Skip to content
Home » [NEW] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | วัด ตัว ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | วัด ตัว ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

วัด ตัว ภาษา อังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

 

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞

แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ เป็นวิธีการสร้างความประทับใจที่ง่ายที่สุด และทำให้คนจดจำเราได้ตั้งแต่แรกพบ เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีแพทเทิร์นในการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษของตัวเองได้ก็จะยิ่งดีมาก ๆ 

 

และถ้ายิ่งได้ฝึกพูดแนะนำตัวภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งพูดคล่อง และมั่นใจค่ะ เมื่อเจอกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนต่างชาติใหม่ ๆ ก็จะพูดได้เลย โดยที่ไม่ต้องคิดนาน

 

ถ้าหากฝึกซ้อมแนะนำตัวแล้ว อย่าลืมซ้อมตอบคำถาม และปรับบุคลิกภาพด้วย คลิก

 

20 ประโยคจำไว้ถาม-ตอบเวลาพรีเซนต์

How to พรีเซนต์งานภาษาอังกฤษ ให้โดนใจคนฟัง!

 

การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นก็คือ การแนะนำตัวแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สัมภาษณ์งาน, Presentation หรือการไปเที่ยวแล้วพบเจอคนใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

 

ซึ่งนอกจาก Globish จะมาแนะนำวิธีการและประโยคแล้ว ยังมีตัวอย่างการแนะนำตัวภาษาอังกฤษให้ทุกท่านนำไปใช้ได้เลยอีกด้วยค่ะ

 

แต่ก่อนจะเข้าเนื้อหา อยากให้ทุกท่านลองลิสต์คำตอบของคำถามเหล่านี้ดูก่อนค่ะ 

 

1) What is your name? 

ตัวอย่างคำตอบ

Pim, Jane, Sam etc.

 

2) Where are you from? 

ตัวอย่างคำตอบ

Bangkok, Thailand etc.

 

3) How are you related to the person who has introduced you? 

ตัวอย่างคำตอบ

Husband, wife, friend etc.

 

4) Why are you in that situation? 

ตัวอย่างคำตอบ

Party, Family introductions, Wedding etc.

 

5) What makes you interesting? 

ตัวอย่างคำตอบ

You’re good at singing, painting, playing the piano etc.

 

เมื่อคุณสามารถตอบคำถามครบแล้ว ก็จะเริ่มรู้แนวแล้วว่า คุณควรจะพรีเซนต์ตัวเองไปในทิศทางไหน และควรพูดเรื่องอะไรดี

 

แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะพูดแนะนำตัวเรื่องอะไรดีหรือยังไม่มีเรื่องในใจ Globish ได้เตรียมหัวข้อมาให้ทุกท่านเลือกเช่นกันค่ะ ได้แก่

 

Personality นิสัย

Likes สิ่งที่ชอบ

Dislikes สิ่งที่ไม่ชอบ

Hobbies งานอดิเรก

Skills ทักษะ

Talents พรสวรรค์

Qualifications คุณสมบัติ

Interests ความสนใจ

Awards รางวัลหรือความสำเร็จ

Ideas ความคิด

Opinions ความคิดเห็น

 

ซึ่งทุกท่านไม่จำเป็นต้องพูดในทุกหัวข้อเมื่อแนะนำตัวภาษาอังกฤษก็ได้ แต่เลือกเฉพาะสิ่งที่เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ เช่น ถ้าหากต้องแนะนำตัวสัมภาษณ์งาน อาจจะพูดถึง Personality, Hobbies, Qualifications, Skills, หรือ Awards ค่ะ

 

เชื่อว่าทุกท่านน่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว เรามาเริ่มกันที่การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการกันเลยค่ะ

1. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Informal (ไม่เป็นทางการ)

 

การแนะนำตัวแบบนี้ เหมาะมาก ๆ กับสถานการณ์อย่าง ไปเจอครอบครัวของเพื่อนหรือเพื่อนของเพื่อนในงานต่าง ๆ หรือเจอเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ 

 

  ■ สถานการณ์: แนะนำตัวในงานเลี้ยงของเพื่อน

 

เริ่มจากการทักทาย…

 

Hi everybody.

สวัสดีค่ะ/ครับทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

แนะนำตัวเอง…

 

I’m Sam, Jane’s friend. It’s a pleasure to meet you.

ฉันชื่อแซมนะ เป็นเพื่อนของเจน ยินดีที่ได้พบคุณมาก ๆ เลย

 

You can call me Sam. It’s nice to meet you.

คุณเรียกฉันว่าแซมก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

พูดถึงงานปาร์ตี้หรือคนที่คุณทั้งสองคนรู้จักร่วมกัน

 

This is a fantastic party, very well-organised.

ปาร์ตี้นี้สุดยอดมากเลยนะครับ จัดได้ดีมาก ๆ

 

The food in this restaurant is so good, I’m on my third round!

อาหารในร้านนี้อร่อยมาก ๆ เลย นี่ผมตักอาหารรอบที่ 3 แล้ว

 

I work with Jane (the hostess) at Globish. We first met when we studied at Thammasart university together, so we’ve known each other for 10 years.

ฉันทำงานกับเจนที่โกลบิช แต่เราเจอกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยเรียนธรรมศาสตร์ ตอนนี้ก็รู้จักกันมา 10 ปีแล้ว

 

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

So, tell me a bit about yourself. How do you know Jane?

เล่าเรื่องของคุณซักหน่อยได้ไหม คุณรู้จักเจนได้ยังไง

 

By the way, please tell me about yourself. How did you and Jane meet?

ว่าแต่… คุณช่วยเล่าเรื่องของคุณได้ไหม แบบคุณกับเจนเจอกันได้ยังไง

 

 


■ สถานการณ์: แนะนำตัวในทีทำงาน (เพิ่งเริ่มทำงานวันแรก)

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everybody.

สวัสดีทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

แนะนำตัวเองและตำแหน่งงาน…

 

Nice to meet you. My name is Laticia. I’m the new graphic designer. 

ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อลาทีเซีย เป็นกราฟิกดีไซน์คนใหม่ค่ะ

 

My name is Jack, your new marketing manager. 

ผมชื่อแจ็ค เป็นผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้ง

 

I’m Javier, an engineer in the IT department.

ฉันชื่อจาเวียร์ เป็นวิศวะแผนกไอทีค่ะ

 

Hi, I am Jeff from the Marketing Team.

สวัสดี ฉันชื่อเจฟจากทีมมาร์เก็ตติ้ง

   

I’m Mike, the new engineer. Nice to meet you.

ผมชื่อไมค์ เป็นวิศวะกรคนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

พูดถึงประวัติการทำงาน…

 

Previously, I worked as marketing manager in Noc Company. So, I have 10 years of experience.

ก่อนหน้านี้ ผมเคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้งที่บริษัทน็อค ผมเลยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มากว่า 10 ปี 

สร้างความประทับใจ…

 

I believe I can lead this team to even more success, but I can’t produce great results alone. That’s why I need your utmost cooperation. Together, we can achieve great things.

ผมเชื่อว่าผมสามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จ แต่คงทำคนเดียวไม่ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการความร่วมมือจากพวกคุณ หากร่วมมือกัน เราจะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน

 

I worked at ABC Company for one year before joining this company. Outside of work, I enjoy doing yoga and reading novels at the beach. If you have any interesting books, feel free to recommend them to me.

ฉันทำงานที่บริษัท ABC มา 1 ปี ก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่นี่ นอกเหนือจากการทำงาน ฉันชอบเล่นโยคะและนั่งอ่านหนังสือริมชายหาด ถ้าคุณมีหนังสือที่น่าสนใจ แนะนำฉันมาได้เลย

 

I graduated with my degree in Economics two months ago.

Although I don’t have real-life work-experience, I’m ready to learn new things from all of you.

ผมจบเศรษฐศาสตร์มาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แม้ว่าผมยังไม่มีประสบการณ์จริง แต่ผมพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากคุณทุกคน

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

I’m excited to work with all of you.

ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับพวกคุณทุกคน

 

We’ll be working together in the future and I’m excited to be a part of the team

เราจะได้ร่วมงานกันในอนาคตแน่นอน และฉันตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม

 

I’m looking forward to working with you in the future. See you around.

ฉันตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับคุณในอนาคต แล้วพบกันนะคะ

 

 

 

2. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Formal (เป็นทางการ)

 

ข้อแตกต่างระหว่างการแนะนำแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ คือ ภาษาที่ใช้ค่ะ แบบเป็นทางการจะใช้ภาษาที่ค่อนข้างสุภาพมากกว่า เหมาะกับสถานการณ์แบบ สัมภาษณ์งาน หรือใช้เกริ่นก่อนนำเสนองานให้คนที่ไม่รู้จัก และเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นในบริษัทฟัง ก็สามารถใช้ได้ค่ะ

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวเมื่อไปสัมภาษณ์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

แนะนำตัวเองพร้อมประวัติการเรียนหรือการทำงาน…

 

My name is Kevin Smith. Glad to meet you. I’m 21 years old and I’m a fresh graduate from XYZ University with Business management.

ผมชื่อเควิน สมิธ ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ ผมอายุ 21 ปี เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการจัดการธุรกิจครับ

 

First of all, it’s my pleasure to speak with you today. My name is Paul Smith. I’m 23 years old and I have just completed my graduation from XYZ University with Human Resource Management as the subject.

ก่อนอื่นเลย ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับคุณวันนี้ครับ ผมชื่อพอล สมิธ อายุ 23 ปี เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลครับ

 

Good morning, I’m Janejira Rakdee. Pleased to meet you. I’m from Bangkok. I completed my Bachelor of Engineering degree in 2009 from Abac university.

สวัสดีตอนเช้าค่ะ ดิฉันชื่อเจนจิรา รักดี ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ ฉันมาจากกรุงเทพฯ จบการศึกษาจากคณะวิศวะกรรมศาสตร์ตอนปี 2009 จากมหาวิทยาลัยเอแบคค่ะ

 

Good afternoon, I’m Sam Brandon. I have been working as a Sales Professional for 5 years now. I joined as a Sales executive and worked my way up to the position of Sales Manager within 3 years.

สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมชื่อแซม แบรนดอน ผมทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขายมา 5 ปีแล้ว นอกจากนี้ ผมเริ่มจากตำแหน่งพนักงานขายไปจนถึงผู้จัดการฝ่ายขายภายใน 3 ปี

พูดถึงสกิลที่ถนัด ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่โดดเด่น…

 

One of my accomplishments during my university life was being a speaker at a Science seminar. I have completed my internship in ABC Motor company. During my internship, I gained a lot of useful skills that weren’t included in the academic curriculum such as negotiation and time management skills.

หนึ่งในความสำเร็จช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยของดิฉันคือ การได้เป็นผู้บรรยายในงานสัมมนาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งดิฉันยังได้ฝึกงานในบริษัทยานยนตร์ ABC ระหว่างการฝึกงาน ฉันได้เรียนรู้สกิลที่มีประโยชน์ และไม่มีสอนในรั้วมหาลัย เช่น สกิลการต่อรองและการจัดการเวลา

 

I’ve been hard-working and have taken my subjects quite seriously. Now, as I am graduated, I want to implement my knowledge in my work. That is the reason I applied for this job. 

ผมค่อนข้างทุ่มเทและจริงจังกับการเรียนมาตลอด และตอนนี้ ในฐานะที่เป็นเด็กจบใหม่ ผมอยากเอาความรู้ที่ได้เรียนมาปรับใช้กับการทำงาน นี่คือเหตุผลที่ผมสมัครงานในตำแหน่งนี้ครับ

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

Now, I am all set to start my career, and hoping to get selected into your esteemed company which will help me explore my other abilities, and improve myself.

และตอนนี้ ดิฉันพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่การทำงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเลือกให้ทำงานในบริษัทสามารถช่วยดิฉันค้นหาความสามารถอื่น ๆ ของตัวเองและพัฒนาตัวเองไปได้อีกค่ะ

 

Although I don’t have real-life work-experience, I have learned a lot about business through subjects during my graduation. So, I would assure you to be a valuable asset to your esteemed company by implementing all of my knowledge mixed up with hard work.

แม้ว่าผมจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริง แต่ผมได้เรียนรู้ด้านธุรกิจผ่านวิชาเรียนที่หลากหลายในรั้วมหาวิทยาลัย ผมจึงอยากให้คุณมั่นใจเลยว่า ผมจะเป็นพนักงานที่มีคุณค่าต่อบริษัท โดยการนำความรู้ทั้งหมดที่ผมมีมาปรับใช้ไปพร้อม ๆ กับความมุมานะในการทำงาน

 

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวก่อนพรีเซนต์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everyone. Thanks for coming.

สวัสดีค่ะ/ครับ ทุกคน ขอบคุณที่มาในวันนี้

 

Hello, everyone. I’d like, first of all, to thank the organizers of this meeting for inviting me here today.

สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลย ผมขอขอบคุณผู้จัดงานที่เชิญผมมาในวันนี้

 

Good morning everyone and welcome to the meeting. First of all, let me thank you all for coming here today. 

สวัสดีตอนเช้าค่ะทุกคน ขอต้อนรับสู่การประชุมค่ะ ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ค่ะ

แนะนำตัวเองและตำแหน่ง…

 

I’m John, who heads the marketing team.

ผมชื่อจอห์น เป็นหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้งครับ

 

Let me introduce myself. I’m Jan from the marketing team.

ขอแนะนำตัวสักหน่อยนะคะ ดิฉันชื่อแจน มาจากทีมมาร์เก็ตติ้งค่ะ

 

For those of you who don’t know me, my name’s Jane from the operation management team.

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักดิฉันนะคะ ดิฉันชื่อเจน มาจากทีมการจัดการการผลิตค่ะ

บอกหัวข้อหลักของการพรีเซนต์…

 

What I’d like to present to you today is our annual sales report.

สิ่งทีผมต้องการจะนำเสนอในวันนี้คือรายงานยอดขายประจำปี

 

As you can see on the screen, our topic today is our annual sales report.

อย่างที่คุณเห็นบนหน้าจอ หัวข้อในวันนี้คือการรายงานยอดขายประจำปี

 

In my presentation I would like to report on our annual sales report.

ในการนำเสนอ ดิฉันจะชี้แจงเรื่องรายงานยอดขายประจำปี

 

I’m here today to present our annual sales report.

วันนี้ฉันจะมานำเสนอเรื่องการรายงานยอดขายประจำปี

บอกจุดมุ่งหมายของการพรีเซนต์…

 

The purpose of this presentation is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์ของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

 

My main objective for today is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์หลังของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

บอกหัวข้อย่อยที่จะพรีเซนต์…

 

I’ve divided my presentation into three main parts.

ผมได้แบ่งการนำเสนอนี้ออกเป็น 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

In my presentation I’ll focus on three major issues.

ในการนำเสนอ ผมจะมุ่งไปที่ 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

I thought it would be useful to divide our talk into three main sections.

ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์มาก ถ้าแบ่งการนำเสนอออกเป็น 3 ส่วน

บอกลำดับเรื่องที่จะพรีเซนต์…

 

First of all, I’d like to give you an overview of

our monthly sales report.

Next, I’ll focus on

our annual sales report.

Lastly, I’ll deal with

our company goals for next year.

อันดับแรก ดิฉันขอเริ่มด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ดิฉันจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และสุดท้าย จะจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าค่ะ

 

So, I’ll begin by bringing you up-to-date on

our monthly sales report.

And then, I’ll go on to

our annual sales report.

I’ll end with

our company goals for next year.

ผมจะเริ่มต้นด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ผมจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าครับ

บอกระยะเวลาของการพรีเซนต์…

 

This should only last 20 minutes.

การนำเสนองานจะใช้เวลา 20 นาที

 

My presentation will take about an hour.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

 

It will take about 1 hour and a half to cover these issues.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อพูดถึงหัวข้อทั้งหมด

 

 

บอกเรื่องเอกสารประกอบการบรรยาย…

 

I’ll be handing out copies of the slides at the end of my talk.

ผมจะแจกเอกสารหลังจากจบการพรีเซนต์นะครับ

 

I can email the PowerPoint presentation to anybody who wants it.

ดิฉันจะส่งอีเมลแนบเพาเวอร์พ้อยท์ที่พรีเวนต์วันนี้ให้ผู้ที่ต้องการนะคะ

ปิดท้ายด้วยการให้ผู้ฟังถามคำถามหลังการพรีเซนต์…

 

There will be time for questions after my presentation.

เดี๋ยวจะมีช่วงให้ถามคำถามในตอนท้ายของการนำเสนอนะคะ

 

 

  

ทั้งหมดนี้คือการแนะนำตัวภาษาอังกฤษทั้งแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการค่ะ ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากบัสถานการณ์ของตัวเองได้นะคะ

ที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นฝึกฝน และซ้อมบ่อย ๆ เพราะจะช่วยเรื่องการพูดอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของตัวเองค่ะ

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก:

เว็ปไซต์ Indeed

เว็ปไซต์ HQ hire

เว็ปไซต์ Interview Questions

 

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิก

[Update] รวมมิตร 6 การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสำหรับวัยเรียน | วัด ตัว ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

 

ไหน ๆๆ ใครอยากไปต่อนอกยกมือขึ้นนนน

นอกจากเรื่องการหาทุน อีกหนึ่งปัญหาชวนมึนสำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อก็คือ ‘การสอบวัดระดับทางภาษา’ ที่มีมากมายหลายประเภท แถมแต่ละรูปแบบยังมีวัตถุประสงค์ในการสอบที่แตกต่างกันด้วย วันนี้ StartDee จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักสนามสอบภาษาอังกฤษ 6 รูปแบบ ทั้ง​ SAT, TOEIC, TOEFL, IELTS, CU – TEP และ TU – GET แต่ละแบบจะแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย !

 

 

SAT (Scholastic Aptitude Test หรือ the Scholastic Assessment Test)

ถึงจะไม่ใช่การสอบวัดระดับความสามารถด้านภาษาโดยเฉพาะ แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ผลการสอบ SAT ก็ถือว่าจำเป็นมาก ๆ เพราะ SAT คือการสอบวัดระดับมาตรฐานความรู้ สำหรับการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกา และหลักสูตรอินเตอร์ในมหาวิทยาลัยของไทย การสอบจัดขึ้นโดย CollegeBoard เน้นวัดระดับความรู้ด้านการอ่านเขียนภาษาอังกฤษ การคิดวิเคราะห์ และการใช้เหตุผล การสอบ SAT มี 2 ประเภท ได้แก่

  1. SAT Reasoning Test หรือ SAT I: การสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษ และการใช้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งก็คือวิชาภาษาอังกฤษและวิชาคณิตศาสตร์นั่นเอง การสอบ SAT Reasoning Test เป็นรูปแบบการสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคะแนนเต็มรวม 1,600 คะแนน ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่
    1. Evidence – Based Reading & Writing (800 คะแนน) หรือวิชาภาษาอังกฤษ ประกอบด้วยข้อสอบ Reading และ Writing and Language สำหรับทดสอบการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ (แกรมมาร์ โครงสร้างประโยคและ Tense ต่าง ๆ ไม่มีการเขียนเรียงความ (Essay) แต่อย่างใด)
    2. Mathematics (800 คะแนน) หรือวิชาคณิตศาสตร์ เน้นทดสอบการวิเคราะห์และการใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ข้อสอบประกอบด้วยพาร์ทคำนวณที่อนุญาตใช้เครื่องคิดเลขช่วยคิดได้ และพาร์ทที่ไม่มีการคำนวณที่ห้ามใช้เครื่องคิดเลขในการทำข้อสอบ
  2. SAT Subject Test หรือ SAT II: การสอบวัดระดับ ความรู้เฉพาะทาง ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เช่น คณิตศาสตร์ (ระดับ Level 1 – 2 ซึ่งยากกว่าใน SAT I) วิทยาศาสตร์ ทั้งเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา ประวัติศาสตร์และสังคม (ประวัติศาสตร์อเมริกัน และประวัติศาสตร์โลก) วรรณกรรมอังกฤษ การอ่านและการฟังภาษาที่สาม เช่น ภาษาฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน จีน เกาหลี และญี่ปุ่น การอ่านภาษาอิตาเลียน ละติน และภาษาฮีบรู 

จะบอกว่าการสอบ SAT คล้ายกับการสอบ GAT – PAT สำหรับแอดมิชชันของไทยก็ไม่ผิดนัก นอกจากใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในต่างประเทศ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา) คะแนนสอบ SAT ยังจำเป็นมากต่อการยื่นเข้าคณะอินเตอร์ต่าง ๆ ในไทย เช่น BBA, EBA, ISE และ BALAC ถ้าเพื่อน ๆ สนใจและต้องใช้คะแนนสอบ SAT เราแนะนำให้เตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะข้อสอบ Reading ของ SAT นั้นซับซ้อนและศัพท์ยากมาก แถมค่าสอบก็แพงหูฉี่ (ค่าธรรมเนียมในการสอบอยู่ที่ 100.5$ หรือประมาณ 3,300 บาท และอาจมีค่า Late fee เพิ่มอีก 29$ หากสมัครสอบกระชั้นชิด) ดังนั้นเพื่อน ๆ ควรเตรียมตัวดี ๆ จะได้ไม่พลาด

*ปัจจุบัน CollegeBoard ได้ประกาศยกเลิกสอบ SAT Subject Tests ทั้งหมดแล้ว โดยจะจัดสอบรอบเดือนมิถุนายน 2021 เป็นรอบสุดท้าย แต่ SAT I ยังคงจัดสอบตามปกติ เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารสำหรับการสอบ SAT ได้ที่เว็บไซต์ของ CollegeBoard โดยตรง

 

CU – TEP (Chulalongkorn University Test of English Proficiency)

CU – TEP คือการทดสอบ วัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ทั้งในระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา จัดสอบโดยศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University Academic Testing Center) หากเพื่อน ๆ ต้องการเข้าศึกษาในคณะที่เป็นหลักสูตรนานาชาติ หรือต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโทและเอกในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ต้องเตรียมตัวสอบ CU – TEP ไว้เลย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในไทยหลายที่ก็ใช้คะแนน CU – TEP ยื่นประกอบใบสมัครเพื่อศึกษาต่อด้วย (แต่อาจไม่ได้ใช้ทุกคณะ) เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้อสอบ CU – TEP จะเน้นวัด 3 ทักษะ ได้แก่ การอ่าน การฟัง การเขียน มีคะแนนเต็มทั้งหมด 120 คะแนน

 

TU – GET (Thammasat University General English Test)

TU – GET คือการทดสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และคณะวารสารศาสตร์ การสอบ TU – GET จัดขึ้นโดยสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวข้อสอบจะเน้นวัดความรู้ด้านไวยากรณ์ (Grammar and Structure) คำศัพท์ (Vocabulary) และทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ (Reading comprehension) มีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน

 

 

TOEFL (Test of English as a Foreign Language)

TOEFL คือแบบทดสอบวัดความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ มักใช้ในการสมัครงานหรือเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา โครงการแลกเปลี่ยนอื่น ๆ เช่น โครงการ Work and Holiday และบางครั้งการสมัครงานในโครงการ Work and Travel นายจ้างก็จะขอดูคะแนน TOEFL ด้วย การสอบ TOEFL จัดสอบโดย ETS (Educational Testing Survice) เหมือนกับ TOEIC ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการสอบ TOEFL มีการปรับปรุงและพัฒนาข้อสอบอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีการสอบหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างการสอบ TOEFL ที่สำคัญ เช่น

  1. TOEFL iBT Test: ย่อมาจาก Internet – based Format หรือการสอบผ่านอินเทอร์เน็ต การสอบจะวัดผลครอบคลุม 4 ทักษะทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ทุกทักษะจะมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน รวมเป็น 120 คะแนน ถ้าพูดถึงการสอบ TOEFL แบบไม่เฉพาะเจาะจงก็จะหมายถึงการสอบ TOEFL iBT Test
  2. TOEFL ITP Test: หรือ TOEFL Institutional Testing Program เป็นข้อสอบที่ ETS พัฒนาขึ้นมาทดแทนการสอบด้วยกระดาษ (TOEFL PBT หรือ TOEFL Paper – Based Test) ที่ถูกยกเลิกไปในเดือนกรกฎาคม ปี 2017 การสอบ TOEFL ITP มักเป็นการสอบที่สถาบันต่าง ๆ จัดขึ้นเพื่อใช้คะแนนยื่นเข้าสถาบันนั้น ๆ โดยตรง เช่น MUIC ของมหาวิทยาลัยมหิดล การสอบ TOEFL ITP Test มีคะแนนเต็ม 677 คะแนน และไม่เป็นที่นิยมสอบมากนัก

นอกจากนี้ ETS ยังจัดการสอบ TOEFL Junior Test สำหรับเด็กในช่วงอายุ 11+ ปี และ TOEFL Primary Test สำหรับเด็กในช่วงอายุ 8+ ปีด้วย แต่จะเน้นวัดความสามารถและพัฒนาการด้านการสื่อสารเป็นหลัก

 

 

TOEIC (Test Of English for International Communication)

TOEIC คือการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษสำหรับ “การทำงานในองค์กรระดับนานาชาติ” ต่าง ๆ ในปัจจุบันสถานศึกษาบางแห่งก็บังคับให้ยื่นคะแนนสอบ TOEIC ก่อนยื่นจบการศึกษาด้วย การสอบ TOEIC จัดสอบโดย ETS (Educational Testing Survice) ซึ่งเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้านการสอบวัดผลทางการศึกษาโดยเฉพาะ ผลคะแนนจากการสอบ TOEIC เป็นที่ยอมรับขององค์กรกว่า 14,000 กว่าองค์กรใน 160 ประเทศทั่วโลก  ถือเป็นอีกหนึ่งการสอบวัดระดับทางภาษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล การสอบ TOEIC แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

  1. TOEIC Listening and Reading Test: การสอบวัดระดับทักษะ การอ่านและการฟัง ภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
  2. TOEIC Speaking and Writing Tests: การสอบวัดระดับทักษะ การพูดและการเขียน ภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
  3. TOEIC Bridge Test: การสอบวัดระดับการอ่านและการฟังภาษาอังกฤษ สำหรับผู้เรียนในระดับเบื้องต้นจนถึงปานกลาง ข้อสอบจะมีแค่ 100 ข้อ TOEIC Bridge Test จึงเหมือนข้อสอบจำลองของ TOEIC Listening and Reading Test เหมาะสำหรับการวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียนในสถาบันต่าง ๆ

โดยการสอบ TOEIC Listening and Reading Test เป็นรูปแบบการสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ข้อสอบ TOEIC Listening and Reading Test จะมีทั้งหมด 200 ข้อ แบ่งเป็นพาร์ทการอ่าน (Reading) 100 ข้อ และพาร์ทการฟัง (Listening) อีก 100 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน โดยในการศึกษาต่อและการสมัครงาน แต่ละองค์กรจะมีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่แตกต่างกัน (แต่ถ้าได้ 700 คะแนนขึ้นไปก็ถือว่าน่าพอใจ หายห่วงได้ในระดับหนึ่งแล้ว) เนื้อหาของข้อสอบ TOEIC ประกอบไปด้วยการวัดทักษะการสื่อสารเชิงธุรกิจ เน้นบทสนทนาเกี่ยวกับการทำงานในบริษัท งบประมาณและการเงิน เทคโนโลยีการสื่อสาร สุขภาพ การเดินทาง และความบันเทิงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เนื่องจากการสอบ TOEIC มีค่าธรรมเนียมการสอบที่ถูกกว่าการสอบรูปแบบอื่น ๆ (ค่าสมัครสอบอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท) ผลการสอบออกเร็วมาก ๆ (แค่ 1 – 2 วันหลังการสอบก็รู้ผลคะแนนแล้ว) แถมผลการสอบก็ได้รับการยอมรับในระดับสากล การสอบ TOEIC จึงได้รับความนิยมสูงมากและมีผู้เข้าสอบกว่า 6 ล้านคนทั่วโลกต่อปี

IELTS (International English Language Testing System)

IELTS คือการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษระดับมาตรฐานสากลสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ ที่จัดขึ้นโดย British Council, IDP: IELTS Australia และ Cambridge Assessment English มักใช้พิจารณาเพื่อการศึกษาต่อหรือการทำงานในยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ และไอริช รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยน Work and Holiday ด้วย การสอบ IELTS มี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ 

  1. Academic Modules: สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี – เอก
  2. General Training Modules: สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานหรือย้ายถิ่นฐานไปออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

โดยการวัดผลของ IELTS นั้นครอบคลุม 4 ทักษะ ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน แต่จะคิดคะแนนออกมาเป็นคะแนนเฉลี่ยของทั้ง 4 ทักษะด้วยการหาร 4 แล้วเทียบเป็น Band ตั้งแต่ 0.0 – 9.0 แทน

จะเห็นว่าการสอบแต่ละแบบก็มีรายละเอียกที่แตกต่างกัน ทั้งจุดประสงค์ในการสอบ ค่าสมัครสอบ และจำนวนรอบที่เปิดให้สอบต่อเดือน วันนี้ StartDee สรุปรายละเอียดแบบคร่าว ๆ มาให้แล้ว (แต่เพื่อข้อมูลที่อัปเดต ก่อนสอบเพื่อน ๆ ควรตรวจสอบกำหนดการสอบในหน้าเว็บไซต์ทางการอีกครั้ง)

 
จุดประสงค์ในการสอบ
ค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ (THB)
คะแนนเต็ม
จำนวนครั้งที่เปิดให้สอบ
อายุคะแนน (ปี)

SAT
สอบวัดระดับมาตรฐานความรู้ เพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของต่างประเทศและหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยของไทย
3,300+
1,600
4 – 5 ครั้งต่อปี
2

CU – TEP
สอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโท – เอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
900
120
1 – 2 ครั้งต่อเดือน
2

TU – GET
สอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
500 – 700
1,000
1 ครั้งต่อเดือน
2

TOEFL
สอบวัดความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
1,800
120
เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2

TOEIC
สอบวัดระดับความรู้ทางภาษาสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
1,800
990
เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2

IELTS
วัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อหรือการทำงานในยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ และไอริช
6,900
9
4 ครั้งต่อเดือน
2

 

เทคนิคการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษให้ผ่านแบบง่าย ๆ นอกจากการฝึกฝนการฟัง พูด และอ่านภาษาอังกฤษบ่อย ๆ  อีกหนึ่งทักษะที่ขาดไม่ได้ก็คือการเขียนไวยากรณ์ให้เป๊ะ เพื่อน ๆ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee เพื่อทบทวนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพลิน ๆ ในรูปแบบแอนิเมชัน หรือจะแวะเข้าไปทบทวน Tense 12 แบบ กันก่อนก็ได้เช่นกัน

 

Reference:

https://www.ets.org/

https://global-exam.com/blog/en/toeic-introduction/

https://eflchiangmai.com/th/what-you-need-to-know-about-new-toeic/

https://www.interboosters.com/sattips

http://www.atc.chula.ac.th/th_html/th_tep.html

http://public.litu.tu.ac.th/view/post/37/567

https://www.ignitebyondemand.com/cu-tep-and-tu-get/


100+ คำถาม-คำตอบที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ #KNDSpeakingClass #KNDTopList | คำนี้ดี EP.399


อยากถามตอบให้คล่องๆ ก็ต้องซ้อม! เพราะที่จริงศัพท์สำนวนไม่ได้ยากเลย เคยผ่านตากันมาแล้วทั้งนั้น แต่มันแค่นึกไม่ออกเฉยๆ เอง ถ้าอย่างนั้นมาดูกันว่า คำถามคำตอบอะไรบ้างที่เราได้ใช้แน่ๆ แล้วมาพูดตามกันได้เลย
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Spotify : https://open.spotify.com/show/7o7TF3zfPyoydhWxtGSzLC?si=Nb_LuV8NS3C9mJ6ePdXLA
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/
KNDSpeakingClass KNDTopList คำนี้ดี TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

100+ คำถาม-คำตอบที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ #KNDSpeakingClass #KNDTopList | คำนี้ดี EP.399

Masha and The Bear – La Dolce Vita 🍭 (Episode 33) New episode 2016!


💥NEW 💥 Big Hike 🥾🗻 (Episode 80) https://youtu.be/ym315BhBDW8
Masha and The Bear. All episodes playlist: http://goo.gl/sqBrYd
Masha and The Bear. Compilations: http://bit.ly/2FLL8jY
SUMMER IN WINTER ❄️☀️ https://youtu.be/OaGQB0QPwsA
Masha wants some sweets but first she has to transform the Bear’s kitchen into a candymaking factory. As we all know, such sweet life means trouble and soon Masha gets a toothache. There is a lesson for all children who love sweets take very good care of your teeth!
Follow Masha on Instagram: https://instagram.com/mashaandthebear/
Watch more on Netflix.
Masha decides to try on the role of superhero: she bravely rushes towards exploits, but all the animals somehow laugh at her handmade costume and naive desire to rescue them. Who would have thought that Masha’s courage will truly help to save everyone? It turns out that the superhero costume is not the most essential thing to perform heroic acts.
Official website: http://mashabear.com
Download Masha’s App and watch ALL episodes, even offline!
Link: http://go.01d.com/MashaApp
Masha and the Bear are heroes of Russian folklore, known to all Russian children. Just that in the series they are different and live in the modern world, which gave the creators from Animaccord Animation Studio the ability to bring new possibilities to their interactions. Series tell us about a unique relationship between two main characters. Masha is an exceedingly active little girl who can’t sit still on one place and has to make everything a business of her own. The Bear is a big and hearty guy who loves comfort and quietness. After their first met the Bear is always in anticipation for another fun and wild adventure that Masha will surely pull him in.
Masha and The Bear. All episodes playlist: http://goo.gl/sqBrYd
ماشا والدب. جميع الحلقات : http://bit.ly/MashaArabic
Masha e Orso. Tutti gli Episodi: http://bit.ly/MashaOrso
Masha y el Oso. Todas las series: http://bit.ly/MashaOso
Masha et Michka. Tous les épisodes: http://bit.ly/MashaMichka
Masha e o Urso. Lista de reprodução: http://bit.ly/mashaurso
Mascha und der Bär. Alle Folgen: http://bit.ly/maschaundderbaer
瑪莎與熊. 全部影集: http://bit.ly/MashaTaiwan
Маша и Медведь. Все серии подряд: http://bit.ly/MashaMedved

Masha and The Bear - La Dolce Vita 🍭 (Episode 33) New episode 2016!

Places สถานที่ต่างๆ คำศัพท์ อังกฤษ-ไทย |Happy time for kids


สือการเรียนรู้
สามารถกดติดตามVIDEOของเราได้ที่นี้เลยค่ะ https://goo.gl/PXK2Pw
Places สถานที่ต่างๆ คำศัพท์ อังกฤษไทย
Places สถาณที่
House บ้าน
Temple วัด
Hospital โรงพยาบาล
Hotel โรงแรม
Library ห้องสมุด
Church โบสถ์
Bank ธนาคาร
Museum พิพิธภัณฑ์
School โรงเรียน
Market ตลาด
Post office ไปรษณีย์
Police station สถานีตำรวจ
Restaurant ร้านอาหาร
Airport สนามบิน
Zoo สวนสัตว์
แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ เพิ่มเติม
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สี color: https://goo.gl/v1WkXS
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ วันทั้ง 7 วัน: https://goo.gl/Z2gMgT
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เดือนทั้ง 12 เดือน: https://goo.gl/fgXnSH
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ อวัยวะในร่างกาย: https://goo.gl/cojQj3
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ผลไม้ต่างๆ: https://goo.gl/zi2RjC

Places สถานที่ต่างๆ คำศัพท์ อังกฤษ-ไทย |Happy time for kids

ภาษาอังกฤษ ป.1 Colours ตอนที่ 1 ครูอัญชลี ศรีจุลฮาต


ภาษาอังกฤษ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
สาระที่1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
ต 1.1 ตัวชี้วัดที่ 2
ต 1.2 ตัวชี้วัดที่ 1, 3, 4
เรื่อง Colours ตอนที่ 1
ครูอัญชลี ศรีจุลฮาต
โรงเรียนราชวินิต กรุงเทพมหานคร
โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ DLIT (Distance Learning Information Technology)
http://www.dlit.ac.th

ภาษาอังกฤษ ป.1 Colours ตอนที่ 1 ครูอัญชลี ศรีจุลฮาต

วัด Temple คำศัพท์/คำถาม/วลี ภาษาอังกฤษ


สอบถาม/สั่งซื้อหนังสือได้จากแอดมินไลน์
LINE ID = @EnglishbyChrish
ttp://www.englishbychris.com/portfolioitems/temple
https://www.facebook.com/Teacherchrischiangmai

วัด Temple คำศัพท์/คำถาม/วลี ภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ วัด ตัว ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *