Skip to content
Home » [NEW] รวมมิตร 6 การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสำหรับวัยเรียน | การให้ความรู้ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] รวมมิตร 6 การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสำหรับวัยเรียน | การให้ความรู้ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

การให้ความรู้ ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

 

ไหน ๆๆ ใครอยากไปต่อนอกยกมือขึ้นนนน

นอกจากเรื่องการหาทุน อีกหนึ่งปัญหาชวนมึนสำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อก็คือ ‘การสอบวัดระดับทางภาษา’ ที่มีมากมายหลายประเภท แถมแต่ละรูปแบบยังมีวัตถุประสงค์ในการสอบที่แตกต่างกันด้วย วันนี้ StartDee จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักสนามสอบภาษาอังกฤษ 6 รูปแบบ ทั้ง​ SAT, TOEIC, TOEFL, IELTS, CU – TEP และ TU – GET แต่ละแบบจะแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย !

 

 

Table of Contents

SAT (Scholastic Aptitude Test หรือ the Scholastic Assessment Test)

ถึงจะไม่ใช่การสอบวัดระดับความสามารถด้านภาษาโดยเฉพาะ แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ผลการสอบ SAT ก็ถือว่าจำเป็นมาก ๆ เพราะ SAT คือการสอบวัดระดับมาตรฐานความรู้ สำหรับการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกา และหลักสูตรอินเตอร์ในมหาวิทยาลัยของไทย การสอบจัดขึ้นโดย CollegeBoard เน้นวัดระดับความรู้ด้านการอ่านเขียนภาษาอังกฤษ การคิดวิเคราะห์ และการใช้เหตุผล การสอบ SAT มี 2 ประเภท ได้แก่

  1. SAT Reasoning Test หรือ SAT I: การสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษ และการใช้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งก็คือวิชาภาษาอังกฤษและวิชาคณิตศาสตร์นั่นเอง การสอบ SAT Reasoning Test เป็นรูปแบบการสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคะแนนเต็มรวม 1,600 คะแนน ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่
    1. Evidence – Based Reading & Writing (800 คะแนน) หรือวิชาภาษาอังกฤษ ประกอบด้วยข้อสอบ Reading และ Writing and Language สำหรับทดสอบการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ (แกรมมาร์ โครงสร้างประโยคและ Tense ต่าง ๆ ไม่มีการเขียนเรียงความ (Essay) แต่อย่างใด)
    2. Mathematics (800 คะแนน) หรือวิชาคณิตศาสตร์ เน้นทดสอบการวิเคราะห์และการใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ข้อสอบประกอบด้วยพาร์ทคำนวณที่อนุญาตใช้เครื่องคิดเลขช่วยคิดได้ และพาร์ทที่ไม่มีการคำนวณที่ห้ามใช้เครื่องคิดเลขในการทำข้อสอบ
  2. SAT Subject Test หรือ SAT II: การสอบวัดระดับ ความรู้เฉพาะทาง ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เช่น คณิตศาสตร์ (ระดับ Level 1 – 2 ซึ่งยากกว่าใน SAT I) วิทยาศาสตร์ ทั้งเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา ประวัติศาสตร์และสังคม (ประวัติศาสตร์อเมริกัน และประวัติศาสตร์โลก) วรรณกรรมอังกฤษ การอ่านและการฟังภาษาที่สาม เช่น ภาษาฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน จีน เกาหลี และญี่ปุ่น การอ่านภาษาอิตาเลียน ละติน และภาษาฮีบรู 

จะบอกว่าการสอบ SAT คล้ายกับการสอบ GAT – PAT สำหรับแอดมิชชันของไทยก็ไม่ผิดนัก นอกจากใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในต่างประเทศ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา) คะแนนสอบ SAT ยังจำเป็นมากต่อการยื่นเข้าคณะอินเตอร์ต่าง ๆ ในไทย เช่น BBA, EBA, ISE และ BALAC ถ้าเพื่อน ๆ สนใจและต้องใช้คะแนนสอบ SAT เราแนะนำให้เตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะข้อสอบ Reading ของ SAT นั้นซับซ้อนและศัพท์ยากมาก แถมค่าสอบก็แพงหูฉี่ (ค่าธรรมเนียมในการสอบอยู่ที่ 100.5$ หรือประมาณ 3,300 บาท และอาจมีค่า Late fee เพิ่มอีก 29$ หากสมัครสอบกระชั้นชิด) ดังนั้นเพื่อน ๆ ควรเตรียมตัวดี ๆ จะได้ไม่พลาด

*ปัจจุบัน CollegeBoard ได้ประกาศยกเลิกสอบ SAT Subject Tests ทั้งหมดแล้ว โดยจะจัดสอบรอบเดือนมิถุนายน 2021 เป็นรอบสุดท้าย แต่ SAT I ยังคงจัดสอบตามปกติ เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารสำหรับการสอบ SAT ได้ที่เว็บไซต์ของ CollegeBoard โดยตรง

 

CU – TEP (Chulalongkorn University Test of English Proficiency)

CU – TEP คือการทดสอบ วัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ทั้งในระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา จัดสอบโดยศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University Academic Testing Center) หากเพื่อน ๆ ต้องการเข้าศึกษาในคณะที่เป็นหลักสูตรนานาชาติ หรือต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโทและเอกในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ต้องเตรียมตัวสอบ CU – TEP ไว้เลย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในไทยหลายที่ก็ใช้คะแนน CU – TEP ยื่นประกอบใบสมัครเพื่อศึกษาต่อด้วย (แต่อาจไม่ได้ใช้ทุกคณะ) เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้อสอบ CU – TEP จะเน้นวัด 3 ทักษะ ได้แก่ การอ่าน การฟัง การเขียน มีคะแนนเต็มทั้งหมด 120 คะแนน

 

TU – GET (Thammasat University General English Test)

TU – GET คือการทดสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และคณะวารสารศาสตร์ การสอบ TU – GET จัดขึ้นโดยสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวข้อสอบจะเน้นวัดความรู้ด้านไวยากรณ์ (Grammar and Structure) คำศัพท์ (Vocabulary) และทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ (Reading comprehension) มีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน

 

 

TOEFL (Test of English as a Foreign Language)

TOEFL คือแบบทดสอบวัดความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ มักใช้ในการสมัครงานหรือเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา โครงการแลกเปลี่ยนอื่น ๆ เช่น โครงการ Work and Holiday และบางครั้งการสมัครงานในโครงการ Work and Travel นายจ้างก็จะขอดูคะแนน TOEFL ด้วย การสอบ TOEFL จัดสอบโดย ETS (Educational Testing Survice) เหมือนกับ TOEIC ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการสอบ TOEFL มีการปรับปรุงและพัฒนาข้อสอบอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีการสอบหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างการสอบ TOEFL ที่สำคัญ เช่น

  1. TOEFL iBT Test: ย่อมาจาก Internet – based Format หรือการสอบผ่านอินเทอร์เน็ต การสอบจะวัดผลครอบคลุม 4 ทักษะทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ทุกทักษะจะมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน รวมเป็น 120 คะแนน ถ้าพูดถึงการสอบ TOEFL แบบไม่เฉพาะเจาะจงก็จะหมายถึงการสอบ TOEFL iBT Test
  2. TOEFL ITP Test: หรือ TOEFL Institutional Testing Program เป็นข้อสอบที่ ETS พัฒนาขึ้นมาทดแทนการสอบด้วยกระดาษ (TOEFL PBT หรือ TOEFL Paper – Based Test) ที่ถูกยกเลิกไปในเดือนกรกฎาคม ปี 2017 การสอบ TOEFL ITP มักเป็นการสอบที่สถาบันต่าง ๆ จัดขึ้นเพื่อใช้คะแนนยื่นเข้าสถาบันนั้น ๆ โดยตรง เช่น MUIC ของมหาวิทยาลัยมหิดล การสอบ TOEFL ITP Test มีคะแนนเต็ม 677 คะแนน และไม่เป็นที่นิยมสอบมากนัก

นอกจากนี้ ETS ยังจัดการสอบ TOEFL Junior Test สำหรับเด็กในช่วงอายุ 11+ ปี และ TOEFL Primary Test สำหรับเด็กในช่วงอายุ 8+ ปีด้วย แต่จะเน้นวัดความสามารถและพัฒนาการด้านการสื่อสารเป็นหลัก

 

 

TOEIC (Test Of English for International Communication)

TOEIC คือการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษสำหรับ “การทำงานในองค์กรระดับนานาชาติ” ต่าง ๆ ในปัจจุบันสถานศึกษาบางแห่งก็บังคับให้ยื่นคะแนนสอบ TOEIC ก่อนยื่นจบการศึกษาด้วย การสอบ TOEIC จัดสอบโดย ETS (Educational Testing Survice) ซึ่งเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้านการสอบวัดผลทางการศึกษาโดยเฉพาะ ผลคะแนนจากการสอบ TOEIC เป็นที่ยอมรับขององค์กรกว่า 14,000 กว่าองค์กรใน 160 ประเทศทั่วโลก  ถือเป็นอีกหนึ่งการสอบวัดระดับทางภาษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล การสอบ TOEIC แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

  1. TOEIC Listening and Reading Test: การสอบวัดระดับทักษะ การอ่านและการฟัง ภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
  2. TOEIC Speaking and Writing Tests: การสอบวัดระดับทักษะ การพูดและการเขียน ภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
  3. TOEIC Bridge Test: การสอบวัดระดับการอ่านและการฟังภาษาอังกฤษ สำหรับผู้เรียนในระดับเบื้องต้นจนถึงปานกลาง ข้อสอบจะมีแค่ 100 ข้อ TOEIC Bridge Test จึงเหมือนข้อสอบจำลองของ TOEIC Listening and Reading Test เหมาะสำหรับการวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียนในสถาบันต่าง ๆ

โดยการสอบ TOEIC Listening and Reading Test เป็นรูปแบบการสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ข้อสอบ TOEIC Listening and Reading Test จะมีทั้งหมด 200 ข้อ แบ่งเป็นพาร์ทการอ่าน (Reading) 100 ข้อ และพาร์ทการฟัง (Listening) อีก 100 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน โดยในการศึกษาต่อและการสมัครงาน แต่ละองค์กรจะมีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่แตกต่างกัน (แต่ถ้าได้ 700 คะแนนขึ้นไปก็ถือว่าน่าพอใจ หายห่วงได้ในระดับหนึ่งแล้ว) เนื้อหาของข้อสอบ TOEIC ประกอบไปด้วยการวัดทักษะการสื่อสารเชิงธุรกิจ เน้นบทสนทนาเกี่ยวกับการทำงานในบริษัท งบประมาณและการเงิน เทคโนโลยีการสื่อสาร สุขภาพ การเดินทาง และความบันเทิงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เนื่องจากการสอบ TOEIC มีค่าธรรมเนียมการสอบที่ถูกกว่าการสอบรูปแบบอื่น ๆ (ค่าสมัครสอบอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท) ผลการสอบออกเร็วมาก ๆ (แค่ 1 – 2 วันหลังการสอบก็รู้ผลคะแนนแล้ว) แถมผลการสอบก็ได้รับการยอมรับในระดับสากล การสอบ TOEIC จึงได้รับความนิยมสูงมากและมีผู้เข้าสอบกว่า 6 ล้านคนทั่วโลกต่อปี

IELTS (International English Language Testing System)

IELTS คือการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษระดับมาตรฐานสากลสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ ที่จัดขึ้นโดย British Council, IDP: IELTS Australia และ Cambridge Assessment English มักใช้พิจารณาเพื่อการศึกษาต่อหรือการทำงานในยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ และไอริช รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยน Work and Holiday ด้วย การสอบ IELTS มี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ 

  1. Academic Modules: สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี – เอก
  2. General Training Modules: สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานหรือย้ายถิ่นฐานไปออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

โดยการวัดผลของ IELTS นั้นครอบคลุม 4 ทักษะ ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน แต่จะคิดคะแนนออกมาเป็นคะแนนเฉลี่ยของทั้ง 4 ทักษะด้วยการหาร 4 แล้วเทียบเป็น Band ตั้งแต่ 0.0 – 9.0 แทน

จะเห็นว่าการสอบแต่ละแบบก็มีรายละเอียกที่แตกต่างกัน ทั้งจุดประสงค์ในการสอบ ค่าสมัครสอบ และจำนวนรอบที่เปิดให้สอบต่อเดือน วันนี้ StartDee สรุปรายละเอียดแบบคร่าว ๆ มาให้แล้ว (แต่เพื่อข้อมูลที่อัปเดต ก่อนสอบเพื่อน ๆ ควรตรวจสอบกำหนดการสอบในหน้าเว็บไซต์ทางการอีกครั้ง)

 
จุดประสงค์ในการสอบ
ค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ (THB)
คะแนนเต็ม
จำนวนครั้งที่เปิดให้สอบ
อายุคะแนน (ปี)

SAT
สอบวัดระดับมาตรฐานความรู้ เพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของต่างประเทศและหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยของไทย
3,300+
1,600
4 – 5 ครั้งต่อปี
2

CU – TEP
สอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโท – เอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
900
120
1 – 2 ครั้งต่อเดือน
2

TU – GET
สอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
500 – 700
1,000
1 ครั้งต่อเดือน
2

TOEFL
สอบวัดความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
1,800
120
เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2

TOEIC
สอบวัดระดับความรู้ทางภาษาสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
1,800
990
เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2

IELTS
วัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อหรือการทำงานในยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ และไอริช
6,900
9
4 ครั้งต่อเดือน
2

 

เทคนิคการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษให้ผ่านแบบง่าย ๆ นอกจากการฝึกฝนการฟัง พูด และอ่านภาษาอังกฤษบ่อย ๆ  อีกหนึ่งทักษะที่ขาดไม่ได้ก็คือการเขียนไวยากรณ์ให้เป๊ะ เพื่อน ๆ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee เพื่อทบทวนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพลิน ๆ ในรูปแบบแอนิเมชัน หรือจะแวะเข้าไปทบทวน Tense 12 แบบ กันก่อนก็ได้เช่นกัน

 

Reference:

https://www.ets.org/

https://global-exam.com/blog/en/toeic-introduction/

https://eflchiangmai.com/th/what-you-need-to-know-about-new-toeic/

https://www.interboosters.com/sattips

http://www.atc.chula.ac.th/th_html/th_tep.html

http://public.litu.tu.ac.th/view/post/37/567

https://www.ignitebyondemand.com/cu-tep-and-tu-get/

[NEW] เทคนิคเขียนภาษาอังกฤษ ให้เป๊ะเหมือนฝรั่งเขียนเอง!(ไม่ยากอย่างที่คิด คุณก็ทำได้) | การให้ความรู้ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

พูดถึงการเขียน แม้จะเป็นภาษาไทย ก็ยากแล้วสำหรับหลายๆ คน และถ้าอยู่ดันในสถานการณ์ที่ต้อง เขียนภาษาอังกฤษ ล่ะ เราจะทำยังไงดีนะ? 

ถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์นี้และรู้สึกไม่มั่นใจกับการเขียน วันนี้เรามีตัวช่วยดีๆ มาฝากกันค่ะ

ไม่ว่าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เขียน Essay เขียนเรียงความ เขียนบทความ เขียนอีเมล เขียนจดหมาย เขียน Landing Page เขียนขายของ เรามี Tips ดีๆ มาฝากที่สามารถประยุกต์ได้หลากหลายค่ะ

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวซักนิดนึงนะคะ ตัวเรานั้นเรียนโรงเรียนไทยมาทั้งชีวิต และยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปเรียนหรือใช้ชีวิตในต่างประเทศนานๆ มาก่อน แต่เพราะมีสิ่งที่อยากทำหลายอย่าง ที่ผ่านมาเคยทำโปรเจกต์ร่วมกับชาวต่างชาติ เขียนข่าว เขียนบทความภาษาอังกฤษ และล่าสุดก็ได้ร่วมก่อตั้ง Justoneclub.com เป็นเว็บไซต์ที่ขายสินค้าสำหรับคนที่รักการพัฒนาตัวเอง และตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าในหลากหลายประเทศทั่วโลก

ที่สำคัญคือไม่ยากอย่างที่คิด เพราะสมัยนี้มีเครื่องมือและเทคโนโลยีมากมาย ส่วนใหญ่เริ่มต้นใช้งานได้ฟรีด้วยค่ะ บทความนี้จะเน้นแนะนำเครื่องมือสำคัญๆ ที่มีประโยชน์ น่าเชื่อถือ ใช้แล้วช่วยเราได้เยอะมากๆ

แนะนำเครื่องมือช่วยเขียนภาษาอังกฤษ

เครื่องมือช่วยตรวจเช็คแกรมม่าและการสะกดคำ

Grammar หรือ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่คนไทยเรียนมากันเยอะที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเขียนได้อย่าง Perfect หมดจดไม่มีที่ติ บางครั้งเราทราบแต่ก็อาจจะเผลอสะกดผิดบ้าง เช่น ลืมเติม s ต่อท้าย verb

Grammarly ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีเวอร์ชันใช้งานฟรี และรองรับการใช้งานบนหลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชัน..

  • Native app บนเครื่อง Mac

  • Add-in สำหรับโปรแกรม Microsoft Office บน Windows

  • Web application สามารถใช้งานได้เลยบนเว็บบราวเซอร์ ไม่จำกัด OS

หน้าตาของโปรแกรมจะเป็นดังภาพนี้

เขียนภาษาอังกฤษ เช็คแกรมมาร์ grammarly

Grammarly มันสามารถช่วยเช็คแกรมมาร์ให้เรา พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขให้ เราสามารถเขียนเอกสารในโปรแกรม หรือจะ Import ไฟล์ Word (.docx) เข้าไปก็ได้ แล้วมันก็จะช่วยเช็คให้ว่าเราพลาดตรงไหนบ้าง พร้อมบอกเราว่าต้องปรับยังไง รูปด้านล่างคือตัวอย่างผลลัพธ์หลังจากที่เราอัปโหลดไฟล์ Press Release ที่เราเคยเขียนใน Microsoft Word เข้าไป

use-grammarly-for-techsauce-press-release

ตามรูปคือ มันช่วยบอกเราว่าเรามีจุดที่ลืมเติม s อยู่ และมีจุดที่ลืมเติมคำนำหน้า ในที่นี้โปรแกรมช่วยแนะนำให้ด้วยว่า ควรใช้คำว่า the

นอกจากการแปะข้อความ หรืออัปโหลดไฟล์แล้ว อีกเรื่องสำคัญที่อยากชี้คือ Grammarly ยังมีเวอร์ชัน Google Chrome Extension และ Firefox Add-on ด้วยนะ ซึ่งความหมายคือ มันจะช่วยเช็คแกรมมาร์ให้ทุกๆ การพิมพ์ของเราเวลาเราเล่นอินเทอร์เน็ตเลย!

ตัวอย่างนี้คือการติดตั้งบน Chrome และกำลังเปิดหน้าอีเมลเอาไว้อยู่ มันจะถามเราว่าอยากให้เช็คข้อความในอีเมลไหม? นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเหมือน Dictionary อังกฤษ-อังกฤษ ช่วยแสดงผล Definition และ Synonym ในตัวได้อีกด้วย

grammarly-on-browser

 

Shifu แนะนำ

การติดตั้งบน Browser นั้นสะดวกมากๆ เพราะแปลว่าไม่ว่าจะเป็นอีเมล เขียนสเตตัสเฟซบุ๊ก

เขียนบล็อก

บน

WordPress

มันก็จะตามอ่านและให้คำแนะนำกับเรา แน่นอนว่ามันสะดวกมาก แต่ก็อาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวของข้อมูลไปบ้าง แม้ใน Policy จะระบุว่าเขาจะไม่แชร์ข้อมูลให้ปาร์ตี้ที่สามก็ตาม แต่ตัวโปรแกรมเอง ก็มีการเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ เพื่อการปรับปรุง Product อันนี้ก็แล้วแต่ทางผู้ใช้จะลองพิจารณาดูค่ะ

เครื่องมือช่วยเช็คความอ่านง่ายของการเขียน

บางทีเรื่องที่คนกังวลอาจจะไม่ใช่เรื่องของ Grammar แต่อาจจะเป็นเรื่องการสื่อสารให้ตรงประเด็น ถ้าคุณเขียนแล้วประโยคออกมางงๆ เช่น รูปประโยคซับซ้อนเกินไป เครื่องมืออีกตัวที่คุณใช้ช่วยได้คือ Hemingway สามารถใช้งานได้เลยในเว็บไซต์ หรือจะโหลด Desktop App ก็ได้

ภาพด้านล่างนี้สาธิตการใช้งาน Hemingway มันสามารถไฮไลท์บอกได้ว่าการเรียบเรียงให้ง่ายต่อการอ่าน (Readability) ของข้อความของเรานั้น ทำได้ดีแค่ไหน รวมถึงช่วยไฮไลท์จุดที่คุณควรลองดูเพื่อปรับให้มันง่ายขึ้น โดยเฉพาะประโยคที่ได้รับไฮไลต์สีเหลืองและสีแดง คือประโยคที่ค่อนข้างเป็นรูปประโยคที่ซับซ้อน 

เครื่องมือนี้จึงค่อนข้างเหมาะกับงานเขียนบทความออนไลน์ในภาษาอังกฤษทั่วๆ ไป ซึ่งความง่ายในการอ่านเป็นเรื่องสำคัญ มากกว่าความสวยหรูของประโยค แต่เราอยากบอกว่า ไม่ต้องถึงกับยึดตามคำแนะนำมากก็ได้ เพราะมันจะแนะนำให้เราไม่ใส่ Adverb หรือ Passive voice เยอะเกินไป (ซึ่งเขาถือว่ามันทำให้ประโยคซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วสองอย่างนี้ก็มีประโยชน์มากในการแต่งประโยค) โดยส่วนตัวเรามองว่าเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับใช้ช่วยเช็คคร่าวๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ

คิดชื่อเรื่องบทความภาษาอังกฤษดีๆ ไม่ออก

“ชื่อดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” พวกเราได้เคยเขียนแนะนำการตั้งชื่อบทความไปตั้งแต่บล็อกแรกๆ การตั้งชื่อสำคัญมากเพราะมันเป็นสิ่งแรกที่คนเห็น แต่ก็ยากไม่ใช่เล่นเลย แล้วทีนี้ถ้าเราต้องเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษล่ะ ถามว่ามีอะไรที่พอเข้ามาช่วยเราได้บ้างไหม ข่าวดีคือมีค่ะ และลิงก์เหล่านี้คือเครื่องมือที่สามารถใช้ช่วยได้

Shifu แนะนำ

อันที่จริงแล้วเครื่องมือเหล่านี้ทำขึ้นเพื่อช่วยนักเขียนที่เริ่มคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี ไว้ใช้หาไอเดียในการเขียนบล็อกได้ ซึ่งคุณผู้อ่านเองก็สามารถใช้ในการหาไอเดียได้เช่นกัน แถมเมื่อได้ไอเดียแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังช่วยให้ได้เห็นไกด์ไลน์ หรือสไตล์การตั้งชื่อบทความ ที่นักเขียนสากลนิยมใช้อีกด้วย

บทความภาษาอังกฤษ

ภาพด้านบนนี้แสดงตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้จาก HubSpot‘s Blog Topic Generator เมื่อขอไอเดียในการเขียนเรื่อง Inbound Marketing หรือ Blogging ก็จะเห็นสไตล์การตั้งชื่อบทความภาษาอังกฤษ ว่านิยมเขียน Copywriting กันในรูปแบบไหน

ช่วยเขียน Rewrite หรือ Paraphrase เพื่อให้สละสลวยขึ้น

หลายๆ ครั้ง ความยากในการสื่อสารไม่ใช่เรื่องความถูกผิดของภาษา แต่เป็นเรื่องระดับภาษา ว่าที่เขียนมามันสละสลวยไหม ภาษาออกมาเป็นโทนที่เราต้องการสื่อสารหรือเปล่า โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า ถูก หรือ ผิด เยอะเลยค่ะ

โชคดีที่ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยี AI ช่วยเขียนคอนเทนต์ภาษาอังกฤษ ออกมาเป็น Products ให้เราเลือกใช้ ซึ่งเจ้า AI เหล่านี้สามารถช่วยแนะนำการเขียนให้กับเราได้ค่ะโดยตัวที่อยากจะขอแนะนำ มีชื่อว่า Quillbot เป็นอีกตัวที่สามารถเริ่มต้นใช้ได้เลยฟรี

จากหน้าจอเมนู Paraphraser นี้ จะเห็นว่าเราสามารถเลือก Mode การเขียนได้แบบ เช่น โหมดแบบครีเอทีฟ โหมด Formal (เป็นทางการ) โหมดเขียนให้สั้นเอง (เดิมเขียนยาวไป อยากย่อ) โหมดเขียนยาวๆ (เดิมเขียนสั้นไป อยากขยาย) เป็นต้น

ช่วยแนะนำการเขียนตามวัตถุประสงค์

อีกหนึ่งความโหดของ AI Content Writer ในปัจจุบัน คือการพัฒนาให้ช่วยแนะนำการเขียนตามวัตถุประสงค์ได้ ซึ่งเดี๋ยวเราจะนำมารีวิวให้ดู พร้อมๆ กับแชร์เทคนิคการเขียนตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ในหัวข้อถัดไปให้ด้วยค่ะ

แชร์เทคนิคการเขียนภาษาอังกฤษ

เครื่องมือส่วนใหญ่ที่ได้แนะนำไป สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบ ในขณะเดียวกันก็มีเครื่องมือแบบเฉพาะกิจด้วย  และนอกจากเรื่องเครื่องมือแล้ว ความจริงการรู้จักและเข้าใจ “หลักการสื่อสาร” ที่เหมาะสมกับรูปแบบนั้นๆ คืออีกหัวใจที่สำคัญไม่แพ้เรื่องทักษะด้านภาษาโดยตรงค่ะ

เขียนเมลภาษาอังกฤษ

ปัจจุบัน Email provider ต่างๆ เริ่มมีฟังก์ชัน Quick reply หรือฟังก์ชันแนะนำการเขียนมาให้ใช้งาน ถ้าใครใช้ Gmail อยู่ จะพบว่าเมื่อเราเริ่มพิมพ์ลงไป มันจะสามารถแนะนำคำหรือประโยคที่เป็นที่นิยมเขียนมาให้ด้วย (เรียกว่า Smart compose feedback) หลังจากที่ลองใช้มาสักระยะ คิดว่า AI นี้ของ Gmail เก่งใช้ได้เลยค่ะ แนะนำภาษามาได้ตรงกับรูปแบบภาษาที่นิยมใช้เขียนในอีเมลกัน

อย่างเช่นช่วงที่ขึ้นต้นประโยคแรกๆ ในอีเมล คนนิยมเขียนเพื่อตอบรับอีกฝ่าย เช่น ในที่นี้เขาแนะนำมาเป็น It’s good to hear from you.

หรือช่วงปิดท้ายอีเมล เมื่อมีคำว่า Look ขึ้นประโยคมา Gmail ก็เดาทางต่อว่าเราน่าจะอยากเขียนประโยคนี้

โดยรวมแล้วจึงทำให้การเขียนอีเมลง่ายและเร็วขึ้นค่ะ โดยปกติจะเราเองก็จะเขียนใน Gmail ลงไปเลย และตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย Grammarly ต่ออีกหน่อย

Shifu แนะนำ

ความจริง Gmail มีฟีเจอร์ Check spelling ด้วยค่ะ ถ้าเข้าบน Desktop จะอยู่ในเมนูสามจุดด้านซ้ายล่าง ได้ลองใช้แล้ว พบว่าสามารถตรวจสอบการเขียนผิดได้เบื้องต้น แต่ยังตรวจได้ละเอียดไม่เท่า Grammarly เช่น การเช็คว่าคำนามนี้ ต้องต่อท้ายด้วย s หรือไม่ต้อง ด้วย ed หรือไม่ต้อง

อีกเรื่องที่อยากแนะนำเพิ่มเติมคือ แม้โปรแกรมต่างๆ จะช่วยเช็คและแนะนำได้เบื้องต้น แต่การเขียน Effective email นั้น เป็นเรื่องที่ผู้เขียนจะต้องเรียนรู้ตัวอย่างดีๆ เพิ่มเติมกันต่อด้วยนะคะ โดยปกติแล้วอีเมลควรเขียนด้วยรูปประโยคที่อ่านเข้าใจง่าย ไม่ต้องใช้ Complex sentence (ซึ่งใช้ Hemingway ช่วยดูได้ค่ะว่า Complex เกินไปหรือเปล่า) อีเมลควรชัดเจนว่าอยากบอกอะไร Next step คืออะไร เป็นต้น

การเขียนบทความภาษาอังกฤษ

จริงอยู่ที่ AI Content Writer เหล่านี้รองรับความสามารถในการเขียนบทความแล้ว โดยสามารถนำเสนอได้ถึงระดับไอเดียหัวข้อบทความ รวมไปถึง Outline ก็ทำได้โอเคเลย อย่างในเคสนี้คือเราแค่ใส่ประเด็นลงไปว่า ‘English Writing’ โปรแกรมก็แนะนำชื่อบทความและ Outline มาเสร็จสรรพ

ทั้งนี้ เราไม่แนะนำวิธีนี้เท่าไรนะคะ เราคิดว่าดูเป็นไอเดียได้ แต่คนเขียนควรจะเป็น Leader ที่กำหนดทิศทางด้วยตัวเอง โดยปกติเราจะเขียนบทความขึ้นมาด้วยตัวเอง แล้วใช้โปรแกรมในการช่วยตรวจสอบ ช่วย Paraphrase บางประโยค

อีกเรื่องคือ บางคนชอบเขียนบทความเป็นภาษาไทยแล้วเอาไปแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย Google Translate จากนั้นก็อาจจะใช้โปรแกรม Paraphrase ต่อ วิธีนี้ก็ทำได้ แต่โดยส่วนตัวยังเชียร์ให้คิดและเขียนด้วยตัวเองเป็นภาษาอังกฤษเลยแต่แรก จะดีที่สุดค่ะ

Shifu แนะนำ

ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ในเรื่องการเขียนบทความ อาจเริ่มต้นฝึกเขียนบทความในภาษาที่ตัวเองถนัดก่อน และถ้าอยากเรียนรู้วิธีการและเทคนิคการเขียนบทความตั้งแต่มือใหม่จนฝึกเป็นมืออาชีพ ขอแนะนำ คอร์สเรียน Content Writing for Beginners คอร์สนี้ และ คอร์ส Digital Copywriting สำหรับการเขียนก็อปปี้ค่ะ

การเขียน Essay หรือเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ

สำหรับการเขียน Essay หรือ เรียงความ คำแนะนำจะไม่ต่างกับการเขียนบทความมากนัก แต่ขอให้บริบทเพิ่มเติมคือ ในการเขียนบทความเพื่อลงในบล็อกต่างๆ ความง่ายในการอ่านจะมีความสำคัญ ในขณะที่เรียงความหรือ Essay มักจะใช้ในเชิงวิชาการ เช่น เพื่อการสมัครเรียนต่อ อาจต้องการรูปประโยคที่สละสลวยและโชว์ความ Advanced English มากกว่า

ในบริบทที่เราเคยเขียน Essay จริงจังเพื่อสอบชิงทุน เราจะไม่ได้ใช้เพียงแค่ตัวเอง+AI Tools แต่จะขอรับ Feedback จากเพื่อนๆ คนอ่านและผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมด้วย

เขียน Copywriting หรือข้อความเพื่อการตลาด

ในบรรดา Use Case ทั้งหมด โดยส่วนตัวคิดว่าอันนี้ยากที่สุดสำหรับคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา เพราะ Copywriting เป็นเรื่องของการกระตุ้นความสนใจ ซึ่งความถูกต้องของภาษาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นคือความน่าสนใจ เรายังคงใช้หลักการเดียวกันกับการเขียน Digital Copywriting ภาษาไทย ตามที่เราเองก็เคยทำคอร์สเรียนสอน แต่สิ่งที่ทำเพิ่มก็คือมีการใช้ AI Writer ช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยเฉพาะใน Use Case ที่ต้องการนำไปใช้งานจริง

Shifu แนะนำ

โปรแกรมที่ชื่อ Writesonic เป็นตัวที่เราพบว่ามีฟีเจอร์เพื่อการเขียนขายของและเขียนเพื่อการตลาดเยอะดีค่ะ เลือกได้ว่าต้องการเขียนสำหรับ Channel ไหน เลือกได้ทั้ง Facebook Ads, Google Ads, LinkedIn Ads, Ecommerce Copy, YouTube Copy เป็นต้น

นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้คือการศึกษาดูงานต่างๆ เพราะก็อปปี้เป็นเรื่องของความครีเอทีฟ เราไม่ได้เชื่อใจโปรแกรมอย่างเดียว 100% แต่ Research ดูคนอื่นๆ ที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันว่าเขาเขียนกันประมาณไหน กลุ่มเป้าหมายของเราใกล้เคียงกันกับใคร เป็นต้น

เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม

ใจเย็นๆ ค่อยๆ ฝึกที่ละสไตล์

แม้ว่าเราจะเคยมีประสบการณ์เขียนบทความสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษก่อนหน้ามาบ้างแล้ว แต่เราก็ยังคงใช้เวลาปรับตัวไม่น้อยตอนเราเริ่มต้นเขียนบทสัมภาษณ์สไตล์แบบไม่เป็นทางการ เรายังไม่ชินกับแนว Lifestyle (สำหรับภาษาอังกฤษ) เพราะเดิมทีที่ประสบการณ์จากรั้วมหาวิทยาลัย จะเน้นสาย Acedemic writing มากกว่า ตอนนั้นเราจึงต้องปรับตัวนิดนึง อ่านบล็อกแนวไลฟ์สไตล์มากขึ้น

ตอนที่ต้องเขียนแนว PR ก็เช่นกัน เราต้องเรียนรู้ใหม่เยอะมาก มันจะใช้เวลาหน่อย แต่ถ้าฝึกเรื่อยๆ คุณจะเก่งขึ้นจริงๆ นะ

ฝึกให้ครบ ฟัง พูด อ่าน เขียน ในชีวิตประจำวัน

ถึงแม้งานของเราจะเน้นที่การเขียนเป็นหลัก แต่เราก็ยังพบว่าการฝึกฟังและพูดนั้นมีส่วนช่วยด้วย หลักๆ แล้วมันช่วยให้เรา “คิดเป็นภาษาอังกฤษ” มากขึ้น นั่นเอง คอนเทนต์ที่ทำมาเพื่อการฟัง เพื่อการพูด การอ่าน การเขียน ก็มีความแตกต่างกันไป เพิ่มความหลากหลายของสไตล์เข้าไปในสมองมากยิ่งขึ้น

เริ่มต้นที่ไดอารี่สั้นๆ

จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนของเรา อันที่จริงแล้วมันคือสเตตัสบน Facebook นั่นเอง ซึ่งเราเขียนแบบกึ่งไดอารี่ เมื่อเราเปรียบเทียบสเตตัสเก่าๆ กับสเตตัสใหม่ๆ เราก็เห็นว่าตัวเองเขียนดีขึ้นจริงๆ  หากอยากฝึกภาษาอังกฤษก็สามารถลองเริ่มจากสเตตัสภาษาอังกฤษก็ได้นะ หรือจะเขียนเก็บไว้ดูเอง เป็นไดอารี่สั้นๆ ก็ได้ค่ะ Seth Godin ก็เป็นคนนึงที่เขียนบล็อกแล้วมีคนติดตามเยอะมาก แม้ว่าบล็อกของเขาจะเป็นสไตล์ไดอารี่สั้นๆ ก็ตาม

หาคนช่วยตรวจ

วิธีการจัดการกับความไม่มั่นใจที่ดีที่สุด คือการหาคนช่วยตรวจ ถ้าให้ดี ควรเป็นคนที่สามารถแลกเปลี่ยนกันและกันได้ คือ คุณขอเขาช่วยเล็กๆ น้อยๆ  และเขาก็ขอคุณช่วยบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ เช่นกัน

แต่ก่อนจะหาคนตรวจ ให้อากู๋ Google ช่วยตรวจให้ด้วยก็ได้ แทบทุกครั้งที่เขียน เรามักจะมีคำที่ไม่แน่ใจเรื่องวิธีการใช้ ซึ่งเราก็สามารถศึกษาการใช้คำเหล่านี้ก่อน โดยการเซิร์จอ่านเอาได้ อย่างเรื่อง Preposition มักจะเป็นเรื่องที่คนไทยใช้ผิดบ่อย เช่น Interested ต้องใช้คู่กับ in; I am interested in marketing ไม่ใช่ I am interested about marketing เป็นต้น

ทดสอบภาษาอังกฤษ

สำคัญคือต้อง ‘รู้’ ว่าตัวเอง ‘ไม่รู้’ อะไร

สำคัญสุดคือตัวคอนเทนต์

ภาษา คือเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสาร และเครื่องมือน้ันมีไว้ให้ใช้งาน ไม่ได้มีไว้ให้กลัว

ภาษาเป็นเครื่องมือนึง แต่สาระจริงๆ คือตัวคอนเทนต์ ครั้งหนึ่งเราจะเขียนบทความเกี่ยวกับซอฟแวร์สัญชาติญี่ปุ่นตัวหนึ่ง เราหาข้อมูลภาษาอังกฤษไม่ได้เลย จึงตัดสินใจหาเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วใช้ Google Translate ช่วยแปลเอา ผลลัพธ์การแปลอาจจะยังไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ แต่เมื่อเราได้อ่านแล้ว เราก็พึงพอใจกับเนื้อหา และพบว่าบทความนี้มีคุณค่ากับเรา ในการทำงานเองก็เหมือนกัน ถ้าเชื่อว่าตัวเองมีเนื้อหาที่ดี ก็ลงมือเลย ภาษาเดี๋ยวค่อยๆ พัฒนากันไปได้

สรุป

บทความนี้เราเขียนโดยแบ่งเป็นเคสการใช้งานหลักๆ ที่หลายๆ คนต้องเจอในการเขียนภาษาอังกฤษ โดยเน้นการแนะนำโปรแกรมต่างๆ รวมถึงแนะนำความคิดเห็นเพิ่มเติมจากประสบการณ์ส่วนตัว ยังไงก็ตาม การเรียนภาษาอังกฤษและฝึกเขียนฝึกใช้บ่อยๆ ยังคงเป็นพื้นฐานความรู้ที่สำคัญมากๆ ที่เราไม่อยากให้ละเลยกัน

หวังว่าบทความจะมีประโยชน์เพื่อให้คุณพร้อมลุยตลาด International ไปด้วยกันนะคะ 🙂

ตาคุณแล้ว

หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ขอให้คุณลองเริ่มต้นเขียนภาษาอังกฤษ เริ่มจาก Caption สเตตัสต่างๆ ไล่ไปสู่ไดอารี่ จนกระทั่งเขียนบทความภาษาอังกฤษได้ และอย่าลืมเข้าไปดูเครื่องมือต่างๆ ที่เราแนะนำและลองใช้ดูนะคะ

ใครที่ได้ลองเล่น ลองใช้ ลองทำตามแล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะ? นำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้หรือได้ลอง มาแชร์ความรู้ด้วยกันได้ที่คอมเมนต์ใต้บทความนี้เลยค่ะ 🙂

New call-to-action


สูตรพัฒนาตัวเองที่ไม่มีวันหมดอายุ


จิตวิทยาพัฒนาตันเองที่ไม่มีวันบูดเน่าใช้ได้ทั้งชีวิต

กดเข้ากลุ่มฟรี! เก่งขึ้นวันละ 1%!
https://www.facebook.com/groups/350505719845935
แจกฟรี! อีบุ๊ก 18 ความลับ!
เปลี่ยนคุณให้เป็นคนเจ้าเสน่ห์
[ทำยังไงให้ใครๆก็รักตั้งแต่แรกพบ]
👉https://lin.ee/iwazNnx
ฟังฟรี! จิตวิทยาการพูดชนะใจคน
👉https://www.youtube.com/playlist?list=PLfdtkwJb5cVr68FikXL1rVSYCpCn0vGle
กลุ่มฟรี! พูดพิชิตใจแบบจ้าวเสน่ห์!
👉https://www.facebook.com/groups/astcharismasecrets/
ติดตาม Exclusive Content ในช่องทางต่างๆได้ที่:
Line Official: https://lin.ee/iwazNnx
Facebook: https://www.facebook.com/Amazingstorytelling
Blockdit: https://www.blockdit.com/amazingstorytelling
▃▃▃▃▃▃▃▃▃▃▃▃▃▃▃▃
ครองใจคน,วิธีชนะมิตรและจูงใจคน,วิธีการพูดนำเสนอ
,พูดอย่างไรให้น่าฟัง,สร้างเสน่ห์,เทคนิคการพูดโน้มน้าวใจ,การพูดพิธีกร,เทคนิคพูดให้น่าฟัง,พูดอย่างไรให้จับใจคนฟัง,พูดอย่างไรให้คนชอบเรา,วิธีการพูดโน้มน้าวจูงใจ,พูดยังไงให้คนรัก,พูดอย่างไรให้คนเชื่อ,พูดอย่างไรให้คนคล้อยตาม,พูดในที่ชุมชน,พูดอย่างไรให้ชนะใจคนฟัง,พูดอย่างไรให้ผู้ชายหลง,พูดอย่างไรให้มีเสน่ห์,คุยอย่างไรให้ได้คบ,คุยอย่างไรให้ผู้ชายชอบ,คุยอย่างไรให้ผู้หญิงชอบ,คุยอย่างไรให้สนุก,คุยอย่างไรไม่ให้เบื่อ,เทคนิคคุยกับลุกค้า,เทคนิคพูดหน้ากล้อง,เทคนิคพูดขายของ,เทคนิคเล่าเรื่อง,เล่าเรื่องอย่างไรให้สะกดใจคน

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

สูตรพัฒนาตัวเองที่ไม่มีวันหมดอายุ

Sleeping Bunnies – Lovely Songs for Children | LooLoo Kids


Best educational songs for children to learn and have fun at the same time! Best songs for Kids from LooLoo KIDS. Sleeping Bunnies and many more nursery rhymes.📢Listen on SPOTIFY http://listento.loolookids.com/ 📢Download our app: http://onelink.to/looloo
🔔Subscribe to our channel because new videos are uploaded every week! http://bit.ly/Subscribe_to_LooLooKids
👍Follow us on Facebook for new updates! https://www.facebook.com/LooLooKids/
🐦Tweet to us! https://twitter.com/loolookids
🎵Instagram: https://instagram.com/loo.loo.kids
🎵👍 Watch the LooLoo Kids Playlist: http://bit.ly/310qEOk
🎵 Go to your favorite song by selecting a title below! 👇
0:00 Sleeping Bunnies 1:50 One, Two, Buckle My Shoe 2:49 Hickory Dickory Dock 5:12 The Wheels On The Bus 7:20 Old MacDonald Had a Farm 8:48 Humpty Dumpty 10:09 Bingo 12:33 Three Little Kittens 14:58 The Finger Family 16:05 Miss Polly Had a Dolly 17:33 Baa, Baa, Black Sheep 18:48 Row, Row, Row Your Boat 20:46 Hush, Little Baby 23:13 Head, Shoulders, Knees and Toes 24:45 Incy Wincy Spider 26:27 I’m a Little Teapot 27:41 Head, Shoulders, Knees and Toes 29:42 Rain, Rain Go Away 32:02 PataCake 33:03 Twinkle, Twinkle Little Star 35:14 If You’re Happy and You Know It 36:59 BINGO 39:01 The ABC Song 40:26 Five Little Ducks 42:06 Five Little Monkeys 44:25 Twinkle, Twinkle, Little Star 46:54 Johny Johny Yes Papa 48:31 Old MacDonald Had a Farm 49:48 Once I Caught A Fish Alive 51:56 If You’re Happy and You Know It 53:57 Five Little Ducks 56:19 Mary Had a Little Lamb 58:35 The Wheels on the Bus 1:00:24 Happy Birthday
Sleeping Bunnies Lyrics
See the little bunnies sleeping till it’s nearly noon
Shall we wake them with a merry tune?
They’re so still, are they ill?
Wake up, little bunnies!
Hop little bunnies, hop, hop, hop,
Hop little bunnies, hop, hop, hop,
Hop little bunnies, hop, hop, hop,
Hop little bunnies, hop, hop, hop!
LooLoo Kids is the place where children find all their favorite nursery rhymes and songs with lyrics. Johnny, Johnny, Yes Papa, The Wheels On The Bus, Peeka Boo and hundreds of beautiful educational songs are entertaining kids around the world. The best English learning lessons for kids are now the Musical Adventures of Johnny \u0026 Friends. They sing, dance and learn while having a lot of fun. Children are learning to count, to recognize colors, to spell the Alphabet. Rhyming is the new flavour of learning!
🎵 Enjoy other LooLoo Kids nursery rhymes:
Johny, Johny Yes Papa https://youtu.be/F4tHL8reNCs
Rolling Rolling https://youtu.be/M77u1n7xzUM
Down in The Jungle https://youtu.be/Rq1t__qI91Y
Five Speckled Frogs https://youtu.be/za6Ufdqtc9E
Five Little Ducks https://youtu.be/ccCPcujnys
Baby Shark https://youtu.be/NxkhVqLiUg
Zigaloo Dance https://youtu.be/G0O2xRP0y14
Enjoy educational songs and stories for preschool kids created by experts in children’s education!
Nursery rhymes in English, canciones en inglés para niños, barnvisorna på engelska, Músicas em inglês para crianças, Gyerekzene, Kinderlieder in Englisch, 英文兒歌, Písničky v angličtině, أناشيد أطفال باللغة الإنجليزية, अंग्रेजी में नर्सरी कविताएं, Comptines en anglais, Lagulagu anak berbahasa Inggeris, Musik Untuk Anak, Barnerim på engelsk, Canzoni per bambini in inglese, Engelse kinderliedjes, Piosenki dla dzieci po angielsku, เพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก
loolookids johnyandfriends looloo
LooLoo Kids is a registered trademark of MORA TV. For distribution and more information, visit and contact us at https://loolookids.com

Sleeping Bunnies - Lovely Songs for Children | LooLoo Kids

ฝึกพูด 50 ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน


อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษตัวต่อตัว หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบบุฟเฟ่ต์
สมัครได้เลย ​https://www.unfoxenglish.com/
สอบถามแอดไลน์ ​https://lin.ee/5uEdKb7h
กลุ่มเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/unfoxenglishcommunity/
ฝึกพูด 50 ประโยคสนทนาในชีวิตประจำวัน EP.2
https://youtu.be/wPZ2j_MFfKA
50 ประโยคภาษาอังกฤษที่ฝรั่งพูดบ่อยมากในการสนทนา
https://youtu.be/tDYt8ZXOsrI
อยากพูดภาษาอังกฤษได้เราก็ต้องเริ่มต้นด้วยการฝึกพูดจากประโยคง่ายๆ และพื้นฐานๆที่ได้ใช้จริงในชีวิตประจำวัน ฝึกการพูดออกเสียงเป็นประโยคและเข้าใจความหมายไปด้วยจะช่วยให้เราสามารถนำประโยคเหล่านั้นไปใช้งานในสถานการณ์จริงและรู้จักปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้ วันนี้ผมรวบรวมเอาประโยคที่พื้นฐานที่สุดมาให้ทุกคนได้ฝึกฝนกัน จริงๆยังมีมากกว่านี้แต่ 50 ประโยคเริ่มต้นนี้ถ้าฝึกพูดจนชินแล้วเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายบริบทเลยทีเดียว
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ฝึกพูดอังกฤษ
ติดตามช่อง YouTube ส่วนตัว
ช่องยูทูปของแล็คต้า https://www.youtube.com/lactawarakorn
ช่องยูทูปของเบล https://www.youtube.com/bellvittawut
ติดตามช่องทางอื่นๆ และพูดคุยกันได้ที่
ชุมชนคนรักภาษาอังกฤษ https://www.unfoxenglish.com
FB: https://www.facebook.com/unfoxenglish
Twitter: https://www.twitter.com/unfoxenglish
Lacta’s IG: https://www.instagram.com/lactawarakorn
Bell’s IG: https://www.instagram.com/toshiroz
ติดต่องาน
Email: [email protected]
Line: http://nav.cx/oOH1Q6T

ฝึกพูด 50 ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน

สอนพูดภาษาอังกฤษ(ฟรี)จากเริ่มต้นจนพูดคล่อง Level 1: EP.1 Language Basics


อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษตัวต่อตัว หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบบุฟเฟ่ต์
สมัครได้เลย ​https://www.unfoxenglish.com/
สอบถามแอดไลน์ ​https://lin.ee/5uEdKb7h

กลุ่มเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/unfoxenglishcommunity/

เรียนตอนต่อๆไป
https://www.youtube.com/playlist?list=PLDFirtKulNk9TP14p0TWjl7bs84Ow1aC
อยากพูดภาษาอังกฤษได้เราก็ต้องฝึกพูด เริ่มต้นฝึกเหมือนเด็กทารกที่ค่อยๆหัดพูดตามพ่อแม่ทีละคำสองคำ เป็นกลุ่มคำ เป็นประโยค จนพูดได้ตามที่ใจนึกอยากจะพูด วิธีการเรียนรู้แบบธรรมชาตินี้จะทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว เข้าใจง่าย ไม่ต้องท่องจำ และที่สำคัญไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทย แค่ทำความเข้าใจผ่านภาพที่เห็นเชื่อมโยงกับเสียงที่ได้ยิน เราก็จะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปโดยอัตโนมัติเหมือนกับที่เราเรียนรู้ภาษาแม่ได้อย่างธรรมชาติ
ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่าย แต่เราอย่าไปทำให้มันยาก
ติดตามช่อง YouTube ส่วนตัว
ช่องยูทูปของแล็คต้า https://www.youtube.com/lactawarakorn
ช่องยูทูปของเบล https://www.youtube.com/bellvittawut
ติดตามช่องทางอื่นๆ และพูดคุยกันได้ที่
ชุมชนคนรักภาษาอังกฤษ https://www.unfoxenglish.com
FB: https://www.facebook.com/unfoxenglish
Twitter: https://www.twitter.com/unfoxenglish
Lacta’s IG: https://www.instagram.com/lactawarakorn
Bell’s IG: https://www.instagram.com/toshiroz
ติดต่องาน
Email: [email protected]
Line: http://nav.cx/oOH1Q6T
ภาษาอังกฤษ สอนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษ

สอนพูดภาษาอังกฤษ(ฟรี)จากเริ่มต้นจนพูดคล่อง Level 1: EP.1 Language Basics

รวมเพลงเด็ก เพลงเด็กอนุบาล ฟังยาวๆ 1 ชม. By KidsMeSong


ขอบคุณมากค่ะสำหรับการดูวิดีโอนี้และสำหรับการแชร์วิดีโอของช่องหนู
Subscribe หรือสมัครสมาชิกเพื่อติดตามช่อง kids me songs |Please subscribe for new videos https://goo.gl/RXpPFZ
Mail ►► [email protected]
Facebook ►► https://www.facebook.com/KidsMeSong/
Instagram►► https://www.instagram.com/kidssongth/
twitter ►► https://twitter.com/KidssongTHAI
Line ►► kidssongth
รวมเพลง ก ไก่ ►► https://goo.gl/wIx4DS
เพลงเด็กพร้อมท่าเต้น ►► https://goo.gl/UqGBeq
รวมเพลงช้าง ►► https://goo.gl/QaP0lD
รวมเพลงเป็ด ►► https://goo.gl/dpFpuE
รวมเพลงลิง ►► https://goo.gl/CrzAt6
รวมเพลงเต่า ►► https://goo.gl/VCFjMj
รวมเพลงไก่ ►► https://goo.gl/4NLqaN
เรียนรู้ตัวเลข ►► https://goo.gl/G9LvY4
เพลงสูตรคูณ ►► https://goo.gl/LhJRqd
รวมเพลงเด็กอนุบาล ►► https://goo.gl/LTQauf
เพลงภาษาอังกฤษ ►► https://goo.gl/AOQ6RH
ปั้นแป้งโดว์ สนุกเสริมการเรียนรู้ ►► https://goo.gl/5rDSwm
เรียนรู้สี ►►https://goo.gl/f5osFA
ติดตามช่องอื่นๆของเรา
The kids song ►►https://goo.gl/mwQXzu
Happy kids thailand ►►https://goo.gl/tzlrAo

รวมเพลงเด็ก เพลงเด็กอนุบาล ฟังยาวๆ 1 ชม.  By KidsMeSong

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การให้ความรู้ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *