Skip to content
Home » [NEW] การใช้ Pronoun คำสรรพนามภาษาอังกฤษ มีกี่แบบ ใช้อย่างไร ตารางสรุป ตัวอย่าง | การใช้ other – NATAVIGUIDES

[NEW] การใช้ Pronoun คำสรรพนามภาษาอังกฤษ มีกี่แบบ ใช้อย่างไร ตารางสรุป ตัวอย่าง | การใช้ other – NATAVIGUIDES

การใช้ other: คุณกำลังดูกระทู้

Pronoun อ่านว่า โพร’เนานฺ หมายถึง คำสรรพนาม ก็คือคำที่ใช้แทนคำนาม (Noun) และทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำนามในภาษาอังกฤษ

คำสรรพนามในภาษาอังกฤษประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง, ตัวอย่างประโยค

Pronoun  (คำสรรพนาม) แบ่งออกเป็น 5 ประเภท

ก่อนอื่น เรามาดูตารางสรุปรูปแบบของ Pronoun หรือคำสรรพนามในภาษาอังกฤษกันก่อนครับ

รูปประธาน

รูปกรรม

รูปแสดงความเป็นเจ้าของ

รูปความเป็นเจ้าของ

รูป self-form

I
me
my
mine
myself

You
you
your
yours
yourself

We
us
our
ours
ourselves

They
them
their
theirs
themselves

He
him
his
his
himself

She
her
her
hers
herself

It
it
its
(its)
itself

ข้อควรรู้
การใช้ Pronoun คำว่า you เป็นได้ทั้ง pronoun (คำสรรพนาม) เอกพจน์และ pronoun พหูพจน์ (คุณ 1 คน หรือ พวกคุณหลายคน)

1. Personal Pronouns << คลิกอ่านเพิ่ม
Personal Pronouns หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้แทนนามบุรุษที่ 1 (ผู้พูด)  นามบุรุษที่ 2 (ผู้ฟัง)  นามบุรุษที่ 3 (ผู้ที่ถูกกล่าวถึง อาจเป็นคน สัตว์ และสิ่งของ)

Personal Pronouns  แบ่งได้ 2 รูป  คือ
1. Personal Pronouns  รูปประธาน หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้เป็นประธาน ได้แก่  I, You, We, They, He, She, It  เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
We are students.
= พวกเราเป็นนักเรียน
He is a teacher.
= เขา (ผู้ชาย) เป็นครู

2. Personal Pronouns รูปกรรม  หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้เป็นกรรมของประโยค

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
She asks me to teach her homework.
= หล่อนขอให้ฉันสอนการบ้านให้
She asks him to teach her homework.
= หล่อนขอให้เขาสอนการบ้านให้

หลักการใช้ Personal Pronouns

1. หลัง than , as….as  จะใช้รูปประธานหรือรูปกรรม  ต้องดูความหมายของประโยค  ถ้ามี verb ตามมาใช้รูปประธาน  ถ้าเป็นกรรมของ verb ที่อยู่ข้างหน้าใช้รูปกรรม เช่น

รูปประธาน (ไม่นิยมใช้)
He is smarter than she is.
He is as smart as she is.

รูปกรรม
He likes you more than me.
He likes you as much as me.

2. หลังกิริยาที่บอกสภาพ ได้แก่ be , seem , look , like , appear มักจะใช้รูปกรรม เช่น
His father looks like him.

3. หลัง between …and …., let, except ใช้ในรูปกรรม เช่น
Let us go out.
There are some problems between you and me.

การใช้  He , She , It
1. เพศชายและไม่บ่งเพศ ใช้ He
2. He, She นอกจากใช้แทนคนแล้วยังใช้แทนสัตว์เลี้ยงได้
3. She อาจใช้แทนสิ่งไม่มีชีวิตได้เมื่อกล่าวถึงคุณสมบัติหรือความรู้สึก เช่น เรือ, รถไฟ, เครื่องบิน
4. She ใช้แทนประเทศในแง่ของหน่วยหนึ่งทางการเมืองและวัฒนธรรม
5. It ใช้กับสัตว์และเด็กเล็กที่ไม่ทราบเพศหรือไม่คำนึงถึงเพศ

2. Possessive Pronouns << คลิกอ่านเพิ่ม
Possessive Pronouns  หมายถึง คำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ  เช่น his , hers , theirs , mine , ours , yours

หลักการใช้ Possessive Pronouns

1. ใช้เป็นประธานของกิริยาหรือเป็นกรรมของกิริยา หรือของบุพบท
Her car is red, but yours is blue.  (yours แทน your car)

ย้อนดูที่ตารางด้านบน สำหรับรูปแสดงความเป็นเจ้าของ ต้องตามด้วยคำนาม แต่รูปความเป็นเจ้าของ ไม่ต้องมีคำนามตามมา (เนื่องจากรู้กันอยู่แล้ว) ลองดูตัวอย่าง 2 ประโยคนี้

He is my boyfriend.
= เขาเป็นแฟน(ชาย)ของฉัน
He is mine.
= เขาเป็นของฉัน

2. ใช้หลัง of  หมายถึง หนึ่งในบรรดา (คน , ตัว , สิ่ง , อัน) ทั้งหลายเหล่านี้
John is a teacher of  mine.  (mine แทน my teacher)

3. Reflexive and Emphasizing Pronouns
Reflexive and Emphasizing Pronouns หมายถึง Pronouns ที่ลงท้ายด้วย self  และ selves   โดยทำหน้าที่แตกต่างกัน

เอกพจน์                  พหูพจน์
himself                        themselves
herself                         themselves
itself                            themselves
myself                         ourselves
yourself                       yourselves
oneself                              –

หลักการใช้ Reflexive Pronouns และ Emphasizing Pronouns

1. Reflexive Pronouns ใช้เป็นกรรมของประโยค เมื่อการกระทำนั้นสะท้อนถึงประธานหรือผู้พูดเป็นผู้รับการกระทำนั้นเอง  ประธานและกรรมจะเป็นคน หรือสิ่งเดียวกัน
I saw myself in the mirror.

2. ใช้เน้นประธาน  ซึ่งจะอยู่หลังประธานหรือท้ายประโยค
I go to school by myself.

อ่านต่อแบบละเอียด คลิก >> Reflexive Pronoun

4. Indefinite Pronouns
Indefinite Pronouns  คือ คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นใคร สิ่งใดหรืออันใด  จะมีทั้งเอกพจน์และพหูพจน์

1. Indefinite Pronouns แบบเอกพจน์  ได้แก่
a person    anybody    one              someone       anyone
each          either         neither        everybody     everyone
another      anything    something   the other       nothing
much         everything   nobody      no one          somebody

หมายเหตุ – การใช้ one….another , one… the other

1.1. ถ้าหมายความว่า “ไม่…ใดก็…หนึ่ง” หรือ “อีกหนึ่ง” ใช้ one คู่กับ another  ได้
1.2. ถ้ามีเพียงสองจำนวน หรือ สองส่วนเท่านั้น   ใช้ one คู่กับ the other ได้
เช่น Mary buys two bicycles, one for her daughter , and the other for her son.

2. Indefinite Pronouns  แบบพหูพจน์  ใช้คำสรรพนามรูปพหูพจน์  กิริยาจะเป็นพหูพจน์ด้วย
เช่น  both , few, many several.

5. Relative Pronouns
Relative Pronouns  คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่อยู่ข้างหน้า  โดยทำหน้าที่เชื่อม clauses เข้าด้วยกัน
เช่น who , whom , whose , which , that , as

Relative Pronouns  แบ่งตามหน้าที่ได้ดังนี้

1. Personal  (คน) ได้แก่

–  who  ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
A student who pays attention in the class gets a good grade.
People who live in Bangkok cope with the traffic problem.

– whom ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
The teacher whom I met yesterday is your uncle.

–  whose  ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่แสดงความเป็นเจ้าของ
This woman whose purse was lost  is going to  see the police.

2. Non-Personal (สัตว์, สิ่งของ) ได้แก่

– which  ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรม
The gift which I bought yesterday is so expensive.

ในกรณีที่ which เป็น กรรมของ preposition จะต้องเอาpreposition มาไว้ข้างหน้า which ด้วย
This is the house in which Mary lives.
This is the thesis to which John refer.

หากเป็นการใช้ เกี่ยวกับสถานที่ in which , to which เช่น
This is the house in which Mary lives. เป็น
This is the house where Mary lives.

คลิกอ่านเรื่อง >> การใช้ this that these those

เรื่องที่ควรอ่านเพิ่มเติม คลิก >> Noun

[Update] ทบทวนอังกฤษม.ปลาย: การใช้ Other/Others/Another | การใช้ other – NATAVIGUIDES

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

ช่วงนี้มีคำถามเกี่ยวกับการใช้คำประเภท “อีกอันหนึ่ง, อีกคน, คนอื่น, อันที่เหลือ” เข้ามาเยอะมาก

พี่พิซซ่า

เห็นว่าน้องๆ งงกันเยอะ แถมหัวข้อนี้ยังอยู่ในหลักสูตรมัธยมปลายอีกต่างหาก วันนี้พี่ก็เลยจะมาช่วยอธิบายให้น้องๆ ได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าการใช้ Other, Another, The other และอื่นๆ มันต่างกันอย่างไร

กรณีที่ 1

     มีเพื่อน 3 คน ชื่อโทมัส วิลเลี่ยม และเอ็ดเวิร์ด

     I have 3 friends. One is Thomas. Another one is William. The other (one) is Edward.

     หลังจากแนะนำคนแรกแล้ว เมื่อจะแนะนำคนที่สอง จะเลือกคนไหนมาแนะนำก่อนก็ได้ระหว่าง William และ Edward เป็นการเลือกแบบไม่เฉพาะเจาะจง

     ดังนั้นพี่เลยเลือกใช้

Another

ค่ะ เพราะมันคือ

an + other

ซึ่ง a หรือ an ก็ใช้นำหน้าคำนามเอกพจน์แบบไม่เฉพาะเจาะจงใช่มั้ยคะ 

     

Another

จึงหมายถึง

“อีกคน”

ที่จะเป็นคนไหนก็ได้แบบไม่เฉพาะเจาะจง จะคนไหนหรืออันไหนก็ได้

     ส่วน

The other

หมายถึงคนที่เหลืออยู่ เพราะมาจาก

the + other

ซึ่ง the จะแสดงความชี้เฉพาะ ดังนั้นเมื่อเหลือคนเดียวแล้วก็แสดงว่าเจาะจงหมายถึงคน

นั้นค่ะ

The other

จึงหมายถึง

“คนที่เหลือ”

ค่ะ

     แล้วถ้ามีเพื่อนแค่ 2 คนล่ะ สมมติว่าเหลือแค่โทมัสกับวิลเลี่ยม

     หลังจากแนะนำคนแรกเสร็จแล้ว คนที่สองก็คือคนที่เหลืออยู่ ดังนั้นจึงเป็น

One is Thomas. The other (one) is William.

ได้เลยค่ะ

     แล้วถ้าเพื่อนเยอะกว่า 3 คนนั้นล่ะ จะพูดยังไง

     ตามทฤษฎีก็มีคนแรก คนกลางๆ และคนสุดท้าย ซึ่งก็เขียนได้เป็น

One is Thomas. Another one is William. Another one is Daniel. Another one is Chris. The other (one) is Edward.

ถือว่าถูกตามหลัก แต่ฟังแล้วน่ารำคาญมากค่ะ เหมือนเราพูดว่า อีกคนคือ… ส่วนอีกคน… และอีกคน… มันฟังซ้ำซ้อน จึงควร

พูดเป็น

     One is Thomas. Another one is William. The third one is Daniel. That is Chris. The other (one) is Edward. หรือ

     One is Thomas. Another one is William. The third one is Daniel. The other guys are Chris and Edward. หรือ

     One is Thomas. Another one is William. The third one is Daniel. The others are Chris and Edward.

(ประมาณนี้ หรือจะรวบกันแบบอื่นก็ได้)

     อย่าเพิ่งคิดว่า

The others

คือรูปพหูพจน์ของ

The other

นะคะ เพราะถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าพี่เขียน The other (one) แต่ The others ไม่มีวงเล็บต่อ นั่นคือ

     

The other

เป็นได้ทั้ง Adjective และ Pronoun ค่ะ จะใช้ร่วมกับคำนามอื่นอย่าง the other one, other guys หรือ other person หรือจะใช้เป็นสรรพนามไปเลย

ก็ได้ แต่เมื่อใช้เป็นสรรพนาม จะมีค่าเท่ากับนามเอกพจน์ค่ะ

     

The others

เป็น Pronoun อย่างเดียวค่ะ ตัวมันเองมีค่าเท่ากับคำนามพหูพจน์ ซึ่งพหูพจน์นี้ เราจะรู้จำนวนที่แน่นอน (เพราะมี The ที่ชี้เฉพาะ) แต่ถ้าเป็นสิ่งที่

เหลือแต่ไม่รู้จำนวนแน่นอนก็ใช้

Others เฉยๆ

ไม่ต้องมี The ค่ะ เช่น

     รถขนส้มมาเต็มคัน แต่ดันมีแอปเปิ้ลติดมาลูกนึง ก็เป็น

One is an apple. Others are oranges.

(เราไม่รู้ว่ามีส้มเท่าไหร่)

     สรุปคือ

Other

ในฐานะ Adjective จะตามด้วยคำถามเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้

     แต่ถ้า Other ในฐานะคำสรรพนามจะมีค่าเป็นนามเอกพจน์ ส่วน Others เทียบเท่านามพหูพจน์ค่ะ

กรณีที่ 2

     ขออีกอันได้มั้ย

     สมมติว่าไปทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง แล้วอาหารจานนี้อร่อยสุดยอด อยากสั่ง “เอาอันนี้อีกอัน” จะต้องใช้

Another

ค่ะ เช่น

     Can I have another …ชื่อสิ่งที่อยากได้…?

     Can I have another one?

     แต่ถ้า

มีของแค่ 2 ชิ้น

แล้วชิ้นที่เพื่อนให้เรามันไม่ถูกใจ จะขอเปลี่ยนเป็นอีกชิ้น คราวนี้เป็นการเฉพาะเจาะจงแล้ว (ก็มีแค่ชิ้นนี้กับชิ้นนั้นนี่นา) เราสามารถพูด

ได้ว่า

     Can I have your other …ชื่อของ…?

กรณีที่ 3

     ถ้ากลุ่มเรากำลังคุยกัน จะใช้อะไรดี

     ถ้ามีแค่เรา

2 คน

คุยกัน ให้ใช้

We talk to each other.

     แต่ถ้าเป็นกลุ่ม

มากกว่า 2 คน

และก็คุยรวมๆ กันทุกคน ไม่ได้ฟังใครพูดคนเดียว ก็ใช้ว่า

We talk to one another.

     ปัจจุบัน คนส่วนมากไม่ค่อยยึดตามหลักการนี้แล้ว แต่จะมองว่าทั้ง each other และ one another มีค่าเท่ากัน ซึ่ง one another เป็นภาษาทางการกว่า each 

other แต่ถ้าน้องๆ ต้องเขียนส่งคุณครู ก็แนะนำให้ใช้ตามหลักการเดิมนะคะ

กรณีที่ 4

     ถ้าเราสนิทกันมากจนแลกเสื้อผ้ากันใส่ได้

     We share each other’s clothes. 

     หลายๆ คนอาจจะไม่แน่ใจว่ามันต้องเป็น Each other’s หรือว่า Each others’ เพราะมันมีเรา 2 คน อย่างนี้ไม่เป็นพหูพจน์หรอ

     จริงๆ แล้ว Each other ก็คือ

each + other

ซึ่ง each หมายถึง “แต่ละ” แสดงว่าเราต้องนับทีละคน แยกกัน ไม่ได้มองรวมกันหลายคน 

   

 Each other จึงเป็นเอกพจน์

และเมื่อจะแสดงความเป็นเจ้าของให้เขียนว่า each other’s ค่ะ

     แม้

Another

จะต้องตามด้วยคำนามเอกพจน์ แต่บางกรณีก็ตามด้วยพหูพจน์ได้อย่างพวกคำบอกเวลา เช่น

     Another 2 days หรือ another few weeks ที่หมายความว่าแต่เดิมให้เวลา 2 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำ

ให้ต้องเพิ่มหรือต้องเลื่อน

ไปอีก 2 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์ค่ะ

     ถ้ายังไม่ค่อยเข้าใจ ลองทำแบบฝึกหัดข้างล่างดูนะคะ จะได้เข้าใจมากขึ้น (ดูเฉลยให้คลุมดำหลังตัวเลือกค่ะ)

     

1. There’s no ___ way to do it.

     other/the other/another

 

other

     

2. Some people like to rest in their free time. ___ like to travel.

     Other/The others/Others

 

Others

     

3. This pie is delicious! Can I have ___ slice, please?

     other/another/others

  

another

     

4.The mall is on ___ side of the street.

     other/another/the other

 

the other

     

5. There were three pens on my table. One is here. Where are ___ ?

     others/the others/the other

 

the others

     

6. Please give me ___ chance.

     other/the other/another

 

another

     

7. He was a wonderful singer. Everyone agreed it would be hard to find ___ like him.

     another/other/the other

 

another

     ถ้าดูเฉลยแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตอบอันนี้ ไม่ใช่อันอื่น ถามได้เลยนะคะ นอกจากนี้พี่อยากให้น้องๆ ลองแต่งประโยคการใช้คำพวกนี้ด้วย จะได้รู้ว่าเข้าใจจริงๆ แล้วหรือไม่ แต่งมาให้พี่ช่วยตรวจก็ได้นะคะ ที่คอมเมนท์ด้านล่างเลย ไม่ต้องเขินค่ะ 555 แล้วเจอกับคอลัมน์ภาษาอังกฤษได้อีกในวันที่ 13 กรกฎาคมนะคะ


TWITTER: @PiZZaDekD

แบบฝึกหัดและภาพประกอบ
www.reuters.com, a4esl.org/q/h/vm/anothertheother.html

อ่านเรื่องราวภาษาอังกฤษดีๆ ย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ

ทบทวนอังกฤษ ม.ปลาย : กริยาตามด้วย -ing กับ to inf.

เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!!

8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

รู้ไหม? ภาษาอังกฤษก็มีสระเสียงสั้นเสียงยาวนะ

“ภาษาอังกฤษ” สำเนียงออสเตรเลีย รู้มั้ยเป็นยังไง?

รวมศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ยืมมาจากภาษาอื่น!!


เรียน ภาษา อังกฤษ Grammar IELTS วิธีใช้ Another-Other-Others-The Other-The Others


AnotherOtherOthersThe OtherThe Others
คำเยอะแยะจนสับสน แถมหลายคนใช้ผิดบ่อยมากกก 😭
‍‍‍‍‍‍
ในการสอบ IELTS การเลือกใช้คำเหล่านี้สามารถช่วยเรียกคะแนนได้ แต่…
ถ้าใช้ผิดคะแนนก็หายได้เช่นกัน! 😱
‍‍‍‍‍‍
แล้วมันใช้แตกต่างกันยังไง ตัวไหนใช้กับนามเอกพจน์ แล้วตัวไหนใช้นามพหูพจน์ แล้วต้องชี้เฉพาะมั้ย โอ๊ย! งงไปหมดแล้ว‍‍ 🤯 หน้าตาคล้ายกันขนาดนี้ หลาย ๆ คนยังงงกันอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ ดูคลิปนี้รับรองเข้าใจทุกจุด หายสับสนใน 5 นาทีแน่นอนค่ะ 😊
‍‍‍‍‍‍
คะแนน IELTS แต่ละคะแนนไม่ได้มาง่าย ๆ แต่ครูเจี๊ยบยังมีเทคนิครอในคอร์สอีกมากมาย ที่จะพาให้คุณคว้า Band 7 มาแน่นอนค่ะ 👏
ติวกับครูเจี๊ยบอยู่ที่ไหน เวลาใดก็ได้ ครูเจี๊ยบปูให้ตั้งแต่พื้นฐาน พร้อมติดอาวุธก่อนลุยสนามสอบจริง แกรมม่าเป๊ะ ทุกสกิลปัง ปัง ปัง! 💪🔥
‍‍‍‍‍‍
สมัครปีนี้เก็บไว้เรียนปีหน้าได้!
เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา อยู่ต่างประเทศก็เรียนได้ 🌏
สอบถามและสมัครทางแชทเพจได้ทันทีค่ะ
‍‍‍‍‍‍
👉 ทดลองเรียนฟรี https://www.opendurian.com/ielts_fullcourse/
และ https://www.opendurian.com/ielts_generalfullcourse/
📲 สนใจ Inbox สมัคร \u0026 สอบถามโปรโมชั่น
ที่ m.me/KruJeabIELTS
📲 หรือ Line ID :@krujeabielts (มี@)
https://lin.ee/7P62bWL
📞 0982813164 (ทุกวัน 10:0022:00น.)
_________________________________________

เรียน IELTS ออนไลน์กับครูเจี๊ยบ ติว IELTS ครบทุกเนื้อหาที่ต้องรู้ในแต่ละทักษะ รูปแบบข้อสอบ เทคนิคการทำโจทย์แต่ละแบบ ทุกเคล็ดลับจากประสบการณ์กว่า 25 ปี ครูเจี๊ยบได้รวบรวมไว้ให้ผู้เรียนทุกคนในคอร์สนี้แล้วค่ะ
❤️ 1. คอร์สเรียน IELTS Writing
เก็บครบงานเขียนทุกแบบ IELTS Writing Task 1 และ Task 2, Pattern อัพคะแนน, โจทย์ Writing สำหรับลองทำจริง และตรวจงานเขียนฟรี!
✅ ภาพรวม และวิเคราะห์ข้อสอบ IELTS Writing รู้แนวข้อสอบว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง
✅ พื้นฐานการเขียน เริ่มตั้งแต่โครงสร้างประโยค ไปจนถึงการเขียนระดับ Advanced
✅ ไวยากรณ์ และศัพท์ที่จำเป็นในการเขียนเพื่ออัพคะแนนให้สูงขึ้น
✅ เทคนิคการเขียน สิ่งที่ควร และไม่ควรทำ
✅ ตัวอย่างงานเขียนแต่ละแบบ พร้อมอธิบายให้เข้าใจ นำไปใช้ได้จริง
✅ แบบแผนการเขียน และไอเดียในการเขียนงานให้ได้คะแนนสูง

❤️ 2. คอร์สเรียน IELTS Reading
เจาะลึกทุกรูปแบบคำถามที่เจอในข้อสอบ IELTS Reading, เทคนิคหาคำตอบให้ไว ไม่ต้องอ่านหมด, ตะลุยโจทย์ IELTS Reading เหมือนจริง
✅ Overview ข้อสอบ IELTS Reading
✅ เทคนิคการทำข้อสอบ IELTS Reading
✅ คำถามประเภท Questions \u0026 Answers
✅ คำถามประเภท Fill in the blanks (Diagram, Table, Information, Process)
✅ คำถามประเภท True/False/Not Given และ Yes/No/Not Given
✅ คำถามประเภท Multiple Choices (1 answer, multiple answers)
✅ คำถามประเภท Matching (Headings/Titles, InformationParagraph, NamesDescriptions)
✅ คำถามประเภท Summary Completion (มี choices, ไม่มี choices)
✅ IELTS Reading Passage 1
✅ IELTS Reading Passage 2
✅ IELTS Reading Passage 3

❤️ 3. คอร์สเรียน IELTS Listening
เจาะรูปแบบคำถามทุกประเภท, เทคนิคฟังยังไงให้ได้คำตอบที่ต้องการ, ตะลุยโจทย์ IELTS Listening เหมือนจริง
✅ ภาพรวมข้อสอบ IELTS Listening
✅ ลักษณะเนื้อหาที่ออกสอบ IELTS Listening
✅ สรุปชนิดคำถามของข้อสอบ IELTS Listening
✅ ข้อควรระวัง และเทคนิคการทำข้อสอบ
✅ เจาะลึกคำถามประเภท Diagram, Map/Plan, Form, Note, Table, Flowchart, Summary Completion
✅ เจาะลึกคำถามประเภท Multiple Choices ทั้งแบบคำตอบเดียว และแบบมากกว่า 1 คำตอบ
✅ เจาะลึกคำถามประเภท Matching Information
✅ เจาะลึกคำถามประเภท Sentence Completion
✅ เจาะลึกคำถามประเภท Shortanswer Questions
✅ ตะลุยโจทย์ IELTS Listening ครบทั้ง 4 sections
❤️ 4. คอร์สเรียน IELTS Speaking
ติวเข้มพร้อมสอบ Speaking เน้นรู้แนวคำถาม หัวข้อที่ออกบ่อย แนวทางการตอบ และศัพท์+Grammar ที่ช่วยเอาตัวรอดในการสอบ
✅ ภาพรวมการสอบ IELTS Speaking
✅ รู้เกณฑ์การให้คะแนน IELTS Speaking เพื่อพัฒนาตัวเอง
✅ เคล็ดลับเพิ่มคะแนน และเอาตัวรอดในวันสอบจริง
✅ เทคนิค และเคล็ดลับแนวทางการสอบเช่น การออกเสียงภาษาอังกฤษ ศัพท์ที่ควรรู้ หัวข้อ Grammar ที่จำเป็น เป็นต้น
✅ รูปแบบ และตัวอย่างแนวการตอบ IELTS Speaking Part 1
✅ รูปแบบ และตัวอย่างแนวการตอบ IELTS Speaking Part 2
✅ รูปแบบ และตัวอย่างแนวการตอบ IELTS Speaking Part 3
ielts​​ สอบielts​​ สอบไอเอล​​ ข้อสอบielts​​ เรียนielts​​ เรียนieltsที่ไหนดี​​ เรียนieltsออนไลน์​​ เรียนielts​online​ krujeabielts​​ KruJeabIELTS​​ IELTSWring​​ IELTS​​ ติวสอบIELTS​​ ielts​​ สอบ​​ ielts สอบไอเอล​​ ข้อสอบ​ielts​ ielts​​ สอบielts​​ สอบไอเอล​​ ข้อสอบielts​​ เรียนielts​​ เรียนieltsที่ไหนดี​​ เรียนieltsออนไลน์​​ เรียนielts​online​ krujeabielts​​ KruJeabIELTS​​ ​ IELTS​​ ติวสอบIELTS​​ ielts​​ สอบ​ielts​ สอบไอเอล​​ ข้อสอบ​ielts​ ielts​​ สอบielts​​ สอบไอเอล​​ ข้อสอบielts​​ เรียนielts​​ เรียนieltsที่ไหนดี​​ เรียนieltsออนไลน์​​ เรียนielts​​ online krujeabielts​​ KruJeabIELTS​​ IELTS​​ คอร์สieltsออนไลน์​​ เรียนieltsตัวต่อตัว​​ เตรียมสอบIELTS​ เรียนielts​ เตรียมสอบielts​

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เรียน ภาษา อังกฤษ Grammar IELTS วิธีใช้ Another-Other-Others-The Other-The Others

Another, Other, The Other, The Others ต่างกันอย่างไร


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
สนใน sponsor คลิปอาจารย์อดัมติดต่ออีเมล [email protected] หรือโทร 02 612 9300
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

Another, Other, The Other, The Others ต่างกันอย่างไร

OTHER | ANOTHER | OTHERS | AN OTHER – English Vocabulary and Grammar


English grammar lesson | other | another | others
Hi Guys!
In today’s video, learn the difference between OTHER | ANOTHER | OTHERS | AN OTHER.
These words may look very similar, but they are used in different ways.
If you SUBSCRIBE to my channel and turn on those NOTIFICATIONS, you’ll never miss a lesson.
Would you like to SUPPORT my channel? https://kofi.com/arnel
INSTAGRAM: https://www.instagram.com/arnelseverydayenglish/
FACEBOOK: https://www.facebook.com/ArnelsEverydayEnglish/
I hope this lesson is helpful! Thank you very much for watching 😊
Arnel

OTHER | ANOTHER | OTHERS | AN OTHER - English Vocabulary and Grammar

Why do we have hair in such random places? – Nina G. Jablonski


Discover how humans lost their fur as they evolved from primates, and why we still have hair on our bodies.

We have lots in common with our closest primate relatives. But comparatively, humans seem a bit… underdressed. Instead of thick fur covering our bodies, many of us mainly have hair on top of our heads— and a few other places. So, how did we get so naked? And why do we have hair where we do? Nina G. Jablonski explores the evolution of human hair.
Lesson by Nina G. Jablonski, directed by Igor Coric, Artrake Studio.
Support Our NonProfit Mission

Support us on Patreon: http://bit.ly/TEDEdPatreon
Check out our merch: http://bit.ly/TEDEDShop

Connect With Us

Sign up for our newsletter: http://bit.ly/TEDEdNewsletter
Follow us on Facebook: http://bit.ly/TEDEdFacebook
Find us on Twitter: http://bit.ly/TEDEdTwitter
Peep us on Instagram: http://bit.ly/TEDEdInstagram

Keep Learning

View full lesson: https://ed.ted.com/lessons/whydowehavehairinsuchrandomplacesninagjablonski
Dig deeper with additional resources: https://ed.ted.com/lessons/whydowehavehairinsuchrandomplacesninagjablonskidigdeeper
Animator’s website: https://www.artrake.com/

Thank you so much to our patrons for your support! Without you this video would not be possible! Andrea Gordon, Aleksandar Donev, Nicole Klau Ibarra, Milo Vermeulen, Ryan Weiler, Jesse Lira, Ezekiel Raui, Itay Levi, Zongpu Kou, Cameron Chakraverty, Petr Vacek, Rhys Patterson, Dennis, Olivia Fu, Katrina Adams, Regina Post, Mary Collins, Kari Teffeau, clumsybunnie, Adam Leos, Jeremy Laurin, Cindy Lai, Liz, Bhargav Pandravada, Rajath Durgada Manjunath, Dan Nguyen, sarim haq, Chin Beng Tan, Alejandro Gomez, Tom Boman, Karen Warner, Isorn Sookwanish, Iryna Panasiuk, Diane Gallin, Aaron Torres, Vasundhar, Eric Braun, Denka Wee, Daru Bhargav, Sonja Worzewski, Amy, Michael Clement, Ghaith Tarawneh, Nathan Milford, Tomas Beckett, Alice Ice, Eric Berman, Kurt Paolo Sevillano, Xavi Ramos and Ron Kakar.

Why do we have hair in such random places? - Nina G. Jablonski

other , others , the other , the others , another | ติว Tuesday


other , others , the other , the others , another | ติว Tuesday by เรียนเหอะ อยากสอน
ติว Tuesday วันนี้ครูอายจะมาสอนความแตกต่าง ระหว่างคำว่า other , others , the other , the others , กับ another ว่าใช้ต่างกันยังไง แปลว่าอะไร
other แปลว่า อื่น ๆ
other กับ the other ใช้ต่างกันยังไง
other แบบไม่มี the คือ อื่น ๆ ทั่วไปแบบไม่เจาะจง
the other คือ อื่น ๆ แบบเจาะจง หรือ \”อันอื่นที่เหลือ\”
other ต้องมีคำนามตามไหม
other ใช้ได้ 2 แบบ คือ
1. มีคำนามตาม ( ใช้เป็น determiner หรือคำนำหน้านาม )
2. ไม่มีคำนามตาม ( ใช้เป็น pronoun หรือคำสรรพนาม )
other กับ others ต่างกันยังไง
the other กับ the others ต่างกันยังไง
ถ้าจะใช้แบบไม่มีคำนามตาม
ต้องดูด้วยว่าเป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์
ถ้าเป็นพหูพจน์ ต้องเติม s ด้วย เป็น others หรือ the others
other กับ another ต่างกันยังไง
other แปลว่า อื่นๆ
another แปลว่า อีกอันนึง
1. มีอยู่แล้วอันนึง ขอเพิ่ม\”อีกอันนึง\”
2. ไม่เอาอันนี้ ขอ\”อีกอันนึง\”
each other แปลว่าอะไร
each other แปลว่า กันและกัน
one another แปลว่าอะไร
one another แปลว่า กันและกัน
each other กับ one another ใช้ต่างกันยังไง
each other คือ กันและกันแบบ 2 คน
one another คือ กันและกันแบบ 3 คนขึ้นไป
เจอกันกับ ติว Tuesday ทุกวันอังคาร
และ พักกลางวัน ทุกวันศุกร์นะคะ
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองฟรี กับครูอาย เรียนเหอะ อยากสอน ได้ที่ไหนบ้าง?
▸ Youtube : https://www.youtube.com/เรียนเหอะอยากสอน
▸ Facebook : https://www.facebook.com/reanher
▸ Instagram : https://www.instagram.com/reanher.ig
กดที่นี่เพื่อ Subscribe ช่องนี้กันได้นะคะ ^^
https://www.youtube.com/channel/UCRX0VwKduaOHqlGeIdeOAUg?sub_confirmation=1
ติดต่อสปอนเซอร์
▸ Email : [email protected]
ครูอาย สอนภาษาอังกฤษ เรียนเหอะอยากสอน ติวTuesday

other , others , the other , the others , another | ติว Tuesday

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การใช้ other

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *