นักเรียน ไทย ใน อเมริกา: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
คำบรรยายภาพ
- ครูใหญ่จูเลีย แฮทช์ และคณะครูจากโรงเรียนสตรีอเมริกัน (โรงเรียนดาราวิทยาลัยในปัจจุบัน) ทศวรรษ 1920 (พ.ศ. 2463-2472) (ภาพถ่ายจากหนังสือ เส้นด้ายอเมริกันในผืนผ้าล้านนา)
- กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ฌอน โอนีลล์ ทักทายเยาวชนที่ร่วมชมขบวนพาเหรดในงานลอยกระทงปี 2562 (อนุเคราะห์ภาพถ่ายโดยพนักงานสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ)
- กงสุลใหญ่สหรัฐฯ เจนนิเฟอร์ ฮาร์ไฮ (พ.ศ. 2559-2562) ถ่ายภาพกับนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เข้าร่วมกิจกรรมสังเกตการณ์การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ปี 2561 (อนุเคราะห์ภาพถ่ายโดยพนักงานสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ)
- วงดนตรีประจำหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ III Marine Expeditionary Force จัดเวิร์กชอปด้านดนตรีให้กับนักเรียนโรงเรียนดาราวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2562 (อนุเคราะห์ภาพถ่ายโดยพนักงานสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ)
- ทีมวีลแชร์แดนซ์จากโรงเรียนศรีสังวาลย์ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ชนะรายการ Thailand’s Got Talent ปี 2557 แสดงในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมกีฬาเพื่อผู้พิการ ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์ National Ability Center ของสหรัฐฯ ปี 2558 (อนุเคราะห์ภาพถ่ายโดยพนักงานสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ)
- เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เคนเนธ ทอดด์ ยัง (พ.ศ. 2504-2506) ลองเป่าแคนที่พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของคุณไกรศรี นิมมานเหมินทร์ เมื่อครั้งเยือนเชียงใหม่ ทศวรรษ 1960 (พ.ศ. 2503-2512) (อนุเคราะห์ภาพถ่ายโดยคุณวิมล สิทธิประณีต)
หนึ่งในคุณูปการที่สำคัญที่สุดที่ชาวอเมริกันได้สร้างให้แก่ภาคเหนือของประเทศไทยคือเรื่องการศึกษา
นับตั้งแต่มีการก่อตั้งโรงเรียนแบบตะวันตกขึ้นเป็นครั้งแรกที่เชียงใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 มาจนถึงความร่วมมือด้านการศึกษาที่กว้างขวางในปัจจุบัน ชาวอเมริกันมีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาการศึกษาในภาคเหนือของไทยมาโดยตลอด สถาบันการศึกษาที่ประสบความสำเร็จที่เห็นในปัจจุบันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ตกทอดมาจากบทบาทของชาวอเมริกันรุ่นแรกในภาคเหนือของไทย
ก่อนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในภาคเหนือของไทย เฉพาะเด็กชายเท่านั้นที่ได้เรียนหนังสือ และต้องเรียนในวัดเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้ครูสอนภาษาชาวอเมริกันได้เข้าไปถวายพระอักษรในพระบรมมหาราชวังในช่วงกลางทศวรรษ 1800 (พ.ศ. 2343-2352) เนื่องจากทรงเห็นว่าอเมริกา เป็นประเทศที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างอาณาจักรของตนขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า ชาวอเมริกันเป็นอำนาจ “ที่เป็นกลาง” ระหว่างฝรั่งเศสทางทิศตะวันออกและอังกฤษทางทิศตะวันตก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวอเมริกันก็ได้ทำงานร่วมกับชาวไทยอย่างกว้างขวางในการสร้างโรงเรียนสมัยใหม่และผสมผสานวิธีการสอนรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาทั่วทั้งภาคเหนือของไทย
โรงเรียนมัธยมศึกษา
โรงเรียนแบบตะวันตกแห่งแรกในภาคเหนือของไทยมุ่งให้การศึกษาแก่เด็กผู้หญิง โรงเรียนดาราวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงเรียนสหศึกษา มีประวัติย้อนไปถึงเมื่อครั้งโซเฟีย แมคกิลวารี มิชชันนารีชาวอเมริกัน ตัดสินใจเปิดบ้านของเธอที่เชียงใหม่เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กหญิงในปี 2418 เมื่อมีนักเรียนมากขึ้น แหม่มแมคกิลวารีก็เสาะหาที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะ เมื่อถึงปี 2422 เอ็ดนา เอส.โคล และแมรี แคมป์เบลล์ ได้ร่วมกันก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการคนแรกของโรงเรียนสตรีอเมริกัน (American Girls’ School) ในเชียงใหม่ ซึ่งต่อมาในปี 2466 โรงเรียนนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนดาราวิทยาลัย เพื่อรำลึกถึงผู้อุปถัมภ์รุ่นแรกคือ เจ้าดารารัศมี พระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
สำหรับโรงเรียนชายวังสิงห์คำ (Chiengmai Boys’ School) ซึ่งต่อมาคือโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ได้รับการก่อตั้งขึ้นในลักษณะคล้าย ๆ กันในปี 2430 โดยศาสนาจารย์ ดี.จี. คอลลินส์ ชาวอเมริกันนิกายเพรสไบทีเรียนได้ย้ายจากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงใหม่เพื่อก่อตั้งโรงเรียนขึ้นในบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง โรงเรียนเริ่มเปิดสอนด้วยเงินทุนเพียง 2,000 บาทและมีนักเรียนประมาณ 30 คน ศาสนาจารย์คอลลินส์ซึ่งเป็นครูใหญ่คนแรกไม่เพียงดูแลด้านการบริหารโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาแบบตะวันตกในภาคเหนือของไทย ตลอดจนเรียนภาษาล้านนา ขอการสนับสนุนจากชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งระดมเงินบริจาคจากชาวอเมริกัน และก่อตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกขึ้นในภาคเหนือของไทย
เมื่อถึงปี 2499 โรงเรียนชายวังสิงห์คำก็ย้ายไปอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง และได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ในขณะนั้น) ว่า “โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย” เมื่อปี 2549 โรงเรียนได้ฉลองวาระครบรอบ 100 ปีที่ได้รับพระราชทานนามและจัดพิธีรำลึกถึงคุณูปการต่าง ๆ ของชาวอเมริกันที่มีส่วนช่วยพัฒนาโรงเรียนในยุคแรก ๆ
ชาวอเมริกันยังได้เผยแพร่การศึกษาแบบตะวันตกในจังหวัดอื่น ๆ ของภาคเหนือ ในปี 2428 ศาสนาจารย์นายแพทย์แซมมวล ซี. พีเพิลส์ และภรรยาได้ก่อตั้งโรงเรียนเคนเน็ตแม็คเคนซีขึ้นที่จังหวัดลำปาง โดยเป็นโรงเรียนแบบตะวันตกแห่งแรกที่ไม่ได้ตั้งอยู่ที่เชียงใหม่ ศาสนาจารย์พีเพิลส์และภรรยายังได้ก่อตั้งโรงเรียนลินกัล์น อะแคเดมีขึ้นที่จังหวัดน่านในปี 2447 ก่อนหน้าปี 2440 ศาสนาจารย์แดเนียล แมกกิลวารี และนายแพทย์วิลเลียม บริกส์ ได้สร้างโรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่งขึ้นที่เชียงราย ในปัจจุบัน มีโรงเรียนที่ก่อตั้งโดยชาวอเมริกันทั้งหมด 11 แห่งใน 6 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน และพิษณุโลก
การศึกษาระดับอุดมศึกษา
ความสำเร็จของโรงเรียนมัธยมปลายเหล่านี้ได้สร้างกำลังใจให้แก่เหล่ามิชชันนารีชาวอเมริกัน พวกเขาจึงได้เริ่มวางแผนก่อสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งขึ้นในภาคเหนือ ความคิดเกี่ยวกับการสร้างสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภาคเหนือเริ่มต้นขึ้นในชุมชนชาวเชียงใหม่ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อชาวอเมริกันนิกายเพรสไบทีเรียนกลุ่มหนึ่งร่างแผนการก่อตั้ง “มหาวิทยาลัยคริสเตียนลาว” ขึ้น โดยคอนราด คิงส์ฮิลล์ มิชชันนารีหนุ่มนิกายเพรสไบทีเรียนเดินทางถึงเชียงใหม่ในปี 2490 เพื่อวางรากฐานสำหรับกิจการอย่างหนึ่งซึ่งได้พัฒนากลายมาเป็นวิทยาลัยพายัพในเกือบ 30 ปีต่อมา
ในปี 2517 หลังจากที่รัฐบาลไทยอนุมัติแผนการก่อตั้งวิทยาลัยเอกชน มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยได้เปิดวิทยาลัยพายัพ ซึ่งเป็นวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกนอกกรุงเทพฯ วิทยาลัยพายัพได้รวมเอาสถาบันหลายแห่งที่ก่อตั้งโดยชาวอเมริกันเข้าไว้ด้วยกัน ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ วิทยาลัยพระคริสต์ธรรมแมคกิลวารี และโรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาลแห่งโรงพยาบาลแมคคอร์มิค วิทยาลัยพายัพยังได้เปิดคณะมนุษยศาสตร์เพิ่มอีกคณะหนึ่งและผนวกรวมแผนกดนตรีคริสตจักรของวิทยาลัยพระคริสต์ธรรมแมคกิลวารีเข้ามาไว้ด้วย ทำให้วิทยาลัยพายัพเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนวิชาดนตรี ในปี 2527 วิทยาลัยพายัพได้รับสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัย
อาคารของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ และหอพักนักศึกษานานาชาติ ซึ่งมีพิธีเปิดในเดือนมิถุนายน 2550 ได้รับการสนับสนุนทุนในการก่อสร้างส่วนหนึ่งจากโครงการโรงเรียนและโรงพยาบาลอเมริกันในต่างประเทศ (American Schools and Hospitals Abroad: ASHA) ขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (U.S. Agency for International Development: USAID) นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังสนับสนุนทุนกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อก่อสร้างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สิรินธร (สำนักหอสมุด) ซึ่งเปิดใช้งานปี 2548 ภายใต้โครงการ ASHA นี้ มหาวิทยาลัยพายัพได้รับทุนสนับสนุนไปแล้วกว่า 8 ล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2521 เป็นต้นมา
พลเมืองอเมริกันยังมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งและพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีในปี 2497 ที่กำหนดให้มีการก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ขึ้นในภาคเหนือของไทย โครงการนี้ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินและการพัฒนาจากหน่วยงานบริหารความช่วยเหลือของสหรัฐฯ (U.S. Operations Mission: USOM) ในปี 2499 และนำไปสู่ความร่วมมือระยะยาวกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการก่อสร้างโรงเรียนแพทย์ ได้แก่ การร่วมร่างแผนแม่บท การให้คำปรึกษาจากช่างเทคนิค ที่ปรึกษา และนักบริหารชาวอเมริกัน รวมทั้งคำสัญญาในการจัดหาอาจารย์ชาวอเมริกันให้แก่มหาวิทยาลัยจนกว่าอาจารย์ชาวไทยจะสามารถสอนนักเรียนแพทย์ได้เองด้วย นอกจากนี้ ยังมีโครงการทุนการศึกษาที่ส่งนักศึกษาไทยไปยังสหรัฐฯ เพื่อศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษาขึ้นไปในด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและวิทยาศาสตร์คลินิก โดยรวมแล้วรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบทุนประมาณ 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านทาง USOM และองค์กรหลักคือ USAID เพื่อก่อสร้างและสนับสนุนโรงเรียนแพทย์
ในปี 2507 โรงเรียนแพทย์แห่งนี้กลายเป็นแกนหลักของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันระดับอุดมศึกษาแห่งแรกนอกกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังคงความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยมีการแลกเปลี่ยนทางการศึกษากับมหาวิทยาลัยประมาณ 40 แห่งในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ได้ศึกษาต่อในสหรัฐฯ ภายใต้โครงการฟุลไบรท์และโครงการแลกเปลี่ยนอื่น ๆ
โครงการแลกเปลี่ยน
ในปัจจุบัน สหรัฐฯ มีส่วนร่วมในการศึกษาของไทยในภาคเหนือผ่านโครงการแลกเปลี่ยนที่หลากหลายสำหรับนักเรียนนักศึกษา และคณาจารย์ วิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการศึกษาระดับมัธยมปลายในต่างประเทศคือการเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น โครงการเยาวชนเอเอฟเอสเพื่อการศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติ (AFS Intercultural Programs) (เดิมชื่อโครงการ American Field Service) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้โครงการนี้ นักเรียนไทยหลายพันคนและนักเรียนอเมริกันหลายร้อยคนได้ใช้ชีวิตและศึกษาในสหรัฐฯ และไทย นอกจากนี้ ยังมีสำนักงานแลกเปลี่ยนทางการศึกษาที่ไม่แสวงผลกำไรอีกหลายแห่งของสหรัฐฯ ที่ร่วมดำเนินโครงการในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและการทำงานในสหรัฐฯ ด้วย เช่น Council on International Educational Exchange (CCI), Institute for the International Education of Students (IES) และ School for International Training (SIT) นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในอเมริกาและไทยหลายแห่งก็ยังได้จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนกันเองเพื่อให้นักศึกษาชาวอเมริกันและชาวไทยได้เรียนรู้วัฒนธรรมของกันและกัน
ทุนฟุลไบรท์เป็นทุนที่มอบให้ทั้งชาวอเมริกันและชาวไทยเพื่อการค้นคว้าวิจัย ศึกษาและสอนในไทยและสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2492-2560 มีชาวไทยกว่า 1,786 คนและชาวอเมริกันกว่า 1,146 คนที่ได้รับทุนฟุลไบร์ทเพื่อค้นคว้าวิจัย ศึกษา และสอนในทั้งสองประเทศ ภาคเหนือของไทยเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้รับทุนฟุลไบรท์ชาวอเมริกัน โดยเชียงใหม่เพียงจังหวัดเดียวมีผู้รับทุนที่ใช้ชีวิตและทำงานอยู่กว่า 120 คน
เป็นเวลาหลายทศวรรษที่นักศึกษาไทยให้ความสนใจประเทศสหรัฐฯ จากรายงานของ Open Doors ระบุว่ามีนักศึกษาไทยกว่า 6,636 คน ลงทะเบียนในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐฯในปี 2561 ตั้งแต่ปี 2467 เป็นต้นมา ศิษย์เก่าชาวไทยที่เคยศึกษาในสหรัฐฯ ได้ก่อตั้งสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาขึ้น ต่อมาในปี 2495 สถานเอกอัครราชทูตทูตสหรัฐฯ ได้ร่วมกับสมาคมนักเรียนเก่าฯ จัดตั้งโรงเรียนสถานสอนภาษาอังกฤษขึ้นในกรุงเทพฯ โดยใช้ชื่อว่า “เอยูเอ” โรงเรียนดังกล่าวได้ขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ โดยสหรัฐฯ สนับสนุนทุน คณาจารย์ และให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารจัดการจนถึงช่วงกลางทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2533-2542) ทุกวันนี้ มีสถานสอนภาษา 20 แห่งที่เกิดขึ้นจากความเป็นหุ้นส่วนดังกล่าว รวมถึงสถานสอนภาษาเอยูเอ ที่เชียงใหม่ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2500 และสถานสอนภาษาเอยูเอ ที่เชียงราย ซึ่งก่อตั้งในปี 2540 ตั้งแต่ปี 2561 สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และสถานกงสุลใหญ่ ร่วมกับสถานสอนภาษาเอยูเอ ดำเนินโครงการ English Access Microscholarship Program (Access) ซึ่งสร้างพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษให้แก่นักเรียนอายุ 13-20 ปีที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยโครงการ Access ช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีทักษะภาษาอังกฤษที่อาจนำไปสู่โอกาสในการทำงานหรือการศึกษาต่อที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการยังได้ฝึกฝนความสามารถในการแข่งขันและเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนและการศึกษาต่อในประเทศสหรัฐฯ ในอนาคตอีกด้วย
ในปี 2523 USAID ได้สนับสนุนทุนโครงการการศึกษาสำหรับชาวเขาของกรมการศึกษานอกโรงเรียนเพื่อส่งเสริมการรู้หนังสือไทย โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในเขตจังหวัดเหนือสุดของประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสอนในสิ่งที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น การขอสัญชาติไทยหรือการป้องกันการใช้ยาเสพติด เป็นต้น ผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนมากมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาเขตที่ราบสูงขององค์การสหประชาชาติ องค์กรนอกภาครัฐฯ หรือโครงการใหม่ ๆ ของรัฐบาลในยุคหลัง ๆ
โครงการของรัฐบาลสหรัฐฯ
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2533-2542) กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ ได้สนับสนุนทุนเพื่อก่อตั้งวิทยาลัยชุมชน 2 แห่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งนับเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงกว่าชั้นมัธยมศึกษาแห่งแรกในจังหวัดที่มีชายแดนติดประเทศเมียนมา
อีกหนึ่งสถาบันของสหรัฐฯ ที่มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับประเทศไทยและภาคเหนือคือหน่วยอาสาสมัครสันติภาพสหรัฐฯ (Peace Corps) ตั้งแต่ปี 2505 เป็นต้นมา อาสาสมัครหน่วยสันติภาพสหรัฐฯ ราว 5,507 คนได้ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยในบทบาทต่าง ๆ โดยเฉพาะในโครงการด้านการพัฒนาการศึกษาและเยาวชน
เมื่อเรามองสถาบันการศึกษาไทยในปัจจุบัน เราจะเห็นอิทธิพลของสหรัฐฯ ที่มีต่อระบบการศึกษาของไทยเป็นอย่างมาก ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และไทยในการสร้างโอกาสทางการศึกษาในภาคเหนือของไทยเริ่มต้นจากการสอนหนังสือในบ้านของมิชชันนารี ก่อนที่จะเปิดห้องเรียนให้แก่เด็กหญิง ก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ และจัดตั้งโครงการแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ชาวอเมริกันยุคแรก ๆ ในภาคเหนือของไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับการก่อตั้งสถาบันการศึกษาเป็นอันดับแรก ตลอดจนโครงการต่าง ๆ ที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนในเวลาต่อมา ได้ส่งผลต่อการศึกษาไทยสืบมาจนถึงปัจจุบัน
Table of Contents
[NEW] นักเรียนนอกยุคแรก – พระยาอรรคราชวราทร ทูตไทยคนแรกในสหรัฐอเมริกา! | นักเรียน ไทย ใน อเมริกา – NATAVIGUIDES
นำเรื่องราวเกี่ยวกับนักเรียนนอกยุคแรกมาฝาก โดยยุคนักเรียนไทยไปเรียนเมืองนอกนี้ เริ่มมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 .. ทั้งนี้เพราะอิทธิพลของมหาอำนาจฝ่ายตะวันตก แผ่เข้ามาคุกคามไทยตั้งแต่รัชกาลที่ 3 และเห็นได้ชัดขึ้นในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ทรงเห็นความจำเป็นที่จะให้คนไทยเรียนรู้วัฒนธรรมของฝรั่ง จะได้รู้เท่าทันพวกเขา เพื่อแก้ไขปัญหาการรุกราน รักษาเอกราชไว้ได้ จึงทรงสนับสนุนให้มีการเรียนรู้ภาษาและวิชาการตะวันตกอย่างมาก จนสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ตรัสเป็นข้อคิดไว้ว่า
… เมื่อรัชกาลที่ 1 ใครรบทัพจับศึกได้แข็งแกร่งก็โปรด , ในรัชกาลที่ 2 ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด , ในรัชกาลที่ 3 ใครมีศรัทธาสร้างวัดวาก็เป็นคนโปรด , ในรัชกาลที่ 4 ใครรู้ภาษาฝรั่งก็เป็นคนโปรด
นักเรียนนอกยุคแรก
การเรียนภาษาอังกฤษ เริ่มมาจากในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งโรงเรียนขึ้น จ้างครูสตรีชาวอังกฤษชื่อ แอนนา เลียวโนเวนส์ มาถวายพระอักษรพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอที่ทรงพระเยาว์ นอกจากนี้ก็โปรดฯ ให้เจ้าจอมหม่อมห้ามได้เรียนด้วย คนหนึ่งที่เรียนจนพูดภาษาอังกฤษได้คือ เจ้าจอมมารดากลิ่นในกรมพระนเรศวรฤทธิ์ (ต้นสกุล กฤดากร)
5 คนไทยรุ่นแรก ที่รู้ภาษาอังกฤษพอใช้ในราชการได้
ล่วงมาถึงปลายรัชกาล คนไทยรุ่นแรกที่รู้ภาษาอังกฤษมากพอจะนำมาใช้ในราชการงานเมืองได้มีอยู่ 5 คน คือ
1.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (แต่ครั้งทรงดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์) ทรงศึกษากับครูสตรีและมิชชันนารีอื่นๆ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ต่อมาทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง จนทรงแปลเรื่อง The Story of Abou Hassan; or the Sleeper Awakened – Arabian Nights ของ เซอร์ริชาร์ด เบอร์ตัน เป็นไทยได้ ชื่อว่า “นิทราชาคริต”*
2.กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ หรือพระนามเมื่อครั้งประสูติว่าพระองค์เจ้ายอร์ช วอชิงตัน) พระโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบภาษาอังกฤษบ้างพอตรัสได้ และทรงถนัดเรื่องวิชาช่างเช่นเดียวกับพระชนกนาถ
3.พระยาอรรคราชวราทร (หวาด บุนนาค) บุตรพระยาอภัยสงคราม สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ฝากนายเรือรบอเมริกันไปเรียนวิชาทหารเรือ เรียนรู้ทางภาษากลับมารับราชการในกรมท่าและได้เป็นพระยาเมื่อชรา
4.พระยาอรรคราชวราทร (เนตร) บุตรพระยาสมุทบุรานุรักษ์ ไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองสิงคโปร์จนใช้ได้ดี กลับมารับราชการได้เป็นขุนศรีสยามกิจ ผู้ช่วยกงสุลสยามที่เมืองสิงคโปร์ และหลวงศรีสยามกิจ ไวส์กงสุลสยามในเมืองสิงคโปร์ในรัชกาลที่ 4 ต่อมา ในรัชกาลที่ 5 ได้เป็นพระยาสมุทบุรานุรักษ์ ตามอย่างบิดาและพระยาอรรคราชวราทรคนแรก
5.เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เป็นลูกหลานสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ทางบ้านส่งไปเรียนที่อังกฤษอยู่ 3 ปี ต่อมาเดินทางกลับพร้อมกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ เมื่อครั้งเป็นราชทูตไปฝรั่งเศส ได้เป็นล่าม กลับมารับราชการเป็นนายราชาณัตยานุหาร หุ้มแพรวิเศษ ในกรมอาลักษณ์ พนักงานเชิญรับสั่งไปต่างประเทศ และเป็นราชเลขานุการภาษาอังกฤษตลอดรัชกาล
สามัญชนที่เรียนวิชาความรู้จากฝรั่ง คือ นายจิตร อยู่กุฎีจีน เรียนวิชาถ่ายรูปกับ บาทหลวงหลุยส์ ลานอดี ชาวฝรั่งเศส และนายทอมสัน ช่างถ่ายรูปชาวอังกฤษ จนตั้งห้างถ่ายรูปได้ ได้เป็นขุนฉายาทิศลักษณะ และหลวงอัคนีนฤมิตร เจ้ากรมแกสหลวง
พระยาสมุทรบุรานุรักษ์ (เนตร) ยืนซ้ายสุด เมื่อครั้งตามเสด็จรัชกาลที่ 5 ไปประเทศอินเดีย พ.ศ. 2414
นักเรียนไทยชุดแรกที่ไปเรียนต่อที่ยุโรป 3 คน
ในปลายรัชกาลนี้เอง (รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ราชการได้เริ่มส่งนักเรียนไทยชุดแรก ไปเรียนต่อที่ยุโรป 3 คน สองคนที่ไปเรียนในอังกฤษ คือ นายโต บุตรเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ กลับมารับราชการในบั้นปลายได้เป็นเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ และนายสุดใจ บุตรเจ้าพระยาภาณุวง์มหาโกษาธิบดี (ท้วม) กลับมารับราชการได้เป็นพระยาราชานุประพันธ์ ส่วนคนที่สามคือ นายบิน บุตรเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ไปเรียนที่ฝรั่งเศส กลับมาได้เป็นหลวงดำรงสุรินทฤทธิ์
เรียนภาษาอังกฤษในสยาม อีก 6 คน
ส่วนในสยาม มีผู้เรียนภาษาอังกฤษกับมิชชันนารี แล้วเข้ารับราชการอีก 6 คน บางคนไปเรียนต่อต่างประเทศ บางคนก็เข้ารับราชการโดยตรง ส่วนใหญ่จะเจริญรุ่งเรืองในราชการอย่างดี
จัดตั้งชั้นเรียนภาษาอังกฤษ ในรัชกาลที่ 5
เมื่อมาถึงรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งชั้นเรียนภาษาอังกฤษ ขึ้นที่โรงทหารมหาดเล็ก จัดครูฝรั่งมาถวายพระอักษรบรรดาพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้านายที่ได้รับราชการเป็นเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 อย่างสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงเล่าเรียนภาษาและวัฒนธรรมอังกฤษแทบทุกพระองค์ จึงทรงเป็นกำลังสำคัญอย่างมากในการพัฒนาบ้านเมือง
คัดเลือกลูกผู้ดีไทยไปเรียนภาษาอังกฤษ
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ยังโปรดเกล้าฯ ให้คัดเลือกลูกผู้ดีไทย รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ประมาณ 20 คน ส่งไปเรียนภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์อีกชุดหนึ่ง สามคนในจำนวนนี้ได้ไปเรียนที่อังกฤษอีกด้วย คือ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์, หม่อมเจ้าเจ๊ก นพวงศ์ ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส และพระยาไชยสุรินทร์ (ม.ร.ว. เทวหนึ่ง ศิริวงศ์) เป็นต้น
คนไทยจำนวนน้อยนิดในรัชกาลที่ 3 และ 4 ที่รู้ภาษาตะวันตกเหล่านี้ เป็นผู้วางรากฐานความสำคัญของภาษาและวิทยาการตะวันตกให้เพิ่มพูนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 จนกลายเป็นความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ขุนนางข้าราชการในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่จะส่งบุตรหลานของตนไปศึกษาต่อ ณ ทวีปยุโรป
การเรียนรู้วิทยาการในประเทศตะวันตก ในสมัยรัชกาลที่ 6 และ 7 ในหมู่นักเรียนไทยนี้เอง มีส่วนกระตุ้นให้เกิดความคิดอ่านที่จะมีส่วนในการปกครองประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตยที่นักเรียนไทยเหล่านั้นไปเห็นมาในหลายประเทศในยุโรป จนกระทั่งนำไปสู่เสรีภาพทางหนังสือพิมพ์ การเรียกร้องสิทธิ์ในการมีส่วนปกครองประเทศ และจบลงด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475
ทูตไทยคนแรกในสหรัฐอเมริกา!
พระยาอรรคราชวราทร (ภัสดา บุรณศิริ)
พระยาอรรคราชวราทร (ภัสดา บุรณศิริ) (23 มกราคม พ.ศ. 2403 – ) เป็นอธิบดีกรมกองตระเวน คนที่ 2 อดีตอัครราชทูตสยามประจำกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และอดีตอัครราชทูตสยามประจำกรุงอังกฤษ
ท่านเป็นสามัญชนชุดแรก ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้ไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ร่วมกับ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธและจ้าวนายชั้นสูงพระองค์อื่นในปี พ.ศ.2425 เมื่อกลับจากประเทศอังกฤษในปี พ.ศ.2432 แล้ว เข้ารับราชการในกรมมหาดเล็ก และเป็นเลขานุการส่วนพระองค์เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ
รับราชการ
พ.ศ. 2415 ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กวิเศษในรัชกาลที่ 5
พ.ศ. 2424 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น นายรองบำรุงราชบทมาลย์
พ.ศ. 2425 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกไปศึกษาวิชา ณ ประเทศอังกฤษ
พ.ศ. 2432 กลับจากประเทศอังกฤษ เข้ารับราชการในกรมมหาดเล็ก และเป็นเลขานุการส่วนพระองค์เสนาบดี กระทรวงการต่างประเทศ
พ.ศ. 2434 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปเป็น ปลัดกรมกองตระเวรฝ่ายกองรักษาในกรมพระนครบาล
พ.ศ. 2435 เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระอนันต์นรารักษ์ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมกองตระเวน แทน หลวงรัฐยาภิบาลบัญชาซึ่งเกษียณอายุ พระอนันต์นรารักษ์อยู่ในตำแหน่งนี้ จนวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2440 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใปเป็นข้าหลวงจัดราชการเมืองสมุทรปราการแลเมืองนครเขื่อนขันธ์ (พระประแดง)ได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาเพชรชฎา
พ.ศ. 2444 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปเป็นอัครราชทูตสยามประจำกรุงวอชิงตัน และ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาอรรคราชวราทร
พ.ศ. 2454 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายจากอัครราชทูตสยามกรุงวอชิงตัน ไปเป็นอัครราชทูตประจำกรุงอังกฤษ และได้รับพระราชทานตรามงกุฎสยามชั้น 2
พ.ศ. 2455 ย้ายจากอัครราชทูตกรุงอังกฤษกลับกรุงเทพฯ แลกราบถวายบังคมลาออกจากราชการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รับพระราชทานเบี้ยบำนาญ
*หน้าตาและประวัติของพระยาอรรคราชวราทร (ภัสดา บุรณศิริ) ซึ่งนามมักสับสนกับพระยาอรรคราชนารถภักดี (เนตร เนตรายน)
ว่ากันว่า ท่านเป็นต้นแบบของคุณหลวงอัครเทพวรากร ของแม่มณีในเรื่อง “ทวิภพ”
เรื่อง The Story of Abou Hassan; or the Sleeper Awakened
ตอน Arabian Nights ของ เซอร์ริชาร์ด เบอร์ตัน หรือที่แปลในชื่อไทยว่า “นิทราชาคริต”
ภาพจาก www.bloggang.com , www.lungkitti.com , Manager
ที่มาข้อมูล พระยาอรรคราชวราทร (ภัสดา บุรณศิริ) , www.vcharkarn.com , ประวัติ พระยาอรรคราชวราทร
บทความแนะนำ
a day at an international school in Thailand | 1วันในโรงเรียนนานาชาติ 🏫
since i enjoyed doing my last school vlog quiet a lot, here’s another one 🙂
instagram : kimswizzled
https://www.instagram.com/kimswizzled/
tiktok : kimisboredd
https://vm.tiktok.com/ZMd1cfWCs/
facebook : kim swizzled
https://www.facebook.com/kim.swizzled
school internationalschool vlogs
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
Ep418🍁One Day In USA | 1 วันในอเมริกาของเด็กนักเรียนไทย ทำอะไร? #VickyM
EP 218.ชีวิตนักเรียนไทยแลกเปลี่ยนมาอเมริกา
Email ผู้ดูแลนักเรียนไทย : [email protected]
IG น้องมานา : https://www.instagram.com/manaxps/
อีกช่องของผม https://www.youtube.com/channel/UChvL2teFdcU5lK4HFB9H5pw
จีโร่ เพจ https://www.facebook.com/MrJiroChanTX/
จีโร่ IG : https://www.instagram.com/jiro_chan_16/
\”ไม่ว่าจะไปดูอู่ ดูรถซิ่ง ดูรถมือสอง ขับรถกินลม หาของกิน รีวิวรถ ดูอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยและเทศในอเมริกา ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในช่องของ MrJiroChan ครับ.\”
Loukgolf’s English Room – เค เลิศสิทธิชัย [EP.133] วันที่ 19 พฤศจิกายน 2560
รายการ Loukgolf’s English Room
เปิดบ้านเรียนภาษาอังกฤษสุดสนุกกกับ ครูลูกกอล์ฟ คณาธิป สุนทรรักษ์
พร้อมสนทนา Speak English โดยเจอกับภาระกิจคำศัพท์และการแต่งประโยคสุดฮากัน
ทุกวันอาทิตย์ เวลา 13.00 14.00 น. ทางช่อง GMM25
Facebook : https://www.facebook.com/lgenglishroom
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของช่อง GMM25 ได้ที่
FB GMM25 | https://www.facebook.com/GMM25Thailand
FB Club Friday The Series| https://www.facebook.com/ClubFridayTheSeriesOfficial
IG GMM25Thailand | https://instagram.com/GMM25Thailand
IG GMM25Drama | https://instagram.com/GMM25drama
IG Club Friday The Series | https://instagram.com/clubfriday_theseries
Twitter | https://twitter.com/GMM25Thailand
YouTube | https://www.youtube.com/GMM25Thailand
Website | http://www.gmm25.com
ปัญหาลอยแพนักเรียนไทยโครงการ Work \u0026Travel ในอเมริกา ตอนที่ 1(VOA Thai)
โครงการ Work \u0026Travel ในอเมริกาที่มีนักศึกษาไทยจำนวนมากยอมเสียเงินนับแสนบาทเพื่อเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวระยะสั้นๆในช่วงปิดภาคเรียนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดน อาจจะไม่ดูราบรื่นเสมอไปเมื่อเกือบทุกปีจะมีนักศึกษาไทยเข้าไปร้องเรียนที่สถานทูตไทยในอเมริกาเพื่อขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ โดยเฉพาะการที่นักศึกษาไทยถูกลอยแพหรือไม่ได้ทำงานตามที่ตกลงไว้เพราะบริษัทนายหน้าบางแห่งที่งทำหน้าที่ประสานงานไม่ทำตามข้อตกลง และล่าสุดก็เกิดขึ้นอีกครั้งกับนักศึกษาไทยกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปทำงานในแถบกรุงวอชิงตัน
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ นักเรียน ไทย ใน อเมริกา