Skip to content
Home » [NEW] | ในรูปแบบของ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] | ในรูปแบบของ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ในรูปแบบของ ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

ในบทเรียนนี้จะสอนถึงหลักของการเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การเขียนจดหมายธรรมดา ตลอดจนยังสามารถนำไปใช้ในการส่งอีเมล์ได้อีกด้วยเช่นกัน

letter writing

สิ่งที่ผู้เขียนต้องระวังมากที่สุดในการเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ คือรูปแบบจดหมายและภาษาที่ใช้ในการเขียนจดหมายซึ่งภาษาที่ใช้เขียนจดหมายรวมทั้งรูปแบบจดหมายจะมี 2 อย่างคือ

แบบเป็นทางการ (formal) และ แบบไม่เป็นทางการ (informal)

ถ้าเขียนจดหมายแบบเป็น ทางการภาษาที่ใช้รวมทั้งรูปแบบจดหมายก็ต้องใช้แบบเป็นทางการแต่ถ้าเขียนจดหมายแบบไม่เป็นทางการ จะใช้ภาษาและรูปแบบจดหมายง่ายๆ สบายๆ

จดหมายที่เป็นทางการ (formal letter) เช่น จดหมายธุรกิจ (business letter) หรือจดหมายสมัครงาน (application for a job) จะต้องประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้

1. Return address คือที่อยู่ของผู้เขียนจดหมายซึ่งจะวางไว้มุมขวามือด้านบนของจดหมายโดยที่อยู่ของผู้เขียนจดหมายจะประกอบด้วยหมายเลขที่บ้าน ชื่อถนน ชื่อเมือง ชื่อรัฐ และรหัสไปรษณีย์ อาจจะใส่ comma (,) ทุกท้ายบรรทัดและใส่ full stop (.) ที่บรรทัดสุดท้ายก็ได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมนักและที่สำคัญห้ามเขียนชื่อผู้เขียนจดหมายไว้ที่ return address

ตัวอย่าง
19/1 Pet-kasem Road
Nong khaem
Bangkok 10160

80 Green Road
Moseley
Birmingham
B13 9 PL

9 Britannia Road
IL ford Essex
IG1 2EQ U.K.

2. Date คือวันที่ๆ เขียนจดหมายซึ่งสามารถวางไว้ได้หลายที่ เช่น วางdate ไว้ใต้ return address หรือวาง date ไว้ใต้ชื่อที่พิมพ์ไว้ด้านล่างของจดหมาย

การเขียนวันที่มีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบอเมริกันและแบบทั่วไป โดยการเขียนวันที่แบบอเมริกันจะวางเดือนไว้หน้าวัน

ตัวอย่าง
Month/day/year
March 12, 1998
January 10, 1990
12/6/95 = December 6, 1995
10/4/96 = October 4, 1996

อีกอย่างเป็นการเขียนวันที่แบบทั่วไป ซึ่งจะวางวันที่ (day) ไว้หน้าเดือน Day/month/year
12 march, 1992
10 April, 1994
5 January, 1998
12/6/95 = 12 June, 1995
10/4/96 = 10 April, 1996

หมายเหตุ: การเขียนวันที่ทำได้หลายแบบ เช่น
‘12.3.98’
‘12/3/98’
‘12 March 98’
‘March 12th, 1998’
‘March 12, 1998’

3. Inside address คือ ชื่อและที่อยู่ของผู้รับ โดยจะเขียนชื่อและที่อยู่ของผู้รับไว้ด้านซ้ายมือ ซึ่งอาจจะวางไว้บรรทัดเดียวกันกับวันที่ที่อยู่ด้านขวามือ หรือวางไว้ต่ำกว่าวันที่ก็ได้ inside address จะประกอบด้วย

ชื่อผู้รับ (title – name-last name)
ตำแหน่งงาน (job title)
ชื่อบริษัท (company name)
ชื่อถนน (street name)
ชื่อเมือง (city name)
รหัสไปรษณีย์ (zip code)

ตัวอย่าง
Mr. Roy Evans
Vice President of Operations
Inter Educational Services
1/12 Petchaburi Road
Bangkok 10400

Mr. R.C. Bushill
Personal manager
IWAKI (ENGLAND) Co., Ltd.
9 Britannia Road
Ilford Essex
IG1 2EQ U.K.

หมายเหตุ:
1. inside address จะใช้กับจดหมายที่เป็นทางการโดยเฉพาะจดหมายธุรกิจ
2. ในกรณีที่ส่งจดหมายสมัครงานถึงบริษัท ถ้าไม่ทราบชื่อผู้รับก็ให้ใส่เฉพาะตำแหน่งงาน

4. Greeting คือคำขึ้นต้นจดหมาย ซึ่งเป็นการทักทายถ้าเป็นการเขียน
จดหมายแบบเป็นทางการ greeting จะอยู่ในรูป Dear + title + last name
(กรณีที่รู้ชื่อผู้รับ)

ตัวอย่าง
Dear Mr. Maxwell :
Dear Mr. Komai :
Dear Miss Stephenson :
Dear Mrs. Bushill :

กรณีที่ไม่ทราบชื่อผู้รับและไม่ทราบด้วยว่าเป็นเพศหญิงหรือชาย greeting จะอยู่ในรูป

Dear Sir or Madam

กรณีที่เขียนจดหมายแบบไม่เป็นทางการ greeting จะอยู่ในรูป

Dear + name หรือ Dear + title

ตัวอย่าง
Dear John,    Dear Ladda,
Dear Mum,    Dear Grandpa,
Dear friend,    My dearest Supot,

ถ้าเริ่มต้นจดหมายด้วยการใช้ตำแหน่งและนามสกุล (title and surname) ของบุคคล เช่น ‘Dear Mr. Suriya’ เวลาลงท้ายจดหมายให้ใช้ ‘Yours Sincerely’ ถ้าใช้ ‘yours’ จะเป็นทางการน้อยกว่าอันแรก ถ้าเริ่มต้นจดหมายด้วย ‘Dear Sirs’ ให้ลงท้ายจดหมายด้วย ‘Yours faithfully’ ถ้าเป็นจดหมายส่วนตัวมักจะลงท้ายด้วย ‘Yours’ หรือ ‘Love

หมายเหตุ :
1. ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน มักลงท้ายจดหมายด้วย ‘Sincerely Yours’ หรือ ‘Very truly yours’
2. การเขียนจดหมายแบบอเมริกันมักใส่ colon (:) หลัง Dear… (Dear Mr. John:) ส่วนการเขียนจดหมายแบบอังกฤษจะใส่ comma หรือไม่ใส่อะไรเลย (Dear Mr. John, หรือ Dear Mr. John)

5. Body คือ ตัวจดหมายหรือเนื้อหาของจดหมาย ซึ่งจะบอกถึงวัตถุประสงค์ของการเขียนจดหมาย เนื้อหาของจดหมายจะมีความสำคัญมากกว่าส่วนอื่นๆ ของจดหมาย โดยปกติแล้ว ตัวหรือเนื้อหาจดหมายจะประกอบด้วย 4 ส่วนด้วยกัน

1. Opening คือ ส่วนที่พูดถึงเหตุผลว่าทำไมจึงเขียนจดหมาย
2. Purpose คือ ส่วนที่บอกถึงเป้าหมายที่เขียนจดหมายซึ่งเป็นการจัดหารายละเอียดของสิ่งที่กำลังเขียนว่าที่เขียนมามีเป้าหมายอะไร
3. Action คือ ส่วนที่บอกว่าจะดำเนินการอย่างไรหรือจะทำอะไรเป็นลำดับต่อไป
4. Polite Expression คือ ส่วนที่กล่าวขอบคุณผู้อ่าน

6. Closing คือ คำลงท้ายจดหมายซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือแบบเป็นทางการ (formal) และแบบไม่เป็นทางการ (informal) ถ้าไม่รู้ชื่อผู้รับหรือเมื่อใช้ชื่อสกุลของผู้รับในการทักทาย (greeting) คำลงท้ายจะใช้แบบเป็นทางการหรือแบบ Standard ก็ได้ แต่ถ้าใช้ชื่อแรกของผู้รับในการทักทาย คำลงท้ายจะใช้แบบไม่เป็นทางการ ต่อไปนี้เป็นคำขึ้นต้น (ทักทาย) และคำลงท้าย ทั้ง 3 แบบ

Formal (เป็นทางการ)
คำทักทาย                   คำลงท้าย
Dear Sir or Madam :     Yours very truly,

Very truly yours,
Very sincerely yours,
Very cordially yours,
Sincerely yours,

Very truly yours,Very sincerely yours,Very cordially yours,Sincerely yours,

Standard
คำทักทาย                  คำลงท้าย
Dear Mr.Tom :              Sincerely,
Yours sincerely,
Cordially yours,

Informal (ไม่เป็นทางการ)
คำทักทาย                 คำลงท้าย
Dear Joe,                       Sincerely,
Sincerely yours,
Cordially,
Yours truly,

หมายเหตุ : คำลงท้ายจดหมายนอกจากที่กล่าวแล้วยังมีคำว่า ‘love’ ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงใช้ ก็จะใช้ในการเขียนจดหมายส่วนตัว ถ้าเป็นผู้ชายใช้ก็จะใช้กับเพื่อนหญิงที่สนิทมากๆ หรือใช้กับญาติพี่น้อง คำว่า ‘yours’, ‘Best wishes’ และ ‘All the best’ ถ้าผู้ชายใช้จะใช้คำเหล่านี้ในการเขียนจดหมายส่วนตัว ถ้าเป็นผู้หญิงใช้ก็จะใช้ในการเขียนจดหมายถึงคนที่ตัวเองไม่ได้ชอบพอเป็นพิเศษส่วนคำว่า ‘lots of love’ ใช้ได้ทั้งชายและหญิง เมื่อเขียนจดหมายถึงเพศตรงข้ามที่ตัวเองชอบ (รัก) มากๆ(ชายเขียนถึงชายด้วยกันไม่ค่อยใช้คำนี้เพราะใช้ในเชิงชู้สาว)

7. Signature/Typed name คือ การเซ็นชื่อผู้เขียนที่ท้ายจดหมาย ถ้า จดหมายที่เป็นทางการจะมีชื่อที่พิมพ์และมีลายเซ็นด้วย ส่วนจดหมายส่วนตัวจะมีเพียงลายเซ็นหรือชื่อที่เขียน (ไม่ได้พิมพ์ชื่อ)

8. Envelope คือ การจ่าหน้าซองจดหมายโดยให้เขียนชื่อ นามสกุล และที่อยู่ให้ชัดเจน การจ่าหน้าซองจดหมายจะมี 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นชื่อที่อยู่ของผู้รับ และส่วนที่เป็นชื่อที่อยู่ของผู้ส่งซึ่งทั้ง 2 ส่วนคล้ายกับ return address และ inside address

ส่วนต่างๆ ของจดหมาย
Return address

Date

Inside address

Greeting

Body

Closing

Signature

Typed Name

หมายเหตุ : ถ้ามีสิ่งที่ส่งมาด้วยให้ใส่ enclosure ถัดจาก Typed Name

จดหมายสมัครงาน
18/2 Pet-kasem Road
Nong Khaem
Bangkok 10160

March 20, 1998

Mr.Supot Suton
himan Resources Director
Nana Computer Company
19/1 Petburi Road
Rachatewee, Bangkok 10400

Dear Mr.Suton :

I am applying for the position of secretary which was advertised in the Bangkok Post of March 10.
I have enclosed my resume, and I would like to schedule an interview.
I will call you early next week.
I look forward to discussing this position with you.

Sincerely yours,

NIPONE NICK

จดหมายสอบถาม
18/2 Pet-kasem Road
Nong Khaem
Bangkok 10160

January 16, 1998 1

The Personal Manager
South-East Asia University
19/1 Pet – Kasem Road
Nong Khaem, Bangkok 10160

Dear Sir or Madam :

I should be grateful if you would send me information about the regulations for admission to South-East Asia University. Could you also tell me whether the university arranges accommodation for students?

Yours sincerely,

THANAPAN TONGYAI

หมายเหตุ : ถ้ากระดาษเขียนจดหมายมีชื่อที่อยู่ของบริษัทพิมพ์ไว้แล้ว ผู้เขียนไม่ต้องเขียน return address ซํ้าอีกเพียงใส่วันที่ก็พอ

Envelopes คือ ซองจดหมาย ในส่วนนี้จะพูดถึงการจ่าหน้าซองจดหมายการจ่าหน้าซองจดหมาย จะประกอบด้วยเนื้อหา 2 ส่วน คือ ชื่อที่อยู่ของผู้รับจดหมาย และชื่อที่อยู่ของผู้ส่งจดหมาย

ชื่อ-ที่อยู่ของผู้รับ จะประกอบด้วย
Title + First Name (หรือชื่อย่อ) + Last name
Job Title (ตำแหน่งงาน)
Company Name (ชื่อบริษัท)
Street Number + street Name (เลขที่และชื่อถนน)
City (เมือง) + Post Code (รหัสไปรษณีย์)

ชื่อ – ที่อยู่ของผู้ส่ง จะประกอบด้วย
First Name (หรือชื่อย่อ) Last Name
House number + Street
City + Post Code

ตัวอย่างการจ่าหน้าซองจดหมาย
South-East Asia university
19/1 Pet – Kasem Road
Nong Khaem
Bangkok 10160
Mr.Somchai Treetong
Director of Marketing
Sopa Printing Company
128/2 Phiboonsongkram Road
Muang, Nonthaburi 11000

หมายเหตุ :
1. ถ้าเป็นจดหมายที่เป็นทางการการจ่าหน้าซองจะใช้พิมพ์ (พิมพ์ดีดหรือพิมพ์ computer)
2. ถ้าเป็นจดหมายจากหน่วยงานของบริษัทชื่อและที่อยู่ของบริษัทจะพิมพ์ไว้ก่อนแล้ว
3. ถ้าเขียนจดหมายถึงคนที่พักอาศัยอยู่บ้านของคนอื่น (เป็นการพักชั่วคราว) ให้เขียนชื่อผู้รับจดหมายก่อน(ผู้ที่ไปพักอาศัย) แล้วบรรทัดถัดไปให้เขียน C/O(care of) ไว้หน้าชื่อของเจ้าของสถานที่ เช่น ถ้าจะส่งจดหมายไปหาคุณภาณุวัฒน์ ที่ไปพักอยู่กับคุณจำปาเป็นการชั่าคราว จะต้องเขียนจดหมายถึงคุณจำปาเพื่อฝากต่อให้คุณภาณุวัฒน์ โดยเขียนชื่อคุณภาณุวัฒน์ไว้บรรทัดแรกและเขียน C/O + ชื่อคุณจำปา ไว้บรรทัดที่ 2 เช่น

Mr. Panuwat Kanyanok
C/O Mr. Jumpa Dongyen
28/2 Wireless Road
Pathumwan, Bangkok 10330

ที่มา:นเรศ  สุรสิทธิ์
B.A.(English), M.A.(English)

[NEW] รูปแบบการใช้ Past Simple ในภาษาอังกฤษ | ในรูปแบบของ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

Past simple (พาสทฺ ซิมเพิล) หมายถึง “อดีตกาล” ใช้เพื่อกล่าวถึง เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จำเพาะเจาะจง (definite time) เช่น เมื่อวานนี้ (yesterday เยสเทอะเดย์), ปีที่แล้ว (last year ลาสทฺ เยียร์), เมื่อคืนที่แล้ว (last night ลาสทฺ ไน้ทฺ), ในปี 1990 (in 1990) เป็นต้น

ในเรื่อง Past simple นี้เกี่ยวข้องกับคำกริยาช่องที่ 2 กล่าวคือถ้าเป็น คำกริยาปกติ (regular verbs เรกิวเลอะ เวิบสฺ) สามารถเปลี่ยนเป็นช่อง 2 ด้วยการเติม -ed ข้างท้าย แต่ถ้าเป็นกริยาอปกติ (irregular verbs เออเรกิวเลอะเวิบสฺ) ก็จำเป็นต้องท่องจำหรือใช้ให้บ่อยครั้ง เช่น
กริยาปกติ                                 กริยาอปกติ
work worked (เวคทฺ)                     go went (เว้นทฺ)
live lived (ลิฟดฺ)                              build built (บิ้ลทฺ)
play played (เพลดฺ)                        see saw (ซอ)
ตัวอย่าง
Tony lives in London now. He lived in Manchester last year. ตอนนี้โทนี่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ปีที่แล้วเขาอาศัยอยู่ใน-
แมนเซสเตอร์
Tony stayed at home last night. He didn’t go out with his friend. เมื่อคืนที่แล้วโทนี่อยู่บ้าน เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเพื่อนของเขา

สังเกตได้ว่า รูปของคำกริยาในตัวอย่างที่เป็นการกระทำในอดีต จะเป็นช่อง 2 ฉะนั้นจึงควรจะทราบถึงรูปแบบ (forms) ของ Past simple ดังนี้

รูปของ Past simple
(1) Statement form (สเตทเม้นทฺฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป บอกเล่า” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 2 +ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + was/were + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
อธิบาย กริยาแท้ช่อง 2 มีอยู่สองแบบที่นักเรียนต้องเรียนรู้ นั่นคือ
ก. กริยาแท้ปกติ หรือภาษาอังกฤษเรียก regular verbs (เรทิวเลอะ เวิบสฺ) คำกริยาแท้ประเภทนี้เมื่อเปลี่ยนให้เป็นช่องที่ 2 กระทำได้โดย

1. เติม -ed ข้างท้าย เช่น
work – worked            walk – walked
wash – washed             watch – watched

2. หากคำกริยาแท้ปกติใดลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติม d ต่อไปข้าง
ท้าย เช่น
type – typed                   operate – operated
change – changed         smoke – smoked

3. ส่วนคำกริยาแท้ใดลงท้ายด้วย y และมีอักษรพยัญชนะอยู่หน้าอักษร y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม -ed เช่น
play – played            spray – sprayed
employ – employed        delay – delayed

ข. กริยาแท้อปกติ หรือภาษาอังกฤษเรียก irregulat verbs (อิเรกิวเลอะ เวิบสฺ) คำกริยาแท้ประเภทนี้ต้องอาศัยการจดจำ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากคำกริยาแท้ปกติเมื่อเป็นช่อง 2 เช่น
go – went        set – set
ring – rang    break – broke

หมายเหตุ สามารกหาซื้อหนังสือ กริยา 3 ช่อง ซึ่งได้รวบรวมคำกริยาแท้ปกติทั้ง 3 ช่องได้ตามร้านจำหน่ายหนังสือ หนังสือเล่มดังกล่าวจัดพิมพ์ โดยสำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา กรุงเททมหานคร
ตัวอย่าง
I bought a new car three days ago.
ผมซื้อรถยนต์คันใหม่มาเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา
When I dropped my cup, the coffee spilled on my lap.
เมื่อผมทำถ้วยหล่น กาแฟได้หกราดบนหน้าตักของผม
Last night I went to the cinema.
เมื่อคืนดิฉัน ได้ไปชมภาพยนตร์

(2) Negative form (เนเกอทิฟวฺ ฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป ปฏิเสธ” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + did not + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + was/were not + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + กริยาช่วยช่อง 2 + not + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม หรือส่วนขยาย
อธิบาย รูปย่อของ     did not = didn’t
was not = wasn’t
were not = weren’t
กริยาแท้ช่อง 1 หมายถึง กริยาแท้ที่ไม่มีการเติม -s, -es, -ed, -ing
ไม่ใช่กริยาแท้ช่อง 1     ใช่กริยาแท้ช่อง 1
works                work
broke                break
cleaning           clean
watches           watch

กริยาช่วยช่อง 2 หมายถึง กริยาช่วยอื่น นอกเหนือจาก did, was, were ได้แก่ could, might
รูปย่อของ could not = couldn’t ; might not = mightn’t
ตัวอย่าง
He wasn’t busy yesterday.
เขาไม่ได้มีธุระยุ่งเมื่อวานนี้
I didn’t sleep for eight hours last night.
ผมไม่ได้นอนหลับเป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมงเมื่อคืนที่แล้ว
This year John can play badminton, but last year he couldn’t
(play it).
ปีนี้จอห์นเล่นแบดมินตันได้ แต่ปีที่แล้วเขาเล่นไม่ได้

(3) Yes-No question (เยส โน เควสเชิ่น) หรือในภาษาไทยคือ “คำถาม ที่ผู้ตอบจะตอบว่า Yes/No” ประกอบด้วย
กรณีที่ไม่มีกริยาช่วยอยู่ภายในประโยค
Did + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยที่ไม่ใช่ was/were อยู่ภายในประโยค
กริยาช่วยช่อง 2 + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยที่เป็น was/were
Was/Were + ภาคประธาน + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
Did you go to Bangkok yesterday?
เมื่อวานนี้คุณไปกรุงเทพฯ ใช่ไหม
Were you a student two years ago?
คุณเป็นนักเรียนใช่ไหมเมื่อสองปีที่แล้ว
Could you swim when you were five years old?
คุณว่ายน้ำได้ใช่ไหม เมื่อตอนที่คุณอายุห้าขวบ

(4) Wh-word question (ดับเบิลยู เอช เวิด เควสเชิ่น) หรือในภาษา ไทยคือ “คำถามที่ขึ้นต้นประโยคด้วย Wh-words ได้แก่ What, When, Where, Why, How long, … ฯลฯ” ประกอบด้วย
กรณีที่ต้องใช้กริยาช่วย did เพราะไม่มีกริยาช่วยอื่นใด
Wh-word + did + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยช่อง 2 อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ was/were
Wh-word + กริยาช่วยช่อง 2 + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม/ส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วย was/were

Wh-word + was/were + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
How long was the film?
ภาพยนตร์มีความยาวเท่าไร
What did you do last night ?
เมื่อคืนที่แล้วคุณทำอะไร?
Where were you yesterday?
เมื่อวานนี้คุณอยู่ที่ไหน

การใช้ Past simple
1. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบสิ้นสมบูรณ์ในอดีต โดยปกติมักมีข้อความที่บ่งบอกเวลาที่เหตุการณ์นั้นๆ ได้เกิดขึ้นมาในอดีต อาทิ yesterday, last night, two days ago, in 1990, … ฯลฯ
ตัวอย่าง
I walked to school yesterday.
เมื่อวานนี้ผมเดินไปโรงเรียน
He bought a new car three days ago.
เขาซื้อรถยนต์คันใหม่เมื่อสามวันที่ผ่านมา

2. ใช้แสดงเหตการณ์หรือสถานการณ์ที่ยาวนาน หรือเหตุการณ์ซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นและจบไปเรียบร้อยตั้งนานแล้วในอดีต
ตัวอย่าง
I spent all my childhood in Scotland.
ดิฉันใช้ชีวิตตลอดวัยเด็กในประเทศสกอตแลนด์
Regularly every summer, Jenny fell in love.
ทุกๆ ฤดูร้อน เจนนีตกอยู่ในความรัก

3. ถ้าในประโยคมีคำว่า when และมีรูปกริยาเป็นอดิต (past simple form) ทั้งสอง clauses จะถือว่าการกระทำใน when clause เกิดขึ้นก่อน
ตัวอย่าง
I Stood under a tree when it began to rain.
ผมยืนอยู่ใต้ต้นไม้เมื่อตอนฝนตก
When she heard a strange noise, she got up to investigate.
เมื่อเธอได้ยินเสียงแปลกๆ เธอได้ลุกขึ้นจากที่นอนไปตรวจดู
When I dropped my cup, the coffee spilled on my lap.
เมื่อผมทำแก้วหล่น กาแฟได้ราดลงบนหน้าตักของผม

4. ใช้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น เล่าเรื่องในอดีต
ตัวอย่าง
Once upon a time there was a beautiful princess who lived
with her father. One day the king decided
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงผู้เลอโฉมองค์หนึ่งอาศัยอยู่กับพระ ราชบิดา วันหนึ่งกษัตริย์ได้ตัดสินใจ…

ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 35,747 times, 3 visits today)


วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่อง การใช้ Passive voice และ Active voice ในรูปแบบปัจจุบัน


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่อง การใช้ Passive voice และ Active voice ในรูปแบบปัจจุบัน

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่อง การใช้ How much/How many


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่อง การใช้ How much/How many

คำศัพท์ สิ่งของ ภาษาอังกฤษ 50 คำ Object | Learn and song


เรียนรู้ ศัพท์สิ่งของ คำศัพท์อังกฤษ กันค่ะ
เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งของ ของใช้ต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ @Learn and song ดังนี้ค่ะ
คำศัพท์สัตว์ 50 คำ https://youtu.be/dYTWMKDa_LI
คำศัพท์ผลไม้ 50 คำ https://youtu.be/T_Oj8SHdks
คำศัพท์ 12 สี รถแม็คโคร https://youtu.be/QfJJRO8lhQE
คำศัพท์ 12 สี ลูกโป่ง https://youtu.be/XOYOiGWXNao
คำศัพท์ 7 วันและสีประจำวัน https://youtu.be/w2kzW6Y2fKY
คำศัพท์ 12 เดือน https://youtu.be/1AvyftmaU0g
คำศัพท์ รูปร่าง รูปทรง https://youtu.be/Too6SN3uSFg
คำศัพท์สิ่งของ ของใช้ 50 คำ https://youtu.be/cnc9gO8zAc
คำศัพท์ส่วนประกอบร่างกาย https://youtu.be/tPdqKL_OSs

คำศัพท์ สิ่งของ ภาษาอังกฤษ 50 คำ  Object | Learn and song

น่าอาย คนสวนพูดภาษาอังกฤษได้ l Lw Film


หนังสั้น เรื่องราวสะท้อนสังคม เตือนภัยต่างๆ
หนังสั้น ละครสั้น

น่าอาย คนสวนพูดภาษาอังกฤษได้ l Lw Film

Binance ยกเลิกภาษาไทย ทำยังไงต่อ? | LDA World


Binance ยกเลิกภาษาไทย ทำยังไงต่อ?
แล้วมีโอกาสไหมที่จะโดนยกเลิก p2p ? หรือถึงขั้นที่จะใช้กระดานเทรด Binance ไม่ได้อีกแล้ว? เฟื่องลดาชวนวิเคราะห์ ต้องดูคลิปนี้
Binance Binanceยกเลิกภาษาไทย

ABOUT US
Facebook: http://www.facebook.com/LDAworld
Tiktok: https://www.tiktok.com/@ldaworld?lang=en
Blog: http://www.ldaworld.com
Instagram: http://www.instagram.com/ldaworld
Twitter: http://twitter.com/ldaworlds
PODCAST
Spotify : https://spoti.fi/2v8nNY9
Apple Podcast : https://apple.co/35NteJc
Podbean : https://ldapodcast.podbean.com
ติดต่องาน/ลงโฆษณา : [email protected]
โทร : 0863636683

Binance ยกเลิกภาษาไทย ทำยังไงต่อ? | LDA World

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ในรูปแบบของ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *