Skip to content
Home » [NEW] มารู้จักกับ ทุนรัฐบาลเกาหลี (KGSP) กันเถอะ ! | ทุน แลกเปลี่ยน เกาหลี – NATAVIGUIDES

[NEW] มารู้จักกับ ทุนรัฐบาลเกาหลี (KGSP) กันเถอะ ! | ทุน แลกเปลี่ยน เกาหลี – NATAVIGUIDES

ทุน แลกเปลี่ยน เกาหลี: คุณกำลังดูกระทู้

สวัสดีทุกคนครับ ช่วงนี้ที่เกาหลีใต้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ช่วงนี้เฟรมก็เตรียมสอบวัดระดับภาษาเกาหลี เรียกว่ายุ่งมากๆจนลืมไปว่า นี่เข้าสู่ช่วงฤดูกาลของการสมัคร “ทุนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี” แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสได้คุยกับพี่ๆน้องๆ หลายคนที่สนใจเกี่ยวกับทุนนี้ครับ และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี เฟรมจึงได้เรียบเรียงข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อการสมัครไว้ให้ครับ

 ทุนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี  หรือว่า Korean Government Scholarship (KGSP)  ดำเนินงานภายใต้หน่วยงานที่ชื่อว่า NIIED หรือ National Institute For International Education ครับ ทุนนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี 1967 ที่บริหารงานโดยกระทรวงศึกษาธิการของเกาหลี จนถึงปี 1994 หลังจากนั้น NIIED ก็มาสานต่อ เริ่มมีการรับนักเรียนชาวต่างชาติ โดยมีทุนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีปริญญาโท ไปจนถึงปริญญาเอกเลยครับ โดยในที่นี้จะขอพูดถึงแต่  ทุนระดับปริญญาตรี  นะ

Table of Contents

ข้อดีของทุนนี้

1. เป็นทุนเต็มจำนวน

 

หมายความว่า เป็นทุนที่ให้เปล่าตั้งแต่ ค่าเรียนไปจนถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยส่วนที่เขาจะจ่ายให้เรานั้น เป็นค่าเล่าเรียนทั้งหมด ตั้งแต่เรียนค่าเรียนภาษาในปีแรกจนถึงการเรียนในมหาวิทยาลัย, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 800,000 วอน (ประมาณ 22,000 บาท), ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ , ค่าตั้งถิ่นฐาน (ค่าใช้จ่ายจุกจิกตอนเข้ามา เป็นเงิน 200,000 วอน) และตอนที่เราจะกลับอีก 100,000 วอน รวมไปถึงประกันสุขภาพ ซึ่งมาคิดดูแล้ว ก็ถือว่าทุนนั้นได้ให้มาครบถ้วน และเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเทียบกับการมาเรียนด้วยทุนตัวเองแล้ว ทุนนี้เจ๋งสุดๆไปเลยครับ แถมมีเงินกินขนมด้วย มาดูกับรายรับ-รายจ่าย ของตัวเองแล้ว ได้กิน ได้เที่ยว ได้ช็อปสบายๆครับผม

ต้องยอมรับว่าเกาหลีเป็นอีกประเทศนึงที่น่าอยู่ มีความปลอดภัย ทุกถนนหนทางเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิดแทบจะทั้งหมด เรื่องเศรษฐกิจก็น่าจะเป็นที่รู้จักกัน บริษัทใหญ่ๆอย่าง Samsung, LG, Hyundai ฯลฯ ก็ให้การสนับสนุนเงินทุนพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ความเป็นอยู่ของคนที่นี่ ต้องบอกว่าดีมาก การเดินทาง คมนาคมสะดวกสบาย ครอบคลุมทั้งประเทศ เทคโนโลยีก็เป็นที่หนึ่ง เพราะเป็นที่หลายๆคนอาจจะทราบกันบ้างว่า อินเทอร์เน็ตที่นี่เร็วเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ด้านอุตสาหกรรมบันเทิงก็ไม่น้อยหน้า ขึ้นชื่อว่าเกาหลีก็ต้องพูดถึงเรื่องซีรีส์ ศิลปิน เพลงต่างๆ ก็เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศของเขาล่ะครับ หากได้ทุนนี้มาศึกษาต่อที่เกาหลี ก็จะทำให้ใครที่สนใจวัฒนธรรม เทคโนโลยี สังคม ความก้าวหน้าของประเทศนี้มากยิ่งขึ้น

3. ที่นี่ให้ความสำคัญกับการศึกษา

จะบอกว่าประเทศนี้ เขาเรียนกันโหดจริงๆ ค่ำๆดึกๆบางทีเดินไปที่ห้องสมุดก็จะเห็นคนมาจองที่นั่งอ่านหนังสือ ตามร้านกาแฟเต็มไปด้วยนักเรียนในช่วงฤดูสอบ (ร้านกาแฟบางแห่งก็เปิด 24 ชั่วโมง รองรับคนที่อ่านหนังสือโต้รุ่งด้วยแหละ!) และการแข่งขันสูง เพราะว่าแต่ละคนก็อยากได้มหาวิทยาลัยดีๆกันทั้งนั้น ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยที่นี่ มีผลกับคนเกาหลีมาก (คนเกาหลีบอกว่า หนุ่มสาวเกาหลี จีบกัน บางทียังถามมหาลัยเลยว่ามาจากไหน อันนี้ผมฟังจากป้าๆ อาจุมม่าเค้าเม้ามอยกันมาครับ)  เด็กม.ปลาย ก็จะเรียนกันหนักมากมีเรียนพิเศษกันจนค่ำ ไม่แพ้กันกับบ้านเราเลย…

ชาวต่างชาติกับภาษาเกาหลี? ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่าภาษาเกาหลีไม่ได้ยากเท่าไหร่ เนื่องจากจำนวนตัวอักษรที่ให้ต้องจำมีน้อย ไม่มีระบบตัวอักษรภาพ (เหมือนภาษาญี่ปุ่น, ภาษาจีนกลาง) ทำให้รู้สึกไม่ยากเกินความสามารถที่จะเรียนรู้ได้ แถมที่นี่มีสื่อการเรียนครบครัน หนังสืออ่านเพิ่มเติม ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น กำลังจะบอกว่า ประเทศนี้ใส่ใจกับการเรียนการศึกษามากๆครับ ใครที่อยากลองศึกษาภาษาเกาหลีลองเริ่มต้นอ่านจากบล็อกในตอนนี้ก่อนก็ได้ครับ เริ่มต้นเรียนภาษาเกาหลี : รวมเว็บเรียนเกาหลีฟรีดีๆ 

3 ปีกับที่เกาหลี…

เมื่อปลายปี 2557 ทางหน่วยงานที่ให้ทุน (NIIED) ได้จัดแข่งขันประกวดวิดิโอ ในหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตในเกาหลีใต้ครับ ซึ่งผมเองก็ได้ทำวิดิโอส่งเข้าประกวด ในนี้ก็ได้รวบรวมเรื่องราวของเฟรม ตั้งแต่สมัยปีแรกๆ มาตั้งรกรากที่นี่ เรียนภาษาเกาหลี จนถึงเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ตลอดระยะเวลา 3 ปีวิดิโอนี้อาจจะทำให้หลายๆคน พอนึกออกบ้างล่ะครับว่า การเรียนการศึกษาที่เกาหลีด้วยทุนรัฐบาลเกาหลีนี้เป็นอย่างไร 3 ปีที่ผ่านมาได้ให้อะไรกับผมไว้บ้าง ไปติดตามชมกันได้เลยครับ (กดปุ่ม CC ผมได้ทำ subtitle ภาษาไทยไว้ให้แล้ว)

การรับสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี

การรับสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี สำหรับระดับชั้นปริญญาตรี จะเปิดรับสมัครในช่วง เดือนกันยายน ของทุกปีครับ ส่วนของปริญญาโท จะประมาณต้นๆปี (ช่วงเดือน ม.ค.~ก.พ.) การรับสมัครจะแยกกันนะครับอย่าสับสน โดยเฉพาะของป.โท-ป.เอก จะสามารถสมัครผ่านสถานทูตก็ได้ หรือมหาวิทยาลัยโดยตรงก็ได้อันนี้จะแตกต่างกับ ป.ตรีอย่างชัดเจน ตรงที่ว่า ป.ตรีจะสามารถสมัครผ่านสถานทูตได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ (แต่ในปีหลังๆเห็นว่ามีรับนักเรียนผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรงด้วย ติดตามรายละเอียดในใบสมัครอีกครั้งนะครับ)

สำหรับในประเทศไทย รูปแบบการคัดเลือกแทบจะเปลี่ยนไปทุกปี อยากให้ยึดรายละเอียดของใบสมัครในปีนั้นๆเป็นหลัก สำหรับในปีของเฟรม (ค.ศ.2012) นั้น สถานทูตเกาหลีได้มอบหมายให้ สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้คัดเลือกนักเรียน จากการตรวจเอกสาร และดำเนินการสัมภาษณ์ครับ

ในการรับสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี ประจำปี 2556 และ 2557 นั้น จะเป็นการส่งเอกสารโดยตรงไปที่ สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทย โดยตรง ซึ่งขั้นตอนนั้น อาจจะแตกต่างกันสักเล็กน้อยหากเทียบกับ
ปีของเฟรม แต่การดำเนินการหลักๆก็คงไม่พ้นดังนี้ครับ

1. ไปดาวน์โหลดเอกสารแบบฟอร์ม และข้อมูลมหาวิทยาลัยและ คณะต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ Study in Korea ตรงส่วน Notice จะมีคำว่า 2014 Korean Government Scholarship Program for International Students for an Undergraduate Degree อยู่ครับในนั้นจะมีเอกสารหลายๆอย่าง อยากให้ลองอ่านก่อนนะครับ เพราะว่าข้อมูลค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์กรอกเสร็จแล้วก็ส่งไปตามที่อยู่ในสถานทูตเกาหลีในประเทศไทยเลยครับ

ที่อยู่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทย 
“23 ถนนเทียมร่วมมิตร รัชดาภิเษกห้วยขวาง กรุงเทพ 10320″ 

2. สถานทูตดำเนินการคัดเลือก โดยการคัดเอกสาร พิจารณาคุณสมบัติจากใบสมัครที่ได้ส่งมาคัดเหลือประมาณ 10 คน เข้ามาสัมภาษณ์ที่สถานทูตครับ

3. ประกาศผลผู้ที่ผ่านสัมภาษณ์ เมื่อผ่านแล้วก็ให้เตรียมเอกสารอื่นๆไว้รอ ตามที่ระบุไว้ในใบสมัครครับ เช่น ผลการตรวจสุขภาพ (ตรวจและรับรองจากโรงพยาบาล), สำเนา Passport ของเราและผู้ปกครอง

4. สถานทูตฯ ส่งรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกไปยังหน่วยงานที่ให้ทุน (NIIED) ที่เกาหลี

5. NIIED ประกาศผลผู้ผ่านคัดเลือก และส่งเอกสารของเราไปยังมหาวิทยาลัยที่เลือกไว้

6. มหาวิทยาลัยตอบรับเอกสาร หากผ่าน (ซึ่งเค้าส่งมาทางอีเมลว่าเราผ่านครับ) ก็ส่งจดหมาย ยืนยันมหาวิทยาลัย ที่ต้องการจะศึกษาครับ (กรณีผ่านมากกว่า 1 มหาวิทยาลัยก็มีสิทธิ์เลือกได้ อารมณ์เหมือนเลือกไปอยู่กับโค้ชไหนก็ได้ใน The Voice)

7. NIIED ประกาศผลอย่างเป็นทางการ (ประมาณต้นเดือน มกราคม) ก่อนที่จะส่งรายละเอียดให้เราต่อไปครับ และนี้ก็เป็นขั้นตอนการดำเนินการคร่าวๆครับ ได้เดินทางจริงๆ ก็ประมาณปลายๆเดือน ก.พ.

สรุปเป็นตารางได้ดังนี้ครับ…

schedule-scholarship

การเตรียมตัวสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี

การเตรียมตัวนั้น เฟรมคิดว่าคงเป็นเรื่อง  เอกสารที่ควรจะชัดเจน สมบูรณ์  เราต้องเข้าใจว่า กรรมการคัดเลือกจากเอกสารเท่านั้นครับ ดังนั้น หากเราสามารถบ่งบอกความเป็นตัวเรา ความตั้งใจของเราความสามารถพิเศษที่ทำให้เราโดดเด่น แตกต่างจากคนอื่นๆ ประเด็นสำคัญต่างๆเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนมีเหตุผล มีหลักการ ก็จะทำให้มีโอกาสเข้าตากรรมการได้บ้างล่ะครับ

ในส่วนเอกสารของเฟรม เฟรมคิดว่าเพราะประสบการณ์ในการแข่งขันตลอดช่วงมัธยม เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาของกรรมการด้วยครับ เพราะเราเป็นคนที่ชื่นชอบทำกิจกรรม ส่วนนี้เฟรมคิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้โปรไฟล์ของแต่ละคนแตกต่างกันไป รวมไปถึงการแสดงความพร้อมของตัวเรา ที่ทำให้กรรมการเห็นความตั้งใจ คือการเตรียมแฟ้มสะสมผลงาน แม้ว่าจะมีส่วนในการตัดสินน้อยมากๆ ถึงไม่มีเลยแต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นสิ่งนึงที่เพิ่มความน่าเชื่อถือ หากมีโอกาสได้ผ่านเข้ารอบไปในรอบสัมภาษณ์ การเตรียมแฟ้มสะสมผลงานเพื่ออ้างอิงถึงกิจกรรมที่เคยทำมา (กรณีที่เป็นนักกิจกรรมอย่างผม) ก็จะให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือในการสัมภาษณ์มากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากเพิ่มเติม คือ “ความเป็นตัวเรา ความเป็นธรรมชาติของเรานั้นสำคัญที่สุด” ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือไม่เวอร์จนเกินไป ของแบบนี้ ถ้าเป็นกรรมการก็คงจะมองออกครับ ดังนั้น แสดงความจริงใจที่สุด ของเราออกมา จำได้ว่า วันสัมภาษณ์ กรรมการถามคำถามว่า พูดภาษาเกาหลีได้มั้ย ก็ตอบไปตรงๆครับว่า “ไม่ได้จะได้ก็แต่  อันนยองฮาเซโย คัมซาฮัมนิดา …ซารางเฮโย (ต้องทำมือรูปหัวใจด้วยนะ 555)” ทำกรรมการวันนั้นฮากันทั้งห้องเหมือนกัน…

บรรยากาศของการเดินทางไปสัมภาษณ์

ตอนนั้นจำได้ว่ารู้จักข่าวทุนรัฐบาลเกาหลี จากหนังสือ “เรียนต่อเกาหลี สุดโหด แต่(โคตร)สนุก“ ครับ ว่ามีทุนรัฐบาลเกาหลีสำหรับนักเรียนปริญญาตรี แต่ก็ไม่รู้วันเวลาที่แน่ชัด ก็เลยได้แต่รู้ๆไป จนทราบจากเพื่อนอีกทีว่าตอนนี้กำหนดการออกมาแล้ว ก็เลยส่งเอกสารไป ….

ความยากของทุนนี้ อาจจะเป็นการที่ต้องเตรียมเอกสาร เพราะเอกสารที่เค้าต้องการนั้นก็ค่อนข้างใช้เวลาในการกรอก ไม่ว่าจะเป็น จดหมายแนะนำตัวเอง (ที่ต้องเขียนเรียงความ แสดงความเป็นตัวเราออกมา) หรือ การเขียน Study plan (แผนการเรียน) ว่าเราจะมาเรียนยังไง ทำอะไรที่นี่ (มันเป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ต้องคิดดีๆ) จนถึงเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ จากคุณครู หรือคนที่เกี่ยวข้อง (Letter of recommendation) ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ช่วงนั้นจำได้ว่า เป็นช่วงเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในไทยด้วย และเป็นช่วงสอบปลายภาคของโรงเรียน ก่อนที่จะปิดเทอม ซึ่งหลายๆโรงเรียนในไทย จะเป็นแบบนั้น ดังนั้นการขอเอกสารต่างๆ จากโรงเรียน หากไม่รีบดำเนินการ ปิดเทอมไปก่อนก็จะเจอปัญหาครูไม่อยู่ ออกเอกสารไม่ได้ ซึ่งเฟรมก็ผ่านช่วงเวลาตอนนั้นมาอย่างหวุดหวิด เพราะเอกสารบางชิ้นก็เกือบทำให้ส่งไม่ทันเช่นกัน

ปัญหาที่บ้านไม่เข้าใจว่าเราจะสมัครนี่ก็มีเหมือนกันครับ ตอนแรกคุณแม่ก็ไม่คิดว่าเราอยากจะไปเรียนที่เกาหลี แล้วทำไมต้องเกาหลี? แล้วจะไปยังไง? แม้ว่าจะรู้ว่าจะลองสมัครทุนเกาหลีก็ตามก็ยังไม่อยากให้ไปเพราะการแข่งขันคงสูงมากๆ ถ้าไปเตรียมสอบมหาวิทยาลัยในไทยดีๆ ก็คงจะดีกว่าแม่คงคิดประมาณนั้นจนกระทั่งแม่คงได้ไปอ่านหนังสือเล่มนั้น ได้รู้ระบบการศึกษาในเกาหลีรู้ข้อดีของทุน ก็ถึงยอมๆให้เราไปสมัครครับ และยิ่งตอนประกาศผลว่าได้แล้ว ก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นครับตอนนั้นเฟรมดำเนินเอกสาร และเค้าก็ประกาศผลเร็วมากครับ เรียกว่าประกาศวันนั้น ไม่กี่วันถัดไปก็เรียกไปสัมภาษณ์ ก่อนที่วันถัดไปเลย ก็ประกาศผลซะแล้ว ต้องยอมรับว่าปีเฟรม ประกาศผลได้รวดเร็ว จนตั้งตัวไม่ทันจริงๆ

นึกถึงช่วงเวลานั้น วันที่ประกาศผลแล้วอีกไม่กี่วันต้องไปสัมภาษณ์นั้น ก็ได้เตรียมเอกสาร ทำแฟ้มสะสมผลงานอย่างหนักเลยครับ จำได้ว่า 3 วันก่อนหน้าวันสัมภาษณ์นั้น ไม่ได้หลับไม่ได้นอน นั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพ แบกแฟ้มไป ~ (เด็กบ้านนอกก็งี้แหละนะ 555)

ไปถึงสถานที่สัมภาษณ์ก็มึนๆ เพราะนอนไม่พอปวดหัว แถมไปเจอความกดดันจากเพื่อนๆที่ผ่านคัดเลือกมา ก็มาจากโรงเรียนที่เรารู้จักทั้งนั้น บางคนอาจจะพูดเกาหลีได้ เราก็ไม่รู้ แต่เราพูดไม่ได้ แถมยังเป็นการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษครั้งแรกๆ ในชีวิตประหม่าครับ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันคุ้มค่ามากๆ กับสิ่งที่เราตั้งใจทำตลอด 3 วันก่อน และหลายๆปีที่ผ่านมาที่ชีวิตของเรา เต็มไปด้วยเรื่องราวของการแข่งขัน ประสบการณ์ต่างๆ ก็ขอบพระคุณบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ทำให้มีโอกาสมาเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตที่เกาหลีครับ

เรื่องเล่าจากห้องสัมภาษณ์

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นครับว่า เนื่องจากเตรียมแฟ้มสะสมผลงาน ไม่ได้นอนหลายวัน ทำให้วันนั้นทันทีที่ถึงห้องประชุม มล.มานิจ ประชุมสาย ก็เห็นเพื่อนๆ ที่มานั่งรอกันอยู่หน้าห้อง แทบจะครบหมดแล้วก็ตื่นๆ อยู่เหมือนกันครับ ลำดับคิวของเราก็กลางๆ ทำให้ไม่เร็ว ไม่ช้า ใช้เวลาคนละประมาณ 5~10 นาทีเมื่อเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ก็เจอกรรมการทั้งหมดประมาณ 4 คน (ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งประกอบไปด้วยกรรมการทั้งชาวไทย ชาวเกาหลี และชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษครับ โดยกรรมการก็จะให้เรานั่งและซักถาม (ใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาเกาหลี) บรรยากาศก็เป็นไป ไม่ตึงเครียด ไม่กดดันครับ….

คำถามวันสัมภาษณ์

ผมรวบรวมคำถามที่น่าสนใจเอาไว้ ลองตอบดูนะครับ จริงๆแล้วแค่อยากเสนอเป็นแนวทาง ถามว่ามันจะเหมือนกันมั้ย มันก็คงไม่เหมือนนะครับ (อย่าคาดหวังๆๆ)
1. แนะนำตัวเองแบบสั้นๆ (ที่ไหนก็ต้องเจออยู่แล้ว)
2. ทำไมถึงสนใจอยากจะมาเรียนที่เกาหลี ?
3. เคยมาเกาหลีมั้ย ? ถ้าเคยแล้ว ชอบอะไรในเกาหลี ?
4. พูดภาษาเกาหลีได้มั้ย ?
5. จากเอกสาร เห็นว่าจะมาเรียนคณะนี้ ตั้งใจว่าจะไปทำอะไร แล้วในประเทศไทยนั้น เป็นยังไง (ผมบอกว่าอยากเรียน Biotechnology ครับ แล้วเค้าก็ถามว่า ในบ้านเรา Biotechnology เป็นยังไงเอาง่ายๆก็คือ คุณจะเรียนอะไร ก็ควรจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสาขานั้นๆ ทำการบ้านให้ดีๆว่าเรียนอะไร จบไปจะทำอะไร หน่วยงานไหน ถ้าเกิดสามารถระบุเจาะจงไปได้ ก็เหมือนกับว่ามันเป็นรูปธรรม จริงมั้ยครับ?)

คำถามที่โดนถามบ่อยๆ (FAQ)

Q : ทุนนี้เอกสารต้องกรอกเป็นภาษาอะไร?
เอกสารทุกอย่างต้องเอามาแปลหมดเลยมั้ย ?

A: เป็นภาษาอังกฤษ หรือ เกาหลีครับ แปลทุกอย่างเลยครับ ส่วนเอกสารเกี่ยวกับวิชาการของที่โรงเรียนส่วนใหญ่เค้ามีฟอร์มอยู่แล้วครับ ไปบอกห้องทะเบียนที่รร.ให้เค้าดำเนินการให้ได้ครับ

Q: ซิ่วแล้วมาสอบได้มั้ย ทุนนี้ ?
A : ได้ครับ เขาจำกัดแค่ว่า อายุต้องไม่เกิน 25 ปี และมีเอกสารจบจากสถาบันการศึกษาภายในเวลาที่เค้าเขียนไว้ในใบสมัคร ขอแค่ยังไม่จบป.ตรีก็พอ ถ้าจบป.ตรี ก็ให้ไปดูของทุนป.โท นะครับ อ้อเรื่อง เกรดเฉลี่ยต้องมากกว่า 2.64 ขึ้นไป….

Q: ต้องมีผลการสอบภาษาเกาหลี หรือ ภาษาอังกฤษมั้ย ? ต้องรู้ภาษาเกาหลีมาก่อนหรือเปล่า?
A: ใบผลการสอบภาษานั้น ไม่จำเป็นครับ แต่หากมีเค้าก็อาจจะพิจารณาเป็นพิเศษ ความรู้ภาษาเกาหลี ไม่มีความรู้มาก่อนก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะเค้าให้เราเรียนปรับพื้นฐานปีนึงเต็มๆอยู่แล้ว

Q: เอกสารบอกว่า ต้องส่งเอกาสารจบม.ปลายด้วย นี่ยังเดือน ต.ค. อยู่เลย จะส่งไปได้ยังไง ?
A: ต้องให้รร.ออกเอกสารที่เรียกว่า “คาดว่าน่าจะจบ” ให้ครับ ภายในเอกสารก็ต้องระบุไว้ด้วยว่าเราคาดว่าจะจบภายในเดือนนี้ วันที่เท่านี้ (เอกสารนี้ ถ้าเกิดฝ่ายทะเบียนไม่เข้าใจ ก็ยากอยู่เหมือนกันเพราะว่าตอนที่ไปทำเอกสารนี้ อ.ก็บอกกับเราว่า จะไปมั่นใจได้ไง ว่าเธอจะจบภายในเดือนนี้ๆๆๆต้องคุยกับอาจารย์ดีๆนะครับ 😀 ) ปล. เอกสารนี้เป็นภาษาอังกฤษ

Q: การเลือกมหาวิทยาลัย และคณะต่างๆ จะเลือกยังไง ?
A: ถ้าเข้าไปในเว็บไซต์ Study in Korea (ที่เดียวกันกับดาวน์โหลดใบสมัคร) ก็จะมีรายชื่อ ของมหาวิทยาลัยที่สมัครได้ และคณะครับ ซึ่งคณะที่ไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคณะที่ใช้เวลาเรียนนาน เช่น หมอ, สถาปัตย์ฯ ฯลฯ การเลือกนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบ ว่าอยากจะเรียนอะไร ถ้าเอาเป็นเรื่องชื่อเสียง คนเกาหลีก็ต้องยกให้มหาวิทยาลัย ในกลุ่ม SKY (S = Seoul National Univ. , K= Korea Univ. , Y = Yonsei Univ.) ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัย ถ้าเอาจริงๆแล้ว เค้าจะมีความถนัดในการสอนที่แตกต่างกัน อันนี้อยากให้ทำการบ้านให้ดีๆครับผม

Q: เงินเดือน ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ได้ เพียงพอหรือเปล่า?
A: บอกตรงๆว่า เพียงพอ ครับ ในการใช้จ่ายพื้นฐาน ผมจึงแนบเป็นสรุปราคาค่าใช้จ่ายต่างๆในเกาหลี เทียบกับเงินเดือน 800,000 วอนให้ดูดังนี้ครับ ค่าหอพัก หากเป็นนักเรียนทุน ก็จะอยู่ราวๆเดือนละ 300,000-400,000 วอน หักจาก 800,000 วอน (ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยครับ)

ทิ้งท้ายเป็นภาพความทรงจำดีๆของผม ก่อนที่เดินทางมาที่เกาหลีครับ… (ปล.ไปอ่านบล็อกช่วงแรกที่มาเกาหลีได้ที่นี่) หวังว่าเรื่องราวของผม จะส่วนหนึ่งของเป็นกำลังใจ ให้กับทุกคนที่อยากจะมาสัมผัสของการเป็น นักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีที่นี่ มารู้จักเพื่อนใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมกัน มาพัฒนาภาษาเกาหลี มาเรียนรู้จักวัฒนธรรมเกาหลี และสัมผัสประสบการณ์การเป็นนักเรียนต่างประเทศครับ

เพื่อนๆมาส่ง….มาอยู่นี่คิดถึงเพื่อนกลุ่มนี้มาก…

กำลังใจจากทางโรงเรียนที่ให้การสนับสนุน และสุดท้ายก็คงเป็นความอบอุ่นจากที่บ้าน…

เฟรมขอแสดงความยินดีกับว่าที่นักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีล่วงหน้าเช่นเดียวกันครับ ยิ่งได้นึกถึง
บรรยากาศของปีตัวเองแล้ว เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดี น้องๆที่เตรียมตัวในปีนี้ ขอให้ทำให้เต็มที่
และหวังว่าจะได้เจอกันที่เกาหลีนะครับ 😀

เตรียมข้อมูลเพิ่ม!

[NEW] “อย่ารีไซเคิลเรียงความขอทุน” เคล็ดลับพิชิตทุนรัฐบาลเกาหลี เรียนฟรี กินอยู่ฟรี | ทุน แลกเปลี่ยน เกาหลี – NATAVIGUIDES

Korea Global Scholarship student interview

        Global Korea Scholarship (GKS) หรือ ทุนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี คือทุนในฝันของ เหม่ยหลิง พิมลวรรณ กมลขันติกุล เพราะเธอติดตามข่าวสารทุนสม่ำเสมอทุกปีตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ซ้ำยังเคยสมัครทุนปริญญาตรีตั้งแต่ม.6 แต่คว้าทุนไม่สำเร็จ หลังจากเรียนจบปริญญาตรี เหม่ยหลิงก็สมัครทุนนี้อีกครั้ง แต่คราวนี้มาพร้อมกับประสบการณ์และความรู้ภาษาเกาหลีที่ทำให้คณะกรรมการปฏิเสธไม่ได้ 

 

    ปัจจุบันเหม่ยหลิงเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยปูซาน เอก Marketing (การตลาด) ด้วยทุน GKS ที่ให้เปล่า 100% ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเทอม ค่าประกันสุขภาพ และเบี้ยเลี้ยงรายเดือน 

 

    เหม่ยหลิงจบปริญญาตรีที่คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ โทภาษาเกาหลี ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

 

GKS Student interview meil

รายละเอียดทุน

 

    ทุนให้ 100 % เลย วิธีการสมัครจะเป็นการยื่นเอกสาร โดยมี 2 ช่องทาง คือยื่นผ่านทางสถานทูต และยื่นโดยตรงกับทางมหาวิทยาลัยที่เราอยากเข้า 

 

    สำหรับเรายื่นตรงกับทางมหาวิทยาลัย แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ รอบคัดเอกสาร รอบสัมภาษณ์ ตอนนั้นสัมภาษณ์ผ่านทาง Skype โดยครูของคณะที่เราเลือกมาสัมภาษณ์เองเลย ส่วนรอบสุดท้ายคือให้กรรมการจากทาง NIIED (องค์กรที่ให้ทุนเรา) อนุมัติอีกรอบว่าเราจะผ่านไหม  

 

    ตอนที่ยื่นทุนก็ยื่นคะแนนภาษาอังกฤษ TOEIC กับคะแนนภาษาเกาหลี TOPIK ไปด้วย หลายคนชอบถามว่าถ้าไม่มี TOPIK ยื่นได้ไหม ก็ยื่นได้เช่นกัน แต่ควรจะมั่นใจว่ามีโปรไฟล์ด้านอื่นๆ มาเสริมจนสามารถทัดเทียมคนที่ยื่นคะแนนสอบได้ค่ะ หากอยากทราบข้อมูลโดยละเอียด แนะนำให้ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ studyinkorea.go.kr ดูค่ะ

 

ความยาก-ง่ายของทุน 

 

    คงตอบว่าง่ายจัง ชิวๆ มากไม่ได้ ช่วงเตรียมทุนก็หืดขึ้นคออยู่เหมือนกัน 5555 แนะนำว่าถ้าอยากได้ทุนนี้ให้เตรียมตัวล่วงหน้านานๆ ให้ตั้งเป้าหมายไว้ก่อนปีที่อยากไปเรียนต่อสัก 2-3 ปีเลย เนื่องจากทุนนี้มีเพียงแค่การยื่นเอกสาร ไม่มีข้อสอบของตัวทุนเอง นั่นหมายความว่า ด่านแรกสุดที่เราต้องเจอ ก็คือการพิจารณาผ่านเอกสารที่เรายื่นไปทั้งหมด 

 

    การเตรียมโปรไฟล์ให้พร้อมเป็นการแสดงถึงความตั้งใจและแน่วแน่ว่าเรามีความพร้อมในการเรียนต่อ เรามีคุณสมบัติเพียงพอที่ทางองค์กรเขาจะให้ทุนกับเรา ส่วนตัวเราคิดว่าเกรดและคะแนนสอบทางภาษาเป็นส่วนที่เล็กน้อยมากๆ เพราะหากเขียนลงในเรซูเม่ก็เป็นแค่หนึ่งบรรทัดสั้นๆ ที่แสดงว่าเราตั้งใจสอบได้คะแนนนี้มา แต่การทำกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมกับคณะที่เราต้องการเรียนต่อและการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่แสดงถึงความสนใจเกี่ยวกับประเทศเกาหลีจะถือเป็นแต้มบวกที่ทำให้เราเป็นต่อคนอื่นๆ ได้มากเลยค่ะ

 

    อย่างเหม่ยหลิงเองจริงๆ วางแผนเอาไว้นานมากเลยกว่าจะเริ่มสมัครทุนนี้ จุดเริ่มต้นมันมาจากตอนที่เปลี่ยนวิชาโทมาเป็นภาษาเกาหลี เหตุผลที่เปลี่ยนวิชาโทเป็นภาษาเกาหลีก็เนื่องจากเราสามารถใช้สิทธินักเรียนโทเกาหลีในการร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น เช่น สมัครแข่งพูดสุนทรพจน์ภาษาเกาหลี สมัครฝึกงานกับทางบริษัทซัมซุง เข้าร่วมสัมมนาการศึกษาภาษาเกาหลีในไทย สมัครเป็นสตาฟช่วยงานกิจกรรมของภาควิชาภาษาเกาหลี เป็นต้น แม้ว่าจะเป็นเพียงงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ และความต่อเนื่องในกิจกรรมที่เราทำ นอกจากนั้นแล้วอยากเสริมเป็นทิปให้ว่าการทำงานอาสาสมัครต่างๆ ก็เป็นโปรไฟล์เสริมที่ดีมากๆ เช่นกัน อย่างเราเองก็เคยทำงานเป็นหัวหน้าร่วมฝ่ายประชาสัมพันธ์ในโครงการบริจาคเลือดของมหาวิทยาลัยด้วย 

 

GKS student interview

การเตรียมตัว 

 

    หลังจากที่ได้ทุนก็มีหลายเรื่องที่ต้องเตรียมเพื่อจะส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ทางทุนค่ะ เช่น การทำวีซ่า และการส่งตรวจสุขภาพ ส่วนทางมหาวิทยาลัยนั้นจะมีผู้ที่รับผิดชอบนักเรียนทุนของมหาวิทยาลัยนั้นๆ ติดต่อมา เราก็ต้องคอยเช็คเมล์ให้ดี และหากมีข้อสงสัยอะไรก็ต้องซักถามกับผู้ที่รับผิดชอบเราให้เข้าใจ

 

     นอกจากนั้นเราก็เตรียมตัวฟิตภาษาเกาหลี ตอนนั้นสั่งซื้อหนังสือ Korean Business มาเรียนเองเพิ่มเติมด้วย จริงๆ ก็เพราะช่วงก่อนไปทุนก็ว่าง แล้วก็อยากพัฒนาภาษาก่อนไปด้วย หลังจากนั้นก็เตรียมใจ 55555 ช่วงก่อนมาเกาหลีก็พยายามเก็บเกี่ยวความสุขในการอยู่กับเพื่อนแล้วก็ครอบครัวให้มากที่สุด 

 

ทำไมต้องสาขานี้ มหาวิทยาลัยนี้

 

    เราเรียนเอก Marketing ซึ่งจะเรียนเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจต่างๆ จริงๆ ต้องเล่าก่อนว่า สาเหตุที่เราเลือกเรียนด้าานนี้เพราะเราคิดว่าเนื้อหามันค่อนข้างคาบเกี่ยวกับสายวิชาการประชาสัมพันธ์ที่เราเรียนมาตอนปริญญาตรี การประชาสัมพันธ์เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำ marketing เราเลยคิดว่าเราอยากเรียนในเชิงธุรกิจให้เห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น และนอกจากนั้น Marketing ยังสามารถปรับใช้ได้กับการทำงานในทุกๆ รูปแบบอีกด้วย 

    

    แต่เป้าหมายของเราในการเรียนต่อด้านนี้ คือ การทำงานเป็นล่ามภาษาเกาหลีที่สามารถประสานงานในสายธุรกิจได้ด้วย เราจึงคิดว่าจำเป็นจะต้องรู้พื้นฐานทางด้านธุรกิจให้กว้างยิ่งขึ้น และในระหว่างที่เรียนก็จะได้ศึกษาภาษาเกาหลีในเชิงธุรกิจ รวมไปถึงบริบทแวดล้อมในการทำธุรกิจของคนเกาหลี เรียนรู้ตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรมที่นี่ไปด้วย เพื่อให้เอื้อต่อทำงานเป็นผู้เชื่อมต่อระหว่างการทำธุรกิจไทย-เกาหลีนั่นเอง 

 

    สาเหตุที่เราเลือกเรียน Business School ที่มหาวิทยาลัยปูซาน นั่นเป็นเพราะว่าเราได้ศึกษาดูหลักสูตรการเรียนการสอนของที่นี่แล้ว ค่อนข้างจะเป็นการปูพื้นฐานความเข้าใจในเชิงธุรกิจ ไม่ได้เจาะลึกด้านใดด้านหนึ่งไปเลย ซึ่งตรงกับเป้าหมายในการเรียนรู้ของเรา คือการเรียนรู้พื้นฐานด้านการตลาดและการทำธุรกิจ

 

GKS student interview

การเรียนที่เกาหลี VS ที่ไทย

 

    ก่อนอื่นคือระบบการจัดสูตรการเรียนการสอนก็ต่างกันออกไป อาจเป็นเพราะเป็นป.โทแล้วด้วยก็ได้ ในหนึ่งเทอมจะลงได้ไม่เกิน 10 หน่วยกิต และต้องมี 30 หน่วยกิตเพื่อจบการศึกษาที่นี่ โดยรวมหน่วยกิตในการทำปริญญานิพนธ์แล้ว

    ถ้าพูดถึงภาพรวมในห้องเรียนแล้ว ที่นี่ครูค่อนข้างเข้มงวดในการเช็คชื่อเข้าห้องเรียนและการมีส่วนร่วมในคลาสเรียนมากๆ คือครูจะรับไม่ได้กับนักเรียนที่มาสายเกินที่ครูกำหนดไว้ และหากใครทำผิดอะไรก็จะบอกตรงๆ โต้งๆ กลางห้องเรียนเลย อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่เราคิดว่าก็เป็นเรื่องที่ดีหากเราได้รับรู้จุดอ่อนของเรา มีครั้งหนึ่งที่เพื่อนทำพรีเซนเทชั่น แต่ว่าตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาที่ตนนำเสนอไม่ได้ จึงโดนครูติตรงๆ เลยว่าก่อนจะทำพรีเซ้นต์เรื่องอะไรก็ตาม เธอคววรจะเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแจ่มแจ้งแล้วถึงจะนำเสนอได้นะ เนื่องจากนิสัยของคนเกาหลีจะค่อนข้างพูดกันตรงๆ อยู่แล้วจึงถือเป็นเรื่องปกติมากๆ ถ้าครูจะวิจารณ์หากนักเรียนทำได้ไม่ดีพอ แต่สำหรับเราก็ยังไม่เคยเจอแบบนั้นก็ถือว่าโชคดีไป 5555

 

การปรับตัว 

 

    มาช่วงแรกๆ รู้สึกว่าเรื่องสภาพอากาศและการดูแลสุขภาพก็ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเหมือนกันนะคะ เพราะว่าสภาพอากาศต่างจากที่เมืองไทยมากๆ ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพเป็นพิเศษเลย ช่วงมาแรกๆ ก็ป่วยหลายรอบ แล้วก็ได้เรียนรู้ว่าร้านยากับโรงพยาบาลรววมถึงคลินิกที่นี่ไม่ได้เปิดให้บริการทุกวัน คือจะเปิดทำการแค่ช่วงวันธรรมดาตามเวลาราชการเท่านั้น ถ้านอกเวลานั้นจะมีเพียงแค่คลินิกพิเศษ ซึ่งจะราคาแพงกว่าหลายเท่าตัว อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องภาษาและวัฒนธรรมของที่นี่ ถึงแม้ว่าเราจะเรียนภาษาเกาหลีมาจนพูดสนทนาได้คล่องระดับหนึ่งแล้ว และเรียนรู้วัฒนธรรมมามากพอประมาณ แต่ถึงยังไงเราก็ไม่ใช่คนประเทศเค้าอยู่ดี บางคนถ้าพูดภาษาแล้วสำเนียงภาษาถิ่นปนมาบ้าง พูดรัวๆ บ้าง พูดไม่ชัดถ้อยชัดคำมากก็เป็นอุปสรรคในการสื่อสารอยู่บ้าง แต่ก็ต้องพยายามคุยถามจนเข้าใจให้ได้ อีกอย่างก็คือเรื่องวัฒนธรรมกับนิสัยของคนที่นี่จะค่อนข้างต่างจากไทยตรงที่ว่าคนที่นี่เวลาทำอะไรจะใจร้อนมากๆ ถ้าเราทำอะไรช้าไม่ทันใจเขาก็จะดูหงุดหงิดซึ่งมันก็มีข้อดีที่ว่าคนที่นี่ทำงานเร็ว งานเดินเร็ว แต่พออยู่ๆ ไปก็มีบ้างที่รู้สึกเหนื่อยกับการต้องใช้ชีวิตอย่างรีบเร่งอยู่ตลอดเวลา

 

KGS student interview

กิจกรรมของมหาลัย 

 

    จริงๆ แล้วสำหรับนักเรียนป.โทและสำหรับคณะของเราไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมานำเสนอให้ทำเยอะขนาดนั้น แต่เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมและรู้จักคนใหม่ๆ เลยชอบเข้าร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียนด้วยตัวเอง จากเทอมที่แล้วเราก็ได้เข้าร่วมโครงการ CCAP เป็นโครงการที่สนับสนุนความแตกต่างทางวัฒนธรรโดยโครงการนี้จะรับอาสาสมัครชาวต่างชาติให้ไปสอนคลาสพิเศษเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาติตนเองในโรงเรียนต่างๆ ที่กำหนดไว้

 

    ต่อมาเป็นกิจกรรมสตาฟ We Are One Festival ค่ะ กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนพ.ย.เป็นกิจกรรมสำหรับนักเรียนต่างชาติในมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ โดยในงานจะมีการแสดงต่างๆ จากนักเรียนต่างชาติ และมีกิจกรรมร่วมตอบคำถามแลกของรางวัล ในงานนั้นเราก็ทำหน้าที่คอยจัดสถานที่ แจกของที่ระลึก ทำความสะอาด และดูแลความเรียบร้อยของสถานที่

 

    อีกกิจกรรมหนึ่งก็คือการเข้าร่วมชมรมของโรงเรียน ความจริงแล้วทุกๆ ต้นเทอมจะมีการเปิดนิทรรศการโชว์ชมรมคือแต่ละชมรมจะมาตั้งบูทที่หน้าลานกิจกรรมและเปิดรับสมัครสมาชิกชมรม บางชมรม อย่างชมรมเต้นหรือร้องเพลงก็ต้องมีออดิชั่นก่อนการเข้าร่วมชมรมด้วย แต่เราเองเพิ่งจะเข้าร่วมชมรมตอนเลยกลางเทอมไปแล้ว ในตอนนั้นชมรมที่ยังเปิดรับสมาชิกใหม่อยู่เลยมีไม่มาก สุดท้ายก็ได้เข้าร่วมชมรมเทควันโด เพื่อนๆ (จริงๆ คือเป็นน้องๆ เพราะส่วนมากเป็นนักเรียนป.ตรี) น่ารักกันมากๆ กิจกรรมที่ทำในชมรมก็คือจะมีสอนเทควันโดและซ้อมกันทุกวันจันทร์ถึงวันพฤหัสช่วง 18.00-19.00 น. เป็นเวลา 1 ชั่วโมง สมาชิกสามารถเข้าร่วมได้ตามเวลาที่สะดวก ส่วนชุดเครื่องแบบเทควันโด หากใครยังไม่มีของตนเองก็สามารถยืมชุดของทางชมรมได้เลย

 

    สุดท้ายกิจกรรมที่ได้เข้าร่วมไปเมื่อปิดเทอมฤดูหนาวก็คือโปรแกรม tutoring  โดยจะจับคู่เพื่อนชาวเกาหลีกับชาวต่างชาติ แล้วให้เพื่อนคนเกาหลีติวภาษาเกาหลีให้ค่ะ ส่วนตัวเราด้านพื้นฐานภาษาเรารู้หมดแล้ว เลยขอให้เพื่อนติวเตอร์สอนภาษาถิ่นกับคำแสลงให้

 

สิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ 

Do 

1. มีเป้าหมายในการศึกษาชัดเจน 

    เนื่องจากการเรียนต่อต่างประเทศเราต้องใช้ทรัพยากรมากมายในการเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นเวลา ความทุ่มเทต่างๆ เราจึงควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมว่าเรามีจุดประสงค์อะไร อยากทำอาชีพอะไรกันแน่ จึงเลือกที่มาเรียนต่อ ในจุดนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการเขียนเรียงความส่งทุนแล้ว ยังเป็นการวางแผนอนาคตในชีวิตของเราอีกด้วย

 

2.  ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคณะ มหาวิทยาลัย และประเทศที่จะไปเรียนต่ออย่างละเอียด 

    นอกจากการที่ศึกษาเกี่ยวกับประเทศที่เราต้องการไปเรียนต่อ การศึกษาเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและคณะที่จะเรียนต่อก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากแต่ละมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่ต่างกัน จึงควรเลือกสิ่งที่คิดว่าตรงกับความต้องการและเป้าหมายของเราให้มากที่สุด

 

3. เตรียมตัวให้พร้อมและศึกษาเงื่อนไขของทุน และจุดประสงค์ของการให้ทุนอย่างละเอียดก่อนช่วงการรับสมัครทุนจะมาถึง 

    เราควรจำไว้ว่าไม่ใช่มีแค่เราคนเดียวที่ต้องการสมัครทุนนี้ มีคนมากมายที่มีความสามารถ เตรียมพร้อมแข่งขันเพื่อสมัครทุนเดียวกับเรา เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะถึงเวลาประกาศรับสมัครทุน อีกทริคหนึ่งที่อยากให้ไว้ก็คือ ทุนแต่ละทุนนั้น ผู้ให้ทุนเขาจะมีจุดประสงค์บางอย่างที่เขาแอบนึกไว้ในใจว่าเขาอยากได้นักเรียนที่มีจุดประสงค์และคุณสมบัติแบบไหนที่เหมาะกับทุนนี้ ไม่ว่าจะเป็นทุนระยะยาวหรือทุนระยะสั้นก็ตาม ให้ลองสังเกตจากนักเรียนที่ได้ทุนในรอบที่ผ่านๆ มา ทุกคนมักจะมีจุดร่วมทางด้านคุณสมบัติหรือความตั้งใจในการสมัครทุนบางอย่าง หากเรารู้แล้วว่าทุนนี้เขาอยากได้คนแบบไหน เราสามารถเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อจะเป็นคนที่ถูกเลือกได้ 

 

4. ขยันหาข้อมูล ความรู้รอบตัว ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ที่อยากเรียนต่อ

    ข้อนี้เป็นการศึกษาเพื่อประโยชน์แก่ตัวผู้เรียนเอง ก่อนที่เราจะเลือกเรียนต่อทางด้านใดเราควรมีความสนใจต่อศาสตร์นั้นในระดับที่จะสามารถต่อยอดได้สูงขึ้นในภายหลัง การลองค้นหาความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับศาตร์นั้นๆ เป็นอีกหนึ่งในการที่เราได้ลองทดสอบตัวเองด้วยว่าเหมาะกับการเรียนศาสตร์นั้นๆ หรือไม่

 

5. ขยันหาประสบการณ์ที่ส่งเสริมเกี่ยวกับการเรียนต่อ

    การหาประสบการณ์นั้นนอกจากจะได้เป็นการทดลองความชอบของตนเองแล้วยังเป็นการเสริมสร้างโปรไฟล์ที่ดีของเราในการยื่นเรียนต่อ อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ในการเรียนอีกด้วย ดังคำพูดที่ว่า “ประสบการณ์สำคัญกว่าความรู้” แม้ในห้องเรียนเราจะเรียนทฤษฎีเหมือนๆ กัน ใช้หนังสือเล่มเดียวกัน แต่ประสบการณ์จะเป็นสิ่งที่เสริมให้เราแตกต่างจากคนอื่น และเรียนรู้ได้มากกว่า

 

Don’t 

1. จุดประสงค์ในการสมัครทุนไม่ชัดเจน

    หากก็ยังไม่แน่ใจว่ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ในการสมัครทุนหรือในการเรียนต่อ อาจจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากในการสมัครทุนจะต้องตอบคำถามตัวเองในหลายๆ เรื่องทั้งคณะ มหาวิทยาลัย ประเทศที่จะเรียนต่อ และชีวิตในอนาคตหลังจากเรียนจบ รวมถึงวิชาชีพที่อยากทำ หากไม่มีจุดประสงค์ดังกล่าวอยู่ในใจแล้ว ต่อให้สามารถสมัครทุนจนผ่าน แต่ช่วงระหว่างเรียนจนกว่าจะจบก็อาจจะพบถึงความยากลำบากและความท้อใจมากมายในระหว่างนั้น แต่หากชัดเจนกับสิ่งที่ทำอยู่แล้ว อย่างน้อยก็มีเป้าหมายที่สามารถยึดเอาไว้ได้

 

 2. ใช้เรียงความจากทุนที่เคยส่งไปแล้วมาส่งทุนอีกอัน

    อย่างที่กล่าวไปในข้อที่ควรทำว่า ทุนแต่ละทุนมีจุดประสงค์และคุณสมบัติของผู้รับทุนที่ต้องการต่างกัน ดังนั้นการใช้เรียงความจากทุนเดิมที่เคยส่งไปมาใช้กับอีกทุนนึงจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรนัก 

 

3.  ส่งเอกสารทุนในวันสุดท้ายของช่วงเวลาการรับสมัครทุน

    ความตรงต่อเวลาถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน การที่เราส่งเอกสารทุนภายในวันสุดท้ายของการรับสมัครนั้นมีความเสี่ยงมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการขนส่งเอกสาร หรือความผิดพลาดทางเอกสารของเราเอง เราควรตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบ ทางที่ดีควรส่งเอกสารทั้งหมดก่อนหมดเวลารับสมัครทุนราว 2-3 วัน

 

4. ใช้ความคิดเห็นของคนอื่นมาเขียนในเรียงความทุนของตนเองมากเกินไป

 การเขียนเรียงความส่งทุนนั้นเป็นการแสดงความเป็นตัวตนของเรา ความมุ่งมั่นตั้งใจ เป้าหมาย แผนการในอนาคตของเรา แน่นอนว่าเราอาจขอคำปรึกษาจากคนอื่น หรือให้คนอื่นๆ ช่วยอ่านเรียงความทุนของเราเพื่อให้เราสามารถปรับปรุงเรียงความของเราให้ดียิ่งขึ้น แต่ระวังอย่าให้คนอื่นมาตัดสินความคิดหรือเป้าหมายของเรามากเกินไปจนเราสูญเสียความเป็นตนเอง

 

    อยากไปเรียนเกาหลีต้องทำยังไง? ตอบทุกข้อสงสัยกับนักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีกันเถอะ!

    ชีวิตนักเรียนทุนที่มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติเกาหลี ตอนที่ 1 เคล็ดลับคว้าทุนสาขา Documentary

 

 


[ENG]สมัครทุนรัฐบาลเกาหลี ป.โท GKS 2021, จัดการกับความเครียดยังไง


📸 Canon g7x mark ii
📽 VLLO

Follow me
Instagram: minminjin_

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

[ENG]สมัครทุนรัฐบาลเกาหลี ป.โท GKS 2021, จัดการกับความเครียดยังไง

แชร์ประสบการณ์ชีวิตเด็กทุนรัฐบาลเกาหลีจาก Seoul National University !!! BESTIE STORY


ม.โซล SeoulNationalUniversity lifeinkorea
Guest : IG : chuthasorn
ติดตามข่าวสารของทุนรัฐบาลเกาหลีได้ที่ : https://www.studyinkorea.go.kr/en/main.do

Contact for work :
line id : phrwbstt (สำหรับรับงานเท่านั้นนะคะ อย่าแอดมั่วนะคะ)
Thailand Tel : +66885996614 (mom)
촬영문의 : 01091492347
@blb.ent
email : [email protected]

ติดตามเบสท์ได้ทาง
Instagram : https://www.instagram.com/bbbestie/
https://www.instagram.com/bestie.story/
Facebook : https://www.facebook.com/bbbestiestory/
Twitter : https://twitter.com/Bestie_Story

แชร์ประสบการณ์ชีวิตเด็กทุนรัฐบาลเกาหลีจาก Seoul National University !!! BESTIE STORY

อยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนทำไง ข้อดีของการมา กำลังจะไปแลกเปลี่ยนต้องดู!! |vapassachol


ใครอยากไปแลกเปลี่ยนหรือกำลังตัดสินใจจะไปแลกเปลี่ยนลองดูวิดีโอนี้ดูน้า
ขั้นตอนการเริ่มต้น การเตรียมตัว และอื่นๆ หวังว่าวิดีโอนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆคนน้า 🙂

อยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนทำไง ข้อดีของการมา กำลังจะไปแลกเปลี่ยนต้องดู!! |vapassachol

(SUB) 여고생의 학교가는 날 아침부터 밤까지 24시간 밀착 VLOG ⏰ 고3의 수능 D-7📝학교가기 전 아침 일상 | korean high school vlog


🌷 instagram:@way_1009
💌 business contact : [email protected]

🌷 product
클렌징기기포레오 루나 미니2
고데기보다나 소프트바 판고데기
렌즈오렌즈 스페니쉬 써클 그레이
쿠션릴리바이레드 코튼 블러 쿠션 21호
블러셔3ce 무드레시피 페이스 블러쉬 mono pink
립웨이크메이크 루즈건 제로 에어 립스틱 2호
아우터디스커버리 부클 하이넥 자켓 (여) 베이지,100
바지오프위 타입라운드 와이드롱팬츠
노트북맥북 프로 15인치 2019년형
노트북 거치대 비프렌드 노트북 거치대 IM1000

🌷 영상 자막 번역 도와주세요,감사합니다 🙂
/Caption translation help 🙂
/映像字幕翻訳を手伝ってください!
: http://www.youtube.com/timedtext_cs_panel?c=UCTQk7LiUV26XIeHgsbtdJw\u0026tab=2

🌷 QnA
phone iphone x 256
camera canon 200D / canon g7x mark 2 /VIXIA mini X
edit final cut pro x
🌷 선물 보내는 곳 주소 입니다 🙂
/ Send a gift to WAY Address 🙂
/プレゼント送る住所です!
: 서울특별시 마포구 월드컵로10길 56 (서교동)
56, World Cupro 10gil, Mapogu, Seoul, Republic of Korea
04004

🌷 본 영상의 저작권은 ‘웨이채널 WAY CHANNEL’에게 있습니다
/ The copyright of the video is owned by ‘WAY CHANNEL’

🎵BGM
Dear Autumn Ikson
Music by Ikson Soundcloud : https://soundcloud.com/ikson
Music Playlist by http://reurl.kr/1992B33EPM
Walk Ikson
Music by Ikson Soundcloud : https://soundcloud.com/ikson
Music Playlist by http://reurl.kr/1992B33EPM
24시간밀착브이로그학교브이로그학교가기전GRWMGRWM
학교가기전아침일상고3의학교브이로그수능전학교브이로그VLOG한국고등학생일상

(SUB) 여고생의 학교가는 날 아침부터 밤까지 24시간 밀착 VLOG ⏰ 고3의 수능 D-7📝학교가기 전 아침 일상 | korean high school vlog

[Story Time] รวมเรื่องหัวร้อนตอนเรียนที่เกาหลี! คดีเด็ดทั้งน๊านนน | jaysbabyfood


jaysbabyfood storytime studyinkorea

SNS
Facebook: https://www.facebook.com/jaysbabyfood/
Twitter: https://twitter.com/jaysbabyfood
Instagram: https://www.instagram.com/jaysbabyfood/

Production
✂️Final Cut Pro

Business Inquiries Only
[email protected]
or LINE: @jaysbabyfood (with @)

[Story Time] รวมเรื่องหัวร้อนตอนเรียนที่เกาหลี! คดีเด็ดทั้งน๊านนน | jaysbabyfood

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ทุน แลกเปลี่ยน เกาหลี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *