[NEW] (ต่อ4) วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอภาพยนตร์ เรื่อง RUNAWAY | หนัง แฮ รี่ พอ ต เตอร์ 4 – NATAVIGUIDES

กรุงเทพฯ–16 ม.ค.–วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
สำหรับผลงานของเขาในเรื่อง “Longtime Companion” เดวิสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัล New York Film Critics และรางวัล National Film Critics Award รวมทั้งรางวัล Spirit Award ผลงานภาพยนตร์ที่โดดเด่นเรื่องอื่นๆ ของเขา ได้แก่ หนังของอาร์เธอร์ มิลเลอร์เรื่อง “The Crucible,” กำกับการแสดงโดยนิโคลัส ฮิตเนอร์, ของโรเบิร์ต อัลท์แมน เรื่อง “Short Cuts” ซึ่งได้รวบรวมทีมนักแสดงที่ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลจาก Venice Film Festival, เรื่อง “Six Degrees of Separation,” “Short Eyes,” หนังของแฟรงค์ เพอรี่ เรื่อง “Last Summer,” หนังของโรเบิร์ต อัลดริช เรื่อง “Ulzana’s Raid” ซึ่งแสดงโดย เบิร์ต แลงคาสเตอร์, “The Strawberry Statement” และหนังสยองขวัญคลาสสิคร่วมสมัย “Willard”
ทางโทรทัศน์ เดวิสันมีผลงานอย่างหนังทาง HBO เรื่อง “Vendetta” และสามเรื่องทาง Showtime: “Locked in Silence,” “Hidden in America,” และ “The Color of Justice” และ “After Jimmy” เดวิสันยังเป็นแขกรับเชิญให้กับสามตอนของ “Seinfeld.”
บนเวทีละคร เดวิสันได้แสดงในงานนอกบรอดเวย์ “How I Learned to Drive” ซึ่งเป็นละครที่ได้รับรางวัลพุลลิทเซอร์ โดยพอล่า โวเกิล
เดวิสันจบการศึกษาจาก Penn State ซึ่งเขาเริ่มต้นเรียนวิชาเอกด้านศิลป์จนกระทั่งโชคชตาชักนำเขาให้ไปเป็นเพื่อนในการทดสอบบทของเพื่อนในเรื่อง “Come Back, Little Sheba” และตั้งแต่นั้นมาก็ติดบ่วงอยุ่กับงานแสดง
บรูซ แมกกิล (ผู้พิพากษาฮาร์กิน) รับบทบาทมาแล้วมากมายทั้งงานดราม่า และคอมเมดี้ นับตั้งแต่งานแสดงภาพนยตร์เรื่องแรกของเขาในคอมเมดี้คลาสสิค “Animal House” ล่าสุดได้แสดงใน “The Sum of All Fears,” “Shallow Hal” และ หนังของริดลีย์ สก็อตเรื่อง “Matchstick Men”
ผลงานภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของเขา ได้แก่ “Exit Wounds,” “The Legend of Bagger Vance,” “The Insider,” “Dog of Flanders,” “Letters From a Killer,” “Lawn Dogs,” “Rosewood,” หนังของเอ็ด ซวิค เรื่อง “Courage Under Fire,” “Black Sheep,” “Perfect World,” “Time Cop,” “Cliffhanger,” “The Last Boy Scout,” “My Cousin Vinnie,” “No Mercy,” “The Last Innocent Man,” “The Secret of My Success,” “Citizen’s Band,” “The Hand,” “The Ballad of Gregorio Cortez,” “Silkwood” และ “Into the Night”
ทางโทรทัศน์ แมกกิลได้ทำงานกับหนังจำนวนมากที่สร้างเพื่อโทรทัศน์และเคเบิล อาทิเช่น “Live From Baghdad” ซึ่งเขาได้รับบทนักข่าว ปีเตอร์ อาร์เน็ต, เรื่อง “Path to War,” “Inside the Osmonds,” “61*,” “Running Mates,” “The Ballad of Lucy Whipple,” “Everything that Rises” และ “Good Old Boys” นอกจากนั้นยังมีงานในซีรีสประจำ เรื่อง “Live Shot,” “Semi Tough” และ “A Black Tie Affair,” และบทที่ต่อเนื่องใน “MacGyver” เป็นแขกรับเชิญในเรื่อง “CSI” “The Practice” และ “Gideon’s Crossing”
บนเวทีละครแมกกิลมีบทบาทในละครเพลงบรอดเวย์ “My One and Only,” “Othello” และ “Henry IV” ที่ Kennedy Center
เจเรมี ไพเวน (ลอว์เรนส์ กรีน) เคยทำงานร่วมกับแกรี่ เฟลเดอร์ในเรื่อง “Kiss the Girls” ล่าสุดยังมีผลงานในเรื่อง “Black Hawk Down,” “Serendipity” และ “Old School”
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ได้แก่ “Family Man,” “Red Letters,” “The Crew,” “Very Bad Things,” “Phoenix,” “Music From Another Room,” “Just Write,” “Grosse Pointe Blank,” “Larger Than Life,” “Heat,” “Dr. Jekyll & Ms. Hyde,” “Miami Rhapsody,” “P.C.U.,” “Judgment Night,” “Twenty Bucks,” “The Player,” “Singles,” “White Palace,” “Lucas,” “The Grifters,” “Say Anything” และ “One Crazy Summer”
ทางโทรทัศน์มีงานประจำในซีรีส์ Ellen,” และ “The Larry Sanders Show” ทาง HBO และ “Pride and Joy,” ทาง ABC เขายังมีงานต่อเนื่องใน “Chicago Hope” และเป็นแขกรับเชิญใน “Seinfeld” ไพเวนรับบทนำในงานไพล็อทของตอนใหม่ของ “Twilight Zone” ทาทง UPN รวมทั้งบทนำใน “It’s About this Gut” และ “Partners,” ทาง CBS, และ “Cupid,” ทาง ABC เขายังได้แสดงใน “Only in America: “The Life and Time of Don King”
นิค เซียร์ซี (ดอยล์) ผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกกับหนังของริดลีย์ สก็อต เรื่อง “Days of Thunder” และต่อมาใน “The Prince of Tides” ช่วงเวลาที่มีชื่อเสียงของเขามาถึงเมื่อได้รับบทที่ทุกคนจดจำได้กับการเป็นสามีโฉดของ แมรี่-หลุยส์ ปาร์กเกอร์ ในหนังบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่องฮิต “Fried Green Tomatoes” ซึ่งนำไปสู่บทนำใน “The Real McCoy” และ “The Fugitive” ผลงานเรื่องล่าสุดของเขาคือในเรื่อง “Cast Away,” “One Hour Photo,” Tigerland” และ “Head of State”
เซียร์ซีมีงานประจำในซีรีส์โทรทัศน์ “American Gothic” เขารับบทนักบินอวกาศ เดค สเลย์ตัน ในซีรีส์ได้รับรางวัลเอ็มมี่ของทอม แฮงคส์ “From the Earth to the Moon” ซึ่งเขาเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่แสดงในทุกตอน
ผลงานกำกับฯ เรื่องแรกของเซียร์ซี “Paradise Falls” ได้รับหลายรางวัลจากนิทรรศการภาพยนตร์ รวมทั้ง Nashville Film Festival และ Hollywood Film Festival (ประเภท Under $1 Million Feature)
ทีมงาน
จากผลงานหนังดราม่าขึ้นศาลที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายจากเสียงติ๊กต๊อกของนาฬิกา ไปจนถึงหนังระทึกขวัญไซโคสุดเครียด แกรี่ เฟลเดอร์ (ผู้กำกับการแสดง/อำนวยการสร้าง) ยังรักษาความสามารถอย่างสม่ำเสมอในการทำให้คนดูนั่งไม่ติดเก้าอื้ เฟลเดอร์ได้สร้างชื่อในฮอลลีวู้ดถึงความเป็นยอดฝีมือในการสร้างงานระทึกขวัญ และความเชี่ยวชาญครอบคลุมไปถึงหนังอาชญากรรมและดราม่าแอ็คชั่น จนถึงดาร์กคอมเมดี้และนวนิยาย
ก่อนเรื่องราวทนายความใน RUNAWAY JURY เฟลเดอร์เคยทำเรื่องเกี่ยวกับตำรวจมาก่อน ในปี 2002 เขาเคยกำกับฯ หนังตอนให้กับรายการโชว์ FX ในชื่อ “The Shield” ผลงานเรื่องฮิตสร้างชื่อที่ยกระดับให้กับ FX จนได้รับรางวัลเอ็มมี่สามรางวัลและสองรางวัลลูกโลกทองคำ รวมทั้งรางวัลซีรี่ส์โทรทัศน์ยอดเยี่ยม ปีเดียวกันนั้นเฟลเดอร์ยังได้กำกับฯ หนังระทึกขวัญไซไฟแห่งอนาคต เรื่อง “Impostor” ให้กับ Dimension Films สร้างจากเรื่องสั้นโดย ฟิลลิป เค ดิ๊ค และแสดงโดยแกรี่ ซิไนส์ เป็นชายที่ต้องสงสัยว่าเป็นหุ่นแอนดรอยด์จากต่างดาว ในช่วงเวลาสงครามระหว่างมนุษย์และมนุษย์ต่างดาว
ในปี 2001 เฟลเดอร์ร่วมทีมทำงานกับไมเคิล ดักกลาส ดารารางวัลตุ๊กตาทอง และบริตตานีย์ เมอร์ฟีย์ ซึ่งกำลังเป็นดาวดวงใหม่ในตอนนั้น ในผลงานหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญของ Regency Enterprises เรื่อง “Don’t Say a Word” เรื่องราวของจิตแพทย์ คนลักพาตัว และสาวน้อยจิตไม่ปกติซึ่งเป็นคนกำความลับที่จะสามารถไขคดีนี้ได้ “Don’t Say a Word” นับว่าเปิดโอกาสของความท้าทายที่โดดเด่นให้กับเฟลเดอร์ เพราะแอ็คชั่นของเรื่องจะต้องคลี่คลายปมทั้งหมดออกมาภายในชั่วเวลาหนึ่งวันในปี 1997 นักแสดงสาวอีกหนึ่งคนได้กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงคนใหม่ สืบเนื่องมาจากการทำงานร่วมกับเฟลเดอร์ เมื่อเฟลเดอร์ได้กำกับการแสดงให้แอชลีย์ จัดด์ และมอร์แกน ฟรีแมน ในงานหนังดัดแปลงจากนิยายของเจมส์ แพตเตอร์สัน ในเรือง “Kiss the Girls” ภาพยนตร์เรื่องที่ได้ทำให้จัดด์แจ้งเกิด และเป็นเรื่องแรกจากสองเรื่องที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จกับการจับคู่แสดงกับฟรีแมน
ในปีเดียวกันเฟลเดอร์ได้กำกับฯ หนังโทรทัศน์สองเรื่องด้วยกัน โดยเรื่องแรกเขาได้กำกับฯ ให้กับหนังตอนประทับใจเรื่อง “Homicide: Life on the Street” ชื่อตอน “The Subway” โดยมีดารารับเชิญ คือ วินเซนท์ โดโนฟริโอ ซึ่งได้รับรางวัล Peabody จากบทบาทชายที่ถูกผลักให้ปะทะกับรถใต้ดินที่กำลังเคลื่อนที่ และได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อต้องติดอยู่ระหว่างตัวรถไฟและชานชลา หนังตอนนี้ยังทำให้เกิดแรงบันดาลใจสร้างเป็นสารคดีของ PBS เกี่ยวกับเบื้องหลังงานสร้างของเรื่องนี้ เฟลเดอร์ยังได้ร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้าง ทอม แฮงค์ส ในปี 1997 ในการกำกับฯ มินิซีรี่ส์ที่ได้รับรางวัลเอ็มมี่ เรื่อง “From the Earth to the Moon”
ก้าวแรกของเฟลเดอร์กับงานภาพยนตร์ ได้แก่งานหนังดาร์กคอมเมดี้ของ Miramax เรื่อง “Things To Do In Denver When You’re Dead” โดยมีแอนดี้ การ์เซีย แสดงเป็นหนึ่งในอาชญากรห้าคน ที่ทำงานแบบลวกๆ และในที่สุดก็ลงเอยด้วยอาการกลัวจนหัวหด ภาพยนตรืได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Cannes Film Festival ในปี 1995 และทำให้เฟลเดอร์ได้รับสองรางวัลจากเทศกาลหนังดราม่าตำรวจ ที่ Cognac Festival du Film Policier
เมื่อปี 1993 ผลงานทางจอโทรทัศน์ของเฟลเดอร์ทำให้เขาได้รับรางวัลต่างๆ อาทิเช่น งานหนังตอนในซีรี่ส์ทาง HBO เรื่อง “Tales from the Crypt” ทำให้เขาได้รับรางวัล Cable Ace Award และเช่นกันในปี 1993 เฟลเดอร์ยังได้เข้ารอบเป็นครั้งที่สองในที่ Sundance Film Festival กับผลงานสารคดีชิ้นเอกความยาว 30 นาทีที่ใช้เวลาสามปีสร้างเรื่องราวชีวิตของนักมวยแห่งบรุ๊คลิน ฟิลลิป เปาลีน่า หนึ่งปีก่อนหน้านั้น โปรเจ็ควิทยานิพนธ์ USC เรื่อง “Air Time” หนังระทึกขวัญเกี่ยวกับอดีตนักตุ๋นที่เขย่าขวัญจิตแพทย์ผู้จัดรายการทอล์กโชว์ยามดึก ยังได้เข้ารอบที่ Sundance และในปี 1988 หนังสั้นเรื่อง “Terminal Round” ของเขาได้ฉายเป็นครั้งแรกที่ Mill Valley Film Festival ในแคลิฟอร์เนีย
จบการศึกษาจาก USC School of Cinema and Television เฟลเดอร์เป็นสมาชิกของ Directors Guild’s Special Projects Committee เขาเกิดที่นอร์ฟอล์ค มลรัฐเวอร์จิเนีย
อาร์นอน มิลแคน (ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ถึงความเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อิสระที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีภาพยนตร์เป็นจำนวนกว่า 60 เรื่อง เขาเกิดในอิสราเอล และได้รับการศึกษาจาก University of Geneva ธุรกิจแรกของชีวิตเขาได้แก่การแปรรูปธุรกิจเล็กๆ ของบิดาให้กลายเป็นหนึ่งในบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการเคมีเกษตรในประเทศบ้านเกิดของเขา ความสำเร็จตั้งแต่ยังเยาว์นี้ เป็นเสมือนการคาดการณ์ถึงชื่อเสียงที่กลายเป็นตำนานแห่งปัจจุบันของมิลแคนในตลาดต่างประเทศถึงความเป็นนักธุรกิจผู้เก่งกาจ
ไม่นานต่อมา มิลแคนก็ได้เบนเข็มสู่วงการที่เขามีความสนใจเสมอมา – ภาพยนตร์, โทรทัศน์ และละคร โปรเจ็คแรกๆ รวมถึงงานละครเวทีของโรมัน โปแลนสกี้ เรื่อง “Amadeus,” “Dizengoff 99,” “La Menace,” “The Medusa Touch” และมินิซีรี่ส์เรื่อง “Masada” ในตอนปลายทศวรรษที่ 80 มิลแคนได้สร้างภาพยนตร์หลากหลายอย่าง หนังของมาร์ติน สอร์เซสซี เรื่อง “The King Of Comedy” หนังของเซอจิโอ ลีออน เรื่อง “Once Upon A Time In America” และหนังของเทอรี่ กิลเลียม เรื่อง “Brazil”
หลังจากการประสบความสำเร็จอย่างสูงของเรื่อง “Pretty Woman” และ “The War Of The Roses” มิลแคนก็ได้ก่อตั้ง New Regency Productions และสร้างผลงานภาพยนตร์ที่ปรัสบความสำเร็จอีกมากมาย รวมทั้ง “J.F.K.,” “Sommersby,” “A Time To Kill,” “Free Willy,” “The Client,” “Tin Cup,” “Under Siege,” “L.A. Confidential,” “The Devil’s Advocate,” “The Negotiator,” “City Of Angels,” “Entrapment,” “Fight Club,” “Don’t Say A Word” และ “Daredevil”
งานภาพยนตร์ที่กำลังจะตามมา ได้แก่ : “First Daughter,” หนังโรแมนติคคอมเมดี้ เรื่องราวของลูกสาวประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเข้าเรียนในวิทยาลัยและมีความรักแบบในเทพนิยายกับนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบผู้มีชีวิตชีวา — แต่ดูเหมือนว่า ‘เจ้าชาย’ ของเธอกลับกลายเป็นคนที่มีภารกิจลับ นำแสดงโดย เคธี โฮมส์, มาร์ก บลูคัส, ไมเคิล คีตัน, และกำกับการแสดงโดยฟอเรสต์ วิทเทเกอร์ ; เรื่อง “Girl Next Door” คอมเมดี้เกี่ยวกับนักเรียนรุ่นพี่ไฮสคูลเถรตรงที่ตกหลุมรักกับ ‘สาว-ข้าง-บ้าน’ แต่กลับได้พบว่าเธอมีอดีตซุกซ่อนไว้ นำแสดงโดย เอมิล เฮิร์ช และอีไลชา คิวธ์เบิร์ต, กำกับการแสดงโดย ลุค กรีนฟิลด์; “Man on Fire” แอ็คชั่น/ดราม่า/ระทึกขวัญ เกี่ยกับอดีตทหารอเมริกันที่ต้องปกป้องเด็กน้อยที่พ่อแม่ถูกข่มขู่ด้วยการลักพาตัว นำแสดงโดยเดนเซล วอชิงตัน, คริสโตเฟอร์ วอล์คเคน และดาโกต้า เฟลมมิ่ง กำกับการแสดงโดยโทนี่ สก็อต ; “Mr. and Mrs. Smith” หนังแอ็คชั่นระทึกขวัญ เกี่ยวกับคู่แต่งงานที่รำคาญซึ่งกันและกัน และได้พบว่าพวกเขาเป็นศัตรูมือสังหารที่ถูกจ้างมาให้ฆ่ากันเอง นำแสดงโดยแบรด พิทท์ และแอนเจลิน่า โจลี่ กำกับฯ โดย ดัค ไลแมน ; และ “Stay” หนังดราม่าเกี่ยวกับจิตแพทย์ ของ Ivy League University ที่พยายามปกป้องลูกศิษย์คนหนึ่งจากการคิดฆ่าตัวตาย นำแสดงโดย อีแวน แมกเกรเกอร์, นาโอมิ วัตส์ และไรอัน กอสสลิง กำกับฯ โดยมาร์ค ฟอสเตอร์
ในระหว่างการทำงานของเขา มิลแคนได้ชักนำสองนักลงทุนผู้เปี่ยมพลังมาเป็นหุ้นส่วนเพื่อร่วมอุดมการณ์ : นักธุรกิจชาวออสเตรเลีย เคอรี่ แพคเกอร์ แห่ง Nine Network และ Twentieth Century Fox โดย Fox เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังของ Regency ไปทั่วโลก (ยกเว้นส่วนที่จัดการโดย Regency ซึ่งอยู่ในเยอรมนี อิตาลี และเกาหลี กับหุ้นส่วนธุรกิจอื่นๆ), และไม่รวมเพย์ทีวีของสหรัฐฯ และโทรทัศน์ที่คิดหรือไม่คิดค่าบริการในต่างประเทศ
มิวแคนยังได้ขยายงานของบริษัทไปยังด้านธุรกิจบันเทิง โดยเฉพาะงานโทรทัศน์ทาง Regency Television (“Malcolm in the Middle,” “Bernie Mac” และ “Wonderfalls”) และรายการกีฬามราร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ PUMA, ซึ่งจำหน่ายอุปกรณ์และรองเท้ากีฬาโดยมีบริษัทแม่อยู่ในเยอรมนี นอกจากนั้น Regency ยังซื้อลิขสิทธิ์โทรทัศน์ทั่วโลกของรายการแข่งกีฬา Women’s Tennis Association ตั้งแต่ปี 1999 จนถึง 2007 และได้ซื้อเวลาออกอากาศในยุโรปให้กับ U.S. Open Tennis Tournament ในระหว่าง 2001 ถึง 2004
(ยังมีต่อ)
-รก-