Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ Article หรือพวก a an the พร้อมยกตัวอย่างประโยคให้เข้าใจง่าย | indefinite แปลว่า – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ Article หรือพวก a an the พร้อมยกตัวอย่างประโยคให้เข้าใจง่าย | indefinite แปลว่า – NATAVIGUIDES

indefinite แปลว่า: คุณกำลังดูกระทู้

เทคนิคการใช้ a an the หรือ article หลายคนเคยสังสัยใช่ไหมว่าคำไหนเราควรใช้ตอนไหน เมื่อไหร่ และใช้อย่างไร ในบทความนี้จะเป็นการอธิบายหลักการใช้แบบเข้าใจง่ายๆ พร้อมด้วยการยกตัวอย่างประโยควิธีการใช้มาให้เพื่อนๆได้ฝึกกันนะครับ

 

Table of Contents

Article คืออะไร?

ในทางหลักไวยากรณ์ หมายถึง “คำนำหน้าคำนาม” ในภาษาอังกฤษมีอยู่ด้วยกันสามตัวคือ a, an และ the ไม่ใช่เพียงแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้นที่มี ยกตัวอย่างในภาษา ฝรั่งเศษ สเปน ฯลฯ ก็มีเช่นเดียวกัน

 

ประเภทของ Article

โดยหลักๆแล้ว article นั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

 

Indefinite Article คือ

Indefinite Article คือ คำนำหน้าที่ “ไม่เฉพาะเจาะจง” ใช้กับคำนามที่ไม่เจาะจง หรือ เป็นการกล่าวถึงแบบลอยๆ ไม่รู้อันไหนกันแน่ ซึ่งจะต้องอยู่ในรูปของ เอกพจน์ เท่านั้น จะไม่สามารถใช้กับพหุพจน์ได้ ตัวอย่างเช่น กล่าวถึงคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ทั่วๆไป ที่ไม่ได้ระบุแน่ชัด สุนัขตัวหนึ่ง (ไม่รู้ว่าตัวไหน) หญิงคนหนึ่ง (ไม่รู้ว่าคนไหน) โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลไหน) โดย indefinite articles จะมีทั้งหมด 2  ตัว คือ a และ an

 

Definite Article คือ

Definite Article คือ คำนำหน้าที่ “เฉพาะเจาะจง”  เป็นคำพูดที่ผู้สื่อสาร หรือ ผู้ฟังทราบว่าคือที่ไหน อันไหน ตัวไหน คนไหน หมายถึงใคร ยกตัวอย่างเช่น The black house(บ้านสีดำ), The giant clock(นาฬิกาเรือนใหญ่), The Grand Palace(วัดพระแก้ว), The Great Wall of China(กำแพงเมืองจีน), The chubby boy(เด็กจ้ำม่ำ) ซึ่งจะใช้นำหน้าทั้งคำนามที่นับได้ (Countable noun) และนับไม่ได้ (Uncountable noun) และใช้ได้กับทั้งเอกพจน์และพหูพจน์

 

No article คืออะไร?

how to use No Article

No article หมายถึง คำนามที่ไม่ใส่ (a/an/the) นำหน้าคำนาม แล้วจะรู้ได้ไงว่าจะใส่ article หรือไม่ใส่ดี? มาดูตัวอย่างกันครับ

ตัวอย่างประโยค

  • เมื่อเป็นคำนามพหูพจน์ที่กล่าวมาลอยๆ เช่น dogs, cats, men
  • ฤดูกาล เช่น spring, summer, winter, autumn, fall
  • ชื่อวัน ชื่อเดือน ชื่อปี เช่น Sunday, Monday, Saturday, January, February
  • ชื่อภาษา เช่น Thai, English, Spanish
  • ชื่อวิชา เช่น Political science, Sociology, Accountancy
  • ชื่อยศ หรือตำแหน่งที่ตามด้วยชื่อคน ไม่ต้องใส่ article เช่น President Donal Trump, Queen Elizabeth 2
  • ชื่อโรคต่างๆ Cancer(โรคมะเร็ง), Malaria(ไข้มาราเรีย), Allergy(ภูมิแพ้), Depression(ภาวะซึมเศร้า), Obesity(โรคอ้วน)
  • อาหาร เช่น hamburger, steak, fried rice, noodles
  • ชื่อร้านอาหาร สนามบิน สถานีรถไฟ ชื่อร้านค้า เช่น Suwannaphum airport(สนามบินสุวรรณภูมิ), KFC, Hua Lamphong Railway station(สถานีรถไฟ หัวลำโพง)

 

หลักการใช้ Article (a/an/the)

how to use a/an/the

หลักการใช้ a

เราจะใช้ a ไว้คำนำหน้าคำนามทั่วไป ที่อยู่ในรูปเอกพจน์ และขึ้นต้นด้วยพยัญชนะหรือออกเสียงพยัญชนะ ใช้นำหน้านามทั่วทั่วไป  แปลว่า หนึ่งคน หนึ่งตัว หนึ่งอัน หนึ่งแห่ง หรือบางทีไม่ต้องแปลก็ได้ เป็นการกล่าวถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบลอยๆ เช่น

  • a dog (หมา 1 ตัว)
  • a cat (แมว 1 ตัว)
  • a house (บ้านหนึ่งหลัง)
  • a pair of glasses (แว่นตาหนึ่งอัน)
  • a university (มหาวิทยาลัยหนึ่งแห่ง)
  • a factory (โรงงานแห่งหนึ่ง)
  • a man (ผู้ชายหนึ่งคน)
  • a teacher (คุณครูหนึ่งคน)
  • a car (รถหนึ่งคัน)
  • a school (โรงเรียนหนึ่งแห่ง)

ยกตัวอย่างประโยค

A cat is sleeping.

แปลว่า แมวตัวหนึ่งกำลังหลับ

A car is parking.

แปลว่า รถคันหนึ่งกำลังจอด

I have a house.

แปลว่า ฉันมีบ้านหนึ่งหลัง

I think it’s a useful book.

แปลว่า ฉันคิดว่ามันเป็นหนังสือที่มีประโยชน์

She is a teacher.

แปลว่า เธอเป็นคุณครู

He is a doctor.

แปลว่า เขาเป็นหมอ

There is a school close to my neighbourhood.

แปลว่า มีโรงเรียนหนึ่งแห่งแถวบ้านฉัน

 

***การใช้ a ไม่ได้เจาะจงไปอันใดอันหนึ่ง ว่าเป็นอันไหน ที่ไหน ตัวไหน คนไหน เป็นต้น***

หลักการใช้ an

การใช้ an จะใช้ an นำหน้า คำนามที่ขึ้นต้นด้วย สระ (a, e, i, o, u) และนามที่มีคำอ่านเป็นเสียงสระ คือมี อ เป็นพยัญชนะต้น ตัวอย่างเช่น

  • An umbrella (ร่มคันหนึ่ง)
  • An apple (แอปเปิลลูกหนึ่ง)
  • An egg (ไข่ฟองหนึ่ง)
  • An orange (ส้มผลหนึ่ง)
  • An ice-cream (ไอศกรีมหนึ่งแท่ง)
  • An elephant (ช้างหนึ่งตัว)
  • An ant (มดหนึ่งตัว)
  • An island (เกาะแห่งหนึ่ง)
  • An octopus (ปลาหมึกยักษ์หนึ่งตัว)
  • An uncle (ลุงหนึ่งคน)

 

ยกตัวอย่างประโยค

I have an umbrella.

แปลว่า ฉันมีร่มหนึ่งคัน

This is an easy question.

แปลว่า นี่เป็นคำถามง่ายๆ

That is an elephant.

แปลว่า นั้นคือช้าง

Jane is an honest girl.

แปลว่า เจนเป็นเด็กหญิงที่ซื่อสัตย์

There is an old car on the road.

แปลว่า มีรถเก่าๆคันหนึ่งบนถนน

John is an amazing boy.

แปลว่า จอร์นเป็นเด็กชายมหัศจรรย์

I eat an octopus.

แปลว่า ฉันกินปลาหมึกยักษ์

 

*** นอกจากนี้ เรายังใช้ An นำหน้าคำนาม ที่เป็นเอกพจน์ ที่ขึ้นต้นด้วย พยัญชนะ แต่ออกเสียงเป็นเสียง สระ

– An hour (ชั่วโมงหนึ่ง) – “h” ในที่นี้ไม่ได้ออกเสียง ฮะ แต่ออกเสียง อะ ซึ่งเป็นเสียงสระ ***

E

ng

Convo

Th

ai

land

ค้นหาคอร์สเรียนที่เหมาะกับคุณ ติดต่อเราเลย






 

หลักการใช้ The

หลักการใช้ The คือ ใช้นำหน้าคำนามที่ “เฉพาะเจาะจง” ซึ่งการใช้ The ให้ใช้นำหน้านามที่รู้กันดีระหว่างคนพูดและคนฟัง และ จะใช้นำหน้าทั้งคำนามที่นับได้และนับไม่ได้ และใช้ได้กับทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น

  • The Prime Minister of Japan (นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่น)
  • The clever boy (เด็กฉลาด)
  • The sun (พระอาทิตย์)
  • the moon (พระจันทร์)
  • the sky (ท้องฟ้า)
  • the National Museum (พิพิธภัณฑ์)
  • The Great Wall of China (กำแพงเมืองจีน)
  • The white house (ทำเนียบขาว)

 

ยกตัวอย่างประโยค

Where is the cat, honey?

แปลว่า แมวของเราอยู่ไหนที่รัก

The coffee is very hot. Don’t touch it.

แปลว่า กาแฟแก้วนั้นมันร้อนมากๆ อย่าแตะมันนะ(หมายถึงกาแฟที่อยู่ใกล้ๆตัวคุณ)

The cars made in Japan are quite cheap.

แปลว่า รถยนต์ทั้งหลายที่ผลิตในญี่ปุ่นราคาค่อนข้างถูก (รถจากญี่ปุ่นเท่านั้น)

The water from that company is very dirty.

แปลว่า น้ำจากบริษัทนั้นสกปรกมาก (เฉพาะจากบริษัทนั้น)

 

สรุป

สำหรับเรื่องการใช้ Article (a an the) นั้น มีหลักการง่ายๆก็คือ ถ้าเราใช้ a จะใช้เพื่อบอกสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นอันไหน ส่วนการใช้ an นั้น จะใช้สำหรับสิ่งที่ไม่เฉพาะเจาะจงเช่นกัน แต่คำนั้นจะขึ้นต้นด้วยสระในภาษาอังกฤษ นั่นก็คือ a e i o u รวมถึงคำที่ออกเสียงเป็นสระด้วยเช่นกัน ส่วน the นั้น เราจะใช้สำหรับสิ่งที่เราเข้าใจเลยว่าเป็นอันไหน เฉพาะเจาะจงจงสิ่งนั้นเลย

 

หวังว่าเพื่อนๆ จะพอเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ article หรือ a an the มากขึ้นนะครับ ทางเราสถาบันสอนภาษาอังกฤษ EngConvo Thailand ขอเป็นกำลังให้เพื่อนทุกคนที่กำลังฝึกฝนภาษาอังกฤษนะครับ สำหรับใครที่สนใจการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสารทั่วไป หรือใช้เพื่อการทำงาน หรือต้องการสัมภาษณ์งาน เรามีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่สามารถตอบโจทย์ผู้เรียนได้ทุกรูปแบบนะครับ และยังสามารถออกแบบคอร์สได้ตามต้องการอีกด้วย ถ้าเพื่อนๆสนใจสามารถติดต่อเราได้เลยนะครับ 😃

[Update] Pronoun – คำสรรพนาม | indefinite แปลว่า – NATAVIGUIDES

Pronoun แปลว่า คำสรรพนาม คือ คำที่ใช้แทนคำนาม เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวคำนามซ้ำๆ ในประโยค ช่วยทำให้ประโยคกระชับสั้นลง
มีทั้งหมด 9 ประเภท ดังนี้

1. บุรุษสรรพนาม (Personal Pronoun)

ใช้กล่าวถึงตัวผู้พูด และตัวผู้ฟังหรือผู้ที่ถูกกล่าวถึง มีง่ายๆ สั้นๆ แค่ ประธาน (subject)
และกรรม (object)

ประธาน (subject) ได้แก่ I, You, We, They, He, She, It

ตัวอย่าง My English teacher is Pensrisangwan. She teaches Mathayomsuksa 6.

แปลว่า ครูภาษาอังกฤษของฉัน คือ เพ็ญศรีสังวาลย์ เขาผู้หญิงสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

คำอธิบาย เขาผู้หญิง (she) แทน เพ็ญศรีสังวาลย์ (Pensrisangwan) หากต้องกล่าวถึงในประโยคต่อไป ก็เพียงแค่ใช้คำสรรพนามแทน
ไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวชื่อเต็มซ้ำแล้วซ้ำอีก

กรรม (object) ได้แก่ me, you, him, her, it, us, them

ตัวอย่าง Phi Mak Phra Khanong is my favorite film. I like it a lot.

แปลว่า พี่มากพระโขนงเป็นละครที่ฉันโปรดปราน ฉันชอบมันมาก

คำอธิบาย มัน (it) แทนนาม พี่มากพระโขนง (Phi Mak Phra Khanong) ถ้าให้พูดซ้ำกัน หลายๆรอบ คงเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย
ฉะนั้น จึงมีคำสรรพนามมาทำหน้าที่แทนผู้ที่ถูกกล่าวถึงในประโยคต่อไป ทำให้บทสนทนาดูลื่นไหลยิ่งขึ้น

2. คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Pronoun)

ใช้แทนคำนามเมื่อต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ ใช้บอกเจ้าข้าวเจ้าของ ได้แก่ mine, yours, his, hers, its, ours, theirs

ตัวอย่าง Pawut’s motorcycle is black, mine is white.

แปลว่า รถจักรยานยนต์ของภาวุฒิสีดำ ของฉันสีขาว

คำอธิบาย ของฉัน (mine) กล่าวถึงรถ ซึ่งเป็นของฉัน แต่ทว่า…ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า motorcycle
ซ้ำอีกในการสร้างประโยคใหม่ แต่ใช้คำสรรพนามแทนคำนามได้เลยค่ะ

3. สรรพนามสะท้อนกลับ (Reflexive and Intensive Pronoun)

ราวกับเป็นกระจกที่สะท้อนการกระทำของคำนาม ฟังดูหลอนๆเนอะ แต่อันที่จริงแล้ว วิธีใช้แสนจะง่ายดาย มีสองแบบ ดังนี้

3.1 คำสรรพนามสะท้อนกลับ (Reflexive Pronoun)

ใช้แทนคำนามที่อยู่ข้างหน้า ประมาณว่าคำนามข้างหน้าเป็นคนเดียว หรือสิ่งเดียวกันกับสรรพนามนี้นะ แต่ถ้าไม่มีก็พอจะเข้าใจ
ไม่เสียรูปประโยคอันใด แต่ก็อาจจะเกิดคำถามคลางแคลงใจว่าทำอะไร เพื่อใคร ฉะนั้นควรระบุให้ชัดเจนเลยจะดีกว่า ได้แก่
myself, yourself, himself, herself, itself, ourselves, yourselves, themselves

ตัวอย่าง Ramill and Phetra bought themselves a luxury house.

แปลว่า รามิลและเภตราได้ซื้อบ้านหรูด้วยตัวของเขาทั้งหลายเอง

คำอธิบาย ด้วยตัวของเขาทั้งหลาย (themselves) โดยสื่อว่า ประธาน(subject) ของประโยค เป็นผู้ซื้อบ้าน
กระทำตั้งแต่ต้นจนจบโดยเสร็จสมบูรณ์ แต่ถ้าไม่มีสรรพนามนี้ ก็อาจจะเป็นที่สงสัย เช่นว่า ซื้อมาอยู่เอง
หรือซื้อมาให้ใครอยู่ อะไรประมาณนี้

3.2 คำสรรพนามแบบเข้ม (Intensive Pronoun)

ต่างกับแบบแรกตรงที่ว่า ไม่มีได้นะ เนื่องจากว่า เน้น***ประธาน ขอเน้นย้ำๆๆไปที่ประธานเป็นผู้กระทำเท่านั่นนะคะ
คนอื่นไม่เกี่ยว ได้แก่ myself, yourself, himself, herself, itself, ourselves, yourselves, themselves

ตัวอย่าง Pimala sold a trendy watch herself.

แปลว่า พิมาลาได้ขายนาฬิกาทันสมัยด้วยตัวของเขาผู้หญิงเอง

คำอธิบาย ของเขาผู้หญิง (herself) หมายความว่า พิมาลาขายของด้วยตนเอง มิได้ฝากใครขาย เน้นไปที่ประธาน
ให้รู้ไว้ว่ากระทำเอง…เท่านั่น!!!

4. สรรพนามชี้เฉพาะ (Definite/Demonstrative Pronoun)

ตามชื่อเลยจ้า แทนคำนาม ชี้เฉพาะเจาะจง สามารถอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายตามลำพัง ไม่จำเป็นต้องมีนามมาต่อหลัง
เพราะมันแทนนามนั่นไปแล้ว นอกจากนี้ยังใช้บอกเวลา สถานที่ ทั้งแบบไกลและใกล้ได้อีกด้วย ได้แก่ This, That, These,
Those

ตัวอย่าง Which one do you prefer, this or that?

แปลว่า คุณชอบอันไหน นี้หรือนั่น

คำอธิบาย นี้(this) และ นั่น(that) ใช้แทนคำนามซึ่งอาจจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ อันใดก็ตาม ที่เขาต้องการให้เลือก
โดยพิจารณาจากประโยคแวดล้อม แต่ตัดบทใช้เพียงแค่คำสรรพนาม เพื่อพูดให้กระชับฉับไว และเข้าใจให้ง่าย

5. สรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ (Indefinite Pronoun)

ตรงข้ามกับข้อ 4 แบบหยินกับหยางเลย คือเมื่อกี้เจาะจง แต่อันนี้ไม่เจาะไม่จง และแถมเป็นเอกพจน์ซะส่วนใหญ่ ได้แก่
somebody, someone, something, anybody, anyone, anything, nobody, no one, nothing, everybody, everyone,
everything

ตัวอย่าง Nobody is perfect?

แปลว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

คำอธิบาย ไม่มีใครเลย(nobody) เป็นคำสรรพนามแทนคนทั่วๆไป เพื่อให้เราไม่จำเป็นเขียนรายนามชื่อคนทั่วทั้งโลก
มิฉะนั้นกี่ภพกี่ชาติก็คงไม่สำเร็จหรอก

6. สรรพนามคำถาม (Interrogative Pronoun)

ความหมายตรงตัวเป็นสรรพนามที่ใช้เพื่อถามคำถาม ได้แก่ Who, Whom, Whose, What, Which

ตัวอย่าง What is your favorite food?

แปลว่า อาหารอะไรที่คุณโปรดปราน

คำอธิบาย อะไร (what) เป็นสรรพนามที่ใช้เพื่อตั้งคำถาม ง่ายๆสั้นๆ ได้ใจความ

7. สรรพนามเชื่อมความ (Relative Pronoun)

ราวกับว่าใช้เชื่อมประโยคสองประโยคให้ฟังแล้วลื่นไหล สวยงาม เป็นธรรมชาติ พร้อมกับลดการใช้ลูกน้ำ (comma)
เสมือนว่าเป็นเจ้าของภาษา
ได้แก่ who, which, whose, whom, that, when, where, why

ตัวอย่าง Prima is an actress who is the most popular in Thailand.

แปลว่า พริมาเป็นนักแสดงหญิงผู้ซึ่งโด่งดังทีสุดในประเทศไทย

คำอธิบาย ใคร (who) เป็นสรรพนามที่เชื่อมข้อความ พริมาเป็นนักแสดงหญิง และพริมาโด่งดังที่สุดในประเทศ
แต่ไม่ต้องมีคำว่าพริมาซ้ำ เพราะมีสรรพนามซึ่งแทนนามไปเรียบร้อยแล้ว

8. วิภาคสรรพนาม (Distributive Pronoun)

ใช้กล่าวถึงคนทีละคน สิ่งของทีละอย่าง มักเป็นเอกพจน์ ใช้ตามหลังคำกริยาและคำนามที่เป็นเอกพจน์ จำไว้ให้ดี ได้แก่ each,
either, neither

ตัวอย่าง Each day our parents work hard for us.

แปลว่า ในแต่ละวันพ่อแม่ของพวกเราทำงานหนักเพื่อพวกเรา

คำอธิบาย แต่ละ (each) เป็นสรรพนามกล่าวถึงวันแต่ละวัน โดยตัดปัญหาการกล่าวตั้งแต่ วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์
หรือการนับวันทั้งสัปดาห์

9. วิภาคสรรพนาม (Reciprocal Pronoun)

คนสองคน หรือมากกว่าสองคน กระทำพร้อมกัน หรือมีผลพวงจากการกระทำเหมือนกัน โดยแปลประมาณว่า กันและกัน อะไรยังเนี่ย? ได้แก่
each other, one another

ตัวอย่าง Wikanda and Anirut gave each other diamond rings on the wedding day.

แปลว่า วิกันดาและอนิรุทธิ์แลกแหวนเพชรให้กันและกันในวันแต่งงาน

คำอธิบาย กันและกัน (each other) เป็นสรรพนามเพื่อทำให้ประโยคดูง่ายขึ้น โดยเข้าใจว่าสองคนกระทำร่วมกัน
นั่นคือแลกแหวนให้กันนั่นเอง

ไม่ยาก แต่ง่ายมาก ฟินๆเรียนๆกันไป ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษฝึกไว้ ใช้ให้คล่อง


\”He calls the shots\” สำนวนที่ใช้กันบ่อยๆ แปลว่าอะไรกันแน่ ?


สอบถามเรื่องคอร์สได้ที่ไลน์ https://lin.ee/uVp0whL (@ajarnadam) หรือโทร 02 612 9300
รายละเอียดคอร์ส https://www.ajarnadam.tv/
FB: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
IG: https://www.instagram.com/ajarnadam
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
ภาษาอังกฤษ อาจารย์อดัม AjarnAdam

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

\

Somebody, Someone, Some,Nobody, Everything,Everyone ( Indefinite Pronouns)


I created this video with the YouTube Video Editor (http://www.youtube.com/editor)
What is an indefinite pronoun?
A pronoun that does not refer to any specific person, amount, or thing.
Example: anything, something, anyone, everyone etc.
Most indefinite pronouns are either singular or plural.
Singular pronouns take a singular verb
Indefinite pronouns can be subject or object in a sentence.
Plural indefinite pronouns take plural verbs or plural personal pronouns.
• Another, anybody, anyone, anything, everybody, nobody, no one, someone these pronouns are always singular.
They are called indefinite simply because they do not indicate the exact object, the amount or thing which they are referring to.
Some
Some meaning indefinite quantity.
Some are determiner
What are determiner?
Determiners are words like, the, a, either, this, every
Examples
The moon
This house
Same problem
Some often suggest indefinite quantity or number. We use some when it is not important to say exactly how much or how many we are thinking about.
Somebody, someone, anybody, anyone
There is no significant difference between somebody, someone, anybody, anyone, everybody, everyone, nobody and no one
When these words are subject they are used with a singular verb.
All of these sentences contain indefinite pronouns it does not matter what specific person is doing the action. Indefinite pronouns are used in sentences every day and they are an important part of the English language.
Business email [email protected]
Blog http://aayeshaqureshi.blogspot.com/
Goggle+ https://plus.google.com/u/0/+aayeshaqueESLTeacher

Somebody, Someone, Some,Nobody, Everything,Everyone ( Indefinite Pronouns)

Indefinite Pronoun คืออะไรแล้ใช้อย่างไร


Indefinite Pronoun คือ คำแทนคำนามที่ไม่เจาะจงคำที่มันแทนว่าเป็น นามที่นับได้ หรือนามที่นับไม่ได้

Indefinite Pronoun คืออะไรแล้ใช้อย่างไร

[อังกฤษ] Article การใช้ a an the เรื่องง่ายๆที่เจอในข้อสอบประจำ


ใหม่!! WINNER SHORTNOTE คอร์สเรียนออนไลน์ ติวเข้มหนังสือจากหนังสือ WINNER SHORTNOTE ให้น้องๆเตรียมพร้อมทุกสนามสอบ
⭐เนื้อหา WINNER SHORTNOTE วันนี้มาเพิ่มความรู้ เรื่อง Article
การใช้ A An The
คำนามที่ห้ามใช้ A An The
⭐ดูจบแล้วกดกระดิ่ง เพื่อตั้งเตือน จะได้ไม่พลาด EP ถัดไป รับรองว่าจะจัดให้ทุกวิชาเลย!
TCAS 9วิชาสามัญ ONET GAT อังกฤษ
____________________________________________________________________
ฝากหนังสือจาก WINNER STUDY นะคะ ทุกเล่มตั้งใจเขียนโดยทีม นิสิตจุฬา
เพื่อสำหรับเตรียมสอบเข้าคณะที่ใช่มหาลัย ที่ชอบ
สั่งซื้อได้ตลอด 24 ชม.ทาง LINE @winnerstudy
🍒WINNER SHORTNOTE
ครบ8วิชา ม.46(ไทย อังกฤษ สังคม วิทย์ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ใช้ได้ทุกสนามสอบ ทั้งใน โรงเรียน GAT PAT ONET 9 วิชาสามัญ
🍒WINNER 1000Q พันคิว วิทย์
รวม1000ข้อสอบ วิทย์ 4 วิชาม.46 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ดาราศาสตร์)
คล้ายข้อสอบจริงสุด โจทย์มี 3 ระดับ (ง่ายกลางยาก) ใช้สอบ ONET, PAT, 9 วิชาสามัญได้
เฉลยเข้าใจสุด และละเอียดมาก เหมือนได้ติวเตอร์ดีกรีจุฬาส่วนตัวตลอด 24 ชม.
ดูเพิ่มเติมได้ที่
YOUTUBE: https://www.youtube.com/channel/UCtSb…
IG: https://www.instagram.com/winnerstudyth/

[อังกฤษ] Article การใช้ a an the เรื่องง่ายๆที่เจอในข้อสอบประจำ

Indefinite pronouns แบบฝึกหัด


Indefinite pronouns แบบฝึกหัด

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ indefinite แปลว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *