Skip to content
Home » [NEW] การใช้ Such as, E.g., I.e., For example, For instance และ Ex เพื่อยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ | ตัวอย่าง ประโยค ขอร้อง ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] การใช้ Such as, E.g., I.e., For example, For instance และ Ex เพื่อยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ | ตัวอย่าง ประโยค ขอร้อง ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ตัวอย่าง ประโยค ขอร้อง ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

การเขียนบทความ เรื่องราว จดหมาย ข้อความ หรือเรื่องประเภทอื่น ๆ  หลายครั้งที่เราต้องยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบ เพื่อให้เข้าใจความหมายได้ดียิ่งขึ้น ในภาษาอังกฤษ มีคำที่ใช้เพื่อบอกว่าตัวอย่างของสิ่งที่เรากล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น มีตัวอย่างอะไรบ้าง ความหมายของคำเหล่านี้จะหมายถึง ตัวอย่างเช่น เช่น ได้แก่ นั่นคือ กล่าวคือ บทความนี้จะกล่าวถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ใช้เพื่อในประโยคที่ต้องการยกตัวอย่างมาประกอบ ได้แก่คำว่า

  • Such as
  • E.g
  • I.e.
  • For example
  • For instance
  • Ex.

Such as

  • Such as หมายถึง ได้แก่ หรือ ตัวอย่างเช่น
  • ใช้ในประโยคภาษาอังกฤษ เมื่อต้องการยกตัวอย่าง

ตัวอย่างเช่น

English is spoken in many countries, such as England, Australia and Canada.
ภาษาอังกฤษใช้พูดกันในหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเรีย และแคนาดา

Foods such as noodles and curry are my favorite meals.
อาหาร เช่น ก่วยเตี๋ยวและแกงกะหรี่ เป็นอาหารที่ฉันชื่นชอบ

Countries such as Sweden have a long record of welcoming refugees from all over the world.
ประเทศ เช่น สวีเดน มีประวัติอันยาวนานในการรับผู้ลี้ภัยจากทั่วโลก

I like tropical fruits, such as durians, jackfruits and mangoes
ฉันชอบผลไม้เมืองร้อน เช่น ทุเรียน ขนุน และมะม่วง

รูปแบบการใช้

1. ใช้ในประโยคภาษาอังกฤษเมื่อต้องการยกตัวอย่าง
2. Such as + noun (Such as ตามด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
3. หลังคำว่า such as ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่า
4. ก่อนหน้าคำว่า such as ในบางประโยคต้องมีเครื่องหมายคอมม่า บางประโยคไม่ต้องมี เป็นเรื่องของ Restrictive Clause

4.1 ประโยคที่ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as
ถ้า such as ใช้อธิบายคำนาม หรือสรรพนาม ซึ่งมักจะเป็นคำเดี่ยว ๆ กรณีนี้ไม่ต้องมี คอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as

ตัวอย่างประโยค

Foods such as noodles and curry are my favorite meals.
อาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว และแกงกระหรี่ เป็นมื้อโปรดของฉัน

จากตัวอย่าง such as noodle and curry are my favorite meals. ใช้เพื่ออธิบายคำว่า “foods” ซึ่งเป็นคำนามเพียงคำเดียว ในกรณีนี้ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as

4.2 ประโยคที่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าอยู่หน้า such as
การใช้ such as ในรูปแบบนี้เป็นการใช้ sush as เพื่อยกตัวอย่างประกอบประโยคที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ใช่ คำนามเดี่ยว ๆ

ตัวอย่างประโยค

English is spoken in many countries, such as England, Australia and Canada.
ภาษาอังกฤษใช้พูดกันในหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเรีย และแคนาดา

จากตัวอย่าง such as England, Australia and Canada ใช้ยกตัวอย่างประกอบ ประโยคที่กล่าวไปข้างต้นคือ English is spoken in many countries

ป.ล. ควรศึกษาเรื่อง Restrictive Clause เพิ่มเติม

E.g.

  • E.g. หมายถึง เช่น หรือ ตัวอย่างเช่น
  • E.g. เป็นตัวย่อจากภาษาละตินของคำว่า ‘exempli gratia’ ซึ่งความหมายตรงกับภาษาอังกฤษกับคำว่า “for example”
  • ใช้เพื่อยกตัวอย่าง สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นว่ามีอะไรบ้าง

ตัวอย่างเช่น

I love to eat vegetables, e.g., carrots, morning glory, and broccoli.
ฉันชอบกินผัก ตัวอย่างเช่น แครอท ผักบุ้ง และบล็อกโคลี่

In this building, you’re allowed to have pets, e.g. cats and dogs.
ในตึกนี้ คุณได้รับอนุญาติให้เลี้ยงสัตว์ได้ เช่น แมว และ หมา

You should eat more food that contains a lot of fiber, e.g., vegetables, fruit, and whole grains
คุณควรทานอาหารที่มีไฟเบอร์เยอะ ๆ ตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช

รูปแบบการใช้

  1. วางอยู่ตรงกลางประโยค เพื่อใช้เชื่อมประโยค
  2. E.g. + noun (e.g. ตามหลังด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
  3. ก่อน e.g. ต้องมีเครื่องหมาย , คั่นหลังจบประโยคก่อนหน้า
  4. หลัง e.g. ถ้าใช้เป็น e.g., (มีเครื่องหมายคอมม่าตาม) เป็นการเขียนแบบอเมริกัน
    – They sell computer components, e.g., motherboards, graphic cards, CPUs.
  5. หลัง e.g. ถ้าไม่มีเครื่องหมายคอมม่าตาม ใช้เป็น e.g. เป็นการเขียนแบบอังกฤษ
    – They sell computer components, e.g. motherboards, graphic cards, CPUs.

I.e.

  • i.e. หมายถึง นั่นคือ กล่าวคือ ซึ่งก็คือ หรือ เรียกอีกอย่างว่า
  • i.e. เป็นคำย่อจากภาษาละติน id est หรือมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า “in other word” (เรียกอีกอย่างว่า) หรือ “that is” (นั่นคือ)
  • ใช้เมื่อต้องการอธิบายประโยคที่กล่าวไปแล้วเพิ่มเติม โดยใช้คำว่า นั่นคือ กล่าวคือ หรือ ซึ่งก็คือ ในการเชื่อมประโยค

ตัวอย่างเช่น

I am a vegetarian, i.e., I don’t eat meat.
ฉันเป็นคนกินอาหารมังสวิรัติ นั่นคือ ฉันไม่กินเนื้อ

The hotel is closed during low season, i.e., from April to October.
โรงแรมปิดทำการในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว ซึ่งก็คือ จากเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม

I like Japanese food, i.e., sushi.
ฉันชอบกินอาหารญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ ซูชิ

Consistent exercise is necessary to maintain health, i.e., three to four times per week.
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมีความจำเป็น เพื่อบำรุงรักษาสุขภาพ นั่นคือ สามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์

รูปแบบการใช้

1. วางอยู่ตรงกลางประโยค เพื่อใช้เชื่อมประโยค
2. i.e. + noun (i.e. ตามหลังด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
3. ก่อน i.e. ต้องเครื่องหมายคอมม่า คั่นหลังจบประโยคก่อนหน้า
4. หลัง i.e. ถ้าใช้เป็น i.e., (มีเครื่องหมายคอมม่าตาม) เป็นการเขียนแบบอเมริกัน
– I like Japanese food, i.e., sushi.
5. หลัง i.e. ถ้าไม่มีเครื่องหมายคอมม่าตาม เขียนเป็น i.e. เป็นการเขียนแบบอังกฤษ
– I like Japanese food, i.e. sushi.

For example

  • For example หมายถึง ตัวอย่างเช่น
  • มีความหมายที่มีความชัดเจนอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เมื่อต้องการยกตัวอย่าง ก็คือการใช้คำว่า for example
  • โดยมากมักใช้ในการขึ้นต้นประโยค แต่ก็สามารถใช้วางอยู่กลางประโยคเพื่อเชื่อมประโยคได้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น

Children should eat less fast food. For example, they should avoid eating burgers and chips.
เด็ก ๆ ควรกินอาหารฟาสฟูดส์น้อยลง ตัวอย่างเช่น พวกเขาควรหลีกเลี่ยงการกินเบอเกอร์และมันฝรั่งทอด

Our app has several features you will love. For example, you can use voice commands.
แอพของเรามีฟีเจอร์หลายอย่างที่คุณจะต้องชอบ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้

Calcium is in green leafy vegetables, for example, broccoli, kale and spinach.
แคลเซียมมีอยู่ในผักใบเขียว ตัวอย่างเช่น บล็อกโคลี่ คะน้าใบหยิก และผักโขม

I like water sports, for example, swimming, scuba diving, and jet skiing.
ฉันชอบกีฬาทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำ และเจ็ตสกี

วิธีใช้

1. For example + subject + verb (For example + ประธาน + กริยา)
2. For example + noun (For example + คำนาม)
3. สามารถใช้ได้ทั้ง ขึ้นต้นประโยค และวางอยู่ตรงกลางเพื่อเชื่อมประโยคได้
4. ถ้าใช้ขึ้นต้นประโยค ต้องมีคอมม่า คั่นอยู่ข้างหลัง For example
5. ถ้าวางอยู่ตรงกลางประโยค ประโยคก่อนหน้าต้องมีเครื่องหมายคอมม่าคั่นเมื่อจบประโยค และหลังคำว่า for example ต้องมีคอมม่าคั่นอีกที

For instance

มีวิธีการใช้เหมือน for example สามารถใช้แทน For example ได้เลย

มีวิธีการใช้เหมือน for example สามารถใช้แทน For example ได้เลย

Ex.

  • Ex. ไม่ใช่ตัวย่อของคำว่า example แต่พบเห็นการใช้ ex. ในการยกตัวอย่างได้บ่อยครั้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้
  • Ex. หลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคำย่อของคำว่า example  แต่ที่จริงแล้ว เป็นคำย่อของคำว่า excercise ซึ่งแปลว่าแบบฝึกหัด

ตัวอย่างเช่น

See ex. 2.
ดูที่แบบฝึกหัดที่ 2

Please refer to ex. 3.
กรุณาอ้างอิงแบบฝึกหัดที่ 3

[NEW] ประโยคภาษาอังกฤษเพื่อขออนุญาต และการตอบรับคำขอร้อง | ตัวอย่าง ประโยค ขอร้อง ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

การขออนุญาตก็เช่นเดียวกับการขอร้อง คือมีหลายระดับ การขอ อนุญาตตรงกันข้ามกับการขอร้อง คือการขอร้องเป็นการให้ผู้อื่นทำให้ส่วนการขออนุญาตผู้พูดจะทำเอง การขออนุญาตใช้รูปประโยคหลายชนิดเช่นเดียวกับการขอร้อง ฉะนั้นประโยคต่างๆ ที่ใช้ในการขออนุญาตจำแนกได้ดังต่อไปนี้
1. ประโยคคำสั่ง (Command) ประโยคคำสั่งที่ใช้ในการขออนุญาต ได้แก่ Let me เป็นการขออนุญาตที่พูดขึ้นลอยๆ ไม่ต้องการคำตอบ แม้จะเป็นรูปคำสั่งก็ตาม แต่มีความหมายเป็นการขออนุญาตขั้นธรรมดา ดังนั้น โครงสร้างของประโยคจึงมีดังนี้
Let me….. (ฉันขอ……นะ)
ตัวอย่าง
Let me sit here.
ฉันขอนั่งนี่นะ
Let me sleep alone.
ปล่อยฉันนอนคนเดียวเถอะ
Let me see.
ฉันขอดูหน่อย
Let me see the red one.
ฉันขอดูอันสีแดงด้วย
Let me take this one.
ฉันขอถือเอาอันนี้นะ
2. ประโยคบอกเล่า (Statement) การใช้ประโยคบอกเล่าเพื่อเป็น การขออนุญาตนั้น เป็นการกล่าวขึ้นมาเพื่อแสดงความต้องการของตนเอง แต่เพื่อเน้นให้เห็นเป็นการขออนุญาตจริงๆ แล้วเติม Excuse me ข้างหน้าประโยคนั้น โดยมีรูปประโยคดังนี้
Excuse me, I want to……
(ขอโทษ, ฉันต้องการที่จะ…..)
I would like to………………..
(ขอโทษ, ฉันต้องการที่จะ……..)
ตัวอย่าง
Excuse me, I want to go out.
ขอโทษ ฉันอยากจะออกไปข้างนอก
Excuse me, I want to see that one.
ขออนุญาต, ฉันต้องการจะดูอันนั้น
Excuse me, I want to sleep alone.
ขออนุญาต, ฉันอยากจะนอนคนเดียว
Excuse me, I would like to speak to Vichai.
ขอโทษ, ฉันขอพูดกับวิชัยด้วย
Excuse me. I would like to borrow this book.
ขอโทษ, ฉันอยากจะขอยืมหนังสือเล่มนี้
3. ประโยคคำถาม (Question) เช่นเดียวกับการขอร้อง การขอ อนุญาตใช้รูปประโยคคำถามหลายชนิด และถือเป็นการขออนุญาตโดยอ้อม ซึ่งนิยมใช้มากและถือว่าสุภาพและเกรงใจกว่าชนิดอื่น ประโยคคำถามที่ใช้ในความหมายนี้มีชนิดต่างๆ ดังโครงสร้างต่อไปนี้
Yes/No Question:     May I………?
Can / Could I……..?
Could I possibly…….?
Would you let me……?
Do / Would you mind if I…..?
Is it all right if I…….?
Tag Question:         I can…….., can’t I?
I will……,won’t I?
Indirect Question :    I wonder if I could………….
ตัวอย่าง
May I sit here?
ฉันนั่งนี่ได้ไหม
Can I come in?
ฉันขอเข้าไปข้างในได้ไหม
Could I open the window?
ฉันขอเปิดหน้าต่างได้ไหม
Could I possibly borrow your calculator?
ฉันขอยืมเครื่องคิดเลขคุณได้ไหม
Would you let me take a seat?
คุณอนุญาตให้ฉันนั่งลงได้ไหม
Do you mind if I sleep in this room?
คุณจะรังเกียจไหมถ้าฉันจะนอนในห้องนี้
Would you mind if I turned the light off?
ฉันขออนุญาตปิดไฟได้ไหม (คุณจะรังเกียจไหมถ้าฉันจะปิดไฟ)
Is it all right if I close the window?
ฉันขอปิดหน้าต่างได้ไหม
I can come in, can’t I?
ฉันขอเข้าข้างในได้ไหม
I wonder if I could use your camera.
ไม่ทราบว่าฉันจะขอใช้กล้องคุณได้หรือเปล่า
I wonder whether I could play records in the room?
ไม่ทราบว่าฉันจะเล่นแผ่นเสียงในห้องได้หรือเปล่า
ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ Yes/No Question และที่ถือเป็นธรรมดาที่สุดก็คือ May I…? ที่เป็นรูปคำถาม Tag Question แม้จะไม่นิยมใช้กันก็ตาม แต่ก็มีความหมายเป็นการขออนุญาตเช่นกัน มีความหมายอย่างเดียวกับคำถาม Yes/No Question.
ข้อสังเกต
-Would you mind if I นิยมตามด้วยกริยารูปอดีต แต่ความหมาย เป็นปัจจุบัน
-Do / Would you mind ที่ใช้สำหรับการขอร้องและขออนุญาต แตกต่างกัน คือ ในการขอร้องนั้น ตามด้วยกริยาเติม ing ส่วนการขออนุญาต ตามด้วย if I เช่น
Would you mind opening the window?
คุณจะรังเกียจไหมถ้าจะกรุณาเปิดหน้าต่างด้วย
Would you mind if I opened the window?
คุณจะรังเกียจไหม ถ้าฉันจะเปิดหน้าต่าง
-I wonder if ถ้าใช้ในการขอร้อง ตามด้วย you แต่ถ้าใช้ขออนุญาตตามด้วย I เช่น
I wonder if you could close the door
ฉันไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาปิดประตูได้หรือเปล่า
I wonder if I could close the door
ฉันไม่ทราบว่า ฉันจะขออนุญาตปิดประตูได้หรือเปล่า
-การขออนุญาตในรูปของคำถามแตกต่างจากคำถามธรรมดา เช่นเดียวกับการขอร้อง คำถามธรรมดามีความหมายเป็นคำถามทั่วๆ ไป ต้องการคำตอบรับหรือปฏิเสธ (yes/no) เท่านั้น ส่วนการขออนุญาตเป็นการขอโอกาส หรือความยินยอมให้ตามที่ขอ ดังการเปรียบเทียบต่อไปนี้

คำถาม

ขออนุญาต

Can I speak Thai?

ฉันพูดภาษาไทยได้หรือเปล่า

Yes, you can.

ได้, คุณพูดได้

No, you can’t.

เปล่า, คุณพูดไม่ได้

 

Can I speak Thai with you?

ฉันขอพูดภาษาไทยกับคุณจะได้ไหม

All right.

ตกลง

I’m sorry, I can’t speak Thai.

ขอโทษ, ฉันพูดภาษาไทยไม่ได้

 

การตอบรับ (Accepting) การตอบรับการขออนุญาต ก็คือการ อนุญาตให้ตามที่ขอนั้นเอง ใช้คำอย่างเดียวกันกับการตอบรับการขอร้อง ซึ่งมีดังนี้
Yes, of course
ตกลง, แน่นอน
Certainly
ตกลง, ได้
All right ตกลง, ได้เลย
Go ahead
ได้เลย
O.K.
ตกลง
Not at all
ไม่เป็นไร
No, of course not / Certainly not
ไม่เป็นไร, ตกลง
ตอบปฏิเสธ (Refusing) ใช้คำเช่นเดียวกับการขอร้องคือ
Sorry, ….
ขอโทษ, ….
I’m afraid, ….
ขอโทษ,…….
แบบฝึกหัด
จงสร้างข้อความต่อไปนี้ให้เป็นประโยคขออนุญาต
1. Go out
2. Check something
3. Turn off the light
4. Play the recorder
5. Know her address
6. Tell the truth
7. Borrow something
8. Take a rest for a minute
9. Sleep in your room
10. Park a car for a few minutes
ตัวอย่าง
Let me go out
Excuse me, I want to go out
May I go out
Can I go out
Could I possibly go out?
Would you let me go out?
Would you mind if I went out?
Do you mind if I go out?
Is it all right if I go out?
I can go out, can’t I?
I wonder if I could go out.
โครงสร้างประโยคสำหรับการขออนุญาต มีดังนี้
Let me………
Excuse me,     I want to……………..
I would like to…………..
May/Can/Could I…………..?
Could I possibly……………?
Would/Could you let me ……………..?
Do/Would you mind if I……………….?
Is it all right if I…………….?
I can………………..can’t I?
I will…………………….won’t I?
I wonder if I could…………….
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา   

(Visited 32,892 times, 4 visits today)


ประโยคขอร้อง ประโยคคำสั่ง ภาษาอังกฤษ แบบสุภาพ


เมื่อเราใช้ภาษาที่สวยขึ้น คนบริการก็อยากจะบริการเราเต็มที่ เหมือนกันเวลาที่ใครพูดจาดีๆเราก็อยากสนทนาด้วย ลองเอาไปใช้ดูค่ะ
🌹 เรียนมั่นใจพูดอังกฤษ
https://www.facebook.com/englishsmilebymadame
🌷 อัพเดตความรู้ใหม่ๆ
https://englishsmileclub.com/
🌹 Englishsmile Instagram
https://www.instagram.com/englishsmilebymadame
🌺 ไดอารีจาก Day 1 ที่อิตาลี
https://www.facebook.com/Madameitaly.ploy
🌸 หนังสือจากประสบการณ์
แอร์โฮสเตทสายการบินห้าดาว 5 ปี
โหดมันฮาสายการบิก พีคทุกวัน
https://bit.ly/2DUt7R7
🌼 อัพเดทคำศัพท์ใหม่ๆเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการพูดอังกฤษ
https://bit.ly/2DSzSlV
🌻สอบถามคอร์สเรียน
m.me/englishsmilebymadame

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ประโยคขอร้อง ประโยคคำสั่ง ภาษาอังกฤษ แบบสุภาพ

คำสั่งภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว / Imperative Sentences


คำสั่งภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว / Imperative Sentences

English focus : ประโยคคำสั่งขอร้อง [eng24]


การใช้ประโยคคำสั่ง หรือประโยคขอร้อง 3 ระดับความสุภาพ จาก ‘ครูหญิง ดร.วรกมล มีเพียร’
The WorkShop : Photographer ช่างภาพ ตอนที่ 1 https://www.youtube.com/watch?v=j9XxQQ9pw4
The WorkShop : Photographer ช่างภาพ ตอนที่ 2 https://www.youtube.com/watch?v=tLru6wv2RE
The WorkShop : Photographer ช่างภาพ ตอนที่ 3 https://www.youtube.com/watch?v=PsqJoVZMMW4
The WorkShop : Photographer ช่างภาพ ตอนที่ 4 https://www.youtube.com/watch?v=KjaaXj7N8Sk
eng24 โครงการวิจัยและพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยใช้เทคโนโลยีการศึกษาทางไกลและสื่อการเรียนรู้ออนไลน์
Website : http://www.eng24.ac.th
Facebook : http://www.facebook.com/eng24byobec
Line@ เพิ่มเพื่อนโดยพิมพ์คำว่า @eng24
Keyword : English, Englishfocus, TheWorkshop,Photographer, Photography, ช่างภาพ, ตากล้อง, กล้องถ่ายรูป, ถ่ายรูป, ภาพถ่าย, ต่างชาติ, ฉาก, นายแบบ, นางแบบ, ประโยคคำสั่งขอร้อง

English focus : ประโยคคำสั่งขอร้อง [eng24]

Classroom Commands, English for Children Good TPR Lesson


http://www.freddiesville.com/videos/classroomcommandssitdownstandup/
Classroom Commands: Sit down/Stand up
• Topic: Classroom Commands sit down, stand up
• Communication Objectives: To learn to understand and respond to classroom commands.
• Language Objectives: To learn to give and follow orders using short phrases in the imperative form.
• Vocabulary: commands sit, stand, hands, clap, stamp, feet, up, down
• Sentence Structures:
o Sit down. Stand up. Clap your hands. Turn around.
• Grammar: This lesson will focus on using imperative sentences for giving direct orders and requests. They can end in a full stop (period) or exclamation mark depending on the intensity of the command.
• Stand up.
• Sit down.

Classroom Commands, English for Children Good TPR Lesson

ประโยคชนิดต่างๆ ตอนที่ 2 – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
มาเรียนรู้ ประโยคชนิดต่างๆ ต่อน่ะครับ ในตอนที่ 2
หลักการสร้างประโยค
มาเรียนรุ้เรื่อง ประโยคคำสั่ง, ประโยคแสดงความต้องการ และ ประโยคขอร้อง
ตัวอย่างคำศัพท์ และตัวอย่างประโยค
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

ประโยคชนิดต่างๆ ตอนที่ 2 - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ตัวอย่าง ประโยค ขอร้อง ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *