Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ Past Simple Tense ง่าย…มากๆ ใช้กริยาเดียวกันหมดเลย | การใช้present simple – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ Past Simple Tense ง่าย…มากๆ ใช้กริยาเดียวกันหมดเลย | การใช้present simple – NATAVIGUIDES

การใช้present simple: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

130

SHARES

Facebook

Twitter

Past Simple Tense คืออะไร มีหลักการใช้อย่างไร และโครงสร้างของประโยคเป็นอย่างไร : Past Simple Tense คือ อดีตกาลธรรมดา เอาไว้เล่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีต โครงสร้างของประโยคก็ง่ายๆคือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 ไม่ว่าประธานตัวใดก็ตาม

past simple tense

Table of Contents

past simple tense คืออะไร

→ Past  พาสท แปลว่า อดีต

→ Simple  ซิ๊มเพิล  แปลว่า ธรรมดา

→ Tense เท็นส์ แปลว่า กาล

→ Past Simple Tense  คือ อดีตกาลธรรมดา  บ้างก็เรียก Simple Past

โครงสร้าง past simple tense

  • S + V 2 (Subject + Verb ช่อง 2)
  • ประธาน + กริยาช่อง 2

Subject
Verb (2)

I, You, He, She, It, We,they
ate

went

drank

หลักการใช้ past simple tense

Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะการเล่าเรื่องในอดีต ภาษาอังกฤษนั้น ประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน (เว้น was ใช้กับประธานเอกพจน์, were ใช้กับประธานพหูพจน์) ให้จำหลักสำคัญของ Tense นี้ไว้ว่า เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วด้วย ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน

1. ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่จะระบุเวลากำกับ หรือรู้กันดีว่ามันเกิดในอดีตนะ

1.1 เล่าเหตุการณ์ที่มีเวลากำกับ คำกำกับเวลาที่พบบ่อย ได้แก่

♦ yesterday  เย็สเตอเด  เมื่อวาน

 last + เวลา/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ฤดู/  ปี เช่น

→ last hour ลาสท เอาเวอะ ชั่วโมงที่แล้ว

→ last night ลาสทไนท คืนที่แล้ว

→ last Monday ลาสท มันเด จันทร์ที่แล้ว  last Tuesday อังคารที่แล้ว……

→ last month ลาสท มันธ เดือนที่แล้ว

→ last Christmas ลาสท คริสมัส คริสต์มาสที่แล้ว

→ last Summer ลาสท ซัมเมอะ หน้าร้อนที่แล้ว Last winter ลาสท วินเทอะ หน้าหนาวที่แล้ว

→ last year ลาสท เยีย ปีที่แล้ว

♦ วินาที / นาที/ ชั่วโมง/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ ปี + ago เช่น

→ ten seconds ago เท็น เซเคินส อะโก สิบวินาทีที่แล้ว

→ Five minutes ago ไฟฟ มินนิทส อะโก ห้านาทีที่แล้ว

→ Three days ago ธรีเดส อะโก สามวันที่แล้ว

→ Two weeks ago สองสัปดาห์ที่แล้ว

→ one month ago หนึ่งเดือนที่แล้ว (เท่ากับ last month)

→ four years agoฟอเยียส อะโก สี่ปีที่แล้ว

ตัวอย่างประโยค past simple tense

ประโยคบอกเล่า

ประโยคบอกเล่าใน past simple tense คือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 กับประธานทุกตัว

I saw Jane at the bank yesterday. ฉันพบเจนที่ธนาคารเมื่อวาน

I went to Jim’s party lastnight. ฉันไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้ว

We studied math last Friday. พวกเราเรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว

He bought a radio last month. เขาซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว

She came to my house last year. หล่อนมาบ้านฉันปีที่แล้ว

It rained two days ago. ฝนตกสองวันที่แล้วThey ate dinner two hours ago.

พวกเขากินอาหารเย็นสองชั่วโมงที่แล้วJane met Jo ten days ago. เจนพบโจสิบวันที่แล้ว

The bus arrived thirty minutes ago. รถบัสมาถึงสิบนาทีที่แล้ว

I cleaned my room two weeks ago. ผมทำความสะอาดห้องสองสัปสัปดาห์ที่แล้ว

My dog died two years ago. หมาฉันตายสองปีที่แล้ว

I was at school yesterday. ฉันอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวาน

They were at home last weekend. พวกเขาอยู่บ้านเมื่อวันอยุดสุดสัปดาที่แล้ว

We had two cups of coffee this morning. พวกเราดื่มกาแฟสองถ้วยเมื่อเช้านี้

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคปฏิเสธใน past simple tense ให้เอา did not  หรือ didn’t นำหน้ากริยาหลัก และกริยาหลักให้เปลี่ยนเป็นช่องที่ 1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es

I din’t see Jane at the bank yesterday. ฉันไม่ได้พบเจนที่ธนาคารเมื่อวาน

I didn’t go to Jim’s party last night. ฉันไม่ได้ไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้ว

We did not study math last Friday. พวกเราไม่ได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว

He did not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว

She didn’t come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้ว

ประโยคคำถาม

ประโยคคำถามใน past simple tense ให้เอา Did  น้ำหน้าประโยค หรือ Didn’t ถ้าเป็นคำถามแบบปฏิเสธ และกริยาหลักให้ใช้ช่องที่ 1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es

Did you see Jane at the bank yesterday. คุณได้พบเจนที่ธนาคารเมื่อวานไหม
Yes, I did. ใช่่ ฉันได้พบ

Did you go to Jim’s party last night. คุณได้ไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้วไหม
No, I didn’t. ไม่ ฉันไม่ได้ไป

Did they study math last Friday. พวกเราได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้วไหม
Yes, they did. ใช่ พวกเขาเรียน

Didn’t he not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้วใช่ไหม
Yes, he did. ใช่ เขาซื้อ

Didn’t she come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้วใช่ไหม
No, she didn’t. ไม่หล่อนไม่ได้มา

1.2 เล่าเหตุการณ์ที่ไม่มีเวลากำกับก็ได้แต่รู้กันดีว่าพูดถึงเรื่องในอดีต เช่น

Sam : Did you go to the party last night. คุณไปงานปาร์ตี้ใช่ไหมคืนที่แล้ว (มีคำว่า last อดีตแน่นอน)

Sim: Yes. It was the great party. I saw Jim and Jo. I drank a lot of cola and ate  lots of pizza.
ใช่ มันเป็นปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยม ฉันเห็นจิมและโจ ฉันดื่มน้ำอัดลมเยอะมาก และฉันกินพิซซ่าเยอะมาก

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าซิมไม่ได้ใช้เวลาระบุเหตุการณ์ในอดีตเลย ทั้งนี้คนถามได้ระบุแล้วเรียบร้อยนั่นเอง

2. ใช้เล่ากิจวัตรหรือนิสัยที่เคยทำในอดีต แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้ว โดยมีคำบ่งบอกความถี่กำกับด้วย คล้ายกับ present simple tense (หลักการใช้ข้อ 2)

หลักการใช้ present simple tense

คำบ่งบอกความถี่ เช่น always,  sometimes, never เป็นต้น

  • She always went to school late last month.
    หล่อน ไป โรงเรียน สาย เสมอ เมื่อเดือน ที่แล้ว (เดือนนี้ไม่มาสายแล้ว)
  • We sometimes watched movies at home last year.
    เรา ดู หนัง ที่ บ้าน เป็นบางครั้ง เมื่อปี ที่แล้ว (ปีนี้ไปดูที่โรงหนังอย่างเดียว)
  • I never read books in the evening last month.
    ฉัน ไม่เคย อ่าน หนังสือ ใน ตอนค่ำ เมื่อเดือน ที่แล้ว (เดือนนี้ต้องอ่านเพราะใกล้สอบแล้ว)

3. ใช้เล่านิทาน ส่วนใหญ่จะมีคำว่า Long time ago หรือ Once upon a time (นานมาแล้ว) เช่น

ตัวอย่างการใช้ Past Simple Tense ในนิทาน

THE LITTLE MERMAID ตำนานรักธิดาสมุทร

The sea king lived in under the sea.

ราชาแห่งท้องทะเลอาศัยอยู่ในทะเล

His palace was made of shells and sparkling stones.

ปราสาทของเขาทำจากเปลือกหอยและที่ที่เปล่งประกายแวววับ

His mother and six daughters also lived with him.

แม่และลูกสาวของเขาก็อาศัยอยู่กับเขาด้วย

All his daughters were beautiful but his young daughter was the most beautiful.

ลูกสาวทุกคนของเขาสวย แต่ลูกสาวคนเล็กสวยที่สุด

She was not like the others. Her sisters liked to play.

เธอไม่เหมือนคนอื่น พี่ๆของเธอชอบเล่น

But she liked to listen to stories.

JACK AND THE BEANSTALK แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์

Once upon a time there was a boy called Jack.

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มี เด็กชาย คนหนึ่ง ชื่อว่า แจ๊ค

He lived with his mother.

เขา อาศัยอยู่ กับ แม่ ของเขา

They were very poor.

พวกเขา จน มาก

All they had was a cow.

สิ่งที่ พวกเขา มี คือ วัว หนึ่งตัว

One morning, Jack’s mother told Jack to take their cow to market and sell her.

เช้าวันหนึ่ง แม่ของแจ็ค บอก แจ็ค ให้ เอา วัว ไปตลาด และขาย มัน

On the way, Jack met a man. He gave Jack some magic beans for the cow.

ขณะเดินทาง แจ็ค พบ ชาย คนหนึ่ง เขา ให้ เมล็ดถั่ว วิเศษ แก่แจ็ค เพื่อแลก วัว

Jack took the beans and went back home.

อยากอ่านให้จบเรื่องก็ตามลิงค์ด้านบนนะครับ

Time Line เส้นเวลา ใน Past Simple Tense

มาดูไทม์ไลน์กันเลยครับ ที่บอกว่า present simple tense ใช้ “บอกกล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึนในอดีต” นั้นเป็นเช่นไร

  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์
  • จุดสีแดงคือ เวลาในอดีต  สังเกตจุดสีแดงให้ดีนะครับ มันมีแค่จุดเดียว และมันจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ขอให้เป็นอดีต นับตั้งแต่เสี้ยววินาทีที่แล้วเป็นต้นไป และไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบันแล้วเด็ดขาด

ไทม์ไลน์ตัวนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ ดูตัวอย่างประโยคด้านบนคงจะเข้าใจนะครับ

สรุปว่าถ้านักเรียนต้องการสื่อเรื่องราวอะไรสักอย่าง ที่มันเป็น “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งในอดีต” ให้ใช้ Past Siple Tense อดีตกาลธรรมดานะครับ

สรุปการใช้ Tense 12

ถ้านักเรียนคิดว่าตัวเองรู้เรื่องและเข้าใจเรื่อง Tense แล้ว ให้ไปดูสรุปการใช้ Tense ได้นะครับ หน้าเดียวแต่ครอบคลุมเรื่อง Tense ทั้ง 12 เลยทีเดียว

 คลิกชมเนื้อหาสรุปเรื่อง >> Tense 12 <<

กริยาสามช่องที่ใช้ในหน้านี้

ช่อง 1

ช่อง 2

ช่อง 3

คำแปล

see
saw
seen
เห็น

go
went
gone
ไป

study
studied
studied
เรียน

buy
bought
bought
ซื้อ

come
came
come
มา

rain
rained
rained
ฝนตก

eat
ate
eaten
กิน

meet
met
met
พบ

arrive
arrived
arrived
มาถึง

clean
cleaned
cleaned
ทำความสะอาด

die
died
died
ตาย

do
did
done
ทำ

be (is am are)
was, were
been
เป็น อยู่ คือ

drink
drank
drunk
ดื่ม

call
called
called
เรียก

give
gave
given
ให้

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.5 / 5. Vote count: 1110

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] Present simple tense คืออะไร มีการใช้อย่างไร | การใช้present simple – NATAVIGUIDES

Present simple tense เป็น tense พื้นฐานที่มีโครงสร้างเรียบง่ายมากที่สุด แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นหนึ่งใน tense ที่ใช้บ่อย และเป็นพื้นฐานของแกรมม่าหัวข้ออื่นๆอีกมากมาย

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง present simple tense ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Present simple tense คืออะไร

Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat) อย่างเช่น

I go to school every day.
ฉันไปโรงเรียนทุกวัน

แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 เราจะต้องใช้คำกริยารูป s/es แทน (เช่น goes, comes, eats) อย่างเช่น

He goes to school every day.
เขาไปโรงเรียนทุกวัน

โครงสร้าง present simple tense

เมื่อเทียบกับ tense อื่นๆ present simple tense นั้นถือว่ามีโครงสร้างที่เรียบง่าย โดยหัวใจหลักอย่างหนึ่งของมันก็คือการใช้คำกริยาช่อง 1

แต่ present simple tense ก็มีความซับซ้อนนิดหน่อยตรงที่ว่า จะมีการใช้คำกริยารูป s/es ด้วย โดยจะมีหลักการคือ

  • ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ (เช่น we, they, boys, teachers, cats, pens) หรือเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 และ 2 (I และ you) เราจะต้องใช้คำกริยารูปปกติ (เช่น go, come, eat)
  • ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats)

นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นในเรื่องชนิดของประโยคอีก ซึ่งประโยคแต่ละชนิด อย่างเช่น ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม ก็จะมีโครงสร้างและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน ซึ่งก็คือ

ทบทวนความรู้
Subject แปลว่า ประธาน
Verb แปลว่า คำกริยา
Object แปลว่า กรรม หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่นในประโยค I love you.
Complement แปลว่า ส่วนเติมเต็ม ซึ่งก็คือคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เวลาใช้มักจะตามหลัง linking verb (เช่น is, am, are, feel, seem) เช่นในประโยค I am a student.

ประโยคบอกเล่า

การใช้ present simple tense ในประโยคบอกเล่า จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้

โครงสร้าง
Subject + verb 1 + (object/complement)

ตัวอย่างประโยคเช่น

I love my cat.
ฉันรักแมวของฉัน

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

ประโยคปฏิเสธ

การใช้ present simple tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราสามารถใช้ not หลัง verb to be ได้เลย โดยเราสามารถเขียนย่อ is not ให้เป็น isn’t และย่อ are not ให้เป็น aren’t ได้ แต่สำหรับ am not นั้น เราจะไม่ใช้รูปย่อ

โครงสร้าง
Subject + verb to be + not + (object/complement)

He isn’t an engineer.
เขาไม่ใช่วิศวกร
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He is an engineer.)

They aren’t students.
พวกเขาไม่ได้เป็นครู
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะใช้ do/does + not ไว้หน้าคำกริยาหลัก โดยเราสามารถเขียนย่อ do not เป็น don’t และย่อ does not ให้เป็น doesn’t ได้

โครงสร้าง
Subject + do/does + not + verb 1 + (object/complement)

(ในประโยคปฏิเสธที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

He doesn’t love me.
เขาไม่ได้รักฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He loves me.)

Her friends don’t like me.
เพื่อนๆของเธอไม่ชอบฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ Her friends like me.)

ประโยคคำถาม

การใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย verb to be

โครงสร้าง
Verb to be + subject + (object/complement)?

ตัวอย่างประโยคเช่น

Is she angry?
เธอโกรธรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ She is angry.)

Are they students?
พวกเขาเป็นนักเรียนรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย do/does แล้วคงคำกริยาหลักไว้หลังประธาน เหมือนประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง
Do/Does + subject + verb 1 + (object/complement)?

(ในประโยคคำถามที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

ตัวอย่างประโยคเช่น

Does he eat spicy food?
เขากินอาหารเผ็ดมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He eats spicy food.)

Do they speak English?
พวกเขาพูดภาษาอังกฤษมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They speak English.)

หลักการใช้ present simple tense

ใช้ present simple tense เมื่อใด

เราจะใช้ present simple tense เมื่อ

1. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน

I am a student.
ฉันเป็นนักเรียน

Joe lives in Japan with his friend.
โจอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเพื่อน

My parents own a restaurant.
พ่อแม่ฉันเป็นเจ้าของร้านอาหาร

2. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร

I play football every day.
ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน

The train leaves every morning at 7 a.m. 
รถไฟจะออกทุกๆเช้าตอน 7 โมง

We often watch movies together.
พวกเราดูหนังด้วยกันบ่อยๆ

3. กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

Water boils at 100°C.
น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส

Students don’t generally have much money.
เด็กนักเรียนโดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีเงินมาก

4. กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา

The bus arrives at the bus stop every 15 minutes.
รถบัสจะมาถึงป้ายทุกๆ 15 นาที

The party starts at 9 o’clock.
ปาร์ตี้จะเริ่มตอน 9 โมง

The school term starts next month.
โรงเรียนจะเปิดเทอมในเดือนหน้า

5. ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ

To start the program, first you click the icon on the desktop.
ในการเริ่มโปรแกรม ก่อนอื่นให้คุณคลิกที่ไอคอนบนเดสก์ท็อป

First of all, you break the eggs and whisk with sugar.
ก่อนอื่นให้คุณตอกไข่และตีไข่กับน้ำตาล

You go straight along the road and turn right at the corner.
คุณตรงไปตามถนนแล้วเลี้ยวขวาตรงหัวมุม

(การให้คำแนะนำ หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ เราอาจละประธานได้ เช่น Go straight along the road and turn right at the corner. ซึ่งเราจะเรียกรูปประโยคที่ละประธานนี้ว่า imperative form)

เกร็ดความรู้
นอกจากกรณีเหล่านี้แล้ว เรายังสามารถใช้ present simple tense ในการเล่ามุขตลก หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ (เช่น เรื่องราวชีวิต เรื่องราวคนอื่น เรื่องราวจากหนังสือ เรื่องราวจากหนัง) ได้อีกด้วย การใช้ present simple tense ในการเล่าเรื่อง จะช่วยให้เรื่องที่เล่านั้นดูสดใหม่และดูใกล้ตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ past tense

คำบอกเวลากับ present simple tense

เนื่องจาก present simple tense จะถูกใช้เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร เราจึงมักจะเห็นคำบอกเวลาจำพวกคำบอกความถี่ (adverbs of frequency) ใน present simple tense บ่อยๆ ซึ่งคำเหล่านี้นั้นได้แก่

Adverbs of frequencyความหมายAlwaysเป็นประจำ, เสมอUsuallyมักจะNormallyโดยปกติGenerallyโดยปกติOftenบ่อยครั้งFrequentlyบ่อยครั้งSometimesบางครั้งOccasionallyเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยRarelyนานๆครั้งHardlyนานๆครั้งNeverไม่เคย

ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น

I always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ

Peter often takes notes during conference.
ปีเตอร์จดโน้ตบ่อยๆเวลาประชุม

He is never late.
เขาไม่เคยสาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า adverbs of frequency นั้นจะถูกใช้ใน present simple tense บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

I always woke up at 6 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(เป็นกิจวัตรในอดีต ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เราจึงใช้ past simple tense)

I will always love you.
ฉันจะรักคุณเสมอ
(เป็นการพูดถึงอนาคต เราจึงใช้ future simple tense)

สรุป present simple tense

  • Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat)
  • แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats) แทน
  • ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างประโยคและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน สำหรับประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ ถ้าคำกริยาหลักไม่ใช่ verb to be เราจะต้องนำ do/does เข้ามาใช้ด้วย
  • เราจะใช้ present simple tense เมื่อ
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร
    • กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ
    • กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา
    • ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ
    • ใช้เล่าเรื่องหรือเล่ามุขตลก เมื่อเราต้องการให้เรื่องนั้นดูสดใหม่หรือใกล้ตัวมากขึ้น
  • เรามักเจอคำบอกความถี่ (เช่น always, often, sometimes) ใน present simple tense บ่อยๆ เพราะเป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงความเป็นกิจวัตร แต่คำเหล่านี้ จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับใจความของประโยค

จบแล้วนะครับกับ present simple tense ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense


ติดตาม Facebook Fanpage ครูเชอรี่ English Bright
https://www.facebook.com/cherry.englishbright

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ


สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ
คลิปนี้แยกมาจากคลิป \”Past Simple Tense ใช้ตอนไหน \u0026 แบบฝึกหัดท้ายบท\” เพื่อให้สะดวกแก่ผู้ชมที่ต้องการแยกศึกษาเฉพาะหลักการใช้ในคลิปเดียวค่ะ

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ

ใช้ตอนไหน? Present Simple Tense ง่ายนิดเดียว !


Present Simple Tense ใช้เมื่อไหร่ ? ง่ายนิดเดียว ! คลิปนี้แยกออกมาจาก คลิป หลักการใช้ Present Simple Tense เพื่อให้สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเฉพาะวิธีใช้ ว่าจะใช้ tense นี้กับเหตุการณ์ไหน โดยไม่ต้องดูคลิปเต็มยาวๆค่ะ

ใช้ตอนไหน? Present Simple Tense  ง่ายนิดเดียว !

หลักการใช้งาน present simple tense ใช้อย่างไร ใช้เมื่อไหร่ l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น


เนื้อหาในวีดีโอจะเป็นรายละเอียด หลักการใช้งาน present simple tense น่ะครับ โดยจะอธิบายถึงโครงสร้างประโยค รูปแบบการใช้งาน present simple tense ว่าใช้อย่างไร และใช้เมื่อไหร่ พร้อมตัวอย่างประกอบ

หลักการใช้งาน present simple tense ใช้อย่างไร ใช้เมื่อไหร่ l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การใช้present simple

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *