Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ some กับ any พร้อมตัวอย่างประโยค | an ใช้กับอะไร – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ some กับ any พร้อมตัวอย่างประโยค | an ใช้กับอะไร – NATAVIGUIDES

an ใช้กับอะไร: คุณกำลังดูกระทู้

คำว่า some และ any เป็นคำภาษาอังกฤษที่เราพบเจอได้บ่อยมากๆ แต่ถึงแม้จะเจอบ่อย หลายๆคนก็อาจจะยังงงกับเจ้าสองคำนี้อยู่ นั่นก็เพราะสองคำนี้มีความหมายและวิธีใช้ที่ค่อนข้างหลากหลายนั่นเอง

ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับคำว่า some และ any ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทั้งความหมาย วิธีการใช้ และตัวอย่างประโยค มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กัน ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

หลักการใช้ some

คำว่า some มีความหมายและการใช้ที่หลากหลาย ซึ่งหลักๆแล้วจะมีดังนี้

Some แปลว่า บาง…

Some มีความหมายว่า “บาง…” เช่น บางส่วน บางคน ฯลฯ โดยจะมีการใช้แบ่งได้คร่าวๆ 3 แบบ

1. ใช้บอกปริมาณ

Some ในกรณีนี้จะมีความหมายว่า “บางส่วน” หรือ “จำนวนหนึ่ง” ใช้พูดถึงสิ่งที่มีปริมาณมากกว่าหนึ่งหน่วย หรือพูดถึงบางส่วนของสิ่งนั้น แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีปริมาณเท่าใด

คำว่า some ในความหมายนี้ จะทำหน้าที่เป็น determiner เวลาใช้จะต้องอยู่หน้าคำนาม (determiner คือคำที่ใช้กำกับคำนาม ทำหน้าที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำนาม เช่น บอกปริมาณ ตัวอย่าง determiner คำอื่นเช่น a, an, the, many, much, any) อย่างเช่น

Some cake แปลว่า เค้กบางส่วน
Some apples แปลว่า แอปเปิลจำนวนหนึ่ง
Some idea แปลว่า ความคิดบางอัน

ตัวอย่างประโยค

I ate some ice cream yesterday.
เมื่อวานฉันกินไอศกรีมไปบางส่วน

Joe gave me some good advice.
โจให้คำแนะนำบางอย่างกับฉัน

ทั้งนี้ การใช้ some ในความหมายนี้ เราจะใช้กับคำนามนับไม่ได้ หรือคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์เท่านั้น ถ้าเป็นคำนามนับได้ที่เป็นเอกพจน์ เราจะใช้ a หรือ an แทน อย่างเช่น

I bought a pen.
ฉันซื้อปากกาหนึ่งด้าม
(เนื่องจาก pen เป็นคำนามนับได้ เราจึงไม่ใช้ I bought some pen. แต่เราสามารถใช้ I bought some pens. ได้ ถ้าเราซื้อมาหลายด้าม)

2. ใช้กับคำนามที่ไม่เจาะจง

เราสามารถใช้ some เมื่อกล่าวถึงบุคคลหรือสิ่งใดๆ โดยที่ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน เช่น

Some person ใครบางคน
Some cat แมวบางตัว
Some method บางวิธี

Some ในความหมายนี้จะทำหน้าที่เป็น determiner ต้องใช้หน้าคำนามเช่นกัน

ตัวอย่างประโยค

Some person came to see you yesterday.
มีใครบางคนมาหาคุณเมื่อวานนี้

There should be some ways to solve this problem.
มันน่าจะมีบางหนทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้

3. ใช้แทนคำนาม

เรายังสามารถใช้ some เป็น pronoun (คำที่ใช้แทนคำนาม) ได้อีกด้วย โดย some ในกรณีนี้จะมีความหมายว่า “บางส่วน” หรือ “จำนวนหนึ่ง” เหมือน some ที่ใช้บอกปริมาณ

ตัวอย่างประโยค

I have just made sandwiches. Would you like some?
ฉันเพิ่งทำแซนด์วิชเสร็จ คุณจะกินหน่อยมั้ย
(ถ้าแปลตรงๆจะเป็น “คุณจะกินบางส่วนมั้ย” แต่เพื่อให้เป็นธรรมชาติ เราเลยเปลี่ยนคำ)

Some of his works are very exceptional.
งานบางชิ้นของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก

Some แปลว่า ปริมาณมาก

เรายังสามารถใช้ some เมื่อต้องการบอกว่าสิ่งไหนมี “ปริมาณมาก” ได้อีกด้วย คำว่า some ในความหมายนี้จะทำหน้าที่เป็น determiner การใช้จะต้องใช้หน้าคำนาม

ตัวอย่างประโยค

It will be some time before I forget it.
มันคงจะต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนที่ฉันจะลืมมันได้

It normally takes some effort to be fluent in second language.
ปกติแล้วมันจะต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการที่จะใช้ภาษาที่สองได้คล่อง

Some แปลว่า ดีเยี่ยม

Some มีอีกความหมายว่า “ดีเยี่ยม” ทำหน้าที่เป็น determiner เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างประโยค

That was some concert last night!
คอนเสิร์ตเมื่อคืนนี่สุดยอดจริงๆ

That was some Friday night dinner, wasn’t it?
อาหารเย็นเมื่อคืนวันศุกร์นั้นวิเศษณ์ไปเลย ว่ามั้ย

Some แปลว่า ประมาณ

เราสามารถใช้ some ไว้หน้าจำนวนตัวเลข ซึ่งจะแปลว่า “ประมาณ”

ตัวอย่างประโยค

Some 500 people went to the event.
มีคนประมาณ 500 คนไปร่วมงาน

I worked there for some 10 years.
ฉันทำงานที่นั่นประมาณ 10 ปี

Some แปลว่า เล็กน้อย

Some ยังสามารถแปลว่า “เล็กน้อย” ได้อีกด้วย โดยจะทำหน้าที่เป็น adverb คำว่า some ในความหมายนี้จะถูกใช้ใน American English เป็นหลัก และถือว่าเป็นคำที่ไม่เป็นทางการ

ตัวอย่างประโยค

I am feeling some better.
ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

We could work some and then have lunch.
เรามาทำงานกันซักหน่อยแล้วค่อยไปกินข้าวเที่ยงก็ได้นะ

หลักการใช้ any

คำว่า any จะมีความหมายและการใช้แบ่งได้หลักๆดังนี้

Any แปลว่า บ้าง

Any มีความหมายว่า “บ้าง” หรือ “สักนิด” ทำหน้าที่เป็น determiner ต้องใช้หน้าคำนาม คำว่า any ในความหมายนี้ มักจะใช้กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม

ตัวอย่างประโยค

Are there any cookies left?
มีคุ้กกี้เหลือบ้างมั้ย

I haven’t play any mobile games recently.
ช่วงที่ผ่านมาฉันไม่ได้เล่นเกมมือถือเลยสักนิด

Any ในความหมายนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็น pronoun ซึ่งก็คือคำที่ใช้แทนคำนามได้อีกด้วย

ตัวอย่างประโยค

I looked around for a bottle of water, but there wasn’t any.
ฉันมองหาน้ำขวด แต่มันไม่มีเลย

Have you read any of her books?
คุณได้อ่านหนังสือของเธอบ้างมั้ย

Any แปลว่า อันไหนก็ได้

Any ยังสามารถแปลว่า “อันไหนก็ได้” หรือ “อะไรก็ตาม”

ตัวอย่างประโยค

Any food is fine in moderation.
อาหารอะไรก็โอเคหมดถ้ากินแต่พอดี

Any light color is good with black.
สีอ่อนไม่ว่าจะสีไหนก็เข้ากับสีดำได้หมด

Any ในความหมายนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็น pronoun ซึ่งก็คือคำที่ใช้แทนคำนามได้อีกด้วย

ตัวอย่างประโยค

You can choose any of these t-shirts.
คุณสามารถเลือกเสื้อเชิ้ตอันไหนก็ได้

She is rich. She can buy any of these luxury clothes.
เธอรวย เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าแพงๆอันไหนก็ได้

Any แปลว่า แม้แต่น้อย

Any ยังมีอีกความหมายคือ “แม้แต่น้อย” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น adverb คำว่า any ในความหมายนี้มักจะถูกใช้กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม

ตัวอย่างประโยค

This movie isn’t any good.
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดีเลยแม้แต่น้อย

Can’t you walk any faster?
คุณเดินเร็วขึ้นอีกสักหน่อยไม่ได้หรอ

Some กับ any ต่างกันอย่างไร

การใช้ some และ any เป็น determiner (คำที่ใช้กำกับคำนาม) ที่ใช้บอกปริมาณ (บางส่วน, จำนวนหนึ่ง, บ้าง, สักนิด) เราจะใช้กับประโยคคนละชนิดกัน

เราจะใช้ some กับประโยคบอกเล่า

I have some money.
ฉันมีเงินอยู่บ้าง
(เราจะไม่ใช้ I have any money.)

และจะใช้ any กับประโยคปฏิเสธ

I don’t have any money.
ฉันไม่มีเงินสักนิดเลย
(เราจะไม่ใช้ I don’t have some money.)

สำหรับประโยคคำถาม เรามักจะใช้ any

Do you have any money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า

แต่เราก็อาจใช้ some แทนได้ ถ้าเราคาดหวังว่าผู้ตอบจะตอบว่าใช่ หรือคาดหวังว่าเค้าจะมีในสิ่งที่เราถาม

Do you have some money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า

หรือเมื่อคำถามนั้นเป็นการยื่นข้อเสนอ การขอร้อง หรือการเสนอแนะ

Would you like some tea?
คุณจะรับชาหน่อยมั้ย

Can I have some coffee?
ฉันขอกาแฟได้มั้ย

Why don’t we buy some new clothes?
ทำไมพวกเราไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหน่อยล่ะ

สรุปก็คือเรามักจะใช้ some ในประโยคบอกเล่า และใช้ any ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม แต่ก็มีข้อยกเว้น คือเราสามารถใช้ some กับประโยคคำถามได้ ถ้าเราคาดหวังว่าเค้าจะตอบว่าใช่ หรือคำถามนั้นเป็นการยื่นข้อเสนอ การขอร้อง หรือการเสนอแนะ

เปรียบเทียบการใช้ some/any, a/an และ many/much

สำหรับคนที่ยังสับสนว่าในการบอกปริมาณ ตอนไหนเราควรใช้ some/any ตอนไหนควรใช้ a/an และตอนไหนควรใช้ many/much เรามาดูสรุปการเปรียบเทียบกันเลย

การใช้ a กับ an

ในการบอกปริมาณ เราจะใช้ a และ an เมื่อสิ่งนั้นมีปริมาณหนึ่งหน่วย โดยจะใช้ an เมื่อคำตามหลังนั้นขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u และจะใช้ a กับคำอื่นๆ

I bought an apple.
ฉันซื้อแอปเปิลหนึ่งลูก
(Apple ขึ้นต้นด้วยตัว a เราจึงใช้ an)

I bought a banana.
ฉันซื้อกล้วยหนึ่งลูก
(Banana ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u เราจึงใช้ a)

การใช้ many กับ much

เราจะใช้ many กับ much เพื่อสื่อว่าสิ่งนั้นมีปริมาณมาก โดยเราจะใช้ many กับคำนามที่นับได้ และใช้ much กับคำนามที่นับไม่ได้

I have many friends.
ฉันมีเพื่อนหลายคน
(Friend เป็นคำนามนับได้)

I had so much fun.
ฉันรู้สึกสนุกมาก
(Fun เป็นคำนามนับไม่ได้)

การใช้ some กับ any

เราจะใช้ some กับ any ซึ่งแปลว่า บางส่วน, จำนวนหนึ่ง, บ้าง, สักนิด เมื่อคำนามนั้นเป็นคำนามนับได้และเป็นพหูพจน์

(เรามักจะใช้ some กับประโยคบอกเล่า และใช้ any กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม)

I can lend you some pencils.
ฉันให้คุณยืมดินสอบางส่วนได้นะ
(Pencil เป็นคำนามนับได้)

He doesn’t have any siblings.
เขาไม่มีพี่น้องเลยสักคน
(Sibling เป็นคำนามนับได้)

หรือเมื่อคำนามนั้นเป็นคำนามนับไม่ได้

We just want to have some fun.
พวกเราแค่อยากสนุกกันบ้างเท่านั้นเอง
(Fun เป็นคำนามนับไม่ได้)

Do you have any money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า
(Money เป็นคำนามนับไม่ได้)

สรุปง่ายๆก็คือ

  • ปริมาณหนึ่งหน่วย (เอกพจน์) และเป็นคำนามนับได้ ใช้ a (ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u) หรือ an (ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u)
  • ปริมาณมาก และเป็นคำนามนับได้ ใช้ many
  • ปริมาณมาก และเป็นคำนามนับไม่ได้ ใช้ much
  • บางส่วน จำนวนหนึ่ง สักนิด และเป็นคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ ใช้ some หรือ any
  • บางส่วน จำนวนหนึ่ง สักนิด และเป็นคำนามนับไม่ได้ ใช้ some หรือ any

เป็นยังไงบ้างครับกับวิธีใช้ some, any และคำอื่นที่เกี่ยวข้องในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[NEW] 5 ส. / 5S คืออะไร มีอะไรบ้าง พร้อมตัวอย่างการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร | an ใช้กับอะไร – NATAVIGUIDES

Highlight

  • 5 ส. / 5S คือเครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบด้วย สะสาง-สะดวก-สะอาด-สุขลักษณะ-สร้างนิสัย มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

  • 5 ส. เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศ โรงงาน หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งห้องนอนของตัวเอง

  • 5 ส. ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำความสะอาด แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเมื่อสถานที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงานเช่นกัน

จะว่าไปแล้ว 5 ส. หรือ 5S เป็นหลักการคุ้นเคยที่ทุกองค์กรนำมาประยุกต์ใช้เป็นเรื่องปกติ สังเกตง่าย ๆ ว่าองค์กรไหนมีวัน Big Cleaning Day ก็เท่ากับเริ่มต้นใช้งานเครื่องมือนี้กันบ้างแล้ว

ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเข้าใจผิดก็คือ 5 ส. ไม่ได้มีประโยชน์แค่การทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นกระบวนการสร้างพื้นฐานที่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายต่อไป

ฉะนั้นก่อนฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือ ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources : HR) จะจัดอบรบกิจกรรม 5 ส. กับพนักงาน เราจำเป็นต้องเข้าใจถึงหลักการและประโยชน์ที่แท้จริงเสียก่อน

 

Contents

  • 5 ส. คืออะไร
  • จุดเริ่มต้น 5 ส. ที่หลากหลาย
  • ทำไมต้องทำ 5 ส.
  • การทำ 5 ส. / 5S มีอะไรบ้าง
    • ส – สะสาง (Seiri หรือ Sort)
    • ส – สะดวก (Seiton หรือ Set in Order) 
    • ส – สะอาด (Seiso หรือ Shine) 
    • ส – สุขลักษณะ (Seiketsu หรือ Standardize)
    • ส – สร้างนิสัย (Shitsuke หรือ Sustain)
  • ตัวอย่างการใช้ 5 ส. / 5S ในที่ทำงาน 
  • 5 ส. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • บทสรุป

5 ส. คืออะไร

5 ส. หรือ 5S คือเครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบไปด้วย สะสาง-สะดวก-สะอาด-สุขลักษณะ-สร้างนิสัย มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อลดต้นทุน (Cost) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Efficiency) 

โดยมากนิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรม ก่อนขยับขยายมาใช้ในทุกประเภทธุรกิจ เพราะเป็นแนวทางที่เป็นระบบ เหมาะสำหรับการนำมาเพื่อปรับปรุงแก้ไขการทำงานและรักษาสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงาน 

มีคนเคยเปรียบเทียบว่า 5 ส.​ เปรียบเสมือนรากต้นไม้ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของแนวคิดการพัฒนาองค์กรตามหลักการอื่น เช่น LEAN, ISO, TPM, QCC, Six Sigma, PDCA หรือ Kaizen ฯลฯ 5 ส. จึงเป็นพื้นฐานของหลักการพัฒนาองค์กรทุกระบบก็ว่าได้ 

ฉะนั้นถ้าเรามีรากฐานที่แข็งแรง องค์กรก็จะเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป 

จุดเริ่มต้น 5 ส. ที่หลากหลาย

ถึงแม้จุดเริ่มต้นของ 5 ส. จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ก็มีเรื่องเล่ามากมายที่กล่าวถึงต้นกำเนิดของหลักการนี้ 

ไล่ตั้งแต่ย้อนกลับไปไกลถึงศตวรรษที่ 16 โดยช่างต่อเรือชาวเวนิส เขาพยายามปรับปรุงกระบวนการต่อเรือให้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเป็นวันหรือสัปดาห์ ก็ปรับปรุงให้เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมง

บางตำราก็บอกว่าเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาจาก “กิจกรรมทำความสะอาดบ้าน” ในสถานที่ทำงาน เพราะมองว่าออฟฟิศก็เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่ง

แต่สิ่งที่ทำให้ 5 ส. เป็นที่รู้จักในวงกว้างก็คือ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากประเทศญี่ปุ่น นำทีมโดยบริษัทรถยนต์โตโยต้าที่ประยุกต์แนวคิดของตะวันตกมาสร้างระเบียบหลักการจนกลายเป็นรูปแบบ 5 ส. ตามปัจจุบัน

ขณะที่ประเทศไทย เริ่มต้นใช้ 3 ส. ก่อนในปี 2522 โดยบริษัท เอ็นเอชเค สปริง (ประเทศไทย) จำกัด แล้วค่อยประกาศใช้ 5 ส. ครบถ้วนในปี 2524 ก่อนที่บริษัทจะนิยมปฏิบัติตามกันมาจนถึงปัจจุบัน

ทำไมต้องทำ 5 ส.

เพื่อน ๆ เคยหาเอกสารไม่เจอไหม? รู้สึกว่าตัวเองทำงานซ้ำซ้อน? ออฟฟิศวุ่นวายไม่สามัคคี? หรือสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยขยะ? ฯลฯ

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าเราดำเนินการตามหลัก 5 ส. อย่างเคร่งครัด เพราะ 5 ส. เป็นเครื่องมือที่สร้างความระเบียบเรียบร้อยในองค์กร ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก ใคร ๆ ก็สามารถปฏิบัติตามได้

ปัจจัยสำคัญก็คือ การเริ่มต้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในองค์กร ทั้งพนักงานทั่วไป แม่บ้าน ไปจนถึงผู้บริหารสูงสุด แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น ทุกคนจะต้องปฏิบัติจนกลายเป็นเรื่องปกติ เป็นกิจวัตรประจำวัน หรือเป็นวัฒนธรรมองค์กรนั่นเอง

หากทุกคนพร้อมใจปฏิบัติตาม ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระหรือการบังคับ 5 ส.​ ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด และก่อให้เกิดความสามัคคีในองค์กรอีกทางหนึ่งด้วย

การทำ 5 ส. / 5S มีอะไรบ้าง

5ส 5S HR NOTE

องค์ประกอบ 5 ส. มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป จึงมีความจำเป็นต้องเข้าใจแต่ละตัวอย่างลึกซึ้งเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้

ส – สะสาง (Seiri หรือ Sort)

เริ่มต้นแยกสิ่งที่ต้องการจัดระเบียบให้ชัดเจนระหว่าง “สิ่งจำเป็น” และ “สิ่งไม่จำเป็น” หรือแยกสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่เป็นหมวดหมู่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานหรือไม่ นับเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาและความตั้งใจเป็นอย่างมาก เพราะเราต้องกล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าอะไรคือสิ่งที่มีประโยชน์ หรือสปาร์คจอยจริง ๆ ฉะนั้นความรู้สึกเสียดายจึงเป็นอุปสรรคใหญ่ของขั้นตอนนี้

ส – สะดวก (Seiton หรือ Set in Order) 

คือการนำสิ่งที่สะสางมาจัดวางอย่างเป็นระเบียบ โดยคำนึงถึงกระบวนการใช้งานและความปลอดภัย พูดง่าย ๆ ก็คือการนำมาวางในพื้นที่ที่หยิบใช้งานง่าย อาจทำป้ายระบุว่าคืออะไร อยู่หมวดหมู่ไหน หรือเก็บไว้ตรงไหน

ส. 2 จึงเป็นขั้นตอนที่ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ อีกต่อไป

ส – สะอาด (Seiso หรือ Shine) 

คือการทำความสะอาด ปัดกวาด เช็ดถูตามที่เราเข้าใจนั่นแหละ เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานให้น่ารื่นรมย์และน่าทำงาน สิ่งนี้มีผลอย่างมากต่อจิตใจพนักงานในรู้สึกดี 

ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นการทำความสะอาดเครื่องจักรโรงงาน ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานให้นานกว่าเดิม

ส – สุขลักษณะ (Seiketsu หรือ Standardize)

สุขลักษณะเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการปฏิบัติ 3 ส. แรก เราจึงควรปรึกษาหารือว่าอะไรคือมาตรฐานสุขลักษณะที่พนักงานต้องการ เพื่อที่ว่าทุกคนจะได้ปฏิบัติรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามมาตรฐานนั้น ๆ 

และเมื่อองค์กรมีสุขลักษณะที่ดีเกิดขึ้น ประสิทธิภาพของพนักงานก็จะดีตามไปด้วย

ส – สร้างนิสัย (Shitsuke หรือ Sustain)

ส.​ ตัวสุดท้ายมุ่งไปที่การสร้างระเบียบวินัย หรือสร้างให้เกิดนิสัยขึ้นมาจริง ๆ นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากและยากที่สุด เพราะคำว่า “นิสัย” ไม่ได้ขึ้นเกิดแค่การทำเพียงครั้งเดียว แต่เกิดจากการหมั่นปฏิบัติซ้ำ ๆ เป็นประจำจนกลายเป็นเรื่องปกติ

สรุปการทำ 5 ส. จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องช่วยกัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน พัฒนาคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น 

Do You Know?

รู้ไหมว่าปัจจุบันมีการเพิ่มเป็น 6 ส. หรือ 6S คือ ส – เสริมสร้างความปลอดภัย (Safety) มุ่งเน้นไปที่การระบุถึงความเสี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เพื่อควบคุมให้พนักงานทำงานได้อย่างปลอดภัย 

ตัวอย่างการใช้ 5 ส. / 5S ในที่ทำงาน

 

5 ส. เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับสถานที่ทำงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศ โรงงาน หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งห้องนอนของเราเอง 

และนี่เป็นภาพตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการจัดระเบียบห้องทำงานของช่าง

 

 

จากภาพจะเห็นว่า ห้องทำงานเดิมเต็มไปด้วยขยะและอุปกรณ์ต่าง ๆ ปะปนกันไปหมด ซึ่ง 5 ส. เข้ามาจัดระเบียบดังนี้

  • ส – สะสาง

    : แยกอุปกรณ์และชั้นวางที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือไว้แต่สิ่งที่ใช้งานจริง ๆ เท่านั้น

  • ส – สะดวก

    : จัดหมวดหมู่อุปกรณ์โดยแยกประเภทตามชั้นวาง สีกล่อง ฉลาก และตีเส้นพื้นที่สำหรับทำงาน

  • ส – สะอาด

    : ทำความสะอาดพื้น โต๊ะ ชั้นวาง อุปกรณ์ และทิ้งสิ่งของที่ไม่จำเป็น

  • ส – สุขลักษณะ

    : สภาพแวดล้อมหลังทำความสะอาดดูปลอดโปร่ง เป็นมาตรฐานสุขลักษณะที่ดี

  • ส – สร้างนิสัย

    : หมั่นรักษาความสะอาดในสภาพแวดล้อมนี้เป็นประจำ

เมื่อสถานที่ทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้ ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงาน ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาอุปกรณ์ที่ต้องการ เวลาเกิดปัญหาก็สามารถจัดการได้ทันที และเมื่อเกิดการปฏิบัติซ้ำ ๆ เป็นประจำ ก็จะส่งเสริมการสร้างนิสัยการมีวินัยต่อไป 

5 ส. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

อย่างที่ย้ำในบทความนี้บ่อย ๆ ว่า 5 ส. ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำความสะอาด แต่เป้าหมายที่แท้จริงของมันคือการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในที่นี้เราจะกล่าวถึงปัจจัยที่จะช่วยให้การประยุกต์ใช้ 5 ส. เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่

บทสรุป

“A place for everything , and everything in its place”

“มีพื้นที่สำหรับทุกสิ่ง และมีทุกสิ่งภายในพื้นที่”

คือสรุปหลักการของ 5 ส. / 5 S ที่ชัดเจนมากในฐานะเครื่องมือที่ใช้พื้นที่ในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ยิ่งในปัจจุบันที่การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงมากขึ้น สิ่งที่จะทำให้องค์กรอยู่รอดได้ก็คือการใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลักการ 5 ส. จึงเป็นก้าวแรกที่จะวางรากฐานให้องค์กรของคุณมีระบบระเบียบที่ชัดเจน

ฉะนั้นสิ่งที่องค์กรทุกประเภทต้องถามตัวเองในวันนี้ก็คือ “เราเริ่มดำเนินการตาม 5 ส. แล้วหรือยัง?” 

 

คุณมีปัญหาหรือคำถามที่ต้องการหาคำตอบใช่หรือเปล่า?

หากคุณรู้สึกว่าได้รับเทคนิคดี ๆ จากบทความนี้และอยากได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก

สามารถตั้งคำถามได้ในชุมชนของเรา ! แล้วคุณจะได้รับคำตอบมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญ


การใช้ A,An


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

การใช้ A,An

รักคือ – แบล็คเฮด 【OFFICIAL MV】


Digital Download : 123 1005091 3
iTunes Download : https://goo.gl/3jzW5D
KKBOX : http://kkbox.fm/6c1YRt
เพลง : รักคือ
ศิลปิน : แบล็คเฮด
คำร้อง : อภิสิทธิ์ พงศ์ชัยสิริกุล, โตภูมิ
ทำนอง : อภิสิทธิ์ พงศ์ชัยสิริกุล
เรียบเรียง : อภิสิทธิ์ พงศ์ชัยสิริกุล
อัพเดทผลงานศิลปินที่คุณชื่นชอบได้ที่
http://www.facebook.com/gmmgrammyoffi…
https://plus.google.com/+Gmmgrammyoff…

รักคือ - แบล็คเฮด 【OFFICIAL MV】

เจ็บแล้วจำคือคน..เจ็บแล้วทนคือพี่อู๋จุน ฮาๆ (1Vs 6)


YOUTUBE : OAUJUN HiEND
CONTACT : [email protected]

เจ็บแล้วจำคือคน..เจ็บแล้วทนคือพี่อู๋จุน ฮาๆ  (1Vs 6)

หลักการเติม a \\ an ที่ไม่ได้ดูแค่ ว่าขึ้นต้นด้วย สระ หรือพยัญชนะ


จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀

หลักการเติม a \\ an ที่ไม่ได้ดูแค่ ว่าขึ้นต้นด้วย สระ หรือพยัญชนะ

Ep.1 (1/2) การใช้ a , an และเทคนิคการใช้แบบเข้าใจง่าย


🌈 สอนการใช้ a , an นำหน้าคำนามเอกพจน์ เรื่องง่ายๆที่หลายคนไม่รู้
ฟังครูปัดสอนแล้วจะหายงงเลยจ้า 🎉🌟

โหลดแบบฝึกหัดมาทำกันเลย ด้านล่างนี้เลยจ้า 👇
https://drive.google.com/file/d/1_x3JqsxooCMY3ZbU9tCU_JNbYZ3zZWfo/view?usp=sharing
ทำเสร็จแล้ว ค่อยดูคลิปเฉลยนะตะเอง

englishgrammar grammar article indefinitearticle

Ep.1 (1/2) การใช้ a , an และเทคนิคการใช้แบบเข้าใจง่าย

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ an ใช้กับอะไร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *