Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense ใช้ยังไง มาดูให้หายข้องใจไปเลย… | การใช้past perfect – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense ใช้ยังไง มาดูให้หายข้องใจไปเลย… | การใช้past perfect – NATAVIGUIDES

การใช้past perfect: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

8

SHARES

Facebook

Twitter

หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense คล้ายกับ Past Continuous Tense  คือมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 2 เหตุการณ์ในอดีต แต่ใน Tense นี้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง

Past Perfect Continuous Tense

หลักการใช้ past perfect tense

  • Past Perfect Continuous Tense (Tense อดีตสมบูรณ์กำลังทำ)
  • Past  พาสท= อดีต
  • Perfect  เพอเฟ็คท = สมบูรณ์
  • Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง

Past Perfect Continuous Tense หมายถึง เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้วมาระยะเวลาหนึ่ง และจะดำเนินต่อเนื่องไปอีก

โครงสร้าง

I,He, She, It, A cat,
You, We, They, Cats
had
been
waiting

หลักการใช้

ใช้บอกเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกกลางคัน

หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (สอง Tense ) และต้องใช้ตามนี้ คือ

  • เหตุการณ์ที่เกิดก่อนและกำลังเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง (ใช้ Past Perfect Continuous Tense)
  • เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)

**** ให้นักเรียนท่องว่า พาส เพอเฟ็ค คอน (past perfect con) เกินก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง

(เป็นครั้งที่ 3 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง จึงสรุปได้ว่า ถ้ามีสองเหตุการณ์ในอดีตเมื่อไหร่ past simple ต้องเกิดหลังเท่านั้น)

ประโยคบอกเล่า

  • I had been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station.
    ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึงสถานี
  • When the police arrived, we had been sleeping for five hours.
    เมื่อตำรวจมาถึง พวกเราได้นอนหลับไปแล้ว (ตั้ง) ห้าชั่วโมง(แน่ะ)
  • We had been walking for one hour when we saw a small bird.
    พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง (แสดงว่านกหายาก)
  • Jim had been reading my book for thirty minutes before he returned it to me.
    จิมได้เอาหนังสือฉันไปอ่าน (ตั้ง) 30 นาที  ก่อนที่เขาจะคืนฉัน (คนซื้อกลับไม่ได้อ่านก่อน)
  • She had been swimming for two hours when the shark came.
    หล่อนได้ว่ายน้ำเล่น(ตั้ง) 2 ชั่วโมง ตอนที่ฉลามมา (นานมากเลย ปกติแค่ 5 นาทีมันก็โผล่แล้ว)
  • They had been playing football for four hours when it started to rain.
    พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)

Time Line เส้นเวลา

มาดูไทม์ไลน์กันเลยครับ ว่าถ้ามีเหตุการณ์ในอดีตสองเหตุการณ์ ซึ่งมี “เหตการณ์หนึ่งเกิดก่อน แล้วมีอีกหนึ่งเหตุการณ์เกิดตามหลัง” นั้นเป็นอย่างไร ดูจากไทม์ไลน์แล้ว ง่ายนิดเดียวเอง

  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์ที่เกิดก่อน
  • ลูกศรสีแดงคือเหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง

ไทม์ไลน์ตัวนี้อธิบายได้ว่า

  • ลูกศรสีขาวคือ เหตการณ์ที่เกิดก่อน (past perfect continuous)
  • ลูกศรสีแดง คือ เหตุการณ์ที่เกิดหลัง  (past simple)

I had been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station.
ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึงสถานี

สมมติว่าฉันไปรอรถไฟสักหกโมงเช้าแล้วกัน (จุดเริ่มต้นของเส้นสีขาว) แล้วก็รอหนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป แล้วก็สามชั่วโมงผ่านไป (ลูกศรสีขาว) รถไฟจึงมาถึงสถานี (ลูกศรสีแดง) ถ้ารอสามชั่วโมงแล้วรถไฟไม่มาทำไง ก็รอต่อไปเรื่อยๆนั่นแหละ (เส้นสีเหลือง)

สรุปว่าถ้านักเรียนต้องการบอกกล่าวเล่าเรื่องในอดีต ซึ่งมี “เหตุการณ์หนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วมีอีกหนึ่งเหตุการณ์เกิดตามหลัง” ให้ใช้โครงสร้าง

ประธาน + had +been+ กริยาช่องที่ 1 เติม ing / ประธาน + กริยาช่องที่ 2

  ประโยคปฏิเสธ

โครงสร้าง

I,He, She, It, A cat,
You, We, They, Cats
had not
been
waiting
  • had not ย่อเป็น hadn’t  แฮดดึนท แปลว่า ไม่
  • I hadn’t been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station. I had been waiting for five hours.
    ฉันไม่ได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึงสถานี ฉันรอตั้ง 5 ชั่วโมง (ต่างหาก)
  • When the police arrived, we had not been sleeping for five hours. We had been sleeping for one hour only.
    ตอนที่ตำรวจมาถึง พวกเราไม่ได้นอนหลับไปแล้ว ห้าชั่วโมง (หรอก) เรานอนหลับแค่ชั่วโมงเดียว เท่านั้น

 ประโยคคำถาม

โครงสร้าง

Had
I, he, she, it, a cat,
you, we, they, cats
been
waiting?

การสร้างประโยคคำถามก็เป็นไปตามกกฎที่ว่า ถ้ามีกริยาช่วย (24 ตัว) อยู่ในประโยคให้เอาขึ้นหน้าประธาน

  • Had you been waiting for the train for three hours  before it arrived at the station?
    คุณได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง  ก่อนที่มันจะมาถึงสถานีใช่ไหม
    Yes, I had. / No, I hadn’t. ใช่แล้ว /ไม่ใช่
  • Had we been sleeping for five hours when the police arrived?
    พวกเราได้นอนหลับไปแล้ว (ตั้ง) ห้าชั่วโมง ตอนที่ตำรวจมาถึงใช่ไหม
    Yes, we had. / No, we hadn’t. ใช่แล้ว /ไม่ใช่

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.5 / 5. Vote count: 217

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] วิธีการใช้ Past simple & Present perfect | การใช้past perfect – NATAVIGUIDES

ได้เคยกล่าวถึง Present Perfect (เพเซ่นทฺ เพอเฟ็กทฺ) และ Past Simple (พาสทฺ ซิมเพิล) มาแล้ว

เพื่อเป็นการทบทวนรูป (form ฟอม) ของทั้ง 2 tenses นี้จะขอสรุปเฉพาะ ภาคกริยาช่วย และกริยาแท้ไว้ดังนี้คือ
ก. Present Perfect
กริยาช่วย have / has
กริยาแท้ past participle (หรือ Verb ช่อง 3)
have/has + past participle

ข. Past Simple
กริยาช่วยช่อง 2/กริยาแท้ช่อง 2

ต่อไปนี้ จะขอกล่าวเชิงเปรียบเทียบการใช้ระหว่าง Past Perfect และ Past Simple เพื่อท่านผู้อ่านจะได้สามารถแยกแยะความแตกต่างได้โดยชัดเจน
1. การกระทำที่เริ่มเกิดขึ้นในอดีตและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน (an activity which started in the past and continues up to the present) กับการกระทำที่เริ่มและจบสิ้นในอดีต (an activity which started and finished in the past)
ตัวอย่าง
I have lived in Bangkok for ten years.
ผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังอาศัยอยู่)
I lived in Bangkok for 10 years.
ผมได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ 10 ปี(ตอนนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว)

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่เริ่มขึ้นในอดีตและ ดำเนินมาจนถึงปัจจุบันครบ 10 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังอยู่ ยังมิได้ย้ายไปไหนจึงใช้ Present Perfect ส่วนในประโยคที่ 2 เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่เริ่มต้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว จึงใช้ Past Simple

2. ผลของการกระทำในอดีตที่เกี่ยวเนื่องถึงปัจจุบัน (the result of a past action that is connected to the present)
ตัวอย่าง
I have lost my wallet.
ผมทำกระเป๋าเงินหาย(จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้คืนมา)
I lost my wallet, but I have got it back now.
ผมทำกระเป๋าเงินหาย แต่ตอนนี้ได้คืนมาแล้ว

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 กล่าวถึงผลของการกระทำที่ใด้เกิดขึ้นในอดีต และยังมีผลเกี่ยวเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จึงใช้ Present Perfect ส่วนในตัวอย่างที่ 2 กล่าวถึงในอดีต และตอนนี้ได้คืนมาแล้ว จึงใช้ Past Simple

3. การแจ้งข่าว (to announce news) กับการให้รายละเอียดของข่าว (to give details of the news)
ตัวอย่าง
Someone has stolen my bike.
มีคนลักขโมยรถจักรยานยนต์ของดิฉันไป
I left the bike outside the Saveland Department Store for a few minutes and when I came back, it wasn’t there.
ดิฉันจอดจักรยานไว้นอกห้างสรรพสินค้าเซฟแลนด์เป็นเวลา 2-3 นาที พอดิฉันกลับออกมา จักรยานก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 ผู้หญิงรายหนึ่งแจ้งว่า “มีคนลักขโมยจักรยาน ของเธอไป” เธอยังไม่ได้จักรยานคืนมา จึงใช้ Present Perfect ส่วนในตัวอย่างที่ 2 ผู้หญิงคนดังกล่าวได้ให้รายละเอียดกับตำรวจว่า เธอได้จอดจักรยานไว้นอกห้างเซฟแลนด์ พอกลับออกมาก็พบว่าจักรยานได้หายไปแล้ว จึงใช้ Past Simple

4. การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตถึงปัจจุบัน แต่ไม่ระบุเวลาแน่นอน (an action in the past up to the present with an indefinite time) กับการกระทำที่เกิดและจบสิ้นในอดีตที่ระบุเวลาแน่นอน (an action in the past with a definite time)
ตัวอย่าง
I have started taking driving lessons recently.
ผมเริ่มเรียนขับรถเมื่อเร็วๆ นี้
I started taking driving lessons a week ago.
ผมได้เรียนขับรถเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 คำว่า recently (ริเซ็นลิ) แปลว่า “เมื่อเร็วๆ นี้” มิได้ระบุเวลาแน่นอนว่าเมื่อไร จึงใช้ Present Perfect ซึ่งมีคำอื่นๆ อีกที่ไม่ระบุเวลาแน่นอน ที่ใช้ tense นี้เช่นเดียวกับ recently ได้แก่ ever (เอเวอะ = เคย นิยม ใช้ในรูปประโยคคำถาม), never (เนเวอะ =ไม่เคย), lately (เลทลิ = เมื่อเร็วๆ นี้), already (ออลริดิ = เรียบร้อยแล้ว), yet (เย็ท = หรือยัง ใช้เป็น adverb วาง ไว้ท้ายประโยคคำถามหรือปฏิเสธ) ส่วนในตัวอย่างที่ 2 คำว่า a week ago (เออะ วีค เออะโก) ระบุเวลาไว้แน่นอนแล้ว จึงใช้ Past Simple ซึ่งมีคำอื่นๆ ที่ระบุเวลา แน่นอนที่ใช้ tense นี้เช่นเดียวกับ ago ได้แก่ yesterday (เยสเทอะเดย์ = เมื่อ วานนี้), last week (ลาสทฺ วีค = สัปดาห์ที่แล้ว), last month (ลาสทฺ มันธฺ = เดือนที่แล้ว), last year (ลาสทฺ เยีย = ปีที่แล้ว) เป็นต้น

5. ช่วงเวลาของการกระทำนั้นยังไม่สิ้นสุด (the periods of time of that action are not finished) กับช่วงเวลาที่ได้เกิดการกระทำนั้นๆ ได้จบสิ้นไปแล้ว (the periods of time of that action are finished)
ตัวอย่าง
I have seen Peter this morning.
ผมได้เจอปีเตอร์เช้านี้ (ตอนนี้ก็ยังเป็นเวลาเช้าอยู่)
I saw Peter this morning.
ผมได้เจอปีเตอร์เช้านี้ (ตอนนี้เลยเวลาเช้าไปแล้ว อาจจะเป็นบ่าย,
เย็น, หรือค่ำ)

อธิบาย ในกรณีของตัวอย่างทั้งสองที่ยกมา อาจจะใช้รูป Present Perfect หรือ Past Simple ก็ได้ โดยปกติหากรู้แน่นอนว่ายังเป็นช่วงเวลานั้นๆ ตามที่เอ่ยขึ้นมา ก็ใช้ Present Perfect ได้ แต่ถ้าถามว่าจะใช้ Past Simple ได้ไหม คำตอบคือ ได้ด้วยเช่นกัน ดังเช่นกรณีตัวอย่างที่ 2 ทั้งนี้ต้องอาศัยช่วงเวลาเป็นตัวกำหนด

กล่าวโดยสรุป Present Perfect ใช้แสดงการกระทำที่มีการต่อเนื่อง (continuing actions) ส่วน Past Simple ใช้แสดงการกระทำที่ได้สิ้นสุดไปแล้ว (finished actions)

ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 25,655 times, 1 visits today)


We’d Been Hoping for a Romantic Trip – Past Perfect Continuous


Learn how to use the past perfect continuous tense (also known as the past perfect progressive tense) to express an action that started in the past and continued until a later time in the past.

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

We'd Been Hoping for a Romantic Trip - Past Perfect Continuous

What were you doing? – Past Continuous


Learn how to use Past Continuous/Progressive through a short story in this video. We use this tense 1. for a continuous action in the past which was interrupted by another action \”I was reading the label, when the jar slipped out of my hands\”; 2. to describe the atmosphere \”The sun was shining\”; 3. for two actions which happened in the same time in the past \”I was sitting in the living room and she was taking a shower\”

What were you doing? - Past Continuous

Past Simple และ Past Perfect Tense ตอนที่ 7 ภาษาอังกฤษ ป.4 – ม.6


Past Simple และ Past Perfect Tense
ภาษาอังกฤษ ป.4 ม.6
มาตราฐาน ต 2.2
มาดูหลักการใช้และความแตกต่างระหว่าง Past Simple และ Past Perfect กับ Bobby และผองเพื่อนกัน
โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ DLIT (Distance Learning Information Technology)
http://www.dlit.ac.th

Past Simple และ Past Perfect Tense ตอนที่ 7 ภาษาอังกฤษ ป.4 - ม.6

Future Continuous VS Future Perfect Tense ตอนที่ 11 ภาษาอังกฤษ ป.4 – ม.6


Future Continuous VS Future Perfect Tense
ภาษาอังกฤษ ป.4 ม.6
มาตราฐาน ต 2.2
มาดูหลักการใช้และความแตกต่างระหว่าง Future Continuous และ Future Perfect กับ Bobby และผองเพื่อนกัน
โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ DLIT (Distance Learning Information Technology)
http://www.dlit.ac.th

Future Continuous VS Future Perfect Tense ตอนที่ 11 ภาษาอังกฤษ ป.4 - ม.6

Used To and Would


Learn how to use ‘Would’ and ‘Used to’ in this video. They are both used to describe something that happened in the past but doesn’t happen any longer.

Used To and Would

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การใช้past perfect

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *