Skip to content
Home » [NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย | ครอบคลุม ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย | ครอบคลุม ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ครอบคลุม ภาษา อังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Posted on

763

SHARES

Facebook

Twitter

สรุป Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียดทุกแง่มุมครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด ได้แก่ ความหมาย, โครงสร้าง tense ต่างๆ นะครับ

ในบทเรียนนี้่จะสรุปหลักการใช้ tense ทั้งหมด และตัวอย่างประโยคที่นำมาใช้งานจริงๆ เพื่อให้ผู้เรียนเห็นได้เห็นภาพว่า จริงๆแล้ว 12 tense นี่มันใช้แตกต่างกันอย่างไร

Table of Contents

Table of Content

♦ Tense คืออะไร

♦ โครงสร้าง tense ทั้ง 12 เป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร

♦ หลักการใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ใช้ต่างกันอย่างไร

♦ ตัวอย่างประโยคของเทนส์ทั้งหมด เพิ่มเติมเสริมความเข้าใจ

♦ บทเรียนเรื่อง tense 12  ฉบับจัดเต็ม

Tense คืออะไร

ความหมายของ Tense คือ รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา แสดงระบุเวลากำกับการกระทำในขณะที่พูด

นี่คือความหมายคร่าวๆนะครับ ถ้าย่นย่อกันจริงๆในการเรียนหลักภาษาแล้ว Tense คือ กาล (เวลา)

tense 12

โครงสร้างของ 12 Tense และหลักการใช้

ว่ากันไปแล้ว Tense ใหญ่ๆแค่ 3 เท่านั้นเอง แต่แยกย่อยออกอีก 4 จึงรวมกันได้ 12 tense

1.  Present Tense (ปัจจุบันกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบัน

2.  Past Tense (อดีตกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในอดีต

3.  Future Tense (อนาคตกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในอนาคต

PRESENT TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในปัจจุบัน

present simple tense

Present Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)

หลักการใช้:

  • บอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ …

ตัวอย่างประโยค:

  • I eat rice every day. ฉันกินข้าวทุกวัน
  • A dog has four legs. สุนัขมีสี่ขา
  • Bangkok is the capital city of Thailand.  กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
  • My class starts at 9.00 ชั่วโมงเรียนของฉันเริ่มเวลา 9 นาฬิกา

present continuous tense

Present Continuous Tense

Tense นี้อีกชื่อหนึ่งคือ Present Progressive Tense

โครงสร้าง: S. + is, am, are + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตแน่ๆ

ตัวอย่างประโยค:

  • I am eating rice now.  ฉันกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้
  • A dog is walking. สุนัขกำลังเดิน
  • I’m going to London next week. ฉันกำลังจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า
  • We are visiting our granddad tomorrow. พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมปู่พรุ่งนี้

present perfect tense

Present Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + has, have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินเสร็จแล้ว
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค:

  • I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินเสร็จแล้ว)
  • She has finished her homework. หล่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว
  • I have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวมาแล้ว 20 นาที
  • He has lived here since 2000. เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2000

present-perfect-continuous--tense

Present Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + has, have +been+ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบันคล้าย present perfect tense แต่เป็นการเน้นย้ำว่าทำอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างประโยค:

  • I have been playing football since 8 o’clock. ฉันเล่นฟุตบอล (อย่างต่อเนื่อง) ตั้งแต่ 8 โมง
  • She has been walking for 30 minutes. หล่อนเดิน (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 30 นาที
  • Toon has been running for 4 hours. ตูนวิ่ง (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 4 ชั่วโมง)
  • He has been working here since 1999. เขาทำงานที่นี่ (อย่างต่อเนื่อง)ตั้งแต่ปี 1999 (ไม่เคยย้ายไปไหน)

PAST TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอดีต

Past Simple Tense

Past Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V2

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง

ตัวอย่างประโยค:

  • I went to school yesterday. ฉันไปโรงเรียนเมื่อวานนี้
  • I ate bananas last week. ฉันกินกล้วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • My dad washed his car last Sunday. พ่อของผมล้างรถของเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
  • She watched this movie last year. หล่อนดูหนังเรื่องนี้ปีที่แล้ว
  • Sam visited his parents five years ago. แซมไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาเมื่อห้าปีที่แล้ว

Past Continuous Tense

Past Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + was, were + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I saw a big elephant while I was walking to school. ฉันเห็นช้างตัวหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน
  • We were eating dinner when dad came home. พวกเรากำลังกินข้าวเย็นอยู่ ตอนที่พ่อมาถึงบ้าน
  • The light went out when they were watching TV. ไฟดับตอนที่พวกเขากำลังดูทีวีอยู่
  • She was taking a bath when I called her. หล่อนกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนที่ผมโทรหาหล่อน
  • Sam was driving home when it started to rain. แซมกำลังขับรถกลับบ้าน ตอนที่ฝนเริ่มตก

Past Perfect Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอดีต ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์ตามมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I had eaten a pizza before I went to bed.ฉันได้กินพิซซ่า ก่อนที่ฉันเข้านอน (กินก่อน )
  • John called me after I had left. จอห์นโทรหาฉัน หลังจากที่ฉันได้ออกจากบ้านแล้ว
  • All people had gone home when we reached the cinema. คนได้กลับบ้านหมดแล้ว เมือเราไปถึงโรงหนัง
  • They had had dinner before they did homework. พวกเขาได้เขากินข้าว ก่อนพวกเขาทำการบ้าน
  • The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี

Past Perfect Continuous Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + been + ฺฺ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เน้นการบอกเวลามากกว่าการกระทำ

ตัวอย่างประโยค:

  • had been waiting for the train for three hours before it arrived. ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึง
  • We had been walking for one hour when we saw that bird.
    พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวนั้น
  • They had been playing football for four hours when it started to rain.
    พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)

FUTURE TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอนาคต

Future simple tense

Future Simple Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ V1

หลักการใช้:

  • บอกเล่า คาดการณ์เหตุการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • I will go to school tomorrow. ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (คิดว่าต้องไป เดี๋ยวหมดสิทธิ์สอบ)
  • I will watch Chin Jang this evening. ฉันจะดูชินจังเย็นนี้ (เพื่อนบอกว่าสนุก จะลองดูหน่อย)
  • You will eat papaya salad tonight. คุณจะกินส้มตำคืนนี้ (คุณเคยบอกไว้ ว่าจะกินคืนนี้)
  • He will clean the car next week. เขาจะล้างรถสัปดาห์หน้า (เขาบอกมา ว่าจะล้าง)
  • She will buy a bike next month. หล่อนจะซื้อจักรยานเดือนหน้า (หล่อนว่าเดินไปเรียนแล้วเหนี่อย)

future continuous tense

Future Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ be + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • I will be reading books at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At nine o’clock tomorrow, we will be working on the farm.พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
  • At six o’clock, we will be eating dinner with our granddad. เวลา 6 นาฬิกา พวกเราจะกำลังกินข้าวกับปู่ของพวกเรา
  • She will be waiting when you arrive. หล่อนจะกำลังรอคอย เมื่อคุณมาถึง

Future Perfect Tense

Future Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • I will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • Tomorrow morning, we will have finished our project. พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
  • She will have gone when you arrive. หล่อน(คง)จะไปแล้ว เมื่อคุณมาถึง
  • I will have cleaned the floor when my mom gets home. ฉัน(คง)จะทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยแล้ว ตอนที่แม่มาถึง

Future Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + been + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนิมมาได้ระยะเวลาหนึ่งในอนาคต ก่อนมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามา

ตัวอย่างประโยค

  • I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow.
    ฉันจะได้กำลังกินข้าวเช้าเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว ณ เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At 10 o’clock tomorrow, we will have been working on the farm for two hours.
    เวลา 10 นาฬิกาพรุ่งนี้ พวกเราจะได้กำลังทำงานในฟาร์ม เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
  • You will have been waiting for two hours when the plane arrives.
    คุณจะได้กำลังรอ เป็นเวลาสองชั่วโมง เมื่อเครื่องบินมาถึง

ถึงแม้ว่า Tense ทั้งหมดจะมี 12 Tense ก็จริง แต่สรุปว่าจริงๆใช้บ่อยก็มีดังต่อไปนี้

  • Present Continuous
  • Present Simple
  • Present Perfect
  • Past simple
  • Future Simple

นอกนั้นไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอกครับ

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.7 / 5. Vote count: 1415

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] 17 วิธีการทักทายเป็นภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ในทุกระดับภาษา | ครอบคลุม ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ไม่มีไครไม่รู้จัก “hello” และ “how are you” หรอกใช่มั้ย

แต่เราก็คงไม่พูด “สวัสดี สบายดีมั้ย?” ทุกครั้งที่เจอกันหรอก–ใช่มั้ย

ในภาษาอังกฤษมีคำทักทายและสำนวนเริ่มต้นมากมายให้คุณได้เลือกใช้ในแต่ละสถานการณ์ที่ต่างกัน

คำทักทายเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถทักทายได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น และสามารถเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำถามที่ตรงประเด็น แสดงความรู้สึกของคุณได้ตรงจุดและดูจริงใจมากขึ้นด้วย

ไปเรียนรู้คำทักทายในภาษาอังกฤษทั้งแบบเป็นทางการ ไม่เป็นทางการ และคำสแลงกวน ๆ ที่ผู้คนทั่วโลกใช้ทักทายกัน ไม่ว่าคุณจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นแค่ภาษาที่สอง หรือจะเป็นมืออาชีพด้านภาษาอังกฤษเชิงธรุกิจ เรารวบรวมทุกอย่างไว้ให้คุณแล้วในบทความนี้

ประโยคทักทายทั่ว ๆ ไปในภาษาอังกฤษ

คนที่พูดภาษาอังกฤษมักทักทายกันแบบเป็นกันเองด้วยประโยคธรรมดาทั่ว ๆ ไป คุณสามารถเริ่มต้นบทสนทนากับเพื่อน ๆ  ครอบครัว หรือแม้แต่กับผู้คนที่คุณพบเจอในชีวิตประจำวันปกติด้วยประโยคทักทายง่าย ๆ เหล่านี้

จะทำอย่างไรถ้าในชีวิตประจำวันของคุณไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ? คุณจะฝึกสำนวนเหล่านี้ได้อย่างไร?

FluentU คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ใช้กันจริง ๆ ในชีวิตทุกวันนี้  FluentU นำเสนอด้วยวิดีโอภาษาอังกฤษที่สามารถพูดได้ว่าเป็น real-world English videos อย่างแท้จริง แพลตฟอร์มของ FluentU จะเปลี่ยนภาพยนตร์ มิวสิควิดีโอ ทอล์คโชว์ และวิดีโออื่น ๆ ให้กลายเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาให้กับคุณ

คำบรรยายในทุกวิดีโอจะสามารถสื่อสารได้สองทิศทาง เพียงคุณคลิกที่คำในคำบรรยาย ความหมายของคำนั้นจะปรากฏขึ้นและมีการอ่านออกเสียงคำนั้นให้คุณได้ฟัง นอกจากนี้ยังมีบัตรคำศัพท์พร้อมแบบฝึกหัดเพื่อให้คุณสามารถจดจำคำต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

นี่คือวิธีที่สนุกสุด ๆ ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษที่เจ้าของภาษาใช้สนทนากัน จะสนุกแค่ไหนทดลองใช้ FluentU ดูครับ แล้วมาเรียนรู้สำนวน (และอื่น ๆ อีกมากมาย) ที่ผู้คนใช้พูดกันจริง ๆ จากข้างล่างนี้กัน

1. Hey, Hey man หรือ Hi

“hey” และ “hi” เป็นคำทักทายที่ถูกใช้แทนคำว่า “hello” ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มวัยรุ่น คุณสามารถใช้คำว่า “hi” ในบริบทที่เป็นกันเองได้ทุกสถานการณ์ แต่สำหรับคำว่า “hey” เราใช้เพื่อทักทายคนที่รู้จักกันแล้วเท่านั้น ถ้าคุณเผลอ “hey” กับคนแปลกหน้า เขาหรือเธออาจสับสนว่าเคยเจอหน้าอีตานี่ตั้งแต่เมื่อไหร่!?  แต่หากเพื่อนของคุณเป็นผู้ชายคุณยังเติมท้าย “hey” ด้วยคำว่า “man” ได้อีก บางครั้งเราก็ใช้ “hey man” กับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าด้วยเหมือนกัน แต่นั่นหมายความว่าคุณต้องสนิทสนมกับเธอเป็นอย่างดี โปรดจำไว้ว่า “hey” อาจไม่ใช่ “hello” เสมอไป เพราะบางครั้งเราใช้ “hey” แค่เพื่อเรียกความสนใจจากใครบางคน

2. How’s it going? หรือ How are you doing?

“How are you?” เป็นคำทักทายที่ใช้กันในบริบททั่ว ๆ ไป แต่ถ้าคุณอยากให้สุภาพเป็นพิเศษในความหมายที่ไม่ต่างกับ “how are you” คุณสามารถทักทายด้วยสองคำถามนี้ “how’s it going?” หรือ “how are you doing?” ซึ่งโดยปกติคำว่า “going” มักจะถูกทอนเสียงให้สั้นลงเป็น “go-in” หากมีใครทักทายคุณด้วยสองคำถามนี้คุณสามารถตอบกลับไปว่า “it’s going well” หรือ “I’m doing well” ซึ่งขึ้นอยู่กับคำถาม แต่ก็อีกนั่นแหละคนส่วนใหญ่มักจะตอบกันว่า “good” แม้มันจะไม่ถูกหลักไวยากรณ์ก็ตาม  มันก็เหมือนกับการถูกถามด้วย “how are you?” แล้วคุณต่อท้ายคำตอบด้วยการถามกลับไปว่า “and you?” นั่นแหละ!

3. What’s up?, What’s new? หรือ What’s going on?

สามสำนวนนี้คือ “how are you?” แบบเป็นกันเอง ซึ่งโดยปกติเราใช้มันเพื่อทักทายคนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่มักตอบว่า “nothing” หรือ “not much” แต่ถ้าคุณอยากเจรจาพาทีด้วยสักหน่อย คุณก็อาจอธิบายสั้น ๆ ได้ว่ามีอะไรใหม่หรือมีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นกับคุณบ้าง ก่อนที่จะปิดท้ายบทสนทนาด้วยคำถามว่า “what about you?”

4. How’s everything ?, How are things? หรือ How’s life?

นี่ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ “how are you?” ในบริบทที่ไม่เป็นทางการสำหรับคนที่รู้จักกันมาก่อนแล้ว ต่างกันก็แค่คำถามพวกนี้คุณอาจจะตอบว่า “good” หรือ “not bad” หรืออะไรทำนองนั้น และอีกเช่นกันคุณอาจจะอยากแชร์อะไรดี ๆ ไปสั้น ๆ แล้วปิดด้วย “what about you?” หรือ…สำนวนอื่นบ้างก็ได้!

5. How’s your day? หรือ How’s your day going?

คำถามเหล่านี้คือ “how are you?” เช่นกัน ซึ่งไม่ใช่แค่หมายถึงตอนนี้เป็นอย่างไรแต่หมายถึงวันนี้เป็นอย่างไร เราใช้สองคำถามนี้เพื่อทักทายคนที่เราเจอกันอยู่เป็นประจำ เช่น คุณเจอเพื่อนร่วมงานคุณตอนบ่ายคุณอาจทักทายว่า “how’s your day going?” หรือทุกเย็นที่คุณแวะร้านขายของชำคุณอาจทักทายแคชเชียร์ว่า “how’s your days?” เป็นต้น  แม้ “It’s going well” จะเป็นคำตอบรับที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่หลายคนก็ตอบว่า “fine”, “good” หรือ “alright” และอันที่จริงคุณจะสังเกตเห็นว่า “good”, “fine” และ “not bad” ยังเป็นคำตอบรับครอบจักรวาลที่เราใช้กันเกือบทุกคำทักทายอีกด้วย

6. Good to see you หรือ Nice to see you

หากคุณเจอเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน หรือสมาชิกในครอบครัวที่ห่างกันไปสักพักหนึ่ง คุณจะสวมกอดพวกเขาและทักทายซึ่งกันและกันด้วยสองสำนวนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่นาน ๆ เจอกันที คุณสามารถใช้สองสำนวนนี้พร้อมกับจับมือกันหรือโอบกอดกัน ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองคน

7. Long time no see หรือ It’s been a while

คำทักทายที่ไม่เป็นทางการเหล่านี้ จะใช้เมื่อคุณไม่ได้เจอใครเป็นระยะเวลานาน ๆ และนานกว่าในข้อที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังเอิญเจอกัน แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่านานล่ะ?–นั่นก็ขึ้นอยู่กับความถี่ที่คุณเจอกันเป็นปกติ เช่น ปกติคุณเจอกันทุกสัปดาห์ แต่อยู่ ๆ เขาก็หายหน้าไปสัก 2-3 เดือนหรือมากกว่า เมื่อคุณเจอกันคุณสามารถทักทายด้วยหนึ่งในสองสำนวนนี้ได้ โดยทั่วไปสองสำนวนนี้จะไม่พูดกันลอย ๆ แต่จะตามด้วยคำถามเช่น “how are you?” “how have you been?” หรือ “what’s new?”

คำทักทายทางธุรกิจและคำทักทายอย่างเป็นทางการ

เป็นการดีที่สุดที่จะเริ่มต้นด้วยการกล่าวคำทักทายอย่างเป็นทางการในสถานการณ์ทางธุรกิจ แล้วคอยฟังว่าคู่ค้าหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจของคุณจะทักทายคุณอย่างไร คุณควรรอจนกว่าจะมีคนพูดกับคุณด้วยภาษาที่ไม่เป็นทางการก่อน แล้วคุณจึงจะเริ่มใช้ภาษาที่ดูเป็นกันเองมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจหมายถึงเมื่อคุณได้รู้จักกันไปสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามการทักทายผู้ที่อาวุโสกว่าก็ควรใช้คำทักทายที่เป็นทางการจะดีที่สุด

8. Good morning, Good afternoon หรือ Good evening

คำทักทายเหล่านี้เป็นวิธีที่เป็นทางการในการพูดว่า “hello” ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน แต่โปรดจำไว้ว่า “good night” คือคำว่า “good bye” ดังนั้นหากคุณเจอใครตอนกลางคืนอย่าเผลอใช้คำว่า “good night” แต่ให้ใช้ “good evening” แทน  สำหรับคำว่า “good morning” สามารถทำให้ดูเป็นกันเองมากขึ้นโดยใช้แค่คำว่า “morning” เฉย ๆ  และคุณยังสามารถใช้แค่ “afternoon” หรือ “evening” ได้เช่นกันแต่มันไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

9. It’s nice to meet you หรือ Pleased to meet you

นี่เป็นคำทักทายที่เป็นทางการและมีความสุภาพมาก คุณสามารถแสดงมารยาทกับใครบางคนเมื่อคุณพบเขาหรือเธอเป็นครั้งแรกด้วยคำทักทายเหล่านี้  ขอย้ำว่า ใช้ทักทายเขาหรือเธอที่เจอกันเท่านั้น และในครั้งต่อไปคุณสามารถแสดงให้เห็นว่าคุณยังจำเขาหรือเธอได้โดยใช้ประโยคนี้ “it’s nice to see you again”

10. How have you been?

หากคุณเจอคนรู้จักแล้วเขาทักทายคุณว่า “how have you been?” นั่นหมายถึง เขาต้องการทราบว่าคุณยังสบายดีอยู่ใช่ไหมนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน

11. How do you do?

คำทักทายนี้มีความเป็นทางการสูงมาก จนแทบจะไม่มีใครใช้กัน แต่ก็ยังใช้กันอยู่บ้างในกลุ่มผู้ใหญ่ การตอบรับที่เหมาะสมสำหรับคำถามนี้คือ “I’m doing well” แต่ที่ดูเหมือนจะแปลกไปสักหน่อยก็คือ บางคนมักตอบกลับไปว่า “how do you do?” หลังจากโดนถาม!

คำสแลงที่ผู้คนใช้ทักทายกัน

คำสแลงควรใช้กับคนที่คุณรู้จักเป็นอย่างดีและรู้สึกสนิทสนมด้วยมาก ๆ เท่านั้น พึงระลึกเสมอว่าคำสแลงเป็นภาษาประจำถิ่น ซึ่งนั่นหมายถึงออสเตรเลียนสแลง อาจจะแสลง หูในอเมริกา–อะไรประมาณนั้น!  ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดคุณจำเป็นต้องเรียนรู้ศัพท์สแลงของท้องถิ่นนั้น เพราะความหมายอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ตัวอย่างพวกนี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้

12. Yo!

การทักทายกวน ๆ นี้ใช้กันติดปากมากในอเมริกาโดยเริ่มมาจากกลุ่ม hip-hop ยุค 90  และทุกวันนี้มันมักใช้แบบติดตลกในกลุ่มเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกันมาก ๆ  จำไว้ว่าไม่ควรอย่างยิ่งที่คุณจะ Yo! ใส่ใครหากคุณไปเจรจาธุรกิจกับเขา

13. Are you OK?, You alright? หรือ Alright mate?

คำทักทายสั้น ๆ ง่าย ๆ นี้เป็นการสื่อความหมายผสมกันของทั้ง “hello” และ “how are you” และนิยมใช้กันในประเทศอังกฤษ คุณสามารถตอบรับด้วยคำว่า “yeah, fine” หรือที่ง่ายกว่าก็ “alright”

14. Howdy!

นี่เป็นคำย่ออย่างไม่เป็นทางการของคำว่า “how do you do?” บางที่ในแคนาดาและสหรัฐมักชอบใช้คำนี้ แต่หากคุณ “howdy” ในที่อื่น ๆ คุณอาจจะถูกมองว่าเป็นคาวบอยหรือไม่ก็ตัวตลก–เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!

15. Sup? หรือ Whazzup?

นี่เป็นคำย่อของ “what’s up?” ซึ่งใช้กันทั่วไปในหมู่วัยรุ่น เช่นเดียวกับ “what’s up?” คุณสามารถตอบกลับไปว่า “nothing” หรือ “not much”

16. G’day mate!

G’day ย่อมาจากคำทักทายของออสเตรเลียว่า “good day” คำทักทายของออสเตรเลียมักจะโดนทอนให้สั้นแบบนี้ เช่น “ya” ใช้แทน “you” ดังนั้น “how are ya?” ก็คือ “how are you?”  ส่วน “how are ya going?” โดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกับ “how’s it going?” หรือ “how are you doing?” นั่นเอง

17. Hiya!

ภาคขยายของ Hiya! ก็คือ “how are you?” ซึ่งใช้กันทั่วไปในบางพื้นที่ของอังกฤษ และคุณก็ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ด้วยคำตอบจริง ๆ หรอก–แค่ “hey!” กลับไปก็พอ

ผมหวังว่าคุณจะสนุกกับการลองใช้คำทักทายภาษาอังกฤษใหม่ ๆ เหล่านี้ แล้วคุณจะพบว่าการทักทายด้วยรูปแบบที่หลากหลายจะช่วยให้ภาษาอังกฤษของคุณเป็นธรรมชาติมากขึ้น แถมยังทำให้การทักทายด้วยภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุกและน่าสนใจมากขึ้นสำหรับคุณด้วย

เคล็ดลับสุดท้ายสำหรับเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

กุญแจสำคัญในการเรียนเรื่องสนทนาภาษาอังกฤษคืออะไร

การใช้เนื้อหาและเครื่องมือที่เหมาะสม

และเมื่อตำราไม่ได้ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้คุณได้อีกต่อไป

คุณต้องการเรียนรู้จากสิ่งที่เหมือนกับภาษาที่ได้ยินในทีวี

เอาล่ะ นี่คือเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ: FluentU

FluentU มีแพลตฟอร์มที่จะเปลี่ยนวีดีโอภาษาอังกฤษที่คนใช้พูดกันจริง ๆ อย่างมิวสิควิดีโอ โฆษณา ข่าว และทอล์คโชว์ให้กลายเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ภาษาของคุณ คุณจะได้เรียนภาษาอังกฤษอย่างที่คนใช้สื่อสารกันจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน

FluentU มีวิดีโอสนุก ๆ มากมาย ทั้งรายการทอล์กโชว์ยอดนิยม มิวสิควิดีโอ และโฆษณาตลก ๆ เหมือนตัวอย่างด้านล่างนี้

FluentU ทำให้การดูวิดีโอภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ  อยากรู้คำไหนแตะที่คำนั้นแล้วคุณจะพบกับทั้งภาพ ความหมาย และตัวอย่างที่มีประโยชน์

ตัวอย่างเช่น หากคุณแตะคำว่า “brought,” คุณจะได้เห็นสิ่งนี้

และ FluentU ก็ไม่ใช่แค่การนั่งดูวิดีโอ  แพลตฟอร์มของ FluentU เป็นระบบที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะทำให้คุณได้ทั้งเรียนรู้คำศัพท์ ทำแบบทดสอบ ศึกษาวิธีการใช้คำจากตัวอย่างที่หลากหลายในแต่ละวิดีโอ

ส่วนที่เยี่ยมที่สุดคือ FluentU สามารถจดจำและวิเคราะห์จากคำศัพท์ที่คุณเรียน เพื่อแนะนำตัวอย่างและวิดีโอที่เหมาะสมกับประสบการณ์ในการเรียนรู้ของคุณอย่างแท้จริง

เริ่มใช้งาน FluentU บนเว็บไซต์ ด้วยคอมพิวเตอร์หรือแท็ปเล็ตของคุณ หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ดาวน์โหลดแอพ FluentU จาก iTunes store ตอนนี้เลย

If you liked this post, something tells me that you’ll love FluentU, the best way to learn English with real-world videos.

Experience English immersion online!


ภาษาอังกฤษ บท Super Detective Adjective\u0026Adverb


รับชมเพิ่มเติมได้ทาง
www.obectv.tv

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ภาษาอังกฤษ บท Super Detective Adjective\u0026Adverb

เพลงใส่หน้ากากไว้ปลอดภัยจากโควิด( BYE COVID19 ) | เพลงเด็ก by KidsOnCloud


เพลงสนุกๆน่ารัก ชวนให้เด็กๆใส่หน้ากาก ล้างมือและกักตัว เพื่อปลอดภัยจากโควิดกันนะคะ
เพื่อนสัตว์น่ารัก กล่องเพลงเจ้าตัวเล็ก
เพลงเด็กโควิด stayhome withme
ParentWithMe

เพลงใส่หน้ากากไว้ปลอดภัยจากโควิด( BYE COVID19 ) | เพลงเด็ก by KidsOnCloud

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย


100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย
กริยาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ verb
ภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
กริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
คำกริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษ,
กริยาอังกฤษใช้บ่อย,

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย

พูดภาษาอังกฤษ แกรมม่าสำคัญแค่ไหน ควรเริ่มสร้างประโยคยังไง


ภาษาอังกฤษ สอนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษ
ในคลิ๊ปนี้เรามาดูกันค่ะ ว่าในการเริ่มต้นฝึกพูด ฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ แกรมม่าหรือที่เราเรียนว่าไวยากรณ์มันสำคัญมากน้อยแค่ไหน และควรเริ่มต้นสร้างประโยคยังไง แล้วถ้าอยากสนทนาได้เป็นเร็ว ควรเริ่มต้นเรียนแบบไหน แบบเน้นหลักแกรมม่าหรือไม่เน้น

ลิงค์สำหรับดูคลิ๊ป playlist เรียนภาษาอังกฤษจากซีรียส์ Friends
https://www.youtube.com/playlist?list=PLMfgvKgVmGD6hOgR8SuhpRQRYSXfuA6qo
______________________________________________________________
Like on Facebook: www.facebook.com/thinkenglishwithkrufirst
สนใจเรียนคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษกับ Kru.First
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.krufirst.com
หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line ID: @englishkrufirst
ภาษาอังกฤษ | เรียนอังกฤษ | สนทนาภาษาอังกฤษ | ภาษาอังกฤษออนไลน์ | เรียนอังกฤษด้วยตัวเอง | ฝึกพูดภาษาอังกฤษ | ให้ชัดและมั่นใจ | ฝึกพูดอังกฤษ | ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ | ฝึกสำเนียงภาษาอังกฤษ | ฝึกพูดอังกฤษด้วยตัวเอง

พูดภาษาอังกฤษ แกรมม่าสำคัญแค่ไหน ควรเริ่มสร้างประโยคยังไง

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts


คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts
คำศัพท์ร่างกาย ภาษาอังกฤษ ศัพท์อังกฤษ

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ครอบคลุม ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *