Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ Conjunction ฉบับเข้าใจง่าย | yet ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ Conjunction ฉบับเข้าใจง่าย | yet ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

yet ใช้ยังไง: คุณกำลังดูกระทู้

เคยสงสัยไหมครับว่าเวลาเราใช้ภาษาในการสื่อสาร ไม่ว่าจะพูดหรือจะเขียน เราทำให้ประโยคแต่ละประโยคเหล่านั้นมีความสัมพันธ์สอดคล้องและเป็นใจความเดียวกันได้อย่างไร หากใครสงสัย ขอให้ยกมือขึ้นและตามผมมาเลยครับ (หรือหากไม่สงสัยก็ขอให้ตามมานะครับ แฮ่ๆ)

ไม่ว่าจะภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษเองก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องนำเอาคำ วลี หรือประโยคตามๆมาเรียงร้อยให้มีความสัมพันธ์กัน โดยมีคำประเภทหนึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม ซึ่งเราเรียกว่า คำสันธาน หรือ Conjunction นั่นเองครับ

conjunction

Conjunction สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ได้ 3 กลุ่มด้วยกัน

1. Coordinating Conjunction

คือคำสันธานที่ใช้เชื่อมคำหรือประโยคสองอันเข้าด้วยกัน โดยสองข้อความที่ถูกเชื่อมนั้นจะต้องมีน้ำหนักหรือความสำคัญเท่ากันครับ เช่น and, yet, but, for, so, nor, neither, or

  • and ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นไปในทางเดียวกัน (แปลว่า และ)

เช่น  I love you and you love me too. (ฉันรักเธอ และ เธอก็รักฉัน)

  • yet และ but ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกัน (แปลว่า แต่)

เช่น  My brother worked hard but he did not succeed. (พี่ชายของฉันทำงานหนัก แต่ เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ)

  • for ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นเหตุเป็นผลกัน (โดย for จะแสดงเหตุ ส่วนตัวผมจะแปลว่าเพราะ)

เช่น  He went in, for the door was open. เขาเข้าไป เพราะ ประตูเปิดอยู่ (สังเกต for จะนำหน้าประโยคที่เป็นเหตุ)

  • so ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นเหตุเป็นผลกัน (โดย so จะแสดงผล แปลว่า ดังนั้น)

เช่น  The door was open so he went in. ประตูเปิดอยู่ ดังนั้น เข้าจึงเข้าไป (สังเกต so จะนำหน้าประโยคที่เป็นผล)

  • nor และ neither ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นไปในเชิงปฏิเสธทั้งคู่ (อาจแปลได้ว่า ไม่ทั้งสองอย่าง)

เช่น  He nor I was there. เขาและฉัน ไม่ ได้อยู่ที่นี่ (มาจาก He wasn’t there and I weren’t there.)

  • or ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงทางเลือก (แปลว่า หรือ)

เช่น  She wants to watch TV or (to) listen to some music. เธอไปดูทีวี หรือ ไปฟังเพลง ( to หน้า listen อาจละไว้ได้)

2. Subordinating Conjunction

คือคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคใจความรองเข้ากับประโยคใจความหลัก เช่น after, because, if, although, before, since, that, unless, until, when, as soon as

  • after (หลังจาก)

เช่น  The girl cried after the boy left. เด็กหญิงร้องไห้ หลังจาก เด็กชายจากไป

  • because (เพราะว่า)

เช่น  The boy was absent because he was ill. เด็กชายขาดเรียน เพราะว่า เขาป่วย

  • if (ถ้าหาก)

เช่น  Stay indoors if it rains. อยู่ในร่ม ถ้าหาก ฝนตก

  • although (ถึงแม้ว่า)

เช่น  Although it was cold, I went swimming. ถึงแม้ว่า จะหนาวแต่ฉันก็จะไปว่ายน้ำ

  • before (ก่อน)

เช่น  Clean the room before I go. ทำความสะอาดห้อง ก่อน ที่ฉันจะไป

  • since (ตั้งแต่)

เช่น  He has been busy since he came. เขายุ่ง ตั้งแต่ เขามา

  • that (เพราะนั่น)

เช่น  Hold it up so that everyone can see it. ชูมันขึ้น เพราะนั่น จะทำให้ทุกคนมองเห็นมัน

  • unless (เว้นแต่)

เช่น  I’ll be there at nine, unless the train is late. ฉันจะอยู่ที่นั้นตอนเก้าโมง เว้นแต่ รถไฟจะมาสาย

  • until (จนกระทั่ง)

เช่น  They did not come until the meeting was half over. พวกเค้าไม่มา จนกระทั่ง การประชุมผ่านไปเกินกว่าครึ่ง

  • when (ในขณะที่)

เช่น  He is impatient when he is kept waiting. เขาจะหงุดหงิด ในขณะที่ เขาต้องรอ

  • as soon as (ทันทีที่)

เช่น  I’ll leave for the funeral as soon as the meeting ends. ฉันจะออกจากที่นี่เพื่อไปงานศพ ทันทีที่ ประชุมเสร็จ

3. Correlative Conjunction

คือคำสันธานที่ต้องใช้คู่กันเสมอ(มาคู่กันเหมือนแฝด) โดยจะทำหน้าที่คล้ายๆกับ Coordinating Conjunction คือเชื่อมประโยคที่มีความสำคัญเท่ากันครับ เช่น not only…..but also, either…..or,  as…..as,  so as to,  both…..and

  • not only…..but also (ไม่เท่านั้น…แต่อีกด้วย)

เช่น  Man needs not only food but also shelter. มนุษย์ไม่เพียงแต่ต้องการอาหารเท่านั้นยังต้องการที่พักอาศัยอีกด้วย

  • either…..or (ไม่….หรือ/ก็)

เช่น  You can either sleep or eat. คุณไม่ นอนหลับก็ กิน (ประมาณว่าเลือกได้ว่าจะนอนหรือจะกิน อะไรจะสบายขนาดนั้นว่าไหมครับ)

  • as…..as (เป็นการใช้เชื่อมประโยคที่แสดงอะไรที่เท่ากัน)

เช่น  She runs as fast as I do. เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน (นำคำที่เราต้องการเปรียบเทียบใส่ไปในระหว่าง as กับ as จากตัวอย่างใส่คำว่า fast เป็นการเปรียบเทียบความเร็ว)

  • so as to (เพื่อที่จะ)

เช่น  I study hard so as to pass the exam. ฉันเรียนหนัก เพื่อที่จะ ได้สอบผ่าน (to ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่เติม s)

  • both … and (ทั้ง…และ) 

เช่น  I enjoy both singing and dancing. ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้น

หากจะมานั่นไล่เรียงถึง Conjunction ทีละตัวละก็ ผมว่าเราคงต้องพูดกันจนอายุสามสิบแน่ๆครับ (แฮ่ๆ อาจจะเกินจริงไปนิด เพียงแค่ผมอยากจะบอกว่าความจริง Conjunction มีเยอะมากครับ)

เอาเป็นว่าถ้าเรารู้ว่า Conjunction คืออะไร มีกี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มใช้อย่างไร ก็น่าจะเพียงพอแล้วนะครับ ส่วนคำอื่นที่ผมไม่ได้พูดถึงถ้าเรามีโอกาสไปพบเจอก็ค่อยๆทำความรู้จักและลองนำมาใช้งานดูนะครับ

อ่านเกี่ยวกับ Grammar เพิ่มเติมได้ที่นี่

[NEW] หลักการใช้ Present Perfect Tense ฉบับเข้าใจง่าย | yet ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

คราวก่อนได้เริ่มเล่าเหล่าลูกหลานตระกูล present มาพอสมควร ขอแนะนำไวยากรณ์ต่อไปที่ควรรู้หลังจากรู้เกี่ยวกับกิจวัตร หรือสิ่งที่กำลังทำ ไปแล้ว แล้วถ้าจะบอกว่า ทำเสร็จแล้วล่ะจะใช้โครงสร้างยังไง?

นี่ล่ะค่ะ เลยนำเรามาสู่ tense เรื่องต่อไปของเรา Present Perfect Tense นั่นเอง

12021938_990524284332192_1679220823_n

มาดูกันที่โครงสร้างกันก่อนเช่นเคยนะคะ เผื่อใครยังนึกหน้าตาไม่ออก

Subject (ประธาน) + have/has + Past participle verb

*Past participle คือ กริยาช่องที่ 3 ที่เราชอบเรียกกันนั่นแหละค่ะ แต่ชื่ออย่างเป็นทางการและที่เจ้าของภาษาเค้ารู้จักคือ Past particle

โครงสร้างประโยค
Subject
have/has
Past participle (กริยาช่องที่ 3)

ประโยคบอกเล่า
I/You/We/They
have
been to France.

He/She/It
has
been to France.

โครงสร้างประโยค
Subject
have/has
not
Past participle

(กริยาช่องที่ 3)

*(yet)

ประโยคปฏิเสธ
I/You/We/They
have
not
been to France.
yet.

He/She/It
has
been to France.

โครงสร้างประโยค
Have/Has
Subject
*(ever)
Past participle

(กริยาช่องที่ 3)

*(yet)

ประโยคคำถาม
Have
I/you/we/they
ever
been to France?
yet ?

Has
he/she/it
been to France?

โครงสร้างประโยค
Wh questions
Have/Has
Subject
Past participle

(กริยาช่องที่ 3)

ประโยคคำถาม Wh-
Why
have
I/you/we/they
been to France?

When
has
he/she/it
been to France?

*คำในวงเล็บจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ เป็น option เสริมให้ดูสละสลวยมากขึ้น

Note: กริยาที่เห็นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะคะ Subject บางตัวนำมาใช้กับกริยานี้ไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูความเหมาะสมอีกที

Tense นี้ฟังแต่ชื่ออาจดูน่ากลัวเพราะไม่คุ้นหู และดูจากโครงสร้างที่ต้องรู้เรื่องกริยา Past participle ก็อาจทำหลายคนส่ายหน้า โบกมือบ๊ายบายกันแล้ว แต่ความจริงแล้วเป็น Tense ที่ใช้เยอะกันมากจนน่าตกใจ ไอ้ Present Perfect tense นี่มันใช้สำหรับกรณีหลักๆกรณีเดียว นั่นคือ

เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แต่เกี่ยวโยงถึงปัจจุบัน อาจจะดำเนินต่อถึงอนาคตก็ได้

เป็น Tense ที่อ้างถึงเวลาปัจจุบัน ณ ขณะที่พูดอยู่ แต่กล่าวถึงสิ่งที่ได้ทำผ่านมาในอดีต เหมือนการมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์หรือเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ที่ส่งผลกับเราในปัจจุบันขณะพูด

เช่น I have already had breakfast (ฉันทานข้าวเช้ามาเรียบร้อยแล้ว ณ ขณะที่พูดก็รู้สึกอิ่มพุงกางอยู่)
Thomas and James have been to Brazil (โทมัสและเจมส์เคยไปบราซิลมาแล้ว เป็นประสบการณ์ที่โทมัสกับเจมส์เคยไปลัลลาด้วยกันมา)

ประโยคตัวอย่างข้างต้นนี้ล้วนแล้วแต่พูดถึงสิ่งที่ทำในอดีตและจบไปแล้ว

แต่ที่ว่ายังมีผลเกี่ยวเนื่องกับปัจจุบัน มันก็คือ ณ ขณะที่พูดนั้นเหตุการณ์ที่พูดถึงดำเนินเสร็จแล้วในช่วงหนึ่เท่านั้น ที่ว่ากินข้าวก็เป็นความรู้สึกว่ายังอิ่มอยู่นะ หรือการไปบราซิลที่เป็นประสบการณ์ยังมีความรู้สึกคิดถึงที่นั่นอยู่

อาจจะยังงงๆ ว่ามันยังไงกันล่ะ ? ลองดูประโยคตัวอย่างด้านล่างนี้เพิ่มดูนะคะ

I have met a lot of people in the last few years (ฉันเจอผู้คนมากมายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ณ ขณะที่พูดปัจจุบันนี้ฉันก็ยังเจอคนแล้วเท่านี้ อนาคตค่อยว่ากัน)

We have not had any problems so far. (เราไม่มีปัญหาอะไรเลยตั้งแต่คราวนู้นยันตอนที่พูดอยู่นี้  อนาคตก็อาจจะเจอปัญหาก็ว่ากันไป)

I have lost my wallet. (ฉันทำกระเป๋าตังค์หาย ณ ขณะที่พูดปัจจุบันกระเป๋าก็ยังหายอยู่ อนาคตก็อาจจะเจอไม่เจอไม่รู้)

ทุกอย่างใน Present Perfect จะเกี่ยวเนื่องเห็นชัดในปัจจุบันที่ว่าแม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นและจบไปแล้ว ผลของมันยังเห็นได้ในปัจจุบัน

สิ่งที่เรามักจะเห็นบ่อยๆกับประโยค Present Perfect ก็คือคำว่า

ever(เคย)       just (เพิ่งจะ)             already (เสร็จแล้ว)             และ             yet (ยัง)

เช่น Have you ever tried Padthai before? (เธอเคยกินผัดไทแล้วหรือยัง)
I have just had lunch. (ฉันเพิ่งจะทานข้าวกลางวันไปเอง)
He has already left. (ณ เวลานี้เขาออกไปแล้ว)
I have written an email, but I haven’t sent it yet. (ฉันเขียนอีเมลล์เรียบร้อยแล้ว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ส่ง)

บางครั้ง Present Perfect  นี้มักจะมาคู่กับ Past Simple ที่พูดถึงเรื่องราวในอดีตเป็นตัวช่วยในการขยายเนื้อความเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วจบไปแล้วจริงๆ

ตัวอย่างเช่น

I have been to Thailand for two years. I went to Bangkok , Khonkhan and Chiang Mai. I also tried many Thai foods and learned Thai language.

ประโยคแรก ใช้ Present Perfect เพื่อบอกว่าฉันเคยอยู่ประเทศไทยมา 2 ปี แล้วจึงตามด้วยประโยค Past Simple ที่ช่วยอธิบายประโยคแรก ว่าฉันไปกรุงเทพ ขอนแก่น และเชียงใหม่มา แล้วยังเคยกินอาหารไทยเยอะแยะแถมยังได้เรียนภาษาไทยอีกด้วย

บางครั้งใน Present Perfect เลยมีเรื่องของระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวด้วยว่าทำตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือทำมาเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ จนถึงเวลา ณ ขณะที่พูด

โดยจะใช้คำว่า since (ตั้งแต่ปีไหน วันไหน เดือนไหน etc.) และ for (กี่ปี กี่วัน กี่เดือน  etc.)

เช่น Your sister has grown a lot since the last time we met. (น้องสาวของเธอโตขึ้นมากตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน)

My Chinese has improved since I moved to China. (ภาษาจีนของฉันดีขึ้นมากตั้งแต่ที่ฉันย้ายมาอยู่ที่จีน)

have stayed in Nan for ten years. (ฉันเคยอาศัยอยู่ที่น่านมาได้ 10 ปีแล้ว)
You have played computer games for three hours. (เธอเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์มาได้ 3ชั่วโมงแล้วนะ)

เป็นยังไงบ้างคะ ดูแล้วอาจซับซ้อนนิดหน่อย หลักๆก็จำไว้แค่ว่าถ้าประโยคที่เราจะพูดหรือเขียนเป็นสิ่งที่ เพิ่งจะทำ(just) หรือ เคยทำ(ever) หรือ ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว (already) หรือ ยังไม่เคยทำ (yet) ก็ไม่ต้องคิดมาก เอา Present Perfect ที่เราได้เรียนกันวันนี้ไปใช้ได้เลย ทีนี้ก็จะไม่เป็นภาระให้แค่ Present Simple หรือ Past Simple อีกต่อไป เหลือแค่ลองเอาไปใช้ดูนะคะ ผิดถูกก็ว่าค่อยๆแก้กันไป แต่ให้ได้ใช้ได้ฝึก

ท่องไว้นะคะ Practice makes perfect!


Yet ใช้อย่างไร


เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Yet ใช้อย่างไร

What have you done lately? Present Perfect Tense


Learn how to use the present perfect tense through a short story and pay attention to the time expressions used like ever, never, just, always, already, yet.

What have you done lately? Present Perfect Tense

แกรมม่าภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย Ep.3 Just/Already/Yet (Present Perfect) | เรียนภาษาอังกฤษกับครูใหม่


Just/Already/Yet (Present Perfect Tense) นำไปใช้ต่างกันยังไงนะ?
แกรมม่าภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย Ep.3
.
.
“Become New You who can Speak English | เป็นคุณคนใหม่ที่พูดภาษาอังกฤษได้(ซะที)”
อยากพูดเก่งจริงๆ..ก็ต้องฝึกฝนจริงจังค่ะ เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีธรรมชาติกับครูใหม่
1. ฟื้นฟูภาษาอังกฤษทุกทักษะ เน้นฟังและพูดเยอะ
https://www.goodenoughenglish.com/onlinecourse
2. Ebook \u0026 iAudio ฝึกเขียนฝึกพูดภาษาอังกฤษ วันละหน้า 365 วัน
https://www.goodenoughenglish.com/ebookiaudio
พูดคุยกับครูใหม่ได้ที่ Line ID: @geemaismile (https://lin.ee/t69ufjJ)
เว็บไซต์/บล๊อกสอนภาษาฟรี : https://www.goodenoughenglish.com
วีดีโอทั้งหมดใน YouTube : https://www.youtube.com/krumaienglishyouniverse
Facebook Page: http://Facebook.com/krumaienglishyouniverse
Instagram : https://www.instagram.com/krumaienglishyouniverse

แกรมม่าภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย Ep.3 Just/Already/Yet (Present Perfect) | เรียนภาษาอังกฤษกับครูใหม่

Present Perfect(already, just, yet, ever, never, since, for)G.5 : Easy Grammar by KruLee (EP. 28-50)


Easy Grammar by Kru Lee
เรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษแบบง่ายกับKru Lee

Present Perfect(already, just, yet, ever, never, since, for)G.5 : Easy Grammar by KruLee (EP. 28-50)

การใช้ already, yet, just, since, for ใน present perfect


การใช้ already, yet, just, since, for ใน present perfect

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ yet ใช้ยังไง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *