Skip to content
Home » [NEW] สำนวนภาษาอังกฤษ (Idioms) ประโยค คำศัพท์ต่างๆ พร้อมคำแปล | ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] สำนวนภาษาอังกฤษ (Idioms) ประโยค คำศัพท์ต่างๆ พร้อมคำแปล | ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Idioms หมายถึง สำนวนภาษาอังกฤษ ที่มีคำศัพท์ หรือประโยค ที่มีความหมายไม่ตรงตัว พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เปรียบเหมือนสำนวนไทย หรือคำสุภาษิต ในบ้านเรานั่นเองค่ะ อาทิเช่น ไก่ได้พลอย ก็ไม่ได้หมายถึงไก่ได้พลอยจริงๆ แต่เป็นการเปรียบเทียบ คนที่ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ ในภาษาอังกฤษเองก็เช่นกัน เขาจะมีสำนวนที่ใช้เปรียบเทียบซึ่งเรียกว่า idiom นั่นเองค่ะ

สำนวนภาษาอังกฤษ (Idioms)

วันนี้เรามีสำนวน idiom พร้อมภาพประกอบเป็นการ์ตูนน่ารักๆ มาฝากเพื่อนๆ อ่านสนุกๆ ไปด้วยกันนะคะ

head in the clouds

1. head in the clouds

หมายถึง เพ้อฝัน,ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง, อยู่ในโลกแห่งความฝัน (ตื่นค่ะซิสสสส)

heart in your mouth

2. heart in your mouth

หมายถึง  อาการประหม่า ตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก (ประมาณว่าตื่นเต้นตอนพูดบนเวที หรือตอนออกไปพูดหน้าห้องเรียน)

hold your horses

3. hold your horses

ไม่ได้หมายถึง จับม้าเอาไว้นะคะ ในสำนวนภาษาอังกฤษนี้ หมายถึงว่า  เดี๋ยวก่อน แปบนึงก่อน (ประมาณว่า เดี๋ยวแปบนึง ขอทำสิ่งนี้ก่อนนะ)
เพราะม้าคือตัวแทนของความเร็วค่ะ เค้าเลยเปรียบเปรยว่า จับม้าของคุณไว้ก่อน

kick the bucket

4. kick the bucket

แปลตรงๆ คือ เตะถัง แต่เมื่อกลายเป็นสำนวน Kick the bucket แปลว่า ตาย

**สำนวนนี้มันมาจากในอดีตที่มีการลงโทษด้วยการแขวนคอ ซึ่งผู้ที่จะถูกแขวนคอ มักจะต้องยืนบนถังใบเล็กที่วางคว่ำอยู่ ทันทีที่เท้าเตะถังออก นั่นก็หมายถึง ผู้ถูกลงโทษก็จะถูกแขวนคอค่ะ

dead as a doornail

5. dead as a doornail

หมายถึง ลาโลกไปแล้วไม่ต้องสงสัย (ถ้าจะบอกว่าตายแหงแก๋ ฝรั่งเขาเปรียบไว้กับคำว่า ตะปูที่ตอกตรึงประตู ที่เรียกว่า door nail )

112 สำนวนภาษาอังกฤษ idiom น่าสนใจ

6. Bob’s your uncle.

หมายถึง ง่ายๆ แค่นั้นเอง, เท่านั้นแหละ, เรียบร้อย (สำนวนนี้จะไว้ใช้ ตอนนี้เราต้องการบอกว่า สิ่งที่เราจะทำนั้นมันง่ายมากๆ ทำได้แน่นอน ไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว)

blue in the face

7.  blue in the face

ไม่ได้หมายถึงว่าหน้าสีนำ้เงินตามภาพนะคะ ในสำนวนภาษาอังกฤษ blue in the face จะหมายถึง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว (เหมือนเวลาที่พูดอะไรซ้ำๆ เดิมๆ หรือเจอสถานการณ์ที่พูด อธิบายอะไรไป แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ฟัง หรืออาจจะฟังแต่ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบกลับ จนทำให้เราเพลียที่จะพูดอะไรซ้ำๆ เดิมๆ )

112 สำนวนภาษาอังกฤษ idiom น่าสนใจ

8. a storm in a teacup

หมายถึง เรื่องขี้ปะติ๋ว, เรื่องเล็กน้อย ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ (คนที่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้บานปลาย)
(สำนวนนี้ใช้กันในหมู่คนอังกฤษ คนออสเตรเลีย)

"as cool as a cucumber"

9.”as cool as a cucumber”

หมายถึง คนที่ใจเย็นมากๆ (ยิ่งเอาไปแช่เย็นแล้วล่ะก็… อูยยย เย็นมากฝุดๆ ฮ่าๆ)

a piece of cake

10. a piece of cake

หมายความว่า เรื่องหมูๆ ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก

ˇ﹏ˇ ˇ△ˇ ˇ▽ˇ ˙▂˙ ˙0˙ ˙︿˙ ˙ω˙ ˙﹏˙ ˙△˙

สำนวนภาษาอังกฤษอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีสำนวนภาษาอังกฤษมาให้เพื่อนๆ อีกมากมายเลยค่ะ แต่ว่าไม่มีภาพประกอบแล้วนะคะ ไปอ่านแล้วจำไว้ใช้กันได้ตามสถานการณ์ต่างๆ ได้เลย

11. A great deal – จำนวนมาก มากมาย

12. After all – อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

13. After one’s own heart – ได้ดังใจ สมใจคิด ถูกใจจริงๆ

14. Aim at – เล็ง(ปืน)ไปที่ มุ่งหมายเพื่อ มุ่งไปยัง มุ่งมั่นเพื่อ ตั้งเป้า เล็ง เพ่งมอง

15. All over the place – ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อน

16. Around the corner – อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว

17. As a matter of fact – อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้ว

18. As far as I am concerned – ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ

19. Ask after –  ถามถึง ถามสารทุกข์สุกดิบ ไปเยี่ยมเยียนถามอาการ ทักทายปราศรัย

20. A dead end – หมดหวัง, ภาวะที่ไร้ความหวัง

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

21. Ask for trouble – หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว แส่หาเรื่อง

22. Back and forth – ไปๆ มาๆ เดินกลับไปกลับมา

23. Be concerned about – เป็นห่วง กังวลเกี่ยวกับ

24. Be fond of – ชอบ ชื่นชอบ โปรดปราน

25. Be in charge of – ดูแล รับผิดชอบ

26. Be in the same boat – ลงเรือลำเดียวกัน ประสบปัญหาหรือความยุ่งยากเหมือนกัน

27. Be mad at – โกรธ

28.  Be my guest – ตามสบายเลย เชิญตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ

29. Be on a diet  / go on a diet – กำลังลดน้ำหนัก (ด้วยการคุมอาหาร)

30. Be out of order – เสีย ใช้การไม่ได้ ไม่เข้าท่า ไม่เป็นระเบียบ

31. Be supposed to – น่าจะ ควรจะ

32. Bear in mind – จำใส่ใจไว้ จำไว้ว่า จดจำ รำลึก สังวรไว้

33. Better than nothing – ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

34. Bottom line – ท้ายที่สุด ส่วนที่สำคัญที่สุด จุดสำคัญที่สุด ผลที่ปรากฏออกมาในที่สุด

35. Break a promise – ผิดสัญญา ไม่รักษาคำพูด ไม่ทำตามสัญญา

36. Break one’s heart – ทำให้หัวใจสลาย ทำร้ายความรู้สึก ทำให้อกหัก หักอก

37. Break up – เลิกคบ ตัดขาดจากกัน แตกหัก แยกทางกัน ทำให้แหลกละเอียด

38. By all means – แน่นอน ใช่เลย ได้เลย เชิญเลย

39. By no means – ไม่ด้วยประการใดเลย ไม่ใช่ใดๆ เลย ไม่อย่างแน่นอน ไม่มีทาง

40. Calm down – สงบสติอารมณ์ สงบใจ ทำใจให้สงบ ทำให้สงบ

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

41. Carry out – ทำให้สำเร็จ ทำให้ลุล่วง ทำให้บรรลุ ปฎิบัติ ดำเนินการ

42. Catch up with – ตามทัน ไล่ทัน พบ

43. Cheer up – ให้กำลังใจ ปลอบใจ ทำให้รู้สึกดีขึ้น ทำให้ร่าเริงขึ้น

44. Come out of the closet – เปิดเผยตัวตน หรือประกาศตัวออกมาว่าเป็นคนรักเพศเดียวกัน

45. Come over – แวะเยี่ยม ไปมาหาสู่

46.Cope with – จัดการกับ รับมือกับ

47.Count on – ไว้วางใจ เชื่อใจ เชื่อถือ พึ่งพาอาศัย

48.Cross the line – ล้ำเส้น ข้ามเส้น ข้ามแดน

49.Day in and day out – ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด

50.Deal with – ติดต่อกับ จัดการกับ เกี่ยวข้องกับ รับมือกับ

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

51.Don’t get me wrong – อย่าเข้าใจฉันผิด

52.Dress up – แต่งกาย แต่งตัวเป็น ปรุงแต่ง

53.Drive someone crazy – ทำให้บ้าคลั่ง ทำให้เสียสติ

54.Drive someone nuts – ทำให้หงุดหงิดมาก ทำให้โมโหมาก

55.End up – สิ้นสุดด้วย ลงท้ายด้วย ลงเอยด้วย จบลง ในที่สุด

56.Every now and again – เป็นครั้งคราว

57.Every now and then – เป็นครั้งคราว

58.Face to face – ซึ่งๆ หน้า จะๆ ต่อหน้า ประจันหน้า

59.Fade away – ค่อยๆ จางหายไป ค่อยๆ เลือนหายไป ทำให้หายไปอย่างลับๆ เลือนหายไป เสื่อม

60.Figure out – คิดออก คิดให้ออก คิดได้

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

61.Finish up – ทำให้เสร็จสิ้น จบลง ยุติ

62.Focus on – เพ่งเล็งไปที่ มีสมาธิจดจ่อกับ มุ่งเป้าไปที่ พุ่งความสนใจไปที่

63.Fool oneself – หลอกตัวเอง

64.For the sake of – เพื่อ เพื่อเห็นแก่ เพื่อเป็นเกียรติกับ

65.From now on – จากนี้ไป จากนี้เป็นต้นไป ต่อแต่นี้ไป นับจากนี้ไป

66.From time to time – บางครั้ง

67.Get along – เข้ากันได้ เป็นมิตร เป็นเพื่อนกัน มุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน

68.Get lost – หลงทาง แต่ถ้าเป็นคำสั่งจะเป็นในเชิงการไล่ แปลว่า ไปให้พ้น ไปให้ห่างๆ ไสหัวไป

69.Get out of – ออกไปจาก ได้มาจาก เอาออกจาก ทำให้ออกไปจาก นำออก คัดลอกจาก ลงจากรถ ยกเลิก ยุติ

70.Get out of hand – ควบคุมไม่ได้ เกินกว่าจะควบคุมได้

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

72.Get rid of – ขจัด กำจัดออกไป จำหน่ายออกไป ขจัดปัญหา กวาดล้าง โค่น ฆ่า

73.Get the most out of – ใช้ประโยชน์สูงสุดจากบางสิ่งบางอย่าง

74.Get together – พบปะ รวมตัวกัน รวมกลุ่มกัน พบปะสังสรรค์กัน

75.Get used to – เคยชิน รู้สึกเคยชิน

76.Give someone a hard time – นำความยุ่งยากมาให้ ทำให้ยุ่งยาก สร้างความลำบากให้

77.Give up on someone/something – ตัดหางปล่อยวัด เลิกคาดหวังในคนๆ นั้นอีกต่อไป หมดหวังต่อบุคคลนั้นแล้ว

78.Give way to – ยอมตาม เออออห่อหมก ตามใจ

79.Go for a walk – เดินเล่น ไปเดินเล่น ไปกินลมชมวิว

80.Good-for-nothing – เปล่าประโยชน์ ซึ่งไร้ประโยชน์ ไม่เอาถ่าน บุคคลไร้ประโยชน์ คนไม่เอาไหน คนไม่มีค่า

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

คลิปอื่นๆ https://seeme.me/ch/adambradshaw

81.Hand in (something) – ส่ง (รายงาน การบ้าน) ยื่นเสนอ มอบให้(ด้วยมือ) ส่งให้เมื่อถึงกำหนด

82.Hang out – ออกไปข้างนอก ออกไปสังสรรค์

83.Have a crush on someone – หลงรักหรือคลั่งไคล้ใครคนใดคนหนึ่ง แอบรักหรือปิ้ง

84.Have a date (with) – มีนัด ติดนัด ไปเที่ยว (กับ)

85.Have a good time – สนุกสนาน เพลิดเพลิน ขอให้สนุกนะ

86.Have a word with – ต้องการคุยด้วยเป็นส่วนตัว

87.Hit the books – อ่านหนังสืออย่างหนัก ติววิชา ติวเข้ม ตั้งใจเรียน

88.Hold one’s ground – ยึดมั่นอยู่ที่เดิม ไม่ถอย ตั้งรับ ตั้งมั่น รักษาสถานะไว้

89.In advance – ล่วงหน้า ก่อนหน้า ก่อนเวลา

90.In any case – ไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ดี อย่างไรก็ตาม

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

91.In case of – ในกรณีที่เป็น ในแง่ของ

92.In no time – รวดเร็ว ในเวลาไม่นาน

93.In vain – เปล่าประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ สูญเปล่า

94. It/that goes without saying – ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า

95.Jot down – จดอย่างเร็ว บันทึกอย่างเร็ว รีบจด

96.Jump the gun – ทำอะไรก่อนเวลาอันควร

97.Jump to conclusions – ด่วนตัดสินใจ รีบสรุป รีบตัดสินใจเร็วเกินไป

98.Jump up – กระโดดขึ้น กระโจนขึ้น รีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ลุกขึ้นทันที

99.Keep a promise – รักษาสัญญา ทำตามสัญญา

100.Keep an eye on  – เฝ้าดู เฝ้ามอง จับตาดู

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

101.Keep away from – อยู่ห่างจาก หลีกหนีจาก หลีกเลี่ยงจาก

102.Keep calm – ตั้งสติ ทำใจให้สงบ

103. Keep on – ทำต่อไป ดำเนินต่อไป กระทำ…อย่างต่อเนื่อง

104.Keep one’s eye on – เฝ้าดู เฝ้ามอง จัดตาดู

105. Keep one’s word – รักษาคำพูด รักษาสัจจะ ทำตามที่พูดไว้

106. Keep your shirt on! – คอยเดี๋ยว คอยก่อน อารมณ์เสีย

107.Lay a finger on – แตะต้อง หรือ ทำร้าย

108.Leave someone in peace – หยุดรบกวน

109.Let go of – ปล่อย ปล่อยตัว ปล่อยไป

110.Let someone down – ทำให้ผิดหวัง

111.Once in a blue moon – ไม่บ่อย นานๆ ครั้ง แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย

112.Out of the blue – ทันทีทันใด ไม่ได้บอกล่วงหน้า จู่ๆ ก็เกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก englishidiomsaday , ภาพประกอบน่ารักๆ www.rosha.ie

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

บทความแนะนำ

[NEW] 13 สำนวนอังกฤษควรรู้ไว้…จะได้คุยกับฝรั่งรู้เรื่อง! | ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

     

ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ นอกจากการรู้คำศัพท์ ไวยากรณ์ หรือโครงสร้างประโยคแล้ว สิ่งที่เราควรที่จะรู้เพื่อจะได้เข้าถึงและใกล้ชิดกับวัฒนธรรมของภาษา นั่นก็คือสำนวนต่างๆ ที่เจ้าของภาษานั้นใช้กัน และถ้าเรารู้มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเข้าใจและใช้ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น วันนี้

พี่วุฒิ

และ

English Issues

ได้รวบรวม 13 สำนวนภาษาอังกฤษที่มักพบในชีวิตประจำวัน มาให้น้องๆ ชาว

Dek-D.com

ได้รู้เอาไว้ จะได้คุยกับฝรั่งรู้เรื่อง! 

 

1. Once in a blue moon. 

(Happens very rarely)

 

Via Pixabay.com 

 

      สำนวนนี้ถือว่าเป็นสำนวนที่ใช้บ่อยมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์การถามเกี่ยวกับความถี่ในการกระทำ โดยสำนวน “Once in a blue moon” นั้นมีความหมายว่า “นานๆ ครั้ง” ที่มาที่ไปของสำนวนนี้นั้นมาจากการเปรียบเทียบกับการเกิดพระจันทร์สีน้ำเงิน ที่ไม่ได้เกิดเป็นประจำหรือเกิดให้เราได้เห็นกันบ่อยๆ นั่นเองครับ 
 

ตัวอย่างประโยค

A: Does your husband ever bring you flowers? (สามีของเธอเคยให้ดอกไม้เธอบ้างมั้ย?)

B: Once in a blue moon. (นานทีปีหนเห็นจะได้)

 

2. A bitter pill 

(A situation or information that is unpleasant but must be accepted)

 

ภาพประกอบจาก ซีรีส์ I hate you, I Love you

 

     พอเห็นสำนวนนี้หลายคนอาจจะแปลตรงตัวว่า ‘ยาขม’ แต่จริงๆ แล้ว เราจะใช้สำนวนนี้ในสถานการณ์ที่เรากลืนไม่เข้า คายไม่ออก หรือที่ตรงกับสำนวนไทยว่า “หวานอม ขมกลืน” สำนวนนี้จึงเปรียบเทียบกับยาที่มีรสขม แต่เราก็ต้องยอมกินมันเพื่อรักษาโรคนั่นเองครับ
 

ตัวอย่างประโยค

It was a bitter pill for her brother to swallow when she married his enemy.

พี่ชายของเธอคงรู้สึกหวานอมขมกลืนที่จะต้องฝืนความรู้สึก เมื่อเธอแต่งงานกับศัตรูของพี่ชายเธอเอง

 

3. Add insult to injury

(To act in a way that makes a bad or displeasing situation worse)

 

     สำนวนนี้เป็นอีกสำนวนหนึ่งที่ใช้กันบ่อยมากในชีวิตประจำวัน “Add insult to injury” จึงมีความหมายว่า “ทำให้สถานการณ์แย่กว่าเดิม” หรืออาจจะหมายถึง “ซ้ำเติม” ก็ได้ 
 

ตัวอย่างประโยค

If you see somebody have a bad day, don’t add insult to injury. 

ถ้าคุณเห็นว่าใครก็ตามตกอยู่ในช่วงเวลาแย่ๆ ก็อย่าไปซ้ำเติมเขาเลย 

 

4. Barking up the wrong tree 

(Looking in the wrong place. Accusing the wrong person.)

 

Via Pixabay.com

 

     สำนวน “Barking up the wrong tree” นั้นมีที่มาจาก เวลาสุนัขกำลังล่าเหยื่อ และคิดว่าเหยื่อนั้นวิ่งหนีขึ้นไปบนต้นไม้ จึงเห่าไปบนต้นไม้นั้น แต่จริงๆ แล้วเหยื่อนั้นอยู่อีกต้น ซึ่งก็คือมันเห่าผิดต้น (จริงๆ คือเห็นบ่อยมาก 555) สำนวนนี้ก็มีความหมายว่า พึ่งพาผิดคน หรือไปผิดที่ (ไฝ้แห้งไปอีก)
 

ตัวอย่างประโยค

 If you think she can help you, you’re barking up the wrong tree. 

ถ้าแกคิดว่ายัยนั่นจะช่วยแกได้แล้วล่ะก็ ..แกคิดผิดแล้วล่ะ

 

5. Beat around the bush 

(Avoiding the main issue. Not speaking directly about the topic.)
 

     ระฆังเพราะคนตี ระฆัง… เอ่อ ขออีกรอบค่ะ (พี่ว่าหนูควรพัก 555) น้องๆ เคยมั้ยครับ เวลาเจอคนที่พูดอะไรวกไปวนมา ไม่เข้าประเด็นทั้งที หรือเรียกง่ายๆ ว่า ‘ชักแม่น้ำทั้งห้า’ ก็ยังพูดไม่รู้เรื่อง เวลาเจอแบบนี้ สำนวนอังกฤษเค้าเรียกว่า “Beat around the bush” ครับ 
 

ตัวอย่างประโยค    

Will you please stop beating about the bush and get to the point?

คุณจะหยุดพูดชักแม่น้ำทั้งห้าและเข้าประเด็นได้หรือยัง?

 

6. Bed of roses 

(An easy, comfortable situation, an easy life.)

 

Via Pixabay.com

 

     ตอนเห็นสำนวนนี้ครั้งแรก หลายคนคงนึกถึงเตียงนอนที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆ เลย ซึ่งสำนวน ‘Bed of roses’ จะใช้ในสถานการณ์ที่สะดวกสบาย ชีวิตดี มีความหรูหรา แต่เอาจริงๆ แล้วเหมือนจะใช้ประชดมากกว่านะครับ เพราะว่าไม่มีอะไรที่มันจะดีเลิศเสมอไปหรอก ใช่มะ? 
 

ตัวอย่างประโยค

Studying here is no bed of roses. 

เรียนที่นี่ ชีวิตมันไม่ได้สวยหรูหรอก

 

7. Bite off more than you can chew 

(To take on a task that is way too big.)

 

     เชื่อว่าหลายคนอาจเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแบกรับงาน ภาระ หรืออะไรก็ตามที่มันใหญ่เกินตัว จนบางครั้งเราก็ไม่อาจจะรับมือได้เสมอไป สำนวน “Bite off more than you can chew” จึงหมายถึง ‘การทำงานที่ใหญ่เกินตัว’  
 

ตัวอย่างประโยค

He offered me the job but the work was so difficult! I definitely bite off more than I could chew. 

เขามอบหมายงานมาให้ผม แต่งานที่ว่าเนี่ย มันยากมากเลย! ผมทำงานที่ใหญ่เกินตัวจริงๆ  

 

8. Call it a day 

(To declare the end of a task.)

 

Via Pixabay.com

 

     ตอนที่อ่านอยู่ หลายคนอาจกำลังอยู่ในเวลาเรียน เวลาทำงาน หรืออาจกำลังรอคอยอะไรสักอย่างให้มันถึงเวลาเสร็จๆ สักที (แหงนหมองนาฬิกาว่าใกล้หมดเวลายังน้าาา 555) และเมื่อเวลานั้นมาถึง เราจะใช้สำนวน “Call it a day” หรือที่มีความหมายว่า “เลิกงานกันเถอะ” ถึงเวลากลับบ้านแล้ว กรี๊ดๆ >___< 
 

ตัวอย่างประโยค 

We call it a day right after the 8 hours of hard working everyday, neither more nor less.

พวกเราเลิกงานตรงเวลาหลังจากที่ทำงานอย่างหนักถึง 8 ชั่วโมงทุกวัน ซึ่งมันก็ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปนะ 

 

9. Curiosity killed the cat

(Being inquisitive can lead to an unpleasant situation.)

 

Via Pixabay.com

 

      น้องๆ เคยได้ยินมั้ยครับว่า

‘บางเรื่องก็อย่ารู้เลยจะดีกว่า เดี๋ยวจะซวยไปด้วย’

บางทีความอยากรู้อยากเห็นก็อาจทำให้เราเดือดร้อนได้ และสำนวน

“Curiosity killed the cat”

ก็มีที่มาที่ไปเหมือนกัน ถ้าใครที่เลี้ยงเจ้าเหมียว เป็นทาสแมวก็อาจจะเข้าใจดีเลย เพราะว่าโดยปกติแล้ว แมวมันจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง ชอบอยากรู้นู่น อยากรู้นี่ เดินสำรวจไปทุกที่ทุกซอกทุกซอย (เจ้าของก็กังวลอีกว่าแมวหายไปไหน จะเป็นอะไรหรือเปล่า) ซึ่งความซุกซนของมันเนี่ย ก็อาจทำให้มันเจ็บตัว หรือได้รับอันตรายอยู่เสมอ สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า

“ความอยากรู้อยากเห็นอาจนำภัยมาสู้ตัวเราได้” 

 

ตัวอย่างประโยค

Let’s not try to find out. Curiosity killed the cat.

ไม่ต้องพยายามไปหาหรอก เดี๋ยวจะซวยเปล่าๆ 

 

10. Don’t put all your eggs in one basket. 

(Do not put all your resources in one possibility.)

 

Via Pixabay.com

 

    ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม แน่นอนว่าเราอาจจะคาดหวัง แต่ในบางครั้งเราก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างเพื่อจะไม่ได้ไม่ผิดหวัง และเวลาเราจะคาดหวังหรือทำอะไรก็ตามก็ต้องมองเผื่อตัวเลือก หรือหนทางอื่นไว้บ้าง  ตั้งความหวังกับสิ่งหนึ่งมากๆ พอไม่ได้ขึ้นมา นี่ร้องไห้ตาบวม รู้สึกดาวน์ไปหลายวันเลยนะ และสำนวน “Don’t put all your eggs in one basket.” นั้นมีความหมายว่า อย่าไปหวังพึ่งพาสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว หรือทุ่มแรงกายแรงใจกับสิ่งหนึ่ง เพราะถ้าเราพลาดหรือทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่คิดขึ้นมา ก็อาจจะพังทั้งหมดเลยก็ได้ ซึ่งก็เหมือนกับ ‘ไข่ในตะกร้า’ ถ้าตะกร้าตกเมื่อไหร่ ไข่ก็คงจะแตกหมด   
 

ตัวอย่างประโยค

It would be better if you applied to several companies instead of just one; don’t put all your eggs in one basket.

มันจะดีกว่านะถ้าคุณสมัครงานไว้หลายๆ บริษัทแทนการสมัครแค่ที่เดียว อย่าไปตั้งความหวังแค่ที่นี่เพียงที่เดียวเลย 

 

11. Picture paints a thousand words. 

(A visual image is for more descriptive than words.)

 

Via Pixabay.com

 

     อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ บอกให้เธอฟังไม่ได้สักคำ …เรื่องบางเรื่องให้อธิบายแทบตาย บางครั้งก็อาจจะไม่เข้าใจเท่ากับการได้เห็นภาพ “ภาพหนึ่งภาพมีค่าเท่ากับคำพูดเป็นพันคำ” คิดประดิษฐ์คำพูดตั้งมากมาย ก็ไม่อาจบรรยายเท่าภาพแค่ภาพเดียว 
 

ตัวอย่างประโยค 

A good presentation should contain more of graphics and less of text, since a picture is worth a thousand words.

การนำเสนอที่ดีควรประกอบไปด้วยรูปภาพหรือกราฟิกเยอะๆ และมีข้อความน้อยๆ เพราะว่าภาพหนึ่งภาพมันสื่ออะไรได้มากมาย 

 

12. Spill the beans 

(To reveal someone’s secret.)

 

      เวลาเราเปิดโปง เปิดความลับของคนๆ หนึ่ง ในภาษาอังกฤษก็มีสำนวนที่ใช้กันครับ นั่นก็คือ “Spill the beans” ที่ใช้สำนวนนี้เปรียบเทียบเพราะว่า เวลาเราเทถั่วทิ้ง มันจะกระจายไปทั่วเลย เก็บยังไงก็ไม่ทัน ซึ่งมันก็เหมือนกับความลับ เมื่อเวลาเราบอกใครแล้ว ยังไงก็ตามมันก็แพร่สะพัดไปหมด เพราะความลับมันไม่มีในโลกยังไงล่ะ
 

ตัวอย่างประโยค

I spilled the beans about the surprise party, by telling the birthday girl. I feel so stupid!

ฉันเล่าความลับเกี่ยวกับปาร์ตี้เซอร์ไพรส์ให้กับเจ้าของวันเกิดไปละนะ บ้าเอ้ย ฉันรู้สึกโง่มากอ่ะ!

 

13. On fleek! 

(Perfect) 

 

ภาพจากละคร สูตรเสน่หา

 

     เวลาเราจะชมใครว่าเพอร์เฟค เป๊ะปัง อลังการดาวล้านดวง ถ้าเบื่อๆ จะบอกว่า ‘Perfect!’ หรือ ‘Great!’ ก็มีอีกสำนวนให้เลือกใช้ และเป็นที่นิยมในปัจจุบัน นั่นก็คือ “On fleek!” ที่มีความหมายแบบเดียวกัน พอใช้แล้วจะรู้สึกว่าตัวเองเก๋ขึ้นมาทันทีเลยล่ะ (อันนี้อุปทานหมู่ ถูกมะ? 55555)  
 

ตัวอย่างประโยค

Girl, your eyebrows are on fleek!

แกรรร คิ้วแกปังเวอร์อ่ะ ! 

 

     จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายสำนวนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจและควรจะต้องรู้ วันนี้เอามาฝากแค่นี้ก่อนละกัน ไว้บทความหน้าจะเอามาฝากน้องๆ อีกแน่นอน หรือว่าใครมีสำนวนอังกฤษดีๆ แล้วอยากจะบอกให้เพื่อนๆ ได้ทราบ ก็แสดงความคิดเห็นกันได้เลยครับ ^___^  

 

Source:


พระไพศาล วิสาโล | ทุกข์เพราะความคาดหวัง


เสียงธรรมะจาก พระไพศาล วิสาโล ตอน ทุกข์เพราะความคาดหวัง
หลวงพ่อไพศาล พระไพศาล

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

พระไพศาล วิสาโล | ทุกข์เพราะความคาดหวัง

Unexpected [ไม่คาดหวัง] – Chom Chumkasian (Official MV)


Unexpected [ไม่คาดหวัง] Chom Chumkasian (Official MV)
Chom Chumkasian
Film : Nattapat Ngeajuttura
Film : Peerati Phoungtong
Editor : Chom Chumkasian
Instrument : ingcarat somboonprom
Mix \u0026 master Boomz Deadend
Record : 1977 studio

Unexpected [ไม่คาดหวัง] - Chom Chumkasian (Official MV)

เชื่่อสิ!! ถ้าไม่คาดหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง


ท่านสามารถติดตามเรื่องเล่าธรรมะ และกดกระดิ่งไว้เพื่อไม่พลาดการรับชมคลิปธรรมะดีๆจากช่อง Bua Channel ได้ที่นี่\r
https://www.youtube.com/channel/UC1KG5bXJAQ7LqSrwjqMbXg\r
\r
An Introduction to Buddhist Practice: When a person is introduced to Buddhism for the first time, the first thing he should do is to forget all about his background of Christianity – and his Christian views and other similar views – and start from scratch.\r
The story of the Buddha begins like this. The Buddha found that he had a problem and he left home to try to find the answer to this problem. He went searching for teachers, he went to this teacher and then that teacher but he found he still had the problem. Finally he had to go off on his own to search for the solution, because he could not find anyone who knew about it. And he found the answer within himself, and he found the way to get to the state where he got the answer to his question and got free from his problem \r
\r
ติดตามฟังธรรมผ่านเพจ สำนักป่าพุทธภูมิ โพธิยาลัย\r
https://www.facebook.com/AnagarikaBhodhiyana/\r
\r
บัวชาแนล เล่าเรื่องเล่าธรรม

เชื่่อสิ!! ถ้าไม่คาดหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง

อย่าคาดหวังในตัวฉัน – ฝนพรำ 「Official MV」


หลายคนต่างต้องรับเเรงกดดันจากผู้อื่น เพื่อในได้ดั่งใจเขาจนอาจจะลืมความสุขของเรา

เนื้อร้อง : นครินทร์ ทองขวาง
ทำนอง : นครินทร์ ทองขวาง
เรียบเรียง : นครินทร์ ทองขวาง
MV : NARINX

อย่าคาดหวังในตัวฉัน - ฝนพรำ 「Official MV」

ทำไมเราคาดหวังว่าคนที่รักจะตอบสนองสิ่งต่างๆ ให้ และยั้งความคิดอย่างไรไม่ให้ทำร้ายกัน | R U OK EP.69


หากถอดสมการให้เป็นภาพชัดๆ
ความคาดหวัง = ความต้องการ
หลายครั้งเราเลยเอาความต้องการของเราที่มีเป็นร้อยเป็นพันอย่าง ไปทาบทับคนอื่นโดยคาดว่าเขาจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ โดยลืมไปว่าอีกฝ่ายคือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความต้องการเป็นของตัวเองเหมือนกัน
R U OK เอพิโสดนี้อยากให้ยั้งสักนิด ลองทบทวนตัวเองก่อนที่จะเอาความคาดหวังทั้งหมดที่มีของเราไปวางทาบคนอื่นโดยเฉพาะคนที่เรารัก พร้อมทั้งมี 2 คำถามง่ายๆ ที่ใช้ถามตัวเองก่อนที่ความหวังดีจะไปทำร้ายอีกฝ่าย
Time index
02:57 ความคาดหวังคือความต้องการ
03:37 เรามีความคาดหวังได้กับทั้งคนรอบข้างและตัวเอง
04:45 ทำไมเราชอบคาดหวังกับคนใกล้ตัวหรือคนรัก
05:59 ความต้องการที่ไปพาดอยู่บนตัวคนอื่นเรียกว่า ความคาดหวัง
08:24 แม้แต่เพื่อนร่วมงานเราก็ยังคาดหวังให้เป็นอย่างที่เราต้องการ
10:17 บางความคาดหวังไม่ได้เจตนาร้ายแต่มาจากคำสอนที่ยึดถือไว้ในใจ
11:28 ทุกเสียงในหัวที่บอกว่าดี ไม่ได้ดีสำหรับทุกคนเสมอไป
13:20 ความคาดหวังมีได้ แต่ให้ถามตัวเองด้วย 2 คำถามนี้
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/

RUOK TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

ทำไมเราคาดหวังว่าคนที่รักจะตอบสนองสิ่งต่างๆ ให้ และยั้งความคิดอย่างไรไม่ให้ทำร้ายกัน | R U OK EP.69

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *