Skip to content
Home » [NEW] การใช้ประโยคอธิบายเหตุการณ์ในอดีต (Past simple tense) | กริยา ช่อง ที่ 2 ของ play – NATAVIGUIDES

[NEW] การใช้ประโยคอธิบายเหตุการณ์ในอดีต (Past simple tense) | กริยา ช่อง ที่ 2 ของ play – NATAVIGUIDES

กริยา ช่อง ที่ 2 ของ play: คุณกำลังดูกระทู้

เนื้อหาเรื่อง การใช้ประโยคอธิบายเหตุการณ์ในอดีต 

(Past simple tense)

Past Simple Tense คือประโยคที่ใช้อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว และจบลงแล้ว   ขอให้สังเกตความแตกต่างระหว่างประโยคที่ที่ใช้อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกับประโยคที่ใช้อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นและจบลงแล้ว ในอดีต

 ประโยค present tense : I get up at 6.30 am. everyday.

(ฉันตื่นนอนเวลาหกโมงครึ่งทุกวัน)

ประโยค past tense : I got up at 8.00 am. yesterday.

(เมื่อวานนี้ ฉันตื่นนอนแปดโมงเช้า)

จากประโยคสองประโยคข้างบน จะเห็นว่า มีความแตกต่างกันสองส่วนคือ

 ประโยค

Present tense

Past tense

คำกริยา

get

got

คำที่บอกเวลา

everyday

yesterday

โครงสร้าง  S + V2 +ส่วนขยาย

I

went out  last night.

We

cooked yesterday.

He/she it

moved out two weeks ago

You

worked late last week.

They

left the day before yesterday.

 

 คำหรือวลีที่ใช้ใน past tense

คำบอกเวลา เช่น

            yesterday (เมื่อวานนี้) the day before yesterday    (เมื่อวานซืนนี้)

last week  (หรือคำอื่นๆที่ ใช้ last นำหน้า  เช่น last year,  last month, etc.)

four weeks ago (หรือคำอื่นๆที่ ใช้ ago ลงท้าย  เช่น ten years ago, two
hours ago, etc.)

คำเหล่านี้มักจะวางไว้ท้ายประโยค  หรืออาจ วางไว้หน้าประโยคก็ได้    เช่น

            I washed my car  two weeks ago.หรือ Two weeks ago,I washed my car .

(ฉันล้างรถเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว)

            She went to Korea last month.   หรือ  Last month, She went to Korea.

(หล่อนไปเกาหลีเมื่อเดือนที่แล้ว)

หลักการใช้
          1. ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดแล้ว มี  คำหรือวลีที่
บอกเวลาในอดีตกำกับด้วย เช่น
I saw you yesterday. (ฉันเห็นคุณเมื่อวานนี้)                                      ประธาน    –   I         กริยา – saw            คำหรือวลีที่ บอกเวลา   – yesterday.

He worked in Paris last year. (เขาทำงานที่ปารีสเมื่อปีที่แล้ว)  ประธาน    –  He         กริยา – worked     คำหรือวลีที่ บอกเวลา   – last year
2. ใช้อธิบายเหตุการณ์หนึ่งซึ่งกระทำเป็นประจำในอดีต แต่บัดนี้ไม่ได้ทำอีก เช่น
                When I was young, I walked to school everyday.
               (เมื่อฉันยังยังเด็ก ฉันเดินไปโรงเรียนทุกวัน) ปัจจุบันนี้เขาไม่ได้เดินไปโรงเรียนแล้ว    When I  was young –  เป็นข้อความที่บอกเวลาในอดีต   ข้อความนี้เรียกว่า dependent clause ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ในตัวเองต้องพึ่งพาประโยคอื่น จึงจะมีความหมายสมบูรณ์  ไม่สามารถใช้เพียงลำพังได้  คำกริยาที่ใช้ในข้อความนี้ ต้องอยู่ในรูปของ อดีต (“was” เป็น รูป อดีต ของ “is”)  ส่วน ประโยคหลัก     “I walked to school everyday”  –  I   ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค     walked to  (เดินไปยัง) เป็นกริยาที่บอกการกระทำในอดีต    school (โรงเรียน) ทำหน้าที่เป็นกรรม     everyday (ทุกวันในอดีต)   ทราบจากข้อความที่บอกว่า  When I was young.
การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต คือในเวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว โดยปกติเราจะพบ Adverbs of Time ที่บอกเวลาอดีตกำกับไว้เสมอ เช่น
  yesterday  (เมื่อวานนี้)      this morning  (เมื่อเช้านี้)     the day before yesterday (เมื่อวานซืนนี้)

คำที่ขึ้นต้นด้วย “last”   เช่น  last night ( เมื่อคืนที่แล้ว)    last week   (สัปดาห์ที่แล้ว)    last month  (เดือนที่แล้ว)  last Saturday  (วันเสาร์ที่แล้ว)           last January  (เดือนมกราคมที่แล้ว)
                        คำที่ลงท้ายด้วย “ago”  เช่น  a month ago (เมื่อเดือนที่ผ่านมาแล้ว)                  two years ago  (สองเดือนที่ผ่านมาแล้ว)          five hours ago  (ห้าชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว)            six weeks ago (หกสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว)    a moment ago   (เมื่อสักครู่นี้)  เวลาซึ่งเป็นปี ค.ศ. ในอดีต    ขึ้นต้นด้วย  “in”   เช่น    in 1999                                 

รูปประโยคบอกเล่า  (Affirmative Sentence)
ประธาน + กริยาช่องที่ 2 (โดยการเปลี่ยนรูป หรือ เติม ed)

Present Simple
Past Simple

He plays football every day
He played football yesterday.

walk to work every day.
walked to work ten years ago.

She washes her clothes herself every day.
She washed her clothes herself last year.

หลักการเติม ed ที่คำกริยา

1. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น

love – loved = รัก                   move – moved= เคลื่อน

hope – hoped = หวัง

2. กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม ed เช่น

cry – cried = ร้องไห้             try – tried = พยายาม

marry – married = แต่งงาน

ข้อยกเว้น ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้เติม ed ได้เลย เช่น

play – played = เล่น            stay – stayed = พัก , อาศัย

enjoy – enjoyed = สนุก        obey – obeyed = เชื่อฟัง

3. กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

plan – planned = วางแผน     stop – stopped = หยุด

beg – begged = ขอร้อง

4. กริยาที่มี 2 พยางค์ แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้น มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

concur – concurred = ตกลง, เห็นด้วย          occur – occurred = เกิดขึ้น

refer – referred = อ้างถึง                           permit – permitted = อนุญาต

 ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา เช่น

cover – covered = ปกคลุม                        open – opened = เปิด

5. นอกจากกฏที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น

walk – walked = เดิน                              start – started = เริ่ม

worked – worked = ทำงาน

ประโยคคำถาม (Interrogative)   

            1. ประโยคที่มีกริยา verb to be ( was, were )    เมื่อต้องการเปลี่ยนประโยคประเภทนี้ให้เป็น คำถาม ให้ย้าย verb to beมาวางไว้หน้า  แล้วใส่เครื่องหมาย “?” ท้ายประโยค  เช่น

ประโยคบอกเล่า

ประโยคคำถาม

He was  at school yesterday.
Was he at school yesterday?

They were at home   yesterday.
Were they were at home   yesterday ?

2. ประโยคประเภทอื่นๆที่ไม่อยู่ในกฎข้อ 1  เมื่อต้องการทำเป็น past tense ให้ใช้กริยา “Did” มาช่วย  และเมื่อใช้กริยา “Did” มาช่วยแล้ว  กริยาเดิมในประโยคคำถามต้องเปลี่ยนรูปให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย
                          Did + ประธาน + กริยารูปเดิม+ ส่วนขยาย

ประโยคบอกเล่า

ประโยคคำถาม

He walked to work yesterday.
Did he walk to work yesterday?

They worked late last night.
Did they work late last night?

Rob did the exercise last week.
Did Rob do the exercise last week?

สำหรับตัวอย่างในประโยคสุดท้าย คำกริยา “ did ” เป็นกิริยาช่วย ในการเปลี่ยนประโยคให้เป็น past tense นั้น ไม่มีคำแปล  แต่ “ did ” ซึ่ง เป็นกริยาแท้ในประโยคบอกเล่า มีความหมายว่า  “ ทำ ” เมื่อใช้ “ did ” มาช่วยแล้ว ” “ did ” ซึ่ง เป็นกริยาแท้ต้องเปลี่ยนกลับไปเป็น “ do”

 ประโยคปฏิเสธ (Negative)   

สำหรับประโยคแบบที่ 1  ให้เติม  “not” หลังกริยาได้เลย  เช่น

ประโยคบอกเล่า

ประโยคปฏิเสธ

He was at work yesterday.
He was not at work yesterday.

They were at the party last night.
They were not at the party last night.

ในประโยคปฏิเสธ, was not  หรือ were not สามารถเขียนแบบย่อได้
            was not   เขียนย่อได้ เป็น   wasn’t          were not  เขียนย่อได้ เป็น  weren’t           

ส่วนประโยคแบบที่ 2 ให้ใช้กริยา “ did ” เข้ามาช่วย แล้วเติม “not” ท้ายคำว่า  “ did ” (หรือใช้รูปย่อ : didn’t  ก็ได้)
ประธาน + didn’t + กริยารูปเดิม+ ส่วนขยาย

ประโยคบอกเล่า

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคคำถาม

He walked to work yesterday.
He didn’t walk to work yesterday.
Did he walk to work yesterday?

They worked late last night.
They didn’t work late last night.
Did they work late last night?

  

[NEW] Pitukpong’s Blog | กริยา ช่อง ที่ 2 ของ play – NATAVIGUIDES

Past Simple Tense

6.1 ประโยค Past Simple Tense เชิงบอกเล่า

โครงสร้าง : Subject + Verb 2

( ประธาน + กริยาช่องที่ 2 )

ตัวอย่าง : 1.He walked to school yesterday. ( เขาเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

  1. They played volleyball last week. ( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

6.2 ประโยค Past Simple Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do

ช่องที่ 2 คือ did มาช่วย และเติม not ข้างหลัง มีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Subject + did + not + Verb 1

( ประธาน + did + not + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. He did not ( didn’t ) walk to school yesterday. ( เขาไม่ได้เดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

  1. They did not play volleyball last week. ( เขาทั้งหลายไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

ข้อสังเกต : เมื่อนำ did มาใช้ในประโยคแล้วต้องเปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย

6.3 ประโยค Past Simple Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม ทำได้ด้วยการนำ did มาวางไว้หน้าประโยค

และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Did + Subject + Verb 1

( Did + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. Did he walk to school yesterday ?( เมื่อวานนี้เขาเดินมาโรงเรียนใช่หรือไม่ )

– Yes, he did. ( ใช่ เขาเดินมา )

– No, he didn’t. ( ไม่เขาไม่ได้เดินมา )

  1. Did they play volleyball last week ?( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้วใช่หรือไม่

– Yes, they did. ( ใช่ เขาทั้งหลายเล่น )

– No, they didn’t . ( ไม่ เขาทั้งหลายไม่ได้เล่น

6.4 หลักการใช้ Past Simple Tense

  1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต ซึ่งมักจะมีคำ กลุ่มคำ หรืออนุประโยคต่อไปนี้อยู่ในประ

 

คำ                          กลุ่มคำ                               อนุประโยค

Ago                        last night                           when he was young

Once                      last year                            when he was five years old

Yesterday                yesterday morning               when I lived in Tokyo during the war

เช่น  I lived in Chaing mai 3 years ago. ( ฉันอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว )

  1. His father died during the war. ( พ่อของเขาตายระหว่างสงคราม )
  2. He learned English when he was young. ( เขาเรียนภาษาอังกฤษเมื่อเขาเป็นเด็ก )

6.5 หลักการเติม ed ที่คำกริยา

  1. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น

love – loved = รัก

move – move = เคลื่อน

hope – hoped = หวัง

  1. กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม ed เช่น

cry – cried = ร้องไห้

try – tried = พยายาม

marry – married = แต่งงาน

ข้อยกเว้น ถ้าหน้า y เป็นสระ ใหเติม ed ได้เลย เช่น

play – played = เล่น

stay – stayed = พัก , อาศัย

enjoy – enjoyed = สนุก

obey – obeyed = เชื่อฟัง

กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

plan – planned = วางแผน

stop – stopped = หยุด

beg – begged = ขอร้อง

  1. กริยาที่มี 2 พยางค์ แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้น มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

concur – concurred = ตกลง, เห็นด้วย

occur – occurred = เกิดขึ้น

refer – referred = อ้างถึง

permit – permitted = อนุญาต

ข้อยกเว้น ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา เช่น

cover – covered = ปกคลุม

open – opened = เปิด

  1. นอกจากกฏที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น

walk – walked = เดิน

start – started = เริ่ม

worked – worked = ทำงาน


เครื่องเล่นเกม PS2 (รีวิวอุปกรณ์เบื้องต้น) 🎮🎮


อุปกรณ์ในคลิปนี้ PS2
1.เครื่อง PS2
2.จอยเกม PS2
3.เซฟเกม memory card
4.สายไฟ
5.สายส่งภาพ AV
6.แผ่นเกม ps2

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

เครื่องเล่นเกม PS2 (รีวิวอุปกรณ์เบื้องต้น) 🎮🎮

กริยา 3 ช่อง พร้อมตัวอย่างการใช้ | เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี


กริยาช่อง 3 คืออะไร และ ตัวอย่างกริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อยมีอะไรบ้าง
กริยาช่องที่ 1 (รูปย่อคือ V.1) จะใช้กับเหตุการณ์ใน ปัจจบัน
กริยาช่องที่ 2 (รูปย่อคือ V.2) จะใช้กับเหตุการณ์ใน อดีต
กริยาช่องที่ 3 (รูปย่อคือ V.3) จะใช้กับเหตุการณ์ใน perfect tense ทุกชนิด
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv…
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r…
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1…
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5s…
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot…
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK…
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKY…
📌 คำเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ พื้นฐาน FANBOYS คืออะไร
👉 https://www.youtube.com/watch?v=6g8MlhZhBcE

กริยา 3 ช่อง พร้อมตัวอย่างการใช้ | เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี

กริยาช่อง 2 ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

กริยาช่อง 2 ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

Verb ช่อง 3 ใช้ยังไง?


Verb ช่อง 3 ใช้ยังไง?
LINE ID: @krubirdhome

Verb ช่อง 3 ใช้ยังไง?

สาวช็อก ไปกรีดยางบนเขาเจอเสือลายเมฆ | 08-11-64 | ห้องข่าวหัวเขียว


สาวชาวสวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกไปกรีดยางบนเขา..แต่แทบช็อก..เพราะเจอ เสือน้ำหนักไม่น้อยกว่า 30 กิโลกรัม เดินผ่าน..แต่เธอยังใจกล้า คว้ามือถือมาถ่ายไว้
กดติดตาม \u0026 กดกระดิ่ง : http://bit.ly/Subscribe_Thairath
ติดตามข่าวสำคัญไปกับเรา
Website : https://www.thairath.co.th
Website : https://www.thairath.co.th/tv
Facebook : https://www.facebook.com/thairath
Facebook : https://www.facebook.com/thairathtv
Twitter : https://twitter.com/Thairath_News
Twitter : https://twitter.com/Thairath_TV
Instagram : https://www.instagram.com/thairath
Instagram : https://www.instagram.com/thairathtv
Line : http://line.me/ti/p/@Thairath
Youtube : https://www.youtube.com/thairathonline
ติดต่อโฆษณา ออนไลน์
โทร. 021271111 ต่อ 2144

สาวช็อก ไปกรีดยางบนเขาเจอเสือลายเมฆ | 08-11-64 | ห้องข่าวหัวเขียว

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ กริยา ช่อง ที่ 2 ของ play

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *