Skip to content
Home » [NEW] ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม | เมืองหลวง ประเทศ อิตาลี – NATAVIGUIDES

[NEW] ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม | เมืองหลวง ประเทศ อิตาลี – NATAVIGUIDES

เมืองหลวง ประเทศ อิตาลี: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

หลังกำแพงขาวสะอาดประดับตราแผ่นดินของอิตาลี กิ่งมะกอกและโอ๊กโอบล้อมดวงดาวในล้อฟันเฟือง เราเข้าสู่พื้นที่ของ Ambasciata d’Italia a Bangkok

สวนเขียวชอุ่ม ตัวบ้านขาวแต้มชมพูระเรื่อจากเฟื่องฟ้าที่ห้อยระย้าจากระเบียงชั้นสอง รถ Maserati สีขาวมันปลาบประจำตำแหน่งจอดนิ่งอยู่หน้าบันไดครึ่งวงกลมสีเขียวหยก เอกอัครราชทูต โลเรนโซ กาลันตี (Lorenzo Galanti) เปิดประตูบ้านออกมาทักทาย สมกับเป็นประเทศแห่งดีไซน์และไมตรี บรรยากาศทำเนียบเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยงดงามเหมาะเจาะไปเสียทุกอย่าง

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม
ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม

ปกติทำเนียบทูตเปิดต้อนรับแขกของสถานทูตเพียงเท่านั้น น้อยครั้งที่จะเปิดให้สาธารณชนเข้าชม แต่เช้าวันนั้นที่ฝนตกพรำ ท่านทูตอนุญาตให้เราเข้าชมพร้อมพาสำรวจตัวบ้านด้วยตัวเอง ทั้งยินดีให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับบ้านและการทำงาน แบบที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน

ก่อนเข้าไปสำรวจตัวบ้าน มาทำความรู้จักประวัติมิตรประเทศจากยุโรปกันเสียหน่อย

Table of Contents

อิตาเลียนเยือนสยาม

ชาวอิตาเลียนคนแรกที่มาเยือนแดนสยามคือ นิโคโล คอนติ (Nicolò Conti) ใน ค.ศ. 1430 พ่อค้าและนักเดินทางชาวเวนิสผู้เดินทางทั่วอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มาเยือนสยามในสมัยอาณาจักรอยุธยากำลังเติบโต คำบอกเล่าของเขาช่วยให้การทำแผนที่โลกฉบับ Fra Mauro แสดงทวีปเอเชียได้ละเอียดแม่นยำกว่าแผนที่อื่นที่เคยปรากฏก่อนหน้า และบันทึกการเดินทางของเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชาวยุโรปยุคกลางได้รู้จักอุษาคเนย์

หลายร้อยปีผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างอิตาลีและสยามงอกงามขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 อิตาลีและสยามลงนามสนธิสัญญาฉบับแรก คือสนธิสัญญาว่าด้วยมิตรภาพ การพาณิชย์ และการเดินเรือ (Treaty of Friendship, Commerce and Navigation) ใน ค.ศ. 1868 ปีรัชสมัยแรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 แห่งอิตาลี (King Vittorio Emanuele II of Italy) ปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรอิตาลี ผู้รวมรัฐต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวและสถาปนาราชอาณาจักรอิตาลีได้สำเร็จ

ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติที่เริ่มก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ อิตาลีได้แต่งตั้งกงสุลอิตาลีประจำประเทศไทย และอิตาลีเป็นประเทศยุโรปแรกที่รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ เยือนเมื่อพระองค์เสด็จประพาสยุโรปทั้ง 2 ครั้ง ต่อมาราชสำนักสยามก็ต้อนรับชาวอิตาเลียนโดยเฉพาะสถาปนิกและศิลปินเข้ามาทำงาน เช่น มาริโอ ตามาญโญ (Mario Tamagno) สถาปนิกผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม สถานีรถไฟกรุงเทพ ตึกไทยคู่ฟ้า ห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ส ฯลฯ กาลิเลโอ คินี (Galileo Chini) ศิลปินเจ้าของผลงานภาพวาดบนเพดานโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม และบุคคลสำคัญที่คนไทยรักใคร่มาก ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร บิดาแห่งวงการศิลปะสมัยใหม่ของประเทศไทย 

บ้านอิตาลี

สาธารณรัฐอิตาลีมีสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยที่กรุงเทพฯ และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์อิตาลีที่เชียงใหม่และภูเก็ต (ส่วนสถานเอกอัครราชทูตและทำเนียบเอกอัครราชทูตไทยประจำอิตาลีอยู่ที่กรุงโรม) 

บ้านหลังเก่าของสถานทูตอิตาลีเดิมอยู่ที่ถนนสาธรเหนือ มีทำเนียบทูตตั้งอยู่เคียงกัน จากนั้นย้ายมาเช่าบ้านอยู่ที่ถนนนางลิ้นจี่ ต่อมาสถานทูตฯ ย้ายออกมาใน ค.ศ. 2011 พื้นที่เดิมกลายเป็นร้านอาหารและบริษัทเอกชน ส่วนสถานทูตย้ายมาอยู่ตึก All Seasons Place ถนนวิทยุ 


ส่วนทำเนียบเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย สถานทูตฯ เช่าบ้านเก่าแสนสวยในรั้วขาว ซอยสีลม 19 ไว้เป็นที่พำนักตัวแทนประเทศ เดิมอาคารหลังนี้เป็นบ้าน เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ (จิตต์ ณ สงขลา) สร้างในที่ดิน 3 ไร่ ที่ท่านได้จากทางคุณตาหรือทางตระกูลวัชราภัย เมื่อ ค.ศ. 1927 (พ.ศ. 2470) เป็นที่ดินยาวๆ ขนานกับซอยสีลม 19 ในที่ดินมีบ้านสามหลัง โดยบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังกลาง 

หนังสือ Treasured Homes of Thailand ระบุว่า บ้านเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์นี้ออกแบบโดยพระนรินทรักษา (ไม่ปรากฏขุนนางในราชทินนามนี้ จึงต้องค้นหาต่อไป) ต่อมาใน ค.ศ. 1929 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ให้ นายจิตรเสน (หมิว) อภัยวงศ์ ออกแบบต่อเติมโถงและเฉลียงออกมา เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาแบน เน้นรูปทรงโค้งครึ่งวงกลม วางแบบอสมมาตร ต่างไปจากส่วนดั้งเดิมที่มีลักษณะแบบคลาสสิกเรียบๆ ตกแต่งภายในด้วยลวดลายบัวไม้ คล้ายๆ ทำเนียบเอกอัครราชทูตเบลเยียมในซอยพิพัฒน์ 

ทำเนียบทูตหลังนี้บรรจุประวัติศาสตร์แห่งยุคสมัยไว้อย่างน่าสนใจ เริ่มจากตัวสถาปนิกชื่อดังแห่งยุค นายจิตรเสน เป็นบุตรเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) ศึกษาที่ École des Beaux-Arts กรุงปารีส เมื่อกลับมาเมืองไทยใน ค.ศ. 1927 ได้ออกแบบอาคารมากมายในกรุงเทพมหานครที่เป็นมรดกของยุคนั้น เช่น สมาคมพาณิชย์จีน ถนนสาทร บ้านพระยามานวราชเสวี (ปลอด ณ สงขลา) สโมสรสีลม วังรื่นฤดี ถนนสุโขทัย และไปรษณีย์กลาง ต่อมาเข้าทำงานที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และออกแบบอาคารถนนราชดำเนินกลางด้วย ปัจจุบันอาคารที่เขาออกแบบหลงเหลืออยู่ไม่มากนัก และบ้านหลังนี้ก็มีลายเซ็นของเขาชัดเจนทีเดียว 

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลมภาพ : อัสสัมชัญอุโฆษสมัย เล่มที่ 28, กันยายน ค.ศ.1920, โรงเรียนอัสสัมชัญ ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลมภาพ : อัสสัมชัญอุโฆษสมัย เล่มที่ 60, กันยายน ค.ศ. 1928, โรงเรียนอัสสัมชัญ 

สำหรับเจ้าของบ้านเดิม เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์เป็นคนสุดท้ายที่ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าพระยา โดยรับราชการสำคัญหลายตำแหน่ง เคยเป็นประธานศาลฎีกา เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีหลายกระทรวง ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานองคมนตรี บ้านหลังนี้จึงเคยต้อนรับแขกสำคัญของประเทศมากมาย 

เมื่อเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ถึงแก่อนิจกรรม บ้านตกเป็นของบุตรชายคนที่ 6 คุณจินดา ณ สงขลา ต่อมาคุณพิมสิริ ณ สงขลา ผู้เป็นภรรยา และบุตรสาว คุณวิภาดา โทณวณิก เป็นผู้ดูแลต่อมา และราว 20 กว่าปีก่อน สถานทูตอิตาลีจึงได้เช่าบ้านหลังนี้สำหรับเป็นทำเนียบทูต 

เล่าประวัติศาสตร์มาพอสมควรแล้ว ตามท่านทูตโลเรนโซ กาลันตี เข้ามาชมทำเนียบกันดีกว่า

ในบ้านเก่า

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม
ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม

เดินลัดสนามแสนเขียวร่มรื่นหน้าบ้าน ซึ่งเคยเป็นลานจัดฉายหนังเทศกาลภาพยนตร์สหภาพยุโรป 2 ปีซ้อน ผ่านศาลพระภูมิสีขาวดีไซน์เก๋ข้างบ้านเข้ามาในตัวทำเนียบ จะพบความโอ่อ่าน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันก็ดูปลอดโปร่งอยู่สบายจากเพดานสูงและกรอบประตูมีช่องลมฉลุ ส่วนต่างๆ ของบ้านทะลุมองถึงกัน ตัวบ้านสภาพดีมากเพราะเจ้าของดูแลปรับปรุงอยู่เสมอ พื้นไม้และสวิตช์ไฟโบราณยังคงใช้งานได้ดี

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม
ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม

  ห้องรับรองเล็กๆ ติดกับโถงบันไดทางหน้าบ้าน เคยกลายเป็นห้องทำงานชั่วคราวของท่านทูตเมื่อต้อง Work From Home ช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนักในปีที่แล้ว 

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม
ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม

พื้นที่รับแขกเป็นห้องโล่งยาว มีมุมโซฟาหลายมุมสำหรับจัดเลี้ยงรับรองแขกได้หลายสิบคน โต๊ะรับแขกทุกโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือหลากหลาย มีทั้งนิตยสาร หนังสือภาพถ่าย ไปจนถึงตำราอาหาร ซึ่งเป็นคอลเลกชันส่วนตัวของท่านทูตผู้เชี่ยวชาญหลายภาษา 

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม

พื้นที่ต่อขยายด้านข้างตัวบ้านคือที่โปรดของท่านทูต เฉลียงพื้นหินอ่อนปูทับด้วยเสื่อสาน ผนังกระจกด้านข้างรับแสงธรรมชาติและวิวสวนอันร่มรื่น ขณะเดียวกันก็เว้าเป็นช่องที่นั่งแสนสบาย ปกติท่านทูตจะเล่นโยคะและรับประทานอาหารเช้าที่นี่ ยามแขกมาเยือน ห้องที่ดูอบอุ่นนี้ใช้รับรองผู้คนและเป็นห้องเลี้ยงอาหารกลางวันได้เช่นกัน

ลึกเข้าไปในด้านหลังตัวบ้านมีห้องอาหารโต๊ะเล็ก เชื่อมกับห้องรับประทานอาหารค่ำขนาดใหญ่ที่ระดับพื้นต่ำกว่าด้านหน้า ตกแต่งโทนสีเข้มที่เต็มไปด้วยศิลปะเอเชีย เป็นทั้งที่จัดเลี้ยงดินเนอร์ และดัดแปลงเป็นห้องแถลงข่าวได้ 

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม
ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม

พื้นที่ชั้นสองและชั้นสามเป็นพื้นที่ส่วนตัวของท่านทูตและครอบครัว มีทั้งห้องนอนเจ้าบ้านและห้องนอนแขก เมื่อวนครบรอบชั้นหนึ่งของบ้านแล้ว ขอเชิญพบไฮไลต์แสนสนุกของทำเนียบทูต ใต้บันไดมีห้องลับสู่ชั้นใต้ดิน ภายนอกมีกรอบหลอกเสมือนหน้าต่างอันแนบเนียน ต้องเปิดบานไม้ออกจึงพบทางเข้าอันลึกลับ สันนิษฐานว่าใช้งานเป็นห้องหลบภัยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม
ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม
ทำเนียบทูตอิตาลี บ้านเก่าแสนสวยอายุเกือบ 100 ปีในสีลม

ปีนบันไดลงไปด้านล่างจะพบประตูลูกกรงเหล็กเก่าแก่กับตู้เซฟโบราณ แต่บรรยากาศไม่น่าหวาดกลัวแต่อย่างใด เพราะทางทำเนียบทาสีห้องเป็นสีขาว ติดเครื่องปรับอากาศอย่างดี ใช้เป็นห้องสำหรับเก็บชีสและไวน์อิตาเลียน กลิ่นอายห้องนี้จึงเหมือนห้องใต้ดินในบ้านยุโรปดีๆ นี่เอง 

รู้จักบ้านเก่ากันเรียบร้อย ขอเชิญเอนหลังนั่งลงที่โซฟานุ่มๆ จิบ Espresso กาแฟดำถ้วยเล็กฉบับอิตาลี แล้วสนทนากับเจ้าบ้าน ท่านทูตโลเรนโซ กาลันตี เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยผู้เคยประจำการที่เซเนกัล ซีเรีย และสหรัฐอเมริกา ก่อนเข้ามารับตำแหน่งดูแลความสัมพันธ์ระหว่างอิตาลีกับเมืองไทย กัมพูชา และลาว ตั้งแต่ ค.ศ. 2018 และพาครอบครัวมาใช้ชีวิตอยู่ใจกลางสีลมตลอดมา

โลเรนโซ กาลันตี (Lorenzo Galanti)

ทำไมสถานทูตอิตาลีจึงเลือกเช่าบ้านหลังนี้เป็นทำเนียบทูต

ผมคิดว่าเหตุผลหลักๆ เพราะทูตคนก่อนๆ ตกหลุมรักบ้านนี้ และย่านนี้ก็เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจตั้งแต่ตอนนั้น อยู่ใกล้บางรักซึ่งมีสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสและโปรตุเกส ตัวบ้านเองก็มีลักษณะแบบไทยผสมอิทธิพลอิตาลี ใช้หินอ่อนอิตาลีปูพื้น เป็นส่วนผสมที่น่าสนใจ 

สิบปีที่แล้วมีทูตคนหนึ่งตัดสินใจย้ายทำเนียบไปที่นนทบุรี แล้วทูตสองคนก่อนหน้าผมก็ย้ายกลับมาที่นี่ เราโชคดีที่ตอนย้ายกลับมาบ้านหลังนี้ว่างพอดี และได้ทำให้ที่นี่เป็น House of Italy

เอกลักษณ์ของ House of Italy เป็นอย่างไร

เอกลักษณ์คือการต้อนรับขับสู้ผู้คน ความเป็นมิตร อาหาร และศิลปะ 

ที่นี่เป็นที่ที่ช่วยเชื่อมผู้คนเข้าด้วยกัน คนชอบมาที่นี่ ภรรยาของผมและผมก็ชอบชวนเพื่อนๆ มาพบปะกัน เราเคยจัดงานหลายแบบ ทั้งสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่นงานเลี้ยงรับรองบริษัทสัญชาติอิตาลีที่มาอยู่ไทย หอการค้าไทย หรือถ้าต้องรับรองบุคคลสำคัญจากทั้งสองประเทศ เช่น เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโรม เราจะจัดงานเลี้ยงที่นี่ งานใหญ่ที่สุดที่เคยจัดที่นี่คืองานเลี้ยงสำหรับคุณสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานคณะที่ปรึกษาบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล มีคนมาร้อยห้าสิบคน 

เราเคยจัดงานแต่งงานให้ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของอิตาลีด้วย เป็นงานที่พิเศษมาก ปกติทำเนียบทูตไม่ใช้จัดงานแบบนี้ เคยจัดแค่สองครั้งเท่านั้น แต่เพราะเขาเป็นคนสำคัญในสถานทูตฯ ของเรา มีแขกเพื่อนๆ ชาวไทยมาเต็มเลยครับ จริงๆ แขกมาจากทั่วโลกเลย เพราะเจ้าสาวไม่ใช่คนไทย ผมก็ยินดีไปกับเขาด้วย 

นอกจากนั้นก็มีงานแถลงข่าว อย่างงาน Italian Film Festival รวมถึงจัดงานวัฒนธรรมอย่างเทศกาลภาพยนตร์ยุโรป น่าเสียดายที่ปีนี้จัดไม่ได้เพราะ COVID-19 แต่เราหวังว่าจะได้จัดงานนี้ต่อไป

ชีวิตในทำเนียบทูตบ้านเก่าย่านสีลมเป็นอย่างไรบ้าง

การมีบ้านแบบนี้เป็นความหรูหราอย่างหนึ่งเลยล่ะครับ เพราะเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ต่างขายที่ดินไปสร้างตึกสูงกันหมด พวกเราโชคดีมากที่ได้อยู่ในบ้านเก่าที่เป็นมรดกสถาปัตยกรรมของเมือง มีทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่จัดเลี้ยง บางทีผมก็คิดว่าถ้าไปอยู่คอนโดฯ หรูในสาทรที่มีวิวเมืองสวยๆ ก็ดีนะ แต่ว่าพวกเรามีความสุขที่อยู่ที่นี่ ซึ่งมีทั้งประวัติศาสตร์และความทรงจำ ผมเคยเจอคนจากรัฐบาลที่บอกว่าเขาเคยอาศัยอยู่ที่นี่ตอนเด็ก แล้วก็ชอบเล่นในสวนด้วย 

คุณชอบส่วนไหนในบ้าน ได้เปลี่ยนอะไรในบ้านไหมตอนมาอยู่ที่นี่

ปกติทำเนียบจะตกแต่งเรียบร้อยอยู่แล้ว ดังนั้นแค่นำเฟอร์นิเจอร์ชิ้นโปรดจากอิตาลีมาตกแต่งก็ทำได้ตามชอบ แล้วพอย้ายตำแหน่งค่อยเอาของเก่ากลับมาวาง ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนัก ยกเว้นชั้นบนเพราะเราอยากใช้เฟอร์นิเจอร์ของเราเอง และมีแค่หนังสือกับนิตยสารที่เป็นของผม 

ผมชอบบ้านที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว มีหลายจุดที่ผมชอบ อย่างห้องนั่งเล่นที่เรานั่งคุยกัน แล้วก็มุมห้องกระจกที่ไว้ทานอาหารเช้า รู้สึกเหมือนได้อยู่กลางแจ้งเพราะมองเห็นต้นไม้สบายตา ชอบเพดานสูงๆ ที่ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง ซึ่งหาไม่ได้จากการอยู่ในตึกสูง เป็นอภิสิทธิ์ของการอยู่ที่นี่ 

โลเรนโซ กาลันตี (Lorenzo Galanti)

ใช้ชีวิตในสีลม ยากไหม

เป็นย่านที่พลุกพล่านและมีชีวิตชีวา เราชอบที่เป็นย่านที่เดินได้ ออกไปเจอห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ส ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารหลายๆ แห่ง การเดินเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเรา เราไม่ชอบนั่งรถตลอดเวลา และการอยู่ในย่านนี้ทำให้เราได้เดิน 

แต่ข้อเสียคือรถติดมากครับ โดยเฉพาะตอนเย็น เวลาจัดงานแขกต้องเผื่อเวลาเดินทางมาก เวลาผมกลับมาบ้านในเวลาเร่งด่วน บางทีต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงบนรถเพื่อจะเดินทางแค่สี่กิโลเมตร ดังนั้นบางทีเวลาไม่อยากขับรถ ผมก็ชอบขึ้นรถไฟฟ้า 

คุณเคยทำงานที่ซีเรีย สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ทำเนียบทูตอื่นๆ เป็นบ้านเก่าเหมือนที่นี่ไหม

แล้วแต่ครับ ทำเนียบทูตที่ปารีส ลอนดอน ลิสบอน เป็นโบราณสถาน ทำเนียบและสถานทูตที่เก่าแก่ที่สุดน่าจะเป็นที่ลิสบอน Palace of the Counts of Pombeiro สร้างในศตวรรษที่ 18 ส่วน Villa Firenze ทำเนียบทูตที่วอชิงตัน ดี.ซี. เป็นบ้านเก่าอายุเกือบร้อยปีที่สวยมากๆ 

ทำเนียบทูตที่อื่นก็ต่างกันไป มีหลายแบบมากครับ แต่ว่าต้องสวยงาม ดีไซน์ดี และสื่อว่าชาวอิตาลีให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และศิลปะวัฒนธรรม บางแห่งก็ออกแบบโดยสถาปนิกอิตาลีอย่างที่โตเกียว 

งานหลักๆ ของเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยคืออะไรบ้าง

งานส่วนใหญ่ของผมคือการสนับสนุนการลงทุนระหว่างประเทศ เช่น รถยนต์ เครื่องจักร เพราะเมืองไทยเป็นที่ตั้งโรงงาน ผมอยากทำให้ความสัมพันธ์ด้านธุรกิจของเราพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าเทคโนโลยีของอิตาลีเข้ามาใช้ในเมืองไทย นี่อาจเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของงานของผม 

รวมไปถึงการสนับสนุนการลงทุนของนักธุรกิจไทยในอิตาลี อย่างกรุ๊ปเซ็นทรัลที่ลงทุนซื้อห้างสรรพสินค้าใหญ่ของอิตาลีและประสบความสำเร็จ ไมเนอร์ที่ลงทุนโรงแรม แล้วก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ทำงานร่วมกัน เรามีหอการค้าไทย-อิตาเลียน ซึ่งมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริษัทไทยและอิตาเลียน 

งานของผมเกี่ยวข้องกับทั้งธุรกิจ วัฒนธรรม แต่สิ่งที่สนใจมากคือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คนมักคิดถึง Food, Furniture และ Fashion เมื่อคิดถึงอิตาลี แต่จริงๆ แล้วประเทศที่มีอุตสาหกรรมใหญ่เป็นอันดับสองในยุโรป รองจากเยอรมนีคืออิตาลี และโรงงานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทั้งสิ้น รถ Mercedes-Benz หรือ BMW ของเยอรมนีก็มีเทคโนโลยีอิตาลีอยู่ และอิตาลีก็ทำงานด้านเทคโนโลยียานอวกาศด้วย 

ผมอยากทำงานกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในเมืองไทยอีกเยอะๆ เพราะเชื่อมั่นในเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ ตอนอยู่อเมริกาได้ทำงานด้านนี้เยอะ เลยเข้าใจความสำคัญว่าผลลัพธ์ของมันเปลี่ยนแปลงโลกได้ 

ความร่วมมือกับเมืองไทยเรื่องไหนที่คุณอยากเล่าให้คนทั่วไปได้ฟัง

เรื่องความยั่งยืนครับ ใน ค.ศ. 2021 อิตาลีจะเป็นเจ้าภาพการประชุม G20 และการประชุม COP 26 (การประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ร่วมกับสหราชอาณาจักร เพราะฉะนั้น สถานทูตก็เลยร่วมมือกับเมืองไทยในหลายๆ ด้านในการสนับสนุนความยั่งยืน เรากำลังทำงานร่วมกับ ESCAP (คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมของเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ) มหาวิทยาลัยมหิดล และ Siam Center 

และเราทำโครงการ Smart Talk Bangkok คล้ายๆ TED Talks จัดนิทรรศการสามวัน มีการแสดงสดจากคณะนักแสดงศิลปะการแสดงอิตาเลียนที่เน้นประเด็นความยั่งยืน โดยร่วมมือกับรัฐบาลไทย หลายบริษัทในอิตาลีและเมืองไทย เพื่อกระตุ้นให้คนตระหนักเรื่องความยั่งยืนและปัญหาโลกร้อนด้วย

โลเรนโซ กาลันตี (Lorenzo Galanti)

โดยปกติ งานเทศกาลที่สถานทูตอิตาลีจัดมีอะไรบ้าง

เทศกาลภาพยนตร์อิตาเลียนช่วงเดือนตุลาคมเป็นเทศกาลแรกของเราใน ค.ศ. 2020 เพราะ COVID-19 ปกติเราจะมีเทศกาลอิตาเลียนหลากหลายทั้งปี เช่น ดนตรีคลาสสิกและดนตรีแจ๊สจากนักดนตรีอิตาลี นิทรรศการศิลปะอย่างที่เราเคยจัดงานคาราวัจโจ งานลีโอนาโด ดาวินชี และมีงานวัฒนธรรม ค.ศ. 2019 ก็มีงานบทสนทนาพหุวัฒนธรรมและทำหนังสือที่เล่าเรื่องราวระหว่างชาวไทยและชาวอิตาเลียน น่าสนใจที่หลายเรื่องเกี่ยวกับอาหาร (ยิ้ม) แล้วก็เรื่องเด็กที่เติบโตมากับหลายวัฒนธรรม 

ตัวผมเองคุณแม่เป็นชาวเยอรมัน และคุณพ่อเป็นคนอิตาเลียน ซึ่งต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผมเองก็เติบโตมากับวัฒนธรรมเยอรมันหลายอย่าง ก็เลยสนใจมุมมองของการผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลาย อย่างไทยกับอิตาเลียน หรือไทยกับประเทศยุโรปอื่นๆ 

ทำไมสถานทูตอิตาลีถึงนิยมจัดกิจกรรมวัฒนธรรมมากมายในเมืองไทย

ตอนที่ผมมาถึง เราเพิ่งฉลองร้อยห้าสิบปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเมืองไทยและอิตาลี ซึ่งตอนเริ่มความสัมพันธ์ อิตาลีเพิ่งรวมประเทศเป็นราชอาณาจักรได้ไม่นาน หลังจากถูกปกครองโดยต่างชาติหรือแยกกันอยู่เป็นกลุ่มๆ หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน เราเพิ่งกลับมามีเอกภาพตอน ค.ศ. 1860 โรมไม่ใช่เมืองหลวง เพราะตอนนั้นโรมปกครองโดยพระสันตะปาปา จนถึง ค.ศ. 1870 เมืองหลวงเก่าของอิตาลีคือตูรินและฟลอเรนซ์ 

การที่รัฐในเวลานั้นเริ่มความสัมพันธ์กับประเทศที่อยู่ไกล เป็นวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลมาก ในช่วงรัชกาลที่ 5 และ 6 ชาวอิตาเลียนหลายคนเดินทางมาทำงานในเมืองไทย โดยเฉพาะสถาปนิกและศิลปินซึ่งได้เข้ามาทำงานศิลปะกับศิลปินไทย บุคคลสำคัญที่สุดคนหนึ่งคืออาจารย์ศิลป์ พีระศรี หนึ่งในผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ทุกวันที่ 15 กันยายนที่เป็นวันเกิดของอาจารย์ ยังมีลูกศิษย์ที่เคยเรียนด้วยมาร่วมงานด้วยอยู่เสมอ

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรามีวัฒนธรรมเป็นตัวเชื่อมโยงหลัก รากของความสัมพันธ์มาจากวัฒนธรรมและผู้คน นักศึกษาและนักวิชาการหลายคนในไทยก็ไปเรียนต่อที่อิตาลี มิตรภาพระหว่างเรามาจากคนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตของกันและกัน และอาหาร ขอโทษที่พูดเรื่องอาหารเยอะนะครับ แต่ผมรู้ว่ามันก็เป็นเรื่องสำคัญในวัฒนธรรมของคนไทยเหมือนกัน 

คนไทยชอบมาเที่ยวอิตาลี หลายคนไปหลายครั้งเพราะชื่นชอบ แต่จำนวนคนอิตาเลียนที่มาเมืองไทยมีมากกว่าเยอะเลยครับ ไวรัสนี้ทำให้คนอิตาเลียนหลายคนที่ชอบมาพักผ่อนที่ไทยครั้งละสองสามเดือนกลับมาไม่ได้ พวกเขาแทบอดทนรอไม่ไหวให้พรมแดนเปิด จะได้กลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง 

สำหรับทูตอย่างผม การที่ประชาชนมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกันมาตลอด ทำให้เราหาทางแก้ไขปัญหาทางการทูตได้ตลอด 

โลเรนโซ กาลันตี (Lorenzo Galanti)

คนอิตาเลียนถูกใจอะไร ถึงชอบมาเที่ยวเมืองไทย

ชอบความเป็นมิตรและการต้อนรับขับสู้ของคนไทย ความสวยงามของประเทศซึ่งไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ แต่ในที่อื่นๆ อย่างเชียงราย ภาคอีสาน และจังหวัดอื่นๆ ก็สวยงามมาก 

ตั้งแต่ยุควิกฤตต้มยำกุ้งที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวใน ค.ศ. 1998 การมาเที่ยวไทยเป็นเรื่องที่คนยุโรปนิยมมากจนเป็นธรรมเนียม ไม่ใช่แค่คนอิตาเลียนนะครับ บางคนก็มาพักนานๆ ทุกปี ซื้อบ้านพักไว้ก็มี ก่อนช่วง COVID-19 ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวอิตาเลียนมาไทยราวๆ 265,000 คน ซึ่งส่วนมากมาอยู่นานๆ หลายคนมาช่วงฤดูหนาว เรามีชาวอิตาเลียนที่พำนักในไทยถาวรราวๆ หกพันคน แต่ปกติมีถึงหนึ่งหมื่นคน ซึ่งก็เยอะอยู่นะครับ ขณะที่กัมพูชามีราวสองพันห้าร้อยคน ที่ลาวประมาณหนึ่งพันคน ซึ่งตอนนี้ก็เหลือประมาณหนึ่งในสามที่ยังอยู่

ตอนที่ COVID-19 ระบาดใหม่ๆ คนอิตาเลียนในไทย กัมพูชา และลาว อยากกลับบ้านหรืออยู่แถวนี้มากกว่า

พวกเขาเปลี่ยนใจกันบ่อยมากเลยครับ (หัวเราะ) ที่กัมพูชาและลาวไม่ค่อยมีคนอิตาเลียนอยู่มากนัก ประเทศเหล่านั้นค่อนข้างเงียบสงบ ตอนแรกหลายคนอยากกลับบ้านเพราะกลัวว่าถ้าโรคระบาดหนักเข้า จะหาทางเข้าถึงการรักษาได้ยาก เราเลยร่วมมือกับหลายประเทศในยุโรปจัดเที่ยวบินพิเศษให้ชาวยุโรปกลับบ้านสามครั้ง 

ส่วนในเมืองไทย การหาเที่ยวบินพาณิชย์กลับอิตาลียังพอเป็นไปได้ หลังจากนั้นทุกคนก็รู้ว่าสถานการณ์ที่นี่ยังควบคุมได้มากกว่า หลายคนเลยตัดสินใจอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตในเมืองไทยอยู่แล้ว ทุกคนอยู่ที่นี่ต่อ นักท่องเที่ยวและคนที่มาชั่วคราวกลับกันไปบ้าง ซึ่งเราขอบคุณรัฐบาลไทยมากที่ขยายเวลาพำนักในประเทศไทย ให้พวกเขาได้มีเวลาตัดสินใจว่าอยู่เมืองไทยหรือกลับอิตาลี ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก 

หลังสถานการณ์ COVID-19 ที่อิตาลีระบาดรอบสอง ทางรัฐบาลรับมือยังไงบ้าง

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การใส่หน้ากากกลายเป็นเรื่องจำเป็นครับ ช่วงพฤศจิกายน ค.ศ. 2020 เราเจอเคสใหม่ๆ ราวสี่หมื่นเคสต่อวัน ที่ตัวเลขดูเยอะเพราะไล่ตรวจโรควันละประมาณหนึ่งแสนคนทุกวัน ปัจจุบัน (มกราคม ค.ศ. 2021) เจอผู้ติดเชื้อใหม่ราวหนึ่งหมื่นห้าพันคนต่อวัน ท้องถิ่นต่างๆ ก็ล็อกดาวน์เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าออก ที่ผ่านมาคนกักตัวอยู่บ้านหลายเดือน เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของประชาชนที่ช่วยได้มาก 

ถ้าจำกันได้ ตั้งแต่ช่วงแรกๆ อิตาลีเจอวิกฤต COVID-19 อย่างหนักหนาสาหัส ส่วนหนึ่งเพราะเรามีประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก มาตรการเลยต้องเข้มงวดมาก และตอนนี้เราก็ตระหนักแล้วว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับโรคระบาดจนกว่าจะมีวัคซีน เพราะเศรษฐกิจต้องเดินหน้าต่อ และเราต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นต้องหาสมดุล ซึ่งก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์สาธารณสุข 

แม้ว่าตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อจะกลับไปสูง แต่ถ้าเทียบกับช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ค.ศ. 2020 ค่าเฉลี่ยอายุต่ำลงมาก อัตราผู้เสียชีวิตก็ต่ำลงมากด้วย โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างๆ ก็รับมือได้ดีขึ้น กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงทั้งผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวก็รู้วิธีดูแลตัวเอง ปู่ย่าตายายต้องหลีกเลี่ยงการเจอหลานๆ ที่ไปโรงเรียนเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง 

ถึงต้องกักตัวอยู่บ้าน แต่ภาพคนอิตาลีออกมาร้องเพลงและเล่นดนตรีตามระเบียงก็น่าประทับใจมาก

ความคิดสร้างสรรค์ของคนอิตาลีเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต่อสู้ความลำบากของการกักตัวอยู่บ้าน การล็อกดาวน์ส่งผลต่อสุขภาพจิตมาก ต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไปโดยสิ้นเชิง คุณแม่และลูกสาวของผมก็กักตัวอยู่ที่อิตาลี ถึงอยู่ที่นี่ผมจะไม่ออกไปไหน แต่มันก็ต่างกัน ผมยังไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่การกักตัวอยู่บ้านโดยรู้ว่าทั้งประเทศก็ต้องกักตัวเหมือนกัน ข้างนอกทุกอย่างเงียบสนิท มันน่ากลัวมากนะครับ 

การรับมือความโดดเดี่ยวทำให้เรารู้ว่าเราคิดถึงคนอื่นๆ มากขนาดไหน การร้องเพลงที่ระเบียงคือความพยายามปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ให้รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ ถึงเราจะติดต่อกันผ่านช่องทางดิจิทัลได้มากเท่าที่เราต้องการ แต่เราต่างคิดถึงสัมผัสของคนต่อคน ซึ่งโซเชียลมีเดียช่วยส่งต่อเรื่องนี้จนไวรัลไปทั่วโลกแบบไม่ได้ตั้งใจ ผมว่าทุกคนคงประทับใจที่ได้เห็น และผลตอบรับก็ดีมาก

วันนี้ (วันที่สัมภาษณ์) เป็นวันสุขภาพจิตโลก ผมอยากย้ำว่า COVID-19 ทำให้สุขภาพจิตของผู้คนย่ำแย่ลง เราควรตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย

โลเรนโซ กาลันตี (Lorenzo Galanti)

คิดว่าอะไรคือสิ่งที่คนไทยและคนอิตาลีมีเหมือนกัน

หลายอย่างเลยครับ เราให้ความสำคัญกับครอบครัว ไม่ใช่แค่พ่อแม่กับลูก แต่รวมถึงครอบครัวขยาย เราชอบความอิสระ ชอบการเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิต ชอบช่วงเวลาดีๆ ชอบทำงานนะ แต่ว่าไม่ได้อยู่เพื่อทำงาน เราทำงานเพื่ออยู่ และขอโทษที่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว (ยิ้ม) เราชอบอาหาร และเราใส่ใจเปิดรับวัฒนธรรมอาหารใหม่ๆ ไม่ได้กินแต่อาหารบ้านตัวเองอย่างเดียว แต่ชอบทดลองกินอาหารอื่นด้วย ครอบครัวผมชอบอาหารไทย ถ้าออกไปกินข้างนอก ไม่ไปร้านอาหารอิตาเลียนก็จะไปร้านอาหารไทย

ร้านอาหารอิตาเลียนในกรุงเทพฯ ไหนที่เป็นร้านโปรดของคุณ

บอกแค่ร้านเดียวไม่ได้ครับ ต่อให้เลือกที่หนึ่งในใจได้ ผมก็จะไม่มีวันบอกคุณ (หัวเราะ) หลายร้านมาร่วมออกงาน Italian Cuisine Week in Thailand ในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี มีร้านอาหารอิตาเลียนในไทยเยอะมาก ผมอาจจะไม่ได้เคยชิมทั้งหมด 

ในเมืองไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีอาหารอิตาเลียนแท้ๆ เยอะเลยครับ วัตถุดิบมาจากอิตาลี สูตรการปรุงก็ตรงตามต้นฉบับ แต่ก็มีอาหารฟิวชันเยอะเหมือนกัน เช่น ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวแทนพาสต้า ใช้วัตถุดิบไทยแทนวัตถุดิบเดิม ซึ่งสนุกสนานดีครับ แต่ในฐานะทูต เรื่องสำคัญสำหรับผมคือเวลาคุณไปจ่ายตลาด คุณควรรู้ว่าของที่คุณซื้อเป็นของอิตาเลียนแท้ๆ หรือว่าไม่ใช่ เพราะมีของเลียนแบบเยอะ บางทีบนห่อมีธงอิตาลีแต่ว่าข้างในมาจากที่อื่น อันนั้นผมรับไม่ได้ ผู้บริโภคต้องรู้ว่าของที่เขาซื้อเป็นของอิตาเลียนแท้รึเปล่า มันอาจราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่นนิดหน่อย แต่มันเป็นของแท้แน่ๆ ไม่ว่าคุณจะชอบของทดลองหรือของดั้งเดิมก็ควรรู้ที่มา

นอกจากแบ่งปันเรื่องงาน พอเล่าให้ฟังได้ไหมว่าวันหยุดของคุณเป็นอย่างไร

ผมชอบท่องเที่ยว เมืองไทยสวยมากครับ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ผมชอบขับรถออกไปนอกเมือง ที่ที่ชอบมากๆ คือเกาะเกร็ด นนทบุรี มีคาเฟ่น่ารัก ปั่นจักรยานได้ แล้วก็มองเห็นแม่น้ำได้ตลอด

ช่วง COVID-19 นี้โรงแรม ร้านอาหาร และที่สวยๆ มากมายที่ปกติคนเยอะก็ว่างให้ไปเที่ยว ผมไม่ได้กลับไปอิตาลีเพราะการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ค.ศ. 2020 เลยเดินทางเที่ยวในประเทศไทย ที่นี่มีทิวทัศน์หลากหลายแบบน่าสนใจ ผมชอบเขาใหญ่ ชอบอุทยานและพื้นที่รอบๆ และจะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอน 

มีที่หนึ่งชื่อ Toscana Valley เขาใหญ่ ตอนแรกผมคิดว่าจะดูปลอมนะ แต่ไปแล้วประทับใจมาก สร้างได้ถูกต้อง ไปแล้วรู้สึกเหมือนได้กลับไปทัสคานี ซึ่งเป็นแคว้นที่ผมจากมา ช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาเลยรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านแป๊บหนึ่ง 

ผมกับลูกชายไปเดินป่าที่เขาใหญ่ เราได้เรียนรู้จากเจ้าหน้าที่ที่นั่นว่าพืชกินได้ที่นั่นมีมหาศาลมาก มีทั้งวัตถุดิบอาหารไทยและสมุนไพรไทยซึ่งกลายเป็นสินค้าหลายอย่างมาก ประทับใจวัฒนธรรมการใช้พืชดูแลสุขภาพ ซึ่งคล้ายๆ คนอิตาลีที่มีวัฒนธรรมอาหารเพื่อสุขภาพ 

ผมคิดว่าประวัติศาสตร์ของพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่มีแม่น้ำใหญ่ทำให้เกษตรกรรมที่นี่ดี และทำให้พืชกลายเป็นส่วนประกอบหนึ่งของวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชอบมาก แล้วผมก็ชอบกาญจนบุรี อยากขับรถไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณอีก สวยมาก มีภูเขาเขียวรอบๆ ถึงอากาศร้อนก็ชอบ แล้วก็ชอบเกาะต่างๆ กระบี่ ผมเพิ่งกลับจากสมุย ที่นั่นก็ดีมาก 

ผมชอบธรรมชาติ ต้องการธรรมชาติ ผมชอบอยู่กรุงเทพฯ นะ แต่ก็ต้องออกไปอยู่ในพื้นที่สีเขียว ในชนบทที่มีต้นไม้เยอะๆ เพื่อหายใจและฟื้นฟูตัวเอง เหมือนอยู่ที่อิตาลี ผมชอบโรม แต่ก็ต้องหาเวลาไปเมืองอื่นที่มีธรรมชาติ 

คำถามสุดท้าย ถ้าสอนภาษาไทยให้คนอิตาเลียนได้หนึ่งคำ คุณจะสอนคำว่าอะไร

(เงียบคิดนาน) คำเดียวเองเหรอ ท้าทายมาก ผมน่าจะสอนคำว่า ขอบคุณครับ (Grazie) ขอบคุณสำหรับน้ำใจและมิตรภาพของคนไทยที่เราซาบซึ้งมาก ช่วง COVID-19 แต่ละประเทศไม่ได้แค่ปิดพรมแดน แต่ปิดความสัมพันธ์ระหว่างกันเพราะความกลัวด้วย ผมคิดว่าเราไม่ควรลืมมิตรภาพระหว่างกัน มีคนอิตาเลียนมากมายที่อยากกลับมาเมืองไทย และคนไทยอีกหลายคนที่อยากไปอิตาลี ผมขอบคุณความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กัน 

โลเรนโซ กาลันตี (Lorenzo Galanti)

ขอบคุณข้อมูลจาก 

ผศ. ดร. พีรศรี โพวาทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม 

www.thaiembassy.it/index.php/

www.eliteplusmagazine.com/ 

en.wikipedia.org/wiki/Victor_Emmanuel_II_of_Italy 

[Update] เที่ยวอิตาลี ชมเมืองเก่าแสนคลาสสิก เต็มอิ่มทุกการไปเยือน | เมืองหลวง ประเทศ อิตาลี – NATAVIGUIDES

เที่ยวอิตาลี เมืองท่องเที่ยวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เมืองที่คุณจะได้สัมผัสความสวยงามของสถาปัตยกรรมแสนคลาสสิก ธรรมชาติที่สวยงาม และผู้คนที่มีชีวิตชีวาอย่างน่าหลงใหล

         

++++++++++++++++++

         

Ciao รีวิวทัวร์ดม เยี่ยมชมเมืองต่าง ๆ ในอิตาลี

          สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวอิตาลีกับกรุ๊ปทัวร์มาฝากกันค่ะ นี่เป็นการไปเที่ยวกับทัวร์ครั้งแรกของเราเลย แอบหวั่น ๆ ได้ยินแต่คนบอกว่ามันคือทัวร์ชะโงก ไม่ได้เจาะลึกหรอก เสียเที่ยวเปล่า ๆ แต่เราก็ยังเลือกจะไปทัวร์เพราะเราไปกับพ่อแม่ ท่านเดินหลงกับเราไม่ไหวแน่ถ้าไปเอง เลยลองดูสักตั้งค่ะ เราขอไม่บอกรายละเอียดว่าทัวร์ไหนยังไงนะคะ เดี๋ยวจะเข้าข่ายโฆษณา ติดตามกันดูนะคะ ว่ามันจะชะโงกกันขนาดไหน

เที่ยวอิตาลี

          https://www.facebook.com/theworldasiseeitbyjung

          มาที่เมืองแรกกันเลยค่ะ “เวนิส”

เที่ยวอิตาลี

          มาถึงตอนบ่าย 2 นะคะ ที่สนามบินเวนิส พื้นสวยมากเลยค่ะ งานวาดคือดีงาม เราก็นั่งเรือต่อมาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อไปยังเกาะเวนิส เขาให้เวลาเดินอิสระประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็คิดว่าน่าจะพอไหวนะ ปรากฏว่าเวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดินเล่นยังไม่ทั่วเลย เรือกอนโดลาก็ไม่ได้นั่งค่ะ เพราะกลัวไม่ทัน เลยเก็บบรรยากาศมาฝากกันได้แค่นี้นะคะ ก็ยังพอไหวนะ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เวนิส หรือเวเนเซีย แห่งแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          Bridge of Sighs เป็นสะพานเก่าแก่ที่เชื่อมต่อระหว่างวังดูคาเลกับคุกเก่า เป็นเส้นทางลำเลียงนักโทษเข้าสู่ตัวคุก สร้างมาจากหินปูนสีขาว มีช่องหน้าต่างให้มองออกมาได้ เพื่อให้นักโทษได้ชมความสวยงามของท้องฟ้าและทะเลแห่งเวนิสเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          ร้อนมาก ขอกินไอศกรีมแป๊บนะคะ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco) นโปเลียน เคยกล่าวไว้ว่า จัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป”

          มองไปด้านข้างเราจะพบกับร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดมากว่า 300 ปีแล้ว ร้าน Caffè Florian ส่วนเราไม่ได้เข้าไปนั่งชิลเลยค่ะ แบบมันรีบ เวลาน้อยจริง ๆ

เที่ยวอิตาลี

          บรรยากาศรอบ ๆ เมือง เราถ่ายในขณะที่เราตามหาร้านหนังสือ Libreria Acqua Alta

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          หลงไปรอบหนึ่งกว่าจะเจอ ดีที่เจอคนฟิลิปปินส์ที่ทำงานที่เวนิสเขาช่วยบอกทางให้ค่ะ หายากมาก ตึกมันเป็นซอกหลืบไปหมดเลย … เจอแล้วววววววว ดีใจมาก

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          แล้วตกเย็นทัวร์ก็พาไปชิมสปาเกตตีหมึกดำที่เวนิสกันค่ะ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          จบเมืองเวนิสอย่างสวยงาม

เที่ยวอิตาลี

          วันต่อมาไปดมวิหาร Duomo di Milano กันค่ะ ไกด์เขาจองตั๋วออนไลน์ให้พวกเราได้เข้าชมวิหารโดยที่ไม่ต้องรอคิวนานค่ะ แถวเข้าโบสถ์ยาวมาก

          Duomo di Milano ที่เมืองนี้สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน มหาวิหารแห่งนี้ใช้เวลาสร้างกว่า 400 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ด้านนอกเป็นยอดแหลม ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์และเพิ่มความอลังการกว่า 135 ยอด จึงมีชื่อเล่นว่า “มหาวิหารเม่น” มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่าง ๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูปเลยค่ะ ด้านหน้าจะมีรูปปั้นผลงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี อยู่ด้วยนะคะ

          มิลาน (อังกฤษ : Milan) หรือมีลาโน (อิตาลี: Milano) เป็นเมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดียและเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเคลต์ คำว่า “Mid-lan” ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ เมืองมิลานมีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และโรม คือเราเดินไปมารอบ ๆ เมืองเราจะเห็นเลยว่าคนที่นี่แต่งตัวดีมาก เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า สูทนี่เป๊ะปังมากเลยค่ะ บุคลิกแต่ละคนเดินไป-มายังกับนายแบบนางแบบ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เห็นรอยแหว่งตรงมือของนางฟ้าตรงมุมล่างซ้ายไหมคะ นั่นคือรอยสะเก็ดระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

เที่ยวอิตาลี

          ดีอย่างหนึ่งคือไกด์เค้าจะคอยเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองต่าง ๆ ให้เราฟังไปด้วย ตอนเรานั่งในรถทัวร์ค่ะ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          ติดกันกับ Duomo di Milano คือห้าง The Galleria Vittorio Emanuele II ตั้งตามชื่อกษัตริย์องค์แรกของอิตาลี ถือเป็นห้างที่เก่าแก่ที่สุดในโลกห้างหนึ่งเลยนะคะ เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 หรือร้อยกว่าปีมาแล้ว ในห้างก็เต็มไปด้วยแบรนด์เนมต่าง ๆ

          ครึ่งวันเช้านี้เราไปชมหอเอนเมือง Pisa กันค่ะ

          หอเอนเมืองปิซา (Tower of Pisa) ตั้งอยู่ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก และยังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย ปัจจุบันนี้หอเอนเมืองปิซาลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้ แต่เราว่ารัฐบาลอิตาลีต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้หอเอนพังลงมาแน่นอน

          กาลิเลโอ กาลิเลอี เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูก ที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่าลูกบอล 2 ลูก จะตกถึงพื้นพร้อมกัน

เที่ยวอิตาลี

          เราต้องนั่งรถไฟแบบโบราณเข้าไปชมหอเอนนะคะ เพราะรัฐบาลไม่ให้รถนักท่องเที่ยวคันใหญ่ ๆ เข้าไปวิ่งในบริเวณใกล้หอเอนแล้ว เพราะจะมีผลทำให้หอเอนทรุดลงไปอีกได้ ระหว่างที่เรารอรถไฟจะมีคนมาขายร่มลายสถานที่ท่องเที่ยวให้เราค่ะ แม่เราจัดไป 2 คัน 55

          ระหว่างทางเดินไปหอเอนมีการแสดงพี่อินเดียด้วยนะจ๊ะนายจ๋า มาไงเนี่ย #แบบนี้ก็ได้เหรอ

เที่ยวอิตาลี

          เข้าไปกันเลย

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          รูป streetart ด้านบนที่เป็นรูปเลโอนาร์โด ดา วินชี ดำน้ำอยู่เป็นผลงานของ Blub เราชอบมากเลย น่ารักดี ไม่ถึงกับเลอะเทอะผนังเกินไป เราจะไปเจออีกเยอะ ๆ ที่เมือง Florence ค่ะ เต็มเมืองเลยมีแทบทุกมุม
         
          ตอนบ่ายเรามาเที่ยวกันต่อที่ Florence ค่ะ

          ฟลอเรนซ์ (Florence) หรือฟีเรนเซ (Firenze ในภาษาอิตาลี) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน ในยุคกลางฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางทางการค้าและทางการเงิน เมื่อปี พ.ศ. 2525 ใจกลางเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของเรเนสซองส์ ที่ได้เติบโตขึ้นภายใต้อิทธิพลทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ใต้การปกครองของตระกูลเมดิชี (Medici) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-16 รวมไปถึงกิจกรรมทางศิลปะต่าง ๆ ที่ดำเนินไปในช่วง 600 ปี เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากสถานที่ท่องเที่ยว โบราณสถาน และอื่น ๆ ในเขตเมืองเก่าฟลอเรนซ์ . ..

          ฟลอเรนซ์ สำหรับเราเป็นเมืองที่น่าสนใจมากเพราะเราชอบชื่อ ชื่อมันเก๋ดีอะ…ฟลอเรนซ์ แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ นอกจากนี้เรายังชื่นชอบ ชื่นชม และอยากรู้จักเมืองนี้มาก ๆ เพราะเป็นบ้านเกิดของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือ “บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย” ศาสตราจารย์ศิลป์ เป็นประติมากรชาวอิตาเลียน ชื่ออิตาเลียนของท่านคือ Corrado Feroci อ.ศิลป์ ได้เข้ามารับราชการในประเทศไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) และได้สร้างผลงานทางศิลปะต่าง ๆ ไว้มากมายให้แก่ประเทศของเรา เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฯลฯ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรอีกด้วย

         เราไปยังที่แรกกันเลยค่ะ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral) หรืออาสนวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Basilica di Santa Maria del Fiore) สร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เราเดินผ่านมาเจองานแสดงของ Klimt พอดีเลยแวะเข้าไปดูซะหน่อย พยายามจะอาร์ต

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เข้ามานั่งปุ๊บ ดูไปดูมาเหมือนตัวเองลอยขึ้นเรื่อย ๆ เรานั่งอยู่กับแม่ แม่บอกเวียนหัว เรากับแม่เลยรีบออกมา คือมันจะมีจอซ้ายขวาเป็นภาพเคลื่อนไหวลอยขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเราลอยไปด้วย ดูนิทรรศการภาพของ Klimt ไปด้วย ประชากรชาวไทยแบบเรากับแม่ที่ไม่คุ้นเคยกับนิทรรศการแบบนี้วิ่งออกมาแทบไม่ทัน ก่อนจะอ้วกในห้อง มึนหัวมากเลยค่า T-T

          รอบ ๆ เมืองฟลอเรนซ์จะมีงาน Streetart น่ารัก ๆ อยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ น่ารักดีอะ มันไม่เลอะเทอะเกินไป มันกำลังพอดี น่ารัก ๆ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          ดูงานเพิ่มเติมใน IG ของศิลปินท่านนี้ Blubuomo ได้ที่

          มาถึงจัตุรัสกลางเมือง เราก็จะพบกับรูปปั้นเต็มไปหมดเลยค่ะ

          รูปปั้นเดวิดจำลอง

เที่ยวอิตาลี

          รูปปั้น Perseus สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1554 โดย Cellini เป็นรูปปั้นของเทพเจ้า Perseus เอาชนะศัตรูด้วยการตัดหัวของนาง Medusa เหมือนว่าสมัยนั้นทหารโรมเข้ามาฆ่าผู้คน เอาผู้หญิงไปข่มขืน ศิลปินคงต้องการให้เห็นความโหดของทหารโรม

เที่ยวอิตาลี

          The Rape of Sabine Woman ของ Giambologna เป็นรูปปั้นของเทวดาไล่ตามจับนางฟ้า เขาว่ากันว่ารูปปั้นนี้ศิลปินพยายามอ้างถึงเหตุการณ์สำคัญในตำนาน ที่เหล่าทหารได้รับอนุญาตจากพระราชาให้ไปฉุดสาว ๆ มาสร้างกรุงโรมให้สมบูรณ์ เนื่องจากกรุงโรมในยุคที่สร้างขึ้นใหม่เอี่ยม ยิ่งใหญ่ แต่ขาดแคลนหญิงสาว และผู้ที่จะเป็นมารดาของบุตรธิดาในอนาคต รูปปั้นนี้มีชื่อเสียงอีกด้านหนึ่งคือความสมจริงในงานปั้น เพราะเมื่อมองไปด้านหลังจะเห็นรอยบุ๋มของก้นผู้หญิงเลยจากการจับของผู้ชาย เราไปมองมาเหมือนกันค่ะ บุ๋มเลยจริง ๆ ปั้นเก่งมาก แต่ถ่ายมาไม่ทันเพราะมันย้อนแสง ดูด้านหน้าแทนแล้วกันนะคะ

เที่ยวอิตาลี

          เดินไปรอบ ๆ เมืองที่น่ารักแห่งนี้

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เดินมาเรื่อย ๆ เราจะพบกับสะพานปอนเต เวชชิโอ (Ponte Vecchio) สะพานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสัญจรข้ามแม่น้ำอาร์โน โดยบนสะพานนั้นเป็นที่ตั้งของอาคารร้านค้า ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายงานศิลปะ อัญมณี และของที่ระลึกจำนวนมาก

เที่ยวอิตาลีเที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เดินจนเมื่อยขาแล้วขอกินไอศกรีมอันเลื่องชื่อของอิตาลีสักหน่อยค่ะ รสไหนดีน้า

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          อร่อยมากกกกกกที่สุดเท่าที่เคยกินไอศกรีมมาเลยค่ะ ร้าน Caffe Firenze !!

          ลืมบอกไป เราเดินผ่านมหาลัยของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ด้วยค่ะ แต่นี่ถ่ายรูปของมหาลัยที่ติดกันมา สวยดี

เที่ยวอิตาลี

          บริเวณนี้คือแถว ๆ มหาวิทยาลัยของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ซึ่งเป็นชาวเมืองฟลอเรนซ์โดยกำเนิด แต่ได้เข้ามารับราชการในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 6 และได้สร้างผลงานทางศิลปะต่าง ๆ ไว้มากมาย ที่รู้จักกันอย่างเช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฯลฯ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นอาจารย์สอนวิชาศิลปะที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ต่อมาในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปะว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งสาขาหนึ่งของชาติ จึงได้มีคำสั่งให้ อธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้นคือพระยาอนุมานราชธน ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรและตราพระราชบัญญัติ ยกฐานะโรงเรียนศิลปากรขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร

          ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังเป็นอาจารย์ของศิลปินไทยชื่อดังอย่าง อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี อีกด้วย ท่านทรงคุณูปการต่อวงการศิลปะไทยอย่างยิ่งยวดเลยนะคะ จึงได้รับการขนานนามให้เป็น บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย

          วันถัดมาเราไปเยี่ยมชมเมืองซานจีมิญญาโนกันค่ะ
         
          San Gimignano เป็นเมืองเล็ก ๆ บนเนินเขา ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ซานจีมิญญาโนเป็นเมืองที่ยังรักษาลักษณะเมืองในยุคกลางไว้อย่างพร้อมมูล โดยเฉพาะหอคอยซึ่งจะมองเห็นได้แต่ไกล ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินสูงล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง ตามลักษณะที่ยังพบในหลายเมืองและหมู่บ้านในบริเวณแคว้นทัสคานี เมืองซานจีมิญญาโนได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก World heritage site เมื่อปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) ในเรื่องของความปราดเปรื่องของมนุษย์ในด้านการก่อสร้าง สถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนบนพื้นที่เนินเขาชันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

          ส่วนตัวเราชอบเมืองนี้มากเลยระหว่างเดินไป-มาเราถูกล้อมไปด้วยตึกเก่า ๆ มีความหลงยุคเบา ๆ หลุดไปอีกบรรยากาศหนึ่งเลยค่ะ

เที่ยวอิตาลี

          ประตูทางเข้าของเมืองโค้งสวยมากเลยค่ะ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          กินไอศกรีมอีกละ แฮ่ ๆ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          แล้วเราก็มาต่อกันที่เมือง Siena เป็นอีกเมืองที่เราชอบมาก น่ารักกกกกก

          เซียนา เป็นเมืองที่เราชอบมาก ๆ อีกเมืองหนึ่งในทริปนี้ คือมันน่ารักดีอะ เดินเล่นตามซอกหลืบต่าง ๆ ของเมือง อีกอย่างที่เราชอบคือสถาปัตยกรรม ภายในโบสถ์ประจำเมืองที่เป็นลายขวางขาว-ดำ คือมันเป็นลายอมตะและทันสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีอะไรบรรยายเยอะนะคะ มาเดินเล่นไปในเมืองนี้ด้วยกันค่ะ

          เมืองเซียนาเป็นเมืองยุคกลางที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกเมืองของประเทศอิตาลี เมืองที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองเก่าของเมืองเซียนาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ เมืองเซียนายังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1995

เที่ยวอิตาลี

          มาจุดแรกกันเลยค่ะ เปียซซา เดล คัมโป (Piazza del Campo) พื้นที่จัตุรัสหลักที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองเซียนา ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสยุคกลางที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          ต่อมาไปกันที่ Duomo di Siena

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          มาดูบรรยากาศรอบ ๆ เมืองกันค่ะ น่ารักมากกกกกก เราชอบบบบบบบสุด ๆ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          ปิดท้ายทริปนี้กันที่โรมและนครวาติกันนะคะ

          ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม เคยได้ยินคำนี้กันไหมคะ คำนี้มีที่มาจากในสมัยยุคอาณาจักรโรมันรุ่งเรือง เมืองเล็กเมืองน้อยต่าง ๆ ต้องเข้ามาติดต่อกิจการงานทั้งหลายที่กรุงโรม ดังนั้นไม่ว่าเมืองเล็กเมืองน้อยจากทุกสารทิศ เลยต้องมีถนนเชื่อมเข้ามาสู่กรุงโรม หรืออีกนัยหนึ่ง “All roads lead to Rome” หมายถึงการทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งมีหลายวิธีที่จะช่วยให้ไปถึงจุดมุ่งหมายเดียวกัน เราว่าโรมเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เมืองหนึ่งเลยนะ มีเอกลักษณ์และก็รักษามันไว้ได้เป็นอย่างดี มีพิพิธภัณฑ์ซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมด ตามท้องถนน มุมถนนก็จะมีรูปปั้นสวย ๆ อยู่เต็มไปหมดเลย

          Rome เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ นอกจากนี้โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย

เที่ยวอิตาลี

          มาที่แรกกันเลยค่ะ โคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และยังเป็นต้นแบบอัฒจันทร์ของสนามกีฬาทั้งหลายในยุคปัจจุบัน ทัวร์เรามีเวลาจำกัดนะคะ เราไม่ได้เข้าไปดูข้างในเลย เราเลือกที่จะเดินเข้าไปในเมือง มีบางท่านที่เลือกเข้าโคลอสเซียมก็จะไม่ได้เดินเข้าไปชมข้างในค่ะ ได้ดูแค่นี้

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          โคลอสเซียม เป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทราย สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาด โดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และยังมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตกอีกด้วยนะคะ

          เหมือนที่เราเคยเห็นในหนังเรื่อง Gladiator ส่วนใหญ่คนที่มาสู้รบโชว์ที่โคลอสเซียมจะเป็นทาสและเชลยสงครามโทษประหารชีวิต จักรพรรดิจะนำมาต่อสู้กันเอง เพื่อความสนุกสนาน สู้จนเหลือนักสู้ยอดฝีมือเพียงคนเดียว เพื่อแลกกับอิสรภาพกลับ คือสู้ตายอะค่ะ ไม่สู้ก็ตายอยู่ดี ทางเดียวคือสู้เพื่อเอาชีวิตรอด บางทีเขาก็จะให้สู้กับสัตว์ที่ดุร้ายบ้าง คนสมัยโบราณเขาไม่มีทีวีดูเพื่อความเพลิดเพลินเหมือนเรา ดูแบบนี้เขาคงเร้าใจกันน่าดู !!

          เดินถัดมาจากโคลอสเซียมไม่ไกลเราจะเจอกับ Roman Forum บริเวณนี้เป็นบริเวณศูนย์กลางของการวิวัฒนาการของวัฒนธรรมโรมันในอดีต

          ในสมัยที่โรมันเรืองอำนาจที่นี่คือศูนย์กลางด้านธุรกิจการค้า ศาสนา และการเมือง คนโรมันชอบนั่งสนทนาปัญหาบ้านเมืองกันที่นี่ คำว่า Forum จึงเป็นรากฐานของคำภาษาอังกฤษที่แปลว่าการประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็นกันนั่นเองค่ะ

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เดินต่ออีกนิดหน่อยเราก็จะพบกับอนุสาวรีย์พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเล ที่ 2 แห่งอิตาลี เป็นพระมหากษัตริย์อิตาลีพระองค์แรก หลังจากสามารถรวบรวมรัฐต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวและสถาปนาราชอาณาจักรอิตาลีได้สำเร็จ

เที่ยวอิตาลี

          มีรถม้าให้บริการพาชมรอบเมืองด้วยนะคะ ที่เห็นด้านหลังโบสถ์สวย ๆ นี่คือ Santa Maria di Loreto ที่สร้างมาตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 16

เที่ยวอิตาลี

          สถานีต่อไปบันไดสเปน หรือ The Spanish Steps ที่มาของชื่อบันไดสเปนคือเมื่อก่อนสถานทูตประเทศสเปนเคยอยู่แถวนี้ค่ะ บันไดสเปนดังขึ้นมามาก ๆ เพราะหนังเรื่อง Roman Holidays หรือโรมันรำลึก ของ Audrey Hepburn นี่เองค่ะ (ดูเพิ่มเติมได้ที่

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          คือจริง ๆ มันก็แค่บันไดกว้าง ๆ ให้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจนะคะ ด้านหน้าบันไดคือแหล่งช้อปปิ้งของแบรนด์เนมทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง

          ในปี ค.ศ. 1986 McDonalds สาขาแรกในอิตาลีมาเปิดใกล้ ๆ กับบันไดสเปนนี้ค่ะ แต่มีการประท้วงต่อต้าน Fast Food ที่นี่ ทำให้เกิด Carlo Petrini ซึ่งเป็นนักชิมตัวยงและเป็นนักเคลื่อนไหวด้านอาหาร (Food activist) ก่อตั้ง International Slow Food Movement ใน 3 ปีต่อมา ลองคิดตามว่ามี McDonals ข้าง ๆ  บันไดสเปนจริง ๆ ความคลาสสิกมันหายไปเลยจริง ๆ นะ คนอิตาลีเขาอนุรักษ์วิถีของเขาได้เยี่ยมไปเลยนะคะ

          ระหว่างรอคณะทัวร์คนอื่น ๆ เราก็เหลือบไปด้านหลังตรงจุดนัดพบ เจอกับพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เราเลยแวบเข้าไปดูเพื่อไม่ให้เสียเวลา โดยที่ไม่รู้เลยว่าคือพิพิธภัณฑ์อะไร ตามมาดูกันค่ะ ระหว่างทางขึ้นจะมีรูปเก่า ๆ แปะอยู่ที่ฝาผนังโดยรอบ พอเข้าไปด้านในเราเจอห้องสมุดแบบโบราณที่เต็มไปด้วยหนังสือ หูย สวยคลาสสิกมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งพิพิธภัณฑ์มีเราคนเดียวเลย

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          ทางเข้ามีแต่ประตูเก่า ๆ บานเดียว ยาวลึกลงไป ขึ้นบันไดวนไปตรงชั้น 2 จะเจอที่ขายตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และร้านขายหนังสือ ขายของที่ระลึก เราก็ซื้อตั๋วเข้าไปชมค่ะ 5 ยูโร

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          แล้วเราก็เดินเข้าไปด้านใน พบกับห้องนอนเล็ก ๆ ผนังสีน้ำเงินตุ่น ๆ อยู่ตรงมุมขวา มีเตียงและเฟอร์นิเจอร์วางไว้เหมือนว่ายังมีคนอาศัยอยู่ เราเดินดูห้องรอบ ๆ มีจดหมายเก่า ๆ อยู่รอบไปหมด

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          พอเราจะออกจากห้อง เจอป้ายเขียนว่า “John Keats เสียชีวิตในห้องนี้ เมื่อปี 1821” ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที !!!!!! จะเจออะไรไหมเนี่ย มาคนเดียวจ้า ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้จักอยู่ดีว่า John Keats คือใคร

          พอเดินดูรอบ ๆ เสร็จเราก็เลยแวะกลับไปที่ร้านขายของที่ระลึก มีหนังสือบทกวีที่เป็นผลงานของ John Keats และหนังสืออื่น ๆ โปสการ์ดและของที่ระลึกมากมายวางขาย เราก็เจอกับแผ่นคำกลอน ที่เป็นผลงานของ John Keats สะดุดมากกับคำประโยคนี้ของเขา “Love is my religion, I could die for it. John Keats” สมัยก่อนโน้นเขานับถือพระเจ้ากัน พี่แกเน้นความรักเลยจ้า ประโยคนี้เป็นประโยคในจดหมายที่ John Keats เขียนถึง Fanny Brawne คู่หมั้นของเขา ในปี 1819 หรือ 200 กว่าปีมาแล้ว หูย…โรแมนติกไปอีก

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          จริง ๆ แล้ว John Keats เป็นคนอังกฤษแต่ต้องมาอาศัยอยู่ที่โรมเพราะป่วยเป็นวัณโรค แล้วหมอแนะนำให้มาอาศัยอยู่ในที่อากาศร้อนหน่อยจะดีกว่า แต่ในที่สุดเขาก็ไม่หายและเสียชีวิตอยู่ในห้องนอนในวัยเพียง 23 ปี ที่กลายมาเป็นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั่นเองค่ะ

          ใครผ่านมาแถวบันไดสเปนอยากชวนให้ลองแวะไปที่พิพิธภัณฑ์นี้สักหน่อยนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ อยู่ตึกฝั่งทางขวาของบันไดสเปน

          มาต่อกันที่ น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุแบบบารอคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม มีตำนานว่าเจ้าหน้าที่โรมันพบแหล่งน้ำสะอาดราว 13 กิโลเมตรจากตัวเมือง ในช่วงสงครามที่บ้านเมืองกำลังขาดแคลนน้ำสะอาด โดยความช่วยเหลือของหญิงสาว (ภาพนี้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของน้ำพุปัจจุบัน)

เที่ยวอิตาลี

          เขาว่ากันว่าหันหลังแล้วโยนเหรียญลงไปในน้ำตกนี้เพื่อให้ได้กลับมาที่โรมอีกครั้ง แต่เราไม่ได้โยนนะคะ อยากมาก็มา เก็บตังค์มา 555

          กินไอศกรีมทุกวัน พูดเลย !

เที่ยวอิตาลี

          เราสังเกตว่าไปในทุกเมืองของอิตาลีจะมีตุ๊กตาพินอคคิโอ (Pinocchio) อยู่ตลอด ๆ เลยค่ะ นั่นเป็นเพราะว่าพินอคคิโอเป็นวรรณกรรมเยาวชนของชาวอิตาเลียนขนานแท้ ผลงานของ การ์โล กอลโลดี (Carlo Collodi) นักประพันธ์ชาวอิตาเลียน

          พินอคคิโอ เป็นเรื่องราวการผจญภัยของหุ่นไม้ที่มีชีวิต กับพ่อผู้ยากจนของเขาซึ่งเป็นช่างไม้ พินอคคิโอมีลักษณะเด่นที่รู้จักกันดีก็คือเมื่อพูดโกหกจมูกของเขาจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ

เที่ยวอิตาลี

          ปิดท้ายทริปนี้กันที่นครรัฐวาติกัน จัดได้ว่าเป็นประเทศเอกราชหรือรัฐอิสระที่เล็กที่สุดในโลก เวลาช่างน้อยนิดได้แค่สูดดมกลิ่นของเมืองนี้ คิวเข้าไปข้างใน Vatican Museum ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกก เลยได้แค่เดินชมรอบ ๆ ค่ะ

          ในสมัยก่อนองค์สันตะปาปามีอำนาจและบารมีมาก จากศรัทธาอันแรงกล้าของผู้คนชาวยุโรปที่มีต่อประมุขทางศาสนาของพวกเขา จนทำให้องค์สันตะปาปาสามารถครอบครองดินแดนตอนกลางของอิตาลีไว้ทั้งหมด รวมเรียกว่าปาปาสเตท และมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่ “วาติกัน” กลางกรุงโรม

เที่ยวอิตาลี

          การที่พระสันตะปาปามีอำนาจทางโลกล้นฟ้าและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทางการเมืองมากเกินไปนี่เอง ทำให้กลุ่มอำนาจรัฐในยุโรปหลายแห่งจึงเริ่มที่จะต่อต้านพระองค์ เพื่อลิดรอนอำนาจของพระองค์ท่านลง 

          จนกระทั่งมาถึงปี ค.ศ. 1929 ในสมัยนายกอิตาลีที่ชื่อ มุสโสลินี แกเลยเสนอไปยังโป๊ปด้วยข้อเสนอ คือ รัฐบาลอิตาลียอมยกดินแดนให้เป็นประเทศ Vatican และให้เงินไปสร้างประเทศ แต่ประมุขแห่ง Vatican ต้องเป็นกลางทางการเมืองและสงคราม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Vatican จึงกลายเป็นประเทศที่สมบูรณ์แบบ มีเมืองหลวงคือกรุงวาติกัน

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

เที่ยวอิตาลี

          เนื่องจากกรุงวาติกันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวคริสต์ทั่วโลก ทั้งยังเป็นที่ประทับขององค์สันตะปาปาหรือ โป๊ป ผู้นำสูงสุดของศาสนาคริสต์ จึงจำเป็นมากที่จะต้องมีการดูแลอารักขาอย่างดี ทางวาติกันจึงว่าจ้างทหารจากสวิตเซอร์แลนด์หรือสวิสการ์ดมาทำหน้าที่นี้ ทำไมต้องเป็นชาวสวิส นั่นเป็นเพราะชาวสวิสมีชื่อเสียงเรื่องความเก่งกาจ และโดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ภักดีต่อผู้ว่าจ้าง และสามารถเก็บความลับทุกอย่างไว้ได้อย่างดี ทางวาติกันจึงว่าจ้างทหารสวิตเซอร์แลนด์มาประจำการอยู่ในนครรัฐวาติกัน เพื่อทำหน้าที่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลามากกว่า 500 ปีแล้ว คุณสมบัติของสวิสการ์ดคือต้องเป็นชาวสวิสโดยกำเนิด นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และต้องมีอายุไม่เกิน 30 ปี สูง 175 เซนติเมตรขึ้นไป

          กลับละจ้า

เที่ยวอิตาลี

          สรุปการรีวิวทัวร์ดมของเรานะคะ มันก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น เพราะถ้าเรามาเองด้วยเวลาเท่านี้ หลงไป-มาแน่นอน สบายตรงที่ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก และได้ไปดม เอ๊ย ! ชมเมืองต่าง ๆ เยอะ หลายเมืองขนาดนี้ก็โอเคค่ะ เราพอรับได้ แต่ถ้าอยากไปเจาะลึกเดินชิล ๆ เข้าพิพิธภัณฑ์เยอะ ๆ ไปเองดีกว่าค่ะ ยังมีหลายเมืองที่เสียดาย อยากอยู่นาน ๆ กว่านี้ เลือกเอาตามอัธยาศัยค่ะ ลาไปเท่านี้นะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวอิตาลีกับกรุ๊ปทัวร์มาฝากกันค่ะ นี่เป็นการไปเที่ยวกับทัวร์ครั้งแรกของเราเลย แอบหวั่น ๆ ได้ยินแต่คนบอกว่ามันคือทัวร์ชะโงก ไม่ได้เจาะลึกหรอก เสียเที่ยวเปล่า ๆ แต่เราก็ยังเลือกจะไปทัวร์เพราะเราไปกับพ่อแม่ ท่านเดินหลงกับเราไม่ไหวแน่ถ้าไปเอง เลยลองดูสักตั้งค่ะ เราขอไม่บอกรายละเอียดว่าทัวร์ไหนยังไงนะคะ เดี๋ยวจะเข้าข่ายโฆษณา ติดตามกันดูนะคะ ว่ามันจะชะโงกกันขนาดไหนเราลงรูปไม่เยอะนะคะ เพราะไม่งั้นกระทู้จะยาวมาก เพราะไปหลายเมือง ติดตามรูปเต็ม ๆ เป็นอัลบั้มตามเมืองต่าง ๆ ได้ที่เพจนี้นะคะมาถึงตอนบ่าย 2 นะคะ ที่สนามบินเวนิส พื้นสวยมากเลยค่ะ งานวาดคือดีงาม เราก็นั่งเรือต่อมาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อไปยังเกาะเวนิส เขาให้เวลาเดินอิสระประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็คิดว่าน่าจะพอไหวนะ ปรากฏว่าเวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดินเล่นยังไม่ทั่วเลย เรือกอนโดลาก็ไม่ได้นั่งค่ะ เพราะกลัวไม่ทัน เลยเก็บบรรยากาศมาฝากกันได้แค่นี้นะคะ ก็ยังพอไหวนะเวนิส หรือเวเนเซีย แห่งแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติกในภาคเหนือของประเทศอิตาลีBridge of Sighs เป็นสะพานเก่าแก่ที่เชื่อมต่อระหว่างวังดูคาเลกับคุกเก่า เป็นเส้นทางลำเลียงนักโทษเข้าสู่ตัวคุก สร้างมาจากหินปูนสีขาว มีช่องหน้าต่างให้มองออกมาได้ เพื่อให้นักโทษได้ชมความสวยงามของท้องฟ้าและทะเลแห่งเวนิสเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตร้อนมาก ขอกินไอศกรีมแป๊บนะคะจัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco) นโปเลียน เคยกล่าวไว้ว่า จัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป”มองไปด้านข้างเราจะพบกับร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดมากว่า 300 ปีแล้ว ร้าน Caffè Florian ส่วนเราไม่ได้เข้าไปนั่งชิลเลยค่ะ แบบมันรีบ เวลาน้อยจริง ๆบรรยากาศรอบ ๆ เมือง เราถ่ายในขณะที่เราตามหาร้านหนังสือ Libreria Acqua Altaหลงไปรอบหนึ่งกว่าจะเจอ ดีที่เจอคนฟิลิปปินส์ที่ทำงานที่เวนิสเขาช่วยบอกทางให้ค่ะ หายากมาก ตึกมันเป็นซอกหลืบไปหมดเลย … เจอแล้วววววววว ดีใจมากแล้วตกเย็นทัวร์ก็พาไปชิมสปาเกตตีหมึกดำที่เวนิสกันค่ะจบเมืองเวนิสอย่างสวยงามวันต่อมาไปดมวิหาร Duomo di Milano กันค่ะ ไกด์เขาจองตั๋วออนไลน์ให้พวกเราได้เข้าชมวิหารโดยที่ไม่ต้องรอคิวนานค่ะ แถวเข้าโบสถ์ยาวมากDuomo di Milano ที่เมืองนี้สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน มหาวิหารแห่งนี้ใช้เวลาสร้างกว่า 400 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ด้านนอกเป็นยอดแหลม ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์และเพิ่มความอลังการกว่า 135 ยอด จึงมีชื่อเล่นว่า “มหาวิหารเม่น” มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่าง ๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูปเลยค่ะ ด้านหน้าจะมีรูปปั้นผลงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี อยู่ด้วยนะคะเป็นเมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดียและเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเคลต์ คำว่า “Mid-lan” ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ เมืองมิลานมีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และโรม คือเราเดินไปมารอบ ๆ เมืองเราจะเห็นเลยว่าคนที่นี่แต่งตัวดีมาก เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า สูทนี่เป๊ะปังมากเลยค่ะ บุคลิกแต่ละคนเดินไป-มายังกับนายแบบนางแบบเห็นรอยแหว่งตรงมือของนางฟ้าตรงมุมล่างซ้ายไหมคะ นั่นคือรอยสะเก็ดระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2ดีอย่างหนึ่งคือไกด์เค้าจะคอยเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองต่าง ๆ ให้เราฟังไปด้วย ตอนเรานั่งในรถทัวร์ค่ะติดกันกับ Duomo di Milano คือห้าง The Galleria Vittorio Emanuele II ตั้งตามชื่อกษัตริย์องค์แรกของอิตาลี ถือเป็นห้างที่เก่าแก่ที่สุดในโลกห้างหนึ่งเลยนะคะ เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 หรือร้อยกว่าปีมาแล้ว ในห้างก็เต็มไปด้วยแบรนด์เนมต่าง ๆหอเอนเมืองปิซา (Tower of Pisa) ตั้งอยู่ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก และยังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย ปัจจุบันนี้หอเอนเมืองปิซาลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้ แต่เราว่ารัฐบาลอิตาลีต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้หอเอนพังลงมาแน่นอนกาลิเลโอ กาลิเลอี เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูก ที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่าลูกบอล 2 ลูก จะตกถึงพื้นพร้อมกันเราต้องนั่งรถไฟแบบโบราณเข้าไปชมหอเอนนะคะ เพราะรัฐบาลไม่ให้รถนักท่องเที่ยวคันใหญ่ ๆ เข้าไปวิ่งในบริเวณใกล้หอเอนแล้ว เพราะจะมีผลทำให้หอเอนทรุดลงไปอีกได้ ระหว่างที่เรารอรถไฟจะมีคนมาขายร่มลายสถานที่ท่องเที่ยวให้เราค่ะ แม่เราจัดไป 2 คัน 55ระหว่างทางเดินไปหอเอนมีการแสดงพี่อินเดียด้วยนะจ๊ะนายจ๋า มาไงเนี่ย #แบบนี้ก็ได้เหรอเข้าไปกันเลยรูป streetart ด้านบนที่เป็นรูปเลโอนาร์โด ดา วินชี ดำน้ำอยู่เป็นผลงานของ Blub เราชอบมากเลย น่ารักดี ไม่ถึงกับเลอะเทอะผนังเกินไป เราจะไปเจออีกเยอะ ๆ ที่เมือง Florence ค่ะ เต็มเมืองเลยมีแทบทุกมุมฟลอเรนซ์ (Florence) หรือฟีเรนเซ (Firenze ในภาษาอิตาลี) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน ในยุคกลางฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางทางการค้าและทางการเงิน เมื่อปี พ.ศ. 2525 ใจกลางเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของเรเนสซองส์ ที่ได้เติบโตขึ้นภายใต้อิทธิพลทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ใต้การปกครองของตระกูลเมดิชี (Medici) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-16 รวมไปถึงกิจกรรมทางศิลปะต่าง ๆ ที่ดำเนินไปในช่วง 600 ปี เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากสถานที่ท่องเที่ยว โบราณสถาน และอื่น ๆ ในเขตเมืองเก่าฟลอเรนซ์ . ..ฟลอเรนซ์ สำหรับเราเป็นเมืองที่น่าสนใจมากเพราะเราชอบชื่อ ชื่อมันเก๋ดีอะ…ฟลอเรนซ์ แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ นอกจากนี้เรายังชื่นชอบ ชื่นชม และอยากรู้จักเมืองนี้มาก ๆ เพราะเป็นบ้านเกิดของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือ “บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย” ศาสตราจารย์ศิลป์ เป็นประติมากรชาวอิตาเลียน ชื่ออิตาเลียนของท่านคือ Corrado Feroci อ.ศิลป์ ได้เข้ามารับราชการในประเทศไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) และได้สร้างผลงานทางศิลปะต่าง ๆ ไว้มากมายให้แก่ประเทศของเรา เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฯลฯ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรอีกด้วยเราไปยังที่แรกกันเลยค่ะ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral) หรืออาสนวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Basilica di Santa Maria del Fiore) สร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพูเราเดินผ่านมาเจองานแสดงของ Klimt พอดีเลยแวะเข้าไปดูซะหน่อย พยายามจะอาร์ตเข้ามานั่งปุ๊บ ดูไปดูมาเหมือนตัวเองลอยขึ้นเรื่อย ๆ เรานั่งอยู่กับแม่ แม่บอกเวียนหัว เรากับแม่เลยรีบออกมา คือมันจะมีจอซ้ายขวาเป็นภาพเคลื่อนไหวลอยขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเราลอยไปด้วย ดูนิทรรศการภาพของ Klimt ไปด้วย ประชากรชาวไทยแบบเรากับแม่ที่ไม่คุ้นเคยกับนิทรรศการแบบนี้วิ่งออกมาแทบไม่ทัน ก่อนจะอ้วกในห้อง มึนหัวมากเลยค่า T-Tรอบ ๆ เมืองฟลอเรนซ์จะมีงาน Streetart น่ารัก ๆ อยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ น่ารักดีอะ มันไม่เลอะเทอะเกินไป มันกำลังพอดี น่ารัก ๆดูงานเพิ่มเติมใน IG ของศิลปินท่านนี้ Blubuomo ได้ที่ https://www.instagram.com/lartesanuotare/ นะคะมาถึงจัตุรัสกลางเมือง เราก็จะพบกับรูปปั้นเต็มไปหมดเลยค่ะรูปปั้นเดวิดจำลองรูปปั้น Perseus สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1554 โดย Cellini เป็นรูปปั้นของเทพเจ้า Perseus เอาชนะศัตรูด้วยการตัดหัวของนาง Medusa เหมือนว่าสมัยนั้นทหารโรมเข้ามาฆ่าผู้คน เอาผู้หญิงไปข่มขืน ศิลปินคงต้องการให้เห็นความโหดของทหารโรมThe Rape of Sabine Woman ของ Giambologna เป็นรูปปั้นของเทวดาไล่ตามจับนางฟ้า เขาว่ากันว่ารูปปั้นนี้ศิลปินพยายามอ้างถึงเหตุการณ์สำคัญในตำนาน ที่เหล่าทหารได้รับอนุญาตจากพระราชาให้ไปฉุดสาว ๆ มาสร้างกรุงโรมให้สมบูรณ์ เนื่องจากกรุงโรมในยุคที่สร้างขึ้นใหม่เอี่ยม ยิ่งใหญ่ แต่ขาดแคลนหญิงสาว และผู้ที่จะเป็นมารดาของบุตรธิดาในอนาคต รูปปั้นนี้มีชื่อเสียงอีกด้านหนึ่งคือความสมจริงในงานปั้น เพราะเมื่อมองไปด้านหลังจะเห็นรอยบุ๋มของก้นผู้หญิงเลยจากการจับของผู้ชาย เราไปมองมาเหมือนกันค่ะ บุ๋มเลยจริง ๆ ปั้นเก่งมาก แต่ถ่ายมาไม่ทันเพราะมันย้อนแสง ดูด้านหน้าแทนแล้วกันนะคะเดินไปรอบ ๆ เมืองที่น่ารักแห่งนี้เดินมาเรื่อย ๆ เราจะพบกับสะพานปอนเต เวชชิโอ (Ponte Vecchio) สะพานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสัญจรข้ามแม่น้ำอาร์โน โดยบนสะพานนั้นเป็นที่ตั้งของอาคารร้านค้า ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายงานศิลปะ อัญมณี และของที่ระลึกจำนวนมากเดินจนเมื่อยขาแล้วขอกินไอศกรีมอันเลื่องชื่อของอิตาลีสักหน่อยค่ะ รสไหนดีน้าอร่อยมากกกกกกที่สุดเท่าที่เคยกินไอศกรีมมาเลยค่ะ ร้าน Caffe Firenze !!ลืมบอกไป เราเดินผ่านมหาลัยของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ด้วยค่ะ แต่นี่ถ่ายรูปของมหาลัยที่ติดกันมา สวยดีบริเวณนี้คือแถว ๆ มหาวิทยาลัยของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ซึ่งเป็นชาวเมืองฟลอเรนซ์โดยกำเนิด แต่ได้เข้ามารับราชการในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 6 และได้สร้างผลงานทางศิลปะต่าง ๆ ไว้มากมาย ที่รู้จักกันอย่างเช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฯลฯ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นอาจารย์สอนวิชาศิลปะที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ต่อมาในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปะว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งสาขาหนึ่งของชาติ จึงได้มีคำสั่งให้ อธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้นคือพระยาอนุมานราชธน ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรและตราพระราชบัญญัติ ยกฐานะโรงเรียนศิลปากรขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากรศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังเป็นอาจารย์ของศิลปินไทยชื่อดังอย่าง อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี อีกด้วย ท่านทรงคุณูปการต่อวงการศิลปะไทยอย่างยิ่งยวดเลยนะคะ จึงได้รับการขนานนามให้เป็น บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทยSan Gimignano เป็นเมืองเล็ก ๆ บนเนินเขา ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ซานจีมิญญาโนเป็นเมืองที่ยังรักษาลักษณะเมืองในยุคกลางไว้อย่างพร้อมมูล โดยเฉพาะหอคอยซึ่งจะมองเห็นได้แต่ไกล ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินสูงล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง ตามลักษณะที่ยังพบในหลายเมืองและหมู่บ้านในบริเวณแคว้นทัสคานี เมืองซานจีมิญญาโนได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก World heritage site เมื่อปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) ในเรื่องของความปราดเปรื่องของมนุษย์ในด้านการก่อสร้าง สถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนบนพื้นที่เนินเขาชันมาตั้งแต่สมัยโบราณส่วนตัวเราชอบเมืองนี้มากเลยระหว่างเดินไป-มาเราถูกล้อมไปด้วยตึกเก่า ๆ มีความหลงยุคเบา ๆ หลุดไปอีกบรรยากาศหนึ่งเลยค่ะประตูทางเข้าของเมืองโค้งสวยมากเลยค่ะกินไอศกรีมอีกละ แฮ่ ๆเซียนา เป็นเมืองที่เราชอบมาก ๆ อีกเมืองหนึ่งในทริปนี้ คือมันน่ารักดีอะ เดินเล่นตามซอกหลืบต่าง ๆ ของเมือง อีกอย่างที่เราชอบคือสถาปัตยกรรม ภายในโบสถ์ประจำเมืองที่เป็นลายขวางขาว-ดำ คือมันเป็นลายอมตะและทันสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีอะไรบรรยายเยอะนะคะ มาเดินเล่นไปในเมืองนี้ด้วยกันค่ะเมืองเซียนาเป็นเมืองยุคกลางที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกเมืองของประเทศอิตาลี เมืองที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองเก่าของเมืองเซียนาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ เมืองเซียนายังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1995มาจุดแรกกันเลยค่ะ เปียซซา เดล คัมโป (Piazza del Campo) พื้นที่จัตุรัสหลักที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองเซียนา ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสยุคกลางที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปมาดูบรรยากาศรอบ ๆ เมืองกันค่ะ น่ารักมากกกกกก เราชอบบบบบบบสุด ๆถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม เคยได้ยินคำนี้กันไหมคะ คำนี้มีที่มาจากในสมัยยุคอาณาจักรโรมันรุ่งเรือง เมืองเล็กเมืองน้อยต่าง ๆ ต้องเข้ามาติดต่อกิจการงานทั้งหลายที่กรุงโรม ดังนั้นไม่ว่าเมืองเล็กเมืองน้อยจากทุกสารทิศ เลยต้องมีถนนเชื่อมเข้ามาสู่กรุงโรม หรืออีกนัยหนึ่ง “All roads lead to Rome” หมายถึงการทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งมีหลายวิธีที่จะช่วยให้ไปถึงจุดมุ่งหมายเดียวกัน เราว่าโรมเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เมืองหนึ่งเลยนะ มีเอกลักษณ์และก็รักษามันไว้ได้เป็นอย่างดี มีพิพิธภัณฑ์ซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมด ตามท้องถนน มุมถนนก็จะมีรูปปั้นสวย ๆ อยู่เต็มไปหมดเลยRome เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ นอกจากนี้โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วยมาที่แรกกันเลยค่ะ โคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และยังเป็นต้นแบบอัฒจันทร์ของสนามกีฬาทั้งหลายในยุคปัจจุบัน ทัวร์เรามีเวลาจำกัดนะคะ เราไม่ได้เข้าไปดูข้างในเลย เราเลือกที่จะเดินเข้าไปในเมือง มีบางท่านที่เลือกเข้าโคลอสเซียมก็จะไม่ได้เดินเข้าไปชมข้างในค่ะ ได้ดูแค่นี้โคลอสเซียม เป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทราย สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาด โดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และยังมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตกอีกด้วยนะคะเหมือนที่เราเคยเห็นในหนังเรื่อง Gladiator ส่วนใหญ่คนที่มาสู้รบโชว์ที่โคลอสเซียมจะเป็นทาสและเชลยสงครามโทษประหารชีวิต จักรพรรดิจะนำมาต่อสู้กันเอง เพื่อความสนุกสนาน สู้จนเหลือนักสู้ยอดฝีมือเพียงคนเดียว เพื่อแลกกับอิสรภาพกลับ คือสู้ตายอะค่ะ ไม่สู้ก็ตายอยู่ดี ทางเดียวคือสู้เพื่อเอาชีวิตรอด บางทีเขาก็จะให้สู้กับสัตว์ที่ดุร้ายบ้าง คนสมัยโบราณเขาไม่มีทีวีดูเพื่อความเพลิดเพลินเหมือนเรา ดูแบบนี้เขาคงเร้าใจกันน่าดู !!เดินถัดมาจากโคลอสเซียมไม่ไกลเราจะเจอกับ Roman Forum บริเวณนี้เป็นบริเวณศูนย์กลางของการวิวัฒนาการของวัฒนธรรมโรมันในอดีตในสมัยที่โรมันเรืองอำนาจที่นี่คือศูนย์กลางด้านธุรกิจการค้า ศาสนา และการเมือง คนโรมันชอบนั่งสนทนาปัญหาบ้านเมืองกันที่นี่ คำว่า Forum จึงเป็นรากฐานของคำภาษาอังกฤษที่แปลว่าการประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็นกันนั่นเองค่ะเดินต่ออีกนิดหน่อยเราก็จะพบกับอนุสาวรีย์พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเล ที่ 2 แห่งอิตาลี เป็นพระมหากษัตริย์อิตาลีพระองค์แรก หลังจากสามารถรวบรวมรัฐต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวและสถาปนาราชอาณาจักรอิตาลีได้สำเร็จมีรถม้าให้บริการพาชมรอบเมืองด้วยนะคะ ที่เห็นด้านหลังโบสถ์สวย ๆ นี่คือ Santa Maria di Loreto ที่สร้างมาตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 16สถานีต่อไปบันไดสเปน หรือ The Spanish Steps ที่มาของชื่อบันไดสเปนคือเมื่อก่อนสถานทูตประเทศสเปนเคยอยู่แถวนี้ค่ะ บันไดสเปนดังขึ้นมามาก ๆ เพราะหนังเรื่อง Roman Holidays หรือโรมันรำลึก ของ Audrey Hepburn นี่เองค่ะ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://th.wikipedia.org/wiki/โรมรำลึก คือจริง ๆ มันก็แค่บันไดกว้าง ๆ ให้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจนะคะ ด้านหน้าบันไดคือแหล่งช้อปปิ้งของแบรนด์เนมทั้งหลายทั้งปวงนั่นเองในปี ค.ศ. 1986 McDonalds สาขาแรกในอิตาลีมาเปิดใกล้ ๆ กับบันไดสเปนนี้ค่ะ แต่มีการประท้วงต่อต้าน Fast Food ที่นี่ ทำให้เกิด Carlo Petrini ซึ่งเป็นนักชิมตัวยงและเป็นนักเคลื่อนไหวด้านอาหาร (Food activist) ก่อตั้ง International Slow Food Movement ใน 3 ปีต่อมา ลองคิดตามว่ามี McDonals ข้าง ๆ บันไดสเปนจริง ๆ ความคลาสสิกมันหายไปเลยจริง ๆ นะ คนอิตาลีเขาอนุรักษ์วิถีของเขาได้เยี่ยมไปเลยนะคะระหว่างรอคณะทัวร์คนอื่น ๆ เราก็เหลือบไปด้านหลังตรงจุดนัดพบ เจอกับพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เราเลยแวบเข้าไปดูเพื่อไม่ให้เสียเวลา โดยที่ไม่รู้เลยว่าคือพิพิธภัณฑ์อะไร ตามมาดูกันค่ะ ระหว่างทางขึ้นจะมีรูปเก่า ๆ แปะอยู่ที่ฝาผนังโดยรอบ พอเข้าไปด้านในเราเจอห้องสมุดแบบโบราณที่เต็มไปด้วยหนังสือ หูย สวยคลาสสิกมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งพิพิธภัณฑ์มีเราคนเดียวเลยทางเข้ามีแต่ประตูเก่า ๆ บานเดียว ยาวลึกลงไป ขึ้นบันไดวนไปตรงชั้น 2 จะเจอที่ขายตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และร้านขายหนังสือ ขายของที่ระลึก เราก็ซื้อตั๋วเข้าไปชมค่ะ 5 ยูโรแล้วเราก็เดินเข้าไปด้านใน พบกับห้องนอนเล็ก ๆ ผนังสีน้ำเงินตุ่น ๆ อยู่ตรงมุมขวา มีเตียงและเฟอร์นิเจอร์วางไว้เหมือนว่ายังมีคนอาศัยอยู่ เราเดินดูห้องรอบ ๆ มีจดหมายเก่า ๆ อยู่รอบไปหมดพอเราจะออกจากห้อง เจอป้ายเขียนว่า “John Keats เสียชีวิตในห้องนี้ เมื่อปี 1821” ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที !!!!!! จะเจออะไรไหมเนี่ย มาคนเดียวจ้า ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้จักอยู่ดีว่า John Keats คือใครพอเดินดูรอบ ๆ เสร็จเราก็เลยแวะกลับไปที่ร้านขายของที่ระลึก มีหนังสือบทกวีที่เป็นผลงานของ John Keats และหนังสืออื่น ๆ โปสการ์ดและของที่ระลึกมากมายวางขาย เราก็เจอกับแผ่นคำกลอน ที่เป็นผลงานของ John Keats สะดุดมากกับคำประโยคนี้ของเขา “Love is my religion, I could die for it. John Keats” สมัยก่อนโน้นเขานับถือพระเจ้ากัน พี่แกเน้นความรักเลยจ้า ประโยคนี้เป็นประโยคในจดหมายที่ John Keats เขียนถึง Fanny Brawne คู่หมั้นของเขา ในปี 1819 หรือ 200 กว่าปีมาแล้ว หูย…โรแมนติกไปอีกจริง ๆ แล้ว John Keats เป็นคนอังกฤษแต่ต้องมาอาศัยอยู่ที่โรมเพราะป่วยเป็นวัณโรค แล้วหมอแนะนำให้มาอาศัยอยู่ในที่อากาศร้อนหน่อยจะดีกว่า แต่ในที่สุดเขาก็ไม่หายและเสียชีวิตอยู่ในห้องนอนในวัยเพียง 23 ปี ที่กลายมาเป็นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั่นเองค่ะใครผ่านมาแถวบันไดสเปนอยากชวนให้ลองแวะไปที่พิพิธภัณฑ์นี้สักหน่อยนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ อยู่ตึกฝั่งทางขวาของบันไดสเปนมาต่อกันที่ น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุแบบบารอคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม มีตำนานว่าเจ้าหน้าที่โรมันพบแหล่งน้ำสะอาดราว 13 กิโลเมตรจากตัวเมือง ในช่วงสงครามที่บ้านเมืองกำลังขาดแคลนน้ำสะอาด โดยความช่วยเหลือของหญิงสาว (ภาพนี้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของน้ำพุปัจจุบัน)เขาว่ากันว่าหันหลังแล้วโยนเหรียญลงไปในน้ำตกนี้เพื่อให้ได้กลับมาที่โรมอีกครั้ง แต่เราไม่ได้โยนนะคะ อยากมาก็มา เก็บตังค์มา 555กินไอศกรีมทุกวัน พูดเลย !เราสังเกตว่าไปในทุกเมืองของอิตาลีจะมีตุ๊กตาพินอคคิโอ (Pinocchio) อยู่ตลอด ๆ เลยค่ะ นั่นเป็นเพราะว่าพินอคคิโอเป็นวรรณกรรมเยาวชนของชาวอิตาเลียนขนานแท้ ผลงานของ การ์โล กอลโลดี (Carlo Collodi) นักประพันธ์ชาวอิตาเลียนพินอคคิโอ เป็นเรื่องราวการผจญภัยของหุ่นไม้ที่มีชีวิต กับพ่อผู้ยากจนของเขาซึ่งเป็นช่างไม้ พินอคคิโอมีลักษณะเด่นที่รู้จักกันดีก็คือเมื่อพูดโกหกจมูกของเขาจะยาวขึ้นเรื่อย ๆปิดท้ายทริปนี้กันที่นครรัฐวาติกัน จัดได้ว่าเป็นประเทศเอกราชหรือรัฐอิสระที่เล็กที่สุดในโลก เวลาช่างน้อยนิดได้แค่สูดดมกลิ่นของเมืองนี้ คิวเข้าไปข้างใน Vatican Museum ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกก เลยได้แค่เดินชมรอบ ๆ ค่ะในสมัยก่อนองค์สันตะปาปามีอำนาจและบารมีมาก จากศรัทธาอันแรงกล้าของผู้คนชาวยุโรปที่มีต่อประมุขทางศาสนาของพวกเขา จนทำให้องค์สันตะปาปาสามารถครอบครองดินแดนตอนกลางของอิตาลีไว้ทั้งหมด รวมเรียกว่าปาปาสเตท และมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่ “วาติกัน” กลางกรุงโรมการที่พระสันตะปาปามีอำนาจทางโลกล้นฟ้าและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทางการเมืองมากเกินไปนี่เอง ทำให้กลุ่มอำนาจรัฐในยุโรปหลายแห่งจึงเริ่มที่จะต่อต้านพระองค์ เพื่อลิดรอนอำนาจของพระองค์ท่านลงจนกระทั่งมาถึงปี ค.ศ. 1929 ในสมัยนายกอิตาลีที่ชื่อ มุสโสลินี แกเลยเสนอไปยังโป๊ปด้วยข้อเสนอ คือ รัฐบาลอิตาลียอมยกดินแดนให้เป็นประเทศ Vatican และให้เงินไปสร้างประเทศ แต่ประมุขแห่ง Vatican ต้องเป็นกลางทางการเมืองและสงคราม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Vatican จึงกลายเป็นประเทศที่สมบูรณ์แบบ มีเมืองหลวงคือกรุงวาติกันป้ายบอกทิศทางลมค่ะเนื่องจากกรุงวาติกันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวคริสต์ทั่วโลก ทั้งยังเป็นที่ประทับขององค์สันตะปาปาหรือ โป๊ป ผู้นำสูงสุดของศาสนาคริสต์ จึงจำเป็นมากที่จะต้องมีการดูแลอารักขาอย่างดี ทางวาติกันจึงว่าจ้างทหารจากสวิตเซอร์แลนด์หรือสวิสการ์ดมาทำหน้าที่นี้ ทำไมต้องเป็นชาวสวิส นั่นเป็นเพราะชาวสวิสมีชื่อเสียงเรื่องความเก่งกาจ และโดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ภักดีต่อผู้ว่าจ้าง และสามารถเก็บความลับทุกอย่างไว้ได้อย่างดี ทางวาติกันจึงว่าจ้างทหารสวิตเซอร์แลนด์มาประจำการอยู่ในนครรัฐวาติกัน เพื่อทำหน้าที่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลามากกว่า 500 ปีแล้ว คุณสมบัติของสวิสการ์ดคือต้องเป็นชาวสวิสโดยกำเนิด นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และต้องมีอายุไม่เกิน 30 ปี สูง 175 เซนติเมตรขึ้นไปกลับละจ้าขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Jung explore สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


ชื่อเมืองหลวงในอาเซียน


เริ่มต้นรู้จักชื่อเมืองหลวงอาเซียนสิบประเทศสำหรับชั้นประถมศึกษา

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ชื่อเมืองหลวงในอาเซียน

เที่ยวมั้ยครับ EP.13 กัมพูชาดินแดนลึกลับที่ โคตรน่าค้นหา!!! (Part 1/2)


วันนี้ผมและจีโน่ได้ไป ถ่าย เที่ยวมั้ยครับ EP.13 ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งบอกเลยว่าผมได้ค้นพบอารยธรรมต่างๆ ของประเทศนี้มาไว้ในคลิปนี้แล้ว ไม่รอช้าเชิญรับชม
เที่ยวมั้ยครับกัมพูชาดินแดนลึกลับ
สนใจจองทัวร์ต่างประเทศ จัดกรุ๊ปส่วนตัว
https://www.hilightworldtour.com/
บริษัทไฮไลท์เวิลด์ทัวร์
ทัวร์คุณภาพ ในราคามิตรภาพ
Callcenter : 023791933
Hotline : 0953825185
Line@ 🆔 @hilightour คลิ๊ก http://goo.gl/XVoIfA
กดติดตามคลิปใหม่ของพวกเรา มาใหม่ทุกวันอังคาร ศุกร์ อาทิตย์ ครับ
http://goo.gl/GQoaaP
เป็นเพื่อนกันและติดตามข่าวสารช่องทางของผม
Facebook ► https://www.facebook.com/BieTheSka
IG ► BieTheSka
Twitter ► BieTheSka
Line Sticker ► https://line.me/S/sticker/6175
ซื้อสินค้าของพวกเราสวยๆน่าสะสม The Ska Shop
Facebook ► https://www.facebook.com/theskashop
Line ID ► @TheSkaShop
หรืออยากเกาะติดแบบ Exclusive กับครอบครัวเดอะสกาฟิล์มติดตามได้ที่
Facebook ► https://www.facebook.com/theskafilm
IG ► TheSkaFilm
Website ► http://www.theskafilm.com
จุดเริ่มต้นของความสนุกและเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ นั้น มาจากการที่ บี้ เดอะสกา (กฤษณ์ บุญญะรัง) ที่ชื่นชอบ และรักการทำคลิปวีดีโอเพื่อสร้างรอยยิ้มให้แก่คนรอบข้างโดยเริ่มจากเพื่อนๆในสมัยเรียนของเขา จนพัฒนาการทำวีดีโอคลิปด้วยตัวเองมาเป็นลำดับ จนกระทั่งปลายปี 2556 ได้ก่อตั้งบริษัท เดอะสกาฟิล์ม จำกัด และได้ผลิตสร้างสรรค์คอนเทนท์สนุกๆออกมาอย่างมากมาย หลากหลานแพลทฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นรายการคู่มือมนุษย์ ทำเองกินเอง เที่ยวมั้ยครับ และรายการอื่นๆ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Channel Bie The Ska มีผู้ติดตาม (Subscribe) กว่า 7 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็น “คอนเทนท์ครีเอเตอร์” ที่มียอดผู้ติดตามมากที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ และยังรวมไปถึงช่องต่างๆภายใต้สังกัด The Ska Film อาทิ The Snack, Epic Toys, Pleunpung, Fatzlip, Nakas, Ball2B, Here Zone Teen และ Yumaining
ดังนั้น เดอะสกาฟิล์ม เป็นบริษัทที่สามารถรองรับงานได้อย่างหลากหลาย และครบวงจรมากขึ้นในฐานะ Digital Media House ที่ทำงานได้ครบวงจรแบบ One Stop Services ตามเจตนารมณ์ และจุดมุ่งหมายที่สำคัญ ของบี้ เดอะสกา อยากเห็นคนทั้งโลกได้ยิ้มและมีความสุข ดังสโลแกนที่ว่า “รู้มั้ยเวลาเพื่อนๆยิ้ม ผมอ่ะโคตรมีความสุขเลย^^”
ติดต่องานสปอนเซอร์ ผลิตวีดีโอโฆษณา อีเว้นท์
[email protected]
0909194567 (คุณทับทิม)
TheSkaFilm BieTheSka บี้เดอะสกา

เที่ยวมั้ยครับ EP.13 กัมพูชาดินแดนลึกลับที่ โคตรน่าค้นหา!!! (Part 1/2)

เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี : Venice Italy 2017


เมืองเวนิสเป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี เมืองเวนิสได้รับฉายาว่าราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)
เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติก ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ฯลฯ
ติดตามช่องได้ที่ : https://www.youtube.com/channel/UCUh_i7np75AZ0eKJtBZSLnw

เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี : Venice Italy 2017

เที่ยวกรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี ช่วงปลายฝนต้นหนาว Budapest Hungary


ขึ้นเขาเดินชมป้อมปราการชาวประมง (Halászbástya / Fishermen’s Bastion) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามและมีชื่อเสียงที่ไม่ควรพลาด สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี และ ลงไปล่องเรือในแม่น้ำดานูบ (Danube River) เบื้องล่าง ดานูบเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในสหภาพยุโรป และยาวเป็นอันดับสองของทวีปยุโรป (รองจากแม่น้ำวอลกา) สองฝั่งแม่น้ำมีทัศนียภาพที่สวยงาม
เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวฮังการีครับ
ปล. วิดีโอนี้ ถ่ายด้วยมือถือคุณภาพระดับกลาง ความคมชัด 720P 30เฟรม ครับ ถ่ายตอนปี 2017 เดือนกันยายน ยังไม่เคยเอาลงที่ไหน เลยเอามารวมไว้ที่นี่ครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ ^^

เที่ยวกรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี ช่วงปลายฝนต้นหนาว Budapest Hungary

เที่ยว 3 เมืองห้ามพลาดหากไป ‘อิตาลี’ แวะเมืองตากอากาศสุดฮิต ชมความยิ่งใหญ่มหาวิหารดูโอโม่


ลีลามี (23 มิ.ย.62) พาเที่ยว 3 เมืองห้ามพลาดหากคุณไป ‘อิตาลี’ เดินชิล ๆ ชมความงามของท้องทะเลสีคราม ตกหลุมเสน่ห์เมืองท่า ที่เมือง ซานตา มาร์เกอริตา ลีกูเร และเมือง ปอร์โตฟิโน ก่อนชมสถาปัตยกรรมและประติมากรรมที่ยิ่งใหญ่งดงาม ช้อปปิ้งแบรนด์เนม และแวะกินอาหารอิตาเลียน ที่เมืองแฟชั่น มิลาน
เมือง ซานตา มาร์เกอริตา ลีกูเร (Santa Margherita Ligure) เป็นหนึ่งในเมืองท่าน่าเที่ยวเมืองหนึ่งของอิตาลี เดินชิล ๆ รับลม เลียบชายหาดสวย ชมบรรยากาศท่าเรือ และท้องทะเลสีครามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ภายในเมืองมีงานประติมากรรมบุคคลสำคัญที่น่าสนใจหลากหลาย เช่น รูปปั้นกษัตริย์วิตโตรีโอ เอมมานูเอล ที่ 2 (Vittorio Emanuele II d’Italia) ผู้รวมชาติอิตาลี รวมถึงรูปปั้นคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจผู้ค้นพบทวีปอเมริกา
เมือง ปอร์โตฟิโน (Portofino) เมืองตากอากาศสุดฮิตของอิตาลี เป็นเมืองท่าเล็ก ๆ ที่สงบ แต่เต็มไปด้วยสีสัน เดินเที่ยวได้เพลิน ๆ ชมบรรยากาศเมือง ท่าเรือ และทะเลที่สวยงาม ในเมืองปอร์โตฟิโน มีโบสถ์ 2 แห่ง เป็นโบสถ์เล็ก ๆ ที่มีจิตรกรรมฝาผนัง ภาพวาด งานประติมากรรม และกระจกสี ที่งดงาม
เมือง มิลาน (Milan) เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและประติมากรรมยิ่งใหญ่เก่าแก่ รวมถึงยังเป็นเมืองแห่งแฟชั่น ที่พลาดไม่ได้เลยคือ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) สถาปัตยกรรมแบบโกธิค ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เป็นมหาวิหารหินอ่อน ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1386 และสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1965 มีฉายาว่า มหาวิหารเม่น
มหาวิหารดูโอโม่ มียอดแหลม 135 ยอด โดยยอดใหญ่ตรงกลางมีพระรูปแม่พระทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดความสูง 4 เมตร ซึ่งเรียกกันว่า มาดอนน่า (Madunina) เป็นแม่พระผู้คุ้มครองเมืองมิลาน ที่ชาวเมืองให้ความเคารพนับถือ ภายในและภายนอกประดับไปด้วยรูปปูนปั้นนักบุญ และเรื่องราวจากพระคัมภีร์กว่า 3,200 รูป รวมไปถึงภาพเขียน และงานกระจกสี มหาวิหารแห่งนี้สามารถจุคนได้กว่า 4 หมื่นคน
ขณะที่ตรงข้ามมหาวิหารดูโอโม่ มีรูปปั้น กษัตริย์วิตโตรีโอ เอมมานูเอล ที่ 2 (Vittorio Emanuele II d’Italia) ผู้รวมชาติอิตาลี และถัดมาอีกนิดมีรูปปั้น เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ศิลปินเอกของอิตาลี
ใกล้กันเป็นที่ตั้งของ แกลเลอเรีย วิตโตรีโอ เอมมานูเอล ที่ 2 (Galleria Vittorio Emanuele II) ห้างหรือศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก สร้างเมื่อปี ค.ศ.1865 เป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมดัง โดยตรงกลางของห้างมีสี่แยกแห่งสัญลักษณ์ บนพื้นมีงานโมเสกเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของเมือง 4 เมือง ได้แก่
สัญลักษณ์หมาป่าและพี่น้องฝาแฝด แทนเมืองโรม สัญลักษณ์ดอกลิลลี่ แทนเมืองฟลอเรนซ์ สัญลักษณ์ไม้กางเขนบนพื้นแดง แทนเมืองมิลาน
และจุดไฮไลท์คือ สัญลักษณ์วัวกระทิงดุ แทนเมืองตูริน ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าวางเท้าเหยียบบริเวณอวัยวะเพศของวัว และหมุนตัว 3 รอบ จะได้รับความโชคดี
หลังจากเดินเที่ยวจนทั่วแล้ว ก็มาพักเท้าและเติมท้องที่ร้านอาหาร Il Salotto ในแกลเลอเรีย วิตโตรีโอ เอมมานูเอล ที่ 2 โดยร้านอาหารแห่งนี้เปิดมานานกว่า 38 ปีแล้ว เมนูที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ข้าวรีซอตโตกับสตูเนื้อลูกวัว ข้าวรีซอตโตกับชีส สลัดเห็ด มิกซ์กิว เนื้อวัว แกะ ไก่ และหมู ซีฟู้ดพิซซ่า เนื้อลูกวัวชุบแป้งทอด และเมนูเด็ดคือ กุ้งล็อบสเตอร์

ติดตาม ลีลามี ((23 มิ.ย. 2562) รายการท่องเที่ยวสุดพรีเมียมเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2lBezc2
หรือทาง Facebook https://www.facebook.com/becteroTV/

เที่ยว 3 เมืองห้ามพลาดหากไป 'อิตาลี' แวะเมืองตากอากาศสุดฮิต ชมความยิ่งใหญ่มหาวิหารดูโอโม่

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เมืองหลวง ประเทศ อิตาลี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *