Skip to content
Home » [NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย | อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย | อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Posted on

763

SHARES

Facebook

Twitter

สรุป Tense ทั้ง 12 อย่างละเอียดทุกแง่มุมครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด ได้แก่ ความหมาย, โครงสร้าง tense ต่างๆ นะครับ

ในบทเรียนนี้่จะสรุปหลักการใช้ tense ทั้งหมด และตัวอย่างประโยคที่นำมาใช้งานจริงๆ เพื่อให้ผู้เรียนเห็นได้เห็นภาพว่า จริงๆแล้ว 12 tense นี่มันใช้แตกต่างกันอย่างไร

Table of Contents

Table of Content

♦ Tense คืออะไร

♦ โครงสร้าง tense ทั้ง 12 เป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร

♦ หลักการใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ใช้ต่างกันอย่างไร

♦ ตัวอย่างประโยคของเทนส์ทั้งหมด เพิ่มเติมเสริมความเข้าใจ

♦ บทเรียนเรื่อง tense 12  ฉบับจัดเต็ม

Tense คืออะไร

ความหมายของ Tense คือ รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา แสดงระบุเวลากำกับการกระทำในขณะที่พูด

นี่คือความหมายคร่าวๆนะครับ ถ้าย่นย่อกันจริงๆในการเรียนหลักภาษาแล้ว Tense คือ กาล (เวลา)

tense 12

โครงสร้างของ 12 Tense และหลักการใช้

ว่ากันไปแล้ว Tense ใหญ่ๆแค่ 3 เท่านั้นเอง แต่แยกย่อยออกอีก 4 จึงรวมกันได้ 12 tense

1.  Present Tense (ปัจจุบันกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบัน

2.  Past Tense (อดีตกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในอดีต

3.  Future Tense (อนาคตกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในอนาคต

PRESENT TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในปัจจุบัน

present simple tense

Present Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)

หลักการใช้:

  • บอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ …

ตัวอย่างประโยค:

  • I eat rice every day. ฉันกินข้าวทุกวัน
  • A dog has four legs. สุนัขมีสี่ขา
  • Bangkok is the capital city of Thailand.  กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
  • My class starts at 9.00 ชั่วโมงเรียนของฉันเริ่มเวลา 9 นาฬิกา

present continuous tense

Present Continuous Tense

Tense นี้อีกชื่อหนึ่งคือ Present Progressive Tense

โครงสร้าง: S. + is, am, are + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตแน่ๆ

ตัวอย่างประโยค:

  • I am eating rice now.  ฉันกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้
  • A dog is walking. สุนัขกำลังเดิน
  • I’m going to London next week. ฉันกำลังจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า
  • We are visiting our granddad tomorrow. พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมปู่พรุ่งนี้

present perfect tense

Present Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + has, have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินเสร็จแล้ว
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค:

  • I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินเสร็จแล้ว)
  • She has finished her homework. หล่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว
  • I have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวมาแล้ว 20 นาที
  • He has lived here since 2000. เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2000

present-perfect-continuous--tense

Present Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + has, have +been+ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบันคล้าย present perfect tense แต่เป็นการเน้นย้ำว่าทำอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างประโยค:

  • I have been playing football since 8 o’clock. ฉันเล่นฟุตบอล (อย่างต่อเนื่อง) ตั้งแต่ 8 โมง
  • She has been walking for 30 minutes. หล่อนเดิน (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 30 นาที
  • Toon has been running for 4 hours. ตูนวิ่ง (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 4 ชั่วโมง)
  • He has been working here since 1999. เขาทำงานที่นี่ (อย่างต่อเนื่อง)ตั้งแต่ปี 1999 (ไม่เคยย้ายไปไหน)

PAST TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอดีต

Past Simple Tense

Past Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V2

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง

ตัวอย่างประโยค:

  • I went to school yesterday. ฉันไปโรงเรียนเมื่อวานนี้
  • I ate bananas last week. ฉันกินกล้วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • My dad washed his car last Sunday. พ่อของผมล้างรถของเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
  • She watched this movie last year. หล่อนดูหนังเรื่องนี้ปีที่แล้ว
  • Sam visited his parents five years ago. แซมไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาเมื่อห้าปีที่แล้ว

Past Continuous Tense

Past Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + was, were + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I saw a big elephant while I was walking to school. ฉันเห็นช้างตัวหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน
  • We were eating dinner when dad came home. พวกเรากำลังกินข้าวเย็นอยู่ ตอนที่พ่อมาถึงบ้าน
  • The light went out when they were watching TV. ไฟดับตอนที่พวกเขากำลังดูทีวีอยู่
  • She was taking a bath when I called her. หล่อนกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนที่ผมโทรหาหล่อน
  • Sam was driving home when it started to rain. แซมกำลังขับรถกลับบ้าน ตอนที่ฝนเริ่มตก

Past Perfect Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอดีต ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์ตามมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I had eaten a pizza before I went to bed.ฉันได้กินพิซซ่า ก่อนที่ฉันเข้านอน (กินก่อน )
  • John called me after I had left. จอห์นโทรหาฉัน หลังจากที่ฉันได้ออกจากบ้านแล้ว
  • All people had gone home when we reached the cinema. คนได้กลับบ้านหมดแล้ว เมือเราไปถึงโรงหนัง
  • They had had dinner before they did homework. พวกเขาได้เขากินข้าว ก่อนพวกเขาทำการบ้าน
  • The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี

Past Perfect Continuous Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + been + ฺฺ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เน้นการบอกเวลามากกว่าการกระทำ

ตัวอย่างประโยค:

  • had been waiting for the train for three hours before it arrived. ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึง
  • We had been walking for one hour when we saw that bird.
    พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวนั้น
  • They had been playing football for four hours when it started to rain.
    พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)

FUTURE TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอนาคต

Future simple tense

Future Simple Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ V1

หลักการใช้:

  • บอกเล่า คาดการณ์เหตุการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • I will go to school tomorrow. ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (คิดว่าต้องไป เดี๋ยวหมดสิทธิ์สอบ)
  • I will watch Chin Jang this evening. ฉันจะดูชินจังเย็นนี้ (เพื่อนบอกว่าสนุก จะลองดูหน่อย)
  • You will eat papaya salad tonight. คุณจะกินส้มตำคืนนี้ (คุณเคยบอกไว้ ว่าจะกินคืนนี้)
  • He will clean the car next week. เขาจะล้างรถสัปดาห์หน้า (เขาบอกมา ว่าจะล้าง)
  • She will buy a bike next month. หล่อนจะซื้อจักรยานเดือนหน้า (หล่อนว่าเดินไปเรียนแล้วเหนี่อย)

future continuous tense

Future Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ be + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • I will be reading books at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At nine o’clock tomorrow, we will be working on the farm.พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
  • At six o’clock, we will be eating dinner with our granddad. เวลา 6 นาฬิกา พวกเราจะกำลังกินข้าวกับปู่ของพวกเรา
  • She will be waiting when you arrive. หล่อนจะกำลังรอคอย เมื่อคุณมาถึง

Future Perfect Tense

Future Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • I will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • Tomorrow morning, we will have finished our project. พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
  • She will have gone when you arrive. หล่อน(คง)จะไปแล้ว เมื่อคุณมาถึง
  • I will have cleaned the floor when my mom gets home. ฉัน(คง)จะทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยแล้ว ตอนที่แม่มาถึง

Future Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + been + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนิมมาได้ระยะเวลาหนึ่งในอนาคต ก่อนมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามา

ตัวอย่างประโยค

  • I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow.
    ฉันจะได้กำลังกินข้าวเช้าเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว ณ เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At 10 o’clock tomorrow, we will have been working on the farm for two hours.
    เวลา 10 นาฬิกาพรุ่งนี้ พวกเราจะได้กำลังทำงานในฟาร์ม เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
  • You will have been waiting for two hours when the plane arrives.
    คุณจะได้กำลังรอ เป็นเวลาสองชั่วโมง เมื่อเครื่องบินมาถึง

ถึงแม้ว่า Tense ทั้งหมดจะมี 12 Tense ก็จริง แต่สรุปว่าจริงๆใช้บ่อยก็มีดังต่อไปนี้

  • Present Continuous
  • Present Simple
  • Present Perfect
  • Past simple
  • Future Simple

นอกนั้นไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอกครับ

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.7 / 5. Vote count: 1415

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] การใช้ Tenses ในภาษาอังกฤษ ที่เกี่ยวข้องกับเวลา | อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

สวัสดีค่ะนักเรียนม.  1 ที่น่ารักทุกคนวันนี้ครูจะพาไปรู้จักกับ การใช้ Tense ต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษกัน

ก่อนอื่นมารู้จักTenses กันก่อน

3Tenses M1
Tenses อ่านว่า เท้นสฺ ถ้าเป็นคำ Adjective หรือคุณศัพท์จะแปลว่าหนักหนาสาหัส แต่ถ้าเป็นคำนาม (Noun) จะแปลว่า กาลเวลาค่ะ หัวใจของการเรียนเรื่อง Tense คือ กริยา(verb) เมื่อกริยาเปลี่ยนไปเวลาและเงื่อนไขการใช้งานของ Tense ก็จะเปลี่ยนแปลงค่ะ วันนี้ครูขอเสนอ 5 Tenses หลักที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษนะคะ ไปลุยกันเลยเริ่มจาก Tense ที่ใช้ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตค่า

 

Past Simple Tense (อดีตธรรมดา)

 

Past-simple-tense

รูปแบบประโยค:  ประธาน + กริยาช่อง 2

ตัวอย่าง He went back home. เขากลับบ้าน

หลักการใช้  Past Simple Tense

  1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year เช่น
    I got sick yesterday. ฉันป่วยเมื่อวานนี้
    I lived in Phuket 3 years ago. ฉันอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
  1. แสดงเหตุการณ์ที่เป็นนิสัย ที่ทำประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว) มักมี adverb ความถี่อยู่ด้วย เช่น always, every เช่น
    Bella walked every morning. เบลล่าเดินทุกๆเช้า (เป็นนิสัยในอดีต ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว)
  1. แสดงถึงการกระทำทั้งสองอย่างที่เกิดในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า as, while อยู่ด้วย เช่น
    Last night while she sang, I danced. เมื่อคืนขณะที่เธอร้องเพลง ฉันเต้น

 

 Present Simple Tense (ปัจจุบันธรรมดา)

Present simple tense

 

มีโครงสร้างประโยค: ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ถ้าประธานเป็น เอกพจน์ + กริยาช่องที่ 1 จะต้องเติม s หรือ es เช่นในตาราง

 

ตัวอย่างประโยค Present Simple
การเปลี่ยนแปลง

I go…

 

ไม่เปลี่ยนเพราะประธาน(I) เป็นพหูพจน์

You go…

 

ไม่เปลี่ยนเพราะประธาน(You) เป็นพหูพจน์

She go to school.

 

She goes…

They go…

 

ไม่เปลี่ยนเพราะประธาน(They) เป็นพหูพจน์

Tina draw a picture.

 

Tina draws a picture.

 

We drive a car.

 

ไม่เปลี่ยนเพราะประธาน(We) เป็นพหูพจน์

 

จากตารางนี้นักเรียนจะเห็นได้ว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาที่ตามมาจะต้องเปลี่ยนไป แต่ถ้าประธานพหูพจน์กริยาที่จามมาจะไม่เปลี่ยนแปลง
หลักการเติม ‘s’ ที่คำกริยา

  1. เติม s หลังคำกริยานั้นๆ เช่น Tina walks to school.
  2. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เติม es เช่น She teaches English.
  3. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น

Bella tries to study English.

หมายเหตุ: ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ให้เติม s ได้เลยค่ะ เช่น

destroy – destroys = ทำลาย

สรุปหลักการใช้ Present simple tense

  1. แสดงลักษณะความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่า เหตุการณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม ตัวอย่างประโยคเช่น
    The sun rises in the east. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
    The sun sets in the west. ดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตก
  1. ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นเสมอๆ จนเป็นนิสัย หรือ ประเพณีนิยมมักจะมีคำวิเศษณ์บอกความถี่อยู่ด้วย (adverb of frequency) เช่น rarely, every day, every week, every month, usually, sometimes, seldom ตัวอย่างประโยค เช่น
    Dan wakes up at five o’clock every day.  แปล แดนตื่นนอนตอน ตีห้าทุกวันเลย
    Nok runs to school every morning. แปล นกวิ่งไปโรงเรียนในทุกๆเช้า
  2. แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เช่น
    They go to Bangkok tonight.  พวกเขาจะไปกรุงเทพในตอนเย็น
  3. ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น
    Health is wealth. ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
    Time waits for no man. เวลาไม่เคยรอใคร

Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังกระทำ)

 

Present continuous tense-NokAcademy

 

โครงสร้างประโยค:
I + am + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
A: ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
B: ประธานพหูพจน์ + are + กริยาช่องที่ 1 เติม ing

ตัวอย่างประโยค เช่น

She is running. หล่อนกำลังวิ่งอยู่
Look! The elders are crossing the road. ดูนั่นสิ คนแก่กำลังข้ามถนน

หลักการเติม ing

1.คำกริยาที่ลงท้านด้วย e ให้ตัด e ทิ้งเสียก่อนแล้วเติม ing เช่น write > writing, take > taking

2.กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ing เลย เช่น free > freeing, see > seeing

3. กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น die > dying

4. กริยาพยางค์เดียว มีสระตัวเดียวและมีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวเดียวให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวก่อนแล้วเติม ing เช่น run > running

5. กริยาหลายพยางค์ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 1 ตัว หน้าพยัญชนะ มีสระหนึ่งตัวให้ทำการเพิ่มพยัญชนะเข้าไปอีก 1 ตัว แล้วเติม ing เช่น forget > forgetting

6. กริยามี 2 พยางค์ ซึ่งออกเสียงหนักที่พยางค์หลังมีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วเติม ing ที่ด้านหลัง เช่น
refer > referring

หลักการใช้  Present Continuous Tense

  1. แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะพูด และคาดว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มักมีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time,at this moment
    เช่น The Dannies are having lunch  now. ครอบครัวแดนนี่กำลังทานอาหารเที่ยงอยู่
  2. แสดงการกระทำเริ่มก่อนพูดเป็นเวลานาน ขณะที่พูดนี้เหตุการณ์อาจไม่ได้กำลังเกิดขึ้นจริงๆ มักมีคำว่า this + period of time เช่น
    I am helping my parents at the garden this summer. ฉันกำลังช่วยพ่อแม่ที่สวนช่วงฤดูร้อนนี้
  3. ใช้แทนอนาคตกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หรืออนาคตอันใกล้มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month ) เช่น
    I am attending the conference tomorrow.  ฉันจะเข้าร่วมประชุมพรุ่งนี้

Present Perfect Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์)

Present Perfect Tense

รูปแบบประโยค = ประธาน + has, have + V.3 (Past Participle)
A: ประธานเอกพจน์ + has + V.3
B: ประธานพหูพจน์ + have + V.3

ตัวอย่าง
Liza has always been amazing. ลิซ่าสุดยอดเสมอมา

We haven’t eaten anything yet. พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรเลย

หลักการใช้ Present Perfect Tense

  1. แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน(ตอนพูด) และมีแนวโน้มว่าจะเนินต่อไปในอนาคตมักจะมีคำว่า since, for เช่น I haven’t finsihed my exam. ฉันยังทำข้อสอบไม่เสร็จเลย
  2. แสดงการกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และพึ่งเสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มักมี กริยาวิเศษณ์ (adverb) เช่น just, yet เช่น I have just passed the exam.
    ฉันพึ่งสอบผ่าน
  1. แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังคงมาถึงปัจจุบันขณะที่พูด เช่น I haven’t read this book before. ฉันไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้เลย
  1. เหตุการณ์ที่เคยทำซ้ำๆกันหลายหนแล้วในอดีต อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อใดแน่อาจไม่ได้บ่งเวลาได้ มักมี adverb of time เช่น several times ในประโยคด้วย เช่น He has read English book for five times. เขาได้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้มา 5 ครั้งแล้ว

Future Simple Tense (อนาคตธรรมดา)

Future simple tense NokAcademy

รูปแบบประโยค:  ประธาน + will, shall (I, We), be going to + กริยาเติม ing

 

ตัวอย่างประโยค
I will  have a dinner with Jenny tomorrow night. ฉันจะไปทานอาหารเย็นกับเจนนี่คืนพรุ่งนี้
I shall study hader. ฉันจะขยันให้มากขึ้น

ปล. ปัจจุบันนี้คนมักไม่นิยมใช้ shall เท่า will แต่ว่าสองคำนี้มีความหมายเหมือนกันนะคะ ซึ่งปลว่า “จะ”

หลักการใช้ Future Simple Tense.

  1. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เช่น to night, tomorrow เช่น
    I will have my hair cut tomorrow. ฉันจะไปตัดผมพรุ่งนี้นะ
  2. ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 ไม่ผัน (V. Infinitive) เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่ได้คิดไว้ ล่วงหน้าแล้วหรือ เชื่อว่าเป็นจริงเช่นนั้นโดยไม่สงสัย เช่น
    They are going to England next month. พวกเขาจะไปประเทศอังกฤษเดือนหน้า
  3. ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 ไม่ผัน (V. Infinitive) เพื่อแสดงการคาดคะเน เช่น
    Penny is going to go out tonight. เพนนีจะออกไปข้างนอกคืนนี้ (คาดว่าจะไปแต่อาจจะไม่ไปแล้วแต่เพนนี)

เป็นยังไงกันบ้างคะ ครูหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเรานะคะ ขอให้มีความสุขกับการทบทวนบทเรียน อย่าลืมดูวีดีโอทบทวนเรื่อง
Present Simple and Present Continuous กันนะคะ นักเรียนม. 1 ที่รักทุกคน ขอให้หนูเข้าใจแจ่มแจ้ง สอบติด สอบผ่าน ได้คะแนนเต็ม สาธุ

+1


เรื่องของอนาคต (Future Sentence Structure)


เมื่อภาษาอังกฤษไม่มี Future tense ให้ใช้แล้วโครงสร้างประโยคสำหรับอนาคตจะเป็นยังไงมาดูกันครับ
Download slide here http://adf.ly/13602575/futuresentencestructures
ดูคลิปย้อนหลังทั้งหมดได้ที่ https://www.youtube.com/playlist?list=PLZM8F_pLQXRtgcNcYCAaKaUz45K5978z

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เรื่องของอนาคต (Future Sentence Structure)

เรียนฟรีวันที่ 6 : Quantifiers คืออะไร


แชร์เก็บไว้ทบทวนได้เลยนะคะ

เรียนฟรีวันที่ 6 : Quantifiers คืออะไร

Past Present Future อดีต ปัจจุบัน อนาคต


Past Present Future
อดีต ปัจจุบัน อนาคต

Past Present Future อดีต ปัจจุบัน อนาคต

2231อดีตปัจจุบันอนาคต


2231อดีตปัจจุบันอนาคต

อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ป.2


วิชาประวัติศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
เรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ป.2

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *