[NEW] ดูไม่เนิร์ด แต่ดูฉลาด! รวม 40 ‘แคปชั่นเรียนเก่ง Ver.Eng’ #ความขยันไม่เคยทรยศใคร (￣ヘ￣) | ไม่ค่อย เก่ง ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

 

ทักทายด้วยภาษาอังกฤษซะเลย จะได้พาไปเก็บ กันต่อ เพราะนี่คือช่วง ‘ ฤดูการสอบ ‘ อันหฤโหดของสาวๆ วัยมัธยมและมหาลัย ( บางที่อาจสอบไปหลายวิชาแล้วด้วย ;__; ) ความตาแพนด้าต้องมา งานโด๊ปกาแฟต้องมี รู้สึกว่า 24 ชั่วโมงมันไม่เคยพอเล้ยย *ง่วงก็ง่วง แต่บทเรียนยังรออยู่อีกเพียบ จะนอนก็ไม่ได้ จะอ่านก็ขี้เกียจ จำก็ไม่ค่อยได้ ได้หน้าลืมหลัง! แอบเหลือบไปมองเพื่อน A รวดทุกวิชาที่นั่งข้างๆ ครั้งนี้มันก็คงเต็มอีกตามเคย แล้วเราล่ะ ชีวิตมันช่างสิ้นหวังเสียจีจี T^T

ไม่ไหวแล้วว เคี้ยวกระดาษตำรากินดีมะ เผื่อจะจำได้บ้าง #เดี๋ยว #ไม่ใช่ขนมปังช่วยจำของโดเรมอนเด้ออออ

 

40 แคปชั่นเรียน ภาษาอังกฤษ ใส่คู่รูปอ่านหนังสือก็ดูฉลาดแล้ว 😉

อย่าเพิ่งนอยด์นะคะ ( เสียงพี่ติ๊ก เจษ ) อย่าเพิ่งโทษว่าตัวเองหัวไม่ดี บางทีเธออาจยังไม่มีแรงบันดาลใจมากพอ ไม่รู้จะเรียนไปทำไม? หรือเทคนิคการจำบทเรียน การอ่านหนังสือมากกว่า ซึ่งของพวกนี้ฝึกได้ ค้นหาตัวเองได้ เราจึงมาแนะนำ 40 แคปชั่นเรียนเก่ง ฉบับภาษาอังกฤษ สำหรับสาวๆ ที่ยัง lost หาตัวตนตัวเองไม่เจอ อนาคตยังไม่ชัดเจน หรืออาจจะแค่ขี้เกียจ ต้องการไฟกระตุ้น ให้ฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง!

**เราจะไม่แปลตรงตามตัว 100% นะคะ เพราะสองภาษานี้มีหลักภาษาต่างกัน จะขอแปลให้ได้อรรถรสของภาษาไทยมากที่สุดน้า

แคปชั่นเรียน ภาษาอังกฤษ คูลล์ๆ ยืมมาใส่ใต้ภาพนี้ รับรอง IQ 180

1. Just one hour earlier can change everything. – แค่เริ่มต้นให้เร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้นะ! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

2. Study little more today, so you don’t have to regret tomorrow. – ตั้งใจเรียนวันนี้มากขึ้นอีกหน่อย จะได้ไม่ต้องเสียใจในวันรุ่งขึ้น #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

 
3. Have a coffee and go study hard. – ดื่มกาแฟซะ แล้วไปตั้งใจอ่านหนังสือ! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

4. Nobody Cares, keep studying. – ไม่มีใครสนใจจริงๆ หรอก ว่าใครจะเป็นยังไง เธอน่ะตั้งใจเรียนไปเถอะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

 
5. Remember that the reason you’re doing this is to make your life better. – จำไว้นะ ว่าเหตุผลที่เธอต้องมานั่งท่องหนังสืออยู่แบบนี้ เพื่อให้ชีวิตของเธอ ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

6. Every morning you have two choices. Continue to sleep with dreams or wake up and chase them. – ในทุกๆ เช้า เธอมีสองทางให้เลือก จะหลับแล้วฝันต่อไปเรื่อยๆ หรือจะตื่นสักที แล้วคว้าความฝันมาให้ได้ในชีวิตจริง #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ



 

ที่สาวๆ ต้องท่องจำให้ขึ้นใจไม่แพ้หนังสือเลยก็แคปชั่นเรียน ภาษาอังกฤษสร้างแรงบันดาลใจเหล่านี้ล่ะค่ะ!

7. If you get tired learn to rest, not to quit. – ถ้าเหนื่อย ก็หัดเรียนรู้ที่จะพัก ไม่ใช่เอะอะก็จะเลิก #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

8. Studying sucks less than failing. – เรียนหนังสือน่ะ ยังไงมันก็แย่น้อยกว่าสอบตกนะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

 
9. The only way to to learn mathematics is to do mathematics. – อยากเรียนเลขรู้เรื่อง ทางเดียวที่ทำได้คือ ต้องทำโจทย์เลขไปเรื่อยๆ ( ไม่งั้นจะเก่งได้ยังไง! ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

10. One day this late night studies will make you as a millionaire. – สักวัน การท่องหนังสือจนดึกจนดื่น อาจทำให้เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีเงินล้านก็ได้ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

11. Postponing studies means postponing success. – ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ยอมอ่านหนังสือสักที ก็เหมือนเลื่อนความสำเร็จให้ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ นั่นแหละ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

12. You are a student. You have one job and it is study. – เธอน่ะเป็นเด็กนักเรียน มีงานแค่หน้าที่เดียวที่ต้องทำ ก็คือเรียน ( ดังนั้นอย่าขี้เกียจ! ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ



 

ภาพอ่านหนังสือแบบนี้ กับแคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษเก๋ๆ ซักอันสองอัน ต้องช่วยผลักดันให้เรามีแรงอ่านหนังสือต่อแน่นอนค่ะซิส

13. Study hard and be the type of cousins, your aunt will give example of, to their children. – ตั้งใจเรียนให้มาก และกลายเป็นคนประเภทที่ เหล่าญาติๆ จะยกเป็นตัวอย่างให้กับลูกๆ ของพวกท่าน #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

14. Focus on your goals and blur everything else. – มุ่งไปที่เป้าหมายอย่างแน่วแน่ ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น ทำเบลอไปเลย #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

15. To be in the top 1% you have to be willing to do what the other 99% aren’t. – อยากขึ้นไปอยู่บนยอด 1% ข้างบนนั้น เธอก็ต้องเต็มใจทำสิ่งที่คนอีก 99% ไม่ทำนะจ๊ะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

16. Put your effort, understand the concept, don’t just study because you have to, study because you want to learn. – ตั้งใจ ใส่ความพยายาม, เข้าใจแนวคิด จุดประสงค์ของการเรียน อย่าทำเพราะต้องทำ แต่ควรทำเพราะเธออยาก ‘ เรียนรู้จริงๆ ‘ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

17. When mood says no, grades says grow. – เมื่ออารมณ์ในใจบอกว่า ‘ ไม่ ‘ แต่ตัวเลขเกรดบอกว่า ‘ ต้องเพิ่มขึ้นอีก! ‘ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

18. Nothings can give you the power more than education does. – ไม่มีอะไรจะมอบอำนาจให้กับเธอได้เท่ากับ ‘ การศึกษา ‘ แล้วล่ะค่ะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ



 

การจดโน้ตน่ารักๆ และแคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษเก๋ๆ ชิคๆ มันช่วยสร้างกำลังใจในการอ่านและจำตำราได้จริงๆนา

19. The capacity to learn is a gift ; the ability to learn is a skill ; the willingness to learn is a choice. – การเรียนรู้นั้น จำได้เท่าไหร่คือของรางวัล เรียนเข้าใจดีแค่ไหนคือทักษะ และความเต็มใจที่จะเรียนคือทางเลือก! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

20. Read more books. Ask more questions. Listen more closely. – อ่านหนังสือให้มากขึ้น ถามคำถามให้มากขึ้น และตั้งใจฟังให้มากขึ้น ( เคล็ดลับเรียนดีที่แท้ ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

21. Marriage can wait, Education cannot. – งานแต่งน่ะรอได้ แต่การศึกษา มันรอไม่ได้! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

22. People who get higher grades have a charm of different level. – คนที่ตั้งใจเรียนจนเกรดดีขึ้น จะมีเสน่ห์ในแบบที่ต่างจากคนทั่วไป #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

23. You’re too young for finding true love, go get your school work done. – เธอยังเด็กเกินไปที่จะมาตามหา ‘ รักแท้ ‘ ตอนนี้ ไปทำการบ้านให้เสร็จก่อน! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

24. Work hard quietly. Set Alarm. Wake up early. Study hard and at the end surprise others. – ขยันอย่างเงียบๆ ตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นเช้ามาทบทวน ตั้งใจเรียนหนังสือ แล้วทำให้ทุกคนประหลาดใจในตอนสุดท้ายสิ! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ



 

อีกวิธีคือการจดเลคเชอร์ด้วยปากกาสีสันและการเรียงตัวหนังสือที่เป็นระเบียบ แบบนี้มันดีต่อสายตา ดีต่อการจดจำสุดๆ

25. Your brain is a diamond mine, Dig it. – สมองของเธอก็เหมือนเหมืองพลอย มีคุณค่าอยู่ข้างใน ดังนั้น ขุดมันออกมา! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

26. The worst thing you can say to yourself is, ” I wish, I worked little harder. ” –  สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ที่เธอจะพูดกับตัวเองก็คือ ” ฉันน่าจะตั้งใจเรียนหนังสือให้มากกว่านี้ ” #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

27. When you study, pretend like you’re giving classes to someone ( even if the room is empty ), it may sound weird but it really helps. – เวลาท่องหนังสือ ให้คิดว่าตัวเองเป็นครู กำลังสอนนักเรียนในคลาสอยู่ ( แม้ห้องที่เธออยู่จะไม่มีใครก็เถอะ ) มันอาจดูแปลกๆ แต่ช่วยให้เข้าใจบทเรียนได้ดีขึ้นนะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

28. Every minute you waste in doing nothing, just remember that someone is getting smart somewhere. – ทุกนาทีที่เธอปล่อยทิ้งให้เสียไปเฉยๆ ขอให้จำไว้แล้วกันว่า บางคนในที่ไหนสักที่ เขากำลังฉลาดขึ้น ( เพราะเขาไม่ปล่อยเวลาทิ้งเหมือนเธอยังไงล่ะ ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

29. Study for the day when you don’t have to worry about price tags. – ตั้งใจเล่าเรียน จนถึงวันที่เวลาเธอซื้อของ เธอไม่ต้องกังวลเลขราคาบนป้ายสินค้าอีกต่อไป #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

30. Don’t wait for the right time for studying, it won’t come. – อย่ารอฤกษ์ในการเรียน มันไม่มาหรอก จะอ่านก็อ่านเดี๋ยวนี้เลย! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ



 

แคปชั่นเรียน ภาษาอังกฤษจะช่วยให้กองหนังสือเหล่านี้มีความน่าอ่านขึ้นชัวร์

31. Exams are nightmares ,but when you work hard, your success will be as beautiful as a fairytale. – ข้อสอบอาจจะเหมือนฝันร้าย แต่ถ้าเธอขยัน ตั้งใจทบทวนบทเรียน ความสำเร็จมันจะสวยงามเหมือนเทพนิยายเลยล่ะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

 
32. Roll your sleeves, put your hair in bun, keep your phone away and start studying.-  ม้วนแขนเสื้อขึ้น มัดผมเป็นบันขึ้นไปบนหัว เอามือถือวางไกลๆ ตัว แล้วเริ่มเรียนหนังสือได้แล้ว! #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

33. Your competitor shouldn’t be a girl/guy of your class, it should be the result of your last semester. –  คู่แข่งของเธอไม่ควรเป็นเพื่อนร่วมห้อง ( จะชายหรือหญิงก็ตาม ) แต่ควรเป็นเกรดล่าสุดที่เธอได้จากเทอมที่แล้วต่างหาก #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

 
34. Exam will be nice to you if you will be nice to your studies. – ข้อสอบจะเป็นมิตรกับเธอเอง ถ้าเธอ ‘ ให้ความร่วมมือ ‘ กับการอ่านหนังสือเรียน #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

35. Trying is better than crying. – พยายามทำ ก็ยังดีกว่านั่งร้องไห้ฟูมฟาย ( ที่ทำข้อสอบไม่ได้ ) นะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ



 

แคปชั่นเรียน ภาษาอังกฤษที่โพสตืไป ไม่ได้เตือนใจใคร แต่เตือนใจเราเองนี่ล่ะ เอ้าสู้สิคะสาวๆ !

36. Even if no one is watching, future you is still watching you. – แม้จะไม่มีใครสักคนมองอยู่ แต่ ‘ เธอในอนาคต ‘ นั่นแหละ ที่กำลังมองเธออยู่ในปัจจุบัน ( อย่าให้ตัวเองมองย้อนกลับมา แล้วต้องเสียใจเลยเด้อ ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

37. All those people who crack the entrance exams are not wandering on internet right now. – คนที่เขาตั้งใจเรียนจนทำข้อสอบได้คะแนนสูง เข้ามหาลัยได้ เขาคงไม่มานั่งไถฟีด สิงโซเชียลอยู่ตอนนี้หรอก ( แรงงงง ! ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

38. Wake up early now so ahead in life you can at your own time. – ตื่นให้มันเช้าๆ ตอนนี้ อนาคตข้างหน้า จะได้ตื่นในเวลาที่ตัวเองอยากตื่น ( ถ้าสบายแล้ว ได้งานยืดหยุ่นเวลา ก็ไม่ต้องเคร่งขนาดนี้อีก ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

39. It’s always a good day for working hard and achieving your dreams. – มันเป็นวันดีๆ เสมอแหละ ถ้าจะขยันเรียนและบรรลุเป้าหมาย ไปถึงความฝันของตัวเองน่ะ #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ

 
40. History doesn’t talk about quitters. – ในหน้าประวัติศาสตร์น่ะ เขาไม่เอ่ยถึงคนที่เลิกล้มกลางคัน แล้วไม่ประสบความสำเร็จหรอกนะ ( อยากให้คนเขาจดจำถึงรุ่นลูกหลาน ก็อย่าท้อล่ะ! ) #แคปชั่นเรียนภาษาอังกฤษ



——————————–
***บอกเลยว่าคัดสรร แคปชั่นเรียน เด็ดๆ แบบนี้ มาเพื่อสาววัยเรียนโดยเฉพาะ อิอิ บางอันก็ให้กำลังใจ หรือแม้แต่แอบแซะนิดๆ หน่อยๆ ให้เธอตื่นตัว และขยันเรียนมากขึ้น เอาความเห็นส่วนตัวเราเลยนะ ยังไงมีความรู้ก็ดีกว่าไม่มี ( จะใช้หรือเปล่าอีกเรื่อง ) ยิ่งถ้าในระดับมอปลาย มหาลัย ที่เธอเลือกสาย เลือกคณะเข้ามาด้วยมือตัวเองแล้ว ยิ่งต้องตั้งใจ เพราะอีกไม่กี่ปี จากวัยเรียนก็จะเข้าสู่วัยทำงาน
ถ้าเธอเหนื่อยกับการอ่านหนังสือแล้ว ทำงานยากกว่าร้อยเท่า เหมือนต้องนับหนึ่งใหม่ บางทีรุ่นพี่ก็ไม่สอนงานให้ ถ้าไม่ตั้งใจเรียน เกรดน้อย อย่าว่าแต่การหัดสกิลเลย แค่โอกาสจะเข้าไปหัด ในบริษัทที่อยากทำ เขาก็ไม่รับเข้าไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะค่ะ เขาก็ต้องรับเด็กเกรดสูงก่อน ( โลกนี้มันโหดร้าย แต่มันก็คือความจริง ) -_- รีบเก็บความรู้ ระบบความคิดตั้งแต่ตอนนี้ จะได้เตรียมรับมืองานในอนาคต #เตือนแล้วนะ

สุดท้ายนี้ขอให้สาวๆ ได้คะแนนที่ดีสมความตั้งใจ ได้เกรดดีๆ มาประดับ transcript กันน้า แล้วพบกันใหม่คราวหน้า ซียาา
——————————–

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

“ภาษาอังกฤษ”

เรียกว่าเป็นภาษาที่ 2 ที่เราแทบทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะเป็นทักษะวิชาการที่เราถูกบังคับให้เรียนในหลักสูตรมาตั้งแต่อนุบาล จนถึงระดับมหาวิทยาลัยก็ยังต้องเรียนกันไม่เคยหยุด แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี กี่คอร์สเรียน ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของหลายๆ คน ก็ยังไม่ดีขึ้นตามซักที (เราก็ด้วย เห้อ พูดละท้อ)

แต่ยังก่อน ยังเร็วเกินไปที่จะมานั่งท้อใจ ไหนๆ ภาษาอังกฤษ ก็เป็นทักษะสำคัญกับชีวิตการเรียน การทำงาน และอนาคตของเราขนาดนี้ แล้ว บทความนี้เราจึงเสาะหาข้อมูลและเทคนิคดีๆ มาช่วยน้องๆ และทุกคนที่ยังรักจะพัฒนาตัวเอง และนี่คือ

9 สุดยอดเคล็ดวิชาเรียนรู้ภาษาอังกฤษยังไงให้เก่งและเห็นผลทันตา

ที่เราคัดสรรมาให้คุณนำไปใช้ได้ง่ายๆ พร้อมแล้วตามมาเลย

ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตัวเอง

สิ่งสำคัญอย่างแรกที่น้องๆ ต้องทำคือ การตั้งเป้าหมาย เพราะมีผลการทดลองแล้วว่า คนที่มีเป้าหมายการพัฒนาชีวิตตัวเองอย่างชัดเจนและมีกำหนดระยะเวลา 97% จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจ

โดยเป้าหมายในการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษที่น้องตั้ง จะต้องมีรายละเอียดชัดเจน มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน รวมทั้งควรตั้งเป้าหมายไว้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ และเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาตัวเองต่อไป

สร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง

ถ้าน้องๆ ต้องการประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ นอกจากการวางเป้าหมายที่ชัดเจน อย่างเทคนิคที่ 1 ได้กล่าวไปแล้ว เรายังต้องติดตามเป้าหมายนั้นอย่างสม่ำเสมอด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญคือในการติดตามเป้าหมายให้ได้ต่อเนื่องก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวเราเอง ดังนั้น การสร้างแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ ก็สำคัญไม่แพ้กัน 

ซึ่งแรงบันดาลใจที่ว่านี้ น้องๆ อาจมีไม่เหมือนกัน เช่น เราอาจจะอยากเก่งเหมือนดาราคนโปรด อยากมีโอกาสไปท่องเที่ยว เรียนต่อ หรือใช้ชีวิตต่างประเทศ การพูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่ว การอ่านหนังสือต้นฉบับหรือดูหนัง Soundtrack ได้เข้าถึงแก่นมากกว่าเดิม เป็นต้น และหากน้องๆ ค้นพบแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเก่งภาษาอังกฤษแล้ว เขียนตัวใหญ่ๆ แปะเอาไว้ข้างฝา ให้เห็นชัดทุกวัน และเราต้องเป็นอย่างนั้นให้ได้ รับรองว่าแรงใจมาเต็มแน่นอน

เปิดเพลงและสร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นภาษาอังกฤษ

เหมือนกับคนที่ไปอยู่ต่างประเทศก็จะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาก เพราะซึมซับและใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แม้เราอยู่เมืองไทย ก็สร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ใกล้เคียงกับเมืองนอกได้ด้วยเช่นกัน และน้องๆ อาจสังเกตว่าเพื่อนหลายที่เก่งภาษาอังกฤษ เขามักชอบฟังหรือเปิดเพลงภาษาอังกฤษไปพร้อมกับการทำอย่างอื่นด้วย

การเรียนรู้ประโยคและคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีนี้ แน่นอนว่ามันได้ผล นั่นก็เพราะสมองคนเราสามารถเรียนรู้ได้แม้กระทั่งเวลาเราไม่ใส่ใจ และเมื่อใส่ใจ ย่อมเรียนรู้ได้มากกว่านั่นแหละ นอกจากเปิดเพลงภาษาอังกฤษแล้ว ยังรวมไปถึง ใช้  Post-It Notes ติดไว้รอบห้อง โดยเริ่มจากการเขียนคำศัพท์ทั่วไปในแบบง่ายๆ แล้วค่อยใส่ วลี ประโยค และอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นตามลำดับ 

 

ดูภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ที่ชอบเป็นภาษาอังกฤษ

ถ้าหากน้องคนไหนพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้างแล้ว การดูหนังหรือซีรี่ส์เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง นอกจากจะได้ความบันเทิงแล้วก็ได้ฝึกทักษะภาษาไปในตัวด้วย เพราะการดูหนังจะช่วยให้เราได้เห็นการใช้ภาษาอังกฤษในบริบทจริง มีทั้งภาพและเสียงประกอบ ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมและทำให้สมองซึมซับภาษาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดก็ต้องดูหลายรอบหน่อย และรอบหลังๆ น้องก็จะสามารถดูหนังและเข้าใจบทสนทนาได้เองโดนไม่ต้องอ่านซับไตเติ้ลเลยหละ

อ่านหนังสือและนิตยสารที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างง่าย

น้องๆ อาจเบื่อที่จะอ่านหนังสือสอนภาษาอังกฤษหนาๆ ยากๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา ลองเริ่มเปลี่ยนความรู้ในการเรียนด้วยการอ่านหนังสือที่น่าสนใจและเราอยากอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิยาย นิทาน เรื่องสั้น นิตยสาร เกร็ดความรู้ ท่องเที่ยว แฟชั่น หรืออะไรก็ตามที่น้องๆ ชอบ นอกจากจะช่วยเปิดโลกทางความคิดและสร้างความรู้แล้วยังเป็นวิธีพัฒนาภาษาที่ได้ผลยอดเยี่ยม โดยเทคนิคสำคัญคือจะต้องเลือกหนังสือที่เหมาะสำหรับระดับทักษะของตัวเอง เช่น นักเรียนม.ต้น ก็ควรเป็นหนังสือที่มีภาพประกอบมากกว่าตัวหนังสือ เมื่อเราเก่งขึ้น ก็อ่านหนังสือที่ยากขึ้นตามลำดับ

ซึ่งแหล่งความรู้ที่เหมาะสมสำหรับน้องๆ มัธยมก็คือ นิตยสารภาษาอังกฤษ เช่น Nation Junior และ Student Weekly ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษที่ง่ายกว่านิตยสารสำหรับเจ้าของภาษา หรือ นิตยสารอย่าง Future ก็จะมีบทความที่มีทั้งสองภาษา อังกฤษและไทยให้อ่านเปรียบเทียบกัน รับรองว่า ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของน้องๆ จะคล่องขึ้นมากเลย

ฝึกพูดบทสนทนาที่มักใช้เป็นประจำ (Conversational Patterns) 

ในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อน้องๆ ไปซื้อของ ไปท่องเที่ยว ไปโรงเรียน กินข้าว ดูหนัง ทำรายงาน สอบถามเส้นทาง พูดคุยกับเพื่อน ลองพยายามคิดหรือจินตนาการว่าถ้าเราจะต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ จะพูดอย่างไร โดยเทคนิคการฝึกบทพูดสนทนาที่ใช้เป็นประจำคือ

ถ้าน้องๆ คิดไม่ออก ก็ลองหาหนังสือ Phrase book หรือ หนังสือรวมบทสนทนาสำหรับนักท่องเที่ยว และ CD รวมบทสนทนาภาษาอังกฤษต่างๆ เพื่อดูว่าบทสนทนาในสถานการณ์นั้นๆ เป็นอย่างไร เพราะในแต่ละสถานการณ์จะมีประโยคและคำศัพท์ที่ใช้โต้ตอบหลักๆ ไม่กี่รูปแบบเท่านั้น เมื่อเราฝึกคิดและใช้รูปแบบดังกล่าวได้อย่างคล่องแคล่ว เราก็จะพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์เหล่านั้นได้เองอัตโนมัติ 

ใช้สมุดจดหรือถ่ายภาพเพื่อบันทึกคำศัพท์ประจำวัน

เพียงแค่กดเปิด Social media ขึ้นมา หรือเดินออกไปหน้าบ้าน ก็จะเห็นว่ามีภาษาอังกฤษอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด น้องๆ ต้องหมั่นสังเกตและจดบันทึกสิ่งที่น่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์ไว้เพื่อเป็นไดอารี่และแหล่งเรียนรู้ส่วนตัว อย่างเช่น

เสื้อยืดที่วลีหรือประโยคมีภาษาอังกฤษเท่ๆ แปะอยู่ เมื่อเจอคำศัพท์เหล่านี้ น้องๆ ก็จดบันทึกไว้ในสมุดโน้ตหรือใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้ แล้วกลับมาหาความหมาย ซึ่งการเรียนรู้ผ่านสิ่งแวดล้อมประกอบแบบนี้ นอกจากจะน่าสนใจแล้วยังช่วยให้เราจดจำคำศัพท์ได้แม่นยำกว่า แต่ที่สำคัญต้องอย่าลืมหยิบมาหมั่นทบทวนกันบ่อยๆ ด้วยนะ

ขอให้พูดซ้ำหรืออธิบายอีกครั้งให้ชัดเจน

เมื่อน้องๆ ต้องสนทนากับชาวต่างชาติแล้วเราฟังประโยคที่เขาพูดไม่เข้าใจ สาเหตุอาจเกิดจากเขาพูดเร็วเกินไป ใช้คำศัพท์ที่เราไม่รู้จัก หรือเพราะสำเนียงที่เราไม่คุ้นหู ซึ่งการขอให้เขาพูดช้าลงไม่ใช่เรื่องยากและน่าอายเลย น้องๆ ไม่ต้องกลัวไปว่าเขาจะรำคาญหรือตำหนิเรา เพียงใช้วลีหรือประโยคต่อไปนี้ถามไปอย่างสุภาพ เช่น

Slowly, please = ช้าหน่อยได้ไหม 
Could you please speak slowly? = กรุณาพูดช้าๆได้ไหม
Again, please = อีกครั้งได้ไหม
Pardon me = ขอโทษนะคะ/ครับ (มีความหมายแฝงว่า เราต้องการให้เขาพูดซ้ำ)

จำไว้เลยว่า ชาวต่างชาติเขาเข้าใจ ถ้าเราจะถามซ้ำหรือฟังประโยคที่เขาพูดไม่ถนัดเพราะการสนทนาภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ได้เป็นภาษาที่เราใช้เป็นหลัก เพียงแต่น้องต้องแสดงความใส่ใจที่จะพูดคุยจริงๆ แค่นี้ก็เป็นการต่อบทสนทนาได้อย่างน่าประทับใจแล้วล่ะ

ติดตาม Social Media 

หรือ Website ที่น่าสนใจ แล้วเข้าไปมีส่วนร่วม

ปัจจุบันนี้คือยุคแห่งการเชื่อมโยงกันทั่วโลกผ่าน “อินเทอร์เน็ต” โดยสื่อ Social Media หรือ Website ที่น้องๆ รู้จักดีอย่าง Youtube, Facebook, IG, Twitter หรือ Blog  ล้วนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในการนำเสนอเนื้อหาต่างๆ ซึ่งสื่อเหล่านี้ได้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาที่สำคัญและเข้าถึงง่ายในชีวิตของน้องๆ โดยเราสามารถเขียนโต้ตอบกับคนทั่วโลกได้โดยใช้ภาษาอังกฤษ ที่อาจมีเนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์เป็นจุดดึงความสนใจร่วมกันอย่างเช่น Facebook หรือ Youtube ก็แสนจะสะดวกว่ามั้ยล่ะ