หลักการ ใช้ going to: คุณกำลังดูกระทู้
นอกจากรูปแสดงอนาคตกาลโดยใช้ will หรือ shall ใน future simple แล้ว ยังมีรูป future simple โดยใช้ be going to ด้วยเช่นกัน รูปดังกล่าวนี้มีการใช้บ่อยๆ ในสถานการณ์หรือเหตุการณ่ในอนาคต ฉะนั้นผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเรื่องนี้ โดยละเอียดตามลำดับดังนี้
รูปของ be going to
(1) Statement form (สเตทเม้นทฺ ฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูปบอกเล่า” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + is/am/are + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
อธิบาย
going to เป็นส่วนที่แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต กริยาแท้ช่อง 1 หมายความเช่นเดียวกับ infinitive without to หรือกริยาแท้ช่อง 1 ที่ไม่มี to
ตัวอย่าง
Look at the clouds. It is going to rain soon.
ดูเมฆสิ ฝนจะตกในไม่ช้า
Look out! That boy is going to fall down.
ระวัง เด็กชายคนนั้นจะตกลงมาแล้ว
(2) Negative form (เนเกอทิฟวฺ ฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป ปฏิเสธ” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + is/am/are not + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
อธิบาย รูปย่อของ is not = isn’t หรือ ’s not
am not = ’m not
are not = aren’t หรือ ’re not
ตัวอย่าง
The machine is quite old. I’m afraid it’s not going to work. เครื่องจักรค่อนข้างเก่า ผมเกรงว่ามันจะไม่ทำงาน
If we hurry, I’m sure we’re not going to miss the train.
ถ้าเรารีบ ผมแน่ใจว่าเราจะไม่พลาดรถไฟ
(3) Yes-No question (เยส โน เควสเชิ่น) หรือในภาษาไทยคือ “คำถาม ที่ผู้ตอบจะตอบว่า Yes/No” ประกอบด้วย
Is/Am/Are + ภาคประธาน + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม
หรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
A : Is it going to rain?
B : Yes, if there is no wind.
ก – ฝนจะตกหรือ
ข – ใช่ ถ้าไม่มีลม
A : Are we going to tell him when he asks us?
B : No. We won’t let him know.
ก – เราจะบอกเขาไหมหากเขาถามเรา
ข – ไม่เราจะไม่ให้เขารู้
(4) Wh-word question (ดับเบิลยู เอช เวิด เควสเชิ่น) หรือในภาษา ไทยคือ “คำถามที่ขึ้นต้นประโยคด้วย Wh-words ได้แก่ What, When, Where, Why, How long, … ฯลฯ’’ ประกอบด้วย
Wh-word + is/am/are + ภาคประธาน + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
แต่ถ้าหากใช้คำถาม Who โครงสร้างที่ใช้จะประกอบด้วย
Who + is/am/are + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
เมื่อคำตอบอยู่ในภาคประธานของประโยค
Who + is/am/are + ภาคประธาน + going to + กริยาแท้ช่อง 1 +
ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
เมื่อคำตอบอยู่ในภาคกรรมของประโยค
Who + is/am/are + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
เมื่อคำตอบอยู่ในภาคประธานของประโยค
ตัวอย่าง
A : When are you going to return my book?
B : Tomorrow.
ก – เมื่อไรคุณจะคืนหนังสือของดิฉัน
ข – พรุ่งนี้
A : Where are we going to stay tonight?
B : In a temple, perhaps.
ก – คืนนี้เราจะพักกันที่ไหน
ข – บางทีอาจจะพักที่วัด
John is going to tell Mary the truth.
A : Who is going to tell Mary the truth?
B : John.
ก – ใครจะเล่าความจริงให้แมรี่ฟัง
ข – จอห์น
We are going to give Susan a ring.
A : Who are we going to give a ring?
B : Susan.
ก – เราจะให้แหวนแก่ใคร
ข – ซูซาน
การใช้ be going to
1. ใช้ be going to เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์บางอย่างใน อนาคตที่มีเหตุบ่งบอกให้เห็นชัดเจนในขณะปัจจุบัน ลักษณะดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกมั่นใจของผู้พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา จากสาเหตุปัจจุบัน ในอนาคตอันใกล้
ตัวอย่าง
Look at those black clouds in the sky. It’s going to rain. Those people are going to get wet.
ดูเมฆดำทะมึนในท้องฟ้าเหล่านั้นสิ ฝนกำลังจะตก คนเหล่านั้นกำลังจะเปียก
แต่ ถ้าใช้ will จะหมายถึง เราคิดหรือเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นในอนาคต ซึ่งภาวะของการเกิดเหตุการณ์ยังห่างไกลกว่าการใช้ be going to
ตัวอย่าง
That boat doesn’t look very safe.
It’ll sink in that heavy sea.
เรือลำนั้นดูไม่ค่อยปลอดภัย
มันอาจจะจมในทะเลที่คลื่นลมแรง
Look at that boat! It’s going to sink.
มองดูเรือลำนั้นสิ มันกำลังจะจม
อธิบายในภาพที่ 1 ชายคนนี้ยังไม่ได้เอาเรือลงทะเล เขาอาจจะเปลี่ยนใจไม่เอาเรือลงทะเลก็ได้ เพราะแลเห็นคลื่นลมที่แรงจัด ภาวะของการเกิดอันตรายต่อเรือและชายคนนี้ยังอยู่ไกลตัว
แต่ในภาพที่ 2 เรือและชายคนนี้กำลังเผชิญกับคลื่นลมแรงในทะเลที่บ้าคลั่ง ภาวะของการเกิดอันตรายอยู่ใกล้ตัว โอกาสของการนำเรือเข้าฝั่งเพื่อให้ชีวิตรอด แทบไม่มีเลย
Don’t climb up that tree.
You’ll fall and hurt yourself.
อย่าปีนขึ้นต้นไม้ต้นนั้น
ลูกอาจจะตกลงมาได้รับบาดเจ็บ
Look out! You’re going to fall!
ระวัง ลูกกำลังจะตกลงมา
อธิบาย ในภาพที่ 1 แม่บอกลูกที่กำลังทำท่าจะปีนขึ้นต้นไม้ แต่ยังไม่ได้ ปีนขึ้น เพื่อจะเอาลูกบอลที่ค้างอยู่ลงมา แม่ทำนายในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ยังอยู่ไกลตัวเพราะลูกยังไม่ได้ปีน
แต่ในภาพที่ 2 ลูกปีนขึ้นไปแล้ว และกำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ที่กำลังหัก แม่ร้องเตือน (warning วอนิ่ง) ลูกเพราะภาวะของการเกิดอันตรายอยู่ใกล้ตัว เลี่ยงที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นได้ยากแล้ว
จะเห็นได้ว่าทั้งสองภาพเป็นการทำนาย (prediction) เหมือนกัน แต่ ต่างกันตรงที่ความมากน้อยของโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น
2. ใช้ be going to เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่เราตั้งใจและตัดสินใจไว้แล้วล่วงหน้า ว่าจะทำ แสดงถึงการกระทำที่ได้มีการวางแผนไว้แล้วว่าจะทำในอนาคตอันใกล้หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นการวางแผนไว้ก่อนแล้ว (prior plan ไพรเออะ แพลน) นั่นเอง
ตัวอย่าง
I’m going to have a shower.
ผมกำลังจะอาบน้ำ (ชายคนนี้กำลังเปิดประตูเข้ามา มีผ้าเช็ดตัวพร้อมที่จะอาบน้ำ)
แต่ ถ้าใช้ will จะหมายถึง การตัดสินใจว่าจะทำสิ่งหนึ่งๆ ในขณะที่พูด เป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นฉับพลันโดยไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อนล่วงหน้า
ตัวอย่าง
A : I’m sorry. I’ve spilt some wine on my jacket.
B : Don’t worry. I’ll clean it for you.
ก – ผมขอโทษ ผมทำไวน์หกรดเสื้อแจ็กเก็ตของคุณ
ข – ไม่ต้องกังวล ดิฉันจะซักให้
อธิบาย คำพูดของภรรยา (B) เป็นการเอ่ยขึ้นทันที หลังจากที่สามี (A) บอกว่าทำไวน์หกรดเสื้อแจ็กเก็ต จึงเห็นได้ว่าภรรยาตัดสินใจทันทีเมื่อสามีพูดจบ โดยที่ภรรยาไม่ได้เตรียมการที่จะพูดมาล่วงหน้าแต่อย่างใด เป็นการเอ่ยว่าจะซักเสื้อให้เมื่อสามีบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
A : Why have you moved all the furniture out of this room?
B : I’m going to clean the carpet.
ก – ทำไมคุณจึงเคลื่อนย้ายเครื่องเรือนทุกชิ้นออกจากห้องนี้
ข – ดิฉันจะทำความสะอาดพรมค่ะ
อธิบาย คำพูดของ A ที่ถามว่า “ทำไมคุณจึงเคลื่อนย้ายเครื่องเรือนทุกชิ้นออกจากห้องนี้’’ แสดงให้เห็นชัดว่า A แลเห็นเครื่องเรือนวางอยู่นอกห้องนั้นมากมาย จึงเกิดความสงสัยและซักถามถึงเหตุผล ซึ่ง B ได้ตอบให้ทราบถึงความตั้งใจว่า “ดิฉัน จะทำความสะอาดพรม’’ คำตอบของ B แสดงถึงการเตรียมการว่าจะทำความสะอาดพรมมาล่วงหน้า จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายเครื่องเรือนเหล่านั้นออกมาจากห้อง
3. ในการแสดงความเต็มใจ (willingness วิลลิงเนส) ว่าจะทำสิ่งหนึ่งๆ ให้ จะใช้ will เท่านั้น ไม่ใช้ be going to
ตัวอย่าง
A : The phone’s ringing.
B : I’ll get it.
ก – โทรศัพท์กำลังดัง
ข – ผมจะช่วยรับสายให้
A : I don’t understand this math problem.
B : Ask your teacher about it. She’ll help you.
ก – ผมไม่เข้าใจปัญหาคณิตศาสตร์ข้อนี้
ข – ถามคุณครูของคุณสิ เธอจะช่วยคุณได้
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล
(Visited 58,289 times, 5 visits today)
Table of Contents
[NEW] การใช้ Future simple “be going to”ในภาษาอังกฤษ | หลักการ ใช้ going to – NATAVIGUIDES
นอกจากรูปแสดงอนาคตกาลโดยใช้ will หรือ shall ใน future simple แล้ว ยังมีรูป future simple โดยใช้ be going to ด้วยเช่นกัน รูปดังกล่าวนี้มีการใช้บ่อยๆ ในสถานการณ์หรือเหตุการณ่ในอนาคต ฉะนั้นผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเรื่องนี้ โดยละเอียดตามลำดับดังนี้
รูปของ be going to
(1) Statement form (สเตทเม้นทฺ ฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูปบอกเล่า” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + is/am/are + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
อธิบาย
going to เป็นส่วนที่แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต กริยาแท้ช่อง 1 หมายความเช่นเดียวกับ infinitive without to หรือกริยาแท้ช่อง 1 ที่ไม่มี to
ตัวอย่าง
Look at the clouds. It is going to rain soon.
ดูเมฆสิ ฝนจะตกในไม่ช้า
Look out! That boy is going to fall down.
ระวัง เด็กชายคนนั้นจะตกลงมาแล้ว
(2) Negative form (เนเกอทิฟวฺ ฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป ปฏิเสธ” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + is/am/are not + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
อธิบาย รูปย่อของ is not = isn’t หรือ ’s not
am not = ’m not
are not = aren’t หรือ ’re not
ตัวอย่าง
The machine is quite old. I’m afraid it’s not going to work. เครื่องจักรค่อนข้างเก่า ผมเกรงว่ามันจะไม่ทำงาน
If we hurry, I’m sure we’re not going to miss the train.
ถ้าเรารีบ ผมแน่ใจว่าเราจะไม่พลาดรถไฟ
(3) Yes-No question (เยส โน เควสเชิ่น) หรือในภาษาไทยคือ “คำถาม ที่ผู้ตอบจะตอบว่า Yes/No” ประกอบด้วย
Is/Am/Are + ภาคประธาน + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม
หรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
A : Is it going to rain?
B : Yes, if there is no wind.
ก – ฝนจะตกหรือ
ข – ใช่ ถ้าไม่มีลม
A : Are we going to tell him when he asks us?
B : No. We won’t let him know.
ก – เราจะบอกเขาไหมหากเขาถามเรา
ข – ไม่เราจะไม่ให้เขารู้
(4) Wh-word question (ดับเบิลยู เอช เวิด เควสเชิ่น) หรือในภาษา ไทยคือ “คำถามที่ขึ้นต้นประโยคด้วย Wh-words ได้แก่ What, When, Where, Why, How long, … ฯลฯ’’ ประกอบด้วย
Wh-word + is/am/are + ภาคประธาน + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
แต่ถ้าหากใช้คำถาม Who โครงสร้างที่ใช้จะประกอบด้วย
Who + is/am/are + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
เมื่อคำตอบอยู่ในภาคประธานของประโยค
Who + is/am/are + ภาคประธาน + going to + กริยาแท้ช่อง 1 +
ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
เมื่อคำตอบอยู่ในภาคกรรมของประโยค
Who + is/am/are + going to + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
เมื่อคำตอบอยู่ในภาคประธานของประโยค
ตัวอย่าง
A : When are you going to return my book?
B : Tomorrow.
ก – เมื่อไรคุณจะคืนหนังสือของดิฉัน
ข – พรุ่งนี้
A : Where are we going to stay tonight?
B : In a temple, perhaps.
ก – คืนนี้เราจะพักกันที่ไหน
ข – บางทีอาจจะพักที่วัด
John is going to tell Mary the truth.
A : Who is going to tell Mary the truth?
B : John.
ก – ใครจะเล่าความจริงให้แมรี่ฟัง
ข – จอห์น
We are going to give Susan a ring.
A : Who are we going to give a ring?
B : Susan.
ก – เราจะให้แหวนแก่ใคร
ข – ซูซาน
การใช้ be going to
1. ใช้ be going to เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์บางอย่างใน อนาคตที่มีเหตุบ่งบอกให้เห็นชัดเจนในขณะปัจจุบัน ลักษณะดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกมั่นใจของผู้พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา จากสาเหตุปัจจุบัน ในอนาคตอันใกล้
ตัวอย่าง
Look at those black clouds in the sky. It’s going to rain. Those people are going to get wet.
ดูเมฆดำทะมึนในท้องฟ้าเหล่านั้นสิ ฝนกำลังจะตก คนเหล่านั้นกำลังจะเปียก
แต่ ถ้าใช้ will จะหมายถึง เราคิดหรือเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นในอนาคต ซึ่งภาวะของการเกิดเหตุการณ์ยังห่างไกลกว่าการใช้ be going to
ตัวอย่าง
That boat doesn’t look very safe.
It’ll sink in that heavy sea.
เรือลำนั้นดูไม่ค่อยปลอดภัย
มันอาจจะจมในทะเลที่คลื่นลมแรง
Look at that boat! It’s going to sink.
มองดูเรือลำนั้นสิ มันกำลังจะจม
อธิบายในภาพที่ 1 ชายคนนี้ยังไม่ได้เอาเรือลงทะเล เขาอาจจะเปลี่ยนใจไม่เอาเรือลงทะเลก็ได้ เพราะแลเห็นคลื่นลมที่แรงจัด ภาวะของการเกิดอันตรายต่อเรือและชายคนนี้ยังอยู่ไกลตัว
แต่ในภาพที่ 2 เรือและชายคนนี้กำลังเผชิญกับคลื่นลมแรงในทะเลที่บ้าคลั่ง ภาวะของการเกิดอันตรายอยู่ใกล้ตัว โอกาสของการนำเรือเข้าฝั่งเพื่อให้ชีวิตรอด แทบไม่มีเลย
Don’t climb up that tree.
You’ll fall and hurt yourself.
อย่าปีนขึ้นต้นไม้ต้นนั้น
ลูกอาจจะตกลงมาได้รับบาดเจ็บ
Look out! You’re going to fall!
ระวัง ลูกกำลังจะตกลงมา
อธิบาย ในภาพที่ 1 แม่บอกลูกที่กำลังทำท่าจะปีนขึ้นต้นไม้ แต่ยังไม่ได้ ปีนขึ้น เพื่อจะเอาลูกบอลที่ค้างอยู่ลงมา แม่ทำนายในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ยังอยู่ไกลตัวเพราะลูกยังไม่ได้ปีน
แต่ในภาพที่ 2 ลูกปีนขึ้นไปแล้ว และกำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ที่กำลังหัก แม่ร้องเตือน (warning วอนิ่ง) ลูกเพราะภาวะของการเกิดอันตรายอยู่ใกล้ตัว เลี่ยงที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นได้ยากแล้ว
จะเห็นได้ว่าทั้งสองภาพเป็นการทำนาย (prediction) เหมือนกัน แต่ ต่างกันตรงที่ความมากน้อยของโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น
2. ใช้ be going to เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่เราตั้งใจและตัดสินใจไว้แล้วล่วงหน้า ว่าจะทำ แสดงถึงการกระทำที่ได้มีการวางแผนไว้แล้วว่าจะทำในอนาคตอันใกล้หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นการวางแผนไว้ก่อนแล้ว (prior plan ไพรเออะ แพลน) นั่นเอง
ตัวอย่าง
I’m going to have a shower.
ผมกำลังจะอาบน้ำ (ชายคนนี้กำลังเปิดประตูเข้ามา มีผ้าเช็ดตัวพร้อมที่จะอาบน้ำ)
แต่ ถ้าใช้ will จะหมายถึง การตัดสินใจว่าจะทำสิ่งหนึ่งๆ ในขณะที่พูด เป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นฉับพลันโดยไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อนล่วงหน้า
ตัวอย่าง
A : I’m sorry. I’ve spilt some wine on my jacket.
B : Don’t worry. I’ll clean it for you.
ก – ผมขอโทษ ผมทำไวน์หกรดเสื้อแจ็กเก็ตของคุณ
ข – ไม่ต้องกังวล ดิฉันจะซักให้
อธิบาย คำพูดของภรรยา (B) เป็นการเอ่ยขึ้นทันที หลังจากที่สามี (A) บอกว่าทำไวน์หกรดเสื้อแจ็กเก็ต จึงเห็นได้ว่าภรรยาตัดสินใจทันทีเมื่อสามีพูดจบ โดยที่ภรรยาไม่ได้เตรียมการที่จะพูดมาล่วงหน้าแต่อย่างใด เป็นการเอ่ยว่าจะซักเสื้อให้เมื่อสามีบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
A : Why have you moved all the furniture out of this room?
B : I’m going to clean the carpet.
ก – ทำไมคุณจึงเคลื่อนย้ายเครื่องเรือนทุกชิ้นออกจากห้องนี้
ข – ดิฉันจะทำความสะอาดพรมค่ะ
อธิบาย คำพูดของ A ที่ถามว่า “ทำไมคุณจึงเคลื่อนย้ายเครื่องเรือนทุกชิ้นออกจากห้องนี้’’ แสดงให้เห็นชัดว่า A แลเห็นเครื่องเรือนวางอยู่นอกห้องนั้นมากมาย จึงเกิดความสงสัยและซักถามถึงเหตุผล ซึ่ง B ได้ตอบให้ทราบถึงความตั้งใจว่า “ดิฉัน จะทำความสะอาดพรม’’ คำตอบของ B แสดงถึงการเตรียมการว่าจะทำความสะอาดพรมมาล่วงหน้า จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายเครื่องเรือนเหล่านั้นออกมาจากห้อง
3. ในการแสดงความเต็มใจ (willingness วิลลิงเนส) ว่าจะทำสิ่งหนึ่งๆ ให้ จะใช้ will เท่านั้น ไม่ใช้ be going to
ตัวอย่าง
A : The phone’s ringing.
B : I’ll get it.
ก – โทรศัพท์กำลังดัง
ข – ผมจะช่วยรับสายให้
A : I don’t understand this math problem.
B : Ask your teacher about it. She’ll help you.
ก – ผมไม่เข้าใจปัญหาคณิตศาสตร์ข้อนี้
ข – ถามคุณครูของคุณสิ เธอจะช่วยคุณได้
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล
(Visited 58,289 times, 5 visits today)
Asking for and Giving Directions
Learn how to ask for and give directions to someone, using certain words and phrases. You will also learn in this video what to say when you want to check in at a hotel.
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
Will || Going to ต่างกันยังไง❓
will || Going to ต่างกันยังไง❓
📌ใครยังไม่เคลียร์ ดูคลิปนี้ได้เลยค่ะ
ถ้าดูจบแล้วเข้าใจมากขึ้น ส่งเลข 3⃣ มาให้กันหน่อยนะคะ 😊😊
Facebook Page: https://www.facebook.com/KruFyi.EasyEnglish/
LINE@ : @krufyi.easyenglish
สรุปคลิปเดียวจบ *V-ing* ใช้ยังไง?
สรุปสั้น การใช้ V ing 4 งานหลักๆ
1) กำลังเกิดขึ้น
2) จวนจะเกิดขึ้น
3) Present Perfect Con.
4) Gerund
จบที่คลิปนี้ Do you /Are you/ Have you ต่างยังไง II Line: @englishfitandfirm
สอบถาม ไลน์ @englishfitandfirm
💡คอร์สOnline ราคาประหยัด 1,990.
เพิ่มชั่วโมงใช้ภาษาปูพื้นฐานเทนส์ + ฝึกสร้างประโยคแบบSpeaking
.
Thanks for following
IG: chutamas_sommy
FB: English Fit and Firm
About To กับ Going To ใช้ต่างกันอย่างไร
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ หลักการ ใช้ going to