Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ Present Perfect Tense ใช้ใน 2 เหตุการณ์จงจำให้แม่น | present perfect tense ประโยค – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ Present Perfect Tense ใช้ใน 2 เหตุการณ์จงจำให้แม่น | present perfect tense ประโยค – NATAVIGUIDES

present perfect tense ประโยค: คุณกำลังดูกระทู้

101

SHARES

Facebook

Twitter

Present Perfect Tense อีก Tense หนึ่งที่ใช้บ่อย ดังนั้นเราควรเรียนรู้ให้เข้าใจ สามารถนำหลักการไปประยุกต์ใช้ด้ทั้งการพูดและการเขียนนะครับ อย่าเรียนผ่านแล้วผ่านเลย

present perfect tense

Present Perfect Tense

Present Perfect Tense (Tense ปัจจุบันสมบูรณ์)

  • Present  เพร๊เซินท= ปัจจุบัน
  • Perfect เพอเฟ็คท = สมบูรณ์

สมบูรณ์อย่างไร บางตำราก็ว่าเหตุการณ์มันเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ก็เลยเรียกชื่อนี้ แต่ขอแนะนำว่าให้ใส่ใจที่การนำไปใช้อย่างไรดีกว่า

โครงสร้าง

S + have, has + V3

ประธาน + have, has + กริยาช่อง 3

He, She, It, A cat
has
eaten
I, You, We, They, Cats
have
eaten

กริยา 3 ช่อง หน้าตาเป็นอย่างไร

⇒ การย่อรูป have, has ทำอย่างไร

หลักการใช้

หลักการใช้ present perfect tense ใช้กับ 2 เหตุการณ์ต่อไปนี้

1. ใช้กับเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินมาจนถึงขณะนี้ และจะต่อเนื่องไปในอนาคต

ถ้าใช้เล่าเหตุการณ์แบบนี้ จะมีสองคำนี้ประกอบอยู่ด้วย คือ

⇒ for   ฟอ เป็นเวลา (กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน กีสัปดาห์ กี่ปี)

⇒ since ซินซ ตั้งแต่ (ตั้งแต่ชั่วโมงไหน วันไหน สัปดาห์ไหน เดือนไหน ปีไหน)

ตัวอย่างประโยค

  • She has studied English since July.
    หล่อนเรียน(แล้ว)ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม (เรียนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตอนนี้เดือนกันยายนแล้ว และมีแนวโน้มจะเรียนต่อไปอีก)
  • He’s worked in the garden since 8 o’clock.
    เขาทำงาน(แล้ว)ในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า (ตอนนี้สิบโมงแล้ว มีทีท่าว่าจะทำต่อไป)
  • It has rained for three hours.
    ฝนตก (แล้ว) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง (และมีแววว่าจะตกต่อไปอีก)
  • A boy has played football since 3 o’clock.
    เด็กชายเล่นฟุตบอล(แล้ว)ตั้งแต่ 3 โมง (ตอนนี้สี่โมงแล้ว น่าจะเล่นต่อถึงห้าโมงมั้ง)
  • have lived here for ten years.
    ฉันอาศัยอยู่ (แล้ว) ที่นี่ เป็นเวลา 10 ปี (จุดเริ่มต้นเกิดในอดีต ปัจจุบันก็ยังอยู่ที่นี่ อนาคตก็จะอยู่ต่อ)
  • You’ve watched TV for two hours.
    คุณดู(แล้ว)ทีวีเป็นเวลาสองชั่วโมง (ดูมาแล้วสองชั่วโมงและน่าจะดูต่อ ถ้าแม่ไม่ห้าม)
  • We’ve walked for five hours.
    เราเดิน(แล้ว)เป็นเวลา 5 ชั่วโมง
  • They have built the house since last year.
    พวกเขาสร้าง(แล้ว)บ้านตั้งแต่ปีที่แล้ว (ตอนนี้ก็ยังสร้างอยู่ และน่าจะสร้างต่อไปอีกหลายเดือนคงเสร็จ)

คงพอมองเห็นภาพของการใช้นะครับ สังเกตได้ว่าคำกริยาที่ใช้นั้น ต้องกระทำได้อย่างต่อเนื่องยาวนานคล้าย present continuous tense เลย

คำถามที่ใช้กับตัวอย่างด้านบนส่วนมากจะขึ้นต้นด้วย  How long……. (นานแค่ไหน)

♦ How long has she studied English? หล่อนเรียนอังกฤษนานแค่ไหนแล้ว
♦ How long has he worked in the garden? เขาทำงานในสวนนานแค่ไหนแล้ว
♦ How long has it rained? ฝนตกนานแค่ไหนแล้ว
♦ How long has a boy played football? เด็กชายเล่นฟุตบอลนานแค่ไหนแล้ว
♦ How long have you lived here? (ถาม you ตอบ I) คุณอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว
♦ How long have I watched TV? (ถาม I ตอบ You) ผมดูทีวีนานแค่ไหนแล้ว
♦ How long have we walked? เราเดินนานแค่ไหนแล้ว
♦ How long have they built the house? พวกเขาสร้างบ้านนานแค่ไหนแล้ว

2. ใช้กับเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว

2.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ และเหตุการณ์นั้นก็จบลงแล้วด้วย

ถ้าใช้กับเหตุการณ์แบบนี้ มักจะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วย

already ออลเร๊ดดิ  แล้ว
just         จัสท  เพิ่งจะ
yet         เย็ท    ยัง

ตัวอย่างประโยค

♦ She‘s just gone. หล่อนเพิ่งจะออกไป  ( คงถึงหน้าปากซอยได้)
♦ He’s already finished his homework. เขาทำการบ้านเสร็จแล้ว (เพิ่งทำเสร็จไม่นานหรอก)
♦ It’s just rained. ฝนเพิ่งจะตก (หยุดเมื่อกี้เอง พื้นยังเปียกอยู่)
♦ I’ve already drunk milk. ผมดื่มนมแล้ว (ปากยังมีหยดน้ำนมอยู่เลย)

◊ You’ve just taken a bath. เธอเพิ่งจะอาบน้ำเอง (จะอาบอีกแล้วเหรอ)
◊ We’ve already eaten rice. พวกเรากินข้าวแล้ว (ท้องยังแน่นอยู่เลย)
◊ They’ve just washed the car. พวกเขาเพิ่งจะล้างรถ (รถยังไม่แห้งดีเลย)

♦ Has she gone yet? หล่อนไปหรือยัง
♦ Has he already finished his homework? เขาทำการบ้านเสร็จแล้วใช่ไหม
♦ Have you drunk milk yet? คุณดื่มนมหรือยัง
♦ Have we already eaten rice? พวกเรากินข้าวแล้วใช่ไหม
♦ Have they washed the car yet? พวกเขาล้างรถหรือยัง

2.2 ช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่ระบุเวลา

ถ้าใช้กับกรณีนี้ จะไม่รบุว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ บอกแค่เพียงว่า ทำแล้ว หรือไม่เคยทำ แค่นั้นเอง

  • I’ve read that book.
    ผมอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว (อ่านเมื่อไหร่ไม่บอก ให้รู้ว่าอ่านแล้วก็แล้วกัน)
  • She’s got your letter.
    หล่อนได้รับจดหมายของคุณแล้ว (หลังจากถูกคุณแม่เอาไปทิ้งลงถังหลายครั้ง)
  • I’ve cut my finger.
    ผมทำมีดบาดนิ้วมือ (ดูสิ ยังไม่หายดีเลย)
  • He’s gone to England.
    เขาไปอังกฤษแล้ว(ไม่ต้องมาหาเขาอีก)
  • It’s never rained in this area.
    ฝนไม่เคยตกเลยในพื้นที่นี้
  • Have you (ever) been to England?
    คุณ (เคย) ไปอังกฤษไหม
    No, I’ve never been to England.
    ไม่ ผมไม่เคยไปอังกฤษเลย
  • Have you ever seen the rain coming out on a sunny day?
    คุณเคยเห็นฝน ออกมา(ตก) ในวันที่มีแดดจ้าไหม (เอามาจากเพลง)

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคปฏิเสธก็ไม่ยากครับ เอา not มาต่อท้าย have / has ก็ได้แล้ว

have not ย่อเป็น haven’t

has not ย่อเป็น hasn’t

♦ She has not studied English since July.
หล่อนไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

♦ He hasn’t worked in the garden since 8 o’clock.
เขาไม่ได้ทำงานในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า

♦ I have not lived here for ten years.
ฉันไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ เป็นเวลา 10 ปี

ประโยคคำถาม

ให้เอา have, has มาวางหน้าประธานของประโยค

♦ Has she studied English since July?
หล่อนเรียนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมใช่ไหม
Yes, she has./ No, she hasn’t.

♦ Has he worked in the garden since 8 o’clock?
เขาทำงานในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้าใช่ไหม
Yes, he has./ No, he hasn’t.

♦ Have you lived here for ten years?
คุณอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นเวลา 10 ปีใช่ไหม
Yes, I have./ No, I haven’t.

Time Line เส้นเวลา

มาดูไทม์ไลน์กันดูซิ ทีบอกว่า tense นี้ใช้บอกกล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินมาถึงปัจจุบัน และน่าจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต เป็นเช่นไร

  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์
  • เส้นทึบคือระยะเวลาของเหตุการณ์ (ค่อนข้างยาวนาน)
  • เส้นทึบสีขาวคือระยะเวลาที่เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว
  • เส้นทึบสีเหลืองคือระยะเวลาที่คาดว่าเหตุการณ์อาจจะดำเนินต่อไป

จากภาพสามารถอธิบายได้ว่า มีเหตการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในอดีต (เส้นทีบสีขาว) และก็ดำเนินมาถึงปัจจุบัน (ลูกศรสีขาว) และคงจะดำเนินต่อไปในอนาคต (เส้นทีบเหลือง)  ลองมาสมมติเหตุการณ์ดูสักสองเหตุการณ์แล้วกัน

♦ She has studied English since July.
หล่อนเรียนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

เห็นเรียนมาตั้งแต่เดือนกรกรฎาจริง (เส้นทีบสีขาว) วันนี้ก็ยังเห็นไปเรียนอยู่ (ลูกศรสีขาว) และคิดว่าคงเรียนต่อไปเรื่อยๆมั้ง(เส้นทึบสีเหลือง) แต่ไม่แน่นะ วันนี้ไปเรียนเกิดไม่พอใจ แล้วไม่ไปอีกก็ได้ แต่ที่แน่ๆคือเรียนมานานพอควรจนถึงวันนี้แล้วกัน

♦ He’s worked in the garden since 8 o’clock.
เขาทำงานในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า

เขามาทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าจริง (เส้นทึบสีขาว) ตอนนี้เวลา 11.00 ก็ยังทำในสวนนั่นแหละ (ลูกศรสีขาว)  และคิดว่าคงจะทำถึงเย็นมั้ง (เส้นทึบสีเหลือง) แต่ก็ไม่แน่อีกนั่นแหละ พอพักเที่ยงแล้ว อาจนอนหลับเพลินแล้วไม่มาทำต่อก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงตอนนี้เขาทำงานในสวนจริง เป็นพยานได้

สรุปว่าถ้านักเรียนต้องการบอกกล่าวเล่าขาน เหตุการณ์ที่เริ่มตั้งแต่อดีต และดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และคาดว่าจะดำเนินต่อไปในอนาคต   ให้ใช้โครงสร้าง

ประธาน +have, has + กริยาช่องที่ 3

“ถ้าคิดว่าเข้าใจแล้ว ลองไปอ่านสรุปหลักการใช้ดูนะครับ”

⇒ สรุปหลักการใช้ Tense 12

 กริยา 3 ช่องที่ใช้ในหน้านี้

ช่อง 1

ช่อง 2

ช่อง 3

คำแปล

study
studied
studied
เรียน

work
worked
worked
ทำงาน

rain
rained
rained
ฝนตก

play
played
played
เล่น

live
lived
lived
อาศัย

watch
watched
watched
ดู

walk
walked
walked
เดิน

build
built
built
สร้าง

go
went
gone
ไป

finish
finished
finished
ทำเสร็จ

drink
drank
drunk
ดื่ม

eat
ate
eaten
กิน

wash
washed
washed
ล้าง

read
read
read
อ่าน

get
got
got
ได้รับ

be (is am are)
was were
been
เป็น อยู่ คือ

cut
cut
cut
ตัด บาด

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.7 / 5. Vote count: 756

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] การแปลTense | present perfect tense ประโยค – NATAVIGUIDES

การแปล  Tense

ลักษณะ Tense ในภาษาอังกฤษ

                ภาษาอังกฤษมีการเปลี่ยนรูปกริยาเพื่อแสดงกาล  กริยานั้นอาจจะเปลี่ยนรูปไปเลย เช่น  go   went    gone   หรือเติมปัจจัยเข้าไปหลังกริยา เช่น  walk  walked  walked  ในประโยคอาจมีหรือไม่มีคำบอกกาลเวลากำกับอยู่   หน้าที่ของกริยาที่เปลี่ยนไปที่เราเรียกว่า tense ต่าง ๆ นี้  คือ เพื่อบอกความหมายของกาลเวลาต่าง ๆ  กัน

                ตัวอย่างประโยค  3 ประโยคต่อไปนี้  มีความหมายไม่เท่ากันในแง่ของกาลเวลา

                1.  My friend lives in Bangkok.

                2.  My friend lived in Bangkok.

                3.  My friend has lived in Bangkok. 

                ประโยค 1-3  อาจแปลได้ความเท่ากัน คือ “เพื่อนของฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ”  แต่ความหมายของประโยคที่เกี่ยวกับเวลาไม่เท่ากัน

                ประโยคที่ 1   ใช้ simple present tense หมายความชัดเจนว่า

                เพื่อนของฉันอยู่ในกรุงเทพฯ  (กำลังอยู่ในขณะนั้น)

                ประโยคที่ 2   ใช้ past tense แสดงว่า

                เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว        

                ประโยคที่ 3   ใช้ present perfect tense อาจหมายความว่า

                เขาเคยอยู่ที่นั่นในอดีต ตอนนี้อาจจะยังอยู่หรืออาจไม่อยู่แล้ว  

 

คำบอกกาลในภาษาไทย

                ภาษาที่มีวิภัตติ  ปัจจัย  อย่างภาษาบาลี  สันสกฤตและอังกฤษ  กาล  มาลา วาจก เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ  แต่ในภาษาไทย  กาล  มาลา  วาจก  ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่าไรนัก  เพราะภาษาไทยเวลานำมาพูดหรือเขียน  ไม่จำเป็นต้องระบุเวลาว่าเมื่อไร  ผู้ฟังและผู้อ่านต้องทำความเข้าใจเอาเอง  ภาษาไทยไม่มีการแจกวิภัตติ   ปัจจัยเพื่อบอกกาลเวลา   คำแต่ละคำใช้ได้ในทุกโอกาส   เมื่อต้องการจะบอกกาลเวลาก็มีวิธีการที่จะบอกได้ดังนี้

                เมื่อต้องการทราบว่า  กริยากระทำเมื่อไรต้องอาศัยกริยาช่วย เช่น  จะ  อยู่  กำลัง  ได้  แล้ว  ในภาษาไทยจะบ่งชัดลงไปว่า กริยาแท้ หรือ กริยาช่วย  ต้องดูตำแหน่งในประโยคเป็นส่วนประกอบด้วย  คำเหล่านี้บอกกาลเวลาต่างกัน คือ  

                บอกปัจจุบัน   เช่น  อยู่  กำลัง กำลัง….อยู่  กำลัง….อยู่แล้ว

                ดูโทรทัศน์อยู่นั่นแหละ  ไม่รู้จักหลับนอน 

                (เป็นการบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่ยุติลง แสดงว่า ยังดูโทรทัศน์โดยไม่ยอมเข้านอน)

                เขากำลังวิ่ง   

                (คำว่า  “กำลัง”  เป็นคำบอกเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน  แสดงว่าเขากำลังวิ่งอยู่อย่างต่อเนื่อง แสดง     ให้เห็นว่าเขายังไม่ได้หยุดวิ่ง)

 

                สมศักดิ์กำลังนอนหลับอยู่

                (แสดงว่า ตลอดเวลาสมศักดิ์นอนหลับอยู่ยังไม่ตื่นขึ้นมา เป็นการบอกเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่โดยเน้น            ความ)

                สมศรีกำลังทำการบ้านอยู่แล้ว 

                (ประโยคนี้เน้นความยิ่งกว่า สมศักดิ์กำลังนอนหลับอยู่เพราะในข้อความนี้ได้เน้นให้เห็นว่า สมศรีได้ลง     มือทำการบ้านแล้ว  แต่ยังทำการบ้านไม่เสร็จ ซึ่งเป็นการบอกเหตุการณ์ให้รู้ว่าการกระทำได้เริ่มเรียบร้อย        แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ)

บอกอดีต  ได้แก่   ได้  ได้….แล้ว   เช่น 

                สมศรีได้รับจดหมาย 

                (บอกให้รู้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา  สมศรีได้รับจดหมาย)

                สมศรีได้พบคุณพ่อแล้ว 

                (บอกให้รู้ว่าการพบคุณพ่อของสมศรีได้ผ่านพ้นไปและเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว)

บอกอนาคต  ได้แก่  จะ  กำลังจะ….อยู่   กำลัง….อยู่แล้ว  เช่น

                ใครจะไปใครจะมา  

                (บอกเวลาล่วงหน้า  เหตุยังไม่เกิด) 

                หล่อนกำลังจะเปิดวิทยุฟังเพลง

                สมศรีกำลังจะกินอาหารอยู่เดี๋ยวนี้แหละ

                คุณแม่กับคุณพ่อกำลังจะไปตลาดอยู่แล้ว

 

 

 

 

ความแตกต่างและความคล้ายคลึงของ  tense ในภาษาอังกฤษและภาษาไทยในแง่รูปคำและหน้าที่

Tense ในภาษาอังกฤษ                                                                                       Tense ในภาษาไทย

รูปคำ

– เปลี่ยนรูปคำกริยา เช่น  go   went gone                                                     –  ไม่เปลี่ยนรูปกริยา  

–  เติมปัจจัย  ed  เช่น  walk walked walked                                              –  มีการเติมกริยาช่วย  เช่น กำลัง  กำลัง                                                                                                                                           จะ  แล้ว 

– มีหรือไม่มีคำบอกกาล/เวลา กำกับ                                                                –  มีหรือไม่มีคำบอกกาล/เวลา กำกับ

หน้าที่

บอกความหมายของกาลเวลาต่าง ๆ กัน  ตาม  tense ที่ต่างกัน              –  ไม่ให้ความสำคัญกับกาล/เวลาที่ต่างกัน

–  รู้กาลเวลาโดยเดาจากปริบท หรือจากคำกำกับเวลา (ถ้ามี)

 

 

วิธีแปล

   ผู้แปลควรอ่านประโยคภาษาอังกฤษเพื่อทำความเข้าใจความหมายของ  tense ในแง่ของกาล/เวลา  ดูว่าประโยคนั้นใช้ tense อะไร  แล้วจึงแปลถ่ายทอดเป็นภาษาไทยให้ตรงกับลักษณะกาล/เวลา ที่นิยมใช้ในภาษาไทย   โดยอาจจะเติมคำเสริมกริยาต่าง ๆ หรือคำบอกเวลาที่เหมาะสมในภาษาไทย  เช่น   มาตลอด  ก่อน  แล้ว  จะ  เพิ่ง  เคย  เป็นต้น  ถ้าในประโยคภาษาอังกฤษนั้นมีกริยาหลายตัวที่อยู่ใน tense เดียวกัน  ไม่จำเป็นต้องใส่คำเสริมกริยาไปทุกที่  เพราะจะเป็นการซ้ำซ้อนซึ่งภาษาไทยไม่นิยม  ดังตัวอย่างเช่น

                   เขากำลังจะโทรศัพท์ถึงเพื่อนของเขาและเพื่อนของเขากำลังจะมา

                   เขาทั้งสองกำลังจะไปทานข้าวนอกบ้านกัน

                (ภาษาไทยไม่นิยม)

 

                เช่นเดียวกันเมื่อแปลประโยคหรือข้อความที่เป็นเรื่องเล่า ซึ่งใช้คำกริยาเป็นอดีตกาล

เวลาแปลภาษาไทยไม่นิยมใส่คำบอกกาล  ได้  + กริยา  อย่างพร่ำเพรื่อ   ตัวอย่างเช่น

                เขาได้ไปโรงเรียน เขาได้มาถึงโรงเรียนทันเวลา และเขาได้ทำความเคารพครูที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน

                (ภาษาไทยไม่นิยม)

 

ตัวอย่างการแปลประโยคภาษาอังกฤษที่มี tense ต่าง ๆ เป็นภาษาไทย  

1.  Have you finished your term paper?

                ทำรายงานเสร็จแล้วหรือยัง

อธิบาย:  แล้ว-ยัง  คำบอกเวลาจากอดีตมาจนปัจจุบัน  (present perfect tense)

        No, but I’ll finish it this evening.

        ยังหรอก  แต่จะทำให้เสร็จตอนเย็นนี้

อธิบาย:  จะ….ตอนเย็นนี้  บอกกาลอนาคตแบบของไทย  

2.  Did you see a lot of friends at the party?

        คุณพบเพื่อนหลายคนไหมที่งานเลี้ยง

อธิบาย:   อดีต  แต่ไม่จำเป็นต้องใส่คำเสริมบอกอดีต  เช่น  “ได้”  ข้างหน้าคำกริยา

        No,  I didn’t.  When I arrived there, some of them had already left.

        ไม่ค่อยพบหรอก พอไปถึงที่งานปรากฏว่าเพื่อนหลายคนกลับไปก่อนแล้ว

อธิบาย:  already = ก่อนแล้ว  และกริยาในประโยคก็แปลอย่างปกติ  

3.    Did you enjoy the party last night?

        เมื่อคืนงานเลี้ยงสนุกไหม

อธิบาย:   แปลคำบอกกาลก็เพียงพอแล้ว   last  night = เมื่อคืน

        Yes, I did. It wasn’t like any other party that I have ever been to.

        สนุกซิ   ไม่เหมือนกับงานเลี้ยงก่อน ๆ ที่เคยไปเลย

อธิบาย:   แปล  present perfect จากอดีตจนถึงปัจจุบันโดยใช้คำบอกกาล  เคย….เลย  

4.    When I arrived at the office, the meeting was just beginning

        เมื่อฉันไปถึงที่ทำงาน  การประชุมกำลังเพิ่งเริ่มพอดี

อธิบาย:   เราไม่แปล past tense ของกริยาว่าได้ + v   แปลว่า ไปถึง  เท่านั้น  just

                แปลว่า  เพิ่ง ใช้คำนี้กับเหตุการณ์ในอดีตก็ได้

        continuous tense ในประโยคนี้   แปลตรงกับภาษาไทยว่า  กำลัง + v

5.    Talking to her wasn’t easy although I had known her for a long time.

        (การ) คุยกับเธอนั้นไม่ใช่ของง่าย  ทั้ง ๆ ที่ฉันเคยรู้จักเธอมาก่อนแล้ว

อธิบาย:   เหตุการณ์ในอดีต ไม่นิยมแปลว่า  ได้ + v  การแปลเพื่อแสดง  past perfect       

        tense ใช้คำเสริมกริยา เคย…ก่อนแล้ว  

6.    By the time you read this letter, I will have already left home.

        กว่าเธอจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้  ฉันก็คงออกจากบ้านไปแล้ว

อธิบาย:  เหตุการณ์ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต สังเกตคำแปล  กว่า…จะ  คง…แล้ว

 แล้ว ในที่นี้ แปลว่า ทำอาการนั้นแล้ว  ไม่ได้แปลว่า  อดีตหรือเวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว  

7.    She explained that the problem of water was solved when she moved to this area ten years ago.

        เธอชี้แจงว่าปัญหาเรื่องน้ำแก้ไขไปก่อนที่เธอจะย้ายมาอยู่แถบนี้เมื่อ 10 ปีก่อน

อธิบาย:  v. + ed ไม่จำเป็นต้องแปลว่า  ได้ + v.  เสมอไป ในบางจุดอาจเติม “จะ” เพื่อให้เห็นช่วงเวลาก่อนหลังที่ห่างกัน  2 ช่วง แก้ไขไปก่อน…จะ  คำว่า “ก่อน” ที่อยู่ท้ายประโยค  แปลจาก  ago

8.    When  I finally knew what  was happening, I saw many police inside my house.  

        ก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น  ผมก็เห็นตำรวจอยู่เต็มบ้าน

อธิบาย:   เพื่อให้เห็นความแตกต่างของเวลา 2  ช่วง  ที่ใช้  past  tense  กับ  past

continuous แปลเป็นภาษาไทย โดยใช้คำเสริมกริยา  ก่อนจะ     

9.    She has been standing there, waiting for her son, for more than two hours.

                เธอยืนอยู่ที่นั่นมาตลอด  คอยลูกชายอยู่เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้ว

อธิบาย:   present perfect continuous tense แสดงโดยใช้คำเสริมบอกการทอดระยะของ 

                   ช่วงเวลา ….มาตลอด….แล้ว

10. I’ll be seeing him tomorrow at the office.

                ผมนัดกับเขาไว้ว่าจะเจอกันพรุ่งนี้ที่ที่ทำงาน

อธิบาย:   ประโยคที่ใช้ future continuous tense แสดงว่า มีการตกลงกันไว้แล้ว จะแปลต่างจากประโยคที่ว่า   “I’ll  see him”  ผมจะไปพบเขา  ซึ่งใช้ future tense ธรรมดา  ที่แสดงถึงอนาคตกาลเท่านั้นเอง

Share this:

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…


present perfect tense ประโยคบอกเล่า คำถาม ปฏิเสธ แต่งประโยค by ดร.พี่นุ้ย


เรียนภาษาอังกฤษ
ดร.พี่นุ้ย สมิตา หมวดทอง
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ NuiEnglish
เกียรตินิยมอันดับ 1 อักษร จุฬาฯ
นักเรียนทุน ก.พ. และทุนรัฐบาลอังกฤษ
พสบ. 26 กองทัพบก
พขส.2 สถาบันพระปกเกล้า
FA 7 สถาบันพระปกเกล้า
พคบ.10 กอ.รมน
กรรมการสงเคราะห์ สถานพินิจสมุทรสาคร
The Startup Ready Batch3
SIP 44 ธนาคารกรุงเทพ
http://www.nuienglish.com
http://www.facebook.com/nuienglish

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

present perfect tense ประโยคบอกเล่า คำถาม ปฏิเสธ แต่งประโยค by ดร.พี่นุ้ย

ติว TOEIC : Present Perfect สอบบ่อยสุด! ทำยังไงให้รอด⁉


จำไม่เคยได้ ❌ โครงสร้าง Present Perfect 🔥
ออกสอบบ่อยสุด!! ทำยังไงให้รอด⁉ คลิปนี้มีคำตอบ
.
แจกกลอน ไปท่องจำ แต่งอย่างดี!‼
จำโคตรง่าย ท่องครั้งเดียวก็จำได้ ใช้ได้จริงในห้องสอบ
ไม่อยากตกม้าตาย รีบกดแชร์ ⚠ ครูดิวเตือนแล้วนะคะ
‍‍ ‍‍‍‍‍‍‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍
อ่อนแกรมม่า!🚫 ถ้ายังไม่มั่นใจว่า TOEIC จะรอด
ต้องเริ่มติวได้แล้ว!!
‍‍‍‍‍‍‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍
อยากได้คะแนนสูงๆ✨ให้ครูดิวติวให้ชัวร์ ตั้งแต่ตอนนี้!!
การันตีผล 750+ ไปสอบแล้วไม่ถึง ยินดีให้เรียนซ้ำฟรี!
‍‍ ‍‍‍‍‍‍‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍
📍สนใจสมัครคอร์ส 💬
📍สอบถามรายละเอียดคอร์สกับแอดมิน ได้ทาง
📍Inbox : m.me/TOEICKruDew
📍ทดลองเรียนฟรี : www.opendurian.com/toeic_krudew
📍Add Line : https://lin.ee/nrn6h06
📍IG\u0026TikTok : @krudewtoeic
‍‍ ‍‍ ‍‍
toeic krudewtoeic ติวtoeic grammar english

ติว TOEIC : Present Perfect สอบบ่อยสุด! ทำยังไงให้รอด⁉

Learn English Tenses: PRESENT PERFECT CONTINUOUS


What does it mean when someone says: “I have been working”? This advanced tense is called the PRESENT PERFECT CONTINUOUS or PRESENT PERFECT PROGRESSIVE. It shows that an action started in the past and continues into the present. In this English grammar class, I’ll teach you how to use this verb tense, when to use it, and what mistakes to avoid. We’ll focus on structure, usage, spelling, pronunciation, contractions, questions, short answers, stative verbs, and irregular verbs. We’ll move forward stepbystep and do practice exercises together, so you understand clearly. This class is part of my engVid series on English verb tenses. So join me now to master this tense, upgrade your academic and business English, or get a higher score on English exams like the IELTS.
Take the quiz here: https://www.engvid.com/presentperfectcontinuous
In this lesson:
Present Perfect Continuous: Overview 0:00
When to use the Present Perfect Continuous tense 4:47
When not to use the Present Perfect Continuous tense 9:54
How to use the Present Perfect Continuous tense 12:52
Present Perfect Continuous: Contractions 18:35
Present Perfect Continuous: Spelling 24:03
Present Perfect Continuous: Short Answers 26:28
Present Perfect Continuous: Practice 28:34
Present Perfect Continuous: Common Errors 32:40
Present Perfect Continuous: Conclusion 35:38

Learn English Tenses: PRESENT PERFECT CONTINUOUS

The Present Perfect vs The Present Perfect Continuous | ALL differences


I have lived or I have been living? THIS video will give you the answers! Download PDF \u0026 QUIZ here: http://bit.ly/EWLPDF27 Sign up to the Lingoda Language Sprint: http://bit.ly/Lucy_LingodaTheSprint (Use code CHANGE50 for €10/$12 off!) Click the link to check the dates! Hurry! The Super Sprint has already unexpectedly sold out!
Ad Thank you to Lingoda for sponsoring this video.
Thank you to Seonaid and her wonderful website https://www.perfectenglishgrammar.com/​ I’ve used her website to plan my lessons for years! It’s the best of the best when it comes to grammar explanations and exercises.
DO YOU WANT TO RECEIVE EMAILS FROM LUCY? Sign up here: https://bit.ly/EmailsFromLucy
Don’t forget to turn on subtitles if you need them! This is how I generate my subtitles (you can get a $10 subtitle coupon too): https://www.rev.com/blog/coupon/?ref=lucy (affiliate)
Visit my website for free PDFs and an interactive pronunciation tool! https://englishwithlucy.co.uk​
MY SOCIAL MEDIA:
Personal Channel: http://bit.ly/LucyBella​​​ (I post subtitled vlogs of my life in the English countryside! Perfect for listening practice!)
Instagram: @Lucy http://bit.ly/lucyinsta​​​​​​​​​​
My British English Pronunciation Course is now LIVE: https://englishwithlucy.co.uk/pronunciationcourse (use code YOUTUBE10 for a 10% discount!)
Do you want to improve your pronunciation? I have launched my British English (Modern RP) pronunciation course! I’ll train you to read phonetic transcriptions, and produce each sound that comprises modern received pronunciation. I’ll also teach you how to implement the correct use of intonation, stress, rhythm, connected speech, and much more. We’ll compare similar sounds, and look at tricky topics like the glottal stop and the dark L.
Technically, I need to mark this as an AD even though it is my own company so AD 🙂
Want to get a copy of my English Vocabulary Planners? Click here: https://shop.englishwithlucy.co.uk The best offer is the 4book bundle where you get 4 planners for the price of 3. This product is very limited don’t miss out. The English Plan will be shipped from early August, from me here in England to you across the world! We ship internationally!
Watch my explainer video here: https://bit.ly/TheEnglishPlanVideo
Practice speaking: Earn $10 free italki credit: https://go.italki.com/englishwithlucy… (ad affiliate)
Improve listening! Free Audible audiobook: https://goo.gl/LshaPp
If you like my lessons, and would like to support me, you can buy me a coffee here: https://kofi.com/englishwithlucy
FREE £26 Airbnb credit: https://www.airbnb.co.uk/c/lcondesa (ad affiliate)
Email for business enquiries ONLY: [email protected]
Edited by La Ferpection: https://www.laferpection.com/​

The Present Perfect vs The Present Perfect Continuous | ALL differences

[Elight] Các thì trong tiếng Anh #1 – Hiện tại đơn | Present simple tense | Học ngữ pháp tiếng Anh


Học thành thạo từ vựng và giao tiếp hiệu quả với cuốn sách 5 năm ấp ủ của đội ngũ Elight, xem ngay: https://bit.ly/3eFWmbQ
Luyện tập thêm các bài tập về thì hiện tại đơn có giảng viên chữa tại đây: https://elight.edu.vn/khoatoandien3trong1/?utm_source=Youtube\u0026utm_medium=description\u0026utm_campaign=hientaidon
Xem thêm danh sách video bài học theo chủ đề
1. Lộ trình học tiếng Anh cho người mới bắt đầu và mất gốc: https://goo.gl/S2z8Id
2. Hướng dẫn phát âm cho người mất gốc:
https://goo.gl/O94uHk
3. Ngữ pháp cơ bản cho người mới bắt đầu và mất gốc: https://goo.gl/axyGCL
4. Tiếng Anh giao tiếp cơ bản cho người mới bắt đầu: https://goo.gl/FpFvXW
5. Từ vựng tiếng Anh theo chủ đề thông dụng: https://goo.gl/mRwVd4
6. Luyện nghe tiếng Anh giao tiếp: https://goo.gl/q92BZh
Đăng ký kênh để nhận thông báo video mới
Để không bỏ lỡ các video bài học thú vị, đăng ký kênh YouTube Elight ngay tại link này nhé: http://bit.ly/dangkykenhElight
Vui lòng không reup lại video khi chưa có sự cho phép từ YouTube Elight Learning English, ghi rõ tên Channel sở hữu và link dẫn về video gốc
Mỗi ngày xem 35 video học tiếng Anh của Elight, kết hợp với khóa học tiếng Anh toàn diện của Elight, tiếng Anh của bạn sẽ cải thiện nhanh chóng.
Tài liệu tham khảo được nhắc đến trong video
Tên tài liệu: Link
Kết nối với Elight
Elight YouTube VIP members: https://www.facebook.com/groups/1820362404886076/
Official Facebook: https://www.facebook.com/Elight.LearningEnglish/

[Elight] Các thì trong tiếng Anh #1 - Hiện tại đơn | Present simple tense | Học ngữ pháp tiếng Anh

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ present perfect tense ประโยค

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *