางานกัน -> คือเรามีพี่ที่รู้จักมาอยู่ที่เมืองนี้ก่อน เขาก็พาเราเดินส่ง resume ตามร้านต่างๆใน downtown เลย ซึ่งบางร้านจะมีป้ายประกาศ Help Wanted!! หรือถ้าไม่มีเราก็สามารถเดินเข้าไปถามเขาได้ว่า Are you hiring? ตอนนั้นเราโชคดีมากที่ไปส่งใบสมัครที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งแล้วเขาขาดคนพอดี เขาเลยโทรมาเย็นวันนั้นเลย แล้วเราก็ได้ลองไปทำงานในครัว ตอนแรกๆที่พี่เขาสอนก็สนุกดี แต่หลังๆที่ต้องทำคนเดียวคือต้องจำทุกอย่างให้ได้ หั่นผักแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน แล้วเราก็ต้องทำแกง ทำยำ ส่วนผสมแต่ละแกงก็ต้องจำได้ แล้วก็ยังต้องล้างจานอีก ใช้คุ้มมากทีเดียวทำทุกอย่าง การเข้างานของที่นี่จะเป็น shift 7 hrs. ซึ่งเขาจะจ่าย paycheck 2 ครั้งต่อเดือน เราก็ทำงานประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์หลังเลิกเรียน ถือว่าหนักมากตอนนั้นเพราะไม่สบายบ่อยมากด้วยสภาพอากาศที่ต่างกันมาก และงานในครัวซึ่งเป็นงานหนักทำให้ตอนแรกๆ รู้สึกว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ เราเคยล้มในครัวก้นไถลไปกับพื้นเลย แล้วคว้าที่เปิดเครื่องล้างจานไว้ ดีนะไม่ได้ดึงแรงมาก ถ้าเครื่องเปิด หัวกระแทกกับประตูเครื่องล้างจานเสร็จแน่เรา งานแรกก็อยากกลับบ้านละ  แต่เราก็มีเป้าหมายตั้งแต่ก่อนมาอยู่แล้วว่าจะไม่กลับก่อนเวลาแน่นอนเพราะเสียตังค์มาแล้ว พอเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น เราก็ได้ไปทำงานเสิร์ฟที่ร้านไทยอีกร้านหนึ่งแต่ได้แค่สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง เราก็ถือว่าไปฝึกงานในขณะที่ยังเรียนอยู่ละกัน พอเรียนจบเราก็ต้องเริ่มงานอย่างจริงจังว่าจะทำที่ไหนดี? ทำอะไรดี? ย้ายเมืองดีไหม? ถ้าทำร้านไทยก็จะไม่ได้ภาษาแน่เลย เลยตัดสินใจย้ายไปเป็น housekeeping @ Banff ถือว่าไปทำงานและได้เที่ยวไปในตัว

2. Banff (My Banff เมืองที่สวยดั่งภาพวาด)

เมืองที่สามารถเดินจากที่พักไปทำงานเพียงแค่ 2 นาที ไป hiking ไปดูน้ำตก ไปทะเลสาบ ไปตกปลา บลาๆๆๆๆ ทำทุกอย่างได้เพียงแค่เดินเท่านั้น!! ซึ่งตอน summer เราสามารถขี่จักรยานแทนการเดิน (เขามีเลนจักรยานให้เฉพาะเลยด้วย) ดื่มด่ำกับธรรมชาติ สูดออกซิเจนให้เต็มปอด สุดยอดอ่ะ สะดวกสบายมากๆ

ก่อนจะย้ายมาเมืองนี้มีแต่คนบอกว่าอย่ามาเลย เพราะจะเบื่อ ไม่มีอะไรทำมากเพราะเป็นเมืองเล็กๆ มี ถนน downtown แค่เส้นเดียว แต่ไม่เลย เราคิดว่าเราเลือกถูกแล้ว ตอนเรามาอยู่ที่นี่เดือนแรกเราไม่เคยเจอคนไทยเลยจนกระทั่งมีเพื่อนไปทำงานร้านอาหารจีนและมีเชฟเป็นคนไทยจึงได้เจอคนไทยครั้งแรกที่เมืองนี้แค่ 2 คน สำหรับเพื่อนๆที่อยากมาเก็บตังค์ควรเลือกเมืองเล็กๆแบบนี้ใช่เลย ตอนอยู่ที่แวนเก็บมาก็จ่ายค่าบ้าน ค่ารถค่าสังคมเมืองหมดพอดีเลย ไม่พอด้วยเพราะยังเรียนอยู่ทำงานไม่ได้มาก

งานแรกที่ทำที่เมืองนี้-> housekeeping ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เราก็ได้พักที่ staff accommodation ซึ่งราคาถูกมาก มี staff meals ให้ ซึ่งก็ราคาไม่แพงดีกว่าเราไปซื้ออาหารข้างนอกกินเอง เราไม่เคยคิดอยากจะทำงานนี้มาก่อนเลยแต่พอทำๆไปมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แค่ไม่ชอบตอนโดนเร่งให้เร็วขึ้นงี้ จริงๆเขามีพักเบรกให้ ซึ่งเราแทบไม่เคยพักเพราะจะทำให้เราทำงานได้ช้าลง ไม่ทันคนอื่น แต่เพื่อนต่างชาติเขาไม่แคร์เขาถือว่าพักก็คือพัก มีแต่เอเชียอย่างเราๆนี่แหละ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์เขาก็จะทำกันอยู่

พอ Job 1 ลงตัวแล้ว ต่อมาเราก็มาเริ่มหา Job 2 เพราะเพื่อนส่วนมากทำ 2 Job กันทั้งนั้น แต่พอไปสมัครเขากลับต้องการคนพูดภาษาจีนและญี่ปุ่นได้ เพราะนักท่องเที่ยวจีนและญี่ปุ่นเยอะมาก ซึ่งเราก็พูดไม่ได้ แต่เราก็ยื่นใบสมัครทุกร้านอ่ะนะ 1 เดือนผ่านไปยังไม่ได้งานจนกระทั่งเราไปสมัครร้านอาหารจีนที่ food court แห่งหนึ่ง ก็คิดว่าเขาจะรับไหม พูดจีนก็ไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ให้มาเริ่มงานได้เลย เพราะเขาขาดคนพอดี แค่นี้ก็ดีใจแล้ว และหลังจากนั้นก็มีงานที่เราเคยส่งใบสมัครไว้ติดต่อเข้ามาอีก เราก็อยากรู้ว่างานจะเป็นยังไงเราเลยขอเขาทำแค่อาทิตย์ละ 2 วันพอ เพื่อนๆอาจจะเคยได้ยิน Beaver Tail เป็น Sweets ที่ขึ้นชื่อของแคนาดา คนที่มาแคนาดาที่พลาดไม่ได้เลยคือ Poutine และ Beaver Tail

ร้าน Beaver Tail เราก็เป็น Sale assistance อยู่ที่นี่ จริงๆแล้ว Beaver Tail ก็แนวๆโรตีอาบังที่เลือกหน้าได้เอง

ซึ่งที่นี่มีแต่เพื่อนต่างชาติที่พูดอังกฤษหมดเลย เราชอบที่นี่เลยไม่อยากออก ถึงแม้ต้องทำ 3 Job ก็เถอะ เพราะงานแม่บ้านพูดแต่กับเฟอร์นิเจอร์ในห้อง –“ ร้านจีนเขาก็พูดแต่ภาษาจีนกัน แต่เป้าหมายของเราคือมาฝึกภาษาอังกฤษ พอต่อมาเรารู้สึกเหนื่อยกับงานแม่บ้านแล้วและไม่ได้ช่วยให้ภาษาเราดีขึ้นเลย เลยเปลี่ยนมาเป็น sale assistance ที่ร้านขายของฝากแทน ตอนนั้นก็ดีใจที่สมัครได้แสดงว่าภาษาเราพัฒนาขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งต่อมาร้านจีนที่เราทำอยู่เจ้าของเขาจะเกษียณแล้วย้ายไปอยู่อีกเมือง ทำให้เราต้องหา Job 2 ใหม่อีก ซึ่งก็ได้เป็น Busser ที่ร้าน pizza เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่อง Poutine อันดับ 1 ของ Banff เลย

ร้าน pizza ที่เราไปทำงานอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ ได้ pizza กลับบ้านไปแบ่งรูมเมทตลอดๆ ฟิน

แล้วเจ้าของก็ใจดีมากๆ รับเราด้วย ทั้งๆที่คิดว่าไม่ได้แหละ เพราะทุกคนดูคล่องกันมากแล้วเราก็ไม่เคยทำงานร้านอาหารฝรั่งมาก่อน แต่เพื่อนร่วมงานก็ดีมากๆคอยช่วยเหลือเราตลอด คือว่าร้านฝรั่งเนี่ยเขาชอบวางทุกอย่างไว้สูงๆเพราะเขาหยิบกันถึงอะเนอะแต่เอเชียอย่างเราเนี่ยหยิบไม่ค่อยจะถึงก็ต้องวานเขาตลอด เศร้าแปป หลังจากที่ทำงานมาได้สักพักเราคิดว่าเราชอบทุกงานที่เราทำ แล้วเราสนุกกับมัน ถึงแม้จะเหนื่อยกาย แต่เราคิดว่าเราไม่เหนื่อยใจ เราคิดว่าการทำงาน ได้พบปะพูดคุยเหมือนกับได้พบเจอคนใหม่ๆได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้สนุกไปกับทุกๆวัน ทำให้เวลาผ่านไปเร็วมาก ซึ่งช่วงนี้พีคมากเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างงานใหม่ งานเก่าก็ยังทำอยู่ งานใหม่ก็ต้องเทรนว่าเราจะโอเครไหม แล้วเขาจะโอเครกับเราไหม มีสัปดาห์หนึ่งเคยทำถึง 5 Job ด้วยกัน เป็นตารางที่วุ่นมาก เหมือนรถไฟจะชนกัน แต่คนนะไม่ใช่แฟน มีแต่งาน 555 ซึ่งเป็นชีวิตที่สนุกมาก เห็นเราทำงานเยอะๆแบบนี้ได้เที่ยวเยอะเหมือนกันน้า แล้วที่เมืองนี้ยังดีมากมีบัตรให้เที่ยวสถานที่ต่างๆได้ฟรีด้วย เขาเรียกว่าบัตร Ambassador เรียนโยคะฟรี  พายเรือ canoe ฟรี บัตรผ่าน Columbia Icefield ก็ฟรี และอื่นๆอีกมากมาย สุดยอดจริงๆ ซึ่งที่เขามีโครงการแบบนี้เพราะเขาเห็นว่าเรามาทำงานที่เมืองเขาเป็นเหมือน Ambassador ของเมือง เวลามีแขกมาถามถึงสถานที่ต่างๆเราจะได้อธิบายและแนะนำให้เขาฟังได้นั่นเอง

ต่อมาเราก็ต้องคิดเรื่องย้ายเมืองเพราะจะเข้าฤดูหนาวแล้ว ลืมบอกเราได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรกก็เมืองนี้แหละ ตื่นเช้ามาแบบหิมะตกสวยมาก แต่ก็จะหนาวมากเช่นกัน เราว่าเราไม่ไหว เพราะขนาดยังไม่เข้าฤดูหนาวมือเราก็แตกแล้ว ต้องแปะพลาสเตอร์ทุกวันอยุ่แล้ว จึงตัดสินใจย้ายเมือง เอาไงไปไหนต่อดี? รัฐที่อบอุ่นที่สุดก็มีแค่ BC แล้วกระเป๋าเราก็ยังอยู่ Vancouver อีกใบ ตัดสินใจกลับไป BC ก็ต้องรีบหางานใหม่ให้ได้ก่อนจะลาออกจากงานเก่าเพราะว่าวีซ่าเราก็เหลือน้อยแล้วด้วย เพราะฉะนั้นร้านต่างชาติคงยากที่จะรับ โอกาสที่พอมีอยู่น่าจะเป็นร้านไทยหรือร้านเอเชียสักที่ แล้วก็ต้องการเป็นแค่ server เท่านั้นเพราะคิดว่าภาษาเราโอเครในระดับหนึ่งแล้ว ด้วยเงื่อนไขที่เยอะทำให้ต้องทำงานหนักกับการหางานมากๆ แล้วสุดท้ายสวรรค์ก็บันดาลให้มาอยู่ที่ Keremeos

3. Keremeos, BC เงียบ สงบ เหมาะแก่การเก็บตังค์ค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน อิอิ

และแล้วก็มาถึงการผจญภัยครั้งใหม่ ที่คิดว่าไม่มีทางหนีไปไหนได้แน่ๆถ้าเกิดอะไรขึ้น เรานั่งรถ bus ซึ่งที่นี่ จะเรียกว่า greyhound (https://www.greyhound.ca/) ซึ่งถ้าเรามีบัตรstudent ก็จะขอส่วนลดได้ด้วย ตอนจาก Vancouver ไป Banff เราก็นั่ง Greyhound ไปเหมือนกัน ประมาณ 12 ชั่วโมงได้เกือบจะนั่งกลับไทยได้หละ 555 จาก Banff มา Keremeos ก็ประมาณเกือบ 10 ชั่วโมงได้ นั่งตูดบานกันเลยทีเดียว เรามาถึงที่ Keremeos ประมาณเที่ยงคืน แล้วทางเจ้าของร้านก็จะมารอรับที่สถานี ดีนะที่เขามารับจิงๆ ก่อนมานี่เราก็ไหว้พระ สวดมนต์ทุกคืนขอให้เจอคนดีๆ ขอให้เจอคนที่เขาสอนเราเหมือนเราเป็นส่วนนึงของครอบครัวเขาที่คิดแบบนี้เหมือนเป็นปมด้อยมาจากโฮสเลย ที่เราไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูหรือความเป็นครอบครัวจากเขาเลย เราเลยอยากได้อะไรแบบนี้ก่อนกลับไทยสักครั้ง แล้วเราก็ได้อย่างที่เราคิดไว้จริงๆ เราก็ได้ทำงานเป็น Server ที่ร้านอาหารไทยที่นี่ ต้องเรียนรู้การผสมแอลกอฮอร์หลายๆอย่าง ถือเป็นงานที่ท้าทายงานหนึ่งเลยเพราะเราต้อง Face กับลูกค้าโดยตรง ถ้าลูกค้าเมามา หรืออารมณ์ไม่ดี เราก็ต้องไปรับมือ อยู่ที่นี่เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากๆ เราได้ผัดข้าวผัดเองครั้งแรกก็ที่นี่ ได้ไปดูการเลือกซื้อวัตถุดิบ การบริหารจัดการต่างๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แล้วเราก็อาศัยอยู่กับครอบครัวเจ้าของร้าน ตรงนี้ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของที่พัก และค่าอาหารไปได้มากเลยทีเดียวแลกกับการที่เราทำงานบ้านให้เขาก็โอเคร

ปล. ส่วนมากเราจะเลือกทำงานร้านอาหารเพราะทำให้ประหยัดค่าข้าวได้เยอะ แถมเราก็ไม่ต้องทำเอง และยังเอามาแบ่งเพื่อนได้อีกด้วย

ปล. 2 ก่อนที่เราจะตัดสินใจมาที่ร้านนี้เราเช็คประวัติของร้านมาพอสมควรเหมือนกัน ร้านนี้ถือว่าดังในระดับหนึ่งเลยที่เดียว -> แสดงว่ารสชาติดี เราก็กินได้ อยู่รอดหละ เพราะบางร้านถ้าไม่อร่อย แล้วเวลาที่เหลือเราก็ต้องกินอาหารร้านเขาทุกวันมันก็ไม่ใช่แล้วป่ะ 555 แล้วก็ไม่ใช่แค่ทางเราที่เช็คประวัติ ทางร้านเขาก็ต้องเช็คประวัติเหมือนกัน ที่แคนาดา Reference สำคัญมากๆ เกือบทุกที่เขาจะขอ Reference และโทรไปถามจริงๆด้วย

มาอยู่ที่เมืองนี้เราก็ไม่ค่อยได้เที่ยวไหนมากมายเพราะจะเก็บตังค์ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้านหละ ก็ได้เที่ยว รอบๆเมือง เมืองนี้เล็กมากมีประชากรแค่พันกว่าคนซึ่งเล็กกว่าโรงเรียนบางโรงอีกนะเนี่ย แต่ก่อนกลับเราก็ได้ไป real rock climbing เป็นการปีนเขาจริงๆครั้งแรกในชีวิต

สรุปแล้วการมา Working Holiday ครั้งนี้หักค่าใช้จ่ายต่างๆรวมถึงค่าเรียนภาษาแล้ว เราเหลือตังค์เก็บเท่าๆกับเงินเดือนทั้งปีที่ไทยเลย ซึ่งผลพวงที่ได้มานอกเหนือจากการมาเก็บตังค์นั้นประเมินค่าไม่ได้เลย หวังว่า Content นี้จะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับใครบางคน และเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่อยากไปลองใช้ชีวิต และตามหาความฝัน และเก็บตังค์ในต่างแดนกันนะคะ

ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านมาถึงจุดนี้นะ สำหรับเพื่อนๆที่สนใจอ่านฉบับเต็ม

สามารถติดตามกันได้ที่ Link นี้เลยนะคะ https://pantip.com/topic/36503207

…Let’s catch your dreams…

เงินเดือนจ๋าพี่มาแล้วจ้า
facebook.com/SalaryImComing/

[Update] รวมคำถามยอดฮิต โครงการ Work and Holiday Australia (Updated 2019) | work and holiday ค่าใช้จ่าย – NATAVIGUIDES


ข่าวดีโครงการ Work and Holiday Visa Australia กับการต่อวีซ่าปีที่ 2

From 19 November 2016, Work and Holiday visa (subclass 462) holders who work for three months in northern Australia in tourism and hospitality or agriculture, forestry and fishing will be eligible for



KASHMIR กับการ trekking ครั้งที่ 3 ในชีวิต! | EP.1


Kashmir great lakes ณ ประเทศอินเดีย
เป็นเส้นทางการเดิน trekking ยอดนิยมอีกที่หนึ่งสำหรับคนไทย
เพราะค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงมาก วิวก็สวยมากกก แต่ก็ยากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ฮื่อออ) อันนี้ก็เป็นคลิปที่เราถ่ายมาระหว่างที่เราเดิน แอบรู้สึกว่าพอต้องมาถ่ายแบบนี้แล้วก็ยากไม่ใช้น้อยเลยนะเนี้ย เพราะลำพังเดินเฉยๆก็เหนื่อยแล้วว แต่ก็สนุกไปอีกแบบเหมือนได้บันทึกเก็บไว้ให้ตัวเองดูหลังกลับมา พอตอนนั่งดูคลิปก็แอบขำเบาๆ ความรู้สึกทรมานครั้งนั้นชั้นยังจำมันได้ดี 5555
งั้น! จะเป็นยังไงก็ไปชมกันเลยยยยย!
คลิปแรกของเรายังไงก็ฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้เขาด้วยน้า 5555

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

KASHMIR กับการ trekking ครั้งที่ 3 ในชีวิต! | EP.1

Q\u0026A l ไป Work and Travel 🇺🇸 ได้เงินกลับมาเท่าไหร่? ค่าใช้จ่ายทั้งหมด? l ให้น้องเล่า Ep.3


Q\u0026A l ไป Work and Travel ได้เงินกลับมาเท่าไหร่? ค่าใช้จ่ายทั้งหมด? เที่ยวไหนมาบ้าง?

♡ Follow Me ♡
Instagram : https://www.instagram.com/_jibjeab/
Facebook : https://www.facebook.com/Jibjeabs
Facebook Page : https://www.facebook.com/Jibjeabstory/
Email : [email protected]

workandtravel ถามตอบ

Q\u0026A l ไป Work and Travel 🇺🇸 ได้เงินกลับมาเท่าไหร่? ค่าใช้จ่ายทั้งหมด? l ให้น้องเล่า Ep.3

Work and travel 2021 | EP.8 ไม่เก่งภาษามา WAT ดีไหม?


ทุกคนสามารถคอมเมนต์ติชมให้กำลังใจกันได้น้าา
ขอบคุณที่รับชมวีดีโอค่ะ ฝากติดตามวิดีโอต่อไปด้วยนะคะ 🙏🏻

ฝากติดตามช่อง Youtube Asmr ด้วยนะคะ
https://youtube.com/channel/UCkT9CFgf7QOv_CrZXezY6vA

Follow me on social media!
Instagram : https://www.instagram.com/minniexmind/

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านเสื้อผ้าน่ารักๆ ของแถมเยอะๆ กดเข้าชมลิงค์นี้ได้เลยค่ะ : https://www.instagram.com/minniexmindshop/

Thanks for watching and stay tuned to my next video!

workandtravel2021
ไม่เก่งภาษา
มาwatดีไหม?
ไม่เก่งภาษาอังกฤษ
Wat
wat2021
covid
จะไปเวิร์คช่วงโควิด
Usa
Usaworkandtravel
summer
summerworkandtravel
เตรียมตัวไปworkandtravel
workandtravelvaccine
covid19
เพื่อนต่างชาติ
workandtravelอเมริกา

Work and travel 2021 | EP.8 ไม่เก่งภาษามา WAT ดีไหม?

ค่าครองชีพ USA 🇺🇸 ฉบับเด็ก Work and Travel 🛬


สวัสดีทุกคนค่า!~ ☁️
VLOG นี้ก็เป็นคลิปเปิดตัวยูทูปชาแนล ‘Benedit’ คลิปแรกของเรา
ตอนที่ได้ไปอเมริกา มันดีมากๆ จนทำให้เราเข้าใจคำว่า ‘American Dream’ จริงๆ
คิดนานมากค่ะว่า content จะเป็นลักษณะไหน สุดท้ายออกมาเป็นอันนี้ เพื่อนๆที่อยากไป
จะได้เตรียมตัวเรื่องการเป็นอยู่ได้อย่างสบายใจด้วยเนาะ
ถ้าสงสัยอยากสอบถาม หรืออยากให้เราทำคลิปอะไรเพิ่ม ก็สามารถ comment บอกกันมาได้เลยน้า
หากคลิปนี้เป็นประโยชน์สกายฝากทุกคนกดไลค์ กดแชร์ และกด subscribe ให้เราด้วยน้า
Have a good day 🙂

ค่าครองชีพ USA 🇺🇸 ฉบับเด็ก Work and Travel 🛬

Work and Holiday Visa Australia/New Zealand คืออะไร? ทำยังไงให้ได้มาอยู่ ออสเตรเลีย ? | yuyeekaty


มีหลายๆคน ถามเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องวีซ่าที่ทำให้ได้มา \”ออสเตรเลีย\”
วันนี้เลยอยากจะมาอธิบาย และแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าตัวนี้กันค่ะ
นั่นก็คือ \”Work and Holiday visa\”
ยู่ยี่ได้มาของรุ่นปี 2017 นะคะ
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่อัพเดตของปี 2018 นะคะ ในปีต่อๆไป
อาจจะมีการปรับเปลี่ยน แต่คิดว่าไม่แตกต่างจากเดิม หรืออาจจะเหมือนเดิม
แล้วจะทำคลิปเกี่ยวกับออสเตรเลีย และเมลเบิร์นมาฝากกันอีกนะคะ
ฝากติดตามคลิป และ Vlog ที่กำลังจะลงต่อๆไปด้วยนะคะ
อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ ให้ด้วยนะคะ จะได้เป็นกำลังใจให้ทำคลิปต่อ
ถ้าข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดคอมเม้น และแชร์กันเข้ามาได้เลยนะคะ
เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ หรือคนที่สนใจกันเนอะ
ติดตามกันต่อได้ที่…
เฟสบุค : https://www.facebook.com/Yuyeekaty
อินสตาแกรม : https://www.instagram.com/yuyeekaty

ฝากติดตามด้วยนะคะ🙏 wah workandholiday visa abroad workandholidayaustralia Australia NewZealand Melbourne yuyeekatty คนไทยในต่างแดน เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

Work and Holiday Visa Australia/New Zealand คืออะไร? ทำยังไงให้ได้มาอยู่ ออสเตรเลีย ?  | yuyeekaty

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ work and holiday ค่าใช้จ่าย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *