Skip to content
Home » [NEW] สำนวนภาษาอังกฤษ (Idioms) ประโยค คำศัพท์ต่างๆ พร้อมคำแปล | ความไม่รู้ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] สำนวนภาษาอังกฤษ (Idioms) ประโยค คำศัพท์ต่างๆ พร้อมคำแปล | ความไม่รู้ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ความไม่รู้ ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Idioms หมายถึง สำนวนภาษาอังกฤษ ที่มีคำศัพท์ หรือประโยค ที่มีความหมายไม่ตรงตัว พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เปรียบเหมือนสำนวนไทย หรือคำสุภาษิต ในบ้านเรานั่นเองค่ะ อาทิเช่น ไก่ได้พลอย ก็ไม่ได้หมายถึงไก่ได้พลอยจริงๆ แต่เป็นการเปรียบเทียบ คนที่ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ ในภาษาอังกฤษเองก็เช่นกัน เขาจะมีสำนวนที่ใช้เปรียบเทียบซึ่งเรียกว่า idiom นั่นเองค่ะ

Table of Contents

สำนวนภาษาอังกฤษ (Idioms)

วันนี้เรามีสำนวน idiom พร้อมภาพประกอบเป็นการ์ตูนน่ารักๆ มาฝากเพื่อนๆ อ่านสนุกๆ ไปด้วยกันนะคะ

head in the clouds

1. head in the clouds

หมายถึง เพ้อฝัน,ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง, อยู่ในโลกแห่งความฝัน (ตื่นค่ะซิสสสส)

heart in your mouth

2. heart in your mouth

หมายถึง  อาการประหม่า ตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก (ประมาณว่าตื่นเต้นตอนพูดบนเวที หรือตอนออกไปพูดหน้าห้องเรียน)

hold your horses

3. hold your horses

ไม่ได้หมายถึง จับม้าเอาไว้นะคะ ในสำนวนภาษาอังกฤษนี้ หมายถึงว่า  เดี๋ยวก่อน แปบนึงก่อน (ประมาณว่า เดี๋ยวแปบนึง ขอทำสิ่งนี้ก่อนนะ)
เพราะม้าคือตัวแทนของความเร็วค่ะ เค้าเลยเปรียบเปรยว่า จับม้าของคุณไว้ก่อน

kick the bucket

4. kick the bucket

แปลตรงๆ คือ เตะถัง แต่เมื่อกลายเป็นสำนวน Kick the bucket แปลว่า ตาย

**สำนวนนี้มันมาจากในอดีตที่มีการลงโทษด้วยการแขวนคอ ซึ่งผู้ที่จะถูกแขวนคอ มักจะต้องยืนบนถังใบเล็กที่วางคว่ำอยู่ ทันทีที่เท้าเตะถังออก นั่นก็หมายถึง ผู้ถูกลงโทษก็จะถูกแขวนคอค่ะ

dead as a doornail

5. dead as a doornail

หมายถึง ลาโลกไปแล้วไม่ต้องสงสัย (ถ้าจะบอกว่าตายแหงแก๋ ฝรั่งเขาเปรียบไว้กับคำว่า ตะปูที่ตอกตรึงประตู ที่เรียกว่า door nail )

112 สำนวนภาษาอังกฤษ idiom น่าสนใจ

6. Bob’s your uncle.

หมายถึง ง่ายๆ แค่นั้นเอง, เท่านั้นแหละ, เรียบร้อย (สำนวนนี้จะไว้ใช้ ตอนนี้เราต้องการบอกว่า สิ่งที่เราจะทำนั้นมันง่ายมากๆ ทำได้แน่นอน ไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว)

blue in the face

7.  blue in the face

ไม่ได้หมายถึงว่าหน้าสีนำ้เงินตามภาพนะคะ ในสำนวนภาษาอังกฤษ blue in the face จะหมายถึง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว (เหมือนเวลาที่พูดอะไรซ้ำๆ เดิมๆ หรือเจอสถานการณ์ที่พูด อธิบายอะไรไป แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ฟัง หรืออาจจะฟังแต่ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบกลับ จนทำให้เราเพลียที่จะพูดอะไรซ้ำๆ เดิมๆ )

112 สำนวนภาษาอังกฤษ idiom น่าสนใจ

8. a storm in a teacup

หมายถึง เรื่องขี้ปะติ๋ว, เรื่องเล็กน้อย ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ (คนที่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้บานปลาย)
(สำนวนนี้ใช้กันในหมู่คนอังกฤษ คนออสเตรเลีย)

"as cool as a cucumber"

9.”as cool as a cucumber”

หมายถึง คนที่ใจเย็นมากๆ (ยิ่งเอาไปแช่เย็นแล้วล่ะก็… อูยยย เย็นมากฝุดๆ ฮ่าๆ)

a piece of cake

10. a piece of cake

หมายความว่า เรื่องหมูๆ ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก

ˇ﹏ˇ ˇ△ˇ ˇ▽ˇ ˙▂˙ ˙0˙ ˙︿˙ ˙ω˙ ˙﹏˙ ˙△˙

สำนวนภาษาอังกฤษอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีสำนวนภาษาอังกฤษมาให้เพื่อนๆ อีกมากมายเลยค่ะ แต่ว่าไม่มีภาพประกอบแล้วนะคะ ไปอ่านแล้วจำไว้ใช้กันได้ตามสถานการณ์ต่างๆ ได้เลย

11. A great deal – จำนวนมาก มากมาย

12. After all – อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

13. After one’s own heart – ได้ดังใจ สมใจคิด ถูกใจจริงๆ

14. Aim at – เล็ง(ปืน)ไปที่ มุ่งหมายเพื่อ มุ่งไปยัง มุ่งมั่นเพื่อ ตั้งเป้า เล็ง เพ่งมอง

15. All over the place – ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อน

16. Around the corner – อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว

17. As a matter of fact – อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้ว

18. As far as I am concerned – ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ

19. Ask after –  ถามถึง ถามสารทุกข์สุกดิบ ไปเยี่ยมเยียนถามอาการ ทักทายปราศรัย

20. A dead end – หมดหวัง, ภาวะที่ไร้ความหวัง

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

21. Ask for trouble – หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว แส่หาเรื่อง

22. Back and forth – ไปๆ มาๆ เดินกลับไปกลับมา

23. Be concerned about – เป็นห่วง กังวลเกี่ยวกับ

24. Be fond of – ชอบ ชื่นชอบ โปรดปราน

25. Be in charge of – ดูแล รับผิดชอบ

26. Be in the same boat – ลงเรือลำเดียวกัน ประสบปัญหาหรือความยุ่งยากเหมือนกัน

27. Be mad at – โกรธ

28.  Be my guest – ตามสบายเลย เชิญตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ

29. Be on a diet  / go on a diet – กำลังลดน้ำหนัก (ด้วยการคุมอาหาร)

30. Be out of order – เสีย ใช้การไม่ได้ ไม่เข้าท่า ไม่เป็นระเบียบ

31. Be supposed to – น่าจะ ควรจะ

32. Bear in mind – จำใส่ใจไว้ จำไว้ว่า จดจำ รำลึก สังวรไว้

33. Better than nothing – ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

34. Bottom line – ท้ายที่สุด ส่วนที่สำคัญที่สุด จุดสำคัญที่สุด ผลที่ปรากฏออกมาในที่สุด

35. Break a promise – ผิดสัญญา ไม่รักษาคำพูด ไม่ทำตามสัญญา

36. Break one’s heart – ทำให้หัวใจสลาย ทำร้ายความรู้สึก ทำให้อกหัก หักอก

37. Break up – เลิกคบ ตัดขาดจากกัน แตกหัก แยกทางกัน ทำให้แหลกละเอียด

38. By all means – แน่นอน ใช่เลย ได้เลย เชิญเลย

39. By no means – ไม่ด้วยประการใดเลย ไม่ใช่ใดๆ เลย ไม่อย่างแน่นอน ไม่มีทาง

40. Calm down – สงบสติอารมณ์ สงบใจ ทำใจให้สงบ ทำให้สงบ

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

41. Carry out – ทำให้สำเร็จ ทำให้ลุล่วง ทำให้บรรลุ ปฎิบัติ ดำเนินการ

42. Catch up with – ตามทัน ไล่ทัน พบ

43. Cheer up – ให้กำลังใจ ปลอบใจ ทำให้รู้สึกดีขึ้น ทำให้ร่าเริงขึ้น

44. Come out of the closet – เปิดเผยตัวตน หรือประกาศตัวออกมาว่าเป็นคนรักเพศเดียวกัน

45. Come over – แวะเยี่ยม ไปมาหาสู่

46.Cope with – จัดการกับ รับมือกับ

47.Count on – ไว้วางใจ เชื่อใจ เชื่อถือ พึ่งพาอาศัย

48.Cross the line – ล้ำเส้น ข้ามเส้น ข้ามแดน

49.Day in and day out – ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด

50.Deal with – ติดต่อกับ จัดการกับ เกี่ยวข้องกับ รับมือกับ

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

51.Don’t get me wrong – อย่าเข้าใจฉันผิด

52.Dress up – แต่งกาย แต่งตัวเป็น ปรุงแต่ง

53.Drive someone crazy – ทำให้บ้าคลั่ง ทำให้เสียสติ

54.Drive someone nuts – ทำให้หงุดหงิดมาก ทำให้โมโหมาก

55.End up – สิ้นสุดด้วย ลงท้ายด้วย ลงเอยด้วย จบลง ในที่สุด

56.Every now and again – เป็นครั้งคราว

57.Every now and then – เป็นครั้งคราว

58.Face to face – ซึ่งๆ หน้า จะๆ ต่อหน้า ประจันหน้า

59.Fade away – ค่อยๆ จางหายไป ค่อยๆ เลือนหายไป ทำให้หายไปอย่างลับๆ เลือนหายไป เสื่อม

60.Figure out – คิดออก คิดให้ออก คิดได้

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

61.Finish up – ทำให้เสร็จสิ้น จบลง ยุติ

62.Focus on – เพ่งเล็งไปที่ มีสมาธิจดจ่อกับ มุ่งเป้าไปที่ พุ่งความสนใจไปที่

63.Fool oneself – หลอกตัวเอง

64.For the sake of – เพื่อ เพื่อเห็นแก่ เพื่อเป็นเกียรติกับ

65.From now on – จากนี้ไป จากนี้เป็นต้นไป ต่อแต่นี้ไป นับจากนี้ไป

66.From time to time – บางครั้ง

67.Get along – เข้ากันได้ เป็นมิตร เป็นเพื่อนกัน มุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน

68.Get lost – หลงทาง แต่ถ้าเป็นคำสั่งจะเป็นในเชิงการไล่ แปลว่า ไปให้พ้น ไปให้ห่างๆ ไสหัวไป

69.Get out of – ออกไปจาก ได้มาจาก เอาออกจาก ทำให้ออกไปจาก นำออก คัดลอกจาก ลงจากรถ ยกเลิก ยุติ

70.Get out of hand – ควบคุมไม่ได้ เกินกว่าจะควบคุมได้

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

72.Get rid of – ขจัด กำจัดออกไป จำหน่ายออกไป ขจัดปัญหา กวาดล้าง โค่น ฆ่า

73.Get the most out of – ใช้ประโยชน์สูงสุดจากบางสิ่งบางอย่าง

74.Get together – พบปะ รวมตัวกัน รวมกลุ่มกัน พบปะสังสรรค์กัน

75.Get used to – เคยชิน รู้สึกเคยชิน

76.Give someone a hard time – นำความยุ่งยากมาให้ ทำให้ยุ่งยาก สร้างความลำบากให้

77.Give up on someone/something – ตัดหางปล่อยวัด เลิกคาดหวังในคนๆ นั้นอีกต่อไป หมดหวังต่อบุคคลนั้นแล้ว

78.Give way to – ยอมตาม เออออห่อหมก ตามใจ

79.Go for a walk – เดินเล่น ไปเดินเล่น ไปกินลมชมวิว

80.Good-for-nothing – เปล่าประโยชน์ ซึ่งไร้ประโยชน์ ไม่เอาถ่าน บุคคลไร้ประโยชน์ คนไม่เอาไหน คนไม่มีค่า

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

คลิปอื่นๆ https://seeme.me/ch/adambradshaw

81.Hand in (something) – ส่ง (รายงาน การบ้าน) ยื่นเสนอ มอบให้(ด้วยมือ) ส่งให้เมื่อถึงกำหนด

82.Hang out – ออกไปข้างนอก ออกไปสังสรรค์

83.Have a crush on someone – หลงรักหรือคลั่งไคล้ใครคนใดคนหนึ่ง แอบรักหรือปิ้ง

84.Have a date (with) – มีนัด ติดนัด ไปเที่ยว (กับ)

85.Have a good time – สนุกสนาน เพลิดเพลิน ขอให้สนุกนะ

86.Have a word with – ต้องการคุยด้วยเป็นส่วนตัว

87.Hit the books – อ่านหนังสืออย่างหนัก ติววิชา ติวเข้ม ตั้งใจเรียน

88.Hold one’s ground – ยึดมั่นอยู่ที่เดิม ไม่ถอย ตั้งรับ ตั้งมั่น รักษาสถานะไว้

89.In advance – ล่วงหน้า ก่อนหน้า ก่อนเวลา

90.In any case – ไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ดี อย่างไรก็ตาม

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

91.In case of – ในกรณีที่เป็น ในแง่ของ

92.In no time – รวดเร็ว ในเวลาไม่นาน

93.In vain – เปล่าประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ สูญเปล่า

94. It/that goes without saying – ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า

95.Jot down – จดอย่างเร็ว บันทึกอย่างเร็ว รีบจด

96.Jump the gun – ทำอะไรก่อนเวลาอันควร

97.Jump to conclusions – ด่วนตัดสินใจ รีบสรุป รีบตัดสินใจเร็วเกินไป

98.Jump up – กระโดดขึ้น กระโจนขึ้น รีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ลุกขึ้นทันที

99.Keep a promise – รักษาสัญญา ทำตามสัญญา

100.Keep an eye on  – เฝ้าดู เฝ้ามอง จับตาดู

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

101.Keep away from – อยู่ห่างจาก หลีกหนีจาก หลีกเลี่ยงจาก

102.Keep calm – ตั้งสติ ทำใจให้สงบ

103. Keep on – ทำต่อไป ดำเนินต่อไป กระทำ…อย่างต่อเนื่อง

104.Keep one’s eye on – เฝ้าดู เฝ้ามอง จัดตาดู

105. Keep one’s word – รักษาคำพูด รักษาสัจจะ ทำตามที่พูดไว้

106. Keep your shirt on! – คอยเดี๋ยว คอยก่อน อารมณ์เสีย

107.Lay a finger on – แตะต้อง หรือ ทำร้าย

108.Leave someone in peace – หยุดรบกวน

109.Let go of – ปล่อย ปล่อยตัว ปล่อยไป

110.Let someone down – ทำให้ผิดหวัง

111.Once in a blue moon – ไม่บ่อย นานๆ ครั้ง แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย

112.Out of the blue – ทันทีทันใด ไม่ได้บอกล่วงหน้า จู่ๆ ก็เกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก englishidiomsaday , ภาพประกอบน่ารักๆ www.rosha.ie

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

บทความแนะนำ

[Update] บอกไม่รู้เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีแค่ I don’t know นะ! | ความไม่รู้ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

“I don’t know” เบื่อไหมกับคำๆนี้… ไม่ว่าใครจะพูดอะไรมา ถ้าไม่รู้ฉันขอตอบ I don’t know ไว้ก่อนแหละ แต่รู้รึเปล่าว่าจริงๆแล้วในภาษาอังกฤษ มีคำอีกมากมายหลายที่สามารถใช้แทน I don’t know ได้

ถ้าอยากเป็นคนที่ดูชิคๆเก๋ๆ ลองไปเรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษ 15 คำที่สามารถใช้แทนคำว่า “ฉันไม่รู้” ได้ คราวนี้เวลาใครถามอะไรมาแต่เราไม่รู้คำตอบ จะได้มีคำเจ๋งๆไปตอบเขาได้ยังไงล่ะ

15-ways-to-say-I-don't-know

1. Who knows?

ใครจะไปรู้ล่ะ ใช้ตอบแบบไม่ค่อยแคร์คู่สนทนาสักเท่าไรนัก

Example
A: How long does it take to get to Georgia? (ถ้าจะไปจอเจียร์นี่ต้องใช้เวลาเท่าไรเหรอ)
B: Who knows? (ใครจะไปรู้ล่ะ!)

นอกจากนั้นฝรั่งยังใช้ Who knows? ในความหมายว่า ไม่แน่,บางที,อาจจะ เช่น

Calvin and Taylor have been a couple for two years. Who knows, they might get married soon. (คาลวินกับเทเลอร์คยกันมาสองปีแล้ว บางทีเขาอาจแต่งงานกันในเร็วๆ นี้ก็ได้นะ)

2. I couldn’t tell you

ฉันบอกคุณไม่ได้หรอก ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นความลับที่ไม่สามารถบอกใครๆได้ แต่หมายความว่าเราเองก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน ก็เลยไม่สามารถจะตอบคำถามนั้นๆได้

Example
A: Is there a pharmacy near here? (แถวนี้มีร้านขายยามั้ย?)
B: I couldn’t tell you. This is the first time I came here. (ฉันตอบคุณไม่ได้หรอก เพราะฉันก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน)

3. Who can say?

แปลว่า “ใครจะไปรู้” “ใครจะไปตอบได้” ใช้กับคนกันเอง หรือระหว่างเพื่อนกับเพื่อน

Example
A : What’s happening here? (เกิดอะไรขึ้นเนี่ย)
B : Who can say? Why don’t you ask someone else instead? (ใครจะไปรู้ล่ะ ลองถามคนแถวนี้ดูสิ)

4. Beats me!

นี่ก็แปลว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้ยินคำว่า beats (ตี,ชก) แล้วอย่าคิดว่าคนพูดต้องการให้คุณซ้อมเขาหรือทุบตีเขาล่ะ คำพูดสั้นๆนี้เป็นคำที่ใช้บ่อยมากในหมู่เจ้าของภาษาเมื่อพวกเขาสับสน, งุนงง, หรือ ไม่เข้าใจอะไรบางสิ่ง มักใช้ในความหมายประมาณว่า “ไม่รู้เหมือนกัน”

Example
It beats me how he could survive alone in the mountain for 3 months. (ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารอดชีวิตในหุบเขามาได้ไงตั้ง 3 เดือน)

5. I’m not sure

ฉันไม่แน่ใจ คำนี้หลายๆคนน่าจะใช้บ่อยกันจนเคยชินแล้ว

Example
A: What are you going to do tomorrow? (วันพรุ่งนี้คุณมีแผนจะทำอะไรบ้าง)
B: I’m not sure. (ฉันก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน)

6. I’m not certain

มีความหมายเช่นเดียวกับ I’m not sure คือ “ไม่แน่ใจ” ใช้ในกรณีที่ผู้พูดสามารถให้คำตอบได้ แต่ก็ไม่รับรองว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

Example
A: I’m not certain we can trust this man. ฉันไม่แน่ใจนะว่าเราจะไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้รึเปล่า

7. How should I know?

ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ ใช้ในนัยยะคล้ายๆกับคำว่า… “แล้วฉันจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ” ซึ่งให้อารมณ์ในแง่ลบต่อคนฟัง หรือตอบแบบคนตอบไม่ค่อยเต็มใจจะพูดถึงเรื่องนั้นสักเท่าไรนัก

Example
A: Who do you think will win? (เธอคิดว่าใครจะชนะ)
B: How should I know? (ฉันจะไปรู้เหรอ!)

8. Not as far as I know

แปลเป็นภาษาบ้านๆว่า เท่าที่รู้ก็ไม่นะ

Example
A: Have you ever been to Australia? (นายเคยไปออสเตรเลียยังอะ)
B: Not that I know of… (เท่าที่ฉันรู้ก็คิดว่ายังไม่เคยนะ)

จริงๆการใช้คำนี้ ก็ไม่เชิงว่า “ไม่รู้เลย” จริงๆ คำนี้มีความหมายในเชิงที่คนตอบเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไร แต่เท่าที่เดาหรือคิดเอาเองในตอนนั้น คำตอบคือ ไม่…นะ

9. I’m not sure I’m the best person to answer that

ฉันไม่แน่ใจนะว่าฉันจะเป็นคนที่เหมาะที่จะตอบ ประมานว่า ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะตอบคำถามนี้ได้นะ

Example
A: Do you know who is the first man on earth? (คุณรู้ไหมว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่เกิดขึ้นมาบนโลก)
B: Hmm…I’m not sure I’m the best person to answer that. (เอ่อ… ฉันไม่คิดว่าฉันจะตอบคำถามนี้ได้นะ)

10. Dunno

หลายๆคนคงเคยเห็นคำนี้ใน Chat กันมาเยอะ อย่าเพิ่งงงกันนะ เพราะคำนี้ก็แปลว่า “ไม่รู้” เช่นกัน (มาจากคำว่า don’t know) เป็นภาษาที่ไม่เป็นทางการอย่างมากของ British English คล้ายๆกับคำว่า ไม่รุ, มะรุ ของภาษาไทยนั่นเอง และแนะนำว่าอย่าใช้คำนี้ในการเขียนที่เป็นทางการอย่างเด็ดขาด เพราะอย่างที่บอกว่าคำนี้ก็คล้ายๆกับภาษาวัยรุ่นบ้านเรานั่นแหละ ไม่เหมาะกับการเอาไปเขียนที่เป็นทางการนะจ๊ะ

Example
A : I dunno what to do. If you leave me now (ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเธอจากฉันไปในตอนนี้)

11. Search me!

ไม่ได้หมายความว่าหาฉันให้เจอนะ แต่แปลว่า “ฉันไม่รู้” เป็นคำตอบแบบไม่เป็นทางการ ที่มีคำว่า Search อยู่ด้วย ก็เพราะสามารถใช้ในความหมายที่ว่า “มาถามอะไรฉันล่ะ” “มาถามฉันเหรอ ฉันไม่รุ้หรอก”

A: Where is my boyfriend? (แฟนฉันอยู่ไหนล่ะ)
B: Search me! (มาถามฉันเนี่ยนะ ฉันไม่รู้หรอก)

และหากเพื่อนๆต้องการบอกว่า I don’t know หรือ ฉันไม่รู้ ในที่ที่เป็นทางการหน่อย อย่างห้องประชุม การติดต่อธุรกิจกับลูกค้า หรือกับใครก็แล้วแต่ที่ต้องการความสุภาพเป็นพิเศษ สามารถนำประโยคเหล่านี้ไปใช้ได้ค่ะ

12. Let me double-check and then get back to you.
(ขอไปเช็คอีกครั้ง แล้วจะมาให้คำตอบนะคะ)

13. I’ve been wondering the same thing. Let’s find out together.
(ฉันก็กำลังสงสัยในสิ่งเดียวกันกับคุณ เราไปหาคำตอบกันเถอะ)

14. Hold on. Let me check and get back to you.
(ขอเวลาตรวจสอบสักครู่ แล้วจะมาให้คำตอบทีหลังนะคะ)

15. I don’t have that information right now, but I’ll be happy to get the answer for you.
(ตอนนี้ฉันยังไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้เลย แต่ยินดีจะไปหาคำตอบให้คุณนะ)

เป็นไงบ้างคะ สำหรับ 15 ประโยคที่ใช้แทนคำว่า I don’t know ในภาษาอังกฤษ อย่าลืมนำไปฝึกพูดกันนะคะ หากจะพูด “I don’t know” เมื่อไร ลองเปลี่ยนไปเป็นประโยคอื่นๆใน 15 ประโยคนี้ดูบ้างนะคะ จะทำให้คุณดูเป็นคนชิคๆ ขึ้นมาทันทีเลยล่ะ  แต่ก็ต้องเลือกใช้ให้ถูกสถานการณ์ด้วยนะ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นจะแทนที่จะดู “ชิค” จะกลับกลายเป็น “เฉิ่ม” แทนน่ะสิ


วิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบได้ผล | Tina Academy Ep.241


♡ดูตัวอย่างหนังสือของติน่า https://www.tinaacademy.com/books
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @linetina (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

วิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบได้ผล | Tina Academy Ep.241

กลัวฝรั่ง…แต่หนีไม่พ้น ทำยังไงดี!?


engooส่งเสริมการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้
.
🔻สนใจทดลองเรียน ฟรี🔺
แอดมาที่ไลน์ : @engoothailand
หรือคลิก https://lin.ee/pTRrGyR
.
engoo คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
คุณสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณได้

กลัวฝรั่ง...แต่หนีไม่พ้น ทำยังไงดี!?

ไม่ต้องพูด 3 อย่างนี้ แล้วจะทำให้ดูเก่งอังกฤษ | Tina Academy Ep.63


♡ดาวน์โหลดตัวอย่างหนังสือได้ที่ https://www.tinaacademy.com/books
♡ ติดต่อซื้อหนังสือ Line ID: @linetina (พิมพ์ตัว @ ด้วย)
♡ รายละเอียดคอร์สสอนภาษา https://www.tinaacademy.com
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathancha…
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @hxr4999x https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x

ไม่ต้องพูด 3 อย่างนี้ แล้วจะทำให้ดูเก่งอังกฤษ | Tina Academy Ep.63

ฝึกแนะนำตนเองเป็นภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการ สำหรับสัมภาษณ์งาน Job Interview


สวัสดีค่ะ วันนี้เจน่าห์ทำคลิปการแนะนำตนเองเป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการหรือ แบบ formal way สำหรับสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษมาตามคำขอนะคะ ถ้าชอบก็กด Like ชอบมากๆก็ช่วย share, subscribe และกด bell และอยากเรียนภาษาตากาล็อกเพิ่มฝาก comment ไว้ให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ Cheers!
——————————————————————————————————————
สำหรับการ Subscribe
เพื่อนๆจะต้อง sign up หรือสมัครอีเมล์ของ Gmail ก่อนค่ะ แล้วเข้าไปที่หน้าหลักของ YouTube พิมพ์ “Learn English with TextAndTalk” ที่ช่องค้นหา และเมื่อเข้า page ของเจน่าห์แล้ว ตรงข้างบนทางขวามือจะเห็นปุ่ม Subscribe หรือเมนูภาษาไทยเรียกว่า ‘สมัครสมาชิก’ FREE! ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
ทำไมต้อง Subscribe ก็เพื่อความสะดวกของเพื่อนๆค่ะ เพราะเมื่อสมัครแล้ว ทุกๆครั้งที่เจน่าห์ up clip ใหม่ๆ Clip ของเจน่าห์จะขึ้นที่ page ของเพื่อนๆค่ะ จะได้ไม่ต้องมา Search หากันทุกครั้ง และจะได้ไม่ลืมกันนะอิอิ ^^
——————————————————————————————————————
ตามหาเจน่าห์ที่อื่นๆได้ที่ Follow me:
Instagram: exchangeswithjeynah
Facebook: https://www.facebook.com/Exchangeswit…

สนใจเรียน at my school: TextAndTalk Academy
Facebook: English Training Thailand (รับเป็นวิทยากรและจัดเทรนนิ่งให้หน่วยงานและองค์กร) https://www.facebook.com/EnglishTrain…
Website: www.textandtalk.com

Clips แนะนำตนเองแบบไม่เป็นทางการ: https://www.youtube.com/watch?v=wGqYtur_YY

ฝึกแนะนำตนเองเป็นภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการ สำหรับสัมภาษณ์งาน Job Interview

พื้นฐานไม่มีเลย จะเรียนหรือฝึกพูดอังกฤษได้อย่างไร


หลายคนสงสัยว่า ถ้าเราพื้นน้อยหรือแทบจะไม่มีพื้นฐานเลย จะเป็นไปได้หรอที่วันนึงจะพูดอังกฤษได้ คลิปนี้ครูแบมมาตอบและบอกวิธี
ติดตามบทความ ข่าวสาร และการฝึกพูดอังกฤษแบบสดๆกับครูแบมได้ที่ เฟสบุคแฟนเพจ พูดอังกฤษได้ ไม่ต้องไปเมืองนอก www.facebook.com/krubamenglish (Live มีทุกวันอาทิตย์ 2 ทุ่มตรง)
ติดต่อเรื่องคอร์สเรียนออนไลน์ ได้ที่ Line ID : @krubamenglish

พื้นฐานไม่มีเลย จะเรียนหรือฝึกพูดอังกฤษได้อย่างไร

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ความไม่รู้ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *