คาดคะเน ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
“ Tense คือ… … กาล….หรือ….เวลา
ใช้ในการแสดง เวลา ของ การกระทำ เพื่อพูดบอกเหตุการณ์นั้นๆ ว่าเป็น ปัจจุบัน อดีตหรือ อนาคต
ก็ลองพิจารณาประโยคง่ายๆ เหล่านี้
I ate Khaomankai yesterday
ฉันกินข้าวมันไก่เมื่อวาน
I eat Khaomankai today
ฉันกินข้าววันไก่วันนี้
I will eat Khaomankai tomorrow
ฉันจะกินข้าวมันไก่พรุ่งนี้
สังเกตออกง่ายๆแล้วใช่ไหม ว่าส่วนมากเขามี การระบุเวลา ช่วยให้เราเข้าใจกันง่ายๆ
จะเป็นวันนี้ เมื่อวาน พรู่งนี้ อาทิตย์หน้า ตอนนี้ เมื่อเช้า ปีที่แล้ว หรืออะไรก็ว่าไป เราจะได้เจอประกอบในบทหลังๆ บ่อยๆแน่ๆ
แต่ภาษาอังกฤษนั้น ยังมีเรื่องการผันกริยาที่ภาษาไทยเราไม่มี
(ซึ่งผมไม่ขอสอน แต่เราต้องหัดใช้ให้ชินกันเอง)
จากที่บอกมา เราก็แบ่งเวลาได้เป็นสามชนิด นั้นคือ
1. Present Tense – ปัจจุบัน
2. Past Tense – อดีต
3. Future Tense – อนาคต
และในแต่ละเวลากาล จะมี Tense ย่อยๆแบ่งออกเป็นหลัก อีก 4 Tense คือ
1. Simple (แสดงเวลากระทำโดยไม่ได้กำหนดว่ากระทำเสร็จตอนไหน)
2. Continuous (แสดงเวลาว่าการกระทำที่กำลังทำอยู่ (เจาะจงเวลา)
3. Perfect (แสดงเวลาที่กระทำเสร็จไปแล้ว)
4. Perfect Continuous (แสดงเวลาการกระทำนั้นได้เริ่มทำแล้ว และยังคงทำอยู่)
ดังนั้นสรุปจากด้านบนมี 3 กาลเวลา ย่อยออกเป็นอย่างละ 4
รวมกันทั้งหมดแล้ว เราจะมี Tense รวมกันถึง 12 Tense
Oh my god! อย่าเพิ่งสลบเหมือด ท้อแท้ที่จะศึกษาต่อละ เพราะในชีวิตจริงๆ เราใช้บ่อยๆกันไม่ครบหรอก เพราะบางตัวนั้นโอกาสใช้น้อยมากๆ
ต่อจากนี้ จะนำมาอธิบายให้เราเข้าใจกันในเอนทรี่ต่อๆไปเอง
เรียงจากความง่ายไป คนที่เก่งเรื่องไวยากรณ์ง่ายๆ อาจเกิดความเบื่อ ต้องขออภัยด้วย แต่จำเป็นต้องเขียนให้ครบเรียงกันไปทุก Tense
ขอแค่จำพวกนี้ให้ได้พอ…
Tense หลักพื้นฐาน 3 อย่าง
1. Present Simple:- V1
2. Past Simple : – V2
3. Future Simple : will,shall Vinfinitive (V1)
ผสานกับ รูปหลัก 2 อย่าง
รูป Continuous: be Ving
รูป Perfect : have V3
——————————————————————————–
รู้แค่นี้เราก็สร้างรูปแบบ tense อื่นๆ ได้แล้ว เช่น
4. Present Continuous จะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูป Continuous
ให้ทำดังนี้
– V1
be Ving
< อันบนคือ Present อันล่างคือ Continuous ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = is,am,are Ving(V.tobe ช่อง1คือ is,am,are )
5. Present Perfectจะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูปPerfect
ให้ทำดังนี้
– V1
have V3
< อันบนคือ Present อันล่างคือPerfect ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = has,have V3(Have ช่อง1คือhas,have )
พอเริ่มเข้าใจยังนะ…
ต่อไป เริ่มadvanceขึ้นแล้ว เป็นการผสม 3 อัน หลักการเดิม
6. Present Perfect Continuous
– V1
have V3
be Ving
Present Perfect Continuous เหลื่อมกันอย่างละช่อง
V1 have คือ has,have : V3 be = been : Ving
รวมแล้วได้ = has,have been ving
ต่อไปลองทำเองละกันนะ จะสรุปเลยว่าได้อะไร
7. Past Perfect = had V3
8. Past Continuous = was,were Ving
9. Past Perfect Continuous = had been Ving
10. Future Perfect = will have V3
11. Future Continuous = will be Ving
12. Future Perfect Continuous = will have been Ving
——————————————————————————–
เมื่อรู้รูปแบบแล้ว ก็มาดูกันต่อว่า มันใช้ตอนไหนกัน (จริงๆเอาแต่หลักๆก็พอ)
1. Present Simple
แสดงการกระทำที่ทำเป็นประจำ มีคำบอกพวก always , often , every , seldom ( บอกว่าไม่บ่อยก็ใช่ )
แสดงความจริงทางวิทยาศาสตร์ สัจธรรม สุภาษิต
แสดงความจริงขณะที่พูดอยู่
เช่น
I watch TV everyday.
The world is round.
Dang and Dam are brothers.
2. Present Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ มักมีคำบอกเวลา เช่น now , at the moment , litsen! look!
บอกอนาคตอันใกล้ ( coming soon )
ป.ล. กิริยาที่ใช้บ่งบอกความรู้สึก ความคิด มักไม่ใช้รูป ing เช่น see , hear , feel ,smell , want , agree (และอีกมากมาย)
เช่น
Phan talking on the phone now.
The end of Evangelionis coming soon to the theater near you.
3. Present Perfect
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since , for , so far
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว แต่ผลของการกระทำยังอยู่
แสดงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป มักมีคำว่า just , yet , already , recently , lately , finally , eventually
ใช้กับเหตุการณ์ที่ เคย/ไม่เคยทำ บอกจำนวนครั้งในอดีต มักมีคำว่า ever , never , once , twice ,again and again …
เช่น
I have likedjapanese animationever since I was a child.
I have turned on the radio.
I have already read this book.
Have you ever been to Neo-Tokyo?
4. Present Perfect Continuous
ใช้เหมือน Present Perfect แต่เน้นความต่อเนื่องของเวลาว่ายาวนาน มักมีคำว่า all week , all day ..
และใช้เน้นว่าจำดำเนินต่อเรื่อยไปในอนาคตด้วย
เช่น
I have been sitting here since 6 o’clock ( คือเน้นว่านั่งมานานแล้วแล้วก็จะนั่งต่อไป)
แต่ถ้าเป็น I have sat here since 6 o’clock ( บอกว่านั่งมานานแล้วต่อไปจะเป็นไงไม่รู้)
5. Past Simple
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ได้จบลงไปแล้ว มักมีคำบอกเวลาดังนี้ yesterday , in the past , ago , in 1983 (ปีอดีต) , the other day , last ( night , week … )
คำว่า”used to” ซึ่งเป็นการใช้กับสิ่งที่เคยทำเป็นประจำในอดีต แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว คำว่า “used”ในความหมายนี้ จึงเติม ed เสมอ
เช่น
Dang saved my life yesterday.
She used to drink milk every night.
6. Past Perfect
ใช้เป็น Combo กับ Past Simple
โดยที่ ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน
ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect ที่เกิดที่หลังใช้ Past Simple
เช่น
She had finished her breakfast before I arrived.
7. Past Continuous
ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต
ใช้กับ 2 เหตุการณ์ในอดีต ( Combo กับ Past Simple อีกแล้ว )
เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ ( ใช้ Past Continuous ) แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก ( ใช้ Past Simple )
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่ดำเนินไปพร้อมๆกันในอดีต มักมีคำว่า while , as เชื่อม
เช่น
At 8 o’clock last night , she was studying.
While I was walking down the street , it began to rain.
You were running in the park while I was swimming in the pool.
8. Past Perfect Continuous
ใช้เหมือน Past Perfect แต่เน้นว่า มีเหตุการณ์อย่างแรกดำเนินมาเรื่อยจนมีเหตุการณ์หลังเกิดขึ้น
เช่น
The police had been looking for the criminal for 2 years before they caught him.
9. Future Simple
แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต มีคำบอกเวลาคือ tomorrow , next (time,month…) , soon , shortly
be going to ต่างกับ will,shall ตรงไหน ??
will shall แสดงความเต็มใจทำให้ (ไม่ได้วางแผน)
be going to แสดงการวางแผนล่วงหน้า
แต่ถ้าคาดการณ์ว่าอาจเกิดในอนาคตใช้ได้ทั้ง2อย่าง
กรณีต่อไปนี้ห้ามใช้ be going to แทน will shall
เหตุการณ์แทนความจริง
ไม่นิยมใช้กับ V1 ที่แสดงความรับรู้ ความคิดเห็น
ไม่นิยมใช้กับ if clause
แต่ถ้าประโยคมีคำเชื่อมพวก when,before,after,as soon as,until ประโยคที่ติดกับคำเชื่อมจะเป็น present Simple แต่อีกประโยคจะเป็น Future Simple
เช่น
Ask your teacher about it. She will help you.
I’m going to paint my bedroom tomorrow.
Ice will melt in a few minutes.
I will love you forever.
I will buy you a cake if you give me money.
10. Future Continuous
ใช้กับการคาดคะเนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆในเวลาจุดนั้นในอนาคต
เช่น
At the same time tomorrow , I will be sitting here.
11. Future Perfect
ใช้คาดการณ์ว่าจะกระทำในอนาคตและจะเสร็จสิ้นเมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง มักมีคำว่า by next week , by tomorrw by 9 o’clock
เช่น
I will have finished my homework by the time I go out on a date tonight.
12. Future Perfect Continuous
ใช้คล้ายกับ Future Perfect แต่เน้นว่าอาจมีการดำเนินต่อไป
เช่น
I will go to bed at 10 PM. He will get home at midnight.
At midnight, I will be sleeping.
I will have been sleeping for 2 hours by the time he gets home.
Table of Contents
[Update] วิธีการพูดเสนอแนะ ชักชวน และแนะนำในภาษาอังกฤษ | คาดคะเน ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES
สวัสดีค่ะนักเรียน ม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูวิธีการพูดให้ข้อเสนอแนะ ชักชวน และแนะนำกันค่ะซึ่งในการเสนอแนะ
หรือชักชวนนั้น ผู้พูดจะแสดงความคิดเห็นเสนอแนะ เพื่อให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยกัน มีการใช้ภาษาหลายระดับ
และใช้รูปประโยคหลายชนิด เช่นเดียวกับการพูดในความหมายต่างๆ ที่ผ่านมาเราจึงต้องใช้รูปประโยคต่างๆ
เช่นประโยคบอกเล่า คำสั่ง ชักชวน เพื่อให้ผู้ฟังทำตาม รวมถึงเทคนิคการตอบรับและปฏิเสธ ดังในตัวอย่างรูปแบบประโยคด้านล่างนะคะ
1. ประโยคบอกเล่า (Statement)
ประโยคบอกเล่าจะมีความหมายในทางเสนอแนะมากกว่าเป็นการให้ความคิดเห็นและแนะว่าควรทำหรือไม่ควรทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งถือเป็นการเสนอแนะโดยตรงมีโครงสร้างดังนี้ค่ะ
ตัวอย่าง
I suggest that you should study more.
ฉันขอเสนอแนะว่า เธอควรเรียนให้มากกว่านี้นะ
I advise we should exercise more.
ฉันขอแนะนำว่า เราควรออกกำลังกายให้มากกว่านี้
I propose that we should not go trekking while it’s raining.
ฉันขอเสนอว่า เราไม่ควรเดินป่าตอนที่ฝนกำลังตก
I ought to be out there with her.
ฉันควรจะไปกับเธอ
2. ประโยคคำสั่ง (Command)
ประโยคคำสั่งที่ใช้ไนความหมายนี้ มีอยู่รูปเดียวคือ Let’s (Let us) เป็นการชักชวนแบบเป็นกันเอง เช่น เพื่อนชวนเพื่อนออกไปกินข้าว พี่ชวนน้องไปเที่ยว เป็นต้น โดยที่อาจจะไม่ต้องการคำตอบแต่เป็นเพียงความประสงค์ของผู้พูดที่ต้องการ ชวนไปทำอะไรบางอย่างอย่างมีจุดมุ่งหมาย จะเรียกว่าสั่งแบบชวนแบบนั้นก็ได้ค่ะ มีโครงสร้าง ดังนี้นะคะ
โครงสร้างประโยคคำสั่ง(แบบชักชวน)
” Let’s + V. infinitive…”
Ex. Let’s go shopping.
/เลทซฺ โก ‘ช้อพปิ่ง/
ไปเที่ยวกันเถอะ
ตัวอย่าง
Let’s do homework now.
มาทำการบ้านกันเถอะเดี๋ยวนี้เลย
Let’s have a cup of tea.
ไปดื่มชากันเถอะ
ปล. บางประโยคอาจจะมีคำว่า Shall we? ต่อท้ายด้วยเพื่อเป็นการชักชวน แปลว่า ไปกันเถอะ (ป้ะ)
เข้ามาด้วย ซึ่งใช้กับเพื่อนหรือการชวนคนที่เราสนิทสนมเช่น
Let’s have a cup of tea. Shall we?ไปดื่มชากันเถอะ ป้ะ
3. ประโยคคำถาม (Questions)
การชักชวน และการเสนอแนะที่ใช้เป็นรูปแบบคำถามนั้นถือเป็นการเสนอแนะชักชวนทางอ้อมเพื่อแสดงถึงการเกรงใจซึ่งเป็นนิสัยที่คนไทยส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว ต้องการคำตอบหรือการตกลงไม่ตกลงจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ประโยคคำถามที่ใช้มีดังนี้
3.1 ถามแบบรูปประโยค Yes/No Question :
Shall we…………?
เรา………กันดีมั้ย
3.2 ถามแบบรูปประโยค Wh- Questions :
Why don’t we………..?
เรา .. … กันมั้ย
How about……….?
…………….ดีมั้ย
3.3 ถามแบบรูปประโยค Indirect Questions :
I wonder if we…
ฉันไม่ทราบว่า เรา………….มั้ย
ตัวอย่าง:
Shall we watch Netflix right now?
ตอนนี้เราดู Netflix กันดีมั้ย
Shall we eat outside today?
วันนี้กินข้าวนอกบ้านกันดีมั้ย
Why don’t we cook today?
เราทำอาหารด้วยกันดีกว่าว่ามั้ย
How about playing tennis this evening?
เย็นนี้ เล่นเทนนิสกันมั้ย
I wondered if we should talk to her like that.
ฉันคิดว่าเราควรพูดกับหล่อนไปแบบนั้นมั้ย
การตอบรับ (Accepting)
That’s very kind of you.
คุณใจดีจังI’d love to (come).
ฉันยินดีที่จะมาร่วมด้วยI’d be delighted to (go).
ฉันเต็มใจที่จะไปมากThat’s a good/ great idea/ What a good idea.
เป็นความคิดที่ดีมากๆThat’s interesting.
น่าสนใจดี
Yes/ Of course/ Certainly/Absolutely/ Surely
ไปแน่นอนThat sounds good/great/fun.
ฟังดูดี ฟังดูสุดยอดมาก ฟังดูน่าสนุกนะ
การตอบปฏิเสธ (Refusing)
I must say sorry, but I really cannot go.
ต้องขอโทษด้วยนะ ไปไม่ได้จริงๆThank you for your invitation but I’ve been very busy recently.
ขอบคุณที่ชวนนะ แต่ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่ช่วงนี้I’m afraid I won’t be able to come.
ดิฉันเกรงว่าคงจะไปไม่ได้นะคะSorry, I’d love to but I already had an appointment.
ขอโทษที ฉันก็อยากไปนะ แต่บังเอิญว่าดันฉันมีนัดแล้วอะI really don’t think I can go, and I must say sorry.
ฉันคิดว่าฉันคงจะไปไม่ได้จริงๆค่ะ ต้องขอโทษนะคะ
5 ข้อสรุปหลักการใช้ประโยคชักชวนแนะนำ
- Let me ใช้สำหรับขออนุญาตและเสนอตัวส่วน Let’s (Let us) ใช้สำหรับการชักชวน
- ในประโยคที่ตามหลังกริยา เกี่ยวกับการเสนอแนะ หรือแนะนำ
ไม่จำเป็นต้องใส่ should
นะจ้ะ
แต่ต้องมี Verb infinitive
ตามหลังด้วย เช่น
I suggest we (should) eat on time.
ฉันขอแนะนำว่าเราควรจะกินข้าวตรงเวลานะ
I advise that we (should) not eat too much.
ฉันขอแนะนำว่า เราไม่ควรรับประทานมากเกินไป
- การที่เราจะใช้
Shall I +V. Infinitive…
นั้นส่วนใหญ่จะใช้กับการเสนอตัวแต่ส่วนของการใช้ Shall we+ V. Infinitive…
ใช้สำหรับการเสนอแนะชักชวน - การใช้
Why don’t we + V. Infinitive…
มีความหมายเป็นได้ทั้ง
ถามธรรมดาและการชักชวน
ก็ได้ขึ้นอยู่กับ บริบท ที่ใช้งานนะคะ
เช่นตัวอย่างด้านล่าง
Why don’t we like him?
ทำไมพวกเราถึงไม่ชอบเขากันนะ
- How about ตามด้วยกริยาเติม …ing (Gerund) มีความหมายเป็นการชักชวนแบบเป็นกันเอง ใช้กับคนที่เราสนิทด้วย
เช่น
How about having a dinner at the new restaurant?
ไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารที่เปิดใหม่กันดีกว่า
ครูหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักเรียนที่น่ารักทุกคนจะได้รับประโยชน์และความรู้จากการอ่านบทความนี้นะคะ ขอให้สนุกและมีความสุขกับการเรียนนะคะทุกคน
เลิฟๆ
+1
N๒๐: คำศัพท์ 300 คำ-จำเป็นมาก [ตอน1/3] | เรียนภาษาอังกฤษ กับ อ.พิบูลย์ แจ้งสว่าง
https://www.youtube.com/watch?v=TSu2pUF3iLo
ลิงค์นี้คือคลิปเดียวกับคลิปที่คุณดูอยู่นี้ แต่เราปรับเสียงให้ดังฟังชัดยิ่งขึ้น ลงไว้ในช่องยูทูปอีกช่องหนึ่งชื่อว่า Naked English (เป็นยูทูปช่องที่สองของ อ. พิบูลย์ แจ้งสว่าง) – ต้องขออภัยที่คลิปต้นฉบับเสียงเบามาก เนื่องจาก ณ เวลาที่เราถ่ายทำและตัดต่อวิดีโอนี้ เรายังมีประสบการณ์น้อย หวังว่าคลิปที่ปรับเสียงใหม่นี้จะทำให้คุณเรียนภาษาอังกฤษได้ราบรื่นยิ่งขึ้นครับ … จากทีมงาน Beautiful World และ Naked English
อ่านบทความเกร็ดความรู้ภาษาอังกฤษ (ฟรี) \u0026 ดูรายละเอียดคอร์สเรียน Eng ได้ที่
www.NakedEnglish.net หัวข้อ: บทความที่น่าสนใจ
ติดตามเราได้ที่ Facebook.com/EnglishWithPiboon
เราเน้นเรียน+สอนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ให้สนทนาและเข้าใจหลักการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง
[จัดทำและสอนโดย อ. พิบูลย์ แจ้งสว่าง] Piboon Jangsawang
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
คำศัพท์ สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animal
คำศัพท์ สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animal
คำศัพท์อังกฤษ ภาษาอังกฤษ กีฬาอังกฤษ
การใส่วันเดือนปีแบบต่างๆ Excel 2016
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับผลไม้ต่างๆ l คำศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษผลไม้ไทยบ้านเรากันครับ เหมาะสำหรับทุกคนที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
สนใจเรียนภาษาอังกฤษกับเราฟรีๆ อย่าลืมกดติดตามช่องของเราด้วยครับ
Youtube:https://goo.gl/Svd65u
Twitter:http://bit.ly/2Yt2lqH
Blog:https://goo.gl/JthDFX
Facebook:http://bit.ly/2CIaLBa
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ผลไม้
ฝึกแต่งประโยค Complex Sentence พร้อมเรียนรู้ประเภทของประโยคภาษาอังกฤษ
เรียนรู้ประเภทของประโยคภาษาอังกฤษ (Simple Sentence, Compound Sentence, Complex Sentence) พร้อมทั้งคำสันธานเชื่อมอนุประโยค (Subordinating Conjunction) หรือ Relative Pronoun และในช่วงท้ายของบทเรียนจะสอนฝึกแต่งประโยคความซ้อน (Complex Sentence) อีกด้วย
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ คาดคะเน ภาษาอังกฤษ