Skip to content
Home » [NEW] การใช้ Such as, E.g., I.e., For example, For instance และ Ex เพื่อยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ | ตรงกลาง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] การใช้ Such as, E.g., I.e., For example, For instance และ Ex เพื่อยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ | ตรงกลาง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ตรงกลาง ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

การเขียนบทความ เรื่องราว จดหมาย ข้อความ หรือเรื่องประเภทอื่น ๆ  หลายครั้งที่เราต้องยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบ เพื่อให้เข้าใจความหมายได้ดียิ่งขึ้น ในภาษาอังกฤษ มีคำที่ใช้เพื่อบอกว่าตัวอย่างของสิ่งที่เรากล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น มีตัวอย่างอะไรบ้าง ความหมายของคำเหล่านี้จะหมายถึง ตัวอย่างเช่น เช่น ได้แก่ นั่นคือ กล่าวคือ บทความนี้จะกล่าวถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ใช้เพื่อในประโยคที่ต้องการยกตัวอย่างมาประกอบ ได้แก่คำว่า

  • Such as
  • E.g
  • I.e.
  • For example
  • For instance
  • Ex.

Such as

  • Such as หมายถึง ได้แก่ หรือ ตัวอย่างเช่น
  • ใช้ในประโยคภาษาอังกฤษ เมื่อต้องการยกตัวอย่าง

ตัวอย่างเช่น

English is spoken in many countries, such as England, Australia and Canada.
ภาษาอังกฤษใช้พูดกันในหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเรีย และแคนาดา

Foods such as noodles and curry are my favorite meals.
อาหาร เช่น ก่วยเตี๋ยวและแกงกะหรี่ เป็นอาหารที่ฉันชื่นชอบ

Countries such as Sweden have a long record of welcoming refugees from all over the world.
ประเทศ เช่น สวีเดน มีประวัติอันยาวนานในการรับผู้ลี้ภัยจากทั่วโลก

I like tropical fruits, such as durians, jackfruits and mangoes
ฉันชอบผลไม้เมืองร้อน เช่น ทุเรียน ขนุน และมะม่วง

รูปแบบการใช้

1. ใช้ในประโยคภาษาอังกฤษเมื่อต้องการยกตัวอย่าง
2. Such as + noun (Such as ตามด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
3. หลังคำว่า such as ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่า
4. ก่อนหน้าคำว่า such as ในบางประโยคต้องมีเครื่องหมายคอมม่า บางประโยคไม่ต้องมี เป็นเรื่องของ Restrictive Clause

4.1 ประโยคที่ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as
ถ้า such as ใช้อธิบายคำนาม หรือสรรพนาม ซึ่งมักจะเป็นคำเดี่ยว ๆ กรณีนี้ไม่ต้องมี คอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as

ตัวอย่างประโยค

Foods such as noodles and curry are my favorite meals.
อาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว และแกงกระหรี่ เป็นมื้อโปรดของฉัน

จากตัวอย่าง such as noodle and curry are my favorite meals. ใช้เพื่ออธิบายคำว่า “foods” ซึ่งเป็นคำนามเพียงคำเดียว ในกรณีนี้ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as

4.2 ประโยคที่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าอยู่หน้า such as
การใช้ such as ในรูปแบบนี้เป็นการใช้ sush as เพื่อยกตัวอย่างประกอบประโยคที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ใช่ คำนามเดี่ยว ๆ

ตัวอย่างประโยค

English is spoken in many countries, such as England, Australia and Canada.
ภาษาอังกฤษใช้พูดกันในหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเรีย และแคนาดา

จากตัวอย่าง such as England, Australia and Canada ใช้ยกตัวอย่างประกอบ ประโยคที่กล่าวไปข้างต้นคือ English is spoken in many countries

ป.ล. ควรศึกษาเรื่อง Restrictive Clause เพิ่มเติม

E.g.

  • E.g. หมายถึง เช่น หรือ ตัวอย่างเช่น
  • E.g. เป็นตัวย่อจากภาษาละตินของคำว่า ‘exempli gratia’ ซึ่งความหมายตรงกับภาษาอังกฤษกับคำว่า “for example”
  • ใช้เพื่อยกตัวอย่าง สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นว่ามีอะไรบ้าง

ตัวอย่างเช่น

I love to eat vegetables, e.g., carrots, morning glory, and broccoli.
ฉันชอบกินผัก ตัวอย่างเช่น แครอท ผักบุ้ง และบล็อกโคลี่

In this building, you’re allowed to have pets, e.g. cats and dogs.
ในตึกนี้ คุณได้รับอนุญาติให้เลี้ยงสัตว์ได้ เช่น แมว และ หมา

You should eat more food that contains a lot of fiber, e.g., vegetables, fruit, and whole grains
คุณควรทานอาหารที่มีไฟเบอร์เยอะ ๆ ตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช

รูปแบบการใช้

  1. วางอยู่ตรงกลางประโยค เพื่อใช้เชื่อมประโยค
  2. E.g. + noun (e.g. ตามหลังด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
  3. ก่อน e.g. ต้องมีเครื่องหมาย , คั่นหลังจบประโยคก่อนหน้า
  4. หลัง e.g. ถ้าใช้เป็น e.g., (มีเครื่องหมายคอมม่าตาม) เป็นการเขียนแบบอเมริกัน
    – They sell computer components, e.g., motherboards, graphic cards, CPUs.
  5. หลัง e.g. ถ้าไม่มีเครื่องหมายคอมม่าตาม ใช้เป็น e.g. เป็นการเขียนแบบอังกฤษ
    – They sell computer components, e.g. motherboards, graphic cards, CPUs.

I.e.

  • i.e. หมายถึง นั่นคือ กล่าวคือ ซึ่งก็คือ หรือ เรียกอีกอย่างว่า
  • i.e. เป็นคำย่อจากภาษาละติน id est หรือมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า “in other word” (เรียกอีกอย่างว่า) หรือ “that is” (นั่นคือ)
  • ใช้เมื่อต้องการอธิบายประโยคที่กล่าวไปแล้วเพิ่มเติม โดยใช้คำว่า นั่นคือ กล่าวคือ หรือ ซึ่งก็คือ ในการเชื่อมประโยค

ตัวอย่างเช่น

I am a vegetarian, i.e., I don’t eat meat.
ฉันเป็นคนกินอาหารมังสวิรัติ นั่นคือ ฉันไม่กินเนื้อ

The hotel is closed during low season, i.e., from April to October.
โรงแรมปิดทำการในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว ซึ่งก็คือ จากเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม

I like Japanese food, i.e., sushi.
ฉันชอบกินอาหารญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ ซูชิ

Consistent exercise is necessary to maintain health, i.e., three to four times per week.
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมีความจำเป็น เพื่อบำรุงรักษาสุขภาพ นั่นคือ สามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์

รูปแบบการใช้

1. วางอยู่ตรงกลางประโยค เพื่อใช้เชื่อมประโยค
2. i.e. + noun (i.e. ตามหลังด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
3. ก่อน i.e. ต้องเครื่องหมายคอมม่า คั่นหลังจบประโยคก่อนหน้า
4. หลัง i.e. ถ้าใช้เป็น i.e., (มีเครื่องหมายคอมม่าตาม) เป็นการเขียนแบบอเมริกัน
– I like Japanese food, i.e., sushi.
5. หลัง i.e. ถ้าไม่มีเครื่องหมายคอมม่าตาม เขียนเป็น i.e. เป็นการเขียนแบบอังกฤษ
– I like Japanese food, i.e. sushi.

For example

  • For example หมายถึง ตัวอย่างเช่น
  • มีความหมายที่มีความชัดเจนอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เมื่อต้องการยกตัวอย่าง ก็คือการใช้คำว่า for example
  • โดยมากมักใช้ในการขึ้นต้นประโยค แต่ก็สามารถใช้วางอยู่กลางประโยคเพื่อเชื่อมประโยคได้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น

Children should eat less fast food. For example, they should avoid eating burgers and chips.
เด็ก ๆ ควรกินอาหารฟาสฟูดส์น้อยลง ตัวอย่างเช่น พวกเขาควรหลีกเลี่ยงการกินเบอเกอร์และมันฝรั่งทอด

Our app has several features you will love. For example, you can use voice commands.
แอพของเรามีฟีเจอร์หลายอย่างที่คุณจะต้องชอบ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้

Calcium is in green leafy vegetables, for example, broccoli, kale and spinach.
แคลเซียมมีอยู่ในผักใบเขียว ตัวอย่างเช่น บล็อกโคลี่ คะน้าใบหยิก และผักโขม

I like water sports, for example, swimming, scuba diving, and jet skiing.
ฉันชอบกีฬาทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำ และเจ็ตสกี

วิธีใช้

1. For example + subject + verb (For example + ประธาน + กริยา)
2. For example + noun (For example + คำนาม)
3. สามารถใช้ได้ทั้ง ขึ้นต้นประโยค และวางอยู่ตรงกลางเพื่อเชื่อมประโยคได้
4. ถ้าใช้ขึ้นต้นประโยค ต้องมีคอมม่า คั่นอยู่ข้างหลัง For example
5. ถ้าวางอยู่ตรงกลางประโยค ประโยคก่อนหน้าต้องมีเครื่องหมายคอมม่าคั่นเมื่อจบประโยค และหลังคำว่า for example ต้องมีคอมม่าคั่นอีกที

For instance

มีวิธีการใช้เหมือน for example สามารถใช้แทน For example ได้เลย

มีวิธีการใช้เหมือน for example สามารถใช้แทน For example ได้เลย

Ex.

  • Ex. ไม่ใช่ตัวย่อของคำว่า example แต่พบเห็นการใช้ ex. ในการยกตัวอย่างได้บ่อยครั้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้
  • Ex. หลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคำย่อของคำว่า example  แต่ที่จริงแล้ว เป็นคำย่อของคำว่า excercise ซึ่งแปลว่าแบบฝึกหัด

ตัวอย่างเช่น

See ex. 2.
ดูที่แบบฝึกหัดที่ 2

Please refer to ex. 3.
กรุณาอ้างอิงแบบฝึกหัดที่ 3

[Update] | ตรงกลาง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ประวัติความเป็นมาของภาษาอังกฤษ

History of the English Language
A short history of the origins and development of English

The history of the English language really started with the arrival of three Germanic tribes who invaded Britainduring the 5th century AD. These tribes, the Angles, the Saxons and the Jutes, crossed the North Sea from what today is Denmark and northern Germany. At that time the inhabitants of Britain spoke a Celtic language. But most of the Celtic speakers were pushed west and north by the invaders – mainly into what is now Wales, Scotlandand Ireland. The Angles came from Englaland and their language was called Englisc – from which the wordsEngland and English are derived.

ประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษอันที่จริงแล้วเริ่มต้นขึ้นจากการบุกรุกอาณาจักรบริเทน ของชนเผ่าชาวเจอร์มานิกทั้งสามในศตวรรษที่ 5 ซึ่งก็คือ ชนเผ่าแซกซอน ชนเผ่าแองโกล และ ชนเผ่าจูทส์ ผู้เดินทางข้ามทะเลเหนือซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือดินแดนในส่วนของประเทศเดนมาร์ก และ ตอนเหนือของประเทศเยอรมนี มายังบริเทนซึ่งก็คือประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ในขณะนั้นเองผู้คนในบริเทนพูดภาษาเซลติค แต่เมื่อถูกชนเผ่าเจอร์มานิคทั้งสามบุกรุก คนบริเทนที่พูดภาษาเซลติคก็ถูกขับไล่ไปทางตอนเหนือและตะวันตกซึ่งก็คือ เวลส์ สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ชนเผ่าแองโกลเองมาจากดินแดนที่มีชื่อว่าอิงลาแลนด์ และภาษาของพวกเขาก็คือภาษาอิงลิช และนั่นก็คือที่มาของชื่อและภาษาของประเทศอังกฤษ หรือ อิงแลนค์ ในปัจจุบัน

Old English (450-1100 AD)
The invading Germanic tribes spoke similar languages, which in Britain developed into what we now call Old English. Old English did not sound or look like English today. Native English speakers now would have great difficulty understanding Old English. Nevertheless, about half of the most commonly used words in Modern English have Old English roots.

ภาษาอังกฤษยุคเก่า คริสต์ศตวรรษที่ 450 – 1100 
ชนเผ่าเจอร์มานิกผู้บุกรุกบริเทนทั้งสามนั้นพูกภาษาที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งในอาณาจักรบริเทนเองได้พัฒนาภาษานี้เป็นภาษาที่เราเรียกว่าภาษาอังกฤษยุคเก่าในปัจจุบันซึ่งเจ้าภาษาอังกฤษยุคเก่านี้ไม่ได้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษในปัจจุบันแต่อย่างใด และแม้แต่เจ้าของภาษาอังกฤษเองก็ยากที่จะเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม มากกว่าครึ่งของคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราใช้กันในปัจจุบันก็มีรากมาจากภาษาอังกฤษยุคเก่าที่คนพูดกันในปีคริสต์ศตวรรษ 1100   

Middle English (1100-1500)
In 1066 William the Conqueror, the Duke of Normandy (part of modern France), invaded and conquered England. The new conquerors (called the Normans) brought with them a kind of French, which became the language of theRoyal Court, and the ruling and business classes. For a period there was a kind of linguistic class division, where the lower classes spoke English and the upper classes spoke French. In the 14th century English became dominant in Britain again, but with many French words added. This language is called Middle English. It was the language of the great poet Chaucer (c1340-1400), but it would still be difficult for native English speakers to understand today. 

ภาษาอังกฤษยุคกลาง คริสตศตวรรษที่ 1100-1500
ในปี 1066 วิลเลียมดยุคแห่งนอร์มันดี ซึ่งก็คือส่วนของประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน ได้เข้าบุกรุกและเอาชนะอังกฤษได้ ผู้ปกครองใหม่ชาวฝรั่งเศสจึงนำอิทธิพลแห่งภาษาฝรั่งเศสเข้าสู่ประเทศอังกฤษ ซึ่งภาษาฝรั่งเศสในยุคนั้นถือเป็นภาษาของคนชั้นสูงเช่นพวกขุนนางหรือใช้ในศาล และพวกนักธุรกิจทั้งหลาย ส่วนพวกคนชั้นล่างก็พูดภาษาอังกฤษบ้านๆกันไป จนถึงศตวรรษที่ 14 อังกฤษประกาศอิสรภาพจากการตกอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส แต่จนถึงขณะนั้นก็มีคำในภาษาฝรั่งเศสเป็นจำนวนมากที่หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาอังกฤษในยุคนั้นจึงถูกจัดอยู่ใน ภาษาอังกฤษยุคกลางซึ่งแม้แต่เจ้าของภาษาอังกฤษเองก็ยังยากที่จะเข้าใจได้

Modern English
Early Modern English (1500-1800)
Towards the end of Middle English, a sudden and distinct change in pronunciation (the Great Vowel Shift) started, with vowels being pronounced shorter and shorter. From the 16th century the British had contact with many peoples from around the world. This, and the Renaissance of Classical learning, meant that many new words and phrases entered the language. The invention of printing also meant that there was now a common language in print. Books became cheaper and more people learned to read. Printing also brought standardization to English. Spelling and grammar became fixed, and the dialect of London, where most publishing houses were, became the standard. In 1604 the first English dictionary was published.

ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ ยุดเริ่มแรก คริสตศตวรรษ 1500 – 1800  
ในช่วงปลายของภาษาอังกฤษในยุคกลางได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือการออกเสียง โดยเสียงสระในภาษาอังกฤษนั้นสั้นขึ้นและสั้นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งในศตวรรษที่ 16 ประเทศอังกฤษได้มีการติดต่อค้าขายกับหลากหลายประเทศจากทั่วโลก จึงมีคำใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย และในขณะนั้นเองได้มีการประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลกซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ หนังสือมีราคาถูกลงและคนก็อ่านหนังสือกันมากขึ้นเรื่อยๆ  และการตีพิมพ์นั่นเองเป็นสิ่งที่นำความเป็นมาตรฐานมาสู่ภาษาอังกฤษในยุคใหม่ และพจนานุกรมภาษาอังกฤษเล่มแรกของโลกได้รับการตีพิมพ์ในปี 1604

Late Modern English (1800-Present)
The main difference between Early Modern English and Late Modern English is vocabulary. Late Modern English has many more words, arising from two principal factors: firstly, the Industrial Revolution and technology created a need for new words; secondly, the British Empire at its height covered one quarter of the earth’s surface, and the English language adopted foreign words from many countries.

ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ยุคปลาย ตั้งแต่ปี 1800 จนถึงปัจจุบัน
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างภาษาอังกฤษสมัยใหม่ในยุคเริ่มแรกและภาษาอังกฤษสมัยใหม่ในยุคปลายก็คือเรื่องของคำศัพท์ ซึ่งคำศัพท์จำนวนมากได้เกิดขึ้นและถูกบัญญัติเข้าไปในภาษาอังกฤษสมัยใหม่ยุคปลาย ซึ่งที่มาของคลังคำศัพท์ใหม่มากมายนั้นก็มีอยู่สองสาเหตุนั่นก็คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และสาเหตุที่สองก็คือ คนจากทั่วโลกเรียนและพูดภาษาอังกฤษกันมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ภาษาอังกฤษเองก็ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาอื่นๆเช่นกัน    

สามารถติดตามคอร์ลัมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษต่างๆได้ลิ้งค์ข้างล่างเลยนะคะ
 

http://www.engtest.net/

Reference: EnglishClub.com
Translated into Thai by Eva Lee
Contact: 

[email protected]

http://www.engtest.net/


คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่องสัตว์ต่างๆ พร้อมวีดีโอรูปภาพและคำอ่าน | เหมาะสำหรับอนุบาลและเด็กเล็ก


คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ในหมวดสัตว์ต่างๆ พร้อมวีดีโอรูปภาพและคำอ่าน | เหมาะสำหรับอนุบาลและเด็กเล็ก
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และอื่นๆๆอีกมากมาย
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe WAWA kids art กันนะค่ะ
เกมทายประโยชน์ของสัตว์ตามคำใบ้ https://youtu.be/YpSoUZLTOv0
เกมทายสัตว์พาหะนำโรคตามคำใบ้ https://youtu.be/L0AMS3lsg8Y
เล่นทำอักษร ก ไก่ ฮ นกฮู ด้วยแป้งโด การ์ตูนน่ารักๆ หัดอ่าน พยัญชนะไทย | Learn Thai Alphabet https://youtu.be/bxRPh7p_z24
Play ice cream cups, learn colors, count numbers.เล่นถ้วยไอสครีม เรียนรู้สี นับเลข คำศัพท์ภาษาอังกฤษ https://youtu.be/ya60cjKLCVg
Learn color through art Win surprise eggs. เรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ ลุ้นไข่เซอร์ไพรส์ เรียนรู้คำศัพท์ https://youtu.be/4feixRAqFdY
เกมทายพืชผักสวนครัวตามคำใบ้ https://youtu.be/utGeGU2sVUA
เสียงสัตว์ 50 เสียง พร้อมวีดีโดรูปภาพประกอบ https://youtu.be/ysWyXa3sHVo

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่องสัตว์ต่างๆ พร้อมวีดีโอรูปภาพและคำอ่าน | เหมาะสำหรับอนุบาลและเด็กเล็ก

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ประโยคสั้นๆ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน EP.3 |ตอนสั่งซูชิ


ฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน ประโยคสนทนาสั้นๆ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน EP.3| ตอน สั่งซูชิกันเถอะ
👨‍👩‍👧‍👧 สนใจสนับสนุนช่อง Kru.First สมัครสมาชิกได้ที่
https://www.youtube.com/channel/UCCfeWBGEwkmetTlRxvemMg
มาเป็นสมาชิกครอบครัว English with Kru.First กันนะคะ
ในคลิ๊ปนี้
นักเรียนจะได้ยินเสียงประโยคสนทนาภาษาอังกฤษสั้นๆที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำ 3 ครั้ง
นักเรียนลองฝึกฟังดูนะคะ ว่าพอจะฟังออกไหม ตรงกับที่เราเข้าใจไหม

สนใจเรียนคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษกับ Kru.First
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.krufirst.com
หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line ID: @englishkrufirst
ภาษาอังกฤษ สอนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ประโยคสั้นๆ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน EP.3 |ตอนสั่งซูชิ

เพลง ABC : ฝึกออกเสียง A-Z Phonetics : เปรียบเทียบพยัญชนะไทยอังกฤษ : English – Thai Alphabet


500 Words\u0026Phrases ► shorturl.at/lpNP8
500 วลี ประโยคสั้น ภาษาอังกฤษ ► shorturl.at/kBJTW
500 กริยา3ช่อง:500 Verbs ► shorturl.at/bjlvS
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
Please Subscribe ► shorturl.at/lrzMV
More Videos/Languages ► shorturl.at/arvKX
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
♥ ♥ ♥ Thank you! ♥ ♥ ♥
English, Thai Learn, Thai lesson, Basic Thai, english room, learning english, english songs, english conversation, online english, learn english, learn english through story, listening english practice, conversation, english speaking, listening english, translate english to thai, english to thai, thai to english, ฺอังกฤษ, ภาษาอังกฤษ, คําศัพท์อังกฤษ, ไทย อังกฤษ, ศัพท์อังกฤษ, ภาษาอังกฤษ, ภาษา, 9ภาษา, เรียน ภาษา อังกฤษ, ไทยแลนด์, ภาษาไทย, ครูภาษาไทย, เรียน ภาษาอังกฤษเบื้องต้น, ภาษาญี่ปุ่น, เกาหลี, ภาษาเกาหลี, ภาษาจีน,
https://www.youtube.com/watch?v=THWRjTEW8iY
ก ไก่ ฝึกเขียนพยัญชนะไทยสำหรับเด็ก Thai Consonants:Phonetic Alphabet:Pronunciation:Writing Practice
English ABC:
A – APPLE แอปเปิ้ล
B – BABY เด็ก
C – CANDY ลูกอม
D – DIAMOND เพชร
E – ELEPHANT ช้าง
F – FAIRY นางฟ้า
G – GLASSES แก้ว
H – HAND มือ
I – IGLOO บ้านน้ำแข็ง
J – JELLY เยลลี่
K – KEYBOARD คีย์บอร์ด
L – LADYBUG แมลงเต่าทอง
M – MONKEY ลิง
N – NEEDLE เข็ม
O – ORANGE ส้ม
P – PONY ม้า
Q – QUEEN ราชินี
R – RAINBOW สายรุ้ง
S – SPIDER แมงมุม
T – TIGER เสือ
U – UMBRELLA ร่ม
V – VIOLIN ไวโอลิน
W – WHALE ปลาวาฬ
X – XYLOPHONE ไซโลโฟน
Y – YOYO ลูกข่าง
Z – ZEBRA ม้าลาย

เพลง ABC : ฝึกออกเสียง A-Z Phonetics : เปรียบเทียบพยัญชนะไทยอังกฤษ : English - Thai Alphabet

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts


คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts
คำศัพท์ร่างกาย ภาษาอังกฤษ ศัพท์อังกฤษ

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 500 คำ พื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน สำหรับเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ฝึกฟัง ฝึกพูด ด้วยตัวเอง


💖 ถ้าอยากให้กำลังใจ มาสมัครสมาชิกกันนะครับ 💖
กดตรงนี้ 👉 https://www.youtube.com/channel/UCaiwEWHCdfCi23EYN1bWXBQ/join
คำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 500 คำ พร้อมคำอ่าน คำแปล สำหรับฝึกฟัง ฝึกพูด ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เหมาะกับผู้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง กดเพื่อไปยังคำศัพท์หมวดต่างๆ ดังนี้
0:00 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ พื้นฐาน 500 คำ ในชีวิตประจำวัน
0:45 คำศัพท์ ในชั้นเรียน ห้องเรียน
8:32 คำศัพท์วัน เดือน ปี และการพูดถึงวันต่างๆ
13:36 คำศัพท์ สีต่างๆ
16:22 คำศัพท์ข้าวของเครื่องใช้
19:09 คำศัพท์สิ่งของในห้องนอน
21:52 คำศัพท์ของใช้ในห้องน้ำ
24:10 คำศัพท์เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย
31:19 คำศัพท์ครอบครัว
36:41 คำศัพท์ที่ใช้บรรยายลักษณะของคน
43:30 คำศัพท์ร่างกาย
48:54 คำศัพท์พูดถึงอาการบาดเจ็บ
52:49 คำศัพท์สำหรับบอกตำแหน่งที่ตั้ง ทิศทาง
ซึ่งเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้ ที่ควรรู้ สามารถเปิดฟังก่อนนอน หรือเปิดฟังเพื่อเป็นการเรียนภาษาอังกฤษขณะนอนหลับได้ เปิดฟังขณะอยู่บนรถหรือกำลังขับรถได้ เป็นการท่องศัพท์ เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ จำคำศัพท์ได้ดี
วิดีโอ ฝึกพูด 100 ประโยคพื้นฐานภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
https://youtu.be/lv9kTysYoIw
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ฟรี! คลิก: https://www.tonamorn.com/
แจกศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1,000 คลิก: https://www.tonamorn.com/vocabulary
สอน การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ
https://www.tonamorn.com/learnenglish/writesentences/
เรียนภาษาอังกฤษ จากภาพสวยๆ บนอินสตาแกรม
https://instagram.com/ajtonamorn

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 500 คำ พื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน สำหรับเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ฝึกฟัง ฝึกพูด ด้วยตัวเอง

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ตรงกลาง ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *