[NEW] สายวิทย์มาทางนี้! เปิดรั้ว 5 สถาบันเทคโนโลยีชั้นนำใน ‘เกาหลีใต้’ (มีทุนเรียนต่อเพียบ) | ทุน รัฐบาล เกาหลี ปริญญา โท – NATAVIGUIDES

5 มหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีในเกาหลีใต้

ถ้าหากพูดถึงมหาวิทยาลัยระดับท็อปของเกาหลี ทุกคนก็คงจะนึกถึง SKY(Seoul National University, Korea University, Yonsei University) ใช่ไหมล่ะคะ แต่ที่จริงแล้วทางเกาหลีนั้นยังมีมหาลัยฯ ที่ขึ้นชื่ออยู่อีกหลายแห่งเลยค่ะ ซึ่งในวันนี้พี่ปลื้มขออาสาพาน้องๆ ไปรู้จักกับสมาชิกของกลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชั้นนำที่เน้นด้านงานวิจัยของเกาหลีใต้ ว่าจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรแค่ไหน และแอบบอกไว้ตั้งแต่ตรงนี้เลยว่าหากใครสนใจเรียนต่อก็เตรียมตัวเอาไว้นะคะ เพราะทุกมหาวิทยาลัยพกทุนมาแจกเพียบเลยค่าา

** ค่าเงินอัปเดรตเดือนกุมภาพันธ์ 2564 **

1 USD = 29.870 บาท

1 KRW = 0.027 บาท

**********

Korea Advanced Institute of Science & Technology (KAIST)

มาเริ่มมหาวิทยาลัยแรกกันค่ะ KAISTมาจาก KAIS+KIST= KAIST ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1971 โดยการรวมสถาบันวิทยาศาสตร์ (Korea Advanced Institute of Science, KAIS) กับ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Korea Institute of Science and Technology, KIST) เข้าด้วยกัน เป็นสถาบันเดียวที่ดูแลโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ปกติต้องดูแลโดยกระทรวงศึกษาธิการ) จุดประสงค์ของคือผลิตนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรเพื่อมาทำงานวิจัยและเตรียมเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในการวิจัยให้สถาบันอื่นๆ

นอกจากนี้ KAIST ก็เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 2 ของเกาหลี และติดอันดับ 9 จากมหาวิทยาลัยทั้งหมดในฝั่งเอเชียจากการจัดอันดับเมื่อปี 2021 โดย QS World Univ. Rankings ค่ะ

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย

ความโดดเด่น

ที่สถาบัน KAIST แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าคือ MIT ของเกาหลีใต้เลยล่ะค่ะ เพราะเป็นสถาบันที่มีเทคโนโลยีทันสมัยมากๆ แถมสร้างบุคลากรเก่งๆ ทางด้านเทคโนโลยีออกมามากมาย เช่น ผู้คิดแอปพลิเคชันไลน์ (Line) ที่คนไทยนิยมใช้อยู่ก็จบการศึกษามาจากด้วย

NOTE: สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology: MIT)เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์แห่งสหรัฐอเมริกา ครองแชมป์คุณภาพศึกษาอันดับ 1 ของโลก ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนเฉลี่ยปีละ 1.5 ล้านบาท

จากการจัดอันดับสาขาวิชาที่ยอดเยี่ยมในเกาหลีโดย QS Rankings 2020 แน่นอนว่าก็ไม่ยอมพลาดตำแหน่งค่ะ เพราะรวบไปทั้งหมด 5 อันดับ 7 สาขาวิชากันเลยทีเดียว

• อันดับที่ 17:วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Electrical and Electronic Engineering)
• อันดับที่ 19:วัสดุศาสตร์ (Material Sciences)
• อันดับที่ 22:วิศวกรรมโยธา (Civil Engineering) วิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical Engineering) วิศวกรรมการบินและอวกาศ (Aerospace Engineering)
• อันดับที่ 23:วิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering)
• อันดับที่ 36: วิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ (Computer Science and Information)

ค่าเทอมเฉลี่ยต่อปี

ปริญญาตรี:7,000 USD (หรือประมาณ 209,090 บาท)

ปริญญาโท: 27,000 USD (หรือประมาณ 806,490 บาท)

ทุนการศึกษา

ทุนมหาวิทยาลัยทุนรัฐบาลเกาหลีK-Star Scholarship

**********

Gwangju Institute of Science and Technology (GIST)

ต่อกันที่สถาบันชื่อดังจากเมืองกวางจูกันบ้างค่ะ สำหรับGISTจะเน้นทางด้านงานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรม ความเจ๋งคือเป็นแห่งแรกในประเทศเลยที่นำระบบนวัตกรรมที่มีหลักสูตรวิทยาศาสตร์พื้นฐานมาใช้เพื่อสร้างงานวิจัยที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น (ข่าวดีมีเปิดหลักสูตร ป.ตรีครั้งแรกเมื่อปี 2010 ไม่นานมานี้เองค่ะ)

สำหรับคุณภาพการศึกษาก็การันตีด้วยอันดับ 8 ในเกาหลีใต้ จากการจัดอันดับของ QS World University Rankings 2020

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย

ความโดดเด่น

ความโดดเด่นของที่นีส่วนมากก็จะเป็นวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเช่นเดียวกันค่ะ สาขาวิชาที่ติดอันดับใน Best Global Universities มีทั้งหมด 5 สาขาวิชาด้วยกัน ได้แก่

• ฟิสิกส์ (Physics)
• เคมี (Chemical)
• วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Electrical and Electronic Engineering)
• วัสดุศาสตร์ (Materials Science)
• นาโนศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี (Nanoscience and Nanotechnology)

ค่าเทอมเฉลี่ยต่อปี

ปริญญาตรี: 2,600,000 KRW (หรือประมาณ 70,510 บาท)

ทุนการศึกษา

GIST เพิ่งเปิดรับสมัครทุนมหาวิทยาลัยเป็นของตัวเอง แถมเป็นทุนเต็มจำนวนด้วยค่ะ

ทุนมหาวิทยาลัยK-Star Scholarship

**********

Ulsan National Institute of Science and Technology (UNIST)

มาถึงสถาบันที่สามกันแล้วนะคะ UNISTนี่ก็อลังการเหมือนกันค่ะ เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุลซาน (Ulsan) เมืองอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ มีทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ การต่อเรือปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมเซลล์ทุติยภูมิ (Secondary Cells Industries) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ส่วนคุณภาพการศึกษาของก็ครองอันดับที่ 23 ในเอเชียเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยค่ะ

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย

ความโดดเด่น

UNIST เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในเกาหลีใต้ที่มีสอนเป็นภาษาอังกฤษแบบ 100%นอกจากนี้ยังได้รางวัลโครงการ R&D ระดับชาติหลายโครงการเช่น Green Energy Material Technology Development Center และ New Growth Engine Project Group แถมได้เงินทุนสนับสนุนวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์เป็นเวลาติดต่อกันหลายปีเลยทีเดียว ส่วนสาขาที่น่าสนใจของทาง UNIST มีไม่น้อยเลยค่ะ เช่น

• ธรณีวิทยา สิ่งแวดล้อมโลกและวิทยาศาสตร์ทางทะเล (Geology, Environmental, Earth & Marine Sciences)
• ฟิสิกส์และดาราศาสตร์ (Physics & Astronomy)
• วิศวกรรมเครื่องกล การบินและอวกาศ (Mechanical & Aerospace Engineering)

ค่าเทอมเฉลี่ยต่อปี

ปริญญาตรี: 7,000 USD (หรือประมาณ 209,090 บาท)

ทุนการศึกษา

ทุนมหาวิทยาลัยK-Star Scholarship

**********

Daegu Gyeongbuk Institute of Science and Technology (DGIST)

เดินทางมาที่แทกู (Daegu) กันบ้าง DGISTเป็นมหาวิทยาลัยที่มักจะมีงานวิจัยเพื่อชุมชนออกมาบ่อยๆ ค่ะ เพราะสร้างขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ 2 อย่างคือ หนึ่งเป็นสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สองคือเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นในแทกู นักศึกษาที่เข้าเรียนทุกชั้นปีจะต้องทำโครงการวิจัยกลุ่มและจัดทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษร่วมกัน โดยต้องลงพื้นที่จริงในชุมชน และทางอาจารย์ยังสนับสนุนการเรียนการสอนผ่าน e-book และระบบ 3D เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจโครงสร้างที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในบางบทเรียนด้วยค่ะ เจ๋งกันมากๆ เลย

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย

ความโดดเด่น

ที่ DGIST เปิดสอนทั้งระดับปริญญาตรีและสูงกว่าปริญญาตรี โดยทางมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นไปที่ 6 สาขาวิชาเฉพาะ ได้แก่

• วิทยาศาสตร์วัสดุที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Materials Science)
• วิศวกรรมสารสนเทศ (Information Engineering)
• วิศวกรรมการสื่อสาร (Communication Engineering)
• วิศวกรรมหุ่นยนต์ (Robotics Engineering)
• วิศวกรรมระบบพลังงานสมอง (Brain Energy Systems Engineering)
• วิทยาศาสตร์ความรู้ความเข้าใจ และชีววิทยาใหม่ ๆ (Cognitive Sciences and New Biology)

ค่าเทอม

ปริญญาตรี:7,000,000 KRW (หรือประมาณ 189,834 บาท)

ทุนการศึกษา

ทุนมหาวิทยาลัยK-Star Scholarship

**********

Pohang University of Science and Technology (POSTECH)

ปิดท้ายด้วยมหาลัยฯสุดท้ายที่นับว่าเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่มนี้ค่ะ POSTECHเพิ่งก่อตั้งไปในปี 1986 ที่เมืองโพฮัง (Pohang) เป็นมหาวิทยาลัยที่ยังใหม่มากหากเทียบกับที่อื่นๆ แต่ความเก๋าไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเลย เพราะเคยคว้า อันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ และเคยติดอันดับ 6 ของเอเชียในปี 2011จากโพลนิตยสาร Times Higher Education ของลอนดอนมาเรียบร้อยแล้ว! และในปัจจุบันปี 2021 สถาบันนี้อยู่อันดับที่ 4 ของประเทศจากการจัดอันดับโดย QS World University Rankings เรียกได้ว่าไม่เคยหลุดหนึ่งในห้าท็อปของเกาหลีเลยล่ะค่า

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย

ความโดดเด่น

POSTECH ขึ้นชื่อเรื่องงานวิจัยมากๆ ค่ะ เพราะมีสถาบันวิจัยถึง 86 แห่ง เพื่อใช้ดำเนินการวิจัย-พัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมโดยเฉพาะ สำหรับหลักสูตรที่เปิดสอนจะแบ่งออกเป็นระดับปริญญากับโรงเรียนวิชาชีพอีก 5 แห่ง แต่ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนก็ได้รับการสอนจากอาจารย์ชั้นนำทั้งนั้น เนื่องจาก POSTECH เป็นพันธมิตรกับอีก 50 มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก แถมยังได้โมเดลการเรียนการสอนจาก ‘Caltech’ สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนียมาใช้ด้วย //ปังมากกก

สำหรับวิชาน่าเรียนของก็มีมากมายเลย เช่น

• วิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical Engineering)
• วิศวกรรมไอทีสร้างสรรค์ (Creative IT Engineering)
• สหวิทยาการชีววิทยาและวิศวกรรมชีวภาพ (Interdisciplinary Bioscience & Bioengineering)
• และหากใครสนใจเรียนด้านสังคมศาสตร์ POSTECH ก็มีให้ลงเรียนในภาควิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities & Social Sciences) ด้วยนะคะ ^^ทำความรู้จัก POSTECH

ค่าเทอมเฉลี่ยต่อปี

ปริญญาตรี:10,819 USD (หรือประมาณ 323,164 บาท)

ปริญญาโท: 10,819 USD (หรือประมาณ 323,164 บาท)

ทุนการศึกษา

ทุนมหาวิทยาลัยK-Star Scholarship

**********

ทุนรัฐบาลเกาหลีสำหรับระดับปริญญาโทและเอก (GKS)

สำหรับคนที่สนใจเรียนต่อปริญญาโท และเอก ทางรัฐบาลเกาหลีนั้นก็มีทุนสนับสนุนค่ะ โดยมี 3 สถาบันที่เข้าร่วมคือ KAIST, UNIST, POSTECHเป็นทุนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน มีค่าครองชีพรายเดือนมอบให้ ค่าประกันสุขภาพ คอร์สอบรมภาษาเกาหลี และค่าใช้จ่ายๆ อื่นในการทำวิจัยอีกด้วย (ความดีงามคือไม่ต้องใช้ทุนค่ะ มอบให้ฟรีๆ เลย)

คุณสมบัติผู้สมัคร:

• ผู้สมัครต้องไม่ถือสัญชาติเกาหลี
• มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
• ผู้สมัครระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ต้องมีอายุต่ำกว่า 40 ปีในวันเข้าศึกษา
• มีเกรดเฉลี่ยสูงกว่า 80% จากสถาบันการศึกษาล่าสุด
• จบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือปริญญาโทภายในวันเข้าศึกษา
• ผู้ที่มีผลคะแนนภาษาอังกฤษ (TOEFL, TOEIC, IELTS) จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ โดยขึ้นอยู่กับผลคะแนนรายละเอียดทุนรัฐบาลเกาหลี

**********

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับ 5 สถาบันเทคโนโลยีชั้นนำของทางเกาหลีใต้ น่าเรียนไปหมดทุกที่เลยใช่ไหมคะ แถมแต่ละที่ก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีหลักสูตรอินเตอร์ให้นักศึกษาต่างชาติได้เข้ามาเรียนโดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาเกาหลีด้วย ยิ่งในตอนนี้อุตสาหกรรมด้านวิทยาศาสตร์และวิศกรรมของเกาหลีเรียกได้ว่าพัฒนาก้าวหน้าไปไกลมากกกก การได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมทุกด้านแบบนี้เป็นการลงทุนที่นับว่าน่าลองไม่เบาค่ะ ถ้าน้องๆ หรือเพื่อนๆ คนไหนสนใจไปเรียนต่อแบบเฉพาะทางก็ขอฝากจดลิสต์ 5 สถาบันนี้ไว้เป็นทางเลือกด้วยนะค้า ^^

สวัสดีค่าาาา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ 🙂
       เราได้รับทุนรัฐบาลเกาหลี (GKS) 2020 ระดับปริญญาโท ตอนนี้มาถึงเกาหลีแล้วค่ะ อยู่ในช่วงกักตัว 14 วัน นอกจากใช้เวลาไปกับการกินและการนอน เราขอใช้พื้นที่นี้ในการเรียบเรียงการขอทุนของเราไว้นะคะ                 Global Korea Scholarship for Graduate Degrees เป็นทุนให้เปล่าค่ะ ผู้สมัครเลือกคณะ มหาลัยที่ตัวเองสนใจได้ โดยสามารถสมัครผ่านช่องทางมหาวิทยาลัย หรือ สมัครผ่านสถานทูต ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าตั้งถิ่นฐาน ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าเทอม(รวมเรียนภาษา1ปี) ค่าใช้จ่ายในการทำวิจัย ค่าตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ ประกันสุขภาพ ทางทุนจะออกให้ทั้งหมดค่ะ แถมใครได้ Topik ระดับ 5-6 ก็จะได้เงินเพิ่มเดือนละ 1แสนวอนด้วยนะคะระยะเวลาการเรียนระดับปริญญาโทคือ เรียนภาษา 1ปี เรียนปริญญาโท 2 ปี สำหรับขั้นตอนการขอทุนของเรามีดังนี้ค่ะ 
       1. ติดตามการรับสมัครทุนที่สนใจ 
       ตอนเราเรียนปริญญาตรี เราเลือกภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่สามค่ะ (เด็กมนุษย์ไทย มช. จะมีเรียนภาษาที่สามเพิ่ม) เราชอบเรียนเกาหลีมากเลยเก็บหน่วยกิตได้พอๆกับเป็นวิชา Minor พอขึ้นชั้นปีที่ 2 อาจารย์ก็แนะนำให้รู้จักกับทุนนี้ เราจึงสนใจและติดตามการรับสมัครผ่านเว็บ Dek-D        เราตัดสินใจสมัครหลังจากทำงานครบ 1 ปี เพราะเราอยากมีประสบการณ์ด้านการสอน และให้ตัวเองมั่นใจก่อนค่ะ ว่าอยากจะไปเรียนต่อ ด้านการสอนภาษาเกาหลีจริงๆ 
       2. เตรียมเอกสาร 
       เราเห็นประกาศทุนนี้ตอนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ หมดเขตรับสมัคร วันที่ 13 มีนาคม มีเวลา 1 เดือนในการเตรียมตัว แต่ก่อนหน้านั้นเราก็เตรียมตัวในหัวมาพอสมควรค่ะ555555555 เราเลยประมาท แล้วตอนนั้นเป็นครูที่โรงเรียนด้วย เหนื่อยมักกก กลับจากโรงเรียนเลยพักผ่อน เลื่อนเวลาเขียนเอกสารขอทุน จนสามอาทิตย์สุดท้ายเราก็ตัดสินใจสมัครผ่านช่องทางสถานทูตค่ะ เพราะเรารู้ว่าจะเรียนอะไร แต่จะเรียนม.ไหนยังตัดสินใจไม่ได้สักทีค่ะ ถ้าส่งผ่านสถานทูตก็จะสามารถเลือกได้ 3 มหาลัยที่สนใจ ในขณะที่ส่งตรงมหาลัยต้องมั่นใจแล้วว่าจะเป็นที่นั่นจริงๆเพราะเลือกได้ที่เดียวค่ะ เอกสารขอทุนจะต้องมี 4 ชุดนะคะ (ตัวจริง 1 Copy 3) ก็จะมีดังนี้ 
          2.1 Application Form กรอกข้อมูลส่วนตัว 
          – Degree Thesis Title เราต้องเขียนหัวข้อวิจัยที่ทำตอนป.ตรีไว้ด้วยค่ะ
          – Language Abilities เรากรอกเฉพาะ Topik Level (ทุนนี้ไม่จำเป็นต้องมีคะแนนภาษาก็จริง แต่ใครมี จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษค่ะ)
          – Awards (ถ้ามี) ด้วยความที่เราวางแผนในหัว(อีกแล้ว)ว่าอยากได้ทุนนี้ตั้งแต่ปี2 เราเลยอาสาอาจารย์ไปแข่งพูดสุนทรพจน์ภาษาเกาหลี ตอนปี3 แล้วก็ได้เกียรติบัตรเข้าร่วมมาค่ะ (ใช่ค่ะ มือใหม่หัดลงสนาม แพ้ไปเลยยย) ส่วนอีกใบที่เราแนบไป เป็นเกียรติบัตรอบรมการสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ เราคิดว่าสองใบนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้รับการคัดเลือก เพราะมันแสดงถึงความสนใจในภาษาเกาหลีและการสอน ดังนั้นใครที่จะสมัครทุนนี้ แนะนำให้ลองทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนดู ไม่ได้เกียรติบัตร ก็จะได้ประสบการณ์มาเขียนค่ะ
          – Choice of University & Major เราเป็นคนหัวช้าค่ะ ชอบนอนมากที่สุด ผลการเรียนเลยออกมาระดับกลางๆ เราอยากเรียน Teaching Korean as a Foreign Language ตอนแรกก็เล็งมหาลัยที่มีความเป็นไปได้ไว้ค่ะ แต่เราก็คิดว่า ควรมองตัวเองในแง่ที่ดีที่สุดไว้ก่อน มีโอกาสเลือกตั้งสามที่ เลยตัดสินใจเลือกม.โซลไว้อันดับ 1 ค่ะ เพราะใช้ชื่อคณะว่า College of Education แล้วหลักสูตรก็ตรงกับความต้องการของเราพอดี (ดูรายละเอียดมหาวิทยาลัยต่างๆได้จากไฟล์ที่แนบมากับใบสมัครใน http://studyinkorea.go.kr/ )
* อย่าลืมติดรูปถ่ายก่อนไป Copy 3 ฉบับด้วยนะคะ 
          2.2 Personal Statement ส่วนนี้จะมีคะแนนให้ 11 คะแนนนะคะ เขียนเป็นภาษาเกาหลีหรือภาษาอังกฤษเท่านั้น ดังนั้น เพื่อนๆต้องเรียบเรียงสิ่งที่จะเขียนให้ดี เราพิมพ์ๆลบๆอยู่ในจอเป็นวันเลยค่ะ (ทางที่ดีควรเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน ให้เพื่อนๆหรืออาจารย์ช่วยดูก็จะดียิ่งขึ้นค่ะ) สิ่งที่สำคัญในการเขียนคือ ความเป็นตัวเองค่ะ เมื่อเราสนใจและเราได้รับแรงบันดาลใจในการอยากทำสิ่งนั้นจริงๆ เราจะสามารถอธิบายแรงจูงใจในการสมัครและเหตุผลที่เลือกเรียนต่อได้ค่ะ แต่…ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเขียนปุ๊บเครื่องติดปั๊บ ดังนั้นเราก็ต้องมาวางขั้นการเขียนกันสักหน่อย เราเริ่มจากแนะนำตัวเอง > แรงบันดาลใจในการเรียนภาษา > ทำไมสนใจเลือกทุนนี้ > อะไรทำให้ตัดสินใจเลือกคณะนี้ ที่เกาหลี > ประสบการณ์ในม. > ประสบการณ์นอกม. > จบด้วยการให้ความมั่นใจว่าเรามี Passion ที่จะเรียนให้จบนะ เพื่อไปต่อยอดนู่นนี่นั่นนะ ไม่ทิ้งไปนอนกลางทางแน่นอน 
           2.3 Statement of Purpose ส่วนนี้ก็ 11 คะแนนเหมือนกันค่ะ แบ่งเป็น 2 ช่อง คือ
          – Goal of study & Study Plan เหมือนเดิมค่ะ วางการเขียนเป็นขั้นแล้วค่อยลงรายละเอียด เป้าหมายในการเรียน > วิจัยที่สนใจ > แผนการเรียน ส่วนนี้ค่อนข้างยากสำหรับเรา เพราะเราเริ่มไม่ได้เลยว่า ถ้าไปเรียนด้านการสอนจริงๆ เราควรคิดหัวข้อวิจัยแบบไหน ทางออกของเราคือ หาข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับการสอนภาษาเกาหลีในไทย แล้วก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เรียนศึกษาศาสตร์ค่ะ ให้เขาลองอธิบายการทำวิจัยของเขาเป็นรูปแบบไหนบ้าง สุดท้ายก็เหม่อค่ะ… ความรู้ยังไม่เข้าสมอง555555555555 พอค่อยๆคิดก็ได้หัวข้อวิจัยเกี่ยวกับปัญหาที่เราเจอตอนสอนภาษาเกาหลีให้คนไทยค่ะ ดังนั้นในส่วนนี้ใครคิดไม่ออกอย่ากดดันตัวเองนะคะ ไปเล่นไปนอนไปกินก่อนค่ะ แล้วค่อยมาเขียนต่อ
          – Future Plan after Study ส่วนนี้ให้เราเขียน โดยการมองตัวเองหลังจากเรียนจบว่าจะทำอะไร > ขยับจินตนาการไปอีกสัก 5 ปี ตัวเองจะอยู่ในจุดไหน > จบด้วยการเขียนภาพรวมว่าสิ่งที่วางไว้ทั้งหมดนั้นเพื่อประเทศไทยและเกาหลีอย่างไรค่ะ
          โดยเขาจะกำหนดขนาดอักษรและให้เขียนได้ไม่เกินได้ 1 หน้ากระดาษนะคะ ดังนั้น เขียนแต่ละย่อหน้าให้เป็นเรื่องๆ อ่านง่ายจะเป็นผลดีมากค่ะ เพราะกรรมการต้องอ่านเยอะ เราไม่ควรเขียนข้ามไปนู่นกลับมานี่ให้ท่านหงุดหงิดในใจนะคะ 
          2.4 TWO Letters of Recommendation เราให้อาจารย์ที่ปรึกษาตอนเรียนปริญญาตรีและอาจารย์ที่สอนวิชาภาษาเกาหลีเขียนให้ค่ะ เราทำแบบฟอร์มจากใบสมัคร โดยการเพิ่มบรรทัดต่อจากหัวข้อที่เขาให้มาค่ะ เพื่อนๆจะต้องมีจดหมายตัวจริง 1 ฉบับ และ Copy 3 ฉบับ รวมเป็น 8 ฉบับที่ต้องส่งให้กับสถานทูต แนะนำให้ขอล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนนะคะ โดยหลังจากเขียนเสร็จแล้ว ผู้แนะนำจะต้องถ่าย Copy 3 ฉบับก่อนปิดผนึกจดหมายแล้วเซ็นชื่อทับค่ะ หลังจากนั้นก็จะเป็นส่วนของการเซ็นเอกสารเงื่อนไขทุน ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง แนบใบจบกับเกรด 
        
  2.5 GKS Applicant Agreement 
          
          2.6 Personal Medical Assessment
          2.7 Certificate of Bachelor’s degree or Bachelor’s Diploma (Original or Certified Copies)
          2.8 Bachelor’s degree Transcript (Original or Certified Copies) 
          2.9 Applicant’s Proof of Citizenship Document / Applicant’s Parent’s Proof of Citizenship Document
 ใบยืนยันสัญชาติของผู้สมัครและผู้ปกครอง ปัจจุบันอำเภอสามารถออกทะเบียนบ้านฉบับภาษาอังกฤษให้ได้แล้วนะคะ มีค่าบริการ 10 บาท เราขอมาแล้วไปให้ทางกงสุลรับรองค่ะ
          2.10 Certificate of Valid TOPIK เราแนบผลสอบ Topikไปด้วยค่ะ หมดอายุปีนี้พอดี ถือว่าทันใช้ ไม่มีไม่เป็นไรค่ะ
          2.11 Awards and other Certificates เราแนบเกียรติบัตรที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับคณะที่เลือกเรียนไปค่ะ ส่วนนี้ใครไม่มี ไม่เป็นไรเช่นกันค่ะ
          เมื่อเตรียมครบก็พร้อมส่งแล้วค่ะ กว่าเราจะเรียบเรียงเอกสารทั้งหมดออกมาได้ ก็ต้องพึ่งรีวิวกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/36677905 พอสมควร ต้องขอขอบพระคุณที่เขียนอธิบายไว้อย่างละเอียดนะคะ ใครมาถามเรื่องทุนแล้วเราคุยไม่เข้าใจก็มักจะส่ง link นี้ไปทุกทีเลยค่ะ55555 

       3. ผ่านแล้วต้องสัมภาษณ์  
          ใช่ค่ะ ทุนนี้ไม่มีสอบ แต่มีสัมภาษณ์โดยปกติสถานทูตจะเรียกไปสอบสัมภาษณ์ที่กรุงเทพ แต่เพราะ Co-vid19 เราจึงได้สัมภาษณ์ผ่านทาง Skype แทนค่ะ เราก็เตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้พร้อม ก่อนเวลานัด รอไปรอมาเราก็ลงไปนอนเล่นค่ะ จังหวะนั้น Skype มาพอดี ลนลานหาหูฟังมากค่ะ บาปบุญที่ตั้งสติ Good Afternoon, My name is…ทัน เราชิงอธิบายจุดมุ่งมาย และทำไมเลือกคณะที่เรียนเองเลยนะคะ รีบค่ะไม่รอคำถาม5555555 หลังจากนั้นก็มีคำถามเชิงจิตวิทยาให้เลือกตอบค่ะ เราตอบเป็นภาษาเกาหลีนะคะ เพราะอยู่ๆศัพท์เกาก็ลอยมาก่อนศัพท์อิ้ง

       4. ผ่านสัมภาษณ์ก็ต้องรอ NIIED (National Institute for International Education) 
          ขั้นตอนของทางสถานทูต เสร็จสิ้นประมาณ ต้นเดือนเมษายนค่ะ หลังจากนั้นเอกสารการสมัครของเราก็จะถูกส่งไปให้ทางเกาหลี NIIED (องค์กรที่มอบทุน) เขาก็จะทำการคัดเลือก …มันทรมานสำหรับคนส่งช่องทางสถานทูตมากค่ะ เพราะผ่านรอบนี้ไปได้ ก็ต้องไปให้ม.คัดอีก ทั้งลุ้นทั้งรอนาน ในขณะที่คนส่งช่องทางมหาวิทยาลัย ก็ลุ้นรอบนี้ที่สุดค่ะ เพราะผ่านแล้วคือได้เลย 90% 

       5. ผ่าน NIIED ลุ้นมหาวิทยาลัยตอบรับ 
          หลังจากที่เรามีชื่ออยู่ในประกาศของ NIIED ก็ต้องอ่านรายละเอียดต่างๆที่แนบมา โดยมีกำหนดส่งเอกสาร 
          – สำเนาPassport ส่งพร้อมกับ แบบฟอร์มการตรวจสุขภาพ (เราตรวจที่โรงพยาบาลลานนา 4พันกว่าบาทค่ะ) 
          – Final choice จะส่งได้ก็ต่อเมื่อได้มีการตอบรับจากมหาวิทยาลัย
          เอกสารทั้งหมดและการตอบรับจากม.จะส่งทาง Email นะคะ ช่วงนั้นก็จะมองกล่องเข้าเมลด้วยสายตาวิงวอนทั้งวัน

       6. Final choice 
          เราได้รับการตอบรับจากม.โซลค่ะ ม.ที่เราเถียงกับหัวว่าเสี่ยงม้าย มันก็คงต้องเสี่ยง ก็ส่งเมลมา Congratulations on your result ในวันที่ 19 มิถุนายน วินาทีนั้นแหละค่ะ กรอก Final choice อย่างรวดเร็ว การรอคอยตั้งแต่ ส่งใบสมัคร 10 กุมภาพันธ์จนถึงมิถุนายนคือสิ้นสุดดดดดดดดดดด เราสามารถบอกแม่กับพ่อให้เตรียมใจและเตรียมขวัญถุงได้แล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ลุ้นที่เรียนภาษาต่อ เพราะเรา Topik ไม่ถึงระดับ 5 ต้องเรียนภาษา 1 ปีก่อนเข้าป.โทค่ะ 

          ในใจไปเชจู แต่เขาให้มาอยู่ที่นนซานค่ะ เราได้มาเรียนภาษาที่ Konyang University Nonsan Campus เป็นยังไงไม่รู้ เพราะตอนนี้กำลังกักตัวอยู่ที่หอของม.ค่ะ เข้าวันที่ 3 แล้ว ถ้าจะให้รีวิว ก็ต้องบอกว่า วิวที่นี่สวยมากๆ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ทุกๆเช้าเราจะปิดแอร์ เปิดหน้าต่าง นี่ถ้าไม่มีมุ้งลวดกั้น คงโผล่หน้าไปร้องเพลงกับนกเหมือนสโนว์ไวท์แล้วค่ะ (หยอก)
          การขอทุนของเราคงเขียนไว้เพียงเท่านี้ ที่เราอยากบอกที่สุดคือ 
         อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเพียงเพราะเกิดการแข่งขันขึ้น เรากลัวที่จะไม่ผ่าน เรากลัวที่จะล้มเหลวได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นจงปล่อยให้ตัวเองเผชิญกับความกลัวค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็ยังได้ลงมือทำนะคะ ขอบคุณค่ะ 

ทักมาคุยกันได้นะคะ 🤍
IG : sleepypuipui 

 

 

SHARE

34