Skip to content
Home » [NEW] เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ | present by แปลว่า – NATAVIGUIDES

[NEW] เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ | present by แปลว่า – NATAVIGUIDES

present by แปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เชื่อเลยว่า เพื่อนๆ หลายคนจะต้องคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยาก โดยเฉพาะการเรียนเรื่อง Tense ซึ่งมีทั้งหมด 12 แบบด้วยกัน แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าถ้าเราสามารถจำเรื่อง Tense ได้ก็สบายไปครึ่งทางแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน และการสอบต่างๆ ดังนั้น ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มี Tense ทั้ง 12 แบบมาให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย

Table of Contents

เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ

1. Present Simple Tense (ปัจจุบัน)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + กริยาช่องที่ 1
ถ้าประธานเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ + กริยาช่องที่ 1 เติม s หรือ es

ตัวอย่างการใช้ 

I go… / You go… / He goes… / They go…

She sings a song. แปลว่า หล่อนร้องเพลง
He plays football. แปลว่า เขาเล่นฟุตบอล
She is not here. หรือ She isn’t here. แปลว่า หล่อนไม่อยู่ที่นี่
We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลว่า พวกเราไม่ใช่คนขับรถ

สำหรับ ประโยคปฏิเสธและคำถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น

You do not like apple. หรือ You don’t like apple.
She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat.
Do you like it?
Does he like it?

หลักการเติม s ที่คำกริยา

เติม s หลังคำกริยานั้นๆ เช่น He eats. She sings. A tiger runs.

ถ้ากริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เติม es เช่น

He teaches English.
She goes away.
She brushes her teeth.

ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น

He tries to study.
She studies English.

** หมายเหตุ ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ให้เติม s ได้เลย เช่น

play – plays = เล่น
pay – pay = จ่าย
destroy – destroys = ทำลาย

หลักการใช้ Present Simple Tense สรุปได้ดังนี้

1.1 แสดงลักษณะความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม เช่น

The earth moves around the sun. แปลว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
The sun rises in the east and sets in the west. แปลว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
The earth is round. แปลว่า โลกกลม
Water freezes at 0 C. แปลว่า น้ำมีจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส

1.2 การกระทำที่เกิดขึ้นเสมอๆ เกิดขึ้นจนเป็นนิสัย มักจะมี adverb of frequency ประกอบในประโยค เช่น every day, usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc. เป็นต้น ตัวอย่างการใช้มีดังนี้

She gets up at six o’clock. แปลว่า หล่อนตื่นนอน 6 โมงเช้า (ตื่นเวลานี้จนเป็นนิสัย)
He runs every morning. แปลว่า เขาวิ่งทุกๆ เช้า
John often drinks beer. แปลว่า จอห์นมักจะดื่มเบียร์
She never sits in front of the church. แปลว่า หล่อนไม่เคยนั่งข้างหน้าของโบสถ์เลย

1.3 แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เช่น

I go to Chiangmai in the afternoon. แปลว่า ฉันจะไปเชียงใหม่ในตอนบ่าย
He starts to study in five minutes. แปลว่า เขาจะเริ่มเรียนภายใน 5 นาที
The concert begins at 1.30. แปลว่า คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 1.30 นาฬิกา

1.4 ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น

New brooms sweep clean. แปลว่า ไม้กวาดใหม่ย่อมกวาดสะอาดกว่า
Money makes friend. แปลว่า เงินทองอาจทำให้ท่านมีเพื่อนฝูงมาก
Health is wealth. แปลว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังจะทำ)

โครงสร้างประโยค 

I + am + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานพหูพจน์ + are + กริยาช่องที่ 1 เติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

She is running.
Is he playing football now?
I am not sleeping.
They are walking.

หลักการเติม ing

คำกริยาที่ลงท้านด้วย e ให้ตัด e ทิ้งเสียก่อนแล้วเติม ing เช่น

bite > biting
come > coming
arise > arising
write > writing
take > taking

กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ing เลย เช่น

free > freeing
see > seeing
flee > fleeing
agree > agreeing

กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น

lie > lying
die > dying
tie > tying

กริยาพยางค์เดียว มีสระตัวเดียวและมีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น

run > running
sit > sitting
hit > hitting
get > getting
dig > digging
rob > robbing

กริยาหลายพยางค์ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 1 ตัว หน้าพยัญชนะ มีสระหนึ่งตัว ให้เพิ่มพยัญชนะเข้าไปอีก 1 ตัว แล้วเติม ing เช่น

forget > forgetting
admit > admitting

กริยามี 2 พยางค์ ซึ่งออกเสียงหนักที่พยางค์หลังมีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น

offer > offerring
refer > referring
occur > occurring
begin > beginning

คำต่อไปนี้ ใช้ได้ 2 แบบ คือ trevel, quarrel เช่น

travel > traveling (แบบอเมริกัน)
travel > travelling (แบบอังกฤษ)
quarrel > quarreling (แบบอเมริกัน)
quarrel > quarrelling (แบบอังกฤษ)

กริยาตัวอื่นๆ เติม ing ได้เลย เช่น

hear > hearing
burn > burning
bend > bending
read > reading

หลักการใช้ Present Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

2.1 แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะพูด และคาดว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มักมีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time, at this moment etc. ตัวอย่างการใช้

She is eating.
Tom is running now.
We are walking.

2.2 แสดงการกระทำเริ่มก่อนพูดเป็นเวลานาน ขณะที่พูดนี้เหตุการณ์อาจไม่ได้ กำลังเกิดขึ้นจริงๆ มักมีคำว่า this week, this month etc. ตัวอย่างการใช้

I am working with my teacher this summer. แปลว่า ฉันกำลังทำงานกับครูของฉันในฤดูร้อนนี้ (ขณะที่พูดอาจทำ หรือไม่ทำอาการนี้ก็ได้)

Tom is working for an examination. แปลว่า ทอม กำลังดูหนังสือสำหรับการสอบในครั้งนี้ (ขณะพูดอาจจะไม่ได้ดูหนังสือก็ได้)

2.3 ใช้แทนอนาคตกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หรืออนาคตอันใกล้ มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.) ตัวอย่างการใช้

I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.) แปลว่า ฉันจะถามเขาพรุ่งนี้

He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.) แปลว่า เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์

2.4 กริยาที่ไม่นิยมใช้รูป Present Continuous Tense มีดังต่อไปนี้

กริยาแสดงความรู้สึกทางประสาททั้ง 5 ด้าน

see = เห็น/notice = สังเกต
smell = ดมกลิ่น
taste = ชิม
hear = ได้ยิน
recognize = จำได้

กริยาที่แสดงความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น

love = รัก
like = ชอบ
dislike = ไม่ชอบ
adore = รักยิ่ง บูชา
forgive = อภัย
wish = ปรารถนา
ต้องการ care = เอาใจใส่
desire = ปรารถนา
hate = เกลียด
want = ต้องการ
refuse = ปฏิเสธ

กริยาแสดงความคิด เช่น

think = คิด
know = รู้
realize = ตระหนัก
recollect = จำได้
suppose = คิด
recall = นึกได้
expect = คาดหวัง
suppose = คิด
understand = เข้าใจ
mean = ตั้งใจ, หมายความ
believe = เชื่อ
forget = ลืม
trust = เชื่อ
remember = จำได้

กริยาอื่นๆ เช่น

seem = ดูราวกับว่า
hold = บรรจุ
belong = เป็นของ
own = เป็นเจ้าของ
contain = บรรจุ
possess = เป็นเจ้าของ
consist = ประกอบด้วย

3. Present Perfect Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + has,have + Past Participle

ตัวอย่างการใช้ 

We have eaten American foods.
She has not(hasn’t) eaten Thai foods.
Has he smoked cigarettes?

หลักการใช้ Present Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

3.1 แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน (ตอนพูด) และมีแนวโน้มว่าจะดำเนินต่อไปในอนาคต มักจะมีคำว่า since, for ตัวอย่างการใช้

Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958. แปลว่า ดร.เฮเลน อยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่ ค.ศ.1958
I have studied in America for four years. แปลว่า ฉันเคยเรียนที่อเมริกามาเป็นเวลา 4 ปี

3.2 แสดงการกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และพึ่งเสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มักมี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบด้วย ตัวอย่างการใช้

I have just passed my friend’s house. แปลว่า ฉันพึ่งผ่านบ้านเพื่อนของฉันมา
They have already finished housework. แปลว่า พวกเขาทำงานบ้านเสร็จแล้ว

3.3 แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังคงมาถึงปัจจุบันขณะที่พูด ตัวอย่างการใช้

I have read this book before. แปลว่า ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
He has opened the door. แปลว่าเขาได้เปิดประตูแล้ว (ผลของการกระทำยังอยู่คือประตูเปิด)

3.4 เหตุการณ์ที่เคยทำซ้ำๆ กันหลายหนแล้วในอดีต อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่สามารถบอกเวลาการเกิดขึ้นได้ มักมี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคด้วย ตัวอย่างการใช้

I have been to America many times. แปลว่า ฉันได้ไปอเมริกาหลายครั้งแล้ว
She has read this book three times. แปลว่่า หล่อนเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ 3 ครั้งแล้ว
He has eaten Thai food several times. แปลว่า เขาเคยกินอาหารไทยหลายครั้งแล้ว

4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + has, have + been + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

I have been thinking. แปลว่า ฉันกำลังคิด
They have been talking. แปลว่า พวกเขากำลังพูดกัน
She has been living here for 2 weeks. แปลว่า หล่อนอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 สัปดาห์แล้ว
He has been studying hard all year. แปลว่า เขาเรียนหนังสือหนักมาตลอดปี

หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

4.1 ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาโดยไม่ขาดตอน เช่น

John has been living in America since 1984. แปลว่า จอห์นได้มาอยู่อเมริกาตั้งแต่ปี 1984

** หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense นี้ ใช้เหมือน Present Perfect ต่างกัน ตรงที่ว่า Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อต้องการเน้นย้ำว่าการกระทำติดต่อกันมาตลอด และกริยา ที่ใช้มักเป็นกริยาที่มีลักษณะต่อเนื่องได้ ปัจจุบันไม่ใคร่นิยมใช้มากนัก

5. Past Simple Tense (อดีตธรรมดา)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + กริยาช่อง 2

ตัวอย่างการใช้งาน 

She went home. แปลว่า เธอกลับบ้าน
I came here last night. แปลว่า ฉันมาที่นี่เมื่อคืน

หลักการใช้ Past Simple Tense สรุปได้ดังนี้

5.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year etc. ตัวอย่างการใช้

I got sick yesterday. แปลว่า ฉันป่วยเมื่อวานนี้
I lived in Phuket 3 years ago. แปลว่า ฉันอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
She went to the university last week. แปลว่า หล่อนไปมหาวิทยาลัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

5.2 แสดงเหตุการณ์ที่เป็นนิสัย ที่ทำประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว) มักมี adverb ความถี่อยู่ด้วย เช่น always, every, frequently etc. ตัวอย่างการใช้

Chris walked every morning. แปลว่า คริสเดินทุกๆ เช้า (เป็นนิสัยในอดีต ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว)
He always woke up late last year. แปลว่า เขาตื่นนอนสายเสมอๆเมื่อปีที่แล้ว
When I was young. I listened to the radio every night. แปลว่า เมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันฟังวิทยุทุกคืน

5.3 แสดงถึงการกระทำทั้งสองอย่างที่เกิดในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า as, while อยู่ด้วย ตัวอย่างการใช้

While she sang, I danced. แปลว่า ขณะที่หล่องร้องเพลง ฉันเต้นรำ
As she cooked, her son played football. แปลว่า ขณะที่หล่อนทำอาหาร ลูกชายของเธอก็เล่นฟุตบอล

6. Past Continuous Tense (อดีตกำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + was, were + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

I was drinking a glass of water. แปลว่า ฉันกำลังดื่มน้ำ 1 แก้ว
They were playing football in the field. แปลว่า เขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในสนาม

หลักการใช้ Past Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

6.1 ใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นและดำเนินอยู่ก่อนแล้ว เราจะใช้ Past Continuous และมีเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้น จะใช้ Past Simple ตัวอย่างการใช้

While I was cooking, the telephone rang. แปลว่า ขณะฉันทำอาหารโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
We are walking along the street, it began to rain. แปลว่า พวกเรากำลังเดินไปตามถนนฝนก็เริ่มตก

6.2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีต ตัวอย่างการใช้

He was sleeping in the class. แปลว่า ฉันกำลังหลับในห้องเรียน
He was running in the morning แปลว่า เขากำลังวิ่งในตอนเช้า

6.3 แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า while ในประโยค ตัวอย่างการใช้

While I was watching T.V, my brother was reading a book. แปลว่า ขณะที่ฉันดูทีวี น้องชายของฉันอ่านหนังสือ
She was sleeping while he was talking with his friends. แปลว่า หล่อนกำลังนอนหลับ ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนของหล่อน

7. Past Perfect Tense (อดีตสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + had + Past Participle (กริยาช่อง 3)

ตัวอย่างการใช้ 

She had slept. แปลว่า หล่อนได้นอนหลับแล้ว
He had not worked. แปลว่า เขาไม่ได้ทำงาน
I had eaten foods before you came. แปลว่า ฉันได้รับประทานอาหารก่อนที่คุณจะมา

หลักการใช้ Past Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

7.1 แสดงเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน เราจะใช้ Past Perfect Tense อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดทีหลัง เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้

When I had finished my housework, I played T.V games. แปลว่า เมื่อฉันทำงานบ้านเสร็จฉันก็เล่น TV เกม (ทำงานบ้านเสร็จก่อนแล้วจึงเล่น)

7.2 ใช้เปลี่ยน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เป็น Indirect Speech ตัวอย่างการใช้

Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” แปลว่า หล่อนพูดว่า “ฉันเคยอยู่อเมริการมา 2 ปีแล้ว”
Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years. แปลว่า หล่อนพูดว่าหล่อนเคยอยู่อเมริกามา 2 ปีแล้ว
Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.” แปลว่า เขาพูดว่า”ฉันเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี”
Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years. แปลว่า เขาพูดว่าเขาเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี

8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + had been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I had been sleeping. แปลว่า ฉันกำลังนอนหลับ
She had been waiting for two hours. แปลว่า หล่อนคอย 2 ช.ม. แล้ว
He had not (hadn’t) been walking before you came. แปลว่า เขาไม่ได้กำลังเดินก่อนคุณมา

หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

8.1 ใช้คล้ายๆ กับ Past Perfect เราใช้ก็ต่อเมื่อเกิดมีเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เพื่อเน้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แล้วเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้

She had been living in America before she moved to Bangkok. แปลว่า หล่อนอยู่อเมริการก่อนที่ย้านมาอยู่ที่กรุงเทพ
I had been waiting two hour before He arrived. แปลว่า ฉันคอยเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่เขามาถึง
She had been reading for several hours when I saw her. แปลว่า หล่อนกำลังอ่านหนังสือหลายชั่วโมง เมื่อฉันเห็นหล่อน

9. Future Simple Tense (อนาคต)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall(I,We), be going to + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้

I will go to see you tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปพบคุณพรุ่งนี้
I shall go. แปลว่า ฉันจะไป
Mary will run. แปลว่า แมรี่จะวิ่ง

หลักการใช้ Future Simple Tense สรุปได้ดังนี้

9.1 ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เช่น to night, tomorrow, next week, next month etc. ตัวอย่างการใช้

I will see the movie tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปดูหนังพรุ่งนี้
She is going to see the doctor next week. แปลว่า หล่อนจะไปหาหมอสัปดาห์หน้า
The plane will arrive at the airport in a few minutes.แปลว่า เครื่องบินจะมาถึงท่าอากาศยานในอีก 2-3 นาที

การใช้ be going to แทน will, shall

ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเชื่อว่าเป็นจริง โดยไม่สงสัย ตัวอย่างการใช้

I am studying hard: I am going to try for scholarship. แปลว่า ฉันกำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก ฉันพยายามเพื่อสอบชิงทุนการศึกษา
She is going to write to her parents. แปลว่า หล่อนตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของเธอ
She has bought flour : She is going to make cake. แปลว่า หล่อนซื้อแป้งมาและจะทำเค้ก

ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงการคาดคะเน ตัวอย่างการใช้

I think it is going to rain. แปลว่า ฉันคิดว่าฝนจะตก (อย่างแน่นอน)

10. Future Continuous Tense (อนาคตกำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall(I,We) + be + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I shall be running. แปลว่า ฉันกำลังวิ่ง
I will be working tomorrow. แปลว่า ฉันกำลังจะทำงานพรุ่งนี้
We shall be drinking. แปลว่า เรากำลังจะดื่ม

หลักการใช้ Future Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

10.1 แสดงเหตุการ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์นั้นกำลังดำเนินอยู่ ตัวอย่างการใช้

-At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend. แปลว่า เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉันจะกำลังรอเพื่อน
-I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening. แปลว่า ฉันจะทำอาหารตอน 5 โมงเย็นพรุ่งนี้
-He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning. แปลว่า เขากำลังหลับตอน 4 โมงเช้าพรุ่งนี้

10.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense ส่วนเหตุการณ์หลังใช้ Present Simple Tense ตัวอย่างการใช้

-They will be playing football when you arrive at their house. แปลว่า เขาจะกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ เมื่อคุณมาถึงบ้านของเขา (เล่นก่อนที่คุณจะถึงบ้าน)

-When he calls to you, she will be going to the market.แปลว่า เมื่อเขาโทรมาหาคณ หล่อนกำลังจะไปตลาด

11. Future Perfect Tense (อนาคตสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3

ตัวอย่างการใช้ 

I shall have eaten. แปลว่า ฉันจะกินอยู่แล้ว
Sri will have gone. แปลว่า ศรีจะไปอยู่แล้ว
He will have finished his work. แปลว่า เขาจะเสร็จงานของเขาอยู่แล้ว

หลักการใช้ Future Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

11.1 ใช้เมื่อคิดว่า เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์หรือการกระทำจะสิ้นสุดลง มักมีคำเหล่านี้ เช่น by that time, by then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc. ตัวอย่างการใช้

I will have slept in three hours. แปลว่า ฉันจะนอนเสร็จภายใน 3 ชั่วโมง
They will have finished the new road by next week. แปลว่า พวกเขาจะทำถนนใหม่เสร็จในสัปดาห์หน้า

11.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน คาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น เหตุการณ์หนึงจะเสร็จสมบูรณ์
เราจะใช้ Future Perfect Tense กับ เหตุการณ์นี้และจะเกิดเหตุการณ์ที่ 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense กับประโยคนี้ ตัวอย่างการใช้

By the time you arrive, I will have finished homework. แปลว่า เมื่อเวลาที่คุณมาฉันก็ทำการบ้านเสร็จพอดี
She will have eaten foods before you came. แปลว่า หล่อนรับประทานอาหารเสร็จก่อนที่คุณจะมา
The movie will have started before we reach the theater. แปลว่า ภาพยนตร์เริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะมาถึงโรงภาพยนตร์

12. Future Perfect Continuous Tense (อนาคตสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall (I,We) + have + been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I shall have been working. แปลว่า เราคงจะทำงาน (ติดต่อกัน)
He will have been running. แปลว่า เขาคงจะวิ่ง (ติดต่อกัน)

หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

12.1 สำหรับ Tense นี้ เน้นให้เห็นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่าถึงเวลานั้นในอนาคต การกระทำนั้นยังคงดำเนินอยู่ และจะดำเนินต่อไปอีก (ยังไม่หยุด) ตัวอย่างการใช้

-By ten o’clock I shall have been working without a rest. แปลว่า ถึงเวลา 10 นาฬิกา ฉันได้ทำงาน (ติดต่อกันมา) โดยไม่พัก
-When you arrive, she will have waiting for three hours. แปลว่า เมื่อคุณมาถึง หล่อนคงจะได้รอคุณ (โดยไม่หยุดรอ) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.tonamorn.com

บทความแนะนำ

[Update] แบบทดสอบภาษาอังกฤษ ม.6 เรื่อง Present Simple Tense | present by แปลว่า – NATAVIGUIDES

Tense แรกที่คุณครูมักสอนในห้องเรียนส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้น Present Simple Tense นี่แหละ หลังจากเพื่อน ๆ ได้ทบทวนบทเรียนออนไลน์เรื่อง Tense 12 แบบ กันไปแล้ว ก็คงจะพอสู้กับข้อสอบที่ StartDee รวบรวมมาให้ได้บ้างแล้วล่ะ ลองทำกันดูสักตั้ง !

ตะลุยทำข้อสอบกับ StartDee กันได้ แค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee แอปเดียวครบจบทุกวิชา

 

  1. Which of the following adverbs CANNOT be used with present simple tense?

    A. Frequently
    B. Never
    C. By the time
    D. Rarely
    E. Hardly

 

เฉลย: ข้อ C

คำที่ใช้คู่กับ Present Simple มักจะเป็นคำที่”บอกความถี่” ใช้สื่อถึงสิ่งที่ทำเป็นประจำ หรือ คำที่บอกกิจวัตรประจำวัน แต่คำว่า by the time แปลว่า “เมื่อ” หรือ “ในเวลาที่” จะสื่อถึงเหตุการณ์เกิดก่อนเกิดหลัง มากกว่าการแสดงถึงการบอกกิจวัตรประจำวันหรือความถี่ 

ข้อ A.  ผิด เพราะ frequently มีความหมายว่า “บ่อยๆ ถี่ๆ” ใช้ในการบอกความถี่ หรือสิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวัน 

ข้อ B.  ผิด เพราะ  never มีความหมายว่า “ไม่เคย” ซึ่งสามารถบอกเป็นกิจวัตรได้ว่าไม่เคยทำสิ่งนี้

ข้อ D. และ E.  ผิด เพราะ rarely และ hardly  มีความหมายว่า “แทบจะไม่” ใช้ในการบอกว่าแทบจะไม่ได้ทำสิ่งนั้นในชีวิตประจำวันเลย

  1. Lora always ________________ by bus.
    A. commute
    B. commutes
    C. is commuting
    D. has been commuting
    E. will commute

 

เฉลย: ข้อ B

จากโจทย์สามารถแปลได้ว่า “ลอร่ามักจะเดินทางไปกลับโดยรถเมล์เสมอ” สังเกตจากคีย์เวิร์ดคำว่า  “always” บอกถึงสิ่งที่ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ

และจากโจทย์ Lora คือประธานของประโยคที่อยู่ในรูปเอกพจน์ จึงต้องตามด้วย กริยาในรูปเอกพจน์ที่ เติม s/es  นั่นเอง

ข้อ A.  ผิด เพราะ Lora เป็นประธานเอกพจน์ ดังนั้น commute จึงต้องเติม s 

ข้อ C.  ผิด เพราะ คำว่า always จะเป็นตัวบ่งบอกถึง Present Simple ไม่ใช่ Present Continuous ที่มีโครงสร้าง v. to be + v.ing (is commuting)

ข้อ D.  ผิด เพราะ has + been + v.ing (commuting) จะเป็นรูป Present Perfect Continuous ไม่ใช่ Present Simple

ข้อ E.  ผิด เพราะ การใช้ will + v.infinitive (commute) จะบ่งบอกถึงการใช้ในรูปแบบ Future Simple ไม่ใช่ Present Simple

  1. Which of the following structures is INCORRECT according to the present simple tense?
    A. Do + s + v.infinitive ?
    B. Does + s + v2 ?

     

    C. Is + s + adj ?
    D. What + do/does + s + v.infinitive ?
    E. How often do/does + s + v.infinitive ? 

 

เฉลย: ข้อ B

เพราะในการตั้ง ประโยคคำถาม ของรูป Present Simple ถ้าหากประโยคนั้น ไม่มีกริยาช่วยที่จะนำมาวางข้างหน้า ให้เราเอา v. to do เข้ามาช่วย ซึ่งถ้าหากเรามีการใช้ v. to do ในประโยค กริยาแท้ของประโยคนั้นๆ จะห้ามผันรูปเด็ดขาด โดยจะมีโครงสร้างของประโยคคำถามคือ Do/Does + s +  v.infinitive + ? ดังนั้นการที่ใช้ v2 จึงผิด

 

ข้อ A. ผิด เพราะ ถูกตามหลักการตั้งประโยคคำถามโดยใช้ v.to do ซึ่งมีโครงสร้างคือ Do/Does + S +  v.infinitive + ?

ข้อ C. ผิด เพราะ ถูกตามหลักการตั้งประโยคคำถามโดยใช้ v.to be ซึ่งมีโครงสร้างคือ  Is/Am/Are + s + adj/n. ?

ข้อ D. และ E.  ผิด เพราะถูกตามหลักการตั้งประโยคคำถามโดยใช้ Wh-question แล้ว ซึ่งมีโครงสร้างคือ  Wh-question + do/does + s + v.infinitive?

  1. Bobby: _______________ a foreigner ?

    Liliana: ________________ He can’t understand our language.

A. Is he / Yes, he isn’t.
B. Is he / No, he isn’t.
C. Is he / Yes, he is.
D. He is / Yes, he is.
Is he / Yes, he does.

 

เฉลย: ข้อ C

จากโจทย์สามารถแปลได้ว่า:   บ็อบบี้: “_______คนต่างชาติรึเปล่านะ”

                                            ลิเลียน่า: “_______ เขาฟังภาษาพวกเราไม่ออก”

จากโจทย์ ในประโยคแรกจะต้องเป็นประโยคคำถามเนื่องจากประโยคมีการลงท้ายด้วย ? ซึ่งโครงสร้างของประโยคคำถามคือของ present simple คือ  Is/ Am / Are + S +  complement (adj /n) ?

และในประโยคที่สองที่ต้องเป็นคำตอบต้องเป็นเชิงบวก เนื่องจาก He can’t understand our language. เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาที่พูดถึงคือคนต่างชาติจริงๆ ดังนั้นในการตอบจึงต้องใช้โครงสร้าง Yes, s + is/ am /are. และในที่นี้ประโยคที่เป็นคำตอบสื่อถึงประธานเอกพจน์ (He) จึงต้องใช้ “is”

ข้อ A.  ผิด เพราะ การตอบแบบเห็นด้วย จะมีโครงสร้าง Yes, s + is/ am /are. ห้ามใช้ not  และจากบริบทของโจทย์ต้องการรูปประโยคปฏิเสธ ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า

ข้อ B.  ผิด เพราะ เนื่องจาก He can’t understand our language. เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาที่พูดถึงคือคนต่างชาติจริงๆ ดังนั้นรูปประโยคปฏิเสธ (No, he isn’t.) จึงไม่เข้ากับบริบท

ข้อ D.  ผิด เพราะ ในประโยคแรกจะต้องเป็นประโยคคำถามเนื่องจากประโยคมีการลงท้ายด้วย ? แต่ในตัวเลือกเป็นประโยคบอกเล่า (He is)

ข้อ E.  ผิด เพราะ ในประโยคที่สองต้องการการตอบที่ลงท้ายด้วย is, am, are เนื่องจากคำถามขึ้นต้นด้วย Is จึงไม่สามารถใช้ does ในการตอบได้

  1. Change the sentence into the negative form of present simple:

    “ Kimberly is always late to class.”

A. Kimberly does not always late to class.
B. Is Kimberly not always late to class?
C. Kimberly are not always late to class.
D. Kimberly is not always late to class.
E. Kimberly do not always late to  class.

 

เฉลย: ข้อ D

เพราะในโจทย์จะแปลได้ว่า “ คิมเบอรี่มักจะมาเข้าชั้นเรียนสาย”

โครงสร้างในประโยคปฏิเสธของ present simple ที่ใช้คู่กับ v. to be  คือ S + is am are + not + complement (adj / n).  ซึ่งจากโจทย์เราเห็น adj. หรือคำคุณศัพท์ late เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ v. to be ในประโยค และเนื่องจากประธานของประโยคซึ่งก็คือ Kimberly เป็นเอกพจน์จึงต้องใช้ is คำตอบที่ถูกต้องคือ D. Kimberly is not always late to class.

 ข้อ A. และ E. ผิด เพราะโจทย์ต้องการโครงสร้างประโยคปฏิเสธที่ใช้ v.to be เป็นกริยาช่วย ไม่ใช่ v.to do 

 ข้อ B.  ผิด เพราะโจทย์ต้องการโครงสร้างประโยคปฏิเสธ ไม่ใช่ประโยคคำถาม

 ข้อ C.  ผิด เพราะ Kimberly เป็น ประธานเอกพจน์ ต้องใช้ กริยา is ไม่ใช่ are 

  1. Durian is the king of fruit, but I _______________
    A. like it.
    B. do not like it.
    C. am not like it.
    D. not like it.
    E. does not like it.

เฉลย: ข้อ B

เพราะในประโยคนี้แปลว่า “ทุเรียนคือราชาผลไม้แต่_______”

จากโจทย์ มีการใช้ but ที่แปลว่าแต่ ซึ่งเป็นคำที่แสดงถึงความขัดแย้งกันของประโยคข้างหน้าและข้างหลัง ทำให้ประโยคด้านหลังต้องกลายเป็นประโยคปฏิเสธที่มีโครงสร้าง S + do/ does + not + v

เนื่องจากประธานเป็น I จึงต้องใช้ “do”  เข้ามาเป็นกริยาช่วย จึงได้ประโยคสมบูรณ์ว่า  Durian is the king of fruit, but I do not like it. หรือ “ทุเรียนคือราชาผลไม้แต่ฉันไม่ชอบมัน”

 

ข้อ A.  ผิด เพราะโจทย์ มีการใช้ but ที่แปลว่า “แต่” ซึ่งเป็นคำที่แสดงถึงความขัดแย้งกันของประโยคข้างหน้า และข้างหลัง ทำให้ประโยคหลังต้องการความหมายในเชิงปฏิเสธ จึงต้องเปลี่ยนจาก like it. เป็น do not like it.

ข้อ C.  ผิด เพราะโครงสร้างประโยคปฏิเสธในข้อนี้ โจทย์ต้องการกริยาช่วยที่จะมาขยายคำว่า like เราจึงต้องใช้ v. to do (ใช้ขยายกริยาทั่วไป) ไม่ใช่ v.to be (ใช้ขยาย adj. / noun)

ข้อ D.  ผิด เพราะโครงสร้างประโยคปฏิเสธในข้อนี้ โจทย์ต้องการกริยาช่วยที่จะมาขยายคำว่า like ตามโครงสร้าง S + do/does + not + v.infinitive  จึงต้องเติม do ข้างหน้า not 

ข้อ E.  ผิด เพราะ I  เป็นประธานที่ต้องใช้คู่กับคำกริยาพหูพจน์ ดังนั้นต้องใช้ do not ไม่ใช่ does not 

 

เป็นยังไงกันบ้าง ถูกกันหมดทุกข้อไหมเอ่ย ถ้าเพื่อน ๆ ถูกหมด ก็ถือว่ามีความเข้าใจเรื่อง Present Simple Tense พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนเพื่อน ๆ ที่ทำบางข้อผิด ลองอาจเฉลยแสนละเอียดของเราดูได้นะ รับรองว่าถ้าเจอข้อสอบสไตล์นี้อีกในวันข้างหน้า เพื่อน ๆ ต้องทำได้แน่นอน สู้ ๆ นะทุกคน

 


ใช้ตอนไหน? Present Simple Tense ง่ายนิดเดียว !


Present Simple Tense ใช้เมื่อไหร่ ? ง่ายนิดเดียว ! คลิปนี้แยกออกมาจาก คลิป หลักการใช้ Present Simple Tense เพื่อให้สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเฉพาะวิธีใช้ ว่าจะใช้ tense นี้กับเหตุการณ์ไหน โดยไม่ต้องดูคลิปเต็มยาวๆค่ะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ใช้ตอนไหน? Present Simple Tense  ง่ายนิดเดียว !

The Parkinson – แค่นี้…พอ (Present) | (OFFICIAL MV)


“โลกที่มีเธอ คือความสุขในใจของฉัน…”
ใครบางคนก็ไม่ต้องการครอบครองความรัก แค่ได้ดูรูป ได้คิดถึง
โลกทั้งใบก็สดใสขึ้นมา “แค่นี้…พอ” ซิงเกิลล่าสุดจาก The Parkinson
ที่กานต์ได้แต่งขึ้นมาจากการเห็นหลายๆ คน
ชอบดูรูปดาราหรือศิลปินที่ชอบฝ่ายเดียว เป็นคนที่อาจจะไม่รู้ตัวตนเราด้วยซ้ำ
เพราะเขานั้นห่างไกลมาก แต่กลับเป็นคนที่เราต้องเคยดู คอยมองหา
โดยไม่ได้หวังให้เขาต้องพูดคุยด้วย หรือต้องรู้จักกับตัวเราเลย
เพลงนี้มาในบรรยากาศเก่า เรโทรสไตล์
ดนตรีโซลที่ให้อารมณ์แอบรักแบบโรแมนติก
เหมือนย้อนเวลากลับไปช่วงที่เขียนจดหมาย หรืออัดเทปเพลงให้คนที่ชอบ
ซึ่งเขาจะได้ฟังหรือเปล่าไม่สำคัญ เพียงแค่ได้ทำก็มีความสุขมากแล้ว
เพียงแค่อยากให้เธออยู่ในโลกที่มีแค่ฉันเฝ้ามอง
นั่นก็เพียงพอสำหรับความรักครั้งนี้ …
Apple Music : https://apple.co/2FvAFJF
Mastered for iTunes : https://apple.co/2FvAFJF
JOOX : http://bit.ly/2J2fSOT
Spotify : https://spoti.fi/2N0ZfIH
TrueID Music : http://bit.ly/2ZypDez
Mobile Download : 491544 55
CREDITS
Producer (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Lyrics (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Music (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Arranged (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Vocal (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Chorus (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Guitar (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Piano (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Synth (Karn) Nipat Kamjornpreecha
Bass (Toe) Natthawit Odaki
Drum (Bia) Arithat Kueajitkulanun
Recorded The Parkinson Studio, Studio In Park, Tofu Studio
Mix \u0026 Mastering : Pete Tanskul at 8Bit Mixlab

LYRICS
เสียงที่เธอจะได้ฟัง ฉันเตรียมมันมาให้กับเธออย่างระวัง
สิ่งที่ฉันคิด คำในใจฉันที่ไม่เคยกล้า
วันนี้ฉันเตรียมมันมา มาให้เธอ
แรกที่เราได้พบกัน มันคือเวลาที่เปลี่ยนแปลงตัวฉันไป
เธอคงไม่รู้ มันมีความหมายมากมายแค่ไหน
ได้รู้มันดีเพียงใด แค่ได้คิดถึงเธอ Baby Babe..
แค่ที่เป็นอยู่ ไม่ต้องการกว่านี้
แค่ฉันมีโอกาสได้มองหน้าเธอทุกวัน
ยิ้มข้างในใจ มากมายกว่านั้นไม่ต้องการ
โลกที่มีเธอ คือความสุขในใจของฉัน
ที่มันเกิดในหัวใจ ยิ่งนานยิ่งทำให้มากมายขึ้นทุกวัน
เพียงแค่ได้คิด เพียงได้ฝันแค่มองอย่างนั้น
แค่นี้ก็ดีเกินพอ กับคนอย่างฉัน Baby Babe..
แค่ที่เป็นอยู่ ไม่ต้องการกว่านี้
แค่ฉันมีโอกาสได้มองหน้าเธอทุกวัน
ยิ้มข้างในใจ มากมายกว่านั้นไม่ต้องการ
แค่ให้เธอฟัง ความรู้สึกในใจของฉัน
แค่ที่เป็นอยู่ ไม่ต้องการกว่านี้
แค่ฉันมีโอกาสได้มองหน้าเธอทุกวัน
ยิ้มข้างในใจ มากมายกว่านั้นไม่ต้องการ
แค่ให้เธอฟัง ความรู้สึกในใจของฉัน ก็พอ
——————————————————
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ 
Fanpage : 
https://fb.com/theparkinson/
https://fb.com/Spicydiscrecord 
Instagram :
@karn_theparkinson
@odaki_parkinson
@kiddisco
@spicydisc 
——————————————————
ติดต่องานโชว์ศิลปิน 
คุณแจ๋ว : 0949666262
คุณปอ : 0813716118 
ติดต่องานพรีเซ็นเตอร์สินค้า/ลิขสิทธิ์เพลง/แต่งเพลง 
คุณอ้อ 0926195629 
ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ 
โทร : 0226450915 ต่อ 116 117 
แค่นี้พอ
MobileBNK48
TheParkinson
SPICYDISC
Present
LEOPresentsTheParkinsonSoulmantic
TheParkinsonSoulmantic
คอนเสิร์ตจะบอกเธอว่ารัก

The Parkinson - แค่นี้...พอ (Present) | (OFFICIAL MV)

เมื่อคืน – Season Five feat. The Parkinson [Official MV]


อภัยกันได้ไหม? อะไรที่ได้ทำเกินเลย… เมื่อคืน 💫
เมื่อคืน SEASON FIVE Feat.THE PARKINSON
Executive Supervisor : วุฒินันต์ ภิรมย์ภักดี
Executive Producer : ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม
Producer : SEASON FIVE , THE PARKINSON
เนื้อร้อง : สุดเขต จึงเจริญ
ทำนอง : กานต์ นิภัทร์ กำจรปรีชา
เรียบเรียง : SEASON FIVE , THE PARKINSON
Mixed and Mastered by พรพิชา ตันสกุล
เรื่องเมื่อคืน ที่มันเกิด
ต้องขอโทษอีกครั้งที่พลั้งพลาดไป
ดูเหมือนฉันไม่ได้ตั้งใจ
แท้ที่จริง ที่มันเกิด
มันคือความต้องการลึกๆข้างใน
ที่ไม่ยั้งไม่ยอมห้ามใจ
อภัยกันได้ไหม
อะไรที่ได้ทำเกินเลย
อยากเป็นคนที่รับความผิดที่ทำไว้
ให้ฉันดูแลเธอได้ไหม
แค่รับฟัง ให้เข้าใจ อย่าหลบกันไปแบบนี้
โปรดกลับมาให้ฉันได้บอกคำๆนั้น
ให้ฉันได้ทำให้เธอหายดี
เรื่องเมื่อคืน ที่เรามี มันเป็นเพราะว่ารักเธอ
เหมือนน้ำมันที่ใกล้ไฟ
เรื่องผิดใจที่คนสองคนเผลอไป
ปล่อยหัวใจให้เหนือเหตุผล
อภัยกันได้ไหม
อะไรที่ได้ทำเกินเลย

Digital Download 492 222 222
ติดต่องานจ้าง : 0624949583 เเละ คุณอร 0816139238
ID Line : Aornie Email : [email protected]
iTunes: https://apple.co/2TKgYq6
Joox: http://bit.ly/2XVvmLy
Spotify: https://spoti.fi/2Chiypu
Tidal: http://bit.ly/2HCdcZc
TrueID Music: http://bit.ly/2O7bkJy
ติดตามผลงานเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/MERECORDSLABEL/
https://www.facebook.com/seasonfiveband/
https://www.facebook.com/theparkinson/
IG : @merecordslabel : @seasonfiveband
Twitter : @seasonfiveband , @Merecordslabel
สร้างรายได้จากการ cover เพลงนี้ติดต่อ [email protected]
seasonfive theparkinson merecordslabel muzikmove

เมื่อคืน - Season Five feat. The Parkinson [Official MV]

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ

[Official MV] ที่ระทึก (Reminder) – Third KAMIKAZE


จากหนุ่มน้อยที่เปิดตัวพร้อมเหล่าเพื่อนอีก 8 คนในนาม KAMIKAZE Newcomer ตอนนี้ได้มีSingle แรกในชีวิตของหนุ่มหน้าใส เขย่าใจสาวจิ้น เพลง Pop สนุกๆ ที่จะทำให้ทุกคน “ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด” ไปพร้อมกัน
Third โตมากับกามิ โตมากับอาร์เอส ที่ระทึก
โทร. 339091 (ค่าบริการนาทีละ 5 บาทไม่รวมค่าดาวน์โหลด)

Written : โปสการ์ด ( Postcard )
Composed/Arranged : มัชฌา งามสุทธิ (Matcha Ngamsutti)
Music :DOGFATHER
Executive Producer :ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์ ( NarongsakSribandasakwatcharakorn AFU), ธานี วงศ์นิวัติขจร( Thanee Wongniwatkajorn )
Producer : ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์ ( NarongsakSribandasakwatcharakorn AFU)
Lyric Producer ธรรศ จันทกูล (ThutzChandakul)

v1
ถ้ารู้อย่างเงี้ยอ่ะเหรอเป็นแฟนกับเธอตั้งนานแล้ว เหมือนว่ารักแล้วได้ผจญภัย
v2
ถ้ารู้อย่างงี้อ่ะนะใจเธอน่ะเปลี่ยนได้หลากหลาย รักแล้วได้ตื่นเต้นแน่นอน
pre
เห็นงุงิ เอ๊ะยังไงอ่ะเดี๋ยวก็มา ดูเธอทำเซ่ะ (ดูเธอทำเซ่ะ)
หายเหงาๆ เอ๊ะยังไงอ่ะเดี๋ยวก็ไป ดูเธอทำอัลไล…… บอกรักกันอีกสักคำ
Hook
จะเก็บเป็นที่ระทึก ไว้นึกถึงเธอ
จะเก็บไว้แบบเพ้อๆ ว่าเคยถูกเธอรัก และหักอกเอา
ก็เลยเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด แบบมันเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด…ใจดีเหมือนกัน
จะเก็บเป็นที่ระทึก ไว้นึกถึงเธอ
จะเก็บไว้แบบเพ้อๆ ว่าเคยถูกเธอรัก แลัวก็ทิ้งไป
ก็เลยเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด แบบมันเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด….หัวใจทั้งวัน
v3
ก็ขอแค่นี้อ่ะนะถ้าว่างมาหลอกอีกได้ไหม ก็ฉันคนนี้น่ะชอบอันตราย
v4
ไม่รู้ว่ารักเธอแล้วจะมีความสุขรึใจหาย รักแล้วต้องเสี่ยงภัยใช่เลย

[Official MV] ที่ระทึก (Reminder) – Third KAMIKAZE

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ present by แปลว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *