Skip to content
Home » [NEW] ข่าวภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล Trump Discusses North Korea เรียนอังกฤษจากข่าว | ข่าว การเมือง ภาษา อังกฤษ พร้อม แปล ไทย – NATAVIGUIDES

[NEW] ข่าวภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล Trump Discusses North Korea เรียนอังกฤษจากข่าว | ข่าว การเมือง ภาษา อังกฤษ พร้อม แปล ไทย – NATAVIGUIDES

ข่าว การเมือง ภาษา อังกฤษ พร้อม แปล ไทย: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

15

SHARES

Facebook

Twitter

ข่าวภาษาอังกฤษ หัวข้อ Trump Discusses North Korea With Leaders of South Korea and Japan – ทรัมป์ถกเรื่องเกาหลีเหนือกับผู้นำเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เรื่องราวในข่าวเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย

ข่าวภาษาอังกฤษ

ข่าวภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล

ข่าวภาษาอังกฤษน่าจะเหมาะกับผู้เรียนในระดับ อินเตอร์มีเดียท หรือระดับกลางๆขึ้นไปนะครับ ถ้ามือใหม่มาอ่านแล้วต้องแกะคำแปลทุกคำก็ไม่ไหว ลองดูนะครับว่าเราอยู่ระดับใด ถ้าติดขัดมากๆ ก็อยู่ระดับต้น พอไปได้ก็ระดับกลาง แปลได้ดีกว่าก็ระดับแอดวานซ์

U.S. President Donald Trump expressed optimism about a planned meeting with North Korean leader Kim Jong Un following conversations Saturday with South Korean President Moon Jae-in and Japanese Prime Minister Shinzo Abe.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมพ์ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้แสดงความเห็นในแง่ดีเกี่ยวกับการประชุมที่จะจัดขึ้นกับผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอึน หลังจากการสนทนาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุนแจอิน และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ

Trump tweeted he had a “very good talk” with Moon and updated Abe on plans for his anticipated summit with Kim. ทรัมป์ทวีตว่าเขามี “การพูดคุยที่ดีมาก” กับนายมุนและพูดคุยกับนายอะเบะเกี่ยวกับแผนการจัดงานประชุมสุดยอดกับนายคิม

Key U.S. leaders are expressing growing optimism that decades of hostility on the Korean Peninsula are closer than ever to coming to an end.
บรรดาผู้นำสหรัฐฯคนสำคัญกล่าวแสดงความหวังว่า ยุคของการก่อการร้ายในคาบสมุทรเกาหลีใกล้จะมาถึงจุดจบแล้ว

Trump said at a White House news conference with German Chancellor Angela Merkel Friday “I don’t think he’s playing” when asked about the historic summit between North and South Korea.
“ผมไม่คิดว่าเขากำลังเล่นละคร” ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวของทำเนียบขาวกับนายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อถามถึงการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้

President Donald Trump meets with German Chancellor Angela Merkel in the Oval Office of the White House, April 27, 2018, in Washington.
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบกับ นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิ ในสำนักงานรูปไข่ของทำเนียบขาวในวันที่ 27 เมษายน 2018 ที่กรุงวอชิงตัน

Trump added a meeting would be scheduled “very shortly” but didn’t specify a timeline, saying up to three possible sites are being considered for the much-anticipated summit in late May or early June.
ทรัมป์เสริมว่าจะกำหนดการประชุม “เร็ว ๆ นี้” แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลา อาจจะมีการพิจารณาถึงสถานที่ที่เป็นไปได้สามแห่งสำหรับการประชุมสุดยอดที่คาดว่าจะมีขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายน

Earlier Friday, Kim became the first North Korean leader to set foot in South Korea, when he crossed the border to shake the hand of South Korean President Moon Jae-in.
เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมาคิมกลายเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนแรกที่เดินย่างก้าวเข้าไปเกาหลีใต้ เมื่อเขาได้ข้ามพรมแดนเพื่อจับมือประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุนแจอิน

The two leaders agreed to work toward removing all nuclear weapons from the Korean peninsula and vowed to pursue talks that would bring a formal end to the Korean war.
ผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะดำเนินการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดออกจากคาบสมุทรเกาหลีและสาบานว่าจะดำเนินการเจรจาเพื่อยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ

North Korea has in the past made similar commitments about its nuclear program, but failed to follow through. Asked whether Pyongyang’s commitment is real this time, Trump said “we’re not going to get played.”
เกาหลีเหนือในอดีตมีความมุ่งมั่นคล้าย ๆ กันเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของตน แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ถามว่าความมุ่งมั่นของเปียงยางในครั้งนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ “ทรัมพ์กล่าวว่า” เราคงไม่กำลังโดนหลอกหรอกนะ ”

“This isn’t like past administrations. We don’t play games,” said Trump, adding that previous administrations had been “played like a fiddle.”
“นี่ไม่เหมือนการบริหารที่ผ่านมา เราไม่ได้เล่นเกม” ทรัมพ์กล่าว ซึ่งเป็นการย้ำว่า การบริหารครั้งก่อนหน้านี้เป็นเหมือนกับการสีซอ

U.S. Defense Secretary Jim Mattis also expressed hope Friday that talks with North Korea will bear fruit.
เมื่อวันศุกร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ จิม แมตทิส ยังได้แสดงความหวังว่าการเจรจากับเกาหลีเหนือจะเกิดขึ้น

Defense Secretary James Mattis answers a question from members of the Polish media, before an arrival ceremony for Poland’s Minister of Defense Mariusz Blaszczak, April 27, 2018, at the Pentagon.
รัฐมนตรีกลาโหม จิม แมตทิส ได้ตอบคำถามจากสมาชิกของสื่อมวลชนโปแลนด์ก่อนที่จะมีพิธีต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ มาริอุส บลาสซัก วันที่ 27 เมษายน 2018 ณ ตึกเพนตากอน

“I can tell you that we are optimistic right now that there’s an opportunity here that we have never enjoyed since 1950,” Mattis said before a meeting at the Pentagon with the Polish defense minister.
“ผมสามารถบอกคุณได้ว่าตอนนี้เรามองโลกในแง่ดีว่ามีโอกาสเกิดขึ้นที่นี่ซึ่งเราไม่เคยมีความสุขมาตั้งแต่ปี 1950” แมตทิส กล่าวก่อนการประชุมที่กระทรวงกลาโหมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์

The White House and the Pentagon see the diplomatic progress as the result of Washington’s “maximum pressure” campaign, which included heavy sanctions and frequent threats of military force. Trump had said he was prepared to “totally destroy” North Korea if necessary.
ทำเนียบขาวและเพนตากอนเห็นความคืบหน้าทางการทูตอันเป็นผลมาจาก “มาตรการกดดันอย่างหนัก” ของวอชิงตัน ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรอย่างหนัก และการข่มขู่ทางการทหารอย่างต่อเนื่อง ทรัมป์กล่าวว่าเขาพร้อมที่จะ “ทำลายล้าง” เกาหลีเหนือให้สิ้นซากในกรณีที่จำเป็น

For now, the threats have faded. But it’s not clear how much North Korea is willing to offer at the talks or what it will demand in return. Nor is it clear how much the U.S. is willing to give.
ขณะนี้ภัยคุกคามได้จางหายไป แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ที่เกาหลีเหนือยินดีที่จะเสนอในการเจรจาหรือจะเรียกร้องอะไรในทางกลับกัน และไม่เป็นที่ชัดเจนเช่นกันว่าสหรัฐฯยินดีจะให้อะไรบ้าง

Mattis Friday did not rule out the possibility U.S. troops could come home from South Korea if a Seoul and Pyongyang are able to reach an agreement.
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แมตทิสไม่ได้ห้ามกองทัพของสหรัฐฯกลับฐานทัพ จากเกาหลีใต้ได้หากกรุงโซลและเปียงยางสามารถบรรลุข้อตกลงได้

North Korean leader Kim Jong Un, left, and South Korean President Moon Jae-in raise their hands after signing a joint statement at the border village of Panmunjom in the Demilitarized Zone, South Korea, April 27, 2018.
ผู้นำเกาหลีเหนือ คิมจองอึน คนด้านซ้ายและประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุนแจอิน ยกมือขึ้นหลังจากลงนามแถลงการณ์ร่วมที่หมู่บ้านชายแดนใต้ของ ปันมุนจอม ในเขตปลอดทหารเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2018

On Friday, Moon and Kim’s statement said the two leaders “confirmed the common goal of realizing, through complete denuclearization, a nuclear-free peninsula.”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคำแถลงของนายมุนและนายคิมกล่าวว่าผู้นำทั้งสองได้ “ยืนยันเป้าหมายร่วมกันในการตระหนักถึงการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิงและคาบสมุทรที่ปราศจากนิวเคลียร์

After the meeting, Trump tweeted his support for the talks, saying “good things are happening, but only time will tell!”
หลังจากการประชุมทรัมป์ได้ทวีตการสนับสนุนของเขาในการเจรจาว่า “สิ่งดีๆกำลังเกิดขึ้น แต่เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้!”

Fifteen minutes later, Trump tweeted: “KOREAN WAR TO END! The United States, and all of its GREAT people, should be very proud of what is now taking place in Korea!”
สิบห้านาทีต่อมาทรัมป์ทวีตว่า “สงครามเกาหลีสิ้นสุดลงแล้วสหรัฐอเมริกาและคนที่ยอดเยี่ยมทุกคนน่าจะภูมิใจมากกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเกาหลี!”

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4 / 5. Vote count: 28

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] ก่อนเกิดการทำแผนที่สยาม (ตอนที่สามสิบสาม): Council of State ของไทยมาจาก อังกฤษ เนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส ? | ข่าว การเมือง ภาษา อังกฤษ พร้อม แปล ไทย – NATAVIGUIDES

ก่อนเกิดการทำแผนที่สยาม (ตอนที่สามสิบสาม): Council of State ของไทยมาจาก อังกฤษ เนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส ?

โดย…ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร

**************

ในการดึงอำนาจนิติบัญญัติจากฝ่ายสมเด็จเจ้าพระยาฯและฝ่ายวังหน้า (กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ) และปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เพื่อเตรียมรับมือกับการแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัตตั้งองค์กรสถาบันทางการเมืองที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจนี้อย่างเป็นทางการขึ้น โดยทรงโปรดเกล้าฯให้มีพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาทั้งสองขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2417 อันได้แก่ พระราชบัญญัติเคาน์ซิลออฟสเตดหรือสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และพระราชบัญญัติปรีวีเคาน์ซิลลอร์หรือที่ปรึกษาในพระองค์ ซึ่งการตั้งองค์กรสถาบันทางการเมืองทั้งสองนี้โดยใช้กำกับตามด้วยภาษาอังกฤษย่อมสะท้อนถึงการได้รับอิทธิพลจากความรู้ทางการเมืองการปกครองของตะวันตก

เมื่อเปรียบเทียบสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2417 ที่มีผู้กล่าวว่าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยคำนึงตามแบบของอังกฤษและใช้คำว่า “Council of State” หรือสภาแห่งรัฐ จะพบว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่งที่มีการใช้และจัดตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินโดยใช้คำว่า “Council of State” หรือสภาแห่งรัฐ เพราะสภาแห่งรัฐถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่อังกฤษปราศจากสถาบันพระมหากษัตริย์

และได้ตั้งสภาแห่งรัฐขึ้นมาทำหน้าที่แทนสถาบันพระมหากษัตริย์และสภาที่ปรึกษาในพระองค์ (Privy Council) โดยมุ่งหวังให้สภาแห่งรัฐทำหน้าที่ตรากฎหมายและกำหนดนโยบายการบริหารงานของรัฐ รักษาความมั่นคงทั้งการเมืองภายในและการต่างประเทศ โดยสภาสามัญเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกสมาชิกของสภาแห่งรัฐ

ในช่วงแรกอยู่ภายใต้อำนาจของสภาสามัญ และภายหลังมีอำนาจเหนือสภาสามัญและกลับมาอยู่ภายใต้สภาสามัญอีก และหลังจากที่สภาแห่งรัฐถูกยุบไปในปี ค.ศ. 1659 ก็มิได้มีการใช้คำนี้หรือจัดตั้งองค์กรในชื่อนี้อีกเลย ดังนั้น จึงไม่สามารถเข้าใจถึงเจตนารมณ์ในการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินโดยใช้ชื่อว่า “Council of State” เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่กล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจตนารมณ์และคำกราบบังคมทูลฯของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ที่ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งไม่มีหลักฐานว่าเขาได้ไปศึกษาที่อังกฤษในหลักสูตรอะไรและมีความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองของอังกฤษมากน้อยเพียงไร สิ่งที่ทำได้คือ การตั้งสมมุติฐานถึงเหตุผลในการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินโดยใช้ชื่อว่า “Council of State”

สมมุติฐานที่หนึ่ง พระยาภาสกรวงศ์รู้และเข้าใจสถานะ อำนาจและบทบาทของสภาแห่งรัฐที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่อังกฤษไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ (interregnum) นั่นคือเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจเดิมที่เคยเป็นอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์และสภาที่ปรึกษาในพระองค์ (Privy Council) ในการตรากฎหมายและกำหนดนโยบายการบริหารงานของรัฐ รักษาความมั่นคงทั้งการเมืองภายในและการต่างประเทศ โดยสภาสามัญเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกสมาชิกของสภาแห่งรัฐ

แต่พระยาภาสกรวงศ์ได้ปรับเปลี่ยนสภาแห่งรัฐของอังกฤษให้เข้ากับสภาพการณ์ทางการเมืองของสยามขณะนั้น นั่นคือ ความมุ่งหมายที่จะดึงอำนาจจากฝ่ายสมเด็จเจ้าพระยาฯและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพ โดยให้สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินมีอำนาจในการตรากฎหมายอันจะนำมาซึ่งการกำหนดนโยบายการบริหารงานของรัฐเพื่อสร้างความมั่นคงการเมืองทั้งภายในเพื่อรับมือชาติมหาอำนาจตะวันตก และปรับเปลี่ยนจากธรรมเนียมของอังกฤษที่ให้สภาสามัญเป็นผู้เลือกสมาชิกสภาแห่งรัฐมาเป็นพระมหากษัตริย์เป็นผู้เลือก

เนื่องจากขณะนั้นสยามยังไม่มีสภาสามัญที่เป็นตัวแทนที่มาจาการเลือกตั้งของพลเมืองที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยการให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้เลือกสมาชิกสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินเพื่อยืนยันว่าพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ต่างจากอังกฤษที่สภาสามัญมีอำนาจสูงสุดหลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองใหม่ๆ

ดังนั้น ตามสมมุติฐานนี้ การเมืองสยามขณะนั้นในสายตาของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์จึงเป็นการเมืองในช่วงเปลี่ยนแปลงศูนย์อำนาจครั้งใหญ่ แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงโดยการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างในอังกฤษ แต่เป็นการพยายามลิดรอนอำนาจอิทธิพลของฝ่ายสมเด็จเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์และเครือข่ายขุนนางของเขา และรวมถึงอำนาจอิทธิพลของวังหน้าด้วย โดยผ่านอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบที่กำหนดไว้ในสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน เพื่อดึงอำนาจกลับสู่พระมหากษัตริย์

แต่กระนั้น ก็มิใช่การเปลี่ยนไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพราะตามโครงสร้างกระบวนการตัดสินใจ ไม่ได้ให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจแต่ผู้เดียว แต่อาศัยหลักการลงคะแนนเสียงข้างมากจากที่ประชุม ยกเว้นในกรณีที่เสียงเท่ากัน พระมหากษัตริย์ในฐานะประธานที่ประชุมจึงจะสามารถลงคะแนนเสียงเพิ่มไปในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้

สมมุติฐานที่สอง พระยาภาสกรวงศ์รู้และเข้าใจสถานะ อำนาจและบทบาทของสภาแห่งรัฐของอังกฤษในช่วงเวลาดังกล่าว แต่มิได้ต้องการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินเลียนแบบสภาแห่งรัฐในช่วงเวลานั้น แต่มีเจตนาที่จะให้สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินเป็นจุดเริ่มต้นของสภาที่จะพัฒนาไปสู่รัฐสภาตามแบบรัฐสภาในอังกฤษขณะนั้นที่ทำหน้าที่ตรากฎหมายและตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของฝ่ายบริหาร

ดังที่จุดเริ่มต้นของรัฐสภาอังกฤษมีที่มาจาก curia regis ที่เป็นสภาแรกเริ่มของพระมหากษัตริย์อังกฤษในศตวรรษที่สิบเอ็ดในสมัยพระเจ้าวิลเลียมที่หนึ่ง และให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเป็นผู้เลือกสมาชิกสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินจากพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางข้าราชการตามจุดเริ่มต้นการกำหนดรัฐสภาของอังกฤษ และคาดหวังว่าจะค่อยๆวิวัฒนาการไปสู่การขยายตัวไปสู่วงกว้างและในที่สุดขยายไปสู่การให้ประชาชนเป็นผู้เลือกสมาชิกสภาสามัญอย่างการเมืองอังกฤษในขณะนั้น

และเนื่องจากมีความตั้งใจจะตั้งสภาที่ปรึกษาในพระองค์หรือ “ปรีวี เคาน์ซิล” อยู่แล้ว สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ถึงแม้ว่าจะตั้งโดยพระมหากษัตริย์ แต่ก็ไม่สามารถใช้ชื่อว่า สภาในพระมหากษัตริย์ได้หรือ “King’s Council” เพราะจะไปซ้ำซ้อนและทำให้เกิดความสับสนกับสภาที่ปรึกษาในพระองค์ จึงใช้คำว่า “Council of State” ที่น่าจะเป็นคำกลางๆที่หมายถึง สภาแห่งแผ่นดิน ด้วยมีความคาดหวังตั้งใจว่า จะให้เป็นรัฐสภาที่เป็นสภาแห่งแผ่นดินอย่างแท้จริง โดยเริ่มจากสภาขุนนางที่เป็นข้าราชการใกล้ชิดพระมหากษัตริย์อันจะมีวิวัฒนาการต่อไปในอนาคตในทำนองเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในอังกฤษ

ผู้เขียนเห็นว่า สมมุติฐานที่สองนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า เพราะในการลงข่าวในหนังสือพิมพ์ “ดรุโณวาท” ของกลุ่มสยามหนุ่มภายใต้สมาคมสยามหนุ่ม (the Young Siam Society) ได้ลงข่าวการประชุมสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินของสยามและต่อด้วยข่าวการประชุมรัฐสภาของอังกฤษในส่วนการประชุมของสภาขุนนาง

ผู้เขียนสันนิษฐานว่า การลงข่าวที่ติดต่อกันนั้น บรรณาธิการน่าจะต้องการให้ผู้อ่านได้เปรียบเทียบเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ทันสมัยของสยามตามแบบของอังกฤษ

แต่ถ้าเราพักความคิดที่ว่า การจัดตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินมาจากการกราบบังทูลของพระยาภาสกรณ์วงศ์โดยเลียนตามแบบของอังกฤษ และหันไปพิจารณาสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (council of state) ของประเทศอื่นๆในภาคพื้นทวีปยุโรป จะพบว่า โครงสร้างและสาระสำคัญบางประการของสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินที่จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2417 มีความคล้ายคลึงหรือแทบจะเหมือน “Council of State” ของประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ว่าได้ เพราะ “Council of State” ของเนเธอร์แลนด์หรือที่เรียกว่า “Raad van State” ที่เริ่มเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2074 โดยเป็นองค์กรสถาบันทางการเมืองที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย และกำหนดไว้อย่างเป็นทางการให้สมาชิกสภาฯมาจากพระบรมวงศานุวงศ์และผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง การพาณิชย์ การทูตและการทหารที่ได้รับการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์

โดย Radd van State ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่พระมหากษัตริย์เกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายที่จะส่งต่อไปยังรัฐสภา โครงสร้างของ Raad van State กำหนดให้พระมหากษัตริย์เป็นประธาน Radd van State แต่ในทางปฏิบัติ พระองค์มักจะไม่ได้เข้าประชุม แต่จะให้รองประธานทำหน้าที่เป็นประธานแทนและเป็นผู้รับผิดชอบ Radd van State ที่แท้จริง

จะเห็นได้ว่า โครงสร้างและสาระสำคัญที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติเคาน์ซิลออฟสเตด พ.ศ. 2417 จะมีความคล้ายคลึงกับ Radd van State เช่น ข้อ 1 ที่กำหนดให้พระมหากษัตริย์ตั้งพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการซึ่งมีตระกูลและผู้มีสติปัญญาว่องไวเฉียบแหลมรอบรู้ในราชกิจการต่างๆ และ ข้อ 5 พระมหากษัตริย์เป็นประธาน (“เปรสิเดน”) และจะเสด็จมาในที่ประชุมหรือไม่ก็ได้ และ ข้อ 6 ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่เสด็จมาประชุม ให้รองประธาน (“ไวซ์เปรสิเดน”) เป็นผู้มีสิทธิ์ชี้ขาดในที่ประชุม

แต่ที่แตกต่างจาก Radd van State คือสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2417 มิได้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาฝ่ายบริหารต่อการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อเสนอต่อรัฐสภา เพราะในขณะนั้น ในการเมืองการปกครองของสยามยังไม่มีองค์กรสถาบันทางการเมืองอย่างรัฐสภา แต่สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2417 มีอำนาจหน้าที่อย่างรัฐสภานั่นคือ มีอำนาจหน้าที่ในการตรากฎหมายและตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของข้าราชการ ราษฎรและแม้แต่พระมหากษัตริย์เอง

ซึ่งในส่วนนี้จะไปเหมือนกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรสถาบันทางการเมืองที่วิวัฒนาการจากสภาที่ปรึกษาในพระองค์ของพระมหากษัตริย์อังกฤษไปสู่การเป็นรัฐสภาของอังกฤษดังที่ได้กล่าวไป และแม้ว่าพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2417 กำหนดให้พระมหากษัตริย์ตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ให้เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯได้ แต่ดังจะเห็นต่อไปว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯไม่ได้ทรงเลือกพระบรมวงศานุวงศ์แม้แต่พระองค์เดียว แต่ทรงตั้งพระทัยที่จะเลือกแต่เฉพาะข้าราชการที่อยู่ในระดับพระยาเท่านั้น ที่มีความรู้ประสบการณ์ราชการในด้านกิจมหาดไทย กลาโหมและการค้าและการต่างประเทศคล้ายโครงสร้างส่วนหนึ่งของ Radd van State

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่การออกแบบสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2417 จะได้รับอิทธิพลจาก Radd van State ดังที่มีผู้สันนิษฐานไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน่าจะทรงได้รับแนวความคิดการจัดตั้งองค์กรดังกล่าวมาจากประเทศในยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ โดยในกรณีของอังกฤษและฝรั่งเศส มีการพบหลักฐานเอกสารแปลเกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองและระบบกฎหมายของประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งแปลโดยพระยาภาสกรวงศ์และนายเฮนรี อลาบาสเตอร์

ส่วนในกรณีของเนเธอร์แลนด์นั้น มีการสันนิษฐานจากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จทอดพระเนตรและเยี่ยมชมการทำงานของสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินที่เมืองเบตาเวีย ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของฮอลันดา ระหว่างการเสด็จประพาสต่างประเทศครั้งแรก พ.ศ. 2414 ส่วนในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่า การออกแบบสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ.2417 ได้รับอิทธิพลทางความคิดจากทั้ง Radd van State และวิวัฒนาการของสภาของอังกฤษ ดังที่ได้อธิบายให้เหตุผลไปข้างต้น

(แหล่งอ้างอิง: ดรุโณวาท, วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2417 เล่มที่ 1; https://www.raadvanstate.nl/the_council_of_state/; รายงานการประชุมเสนาบดีสภา รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาคที่ 1 เรื่อง สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน; จดหมายเหตุ ร. 5 หมายเลข 144/2 อ้างใน จาตุรงค์ รอดกำเนิด, แนวความคิดทางกฎหมายปกครองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วิทยานิพนธ์นิติศาสตร์มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2549, หน้า 145)


นายกฯหารือ ‘เทเรซา เมย์’ สานต่อความสัมพันธ์ไทย-อังกฤษ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าพบหารือทวิภาคีกับ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี สหราชอาณาจักร ที่ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในการเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ

โดยกล่าวระหว่างหารือว่า เป็นครั้งแรกทีผู้นำระดับสูงของ 2 ประเทศมีโอกาสพูดคุยและหารือ ถึงความร่วมมือด้านต่างๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น และขอบคุณนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ที่เปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อแสดงความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน

พร้อมกับชื่นชมบทบาทความเป็นผู้นำของนางเทเรซา เมย์ และติดตามขั้นตอนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ อียู และขอให้ประสบความสำเร็จ และสิ่งที่จะหารือระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร ต่อจากนี้ คือจะทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของ 2 ประเทศ

โดยเฉพาะนโยบาย Global Britain (โกลเบิล บริเทน) ที่เน้นให้เปิดการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ ตลอดจนความเชื่อมั่นที่มีต่อนโยบาย Thailand 4.0 และยินดีสนับสนุนให้ภาคเอกชนอังกฤษร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

ซึ่งปัจจุบัน มีนักลงทุนเข้าไปลงทุนในไทย กว่า 600 บริษัท มูลค่า 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยลงมาลงทุนในสหราชอาณาจักร 4 .7 พันล้านดอลล่าร์

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอให้ เชื่อมั่นในศักยภาพไทยในการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียนที่จะเชื่อมโยงความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ในทุกมิติไปยังภูมิภาคอื่นๆเพราะไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจง ความคืบหน้าของไทยในการก้าวสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ว่า ในต้นปีหน้าจะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน และอีกประเด็นที่สำคัญไทยต้องเตรียมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

รายละเอียดเพิ่มเติม http://morningnews.bectero.com/political/22Jun2018/125206

เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) 22 มิถุนายน 2561
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารได้ก่อนใครได้ที่นี่
เรื่องเล่าเช้านี้.com : http://morningnews.bectero.com
facebook : https://www.facebook.com/MorningNewsTV3
Twitter : https://twitter.com/MorningNewsTV3
Official LINE : @ruenglao

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

นายกฯหารือ 'เทเรซา เมย์' สานต่อความสัมพันธ์ไทย-อังกฤษ

แปลภาษา แชท ไลน์ แชทกับชาวต่างชาติ อังกฤษ เป็น ไทย เกาหลี พม่า (อัพเดท 2020) l ครูหนึ่งสอนดี


แชทกับชาวต่างชาติ ผ่าน LINE มี แปลภาษาใช้ดีมากๆ
ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจดีๆให้กับหนึ่งด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
แปลภาษา หนึ่งโมบายมวกเหล็ก ครูหนึ่งสอนดี 1mobilemuaklek

รับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่
https://www.youtube.com/channel/UCpYwQZfu9E7DZHcgtcPnMbw?sub_confirmation=1

แปลภาษา แชท ไลน์ แชทกับชาวต่างชาติ  อังกฤษ เป็น ไทย เกาหลี พม่า (อัพเดท 2020) l ครูหนึ่งสอนดี

TNN THAILAND NEWS ข่าวภาคภาษาอังกฤษ (22/09/2559)


TNN THAILAND NEWS ข่าวภาคภาษาอังกฤษ (21/09/2559) Bangkok is seeing better traffic flow
Don’t miss our English Program \”TNN Thailand News\”
With Varin Sachdev \u0026 Tin Chokamolkit 22.00 22.15 MonFri
TNN24 ออกอากาศทางทีวีช่อง 16
ชมสดได้ที่ http://www.tnnthailand.com/player.php
เกาะติดข่าวเด่นประจำวันได้ที่
http://www.tnnthailand.com
http://www.fb.com/TNN24
http://twitter.com/tnnthailand
https://www.instagram.com/tnnthailand/
สถานีข่าวโทรทัศน์ TNN24 เป็นสถานีข่าวที่ถือหลักการของการนำเสนอข่าวตรงประเด็น ทันทุกความจริง รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นกลาง โดยทีมข่าวมืออาชีพ

TNN THAILAND NEWS ข่าวภาคภาษาอังกฤษ (22/09/2559)

อัพทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ยากกลายเป็นง่าย!!


Coming soon คอร์ส online การอ่าน แปลความ
.
ชำแหละละเอียดตั้งแต่โครงสร้างประโยคฝึกอ่าน แปล ตีความ เนื้อหาข่าวภาษาอังกฤษ
อ่านต่อ
Cr. https://www.bangkokpost.com/learning/easy/1905960/cityhalldefendstreecutting
หากไม่ฝึกอ่านเลย สมองจะไม่แข็งแรงเพราะไม่ได้ออกแรง และการพัฒนา reading skill และ English vocabulary ก็จะไปได้ช้า
.
การฝึกอ่านบทความภาษาอังกฤษ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการพัฒนาทักษะการอ่าน (reading) และเพิ่มพูนทักษะการเขียน (writing) ทางอ้อม

อัพทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ยากกลายเป็นง่าย!!

Have you ….? I ฝึกพูดแบบง่าย…LINE @englishfitandfirm


เพิ่มชม.ฝึกแต่งประโยคสู่การSpeaking แบบง่าย+พื้นฐาน ด้วยวิดิโอที่ต่อเนื่อ
ที่เรียนดูซ้ำทบทวนได้ไม่จำกัดรอบ ภายในเวลาสูงสุด 2 ปี เพียง 1990 ติดต่อสอบถาม LINE @englishfitandfirm

Have you ....? I ฝึกพูดแบบง่าย...LINE @englishfitandfirm

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ข่าว การเมือง ภาษา อังกฤษ พร้อม แปล ไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *