Skip to content
Home » [NEW] ชื่อ-นามสกุล ของฝรั่ง ทำไมถึงซ้ำกันเยอะมาก | ชื่อ ฝรั่ง ผู้หญิง เพราะ ๆ – NATAVIGUIDES

[NEW] ชื่อ-นามสกุล ของฝรั่ง ทำไมถึงซ้ำกันเยอะมาก | ชื่อ ฝรั่ง ผู้หญิง เพราะ ๆ – NATAVIGUIDES

ชื่อ ฝรั่ง ผู้หญิง เพราะ ๆ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ชื่อ-นามสกุล ของฝรั่ง ทำไมถึงซ้ำกันเยอะมาก

 

ชื่อ-นามสกุล ของฝรั่ง ทำไมถึงซ้ำกันเยอะมาก

 

หลายคนอาจมีเพื่อนหรือคนรู้จักเป็นชาวตะวันตก แต่เราพอเอา ชื่อ-นามสกุล ไปลองเสิร์ชดูในอินเตอร์เน็ตกับพบว่ามีชื่อและนามสกุลซ้ำกันนับสิบๆ คน จนไม่รู้ว่าคนไหนคือเพื่อนเรากันแน่ วันนี้ maanow.com เลยไปค้นข้อมูลมาฝากเพราะแอดมินก็สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน 

 

 

ชื่อ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า first name แต่ภาษาอังกฤษในบางประเทศก็เรียกว่า given name (เคยเห็นในพลาสปอร์ตของคนอินเดีย) ในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า prénom
นามสกุล ในภาษาอังกฤษเรียกว่า last name, family name หรือ surname ในประเทศอังกฤษบางทีก็เรียกนามว่า surname ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า nom แต่ surnomer ในภาษาฝรั่งเศสนั้นแปลว่าการตั้งฉายาให้โดยเพื่อนๆ

นอกจากนี้แล้ว ฝรั่งยังมีชื่อกลาง middle name ที่บางคนก็มีชื่อกลางหลายชื่อ ส่วนมากก็มักจะเอาชื่อพ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย มาตั้งเป็นชื่อกลาง ชื่อกลางอันแรกส่วนมากจะเป็นชื่อพ่อ ชื่อกลางที่สองอาจเป็นชื่อปู่ เป็นต้น ข้อดีของการมีชื่อกลางก็คือช่วยแยกแยะคนที่มีชื่อและนามสกุลเหมือนกัน ว่าคนๆ นั้นเป็นลูกหลานใคร อย่างไรก็ดีในบัตรประจำตัวประชาชน ก็จะมีแค่ชื่อกับนามสกุล แต่เคยเห็นในพลาสปอร์ตคนฝรั่งจะมี ชื่อ, นามสกุล และชื่อกลางอยู่ด้วย

 

 

ขอยกตัวอย่างชื่อพระเอกแวมไพร์สุดหล่อจากทไวไลท์ ที่ชื่อเต็มๆ ของเขาก็คือ Robert Douglas Thomas Pattinson โรเบิร์ต ดักลาส โธมัส แพตตินสัน คนส่วนมากก็จะเรียกเขาว่า โรเบิร์ต แพตตินสัน เรียกเพียงแค่ ชื่อ-นามสกุล ส่วนชื่อกลาง Douglas และ Thomas นั้นแอดมินไม่ได้ไปสืบต่อว่าเป็นชื่อของใครกันบ้าง ถ้ามีใครพอทราบก็มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ Robert คือชื่อ ส่วนนามสกุลก็คือ Pattinson เราจะเห็นว่าฝรั่งชื่อโรเบิร์ตมีเยอะมากกกกก ลากเสียงยาวๆ แบบว่าโหลเลยหล่ะ แถมยังเป็นนามสกุลของใครอีกหลายๆ คน ยกตัวอย่างที่เรารู้จักดีก็คือ จูเลีย โรเบิร์ต นักแสดงสาวชาวอเมริกัน 

 

การที่ฝรั่งชื่อซ้ำกันก็เพราะว่าความเชื่อทางศาสนา ฝรั่งส่วนมากนับถือศาสนคริตส์ จึงมีความนิยมตั้งชื่อตามนักบุญ แม่ชีหรือ Saint ต่างๆ บางประเทศอย่างฝรั่งเศสในปฎิทินแต่ละวันก็จะมีนักบุญประจำแต่ละวันกันเลย แล้วพอชื่อใครตรงกับชื่อนักบุญในวันไหนของปีก็อาจมีการจัดปาร์ตี้เล็กๆ ฉลองกัน หรืออย่างน้อยๆ ก็จะมีการอวยพรให้กัน เวลาดูทีวีในขณะที่มีการรายงานพยากรณ์อากาศก็จะบอกด้วยว่าวันนี้เป็นวันของนักบุญท่านใด เช่นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็คือ Saint Valentine หรือนักบุญวาเลนไทน์

 

 

วันนี้คือวันที่ 17 กรกฎาคม 2559 ในปฏิทินฝรั่งเศส จะเป็นวันของคนที่ชื่อชาร์ลอตต์ “

Charlotte

” เป็นชื่อเวอร์ชั่นผู้หญิง ของ

Charles

แต่ละประเทศอาจจะเรียกชื่อนี้ต่างกันออกไปตามภาษาของตัวเอง

 

• Charlotte เขียนและสะกดเหมือนกันแบบนี้ ในประเทศเยอรมันี เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส

• Carlota ในภาษาสเปน

• Carlotta อิตาลี

• Charlotta โปแลนด์

 

ในแค่ฝรั่งเศสประเทศเดียวมีคนใช้ชื่อนี้และยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 117,868 คน มีคนนามสกุล Charlotte ประมาณ 400 กว่าคน และโดยอายุเฉลี่ยของคนชื่อนี้อยู่ที่ประมาณ 30 กว่าปี นอกจากนี้แล้ว ยังมีชื่อคนฝรั่งเศสชื่อ Marie-Charlotte ที่เกิดจากการเอาสองชื่อมารวมกันคือชื่อ  Marie และ Charlotte มีเจ้าหญิงในราชวงศ์บูร์บง หลายพระองค์ที่ใช้ชื่อนี้ 

 

ที่ซับช้อนไปกว่านั้นคือชื่อ Charles ยังมีชื่อเวอร์ชั่นหญิงอีกหลายชื่อ เช่น 

• Carole หรือ Caroline (ฝรั่งเศส) 

• Charlene (อังกฤษ) 

• Carolina, Carlina (สเปน) 

• Carotta (โปรตุเกส) 

• Karol (เยอรมันนี) 

• Carlina และ Carla ในอิตาลี ยกตัวอย่างเช่น คาร์ล่า บรูนี่ ภรรยาของนิโคลาส์ ซาโกซี อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เธอเป็นคนอิตาลี่ ชื่อและนามสกุลแบบเต็มๆ ก่อนแต่งงานของเธอคือ Carla Bruni Tedeschi พอแต่งานแล้วก็เปลี่ยนนามสกุลกลายเป็น Carla Bruni SARKOZY ขออนุญาติเขียนนามสกุลเป็นอักษรตัวใหญ่แบบคนฝรั่งเศสนะคะ เพราะเข้าใจง่ายดีว่าอันไหนชื่ออันไหนนามสกุล เพราะบางทีฝรั่งก็เขียนนามสกุลขึ้นก่อน ทำให้คนเอเซียอย่างเรางง ว่าอันไหนเป็นชื่อ อันไหนนามสกุล

 

ชื่อเดียวกันแต่เขียนไม่เหมือนกัน

 

ในภาพบนสุดด้านซ้ายมือคือ เจ้าชายวิลเลี่ยม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ หรือ His Royal Highness Prince William Duke of Cambridge, William Arthur Philip Louis ส่วนขวามือคือ กีโยม กาเนต์ นักแสดงชาวฝรั่งเศส ชื่อ William (อังกฤษ) กับ Guillaume (ฝรั่งเศส) นั้นเขียนต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่เชื่อมั๊ยว่าทั้งสองชื่อเป็นชื่อเดียวกัน ต่างกันแค่ชื่อแรกเป็นเวอร์ชั่นอังกฤษส่วนชื่อหลังเป็นเวอร์ชั่นฝรั่งเศส

 

Lola

เป็นชื่อที่ค่อนข้างทันสมัยของเด็กผู้หญิงฝรั่งเศส อายุโดยเฉลี่ยของคนชื่อนี้อยู่ที่ประมาณ 10 ขวบ เป็นชื่อที่ยังไม่มีคนคนใช้กันเยอะ เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของ “

Lolita

” หลายคนอาจจะคุ้นหูเพราะโลลิตาเป็นชื่อของสาววัยรุ่นที่ตกหลุมรักกับคนที่แก่คราวพ่อในพ็อกเก็ตบุ๊คชื่อดังของวลาดิเมียร์ นาโบคอฟ นักเขียนชาวรัสเซีย แทบไม่น่าเชื่อว่า Lolita มาจากภาษาลาตินคำว่า Dolorosa ที่หมายมาจาก La Virgen María de los Dolores หรือ Virgin Mary of Sorrows (ในภาษาอังกฤษ) หมายพระแม่มารีย์ (มารดาพระเยซู) ที่ใบหน้ามีความเศร้าและมีดาบ 7 เล่มปักอยู่ที่หัวใจ ชื่อ Dolores หรือ Delores ที่ชื่อที่นิยมกันมาในประเทศสเปน การฉลองชื่อ Lola หรือ Lolita ของคนฝรั่งเศสจะเป็นวันเดียวกันกับที่มีการเฉลิมฉลองวิหาร La Fête de Notre-Dame du Mont Carmel คือเมื่อวานนี้เอง

 

 La Virgen María de los Dolores หรือ Virgin Mary of Sorrows

 

Lucas (เยอรมันนี) = Luke (อังกฤษ) =  Louis, Loïc (ฝรั่งเศส) 

เป็นชื่อเดียวกับ

Loes

ในเวอร์ชั่นของเฟลมมิชของคนเบลเยี่ยมที่อยู่ฝั่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับเนเธอร์แลนด์  Louis กับ Loïc ชื่อคือชื่อเดียวกัน เพียงแต่อยู่กันคนละยุค ยกอย่างเช่นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หรือ หลุยส์ วิตตอง ที่คนไทยเรารู้จักกันดี เมื่อ 60 ปีกว่าที่แล้วคนฝรั่งเศสนิยมใช้ชื่อนี้กันเยอะ แต่เวอร์ชั่นที่กำลังนิยมก็คือ Loïc อายุโดยเฉลี่ยของคนชื่อนี้คือประมาณ 20 ปีต้นๆ 

 

Stephanie

 เป็นชื่อในเวอร์ชั่นหญิงของ Stephen เป็นชื่อที่มาจากภาษากรีก มีชื่อเล่นโดยอัตโนมัติว่า Stef 

Stefan (สวีเดน)  

Stefanie (เยอรมันนี) 

Stefania ในโปแลนด์ รัสเซีย สาธารณรัฐเช็ก

Estefanía ในสเปน 

Estefânia ในโปรตุเกส 

นอกจากนี้แล้ว Stephania, Etienette, Stefa, Stefania, Stefanie, Stefanina, Steffie, Stepania, Stepanie, Stephana, Stevena, Teena, Stephenie และ Stefni คือชื่อเดียวกันมาจากชื่อ Saint-Étienne ซึ่งตรงกับวันที่ 26 ธันวาคม

 

ชื่อเล่นของฝรั่ง

 

ฝรั่งไม่ได้มีชื่อเล่นเป็น ผัก ผลไม้ หรือหมู แมว กา ไก่แบบบ้านเรา แต่ฝรั่งบางคนเกิดมาก็มีชื่อเล่นเลย เป็นที่รู้กันว่าเป็นชื่อสั้นๆ ที่ย่อมาจากชื่อจริง เช่น 

Christopher – Christ 

Charles – Charlie

Robert – Bob

Catherine – Katie

Natalie – Nat

Nathan – Nate

Nicholas – Nick

Daniel – Dan

Matthew – Matt

William – Will หรือ Bill เช่น Bill Gates ที่มีชื่อเต็มๆว่า William Henry Gates III
Steven – Steve เช่น Steve Jobs ที่มีชื่อเต็มๆว่า Steven Paul Jobs และชื่อที่สองคือ Paul นั้นมาจากชื่อพ่อ
Rebecca – Becca บางทีก็เรียกว่า Beckie

 

การเรียกชื่อฝรั่ง 

 

เวลาเรียกจะมีคำขึ้นต้น เช่น Mr. Mrs. Miss และ Ms สำหรับคนทีเราไม่รู้ว่าเขาแต่งงานหรือยัง คำนี้ออกเสียงว่า Mizz

Professor สำหรับอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย และไม่ควรเรียกคุณครูว่า teacher นะคะเพราะแสดงว่าคุณไม่รู้จักชื่อครูตัวเอง แล้วคุณคงไม่อยากให้คุณครู เรียกคุณว่า student แทนชื่อจริงด้วยใช่มั๊ย มันดูห่างเหินมากเลยนะ

 Doctor สำหรับคนที่เป็นคุณหมอ ไม่เหมือนบ้านเราเรียกคนที่เรียนจบปริญญาเอกว่าด็อกเตอร์ แอดมินเคยปล่อยไก่มาแล้วสมัยยังอ่อนภาษาอังกฤษคุยกับฝรั่งแล้วเอ่ยถึงคุณเจ้านายว่าด็อกเตอร์ ฝรั่งถามกลับว่าเจ้านายคุณเขาเป็นคุณหมอด้านไหนเลยจำขึ้นใจเลย

 

หลักการณ์

เจอกันครั้งแรกหรือเจอกันแบบเป็นทางการควรเรียกชื่อสกุล หรือว่า last name นะคะ เช่น  Mr. Pattinson ส่วนผู้หญิงก็ใช้ Mrs หรือ Miss ถ้าไม่แน่ใจใช้ Ms ก่อนโลด แอดมินทำบ่อย เวลาจะเรียกอาจารย์ก็เรียกชื่อสกุลเช่นกัน ส่วนเพื่อนในห้องเรียนรุ่นๆ เดียวก็เรียกชื่อเฉยๆ แต่เวลาเราย้ายไปใหม่ๆ เพื่อนในห้องเรียนบางคนจะอาวุโสกว่าเรา เราควรให้เกียรติด้วยการเรียก last name ไว้ก่อน หลังจากที่เขาเบื่อที่เราเรียกเขาเต็มยศแบบนั้นเค๊าจะบอกให้เรียกชื่อ แล้วเราค่อยเรียก first name ของเขา สำหรับคนที่ไม่แน่ใจ บางทีมันก็รูึกแปลกๆ ไม่ค่อยสะดวกใจเหมือนกันนะที่ต้องคอยถามว่า

What should I call you?

แนะนำว่าให้เรียกนามสกุลไปก่อนเลย เดี๋ยวเขาก็บอกเราเองแหละว่าอยากให้เราเรียกเขาว่ายังไง เพราะเขาเองก็คงไม่อยากให้เราเรียกเขาแบบเต็มยศตลอดเวลา 

 

น่าสนใจนะคะ สำหรับการตั้งชื่อฝรั่ง แบบว่าโยงกันไปมา ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะภาษาของคนทางยุโรปจะคล้ายๆ กัน บ้างก็มาจากภาษาละติน กรีก โรมัน แล้วฝรั่งส่วนมากก็นับถือศาสนาคริสต์ เลยทำให้มีชื่อซ้ำหรือคล้ายกันเยอะมาก ดังนั้นการมีชื่่อที่สองมากจากชื่อพ่อ ชื่อที่สามมาจากชื่อปู่ย่าตายายจึงช่วยในการเจาะจงตัวบุคคลได้ง่ายขึ้น ในอนาคตก็จะมีฝรั่งชื่อเท่ห์ๆ เติบโตขึ้นมาอย่าง Zoé (โชเอ่) Margot (มาร์โก้) Clément (เคล่ม็องต์) ตอนนี้พวกเขายังเด็กอยู่ มีอีกอย่างหนึ่งที่น่าคิดก็คือ ชื่อผู้หญิงที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกคือ “Marie” ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชื่อของฝรั่ง ส่วนชื่อผู้ชายคือ “Mohammed” หรือโมฮัมเหม็ด ที่ส่วนมากอยู่ในตะวันออกกลาง ส่วนนามสกุลที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกคือ “Chang” ซึ่งก็คือแซ่ “ฉาง” ของคนจีนนั่นเองค่ะ

 

[NEW] วิธีเรียกชื่อฝรั่ง : ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | ชื่อ ฝรั่ง ผู้หญิง เพราะ ๆ – NATAVIGUIDES

วิธีเรียกชื่อฝรั่ง : ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

วิธีเรียกชื่อฝรั่ง : ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

สวัสดีค่ะ วันก่อนเราได้พูดถึง ชื่อฝรั่งว่าทำไมถึงซ้ำกันเยอะจัง วันนี้เราจะมาพูดถึง วิธีเรียกชื่อฝรั่ง สำหรับสังคมไทยเรานั้น ก็จะมีการให้เกียรติกันตามลำดับความอาวุโส เช่นเราอาจจะเรียกคนที่ไม่รู้จักหรือสนิทสนมคุ้นเคยกันว่า พี่ ลุง น้า ป้า แล้วก็ตามด้วยชื่อของคนๆ นั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นญาติกัน หรืออย่างน้อยก็เรียกว่า คุณ…  แล้วในสังคมของชนชาติตะวันตกหล่ะ มีคำหน้า ลุงป้าน้าอา แบบเราหรือไม่ วิธีเรียกชื่อฝรั่ง หรือเวลาจะเรียกใครชื่อใครซักคน เขามีวิธีการเรียกกันยังไง 

วิธีการเรียกใครซักคนนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลายสถานการณ์ เช่น เพศ อายุ เป็นคนที่รู้จักสนิทสนมกันหรือไม่ หรือว่าเรียกทีเดียวหลายๆ คน เป็นการเรียกในสถานการณ์แบบธรรมดา หรือว่าค่อนข้างโรแมนติค โดยหลักแล้วการเรียกคำนำหน้าชื่อ หรือวิธีเรียกใครสักคน แบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ก็คือ แบบเป็นทางการ (Formal) และแบบไม่เป็นทางการ (Informal) เราจะมาเริ่มจากการเรียกแบบเป็นทางการกันก่อนนะคะ 

Last Name / Family Name 

การเรียกชื่อสกุล (นามสกุล) Last name หรือ Family name เป็นการเรียกใครซักคนแบบเป็นทางการ เป็นการเรียกแบบสุภาพและให้เกียรติ เวลาที่เรายังไม่รู้จักสนิทสนมกัน เช่น จากภาพยนต์เรื่อง Mr. & Mrs. Smith นั้นพระเอกมี ชื่อ-นามสกุล ว่า John Smith ส่วนนางเอกคือ Jane Smith แต่เวลาเรียกก็คือเรียก  Mr. Smith และ Mrs. Smith นายสมิท และนางสมิท และคำนำหน้าก็มีอยู่หลายคำ ดังนี้

 

• Mr.

ย่อมาจาก Mister ใช้เรียกผู้ชาย (Mr. + Last name) การเขียนภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะเขียนแบบมีจุดข้างหลัง แต่ภาษาอังกฤษ แบบ บริติช จะเขียนแบบไม่มีจุดเป็น Mr หรือ Mrs

• Mrs.

อ่านว่า missis ย่อมาจาก Missus ใช้เรียกผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว (Mrs. + Last name)

 

หลายคนอาจจะผิดหวัง เพราะความจริงแล้วสองคำนี้

ไม่ใด้ย่อมาจาก Mister และ Missus อย่างที่เราเข้าใจซะทีเดียว

 เพราะเดิมทีนั้น  Mr. และ  Mrs. ย่อมาจาก Master และ Mistress ฝรั่งบางคนยังเข้าใจผิดนั่งเถียงกันตาดำตาแดง เรื่องนี้ต้องย้อนกันไปไกลก่อนถึงศตวรรษที่ 15ในสมัยต้นๆ ที่ Oxford English Dictionary (OED) มีการบันทึกเรื่องนี้ไว้ จนกระทั่งราวๆ ศตวรรษที่ 18 ก็มีการเปลี่ยนเป็น Missus ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นแบบเขียนเต็มๆ ของ Mrs. ในปัจจุบัน แล้วเราก็ออกเสียงเป็นมิสซิส จนนิยมใช้เป็น Missus หรือ Missis กันไปเลย 

 

• Miss

แล้วตามด้วยนามสกุลใช้เรียกผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน

• Ms

. เวลาพูดออกเป็น Mizz (มิซ) ใช้เรียกผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน หรือถ้าเราไม่แน่ใจว่าเธอแต่งงานแล้วหรือยังก็เรียก Ms. แล้วตามด้วยนามสกุลของเธอเลย  จริงๆ แล้วผู้หญิงส่วนมากชอบที่ถูกเรียกว่า Ms. 

 

ผู้หญิงฝรั่งที่เป็นหม้ายหรือสามีเสียชีวิต ส่วนมากมักจะใช้นามสกุลของสามีจนกระทั่งแต่งงานใหม่อีกครั้งถึงจะเปลี่ยนนามสกุล ส่วนผู้หญิงที่หย่าร้างนั้นมักจะเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลก่อนแต่งงาน ผู้หญิงบางคนหลังจากแต่งงานแล้วก็ยังคงนามสกุลเดิมไว้คล้ายๆ กับเป็นชื่อกลาง แล้วก็ตามด้วยนามสกุลของสามีอีกทีหนึ่ง

 

First name

 

การเรียกฝรั่งแบบไม่เป็นทางการ หรือ Informal นั้นใช้เรียกคนที่สนิทกันแล้วด้วยการเรียกชื่อแรกของเขาเลย ยกตัวอย่าง John Smith เวลาสนิทสนมกันแล้วก็เรียกชื่อ John สั้นๆ เลยก็ได้ หรือสมมถติว่าเพิ่งรู้จักกัน แล้วเราเรียกเขาว่า Mr. Smith แล้วเขาบอกเราว่าเรียกเขาว่า John ก็ได้เราก็เรียกแค่ชื่อเขาได้เลย หลักการณ์ง่ายๆ ก็คือถ้าไม่รู้ให้เรียกนามสกุลก่อน พอเขาอนุญาติแล้วค่อยเรียกแค่ชื่อ ถ้าเป็นเพื่อนในชั้นเรียนเดียวกันก็เรียกแค่ชื่อก็ได้ แต่เวลาเราเข้าไปเรียนใหม่ๆ เพื่อนร่วมชั้นอาจจะมีคนที่อาวุโสกว่า เราก็ควรให้เกียรติด้วยการเรียกนามสกุล แต่เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวเค๊าจะบอกให้เราเรียกแค่ชื่อก็พอ

 

อย่างไรก็ตามในภาษาอังกฤษนั้นจะมีประโยคที่ว่า «

on a first name terms

» หรือ «

on the first name basis

» ถ้าเราได้ยินใครซักคนพูดว่า My brother-in-law and I are on a first name terms. หรือ My teacher and I are on the first name basis. หมายความว่าพวกเขาทั้งสองคนมีความสมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น ไม่สนิทกัน (เลยเรียกนามสกุล เว้นระยะห่างไว้ระหว่างคนสองคน)

 

Formal Title 

เป็นการเรียกแบบเป็นทางการ โดยอาจจะเรียกจากยศหรือว่าอาชีพ เช่น 

• Doctor

ใช้เรียกคุณหมอ หรือคนที่จบแพทย์มา (ต่างจากบ้านเราใช้เรียกคนจบปริญญาเอก) วิธีเรียกอาจเรียก Doctor แล้วตามด้วยนามสกุล หรือเรียกว่า ด็อกเตอร์ โดยไม่จำเป็นต้องต่อด้วยนามสกุลก็ได้ แม้ว่าเราจะเห็นป้ายชื่อของคุณหมอแล้วก็ตาม 

• Officer

ใช้เรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และอื่นๆ อีกมากมาย การเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า Officer ถือว่าเป็นการเรียกที่สุภาพนะคะ

• Professor

ใช้เรียกอาจารย์ วิธีใช้คล้ายๆ กับการเรียกคุณหมอ คือตามด้วยชื่อหรือเรียกว่า Professor เฉยๆ ก็ได้ 

 

ทีนี้เรามาพูดถึงการเรียกคนที่เราไม่รู้จัก ว่าเราควรเรียกพวกเขาว่าอะไรดี

 

Sir

เป็นการเรียกผู้ชายแบบเป็นทางการ ใช้กับคนที่ทำงานโรงแรมหรืองานด้านการบริการ ตัวอย่างประโยค Good morning, Sir. หรือ May I help you, Sir ? 

Mister / guy / man / dude / bro

เป็นการเรียกผู้ชายแบบไม่เป็นทางการ ตัวอย่าการใช้ Hi man, Hi guy หรือ Hi bro, ซึ่ง bro นั้นมาจากคำว่า brother นั่นเอง

Madam / Ma’am

เป็นการเรียกผู้หญิงแบบเป็นทางการ Good morning Madam. หรือ May I help you Ma’am ? คำว่าMa’am อ่านว่า แมม ย่อมาจาก

Madam

นิยมใช้กันมากในทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา 

Gentlemen

เป็นการเรียกสุภาพบุรุษหลายคนแบบเป็นทางการ

Ladies

เป็นการเรียกสุภาพสตรีหลายคนแบบเป็นทางการ

Ladies and Gentlemen

เป็นการเรียกทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษหลายคนแบบเป็นทางการ อย่าลืมเอา Ladies ขึ้นก่อนทุกครั้งนะคะ

 

Folks

เป็นการเรียกผู้หญิงหลายๆ คนแบบไม่เป็นทางการ

Guys

เป็นการเรียกผู้ชายหลายคนแบบไม่เป็นเป็นทางการ

Kids

เป็นการเรียกเด็กๆ หลายคนแบบไม่เป็นทางการ

 

Informal Title

เป็นการเรียกกันแบบสนิทสนม หรือโรแมนติค เช่น

• Honey ใช้เรียกเด็ก คู่รัก หรือคนที่มีอายุน้อยกว่า

• Babe หรือ Baby

• Sweetie

• Love

• Dear

• Darling

• Pal เป็นคำเรียกของพวกผู้ชาย เข่น พ่อ, ปู่ หรือตา ใช้เรียกลูกชายหรือหลานชาย 

• Buddy หรือ Bud เป็นการเรียกแบบกันเองระหว่างเพื่อน หรือผู้ใหญ่กับเด็ก หรือคู่หูที่ทำงานคู่กัน

 

เป็นไงบ้างคะ การเรียก (ชื่อ) ฝรั่งหลากหลายแบบ สำหรับท่านใดที่มีวิธีเรียกฝรั่งในแบบอื่นก็มาเล่าให้กันฟังบ้างนะ แล้วเจอกันใหม่ในการเรียนภาษาอังกฤษหัวข้ออื่นๆ สวัสดีค่ะ 

 

 


มาฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ‘ชื่อผู้ชายของฝรั่ง’ กับสำเนียงอเมริกันกันค่ะ


มาฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ชื่อผู้ชาย สำเนียงอเมริกัน

[ ข้อความจากพี่หลิงๆ : ]
วันนี้ได้รวบรวมมาชื่อผู้ชายของฝรั่งมา 50 กว่าชื่อที่น่าจะเจอกันบ่อยค่ะ ลองมาฝึกอ่านด้วยกันเลยค่ะ

[Contact Info :]
Facebook: http://www.facebook.com/TalkAmerican
Email: [email protected]
IG: http://www.instagram.com/TalkAmerican
YouTube: http://www.Youtube.com/user/MsLingLingofficial
Twitter: http://www.twitter.com/Talk_American

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

มาฝึกอ่านภาษาอังกฤษ 'ชื่อผู้ชายของฝรั่ง' กับสำเนียงอเมริกันกันค่ะ

ตั้งชื่อลูกสาว แบบภาษาอังกฤษ พร้อมความหมายสวยๆ Ep.2


ตั้งชื่อลูก ชื่อลูกสาว ชื่อผู้หญิง

ตั้งชื่อลูกสาว แบบภาษาอังกฤษ พร้อมความหมายสวยๆ Ep.2

มาฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ‘ชื่อผู้หญิงของฝรั่ง’ กับสำเนียงอเมริกันกันค่ะ


มาฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ชื่อผู้หญิง สำเนียงอเมริกัน

[ ข้อความจากพี่หลิงๆ : ]
วันนี้ได้รวบรวมมาชื่อผู้หญิงของฝรั่งมา 50 กว่าชื่อที่น่าจะเจอกันบ่อยค่ะ ลองมาฝึกอ่านด้วยกันเลยค่ะ

[Contact Info :]
Facebook: http://www.facebook.com/TalkAmerican
Email: [email protected]
IG: http://www.instagram.com/TalkAmerican
YouTube: http://www.Youtube.com/user/MsLingLingofficial
Twitter: http://www.twitter.com/Talk_American

มาฝึกอ่านภาษาอังกฤษ 'ชื่อผู้หญิงของฝรั่ง' กับสำเนียงอเมริกันกันค่ะ

Katy Perry – Roar (Official)


Katy Perry’s new album \”Smile\” out August 28 http://katy.to/smileID
Listen to Katy’s new song “Smile”: https://katy.to/smileID
Get “Roar” from Katy Perry’s ‘PRISM’: http://katy.to/PRISM
Katy Perry Complete Collection on Spotify: http://katy.to/SpotifyCompleteYD
Katy Perry Essentials on Apple Music: http://katy.to/AMEssentialsYD
Watch your favorite Katy videos on YouTube: http://katy.to/MusicVideosYD
Follow Katy Perry:
Website: http://katy.to/WebsiteYD
Instagram: http://katy.to/InstagramYD
Twitter: http://katy.to/TwitterYD
Facebook: http://katy.to/FacebookYD
Official music video for Katy Perry’s \”Roar\” brought to you in Junglescope directed by Grady Hall \u0026 Mark Kudsi and produced by Javier Jimenez, Danny Lockwood, Patrick Nugent, Derek Johnson and Oualid Mouaness.
Lyrics:
I used to bite my tongue and hold my breath
Scared to rock the boat and make a mess
So I sit quietly
Agree politely

I guess that I forgot I had a choice
I let you push me past the breaking point
I stood for nothing
So I fell for everything

(PreChorus)
You held me down but I got up
Already brushing off the dust
You hear my voice, you hear that sound
Like thunder, gonna shake the ground

You held me down but I got up
Get ready ’cause I’ve had enough
I see it all, I see it now

(Chorus)
I got the eye of the tiger, a fighter
Dancing through the fire
‘Cause I am a champion
And you’re gonna hear me roar

Louder, louder than a lion
‘Cause I am a champion
And you’re gonna hear me roar
You’re gonna hear me roar

Now I’m floating like a butterfly
Stinging like a bee, I earned my stripes
I went from zero
To my own hero

(PreChorus)
You held me down but I got up
Already brushing off the dust
You hear my voice, you hear that sound
Like thunder, gonna shake the ground

You held me down but I got up
Get ready ’cause I’ve had enough
I see it all, I see it now

(Chorus)
I got the eye of the tiger, a fighter
Dancing through the fire
‘Cause I am a champion
And you’re gonna hear me roar
Music video by Katy Perry performing Roar. (C) 2013 Capitol Records, LLC

Katy Perry - Roar (Official)

Ep.10 ชื่อน่ารักๆ เอาไว้ตั้งชื่อในเกมส์ pubg rov freefire codm สำหรับคุณผู้หญิง


ถ้าชอบฝากสนับสนุน ช่อง โดยการ กด subscribe และ กด like
ให้ช่องของผมด้วยนะครับ
มีลงคลิป เล่นเกมส์ บ้างนะ เพื่อไม่ให้เพื่อกับคลิปแบบนี้

Ep.10 ชื่อน่ารักๆ เอาไว้ตั้งชื่อในเกมส์ pubg rov freefire codm สำหรับคุณผู้หญิง

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ชื่อ ฝรั่ง ผู้หญิง เพราะ ๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *