Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย | กริยาช่องที่1 – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย | กริยาช่องที่1 – NATAVIGUIDES

กริยาช่องที่1: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คำกริยาภาษาอังกฤษ – วันนี้ Eng Breaking จะพาคุณไปรู้จักกับคำกริยาภาษาอังกฤษฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง Verb  คืออะไร Verb มีอะไรบ้าง หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง พร้อมตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย พร้อมแล้วไปดูกันเลย

Table of Contents

1 – คำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไร?

ก่อนอื่นเราจะไปทำความเข้าใจเรื่องคำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไรกันนะ จริงๆ แล้วคำนิยามแต่ถ้าเข้าใจง่ายที่สุด คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือ Verb เป็นคำที่บอกให้รู้ว่าประธานของประโยค ทำอะไร หรือมีสถานะเป็นอย่างไรนั่นเอง 

ในภาษาอังกฤษได้ระบุความหมายของ Verb ตามนี้นะคะ “Verb is a word or phrase that describes an action, condition, or experience.” แปลว่า Verb คือ  คำที่แสดงถึงอาการต่าง  ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของเวลา นอกจากนั้นยังกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ  คำพูดที่แสดงถึงการกระทำของตัวประธานในประโยค หรือคำที่ทำหน้าที่ช่วยคำกริยา ด้วยกันนั่นเอง 

ยกตัวอย่างเช่น:

  • A man eats a mango.  แปลว่า ผู้ชาย กิน มะม่วง ในประโยคนี้ใช้คำว่า eat บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • The sun is hot. แปลว่า พระอาทิตย์ (คือ) ร้อน ในประโยคนี้ใช้คำว่า is บอกสถานะของพระอาทิตย์ว่าเป็นอย่างไร แต่คำว่า is, am, are บางทีจะไม่แปลกัน
  • She worked hard. แปลว่า เธอทำงานขยันมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า worked บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • It’s easy to learn English. แปลว่า เรียนภาษาอังกฤษง่ายมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า learn บอกการกระทำและมันเป็น Verb

เห็นไหมคะความสำคัญของคำกริยา ในภาษาอังกฤษ เป็นคำที่มีบทบาทที่สำคัญในแต่ละประโยค  ถ้าในประโยคนั้น ๆ ขาดกริยา   ความหมายก็ไม่เกิดและไม่สามารถทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆได้เลย หรือมีใจความที่ไม่สมบูรณ์

Eng Breaking แนะนำหลักการใช้ Verb

2 – ตำแหน่งของคำกริยาภาษาอังกฤษในประโยค

ในภาษาอังกฤษรูปแบบของ Verb  ที่เรามักจะเจอบ่อยที่สุดคือ Subject + Verb + Object ในนั้นคำกริยาภาษาอังกฤษจะตั้วอยู่ด้านหลังของ Subject
ยกตัวอย่างเช่น:

  • My family has six people. แปลว่าครอบครัวของฉันมี หกคน
  • I am a student. แปลว่า ฉันเป็นนักเรียน

นอกจากนั้นแล้วคำกริยามักจะมาหลังกริยาวิเศษณ์ความถี่ด้วย (Adverb of Frequency) 

Adverb of Frequency ที่เจอบ่อยๆ ดังนี้:

  • Always แปลว่า เสมอ
  • Usually แปลว่าโดยปกติ
  • Often แปลว่า บ่อยๆ
  • Sometimes แปลว่า บางครั้ง
  • Seldom แปลว่า แทบจะไม่ หรือ นานๆ ครั้ง
  • Never แปลว่า ไม่เคย

ยกตัวอย่างเช่น:

  • He usually goes to school in the afternoon. แปลว่า เขามักจะเดินไปโรงเรียนตอนบ่าย
  • I always walk to work.แปลว่า ฉันเดินไปทำงานเสมอ
  • I oftern see her there.แปลว่า ฉันเจอเขาที่นี่บ่อยๆ
  • We seldom go out in the evenings.แปลว่า นานๆ เราถึงจะไปข้างนอกตอนคำๆ

3 – Verb มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท

คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือว่า verb จะมีหลายรูปแบบ วันนี้เราจะมาดูกันว่ามันคืออะไรบ้าง และทำความเข้าใจละเอียดเฉพาะในรูปแบบที่มักจะใช้งานบ่อยที่สุดกันนะคะ

3.1 – คือ Regular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาปกติ

ที่มีการใช้งานง่ายสุดๆ คือคำกริยาอยู่ช่อง 2/3 แค่เติม -ed ท้ายคำจากช่อง 1 เช่น 

wait / waited / waited

I waited 1 hour for you to come.แปลว่า ฉันรอคุณมาเป็นเวลา 10 นาที

Base FormPast SimplePast ParticipleArriveArrivedArrivedCallCalledCalledWaitWaitedWaited

ถ้าเกิดคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -y ให้เปลี่ยน -y เป็น -i แล้วเติม – ed เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleMarryMarriedMarriedStudyStudiedStudied

ถ้าคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -e อยู่แล้ว เราแค่เติม -d เข้าไป เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleHateHatedHatedLikeLikedLiked

3.2 – คือ Irregular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาอปกติ

ในภาษาอังกฤษมี irregular verbs อยู่ประมาณ 200 คำ  และคำกริยานี้จะใช้งานตามหลักคือ เอาคำกริยาจากช่อง 1/2/3 มีรูปแบบเฉพาะ 

เช่นคำว่า กิน = eat / ate / eaten

  • I like to eat pizza. แปลว่า ผมชอบกินพิซซ่า
  • Yesterday, I ate pizza. แปลว่า เมื่อวานผมกินพิซซ่า
  • I have just eaten pizza. แปลว่า ผมเพิ่งกินพิซซ่าเสร็จพอดี

Irregular verb  ได้แบ่งออกได้เป็นสี่กลุ่ม

3.2.1 – คำกริยาที่มีรูปเหมือนกันทั้งสามช่อง

Base FormPast SimplePast ParticipleCostCostCostCutCutCutHurtHurtHurtLetLetLetPutPutPut

ตัวอย่างเช่น:

  • My parents have let me stay out late tonight.
  • They put on their jackets because it was very cold.

3.2.2 – คำกริยาที่ช่องสองกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleBringBroughtBroughtBuyBoughtBoughtCathCaughtCaughtFeelFeltFeltFindFoundFoundGetGotGotHaveHadHadHearHeardHeardKeepKeptKeptLeaveLeftLeftLoseLostLostMakeMadeMadeRead /ri:d/Read/’red/Read/’red/SaySaidSaidSellSoldSoldSendSentSentTeachTaughtTaughtThinkThoughtThoughtWinWonWon

ตัวอย่างเช่น:

  • They had lunch at a Thai restaurant on Monday.
  • Have you heard the news about the train strike?

3.2.3 – คำกริยาที่ช่องแรกกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleComeCameComeBecomeBecameBecomeRunRanRun

3.2.4 – คำกริยาที่ทั้งสามช่องผันไม่เหมือนกันเลย

Base FormPast SimplePast ParticipleBeWas/ WereBeenBeginBeganBegunBreakBrokeBrokenChooseChoseChosenDoDidDoneDrinkDrankDrunkDriveDroveDrivenEatateeatenFallFellFallenGiveGaveGivenGoWentGoneKnowKnewKnownSeeSawSeenSpeakSpokeSpokenSwimSwamSwumTakeTookTakenWakeWokeWokenWriteWroteWritten

ตัวอย่างเช่น:

  • The kids ate a lot of cakes at the party.
  • They drove to the airport and left their car there.

3.3 – คือ Adverb หรือได้เรียกว่า คำขยายกริยา

เป็นกริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย 

หน้าที่ของ Adverb  คือขยายคำกริยา ตัวอย่างเช่น He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง ตัวอย่างเช่น The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายวิเศษณ์ (adverb) ตัวอย่างเช่น He walks very fast. เขาเดินเร็วมาก

รูปของคำวิเศษณ์:  Adjective + ly → Adverb

Adjectives     AdverbsAdjectives     Adverbsslow (ช้า)slowlyquick (เร็ว)quicklysoft (นุ่มนวล)softlypretty (สวยงาม)prettilygradual (ค่อยเป็นค่อยไป)graduallycomplete (สมบูรณ์)completelysudden (ทันใด)suddenlyproud (ภาคภูมิใจ)proudlyeasy (ง่าย)easilyloud (เสียงดัง)loudlyeffective (มีประสิทธิภาพ)effectivelyfrequent (บ่อยครั้ง)frequentlyrecent (เร็วๆ นี้)recentlybad (เลว, แย่)badlyangry (โกรธ)angrilyslight (เล็กน้อย)slightlyreal (แท้จริง)reallycareful (ระมัดระวัง)carefully

3.4 – คือ Modal verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกเจตนาอารมณ์หรือวัตถุประสงค์ของกริยา กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must ก่อนที่จะไปดูความหมายและการใช้ของแต่ละตัว เรามาดูหลักการใช้ที่มีเหมือนกัน คือ

  1. หลัง Modal verbs ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) เช่น
  • ถูก He can drive a car./ ผิด He can to drive a car.
  1. ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verbs ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ) เช่น
  • ถูก Christopher should stop smoking./ ผิด Christopher shoulds stop smoking.
  1. Modal verbs ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
  • ถูก She mustn’t enter here./ ผิด She doesn’t must enter here.

3.5 – คือ Auxiliary verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกกาลเวลาของกริยาโดยชื่อก็บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นกริยาช่วย (Helping Verbs) ซึ่งช่วยให้กริยาหลัก (Main/ Lexical Verbs) นั้น สมบูรณ์ตามกฎไวยากรณ์และความหมาย

เช่น was / am / will (be)

  • I was angry yesterday. แปลว่าเมื่อวานผมรู้สึกโกรธ
  • I am sad today. แปลว่าวันนี้ผมรู้สึกเศร้า
  • I will be happy tomorrow.แปลว่า พรุ่งนี้ผมจะรู้สึกมีความสุข

ภาษาอังกฤษสามารถแบ่ง auxiliary verb ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก Primary auxiliary verb คือ และ Modal auxiliary verb ดังน

สำหรับ Primary auxiliary verb สามารถแบ่งกริยาช่วยกลุ่มนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 

3.5.1 – Verb to be ได้แก่ is, am, are, was, were  ในนั้น Verb to be ใช้เป็นกริยาช่วยใน Continuous Tense และ Passive Voice โครงสร้าง (subject + verb to be + verb+ing + object)

รูปของ Verb to be:

  • กริยาช่องที่ 1 = is, am, are
  • กริยาช่องที่ 2 = was, were
  • กริยาช่องที่ 3 = been

ตัวอย่างเช่น

  • I am eating fried chicken. แปลว่า ฉัน กำลังกิน ไก่ทอด
  • He was playing games while she was reading a book. แปลว่า เขาเคยกำลังเล่นเกมส์ ในขณะเดี่ยวกัน เธอเคยก าลังอ่านหนังสือ

3.5.2 – Verb to have ที่ใช้เป็นกริยาช่วยใน Perfect Tense ซึ่ง Perfect Tense และมีโครงสร้าง (subject + verb to have + verb 3 + object)

รูปของ Verb to have:

  • กริยาช่องที่ 1 = has, have
  • กริยาช่องที่ 2 = had
  • กริยาช่องที่ 3 = had

ตัวอย่างเช่น

  • I have been to Japan. แปลว่า ฉันเคยไปประเทศญี่ปุ่น
  • She has never eaten sushi. แปลว่า เธอไม่เคยกินซูซิ

3.5.3 – Verb to do ได้แก่ do, does , did ที่ใช้ช่วยสร้างประโยคค าถามร่วมกับ Yes – No Questions กับ simple present และ past tenses (ปัจจุบันและอดีต) ใช้ตอบค าถามแบบสั้นๆ

ูปของ Verb to do:

  • กริยาช่องที่ 1 = do, does
  • กริยาช่องที่ 2 = did
  • กริยาช่องที่ 3 = done

ตัวอย่างเช่น

  • Do you want to eat some cakes? แปลว่า คุณอยากกินเค้กไหม
    ตอบ 1. Yes, I do. >> อยากกิน 2. No, I don’t. >> ไม่อยากกิน

สำหรับ Modal auxiliary verb คือ กริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง กริยาช่วยในกลุ่มนี้ได้แก่ will, would, shall, should, can, could, may, migh, must, dare, need, used to , ought to.

Modal Auxiliary verbs มีความหมายในลักษณะต่างๆ ดังนี้ 

ความสามารถ (Ability)can/ couldการแนะนำ(Suggestions) shouldความจำเป็น/ การบังคับ (Necessity/ Obligation)mustการอนุญาต (Permission)can/ mayความน่าจะเป็น/ ความเป็นไปได้ (Probability/ Possibility)may/ might/ can/ should/ wouldการสันนิษฐาน (Assumption)must/ shouldการสัญญา (Promise)will

ตัวอย่างการใช้ modal auxiliary verbs:

  • I will go tomorrow. แปลว่า  ผมจะไปพรุ่งนี้ (ประโยคนี้สมบูรณ์ถูกต้อง) will ไปเสริม go.
  • You shall go now. แปลว่า คุณควรไปเดี๋ยวนี้
  • He need eat vegetables. แปลว่า เขาจ าเป็นต้องกินผัก
  • I used to play football when I lived here. แปลว่า  ผมเคยๆเล่นฟุตบอล ตอนผมอยู่ที่นี

หลักการใช้ Verb ฉบับเข้าใจง่าย

4 – วิธีใช้คำกริยาในภาษาอังกฤษ HOW  TO USE  VERB  

คำกิริยาในภาษาอังกฤษตามหลักไวยากรณ์แบ่งออกเป็น 3 ช่อง เรียกว่า “ กิริยา 3 ช่อง “ ซึ่งแต่ละช่องก็บอกถึงเหตุการณ์ในแต่ละช่วงของเวลาได้อีกด้วย  ตามตัวอย่างในตาราง ต่อไปนี้

  • กิริยาช่องที่ 1 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
  • กิริยาช่องที่ 2 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
  • กิริยาช่องที่ 3 ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปอย่างสมบูรณ์ทั้งในปัจจุบันและอดีต เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ ส่วนสมบูรณ์ของกิริยา หรือ Complement  “

ตัวอย่างเช่น

ช่องที่ 1ช่องที่ 2ช่องที่ 3RunRanRunSeeSawSeen

วิธีใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ

หลักการใช้Verb ใช้ยังไง

หลักการใช้ verb จะว่าไปแล้วมันก็คือ Verb Tense หรือ Tense 12 นั่นแหละครับ คำกริยาคำเดียวเดียวกัน สามารถสื่อความได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

  • I eat.  ฉันกิน
  • I am eating.  ฉันกำลังกิน
  • I have eaten. ฉันกินเสร็จแล้ว
  • I ate. ฉันกินมาแล้ว
  • I will eat. ฉันจะกิน

5 – Verbs- คำกริยาภาษาอังกฤษ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

คำกริยาภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยวิธีการออกเสียงdoทำ/duː/getได้รับ/ɡet/goไป/ɡəu/knowรู้/nəu/sayพูด/sei/thinkคิด/θiŋk/seeเห็น/siː/come  มา/kam/want ต้องการ/wont/meanหมายความ/miːn/look ดู/luk/put วาง/put/takeเอา/teik/tell บอก/tel/make ทำ, สร้าง/meik/like ชอบ/laik/giveให้/ɡiv/buy ซื้อ/bai/leave ทิ้ง/liːv/need ต้องการ/niːd/keep เก็บ/kiːp/try ลอง/trai/work งาน/wəːk/talk พูด คุย/toːk/pay จ่าย/pei/sit นั่ง/sit/start เริ่ม/staː/findค้นหา/faind/rememberจำ/riˈmembə/askถาม/aːsk/hear ได้ยิน/hiə/playเล่น/plei/call โทร , เรียก/koːl/Let ปล่อย/let/eat กิน/iːt/feel รู้สึก/fiːl/mind ระวัง/maind/useใช้/juːz/

Verb เป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่เนื้อหาค่อนข้างเยอะเนื่องจากเนื้อหาเรื่อง Verb จะเป็นไปเชื่อมโยงกับบทอื่นๆได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Tenses หรือเรื่องของ Passive Voice โดยเฉพาะเรื่องของ Tenses คือถ้าTenses ต่างรายละเอียดการใช้ Verb ก็จะต่างกันออกไป ซึ่งเป็นไปได้ยากครับที่เราจะเข้าใจเรื่องของ Verb ทันทีตั้งแต่ที่เริ่มศึกษา แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ

ว่ายังไงบ้างคะ สำหรับหลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์ที่เราเอามาแนะนำวันนี้ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ คะ เพื่อจดจำหลักการใช้นี้ได้ง่ายอย่าลืมเอามาใช้ มาตั้งเป็นประโยคบ่อยๆ นะคะ ติดตาม Eng Breaking เพื่อแบ่งบันกันความรู้ดีๆ ช่วยกันเรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุกสานค่ะ

ไม่พลาดกับบทความนี้ :

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[Update] Pitukpong’s Blog | กริยาช่องที่1 – NATAVIGUIDES

Past Simple Tense

6.1 ประโยค Past Simple Tense เชิงบอกเล่า

โครงสร้าง : Subject + Verb 2

( ประธาน + กริยาช่องที่ 2 )

ตัวอย่าง : 1.He walked to school yesterday. ( เขาเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

  1. They played volleyball last week. ( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

6.2 ประโยค Past Simple Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do

ช่องที่ 2 คือ did มาช่วย และเติม not ข้างหลัง มีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Subject + did + not + Verb 1

( ประธาน + did + not + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. He did not ( didn’t ) walk to school yesterday. ( เขาไม่ได้เดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

  1. They did not play volleyball last week. ( เขาทั้งหลายไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

ข้อสังเกต : เมื่อนำ did มาใช้ในประโยคแล้วต้องเปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย

6.3 ประโยค Past Simple Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม ทำได้ด้วยการนำ did มาวางไว้หน้าประโยค

และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Did + Subject + Verb 1

( Did + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. Did he walk to school yesterday ?( เมื่อวานนี้เขาเดินมาโรงเรียนใช่หรือไม่ )

– Yes, he did. ( ใช่ เขาเดินมา )

– No, he didn’t. ( ไม่เขาไม่ได้เดินมา )

  1. Did they play volleyball last week ?( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้วใช่หรือไม่

– Yes, they did. ( ใช่ เขาทั้งหลายเล่น )

– No, they didn’t . ( ไม่ เขาทั้งหลายไม่ได้เล่น

6.4 หลักการใช้ Past Simple Tense

  1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต ซึ่งมักจะมีคำ กลุ่มคำ หรืออนุประโยคต่อไปนี้อยู่ในประ

 

คำ                          กลุ่มคำ                               อนุประโยค

Ago                        last night                           when he was young

Once                      last year                            when he was five years old

Yesterday                yesterday morning               when I lived in Tokyo during the war

เช่น  I lived in Chaing mai 3 years ago. ( ฉันอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว )

  1. His father died during the war. ( พ่อของเขาตายระหว่างสงคราม )
  2. He learned English when he was young. ( เขาเรียนภาษาอังกฤษเมื่อเขาเป็นเด็ก )

6.5 หลักการเติม ed ที่คำกริยา

  1. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น

love – loved = รัก

move – move = เคลื่อน

hope – hoped = หวัง

  1. กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม ed เช่น

cry – cried = ร้องไห้

try – tried = พยายาม

marry – married = แต่งงาน

ข้อยกเว้น ถ้าหน้า y เป็นสระ ใหเติม ed ได้เลย เช่น

play – played = เล่น

stay – stayed = พัก , อาศัย

enjoy – enjoyed = สนุก

obey – obeyed = เชื่อฟัง

กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

plan – planned = วางแผน

stop – stopped = หยุด

beg – begged = ขอร้อง

  1. กริยาที่มี 2 พยางค์ แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้น มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

concur – concurred = ตกลง, เห็นด้วย

occur – occurred = เกิดขึ้น

refer – referred = อ้างถึง

permit – permitted = อนุญาต

ข้อยกเว้น ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา เช่น

cover – covered = ปกคลุม

open – opened = เปิด

  1. นอกจากกฏที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น

walk – walked = เดิน

start – started = เริ่ม

worked – worked = ทำงาน


กริยา 3 ช่อง พร้อมตัวอย่างการใช้ | เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี


กริยาช่อง 3 คืออะไร และ ตัวอย่างกริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อยมีอะไรบ้าง
กริยาช่องที่ 1 (รูปย่อคือ V.1) จะใช้กับเหตุการณ์ใน ปัจจบัน
กริยาช่องที่ 2 (รูปย่อคือ V.2) จะใช้กับเหตุการณ์ใน อดีต
กริยาช่องที่ 3 (รูปย่อคือ V.3) จะใช้กับเหตุการณ์ใน perfect tense ทุกชนิด
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv…
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r…
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1…
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5s…
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot…
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK…
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKY…
📌 คำเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ พื้นฐาน FANBOYS คืออะไร
👉 https://www.youtube.com/watch?v=6g8MlhZhBcE

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

กริยา 3 ช่อง พร้อมตัวอย่างการใช้ | เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี

กริยาช่อง 2 ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

กริยาช่อง 2 ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

คำศัพท์อังกฤษ 500 คำกริยา 3 ช่อง: กริยาช่อง1, กริยาช่อง2-3, เติม ing, เติม s,es ประโยคตัวอย่างง่าย ๆ


คำศัพท์อังกฤษ, 500 คำกริยา 3 ช่อง, กริยาช่อง1, กริยาช่อง 2, กริยาช่อง 3, การเติม ing, การเติม s,es, ประโยคอังกฤษตัวอย่างง่าย ๆ
ส่วนที่ 1
คำศัพท์อังกฤษ 500 คำกริยา 3 ช่อง Verb123 +ing+s/es พร้อมคำอ่านภาษาไทย
แยกคำกริยาตาม 10 รูปแบบ การผันรูปกริยา
ฝึกพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกัน
สวนที่ 2
วิธีใช้กริยาใน 40 ประโยคสำเร็จรูป +120 ประโยคตัวอย่างที่ใช้บ่อย
ฝึกแต่งประโยคอังกฤษง่ายๆ
Subscribe ► shorturl.at/lrzMV
More videos ► shorturl.at/arvKX

คำศัพท์อังกฤษ 500 คำกริยา 3 ช่อง: กริยาช่อง1, กริยาช่อง2-3, เติม ing, เติม s,es ประโยคตัวอย่างง่าย ๆ

ติว TOEIC ครูดิว : กริยา 3 ช่อง ท่องตั้งเเต่ประถม ไม่เคยจำได้!!


คะแนน TOEIC สร้างงาน สร้างเงิน ใครยังไม่รู้จะติวที่ไหนมาติวกับครูดิวได้นะคะ
✿ ถ้าพื้นฐานน้อย แนะนำหาคอร์สติวดีกว่าค่ะ! ✿
👉 ติว TOEIC กับครูดิวเลย (ทดลองติวฟรี!) ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu

Adverbs of Frequency คือ Adverb กลุ่มที่ใช้บอกความถี่ของการกระทำค่ะ เช่นพวก always, usually, often, sometimes, rarely เป็นต้น จะมีวิธีจำยังไงให้ง่ายๆ นะ? มาครูดิวไปดูกันค่ะ

✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅Grammar ที่ใช้สอบ TOEIC ให้ครบ เริ่มสอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เทคนิคช่วยจำต่างๆ จำง่าย เอาไปใช้กับข้อสอบได้จริงๆ
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ
✅ อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ครบ 200 ข้อ
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ
ติวTOEIC สอบTOEIC

ติว TOEIC ครูดิว :  กริยา 3 ช่อง ท่องตั้งเเต่ประถม ไม่เคยจำได้!!

ม. 4 เทอม 2/64 ครั้งที่ 1 Present Simple


ม. 4 เทอม 2/64 ครั้งที่ 1 Present Simple

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ กริยาช่องที่1

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *