[NEW] เรท PG คืออะไรอะคะ ? | ofc ย่อมาจาก – NATAVIGUIDES

|

victor0533

|

5 ก.พ. 52 21:47 น.

#105 ก.พ. 52 21:47 น.

หมวดฟิคชั่น

FIC, FANFIC, Fan Fiction = ฟิคชั่น หรือ นิยายในภาษาบ้านเรา คือ เรื่องราวที่แต่งขึ้นโดยจินตนาการของเหล่าแฟนคลับนักจิ้น โดยมีเนื้อเรื่องและตัวละครอ้างอิงมาจากละคร หนังสือ ภาพยนตร์ การ์ตูน ดารานักร้อง คนขายกล้วยทอดแถวบ้าน ฯลฯ โดยที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากตัวเจ้าของผลงาน หรือผู้ที่คิดตัวละครนั้นๆขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น แฟนฟิคดงบังชินกิ แฟนฟิค Lord of the Rings เป็นต้น

Slash = ประเภทของฟิคชนิดหนึ่ง ซึ่งมักจะเขียนขึ้นโดยเหล่าผู้หญิงยิงเรือ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ (สวาท) ของตัวละครที่มีเพศเดียวกัน จะเป็นชาย/ชาย หรือหญิง/หญิง ก็ได้แล้วแต่รสนิยมของผู้แต่ง แต่ในส่วนของหญิง/หญิง จะใช้คำว่า Femslash ก็ได้ 
Femslash, Femmeslash = ชื่อก็บอกอยู่โท่งๆ ว่าเป็น Slash ประเภท หญิง/หญิง ตีฉิ่งตีกลอง มีความหมายเดียวกับตัวย่อ F/F ที่อาจจะมักเจอกันได้ทั่วไป…

RPS = ย่อมาจาก Real People/Person Slash เป็นลักษณะการเขียนฟิคชั่น ที่นำเอาตัวละครที่มีอยู่จริงมาเขียน โดยให้มีรูปลักษณ์ นิสัยใจคอ หน้าที่การงาน พื้นฐานการเลี้ยงดูทางบ้าน ฯลฯ เหมือนกับตัวจริง เช่น ยูโน-ยุนโฮ, ยองอุง-แจจุง

AU = ย่อมาจาก Alternate Universe เป็นรูปแบบการเขียนฟิคชั่นอีกชนิดหนึ่งที่เขียนขึ้นโดยจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงแต่อย่างใด จะคงไว้แค่เพียงหน้าตาตัวละคร และอาจจะเป็นลักษณะนิสัยเล็กๆน้อยๆของเขา เช่น คิม จุนซู เป็นคุณหนูเล็กทายาทตระกูลคิมผู้มั่งคั่ง มาพบรักกับ ดร.ปาร์ค ยูชอน ซึ่งคุณแม่จ้างวานมาเป็นครูสอนเศรษฐศาสตร์ให้ เป็นต้น

OC, OFC, OMC = ย่อมาจาก Original Character, Original Female Character และ Original Male Character หมายถึงตัวละครที่ตัวผู้เขียนสร้างขึ้นมาเอง ทั้งชายทั้งหญิง ไม่มีอยู่จริง เพื่อใช้ประกอบเสริมในฟิคชั่น

Ficlet = ฟิคชั่นสั้นๆ ตอนเดียวจบที่มีพล็อตเหตุการณ์ให้เห็นเด่นชัด

Short Fic = ฟิคชั่นสั้นๆ ตอนเดียวจบ คิดว่าความหมายน่าจะค่อนข้างคล้ายคลึงกับ Ficlet

One Shot = เช่นเดียวกัน หมายถึง ฟิคชั่นจบในตอน

Drabble = รูปแบบการเขียนฟิคชั่นที่สั้นมากๆ ความยาวไม่เกิน 100 คำ

Double Drabble = รูปแบบการเขียนฟิคชั่นที่เหมือนเอา Drabble มาคูณ 2 ซึ่งนั่นคือหมายถึงว่าฟิคชั่นชนิดนี้จะมีความยาวไม่เกิน 200 คำ
Dribble = ศัพท์คำนี้ไม่ปรากฏแน่ชัดนะคะ แต่เท่าที่ทราบมา Dribble คือ รูปแบบการเขียนฟิคชั่นแบบสั้นมาก สั้นโคตร สั้นไม่รู้จะสั้นไปไหน ความยาวประมาณ 10 ประโยคเท่านั้น จะเขียนเรียงลงมาเว้นบรรทัดลักษณะคล้ายกลอน *ใครรู้ความหมายของ Dribble ที่แน่ชัดกว่านี้ช่วยเหลือด้วยนะ T_T

PWP = ย่อมาจาก Plot? What Plot? ซึ่งก็เป็นประเภทฟิคชั่นที่เขียนขึ้นมาโดยปราศจากพล็อตเรื่อง หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ Porn Without Plot ซึ่งก็แปลตรงตัวนั่นแหละน้า นึกอะไรได้ก็เขียน “ฉาก” ออกมาโดยไม่มีการวางแผนไว้ก่อนนั่นแล

POV = ย่อมาจาก Point of View ลักษณะการเขียนฟิคชั่นในรูปแบบหนึ่ง ที่จะถูกเล่าเรื่องโดยมุมมองของบุคคลที่ 1 เช่น ฟิคชั่นที่ใช้คำว่า “ผม” ในการดำเนินไปตลอดทั้งเรื่อง

Songfic = เรื่องที่เขียนขึ้นโดยมีเนื้อเพลงเป็นแรงบันดาลใจในการแต่ง

BDSM = ย่อมาจาก Bondage, Domination, Sado-masochism คือ ฟิคชั่นที่มีเนื้อหารุนแรง หนักไปทางฉากข่มขืน กระทำชำเรา เฆี่ยนตีบังคับ โซ่ แส้ กุญแจ เข็มขัดหนัง ตบจูบตบจูบจนเลือดกบปาก

P เช่น 3P, 4P = P มาจาก Person ดังนั้น 3P ก็มาจาก 3 person สามหนุ่มสามมุม ร่วมกันทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง (ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน…) ซึ่งตัวเลขสมการหน้าตัวอักษร P สามารถเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ก็ได้ตามแต่จินตนาการของคนเขียน

Crossover = หมายถึง ฟิคชั่นข้ามวงการ ที่นำเอาตัวละครซึ่งไม่น่าจะมาพบรักปักใจกันได้มาเขียนคู่กัน เช่น ซุปเปอร์แมน/แจจุง หรือ มิกกี้-ยูชอน/มินนี่เม้าส์ เป็นต้น (จะมีใครอุตริแต่งคู่นี้มั้ยเนี่ย…)

Angst = หมายถึง ฟิคชั่นที่มีฤทธิ์กดประสาท เนื้อหารุนแรงในอารมณ์ สถานการณ์กดดัน บีบคั้น โกรธกัน เข้าใจผิด สับสนชีวิต สับสนในตัวเอง ค้างคา น่ารำคาญ ตัวละครมีพฤติกรรมไม่ได้ดั่งใจ อ่านแล้วชวนให้หงุดหงิด เรื่องราวจิกบาดเข้าไปในหัว เอาเป็นว่ามีฤทธิ์คล้ายๆยาเสพติดชนิดหนึ่งก็ว่าได้ ที่ถ้าหลวมตัวเข้าไปอ่านแล้วจะอยากได้อีก อยากอ่านอีกให้มันหายแอ๊ง อั๊ง อัง อั่ง กันไปข้างหนึ่ง โอย…อธิบายแล้วมึน

Antific = ฟิคชั่นประเภทที่ผู้เขียนทารุณกรรมตัวละครตัวใดตัวหนึ่งที่เขาไม่ชอบในฟิคชั่น เช่น คุณไม่ชอบตัวละครหนึ่งที่มีนามว่า ‘โฮมิก’ (โฮมิกเป็นใคร?) จึงเขียนให้โฮมิกขับรถตกเหวตายในตอนจบของเรื่อง, คุณเขียนให้ ‘แจมิน’ เป็นมะเร็งเต้านมเสียชีวิต, เขียนให้ ‘โฮซู’ เป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับตาย, ‘มิกมิน’ เชือดคอตัวเองในอ่างอาบน้ำเพื่อประชดรักไม่สมหวัง เป็นต้น

Babyfic = ฟิคชั่นที่ตัวละครหลักเลี้ยงดูเด็ก เช่น มีคนนำลูกมาทิ้งไว้หน้าประตูอพาร์ตเมนท์ของ 5 หนุ่ม
ดงบังชินกิ พวกเขาเลยต้องรับเลี้ยงเด็กคนนั้นไปโดยปริยาย
Prequel = เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง

Sequel = เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง

Flash back = การย้อนกลับไปบรรยายเหตุการณ์ในอดีต เช่น ระหว่างที่กัปตันทซึบาสะกำลังจะยิงประตู เขานึกทบทวนย้อนไปถึงอดีตชาติสมัยที่เขายังเป็นเพียง ซิกโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประจำทีมชาติไทย

TBC = ย่อมาจาก To be Continued หรือ ติดตามตอนต่อไป ช่างเป็นคำที่นักอ่านทุกเพศทุกวัยเกลียดชังเสียเหลือเกิน

WIP = ย่อมาจาก Work in Progress หมายถึง ยังเขียนไม่จบ และไม่รู้จะเขียนจบหรือเปล่าเนี่ย (เฮ่ย…)

Beta, Betareader, Beta-reader = บุคคลที่เป็นผู้อ่านทวน พิสูจน์อักษร และให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับฟิคชั่นของท่านก่อนจะปรากฏสู่สายตาประชากรส่วนใหญ่ เช่น น้องฝ้าย Sloganz ขโมยฟิคชั่นของ b.leaf ไปอ่าน แล้วบอกว่าเขียนผิดตรงนั้นตรงนี้เพื่อจะได้แก้ไข สรุปน้องฝ้าย Sloganz เป็น เบต้ารีดเดอร์ของ b.leaf ^^

Bunny / Plotbunnies = กระต๊าย… กระต่าย… หมายถึง เวลาที่พล็อตนิยายของคุณมันไม่ยอมคืบหน้าไปไหนซ๊ากที แต่พล็อตยิบๆย่อยๆก็โผล่ผลุบผลับๆอยู่ในสมอง โดยที่เรื่องไม่ยอมเดินหน้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียนมัน ย้ำ…จำเป็นต้องเขียน! นั่นแหละจ้า คุณถูกจู่โจมโดยกระต่ายน้อย ^^

Challenge fic = ฟิคชั่นที่ถูกท้าให้เขียน ฟิคชั่นประกวด

Deathfic = ฟิคชั่นที่ตัวละครตัวใดตัวหนึ่งในเรื่องตาย

Wingfic = ประเภทของแฟนฟิคชั่นอย่างหนึ่ง ที่ย่อยเข้าไปใน AU อีกที เนื้อเรื่องว่าด้วยฟิคชั่นที่ตัวละครตัวใดตัวหนึ่งในเรื่องมีปีก

หมวดเรทติ้ง

G = สำหรับฟิคชั่นที่มีเนื้อหาประเทืองปัญญา สร้างสรรค์ ขาวสะอาดบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

PG = สำหรับฟิคชั่นที่มีเนื้อหาหนักกว่า G มีการบรรยายฉากรักใสๆ คำหยาบเล็กน้อย สะกิดสะเกานิด เครียดหน่อยๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเต็มที่

PG-13 = สำหรับฟิคชั่นที่มีความรุนแรงทั้งในด้านการกระทำ และภาษาที่ใช้ มีการบรรยายฉากรักที่มีความสัมพันธ์ทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมไปถึงการฆ่าตัวตาย เรื่องราวโฮโม เหล้า ยาเสพติด ฉากข่มขืน คลอดลูก ฯลฯ

R = สำหรับฟิคชั่นที่มีการบรรยายฉากรักอย่างโจ่งแจ้ง และมีเรื่องเกี่ยวกับความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่นการข่มขืน ทรมานร่างกาย มีฉากตบจูบแบบพิศาล ฆาตกรรมโหด ตัวละครสติแตกเป็นโรควิปริตจิตวิปลาส ไม่เหมาะไม่ควรกับเยาวชนของชาติเป็นอย่างยิ่ง

NC-17 = สำหรับตัวนี้เข้าขั้นอีโรติกกันเลยทีเดียว มีการบรรยายฉากรักกันเป็นขั้นเป็นตอนราวหนังสือ How to มีฉากสยิวกิ้วรุนแรงมากเกินกว่าจะยอมรับได้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่เหมาะสมกับเด็กๆ และควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมาก แต่แปลกมั้ย…นี่แหละ ของชอบของพวกเรา วะฮ่าๆๆ

X = มีความหมายทั่วไปเหมือนกับ NC-17 จะแตกต่างอยู่ตรงที่เรท X นี้ทั้งเรื่องมีแต่ เซ็กส์ เซ็กส์ เซ็กส์ และเซ็กส์ ไม่มีเนื้อหาอะไรไปมากกว่านี้ ^^”

XXX = เรทสำหรับกระทู้ที่แสดงด้วยภาพอย่างมิมีปิดบัง กราฟฟิคเน้นๆ ภาพเพียวๆ **ๆ ก่อนเปิดดูควรจะระวังแลหลังว่ามีใครเดินผ่านหรือไม่ ไม่งั้นอาจจะหัวใจวายเฉียบพลันได้ง่ายๆ ไม่นิยมใช้กับฟิคชั่น ด้วยคาดว่าคงไม่มีใครสามารถเขียนฟิคชั่นได้ออกมา XXX ขั้นนี้ (กล่าวคือฟิคชั่นเน้นที่จินตนาการ ไม่ได้เห็นเป็นภาพๆนั่นเอง)

หมวดทั่วไป

Yaoi = ยาโออิ เป็นภาษาญี่ปุ่น หมายถึง เรื่องราวความสัมพันธ์ในแบบอีโรติกของเหล่าผู้ชายหน้าตาดี มีความหมายตรงกับ Slash นั่นเองแหละนะ

Bishounen = ให้ความหมายว่า ผู้ชายหน้าสวย ใช้อธิบายชายหนุ่มที่มีหน้าตาน่ารัก สะสวยจนเกินชาย ยกตัวอย่างเช่น แจจุง และ จุนซู ^^

Boy’s Love = Shounen ai, shonenai คือเรื่องราวความรักหวานซึ้ง โรแมนติก ระหว่างชาย 2 คน

Het = เป็นตัวย่อมาจากคำว่า hetero**ual ซึ่งก็คือเรื่องราวสัมพันธ์สวาทของ ชาย-หญิง อูยยยยยย เป็นสิ่งที่พวกเราพยายามผลักไสให้ไกลตัวนักแล

Yuri = ยูริ เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งก็หมายถึงเรื่องราวสัมพันธ์ในแบบอีโรติกระหว่าง ผู้หญิงกับผู้หญิง เช่น แจจุง/จุนซู (ไม่ใช่ละ…), โบอา/บริทนี่ย์ เป็นต้น (ไปเจอกันได้ยังไง๊…)

Seme = ฝ่ายรุก

Uke = ฝ่ายรับ

SM = หาได้มีความเกี่ยวข้องกับ SM Entertainment ไม่ ทว่า SM ย่อมาจาก Sado-Masochism คืออาการทางจิตอย่างหนึ่ง ที่ผู้ที่เป็นมีรสนิยมชื่นชอบการถูกกระทำให้เจ็บปวด แล้วจะมีความสุข (ตรงกันข้ามกับซาดิสม์ Sadism ที่แปลว่าชอบทำร้ายผู้อื่นให้เจ็บปวด แล้วตัวเองจะมีความสุข) SM เรียกสั้นๆว่า มาโซ เป็นอาการของผู้ที่ชอบถูกทำร้าย ชอบทำร้ายตัวเอง… โว้วๆ

Spam = ความหมายตรงตัว หมายถึง ขยะอิเล็กทรอนิกส์

Spoiler = ข้อมูลส่วนหนึ่งที่รวมเอาจุดสำคัญของหนัง รายการ การ์ตูน ฯลฯ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทราบเรื่องราวก่อนเพราะอาจจะทำให้เสียอรรถรสในการชมในภายหลัง
จึงมักจจะมี Spoiler Warning เขียนกันไว้ก่อน

Lolicon = หมายถึงเรื่องราวหรือกลุ่มคนที่มีรสนิยมรักชอบ คลั่งไคล้เด็กผู้หญิง อายุต่ำกว่า 15 ปี
Shotacon = หมายถึงเรื่องราวหรือกลุ่มคนที่มีรสนิยมรักชอบ คลั่งไคล้เด็กผู้ชาย อายุต่ำกว่า 15 ปี

M/M, m/m = ย่อมาจาก Male/Male หรือเรื่องราวสัมพันธ์สวาทระหว่างเหล่าชายหนุ่ม

Mod, Moderator = หมายถึง ผู้ดูแลปัดกวาดเช็ดถูบอร์ด

Admin, Administrator = หมายถึง เจ้าของหรือผู้มีอำนาจเผด็จการในบอร์ด

OT = ย่อมาจาก OFF TOPIC หมายถึง กระทู้นอกเรื่อง

BBS = ในความหมายที่หนึ่ง ย่อมาจาก Bulletin Board System ซึ่งก็หมายถึงกระดานข่าวแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ในความหมายที่สอง (ซึ่งคิดว่ามันคือความหมายของบอร์ดเรานี่แหละนะ) BBS ย่อมาจาก Boy Band Slash นั่นคือเรื่องราววายๆ หนุกหนานของหนุ่มๆบอยแบนด์ทั่วโลกนั่นเอง เย้…

pr0n = เป็นคำเลี่ยงที่ใช้เขียนคำว่า porn เพื่อลดความเสี่ยงต่อการโดนกระทรวงไอซีทีแบน ซึ่งอย่างที่รู้ๆ กันว่าความหมายในตัวของมันก็คือ หนัง** หรือฟิคชั่นวาบหวามที่มีการบรรยายฉากรักกันอย่างโจ๋งครึ่มนั่นเอง

Canon = คือคำคุณสรรพที่ใช้อ้างถึงตัวละคร เหตุการณ์ พล็อตเรื่อง ฯลฯ “ที่เป็นเรื่องจริง” เช่น YunJae+YooSu is Canon. มีความหมายเป็นจริงทุกประการเสมือนกฎแรงโน้มถ่วงของโลกของนิวตัน ^^

credit : LOVE CANON (YUNJAE IS CANON) , www.sweet-yunjae.com

ไอพี: ไม่แสดง

Elise Moreau

อัปเดต 24 มิถุนายน 2563

OFC ย่อมาจาก: แน่นอน .

‘แน่นอน’ คือสำนวนที่คุณอาจจำได้เนื่องจากใช้บ่อยในภาษาแบบตัวต่อตัวในชีวิตประจำวัน เมื่อใช้ออนไลน์และใน ข้อความพูด อย่างไรก็ตามมันสะดวกที่จะใช้สิ่งนี้ อักษรย่อ เพื่อประหยัดเวลาและไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ทั้งหมด

ความหมายของ OFC

OFC เป็นวิธีที่สุภาพกว่าเล็กน้อยในการพูดว่า ‘ชัด’ หมายความว่าชิ้นส่วนของข้อมูลสามารถเข้าใจ รับรู้ หรือตกลงกันได้ง่าย

วิธีใช้ OFC

สามารถใช้ OFC ที่จุดเริ่มต้นของประโยค ในตอนท้ายของประโยคหรือที่ใดที่หนึ่งตรงกลางประโยค นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพียงอย่างเดียวในการตอบคำถามใช่หรือไม่ใช่ หรือเป็นการแสดงข้อตกลงกับบุคคลอื่น

OFC สามารถใช้ในรูปแบบตัวอักษรหรือแบบประชดประชัน เมื่อใช้ตามตัวอักษร OFC สามารถช่วยยืนยันบางสิ่งที่แน่ชัดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็น หากยังไม่ชัดเจนสำหรับใครก็ตาม

เมื่อใช้อย่างประชดประชัน สามารถใช้ OFC เพื่อทำให้บางสิ่งที่ปกติแล้วไม่ชัดเจนจนดูเหมือนควรจะชัดเจน การใช้ OFC แบบประชดประชันสามารถช่วยเพิ่มอารมณ์ขันให้กับการสนทนาได้

ตัวอย่างของ OFC ในการใช้งาน

ตัวอย่าง 1

เพื่อน#1 : ‘ เฮ้ พรุ่งนี้คุณไปประชุมไหม ‘

เพื่อน #2 : ‘ Ofc ‘

ในตัวอย่างแรกนี้ เพื่อน #1 ถามคำถามกับเพื่อน #2 แทนที่จะตอบเพียงว่าใช่ เพื่อน #2 ตอบด้วย OFC ซึ่งหมายความว่าคำตอบ ‘ใช่’ ของพวกเขาควรชัดเจน

ตัวอย่าง 2

เพื่อน#1 : ‘ ดูเหมือนคุณจะไม่สนใจว่าเรื่องนี้จะจริงจังขนาดไหน ‘

เพื่อน #2 : ‘ ฉันสบายดี ช่วงนี้ฉันไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ‘

ตัวอย่างที่สองนี้แสดงให้เห็นว่า OFC สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของนิพจน์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้อย่างไร Friend #2 ใช้ OFC เพื่อยืนยันด้วยความมั่นใจว่าพวกเขาใส่ใจในการตอบสนองต่อข้อความที่น่าสงสัยของ Friend #1

ตัวอย่างที่ 3

เพื่อน#1 : ‘ บอกฉันทั้งหมดเกี่ยวกับการเดทของคุณกับแซมเมื่อคืนนี้!’

เพื่อน #2 : ‘ มันเยี่ยมมากจนกระทั่งฉันไปอาบน้ำ – ฉันมีอาหารติดฟันเมื่อตรวจดูในกระจก !! ‘

ตัวอย่างสุดท้ายนี้แสดงให้เห็นว่า OFC สามารถใช้ในลักษณะประชดประชันได้อย่างไร Friend #2 อธิบายสถานการณ์ที่ปกติแล้วไม่ชัดเจนสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ (หรือที่รู้จักโดยอัตโนมัติว่าเมื่อใดที่อาหารติดฟัน) และใช้ OFC เพื่อทำให้ดูเหมือนชัดเจนเพื่อให้ฟังดูตลกขึ้น

การใช้ OBV หรือ OBVI เป็นทางเลือกแทน OFC

เนื่องจาก OFC มีความหมายเหมือนกันกับคำว่า ‘ชัดเจน’ คุณจึงควรใช้คำย่อยอดนิยมสองคำสำหรับคำนี้สลับกับ OFC ได้ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ตัวย่อสองตัวนี้คือ OBV และ OBVI

OBV และ OBVI อาจให้โทนเสียงที่ดูสบายๆ กว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ OFC แต่โปรดระวังด้วย เพราะบางคนอาจมองว่าฟังดูเป็นการดูถูกเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า ‘OFC I’m coming to the party’ คุณสามารถพูดว่า ‘OBV I’m coming to the party’

หากคุณต้องการใช้ภาษาของคุณสุภาพขึ้นเล็กน้อยหรือเป็นทางการมากขึ้น ให้ยึดติดกับ OFC มิฉะนั้น OBV และ OBVI อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการพิจารณาใช้