สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป. 6 ที่น่ารักทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้ในหัวข้อเรื่อง
การใช้ Tag Questions หรือ Question Tag ในการถาม – ตอบ เกี่ยวกับประเทศและสัญชาติ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย

ความหมาย

Question แปลว่า คำถาม ส่วนคำว่า Tag จะแปลว่า วลี ที่นำมาใช้ต่อท้ายประโยค เพื่อทำให้เป็นประโยคคำถาม ดังนั้น ถ้าแปลตามคำนิยามแล้ว Question Tag ก็คือ วลีคำถาม นั่นเองค่ะ แต่มักจะเรียกทับศัพท์ ไปเลยว่า Question Tag (เคว็สเชิน แท็ก) เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ตามโครงสร้างประโยคด้านล่างเลยนะคะนักเรียนที่รัก

 

 

ตารางคำศัพท์เกี่ยวกับประเทศและสัญชาติ

 

 

Country
(ประเทศ)
Nationality
(ประชากร)

Translation
(แปล)

  (The) United Kingdom
  British
  สหราชอาณาจักร
  (The) United States
  American
  สหรัฐอเมริกา
  Brazil
  Brazilian
  บราซิล
  Egypt
  Egyptian
  อิยิปต์
  England
  English
  อังกฤษ
  Finland
  Finnish
  ฟินแลนด์
  France
  French
  ฝรั่งเศส
  Germany
  German
  เยอรมนี
  Greece
  Greek
  กรีซ
  Cambodia
  Cambodian
  กัมพูชา
  Indonesia
  Indonesian
  อินโดนีเซีย
  Iran
  Iranian
  อิหร่าน
  Ireland
  Irish
  ไอร์แลนด์
  Thailand
  Thai
  ไทย
  Japan
  Japanese
  ญี่ปุ่น
  Laos
  Laotian
  ลาว
  Philippines
  Filipino
  ฟิลิปปินส์
  South Korea
  Korean
  เกาหลีใต้
  Spain
  Spanish
  สเปน
  Sweden
  Swedish
  สวีเดน
  Switzerland
  Swiss
  สวิตเซอร์แลนด์
  Vietnam
  Vietnamese
  เวียดนาม
  Malaysia
  Malaysian
  มาเลเซีย

 

โครงสร้างประโยค Question Tag

 

 

โดยหลักๆแล้วมี 3 เทคนิค ดังนี้

• หากว่าประโยคหลักเป็นประโยคบอกเล่า ตรงส่วนของ Question Tag จะเป็นคำถามเชิงปฏิเสธ ซึ่งจะมี Not เพิ่มเข้ามา
• หากว่าประโยคหลักเป็นปฏิเสธ ตรงส่วนของ Question Tag จะเป็นคำถามเชิงบอกเล่า
  (ไม่มี Not)
• หากว่าประธานของประโยคหลักเป็นคำนาม เช่น คน สัตว์ สิ่งของ ในส่วนของ
  Question Tag จะเปลี่ยนเป็นสรรพนามที่แทนประธานโดยทันที เช่น he, she, it

 

 

ตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับประเทศและสัญชาติ

 

Tour guide: You are from the USA, aren’t you?
= คุณมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช่มั้ยครับ

Danny: Yes, I’m from the USA.
= ใช่ครับ ผมมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา

Danny: You are American, aren’t you?
= อ้าว แล้วคุณไม่ใช้คนอเมริกันเหรอ

Tour guide: I’m originally from India. By the way, welcome to the museum.
= โดยกำเนิดเป็นคนอินเดียครับ  ยังไงก็ตาม ยินดีต้อนรับเข้าสู่พิพิธภัณฑ์นะครับ

 

 ตัวอย่างประโยคที่เจอบ่อยๆ

 

• ถ้าประโยคหลักมี “กริยาช่วย” ประโยค Question Tag ต้องใช้กริยาช่วยตัวนั้น

 

Tina can speak Chinese, can’t she?
= ตีน่าพูดจีนได้ ใช่ไหม

Elvis could sing a Thai song, couldn’t he?
= เอลวิสร้องเพลงไทยได้ ใช่มั้ยนะ

Jenny shouldn’t see him, should she?
= เจนนี่ไม่ควรพบเขา ใช่ไหม

Dominique will go to the concert in Spain tomorrow, won’t he?
= โดมินิคจะไปคอนเสิร์ตที่สเปนในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่เหรอ

You haven’t done your homework, have you?
= คุณทำการบ้านยังไม่เสร็จ ใช่ไหม

เพิ่มเติม:

ถ้า have กับ has เป็นกริยาแท้ของประโยค ที่แปลว่า มี, กิน, ดื่ม Question tag
จะใช้ do, does

 

ตัวอย่างหลักการใช้ Question Tag กับ Verb to be

 

 

 

ข้อควรจำคือ เมื่อเจอ กริยาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Verb to be (is, am, are, was, were), กริยาแท้ แม้แต่ กริยาช่วย ในประโยคในส่วนของ Question tag ก็ต้องเป็น Verb to be ดังตัวอย่างด้านล่างนี้นะคะนักเรียน

 

I’m British, aren’t I?
แปลว่า ฉันเป็นคนบริติช ใช่มั้ยนะ

I’m not supposed to be in the UK, am I?
แปลว่า ฉันไม่ควรอยู่ที่ประเทศอังกฤษเลย  ว่ามั้ย

You’re a teacher in Germany, aren’t you?
แปลว่า คุณเป็นครูที่ประเทศเยอรมัน  ใช่มั้ยคะ/ครับ

The Japanese friends were not at school yesterday, were they?
แปลว่า เมื่อวานเพื่อนชาวญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน ใช่ไหม

ปล.

* ในบางครั้งอาจะใช้ am I not?, aren’t I?, amn’t I?, และ ain’t I?  ขึ้นอยู่กับบริบทที่ใช้

 

หลักการทั่วไปอื่นๆ นักเรียนสามารถดูได้จากด้านล่างนะคะ

• ถ้าประโยคหลักเป็น “ประโยคคำสั่ง หรือ ขอร้อง” ในส่วนของประโยค Question Tag ต้องใช้ will you กับ won’t you

Wash dishes for me, will you?
แปลว่า ล้างถ้วยให้ฉันหน่อย ได้ไหม

ประโยคนี้มาจาก Will you wash dishes for me?

 

Let her go to England by herself, will you?
แปลว่า ปล่อยเธอไปประเทศอังกฤษด้วยตัวเอง จะทำได้ไหม

มาจาก Will you let her go to England by herself?

 

 

• ถ้าประโยคหลักเป็น Present Simple Tense ประโยค Question Tag ต้องใช้ do, don’t/ does, doesn’t

 

We have two brothers in Vietnam, don’t we?
= พวกเรามีพี่ชายสองคนที่เวียดนาม ไม่ใช่เหรอ

You don’t like living in the USA, do you?
= คุณไม่ชอบอาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช่มั้ย

• ถ้าประโยคหลักเป็น Past Simple Tense ประโยค Question Tag ต้องใช้

  did/ didn’t

 

We had two Australian friends, didn’t we?
= พวกเราเคยมีเพื่อนชาวออสเตรเลียสองคน ใช่มั้ย

She had dinner at the Spanish restaurant, didn’t she?
= เธอไปทานข้าวเย็นที่ร้านอาหารสเปน ใช่มั้ยนะ

 

• หากว่าประโยคหลักมี Let’s (Let us) ในส่วนของประโยค Question Tag
  จะใช้ shall we

Let’s fly to the Philippines next week , shall we?
แปลว่า พวกเราบินไปประเทศฟิลิปปินส์สัปดาห์หน้ากันเถอะ ป้ะ

จะแปลเหมือนกับ  Shall we fly to the Philippines next week?

 

Let’s watch the Singaporean TV show, shall we?
แปลว่า  พวกเราดูทีวีโชว์ช่องสิงคโปร์กันเถอะ ดีมั้ย

จะแปลเหมือนกับ  Shall we watch the Singaporean TV show?

 

 

ประโยคบอกเล่าที่ใช้กับ “There”

 

Structure: โครงสร้างด้านล่าง

 There + is, are, was, were จะมีความหมายว่า มี
ในส่วนของประโยค Question Tag จะต้องใช้ is, are, was, were + there?

 

There is a Mona Lisa painting in Paris, isn’t there?
แปล มีรูปโมนาลิซ่าอยู่ที่ปารีส ใช่มั้ย

 

There aren’t many tourists in Thailand during Covide-19, are there?

= ในช่วงโควิด19 มีนักท่องเที่ยวไม่ค่อยพลุกพล่าน ใช่มั้ย

 

แบบฝึกหัดเรื่อง (Question Tag)

 

 

Direction: Choose the best answer for each of the following sentences.

คำสั่ง: จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

 

1.Daniel goes to school every day,………………?

a. does not she
b. doesn’t she
c. doesn’t she go
d. does she

 

2.Robert Downey has never been to Southeast Asia,…………….he?

a. usedn’t
b. didn’t
c. did
d. never used

 

3.My dad’s motorbike needs cleaning every morning,……………?

a. doesn’t it
b. needsn’t it
c. isn’t it
d. needs it

 

 

 4.I am a dancer by profession,…………….?

aren’t I
b. amn’t I
c. am I
d. are I

 

5.Let’s sing a karaoke,…………..?

a. don’t we
b. don’t you
c. shall we
d. shalln’t we

 

6.Please go see the doctor at 2 P.M. tomorrow,………….?

a. won’t you
b. will you
c. don’t you
d. do you

 

7.We study together at school every day,……….?

a. don’t we
b. do you
c. don’t you
d. don’t you have

 

8. You’d better finish your homework today,………….?

a. hadn’t you
b. don’t you
c. do you
d. better you

 

9. Natasha is the best for James,…………?

a. isn’t it

b. is it

c. hardly it

d. is that Jenny

 

10. Nothing else was completed,……….?

a. wasn’t it

b. was it

c. wasn’t else

d. was else

 

 เฉลยแบบฝึกหัด (Question Tag)

 

 

 

1. b

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะนักเรียนที่น่ารักทุกคน หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้และประโยชน์จากการอ่านบทเรียนนี้นะคะ อย่าลืมทบทวนบทเรียนกับวีดีโอด้านล่างด้วยนะคะ กดตรงปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกและได้ความรู้แบบเต็มๆกัน
See you there!

+1

หากพูดถึงแบรนด์แฟชั่นแล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงไฮแบรนด์ของฝั่งตะวันตกขึ้นมาก่อน แต่ที่จริงแล้วประเทศญี่ปุ่นเองก็มีแบรนด์เก๋ๆ โดยดีไซเนอร์ชื่อดังที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นมากมายในปัจจุบัน แถมยังมีแฟนติดตามผลงานจากทั่วโลกไม่แพ้ไฮแบรนด์ของตะวันตกเลยค่ะ วันนี้เรามาทำความรู้จัก 10 แบรนด์ดังของญี่ปุ่นไปด้วยกันนะคะ

1. UNIQLO （ユニクロ）
 

แบรนด์ชื่อดังระดับโลกที่คงไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จัก โดย UNIQLO จัดอยู่ในประเภท Fast Fasion* ซึ่งมีชื่อเสียงด้านคุณภาพที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีในราคาย่อมเยา เน้นเสื้อผ้าเรียบง่ายสวมใส่ได้หลายโอกาส และยังมี HEATTECH ที่กลายเป็นไอเทมสำคัญอันขาดไม่ได้ของประเทศเขตหนาวไปแล้ว ในปัจจุบัน UNIQLO ขยายสาขาไปถึง 17 ประเทศ อย่างเช่น จีน เกาหลี อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี รวมถึงไทย ทำให้ UNIQLO มียอดขายทั่วโลกสูงกว่ายอดขายภายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว

*Fast Fasion = “แฟชั่นรวดเร็ว” เป็นการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าตามเทรนด์ เน้นการขายในปริมาณมากและราคาถูก

2. Comme des Garcons（コム・デ・ギャルソン）

 
อีกแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันดี มีมาร์กรูปหัวใจสีแดงเป็นไอคอนและถูกเรียกด้วยชื่อย่อว่า “C.D.G” แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นโดย Rei Kawakubo ในปีค.ศ. 1969 ด้วยคอนเซ็ปต์เสื้อผ้าหรูหราแบบสำเร็จรูป (ready to wear) โดยในปี 2017 ได้มีการจัดนิทรรศการ “In Between” ขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ Metropolitan สุดหรูหราในนิวยอร์คขึ้น ทำให้มีเธอได้มีโอกาสโชว์ผลงานให้ผู้คนทั่วโลกได้ชื่นชม แถมมีเซเลบจำนวนมากซึ่งรวมถึงนักร้องดังอย่าง Rihanna มาเข้าร่วมงานด้วย

3. Yohji Yamamoto（山本耀司）

 

แบรนด์ Yohji Yamamoto (ใช้ชื่อดีไซเนอร์เป็นชื่อแบรนด์) เน้นดีไซน์ผลงานด้วยสีดำเป็นสีหลักอันฉีกแนวคิดดั้งเดิมของวงการแฟชั่น เมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ร่วมมือกับ Addidas เริ่มสร้างแบรนด์ใหม่เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาชื่อ Y-3 ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจในวงการแฟชั่นเป็นอย่างมาก คติพจน์อันมีชื่อเสียงของเขาจากบทสัมภาษณ์หนึ่ง คือ

“I think perfection is ugly. Somewhere in the things humans make, I want to see scars, failure, disorder, distortion.”

“ผมคิดว่าความสมบูรณ์แบบนั้นอัปลักษณ์ ผมชอบที่จะเห็นรอยแผล ความผิดพลาด ความยุ่งเหยิง และความบิดเบือนของมนุษย์มากกว่า”

4. Kenzo （ケンゾー）

 
KENZO เป็นอีกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศมากกว่าในญี่ปุ่น เพราะเริ่มก่อตั้งขึ้นที่ปารีสโดย Takada Kenzo ในปีค.ศ. 1970 เอกลักษณ์ของแบรนด์คือ “Color-Travel and Nature” โดยได้รับแรงบัลดาลใจจากการท่องเที่ยวไปยังจีน อินเดีย เอเชียกลาง แอฟริกา และประเทศอื่นๆ ทำให้เขามีโอกาสได้พบเจอกับวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม พืชพรรณดอกไม้สีสดใสที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน Tanaka Kenzo เกษียณตัวออกจากวงการในปีค.ศ. 1999  โดยมี Humberto Leon และ Carol Lim รับช่วงต่อในปัจจุบัน ล่าสุดในงาน 2018 Spring collection พวกเขาเลือกใช้นายแบบและนางแบบเป็นคนเอเชียทั้งหมด ทำให้กลายเป็นหัวข้อดังที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก

5. Issey Miyake（三宅一生）
 

Issey Miyake (ใช้ชื่อดีไซเนอร์เป็นชื่อแบรนด์) อีกหนึ่งแบรนด์ที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดี เพราะเปิดแบรนด์ย่อยอย่าง BAO BAO กระเป๋าสุดฮิตประจำชาติไทย และเป็นผู้ผลิตเสื้อคอเต่าสีดำ (mock turtle) อันเป็นชุดตัวโปรดของ Steve Jobs แห่ง Apple อีกด้วย แต่ชื่อเสียงที่แท้จริงของแบรนด์นั้นเริ่มต้นจากคอลเลคชั่น “เสื้อผ้าจับกลีบ” (ภายหลังแตกเป็นแบรนด์ PLEATS PLEASE) โดยจะมีขั้นตอนการใช้เครื่องจักรเฉพาะทางหลังขึ้นทรงเสื้อผ้า อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์ ซี่งข้อดีของเสื้อผ้าเหล่านี้คือ แม้ผ่านการซักแต่กลีบของเสื้อผ้าจะไม่คลายตัวหายไป ตัวผ้ามีความนิ่มทำให้ไม่เกิดรอยย่น จึงพกพาไปใส่ตอนท่องเที่ยวได้สะดวก แถมผ้ายังแห้งไว ทำให้ได้รับความนิยมจากชาวแฟชั่นเป็นอย่างมาก

6. Junya Watanabe（渡辺淳弥）

ก่อนหน้าที่จะเริ่มก่อตั้งแบรนด์นี้ Junya Watanabe เคยเป็นแพทเทิร์นเนอร์ให้กับ Comme des Garcons มาก่อน และเปิดแบรนด์ย่อยCOMME des GARCONS　JUNYA WATANABE MAN ในปีค.ศ. 2001 ส่วนตัวแบรนด์หลัก Junya Wanatabe ที่เปิดตัวหลังจากนั้น ไม่เน้นตามเทรนด์แต่เป็นดีไซน์ที่ผสมผสานความสวยงามตามแบบแผนของญี่ปุ่นภายใต้คอนเซ็ปต์  Wabi-Sabi (ความสงบและเรียบง่าย) จึงทำให้ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมากในวงการแฟชั่น

7. Michiko Koshino (小篠 美智子)
 

ดีไนเซอร์ Michiko ผู้ก่อตั้งแบรนด์นั้นเดินทางไปอยู่อาศัยที่อังกฤษและก่อตั้งบริษัท MICHIKO CO. ขึ้นในปีค.ศ. 1976 แล้วจึงเริ่มเปิดแบรนด์ Michiko Koshino ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นจึงเปิดตัว Michiko London ในปีค.ศ. 1986 นอกจากนี้เธอยังเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่ได้เป็นพนักงานประจำให้กับสมาคมแฟชั่นแห่งประเทศอังกฤษ (the British Fashion Council) อีกด้วย

8. NEIGHBORHOOD (ネイバーフッド)

 
แบรนด์แห่งฮาราจูกุนี้ก่อตั้งขึ้นโดยดีไซเนอร์ Takizawa Shinsuke ในปีค.ศ. 1994 เสื้อผ้าของเขาได้รับความนิยมจากคนในวงการบันเทิงญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ดาราดังอย่าง Eita และ Matsumoto Jun วงอาราชิก็ใส่ชุดของแบรนด์นี้ในละคร คอนเซปต์ของแบรนด์คือ Classic America โดยมีสินค้าหลักเป็นเสื้อแจ๊กเกตหนัง เสื้อแนวทหาร เสื้อ Outdoor เสื้อแนว Vintage และเสื้อที่มีการแต่งเติมรอยขาด

9. A Bathing Ape（ア・ベイシング・エイプ）
 

หากพูดถึงเสื้อแนว Street ของญี่ปุ่นแล้วหลายคนต้องนึกถึง A Bathing Ape หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า BAPE แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นที่ฮาราจูกุในปีค.ศ. 1993 โดยมีตัว APE เป็นมาสคอต เสื้อผ้าแบรนด์นี้มีความขี้เล่นในดีไซน์ (อันเป็นจุดเด่นของแฟชั่น URA-HARA* ) จนถึงตอนนี้ก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีเหล่าเซเลบจำนวนมาก อย่างเช่น โปรดิวเซอร์เพลง Jay-Z และ Pharrell Williams เป็นแฟนติดตามผลงาน

*แฟชั่น Ura-Hara = แฟชั่น Street ชนิดหนึ่งที่เน้นใส่เสื้อยืดแนว Punk กับกางเกงยีนส์

10. UNDERCOVER（アンダーカバー）
 

แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นโดย Jun Takahashi และ Hironori Ichinose ตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังเป็นนักเรียนของ Bunka Fashion College (โรงเรียนแฟชั่นชื่อดังของญี่ปุ่น) Jun Takahashi ได้รับอิทธิพลจากวงดนตรีพังค์  “Sex Pistols” จึงสร้างแบรนด์ที่ผสมผสานระหว่างดนตรีและแฟชั่นขึ้น และมีนิยามเก๋ๆ ของแบรนด์ว่า “We make noise, not clothes! (เราไม่ได้สร้างเสื้อผ้า แต่สร้างเสียงต่างหาก!)” นอกจากนี้เว็บไซต์การท่องเที่ยวของอเมริกายังได้แนะนำ UNDERCOVER ว่าเป็นร้านที่ควรไปในประเทศญี่ปุ่นด้วย

นอกจาก 10 แบรนด์ที่กล่าวขึ้นข้างต้น ยังมี Porter by YOSHIDA, WTAPS และแบรนด์อื่นๆ ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน

ในปัจจุบันแบรนด์แฟชั่นของญี่ปุ่นถูกพูดถึงในสื่อโซเชียลโดยเหล่าเซเลบต่างชาติหรือผู้เกี่ยวข้องด้านแฟชั่นมากขึ้น แถมยังน่าประหลาดใจที่เริ่มได้รับความสนใจมากกว่าไฮแบรนด์ของฝั่งตะวันตกเสียอีก นั่นเป็นเพราะคุณภาพและดีไซน์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้น่าลุ้นต่อว่า อาจจะมีแบรนด์ญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

 

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับ 10 แบรนด์ดังที่กล่าวถึงข้างต้น คิดว่าเพื่อนๆ คงรู้จักกันอยู่บ้างแล้วไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้เพื่อนๆ มีแบรนด์ญี่ปุ่นประจำใจกันไหมคะ สำหรับผู้เขียนชอบแบรนด์ที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ ชื่อ Nya- มีมาสคอตเป็นน้องแมวดำ เสื้อผ้าแนวขี้เล่นน่ารักมากๆ เลยค่ะ ถ้ามีเวลาลองเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ดูนะคะ ^^