Skip to content
Home » [NEW] ประโยคคำถามแบบ Tag Question เรียนรู้การตอบแบบง่าย ๆ ให้ไม่งง | ตัวอย่างประโยคคำถาม – NATAVIGUIDES

[NEW] ประโยคคำถามแบบ Tag Question เรียนรู้การตอบแบบง่าย ๆ ให้ไม่งง | ตัวอย่างประโยคคำถาม – NATAVIGUIDES

ตัวอย่างประโยคคำถาม: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

มีประโยคชนิดหนึ่งที่มีส่วนท้ายหรือส่วนหางเป็นรูปคำถาม เรียกว่า Tag question หรือ Question tag คำถามประเภทนี้จึงประกอบด้วยประโยคสองส่วน คือส่วนต้นเป็นประโยคธรรมดา ส่วนท้ายเป็นประโยคคำถาม ซึ่งเป็นรูปคำถามแบบ Yes/No Question คำถามชนิดนี้นิยมใช้ในการพูดคุยสนทนา โดยเฉพาะในการใช้ประโยคยาวๆ จะทำให้ไม่สับสน อาจกล่าวได้ว่า คำถามชนิดนี้เป็นการแสดงความรู้สึกหรือความเข้าใจของตนเองก่อนแล้วจึงขมวดเป็นการถามทีหลัง ว่าเป็นอย่างที่พูดมาข้างต้นหรือเปล่า ลักษณะสำคัญของ โครงสร้างคำถามชนิดนี้ก็คือ ท่อนต้นเป็นประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามแบบ Yes/No Question แต่ใช้สรรพนาม (pronoun) ของประธานในท่อนต้นมาเป็นประธานในท่อนคำถาม การสร้างประโยคคำถามชนิดนี้จำแนกออกเป็น 2 วิธี ดังนี้
1. ท่อนต้นเป็นรูปประโยคบอกเล่า ท่อนหลังเป็นรูปคำถามปฏิเสธ ซึ่งผู้ถามคาดว่าจะได้คำตอบรับมากกว่าปฏิเสธ
ตัวอย่าง
The man is your boss, isn’t he?
ชายคนนั้นคือเจ้านายของคุณ มิใช่หรือ
It is very hot today, isn’t it?
วันนี้อากาศร้อนมาก มิใช่หรือ
You know her very well, don’t you?
คุณรู้จักเธอดี มิใช่หรือ
The tourist group will arrive at ten, won’t it?
คณะทัศนาจรจะมาถึงในเวลา 10 โมง มิใช่หรือ
Your sister got a scholarship, didn’t she?
น้องสาวของคุณได้ทุนการศึกษา มิใช่หรือ
The students are doing exercises in the class, aren’t they?
นักศึกษากำลังทำแบบฝึกหัดอยู่ในห้องเรียนมิใช่หรือ
2. ท่อนต้นเป็นรูปประโยคปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามธรรมดา ซึ่ง ผู้ถามคาดว่าจะได้คำตอบเป็นปฏิเสธ คือเป็นอย่างที่เขากล่าวในท่อนต้น
ตัวอย่าง
You don’t like beer, do you?
คุณไม่ชอบเบียร์ ใช่ไหม
This subject isn’t so difficult, is it?
วิชานี้ไม่ยากมาก ใช่ไหม
Suda and Vilai didn’t appear at the party, did they?
สุดาและวิไลไม่มางานเลี้ยง ใช่ไหม
No one knows his address, do they?
ไม่มีใครทราบที่อยู่ของเขา ใช่ไหม
They haven’t been to Phuket, have they?
พวกเขาไม่เคยไปภูเก็ต ใช่ไหม
The students won’t take class, will they?
นักศึกษาจะไม่เข้าเรียน ใช่ไหม
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับ Tag question
-ถ้าในท่อนแรกเป็น I am คำถามท่อนหลังเป็น aren’t I? แต่ถ้า ท่อนแรกเป็น I am not คำถามในท่อนหลังเป็น am I? เช่น
I am your teacher, aren’t I?
ฉันเป็นครูของคุณ มิใช่หรือ
I am not the group leader, am I?
ฉันไม่ใช่ผู้นำกลุ่ม ใช่ไหม
-ถ้าในประโยคมีคำที่แสดงความหมายปฏิเสธหรือมีความหมาย คล้ายๆ กัน ในท่อนหลังใช้รูปคำถามธรรมดา เช่น
Vichai hardly passed his test, did he?
วิชัยเกือบไม่ผ่านการทดสอบ ใช่ไหม
You have never been to Khon Kaen, have you?
คุณไม่เคยไปขอนแก่น ใช่ไหม
-ถ้าในท่อนแรกเป็นประโยคคำสั่ง ท่อนหลังใช้ will you? ใน ความหมายขอร้อง และเป็นรูปปฏิเสธ won’t you? ในความหมายเชื้อเชิญ และถ้าเป็นประโยคชักชวนขึ้นต้นด้วย Let’s ท่อนหลังเป็น shall we? เช่น
Open the window, will you?
เปิดหน้าต่างหน่อยได้ไหม
Wait a minute, will you?
รอสักครู่ได้ไหม
Come in, won’t you?
เชิญเข้าข้างในเลยครับ
Have a cup of tea, won’t you?
คุณจะรับนํ้าชาสักถ้วยไหม
Let’s take a walk, shall we?
ไปเดินเล่นกันไหม
Let’s go shopping after lunch, shall we?
หลังอาหารกลางวัน ไปหาซื้อของกันไหม
-ถ้าประธานในท่อนแรกมีคำเหล่านี้ everybody, everything, nobody, every one สรรพนามในท่อนหลังเป็น they เช่น
Everybody likes him, don’t they?
ทุกคนชอบเขาใช่ไหม
Nobody is waiting for you, are they?
ไม่มีใครกำลังรอคอยคุณใช่ไหม
การตอบคำถาม Question Tag
การตอบคำถามประเภทนี้ใช้ yes หรือ no เช่นเดียวกับ yes/no Question และใช้ในกฎเดียวกัน การตอบคำถามอาจจะแยกได้ตามชนิดของคำถามได้ดังนี้
-ถ้าเป็นคำถามประเภทแรก คือท่อนแรกเป็นประโยคบอกเล่า ท่อนหลังเป็นคำถามปฏิเสธ ต้องการคำตอบบอกรับมากกว่าปฏิเสธ แต่ในความเป็นจริงอาจจะเป็นปฏิเสธได้เช่นกัน
ตัวอย่าง
คำถาม   
The man is your teacher, isn’t he?    ชายคนนั้นเป็นครูของคุณ มิใช่หรือ
คำตอบ
Yes, he is.
ใช่, เขาเป็นครูของฉัน
No, he isn’t.
เปล่า, เขาไม่ใช่ครูของฉัน
คำถาม
You like her, don’t you?
คุณชอบเธอมิใช่หรือ
คำตอบ
Yes, I do.
ใช่, ฉันชอบเธอ
No, I don’t.
เปล่า, ไม่ชอบ
คำถาม
They can speak Thai; can’t they?
พวกเขาพูดไทยได้มิใช่หรือ    คำตอบ
Yes, they can.
ใช่, พูดได้
No, they can’t.
เปล่า, พูดไม่ได้
-ถ้าเป็นคำถามประเภทที่สอง คือท่อนแรกเป็นประโยคปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามธรรมดา ต้องการคำตอบปฏิเสธมากกว่ารับ เช่นเดียวกับ Yes/No question ที่เป็นรูปปฏิเสธ มีกฎเกณฑ์อย่างเดียวกัน และมีความสับสนในภาษาไทยเหมือนกัน
ตัวอย่าง
คำถาม   
You cannot speak Chinese, can you?
คุณพูดภาษาจีนไม่ได้ ใช่ไหม
คำตอบ
No, I can’t.
ไม่ได้., พูดไม่ได้
Yes, I can.
ได้., พูดได้
คำถาม
No one likes her, do they?
ไม่มีใครชอบเธอ ใช่ไหม
คำตอบ
No, they don’t.
ใช่, ไม่มี
Yes, they do.
มี, มีอยู่
คำถาม
Vicit didn’t get hurt, did he?
วิชิตไม่ได้รับบาดเจ็บ ใช่ไหม
คำตอบ
No, he didn’t.
ใช่, ไม่บาดเจ็บ
Yes, he did.
ไม่ใช่, เขาได้รับบาดเจ็บ
Yes/No Question กับ Tag Question
ประโยคคำถามทั้งสองชนิดนี้มีความหมายเหมือนกัน ต้องการคำตอบอย่างเดียวกันคือตอบรับและปฏิเสธ แต่รูปประโยคต่างกัน คือ Yes/No Question เป็นรูปคำถามทั้งประโยค โดยขึ้นต้นด้วยกริยา นิยมใช้ทั่วๆ ไป ถ้าเป็นประโยคเนื้อความยาวๆ อาจทำให้สับสนได้ โดยเฉพาะในการสนทนา ถ้าเป็นประโยคยาวๆ อาจมีปัญหาได้ ส่วน Tag Question เป็นคำถามเฉพาะส่วนท้าย ซึ่งเป็นรูป Yes/No Quest. นั่นเอง ถือว่าเป็นคำถามที่เน้นกว่านิยมใช้ในการพูดคุยสนทนา ทำให้พูดง่ายและเข้าใจง่าย โดยเฉพาะในประโยคยาวๆ ในท่อนแรกเป็นการแสดงความรู้สึกหรือความเข้าใจของผู้พูดเองทั้งหมด จากนั้นจึงถามว่าเป็นจริงอย่างในท่อนแรกหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคำถามทั้งสองชนิดนี้มีรายละเอียดแตกต่างแต่อาจใช้แทนกันได้ โดยมีความหมายเหมือนเดิม ดังต่อไปนี้
Yes/No     =     Is he your teacher?
เขาเป็นครูของคุณใช่ไหม
Tag         =     He is your teacher, isn’t he?
เขาเป็นครูของคุณมิใช่หรือ
Yes/No     =     Did you take part in the party to congratulate him last night?
คุณร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับเขาเมิ้อคืนนี้ใช่ไหม
Tag         =     You took part in the party to congratulate him last night, didn’t you?
คุณเข้าร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับเขาเมิ้อคืนนี้
มิใช่หรือ
Yes/No     =     Don’t you understand what I said?
คุณไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดใช่ไหม
Tag         =     You don’t understand what I said, do you?
คุณไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดใช่ไหม
Yes/No     =     Isn’t the Grand Palace far from the National Museum?
พระบรมมหาราชวังไม่ไกลจากพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติ ใช่ไหม
Tag         =     The Grand Palace isn’t far from the National Museum, is it?
พระบรมมหาราชวังไม่ไกลจากพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติ มิใช่หรือ
Alternative Question กับ Tag Question
คำถามประเภท Alternative แม้โดยทั่วไปแล้วจะไม่ทำให้สับสน เพราะมีรูปประโยคและความหมายที่ชัดเจน คือมี or เชื่อมเพื่อให้เลือกเอา แต่ถ้าจะพิจารณาให้ดีแล้วมีรูปและความหมายคล้ายกับ Yes/No Question แม้ผู้ถามจะไม่มีเจตนาจะให้เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่ถ้าจะมีใครให้ความหมาย เป็น Yes/No Quest. ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ฉะนั้น ประโยคอย่างเดียวกัน อาจจะมีความหมายแตกต่างกันได้ คือเป็นคำถามประเภท Alternative หรือ Yes/No ดังตัวอย่างต่อไปนี้ Alternative =     Do you like tea or coffee?
คุณชอบชาหรือกาแฟ
Can you speak Thai or Chinese?
คุณสามารถพูดไทยหรือจีนได้
Will he take Conversation, Translation or Writing?
เขาจะเรียนการสนทนา การแปล หรือการเขียน
Yes/No =         Do you like tea or coffee?
คุณชอบชาหรือกาแฟไหม
Can you speak Thai or Chinese?
คุณพูดภาษาไทยหรือภาษาจีนได้ไหม
Will he take Conversation, Translation or Writing?
เขาจะเรียนการสนทนา การแปล หรือการเขียนไหม
จากตัวอย่างความหมายในภาษาไทยของประโยคต่างๆ เหล่านี้ จะเห็นว่ามีจุดมุ่งหมายในการถามต่างกัน or ในคำถามชนิดแรกเป็นตัวเชื่อมเพื่อให้เลือกจริงๆ ส่วนในคำถามประเภทที่สอง or ทำหน้าที่แค่เป็นตัวเสริมเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่มีก็ได้ เพิ่มเข้าเพื่อให้รายละเอียดเท่านั้น ต้องการคำตอบ yes หรือ no เท่านั้น
ฉะนั้น เพื่อจะให้ได้คำถามและคำตอบแตกต่างจาก Alternative Quest. อย่างชัดแจ้งแล้ว สามารถสร้างเป็นคำถามแบบ Tag Question ได้ ดังนั้นประโยคต่างๆ ข้างบนนั้น สร้างเป็นคำถามแบบ Tag Question พร้อมคำตอบได้ดังนี้
You like tea or coffee, don’t you?
คุณชอบชาหรือกาแฟ มิใช่หรือ
Yes, I do.
ใช่,ฉันชอบ
No? I don’t.
เปล่า, ฉันไม่ชอบ
You can speak Thai or Chinese, can’t you?
คุณพูดภาษาไทยหรือภาษาจีนได้ มิใช่หรือ
Yes, I can.
ใช่, ฉันพูดได้
No? I don’t.
เปล่าม ฉันไม่ชอบ
You can speak Thai or Chinese, can’t you?
คุณพูดภาษาไทยหรือภาษาจีนได้ มิใช่หรือ
Yes, I can.
ใช่, ฉันพูดได้
No, I can’t.
เปล่า, พูดไม่ได้
He will take Conersation, Translation or Writing, won’t he?
เขาจะเรียนการสนทนา การแปล หรือการเขียน มิใช่หรือ
Yes, he will
ใช่, เขาจะเรียน
No, he won’t.
เปล่า, เขาไม่เรียน
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถาม Tag Question แล้วตอบคำถาม
ตัวอย่าง
He likes English very much.
= He likes English very much, doesn’t he?
Yes, he does./ No, he doesn’t.
1.     Malee is a good student.
……………………………………………………………………..
2. You teach English at Krirk University.
……………………………………………………………………..
3. Thawee and Vichien will go to work in Japan.
……………………………………………………………………..
4. Your mother arrived in Bangkok yesterday.
……………………………………………………………………..
5. This exercise isn’t very hard for you.
……………………………………………………………………..
6. Everyone wants to learn English with him.
……………………………………………………………………..
7. You haven’t been to Chieng Mai.
……………………………………………………………………..
8. Sit down and don’t speak.
……………………………………………………………………..
9. Let’s take a rest for a while after the meeting.
……………………………………………………………………..
10. He comes from Australia.
……………………………………………………………………..
11. You think they are intelligent students.
……………………………………………………………………..
12. They hardly come to visit you.
……………………………………………………………………..
13. Your sister can speak English very well.
……………………………………………………………………..
14. The tourists don’t know the way to the Grand Palace.
……………………………………………………………………..
15. I think they won’t arrive tomorrow.
……………………………………………………………………..
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 47,431 times, 7 visits today)

Table of Contents

[Update] วิธีตอบคำถาม “What are your strengths and weaknesses?” | ตัวอย่างประโยคคำถาม – NATAVIGUIDES

คำถามหิน คำถามไปตัดสินเลย เวลาไปสัมภาษณ์งาน

คือ “What are your strengths and weaknesses?”

“จุดเด่น และจุดด้อยของคุณคืออะไร?”

ถ้าตอบได้ดี ก็มีชัยไปมากกว่าครึ่ง แต่ถ้าตอบไม่ชัดเจน ก็อาจจะพลาดตัวอย่างสำคัญไป

เพราะฉะนั้น แอดมินจึงนำตัวอย่างจากบทเรียนในคอร์ส

English for Career Development

เรียนอังกฤษ ติดเทอร์โบ พูดได้โปรเติบโตในงาน มาฝากค่ะ

 

วิธี เทคนิค และตัวอย่างประโยคที่ใช้ตอบคำถาม “What are your strengths and weaknesses?” ให้เป๊ะ และปัง

 

Strength (s) ข้อดี/จุดเด่น

มาเริ่มต้นกันที่ Strength(s) หรือ จุดเด่นกันค่ะ

 

ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ให้ลองทำการบ้านก่อนนิดนึงค่ะ

โดยการไป Research ว่าคุณสมบัติที่บริษัทนั้น ๆ ต้องการ และมีอยู่ในตัวคุณคืออะไร

อาจจะดูจาก Job Description (ขอบเขตหน้าที่ และความรับผิดชอบงาน) หรือจะเป็น Company Core Values (ค่านิยมองค์กร)

และลองศึกษาเพิ่มเติมถึง Company culture (วัฒนธรรมองค์กร) ด้วยค่ะ

ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่ศึกษาเพิ่มเติมไปถึงลักษณะนิสัยของพนักงานที่องค์กรมี หรือต้องการจะมี

 

ตัวอย่างโครงสร้างประโยคที่สามารถใช้ในการบอกถึงจุดเด่นของเราได้

  • I am +

    (adjective).

  • I have +

    (noun).

  • My greatest/ one of my greatest strengths +

    (noun).

โดยให้เลือกจุดเด่นมาเติม เป็นจุดเด่นที่ตรงกับความสามารถของเรา และตรงกับความต้องการของตำแหน่งนั้น ๆ

 

ตัวอย่างคำที่ใช้บอกถึง Strengths  มีอยู่ใน Cheat Sheet

ที่สามารถดาวน์โหลดได้ในคอร์ส  English for Career Development เลยนะคะ

 

How to not sound “arrogant”

เทคนิคพูดถึงจุดเด่นของตัวเอง แบบไม่ให้ดูโอ้อวดเกินจริง

 

1. ใช้ประโยคที่พูดถึงจุดเด่น ให้ดูถ่อมตัว

ตัวอย่างเช่น

  • I would like to think that I am….
  • I owe my

    (quality)

    to the success of ….

 

2. Provide proof  บอกถึงหลักฐาน/ ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

บอกถึงประสบการณ์ หรือสิ่งที่เคยทำมา เพื่อที่จะเป็นหลักฐาน พิสูจน์ได้ว่า

เรามีความสามารถนี้จริง ๆ  เพราะได้มาจากประสบการณ์ที่เราได้เคยทำมา

จะสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับจุดเด่นนั้น ๆ ได้

 

ตัวอย่างประโยค

I have learned from my experience working in this industry that I … + (หลักฐาน)

I have learned from my experience running this program that I … + (หลักฐาน)

I have learned from my experience implementing this project that I … + (หลักฐาน)

 

3. Be specific ให้ระบุคุณสมบัตินั้นแบบเจาะจงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อธิบายเพิ่มเติม ลงรายละเอียดว่ามันมีผลกับงานอย่างไร

และตรงกับคุณสมบัติของงานที่เราไปสัมภาษณ์ หรือบริษัทนั้น ๆ ต้องการอย่างไรบ้าง

 

ตัวอย่างประโยค

  • I was able to…

    + (ผลงาน)

  • I learned from … and successfully …

    + (ผลงาน)

 

4. Choose words wisely ให้เลือกใช้คำอย่างชาญฉลาด

ตัวอย่างเช่น

  • Friendly (เป็นกันเอง) ให้เปลี่ยนเป็นคำว่า team player (เป็นส่วนหนึ่งของทีม)
  • Talkative (เป็นคนพูดเก่ง) ให้เปลี่ยนเป็นคำว่า good communicator (เป็นนักสื่อสารที่ดี)

 

ตัวอย่างของประโยคบอกจุดเด่น Strength (s)

 

ตัวอย่างที่ 1

 

“My strength is my flexibility to handle change. As customer service manager at my last job, I was able to turn around a negative working environment and develop a very supportive team.”

(Credit: Monster)

 

ประโยคที่บอกจุดเด่นของเราคือ

“My strength is my flexibility to handle change.”

 

ส่วนประโยคที่เหลือเป็นการ Providing Proof หรือการให้หลักฐานเพิ่มความน่าเชื่อถือ ว่าเรามีจุดเด่นเช่นนี้จริง ๆ จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของเรา

“As customer service manager at my last job, I was able to turn around a negative working environment and develop a very supportive team.”

 

ตัวอย่างที่ 2

 

“I’m a problem solver. I love taking a problem and looking at it from every angle. I enjoy work that challenges me and pushes me to think outside the box. I enjoy situations where I am allowed to work with other people to come up with creative solutions.  At my last company we were asked to come up with ways to increase our workflow without decreasing our accuracy. By really analyzing what every department was doing and finding ways to work together more efficiently, I was able to not only streamline the process, but made it possible for us to beat our previous deadline by three days with a superior product as an end result.”

(Credit: The Interview Guys)

 

คำตอบที่เป็นข้อดีจริง ๆ คือ I’m a problem solver. (ฉันเป็นนักแก้ปัญหา)

ประโยคต่อมา เป็นการ specify (เจาะจง) ให้ชัดเจนขึ้นว่า มีจุดเด่นด้านการเป็น Problem Solver (นักแก้ปัญหา) อย่างไร ที่ตรงกับคุณสมบัติของงานที่กำลังสัมภาษณ์อยู่

“I love taking a problem and looking at it from every angle. I enjoy work that challenges me and pushes me to think outside the box. I enjoy situations where I am allowed to work with other people to come up with creative solutions.”

 

และประโยคที่เหลือเป็นการ Providing Proof หรือให้ข้อมูลหลักฐานที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้สัมภาษณ์ได้เข้าใจ และเชื่อได้มากขึ้นว่าเรามีจุดแข็งตรงนี้จริง ๆ

“At my last company we were asked to come up with ways to increase our workflow without decreasing our accuracy. By really analyzing what every department was doing and finding ways to work together more efficiently, I was able to not only streamline the process, but made it possible for us to beat our previous deadline by three days with a superior product as an end result.”

 

Weakness(es) ข้อเสีย/จุดด้อย

เทคนิคการพูดถึง Weakness หรือจุดด้อยของตัวเองในการสัมภาษณ์งาน

  1. Choose ones that do not

    directly

     impact the job

    เลือกจุดด้อยที่ไม่ได้กระทบกับงานที่กำลังสมัครโดยตรง

  2. Show how you have overcome them

    บอกว่าเราสามารถก้าวข้ามจุดด้อยนั้นได้อย่างไร

สามารถเลือกคำที่ใช้เป็น Weakness ได้จาก Cheat Sheet

ที่ดาวน์โหลดได้ในคอร์ส English for career development เลยนะคะ

 

เช่น

Self-criticism โทษตัวเอง วิจารณ์ตัวเอง

Being too critical of yourself  โทษหรือกดดันตัวเองมากเกินไป

Attempting to please everyone อยากจะทำให้ทุกคนพอใจไปหมด

 

ตัวอย่าง

“Sometimes, I spend more time than necessary on a task or take on tasks personally that could easily be delegated to someone else.  Although I’ve never missed a deadline, it is still an effort for me to know when to move on to the next task, and to be confident when assigning others work. In my recent position, I implemented a project management tool that allowed me to easily oversee the progress of all the tasks I assigned, which helped me feel much more comfortable delegating work.”

(credit: The Balance Career)

 

ประโยคที่บอกจุดด้อยของเราคือ

“”Sometimes, I spend more time than necessary on a task or take on tasks personally that could easily be delegated to someone else.”

 

ประโยคถัดมา ให้บอกว่าจุดด้อยนี้ ไม่ได้กระทบกับงานที่กำลังจะสมัคร

 

Show they do not impact the job

I’ve never missed a deadline, it is still an effort for me to know when to move on to the next task, and to be confident when assigning others work.

สุดท้าย ให้จบด้วยการบอกเล่ากับผู้สัมภาษณ์ว่า เรารู้นะ ว่าเรามีจุดด้อยอะไร

แล้วได้เรียนรู้เรื่องอะไรจากจุดด้อยนั้น และสามารถก้าวข้ามมันได้อย่างไร

 

Show how you overcome them

“In my recent position, I implemented a project management tool that allowed me to easily oversee the progress of all the tasks I assigned, which helped me feel much more comfortable delegating work.”

 

TIP:

ในกรณีที่ผู้สัมภาษณ์ถามคำถามว่า “What are your strengths and weaknesses?”

คือให้ตอบทั้งข้อดี และข้อเสียพร้อมกันในคำถามเดียวกันเลย

เราไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นตอบด้วย Strengths  (ข้อดี) เสมอไปก็ได้

เราอาจจะเริ่มต้นด้วย Weakness (ข้อด้อย) ก่อน แล้วมาจบอย่างสวยงามด้วย Strength (ข้อดี) ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ

 

และนี่ เป็นตัวอย่างเทคนิคที่เราสอนในคอร์ส English for Career Development

เรียนอังกฤษ ติดเทอร์โบ พูดได้โปรเติบโตในงาน

อยากมาเรียนออนไลน์ด้วยกัน เพื่ออัพเกรดทักษะภาษาอังกฤษให้โปรขึ้นสำหรับการทำงาน? 📚 📖

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางนี้เลยค่า >> Click <<

 

All the best & happy learning, คะน้า 😀

 


งานแต่งคนจน – เบลล์ นิภาดา【COVER VERSION】


เพลง : งานแต่งคนจน
ศิลปิน : เบลล์ นิภาดา
ต้นฉบับ : มนต์แคน แก่นคูณ
คำร้องทำนอง : จอร์น ขวัญชัย
เรียบเรียง : จักรี อบมา
มิกซ์ : แฮปปี้สตูดิโอ
・✿.。 ติดตามอัพเดทผลงาน .\”เบลล์ นิภาดา\” ได้ที่ 。✿゚
Facebook เบลล์ นิภาดา ▶️ https://bit.ly/2T97wf7
Fanpage เบลล์ นิภาดา แกรมมี่โกลด์ ▶️ https://bit.ly/2YdIQ41
Youtube เบลล์ นิภาดา OFFICIAL ▶️ https://bit.ly/2SBRjgl
Instagram bell_nipada ▶️ https://bit.ly/2Gtta6V
Tiktok เบลล์ นิภาดา ▶️ https://bit.ly/2Yi8Efe
☎ ติดต่องานศิลปิน โทร. 0868600272

เบลล์นิภาดา งานแต่งคนจน GrammyGold

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

งานแต่งคนจน - เบลล์ นิภาดา【COVER VERSION】

คนตอบบ่อยู่ – เบลล์ นิภาดา【Cover Version】


เพลง : คนตอบบ่อยู่
Cover : เบลล์ นิภาดา
ต้นฉบับ : เอิ้นขวัญ วรัญญา
คำร้อง/ทำนอง : ชวัลวิทย์ ยิ่งยศเสนี
เรียบเรียงใหม่ : จินนี่ ภูไท
Video\u0026 Graphic : สุทธิพงษ์ อุพลเถียร

❤︎ ติดตามอัพเดทผลงานศิลปิน ได้ที่ ❤︎
Facebook : https://goo.gl/z7sU55
Fanpage facebook : https://goo.gl/8gEsH7
Youtube : https://goo.gl/XimfYG
คนตอบบ่อยู่ เบลล์นิภาดา แกรมมี่โกลด์
☎ ติดต่องานศิลปิน โทร. 0868600272

คนตอบบ่อยู่ - เบลล์ นิภาดา【Cover Version】

รวมชุดตัวอย่างประโยคคำถาม WH- 4 กลุ่ม สั้นง่ายไม่ต้องท่อง


What = อะไร
When = เมื่อไหร่ ตอนไหน
Where = ที่ไหน
Why = ทำไม

รวมชุดตัวอย่างประโยคคำถาม WH- 4 กลุ่ม สั้นง่ายไม่ต้องท่อง

วิธีการทำประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธอย่างง่าย ในภาษาอังกฤษ


วิธีการทำประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธอย่างง่าย เช่น
ประโยคบอกเล่า : I am wearing a black cap today.
ประโยคคำถาม : เราจะเอา Verb ขึ้นต้น เอา V ช่วย ขึ้นต้น แล้วท้ายประโยคต้องมี ? Am I wearing a black cap today?
ประโยคปฎิเสธ : เราจะเอา not มาช่วย Vช่วย I am not wearing a black cap today.

จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀

วิธีการทำประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธอย่างง่าย ในภาษาอังกฤษ

สิมาฮักหยังตอนนี้ – เบลล์ นิภาดา【COVER VERSION】


เพลง : สิมาฮักหยังตอนนี้
ศิลปิน : เบลล์ นิภาดา
ศิลปินต้นฉบับ : ต่าย อรทัย
คำร้อง/ทำนอง : เจี๊ยบ นิสา
เรียบเรียง : จินนี่ ภูไท
・✿.。 ติดตามอัพเดทผลงาน .\”เบลล์ นิภาดา\” ได้ที่ 。✿゚\r
Facebook เบลล์ นิภาดา ▶️ https://bit.ly/2T97wf7
Fanpage เบลล์ นิภาดา แกรมมี่โกลด์ ▶️ https://bit.ly/2YdIQ41\r
Youtube เบลล์ นิภาดา OFFICIAL ▶️ https://bit.ly/2SBRjgl\r
Instagram bell_nipada ▶️ https://bit.ly/2Gtta6V\r
Tiktok เบลล์ นิภาดา ▶️ https://bit.ly/2Yi8Efe
☎ ติดต่องานศิลปิน โทร. 0868600272

เบลล์นิภาดา สิมาฮักหยังตอนนี้ GrammyGold

สิมาฮักหยังตอนนี้ - เบลล์ นิภาดา【COVER VERSION】

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ตัวอย่างประโยคคำถาม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *