pronouns คือ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
คำนาม
คือ ชื่อเรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และสิ่งที่เป็นนามธรรม
เวลาพูดถึงคำนาม ให้เรานึกถึง ตัวเองก่อนอันดับแรกว่า ตัวเราเป็นอะไร ตัวเราเป็นคน แล้วให้สมมติ(หรือไม่สมมติก็ได้) ว่าเรามีสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอยู่ สัตว์เลี้ยงนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ แล้วก็มีสิ่งของ มีสถานที่ที่เราชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้นึกถึงทั้งหมดนี้ คือคำนามในภาพรวม ตัวเรา(ซึ่งเป็นคน) เลี้ยงสัตว์ มีสิ่งของ มีสถานที่ และมีความชอบในสิ่งของหรือสถานที่นั้น(นามธรรม) ก็จะสามารถช่วยให้เราเข้าใจคำนามได้ในมุมกว้างๆ
พอจะเจาะลึกเข้าไปอีก เป็นคำนามทั่วไป กับคำนามเฉพาะ ก็ให้เราเอาตัวเองเป็นหลักก่อนว่า ตอนแรกคิดว่าเราเป็นคน ซึ่งเป็นแค่คนทั่วๆไป แต่พอเรามาดูอีกที เรามีชื่อเฉพาะของเรา การมีชื่อขึ้นมาเจาะจงว่าเป็นตัวเราเนี่ยแหละ ก็เลยกลายให้คนธรรมดา กลายเป็นคนที่มีชื่อเรียกเฉพาะเจาะจง มีคนเดียวในโลกที่ชื่อแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ แล้วเวลาเขียนชื่อเราทุกครั้ง ก็ต้องเขียนเป็นตัวอักษรใหญ่ ไม่ว่าจะชื่อเล่นหรือชื่อจริง พอคิดได้แบบนี้แล้ว เข้าใจแล้ว มันก็จะนำไปสู่การเข้าใจในเรื่องของความแตกต่างระหว่างคำนามทั่วไป กับ คำนามเฉพาะ
นอกจากนี้แล้ว เมื่อนึกถึงจำนวนของคำนามที่ยังไม่นับ ก็ให้นึกถึงอยู่สองพวกคือ มีเพียงหนึ่ง (เอกพจน์) และ มากกว่าหนึ่ง หรือสองขึ้นไป (พหูพจน์) ซึ่งก็จะมีกฏการทำคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ตามด้านล่างนี้แล้ว แต่ถ้านึกถึงจำนวนของคำนามในเรื่องของจำนวนนับให้นึกถึง นับได้ (countable) กับ นับไม่ได้ (uncountable) ซึ่งมีรายละเอียดตามข้างล่างนี้ (ก่อนที่จะอ่านเนื้อหาข้างล่าง ขอให้เข้าใจภาพรวมของคำนามที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้นนี้ก่อน)
ชนิดของคำนาม (
Types of Noun)
1.
คำนามทั่วไป (Common Nouns)
–
กล่าวถึงคำนามที่เป็นคน สัตว์ สิ่งของ และสิ่งที่เป็นนามธรรมโดยไม่เฉพาะเจาะจง
คำนามทั่วไป เป็นได้ทั้งคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้
คือ คำนามที่สามารถนับเป็นจำนวนนับได้ เป็นได้ทั้งคำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์
กฎในการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ มีดังนี้
1.
เติม
–s
ได้เลย
2.
เติม
– es
หลังคำนามที่ลงท้ายด้วย
s, z, x, sh, and ch
3.
คำนามที่ลงท้ายด้วย
y
3.1
เปลี่ยน
y
เป็น
ies
ในกรณีที่หน้า
y
เป็นพยัญชนะ
3.2
เติม
–s
ได้เลย ในกรณีที่หน้า
y
เป็นสระ
4.
คำนามที่ลงท้ายด้วย
o
4.1
เติม
– es
หลังคำนาม ในกรณีที่หน้า
o
เป็นพยัญชนะ
4.2
เติม
– s
ได้เลย ในกรณีที่หน้า
o
เป็นสระ
5.
เปลี่ยน
f
หรือ
fe
เป็น
ves
หลังคำนามที่ลงท้ายด้วย
f or fe
*
คำนามที่ลงท้ายด้วย
f
หรือ
fe
บางคำที่สามารถเติม
– s
ได้เลย
6.
เปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์
คือ คำนามที่ไม่สามารถนับได้ โดยปกติจะเป็นสสารหรือความคิด
พจน์ของคำนามเป็นเอกพจน์ได้เท่านั้น
2.
คำนามเฉพาะ (Proper Nouns)
–
ชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ จะขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ
หน้าที่ของคำนาม (
Functions of Noun)
1.
ประธานของประโยค
2.
กรรมของประโยค
3. กรรมของคำบุพบท
คำสรรพนาม (Pronoun)
คำสรรพนาม
คือ คำที่ใช้แทนคำนาม ส่วนเรื่องคำสรรพนามที่ไม่มีอะไรมาก เห็นคำนี้เมื่อไหร่ ให้นึกทันที ว่าเค้าทำหน้าที่แทนคำนาม ก็จะมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็ทำงานตามหน้าที่ตามชื่อ ไม่ยาก แต่อาศัยท่องจำในตอนแรกบวกกับ ความเข้าใจในเรื่องของตำแหน่งประเภทของคำที่เราต้องทราบ ซึ่งจะได้อธิบายไว้ในการใช้ของแต่ละข้อ
ชนิดของคำสรรพนาม
(
Types of Pronoun)
1.
บุรุษสรรพนาม (
Personal Pronoun)
คือ คำสรรพนามที่ใช้แทนคน สถานที่ สิ่งของ และความคิด
1.1
คำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธาน
(Subject Pronouns) ให้สังเกตคำนามที่อยู่หน้ากริยา แล้วเลือกใช้คำสรรพนามแทนให้เหมาะสมตามความหมายของคำนามนั้น ว่าแปลแล้ว เป็นคนที่เป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือสัตว์ หรือสิ่งของ หรือเป็นคนที่มีหลายคน ซึ่งต้องพิจารณาอีกว่า คนที่มีหลายคนจะใช้คำว่าอะไร (ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแปลคำนามนั้นๆ)
– I, You, We, They, He, She, It
1.2
คำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรม
(Object Pronouns) คำอธิบายเกือบจะเหมือนข้อ 1.1 แต่ต่างกันตรงที่ให้สังเกตคำนามที่อยู่ หลัง กริยา
– me, you, us, them, him, her, it
2.
สรรพนามเจ้าของ
(
Possessive Pronouns)
คือ คำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ
2.1
คําคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนา
ม (
Possessive Adjective Pronouns) คำสรรพนามชนิดนี้ ต่างจาก 2.2 โดยต้องมีคำนามตามหลัง (อยู่หน้าคำนาม) เนื่องจาก ชื่อของมันคือ Possessive Adjective
ถ้าใครทราบว่า Adjective แปลว่า คำคุณศัพท์ ทำหน้าที่ขยายคำนาม ตำแหน่งของเค้าอยู่หน้าคำนาม ก็จะเป็นหน้าที่ของคำสรรพนามชนิดนี้ทั้งหมด ทั้งเรื่องการขยายคำนาม และตำแหน่งที่เค้าอยู่
– my, your, our, their, his, her, its
2.2
คำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ (
Possessive Pronouns) คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของชนิดนี้ ชื่อก็บอกยี่ห้ออยู่แล้วว่า Possessive Pronoun แสดงความเป็นเจ้าของ แต่เป็นเจ้าของแบบแทนคำนามเลย
– mine, yours, ours, theirs, his, hers, its
3.
สรรพนามตนเอง (
Reflexive Pronouns)
คือ
สรรพนามที่แสดงตนเอง แสดงการเน้น ย้ำให้เห็นชัดเจน เป็นการเน้นย้ำว่า “ประธานกระทำกริยานั้นด้วยตนเอง” จะใช้ยังไง ให้ดูที่ประธานของประโยคเป็นหลัก ซึ่งประธานของประโยค สามารถเป็นได้ทั้งคำนามและคำสรรพนาม ต้องแปลและสังเกตได้เอง
– myself, yourself/yourselves, ourselves, themselves, himself, herself, itself
ประธาน กริยา และกรรม 4. รูปกรรมของบุพบท ( objects of prepositions )
รูปกรรมของบุพบท objects of prepositions Gerunds (เจอรันสฺ) เป็นกริยารูปหนึ่งที่ลงท้ายด้วย ing และทำหน้าที่เป็น คำนาม (noun) ฉะนั้นตำแหน่งของคำกริยาประเภทนี้ในประโยคคือ ประธาน (subject) กรรมตรง (direct object) ประธานเสริม (subject complement) และกรรมของบุพบท (object of preposition)
ตำแหน่งของ Gerunds
Gerunds (เจอรันสฺ) เป็นกริยารูปหนึ่งที่ลงท้ายด้วย ing และทำหน้าที่เป็น คำนาม (noun) ฉะนั้นตำแหน่งของคำกริยาประเภทนี้ในประโยคคือ ประธาน (subject) กรรมตรง (direct object) ประธานเสริม (subject complement) และกรรมของบุพบท (object of preposition)
ตำแหน่งของ Gerunds
1. ประธาน (subject)
ตัวอย่าง
Traveling might satisfy your desire for new experiences.
การเดินทางอาจจะสนองตอบความปรารถนาด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ของคุณ
หมายเหตุ กรณีนี้รูปกริยา Traveling เป็นประธาน ก็เพราะวางอยู่หน้ากริยาหลักของประโยค นั่นคือ might satisfy
2. กรรมตรง (direct object)
ตัวอย่าง
I hope that you appreciate my offering you this opportunity.
ผมหวังว่าคุณจะชื่นชอบการที่ผมให้โอกาสคุณครั้งนี้
หมายเหตุ กรณีนี้ my offering you this opportunity เป็นกรรมตรง ก็ เพราะเป็นการตอบคำถามว่า ชื่นชอบ <appreciate> “อะไร’’
3. ประธานเสริม (subject complement)
ตัวอย่าง
His favorite activity is playing golf.
กิจกรรมที่ชื่นชอบของเขาคือการเล่นกอล์ฟ
= Playing golf is his favorite activity.
หมายเหตุ กรณีนี้ playing golf เป็นเสมือนประธานเสริม อยู่หลัง verb to be “is” ส่วน Playing golf ที่วางอยู่หน้าประโยค ทำหน้าที่ประธาน
4. กรรมของบุพบท (object of preposition)
ตัวอย่าง
She suffered for years without complaining.
เธอทนทุกข์มาหลายปีโดยไม่ปริปากบ่น
หมายเหตุ กรณีนี้รูปกริยา complaining วางอยู่หลังบุพบท <preposition> คือ “without” จึงถือว่าเป็นกรรมของบุพบท
ประเภทของ Gerunds
จากตัวอย่างข้างบน อาจจะกล่าวคร่าวๆ ได้ว่า gerunds อาจจะเป็นกริยารูป ing ที่ทำหน้าที่นามที่เป็นคำเดี่ยว เรียกว่า single-word gerunds และที่เป็นวลี คือมีถ้อยคำอื่นตามหลังกริยารูป ing ที่ทำหน้าที่นาม เรียกว่า gerund phrase เช่น
single-word gerunds gerund phrases
traveling traveling to the countryside
waiting waiting for a bus
การใช้
สิ่งที่ท่านผู้อ่านจะได้ศึกษาและเรียนรู้ต่อไปนี้ นับว่ามีความสำคัญและต้องจดจำ หรือฝึกใช้ให้บ่อย โดยผู้เขียนจะขอกล่าวเป็นกรณีไปดังนี้
1. gerunds after verbs
2. gerunds after prepositions
3. gerunds after adjectives with prepositions
4. gerunds after verbs with prepositions
5. gerunds after verbs and objects
6. gerunds after “go”
7. gerunds with passive meaning
8. gerunds after some expressions
ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. gerunds after verbs
เราใช้ gerunds เมื่อวางอยู่หลังคำกริยา (verbs) ต่อไปนี้ ได้แก่
admit advise appreciate avoid
complete consider delay deny
detest dislike enjoy escape
excuse finish like (=enjoy) postpone
practise mind miss begin
continue hate prefer risk
suggest involve justify spend (time)
resist resume waste(time) quit
delay fancy forgive put off
can’t help can’t stand can’t resist
ตัวอย่าง
I appreciate his playing that music.
ผมชื่นชอบการเล่นบทเพลงนั้นของเขา
We prefer his writing to speaking about important matters.
เราชอบการเขียนมากกว่าการพูดของเขาเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆ
Do you mind opening the window?
คุณจะรังเกียจไหมครับที่จะเปิดหน้าต่างให้หน่อย
Mother doesn’t like me wearing this suit.
แม่ไม่ชอบให้ดิฉันสวมใส่ชุดนี้
หมายเหตุ มีบ่อยที่หน้า gerund มี object pronouns เช่น me, him, her, them, us, you, it หรือ possessive adjectives เข่น my, his, her, their, our, your, its เมื่อวางอยู่หลังคำกริยาดังกล่าวมา
โปรดดูตัวอย่างเพิ่มเติมจากหมายเหตุในหัวข้อนี้
(1) ใช้รูป possessive adjective + gerund
When she hears her husband’s (whistle) she accompanies it with (sing).
→When she hears his whistling she accompanies it with singing.
(2) ใช้รูป object pronoun + gerund
I remember George (take) out his cheque book but I didn’t notice him (write) it.
→I remember him taking out his cheque book but I didn’t notice him writing it.
2. gerunds after prepositions
เราใช้ gerunds เมื่อวางอยู่หลังคำบุพบท ได้แก่ for, of, on, after, before, with, without, by, from, about, at
ตัวอย่าง
Instead of celebrating at home, they went out to dinner.
แทนที่จะฉลองกันอยู่ที่บ้าน พวกเขากลับออกไปทานอาหารเย็นนอกบ้านShe made a wish before blowing out the candles.
เธออธิษฐานก่อนจะเป่าเทียนให้ดับ
He was fined for driving without lights.
เขาถูกปรับฐานขับรถโดยไม่เปิดไฟ
3. gerunds after adjectives with prepositions
เราใช้ gerunds เมื่อวางอยู่หลังคำคุณศัพท์ (adjectives) ที่มีบุพบท (prepositions) ตามหลัง ได้แก่
afraid of good at committed to happy about
content with interested in amazed at/by mad at/about
ashamed of aware of bored with/by capable of
tired of excited about worried about disappointed in/with
fond of glad about guilty of different from
opposed to proud of reponsible for satisfied with
sick of sorry about sorry for sure of
surprised at upset about be/get used to famous for
ตัวอย่าง
Children are always happy about celebrating birthdays.
เด็กๆ มีความสุขในการฉลองวันเกิด
I am fond of swimming.
ฉันชอบว่ายน้ำ
I am tired of listening to you.
ผมเบื่อฟังคุณ
4. gerunds after verbs with prepositions.
เราใช้ gerunds กับคำกริยา (verbs) ที่มีบุพบท (prepositions) ตามหลัง ได้แก่
admit to believe in count on dream of/about
give up object to thank… for think of
adjust to agree with approve of blame…for
care about consist of decide on depend on/upon
feel like hear about insist on look for
prevent…from rely on/upon succeed in suspect…of
warn…about talk about take care of forget about
hear of plan on forget about look forward to
argue about refrain from concentrate on discourage from
ตัวอย่าง
She thanked the man for helping her.
เธอชอบคุณผู้ชายที่ช่วยเหลือเธอ
I look forward to receiving your reply.
ผมรอคอยที่จะได้รับคำตอบของคุณ
Have you ever thought about sending flowers to her?
คุณเคยคิดว่าจะส่งดอกไม้ไปให้เธอบ้างไหม
5. gerunds after verbs and objects
เราใช้ gerunds หลังคำกริยา (verbs) ที่มักมีกรรม (objects) รองรับ ดังโครงสร้าง verb + object + gerund ได้แก่
find hear notice see
watch feel observe smell
ตัวอย่าง
The waiter heard a man yawning.
พนักงานเสิร์ฟได้ยินชายคนหนึ่งหาว
Did you notice them waving?
คุณสังเกตเห็นพวกเขาโบกมือหรือเปล่า
หมายเหตุ คำกริยาดังกล่าวในข้อนี้ เป็นกริยาที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้สึก (verbs of sensation/perception) ซึ่งสามารถตามด้วยรูป bare infinitive (หรือกริยช่อง 1 ที่ไม่มี to (ข้างหน้า) ความแตกต่างอยู่ที่ action กล่าวคือ หากหลังกริยาเหล่านี้ ใช้รูป gerund จะแสดงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่ถ้าใช้ bare infinitive จะไม่เน้นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ดังนั้น ในตัวอย่างดังกล่าวข้างบน อาจจะใช้ bare infinitive ก็ได้ ดังนี้
The waiter heard a man yawn.
Did you notice them wave?
6. gerunds after “go”
เราใช้ gerund หลังกริยา go (รวม went และ gone) เมื่อตามด้วย คำกริยา (verbs) ที่แสดงความหมายเชิงกิจกรรมสันทนาการ (recreational activities) ได้แก่
boat fish sail ski
bowl hike shop swim
camp hunt sightsee windsurf
dance jog skate canoe
ตัวอย่าง
I went shopping with my husband yesterday.
ดิฉันได้ไปจับจ่ายซื้อของกับสามีของดิฉันเมื่อวานนี้
Would you like to go boating with me?
คุณอยากไปพายเรือเล่นกับผมไหม
We went sightseeing around Bangkok two days ago.
เราไปเที่ยวชมรอบกรุงเททฯ เมื่อสองวันที่ผ่านมา
7. gerunds with passive meaning
หลังคำกริยาบางคำ ตามด้วยรูป gerunds ซึ่งให้ความหมายเชิงถูกกระทำ (passive meaning) คำกริยาเหล่านี้ ได้แก่
need want merit deserve
ตัวอย่าง
Your hair needs cutting.
= Your hair needs to be cut.
ผมของคุณสมควรจะได้รับการตัดได้แล้ว
My shoes want mending.
= My shoes want to be mended.
รองเท้าของผมควรจะได้รับการซ่อมได้แล้ว
His brave action deserves rewarding.
= His brave action deserves to be rewarded.
การกระทำที่กล้าหาญของเขาสมควรที่จะได้รับรางวัล
8. gerunds after some expressions
เราใช้ gerunds หลังข้อความบางอย่าง ได้แก่
It’s a waste of time/money/…
It’s no use …
It’s (not) worth …
There’s no point (in) …
have fun/a good time/trouble/difficulty/…
spend/ waste time
What about …? (ใช้เพี่อการเสนอแนะ)
How about…? (ใช้เพื่อการเสนอแนะ)
ตัวอย่าง
We had a good time watching the ice skating competition.
เราได้รับความสนุกสนานที่ได้ชมการแข่งสเก็ตน้ำแข็ง
It’s not worth reparing the machine.
มัน ไม่คุ้มค่าที่จะซ่อมเครื่องจักรดังกล่าว
It’s a waste of time watching that movie.
เสียเวลาเปล่าที่จะชมภาพยนตร์เรื่องนั้น
ต่างความหมาย
คำกริยาบางคำ เมื่อตามด้วยรูป gerunds และ infinitives จะให้ความหมายที่แตกต่างกัน ทั้งนี้การจะเลือกใช้รูป gerunds หรือ infinitives ต้องอาศัยการตีความหมายเป็นสำคัญ ได้แก่
1. remember + gerunds vs remember + to-infinitives
ตัวอย่าง
I remember posting the letter.
ฉันจำได้ว่าได้ส่งจดหมายไปแล้ว
I must remember to post the letter.
ฉันจะต้องจำให้ได้ว่าจะต้องส่งจดหมาย
หมายเหตุ จากตัวอย่างที่ใช้รูป remember + gerund หมายถึง “จำได้ในสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว’’ ส่วนรูป remember + to-infinitive หมายถึง “จำไว้ว่าจะทำสิ่งนั้นๆ” แสดงว่ายัง ไม่ได้กระทำสิ่งนั้น
2. forget + gerunds VS forget + to-infinitives
ตัวอย่าง
I forgot taking the exam.
ผมลืมไปว่าได้เข้าสอบแล้ว
I forgot to take the exam yesterday.
ผมลืมเข้าสอบเมื่อวานนี้
หมายเหตุ จากตัวอย่างที่ใช้รูป forget + gerund หมายถึง “ลืมในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว” ส่วนรูป forget + to-infmitive หมายถึง “ลืมที่จะกระทำสิ่งนั้น’’
3. regret + gerunds vs regret + to-infinitives
ตัวอย่าง
I regret saying what I said.
ผมเสียใจที่พูดในสิ่งที่พูดออกไป
I regret to say I feel ill.
ผมเสียใจที่จะกล่าวว่าผมป่วย
หมายเหตุ จากตัวอย่างที่ใช้รูป regret + gerund หมายถึง “เสียใจในสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว’’ ส่วนรูป regret + to-infinitive หมายถึง” เสียใจในสิ่งที่จะกระทำ’’ แสดงว่าไม่ได้ทำมาในอดีต
สรุป จากกรณีการใช้ที่นำมาเปรียบเทียบกันทั้งในรูปของการตามด้วย gerunds และ to-infinitives พอจะสรุปรวบยอดเพื่อให้เป็นแนวคิดในการตัดสินใจใช้คำกริยาทั้ง 3 คำ ระหว่างตามด้วย gerunds และ infinitives ได้ดังนี้
ก. ตามด้วย gerunds หมายถึง อดีต (past) คือ ได้เกิดขึ้นไปแล้ว
ข. ตามด้วย to-infinitives หมายถึง ปัจจุบัน (present) หรือ อนาคต (future) คือ ยังไม่เกิด หรือยังไม่ได้กระทำ
4. try + gerunds VS try + to-infinitives
ตัวอย่าง
I try holding my breath.
ผมทดลองกลั้นลมหายใจ
I try to hold my breath.
ผมพยายามกลั้นลมหายใจ
หมายเหตุ เมื่อใช้ try + gerund จะหมายถึง “ทดลอง’’ (experiment) เหมือนกับการทดลองทางวิทยาศาสตร์แต่ถ้าใช้ try + to-infinitive จะหมายถึง “พยายาม’’ คือ พยายามที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง
5. stop + gerunds vs stop + to-infinitives
ตัวอย่าง
You must stop smoking.
คุณจะต้องหยุด (เลิก) สูบบุหรี่
He stopped his car to smoke.
เขาจอดรถเพื่อจะสูบบุหรี่
หมายเหตุ เมื่อใช้ Stop + gerund จะหมายถึง “หยุดทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่” แต่ถ้าใช้ stop + to-infinitive จะหมายถึง “หยุด (สิ่งหนึ่ง) เพื่อจะทำอีกสิ่งหนึ่ง”
6. go on + gerunds vs go on + to-infinitives
ตัวอย่าง
Go on talking.
พูตต่อไป
We went on to discuss finance.
เราได้หันไปพูดถึงเรื่องการเงิน
หมายเหตุ เมื่อใช้ go on + gerund จะหมายถึง “ดำเนินต่อไปในสิ่งที่กำลังทำอยู่’’ แต่ถ้าใช้ go on + to-infinitive จะหมายถึง “เปลี่ยนไปทำอีกสิ่งที่ต่างไปจากสิ่งเดิม”
7. mean + gerunds vs mean + to-infinitives
ตัวอย่าง
Having a party tonight will mean working extra hours tomorrow.
การจัดงานเลี้ยงคืนนี้จะหมายถึงการทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้นพรุ่งนี้
I mean to work harder next year.
ผมตั้งใจจะทำงานหนักขึ้นปีหน้า
หมายเหตุ เมื่อใช้ mean + gerund คำว่า mean = signify แปลว่า “หมายถึง” ส่วนเมื่อใช้ mean – to-infinitive คำว่า mean = intend แปลว่า “ตั้งใจ”
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล
[NEW] Pronoun คืออะไร? มีทั้งหมดกี่แบบ ใช้ยังไงบ้าง? มาดูกัน! | pronouns คือ – NATAVIGUIDES
PRONOUN คือ อะไร?
หลายคนตอบได้ว่า “คำสรรพนาม” ไง ง่ายๆ ไม่เห็นต้องถาม แต่! ที่ต้องถามเพราะคนส่วนใหญ่เวลาเจอข้อสอบ คำถามที่วัดเรื่องนี้ ยังจะมีความงงๆ ว่าควรใช้ Pronoun แบบไหน? คำนี้ กับคำนี้เหมือนกันมั้ยนะ? แม้คำถามจะง่ายแค่ไหน แต่ถ้าไม่แม่นซักที ก็เสียคะแนนเอาได้ง่ายๆ เลยนะ
ข้อสอบ TOEIC วัด Pronoun ยังไง?
ก่อนไปรู้จักกับ Pronoun ทั้ง 5 ลองทำโจทย์ข้อนี้ดูก่อน ถ้าทำได้ –ลองอธิบายให้ตัวเองฟังดูว่าที่เลือกตอบข้อนั้นๆ เพราะอะไร?
เสร็จแล้วลองอ่านต่อไปว่าที่เราเข้าใจมันถูกมั้ยนะ?
While some countries have made huge investments in the Caribbean lately, others have reduced _____.
(A) themselves
(B) their
(C) they
(D) theirs
สรุป Pronouns ทั้ง 5 แบบ
Subject Pronoun
Object Pronoun
Possessive Adjective
Possessive Pronoun
Reflexive Pronoun
I
me
my
mine
myself
you
you
your
yours
yourself
he
him
his
his
himself
she
her
her
hers
herself
it
it
its
—
itself
we
us
our
ours
ourselves
they
them
their
theirs
themselves
มาไขความกระจ่างเรื่อง Pronoun แต่ละแบบที่ออก สอบ TOEIC กัน และช่วงท้ายจะเอาแนว “ข้อสอบ TOEIC พร้อมเฉลย” เรื่องนี้มาให้ลองทำกันดูด้วย
ดูจากตารางด้านบนแล้ว Pronoun “เหมือนจะ” ไม่ยาก แต่ถ้าลองถามว่า “แต่ละแบบใช้ต่างกันยังไง?” หลายคนจะตอบไม่ค่อยได้ ไม่มั่นใจบ้าง ป้ะ! ค่อยๆ ไปดูทีละแบบกันดีกว่า
Subject Pronoun
I – You – We – They – He – She – It
ตามชื่อเลย คือ Pronoun ที่ทำตัวเป็น Subject (ประธาน) ของประโยคนั้นๆ ปกติมักจะใช้ขึ้นต้นประโยคเลย เช่น
- He is not certain whether to invest in the property market.
- I invited him to the meeting but he declined.
- We bought both sofas from a big furniture warehouse out of town.
และอีกกรณีหนึ่งคือใช้เพื่อหลีกเลี่ยง “ความจำเจ” ในการพูดถึงประธานเดิม (ที่เคยกล่าวถึงไปแล้ว) ก็สามารถใช้ Subject Pronoun มาแทนได้เช่น
- If James was here now, he’d know what to do.
(James = he) - This table is broken and it needs to be repaired.
(This table = it)
โครงสร้างของ Subject Pronoun ในประโยคพื้นฐานก็คือ = Subject Pronoun + Verb
Object Pronoun
me – you – us – them – him – her – it
ทำนองเดียวกันเลย คือเป็น Pronoun ที่ทำตัวเป็น Object (กรรม) ของประโยค เช่น
- His passport was confiscated by the police to prevent him from leaving the country.
- The company invited me to join the management team.
- We really appreciate all the help you gave us last weekend.
และสามารถใช้ในกรณีที่พูดถึง Object ตัวเดิมอีกรอบได้ เช่น
- Babies are curious about everything around them.
(Babies = them) - Don’t bother drying the pan – just leave it to drain.
(the pan = it)
โครงสร้างของ Object Pronoun ในประโยคคือ = Subject + Verb + Object Pronoun
Possessive Adjective
my – your – our – their – his – her – its
กลุ่มนี้ที่ต้องเรียกว่าเป็น Adjective เพราะว่ามันมักวางหน้าคำนามนั่นเอง (ขยายคำนาม) ว่าอะไร ของใคร เช่น
- I’d like to talk to her supervisor about her performance.
- Customs stopped us and checked our bags for alcohol and cigarettes.
- She thanked the staff for their dedication and enthusiasm.
โครงสร้างของ Possessive Adjective คือ = Possessive Adjective + Noun
*ซึ่งทั้งก้อน สามารถไปปรากฎในประโยคเป็น Subject หรือ Object ก็ได้ เช่น
- Everyone has their own ideas about the best way to bring up children.
(ทำหน้าที่เป็น Object ของ has) - Our new house is heaps bigger than our last one.
(ทำหน้าที่เป็น Subject ของประโยค)
Possessive Pronoun
mine – yours – ours – theirs – his – hers
เป็น Pronoun ที่แสดงความเป็นเจ้าของเหมือนกัน โดยจะไม่ได้วางไว้หน้าคำนาม แต่จะใช้แทนคำนามไปเลย ตัวอย่างประโยคเช่น
- Your son is the same age as mine.
(mine = my son) - Yours is the room on the top floor, on the left.
(yours = your room) - Nicky and I both have red hair but hers is lighter than mine.
(hers = her hair, mine = my hair)
จากตัวอย่างจะเห็นว่าการใช้ Possessive Pronoun นั้นสามารถใช้แทนคำนามในตำแหน่ง Subject หรือ Object ก็ได้ และนอกจากนี้ยังมีโครงสร้างการใช้แบบตามหลัง of ได้ด้วย เช่น
- Susan is a friend of mine.
- I think she’s a relation of theirs.
Reflexive Pronoun
myself – yourself – ourselves – themselves – himself – herself – itself
กลุ่มนี้มักจะใช้ในตำแหน่ง Object ในกรณีที่ Object นั้นๆ เป็นสิ่งเดียวกับ Subject ของประโยค ตัวอย่างประโยคเช่น
- I am teaching myself to play the piano.
(myself – I คนเดียวกัน) - She kept telling herself that nothing was wrong.
(herself – she คนเดียวกัน) - It was so noisy that we couldn’t hear ourselves speak.
(ourselves – we คนเดียวกัน)
และสามารถใช้เพื่อบอกว่ากระทำ “ด้วยตัวเอง” คนเดียว ไม่มีใครช่วย โดยใช้ตามหลัง by เช่น
- He lived by himself in an enormous house.
- I prepared the whole meal by myself.
หรือใช้เน้นความหมายถึงคน หรือสิ่งที่เรากำลังพูดถึงในประโยค เช่น
- The director of the company wrote to us himself to apologize for the dreadful service.
(เน้นว่าผู้อำนวยการเขียนจดหมายขอโทษด้วยตัวเองเลยนะ) - They themselves had no knowledge of what was happening.
(เน้นที่พวกเขา – กรณีนี้ใช้เป็น Subject ได้เมื่อมาคู่กับ N./Pronoun เพราะใช้เน้นประธาน)
✿ พื้นฐานน้อย เตรียมสอบ TOEIC ยังไง? ✿
ถ้าพื้นฐานอ่อนมาก หรือไม่มีพื้นเลย ไม่แนะนำให้อ่านเองค่ะ เพราะจะเสียเวลาเตรียมตัวนาน แถมอาจจะเตรียมสอบได้ไม่ดี เพราะไม่รู้ว่าจับจุดถูกรึเปล่า
แนะนำให้หาคนช่วยติวให้ โดยที่ต้องเน้นเรื่องดังนี้ค่ะ
- ปูพื้นฐาน Grammar ให้แม่นๆ เพราะจะช่วยในการฟัง และอ่านบทความต่างๆ ให้เข้าใจมากขึ้น
- รู้ศัพท์ที่ออกบ่อยๆ เน้นจำเฉพาะคำที่ออกสอบบ่อย พร้อมพวกโครงสร้างการใช้ศัพท์ต่างๆ
- ควรฝึกจากแนวข้อสอบจริงๆ จะพัฒนาเร็ว ทำให้ชินกับข้อสอบมากขึ้น
- แนะนำให้หาคนช่วยติว เพราะถ้าพื้นฐานน้อยเราจะไม่รู้ว่าควรเริ่มจากอะไร เก็งตรงไหนบ้าง
✿ สรุปแกรมม่า TOEIC ออกสอบ ครบ จบในเล่มเดียว สั่งซื้อได้เลย! ✿
กดสั่งซื้อหนังสือสรุป TOEIC Grammar ทาง Shopee
กดสั่งซื้อหนังสือสรุป TOEIC Grammar ทาง Facebook
✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีให้ครบทุกอย่าง! ✿
ติว TOEIC กับครูดิว ดียังไง?
- คอร์สติว TOEIC ของครูดิวนั้น เรียน Online
- แบ่งบทเรียนชัดเจน เรียนง่ายไม่งง คลิ๊กเลือกบทเรียนที่ต้องการได้ทันที
- สามารถหยุด, เล่นซ้ำบทเรียนที่ต้องการได้แบบไม่อั้น! (ตลอดระยะเวลาคอร์ส)
- อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ใหม่ล่าสุด! ครบชุด!
- มีไฟล์ E-Book (PDF) ประกอบการเรียนให้ดาวน์โหลด (และมีหนังสือเรียนเป็นเล่มส่งให้ถึงบ้าน)
- เรียนเวลาไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ แค่มี Internet
- หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทเรียน สามารถส่งคำถามหาทีมงานได้
- การันตีคะแนน 750+ (หากสอบแล้วไม่ถึง สามารถแจ้งทวนคอร์สได้ฟรี!)
ทดลองติว TOEIC ฟรีได้ที่ >>> คอร์ส KruDew TOEIC
ลองทำข้อสอบ TOEIC เรื่อง Pronouns
ลองไปทดสอบความรู้กันดูหน่อยดีกว่า (แนวข้อสอบ TOEIC — ลองทำก่อนนะ เฉลยอยู่ด้านล่าง)
1. The board of directors thanked Ruby Lin for _____efforts in organizing the shareholder’s meeting.
(A) her
(B) she
(C) herself
(D) hers
2. Jettizon Company expects that the new e-mail system will not affect _____ clients.
(A) it
(B) their
(C) its
(D) them
3. Unfortunately, replacing the copy machine will cost more than _____ had anticipated.
(A) us
(B) ours
(C) we
(D) our
4. While some countries have made huge investments in the Caribbean lately, others have reduced _____.
(A) themselves
(B) their
(C) they
(D) theirs
5. Mr. Takara has decided to employ a payroll service because it is becoming too difficult to manage the payroll accounts _____.
(A) himself
(B) him
(C) he
(D) his
เฉลย
1. ตอบ (A) her เพราะด้านหลังมี efforts เป็น N. แสดงว่าด้านหน้าคำที่จะมาขยาย แสดงความเป็นเจ้าของได้คือ Possessive Adjective
2. ตอบ (C) its เหมือนกับข้อที่แล้ว มีคำนาม clients แสดงว่าด้านหน้าต้องเป็น Possessive Adjective แต่ข้อนี้ต้องดู Subject ด้วยคือ Jettizon Company เป็นเอกพจน์ ดังนั้นต้องใช้ its (ใช้ their ไม่ได้นะ)
3. ตอบ (C) we เพราะหลังช่องว่างเป็น V. (had anticipated) แสดงว่ายังขาดประธานอยู่ ซึ่ง Pronoun ที่จะมาเป็นประธานได้ก็คือ Subject Pronoun คือ we นั่นเอง
4. ตอบ (D) theirs ข้อนี้ตำแหน่งของช่องว่างตามหลัง S (others) และ V (have reduced) อยู่ แสดงว่าต้องเป็น Object แต่จะเลือก theirs หรือ themselves ดี? – ต้องตอบ theirs นะ เพราะความหมายคือมีพูดถึงในท่อนแรกว่า “some countries have made hugh investments” แต่ others have reduced____ (ลดอะไร? ก็ต้องลดการลงทุนเหมือนที่กล่าวถึงในท่อนแรกสิ) แสดงว่าใช้ theirs เพื่อหมายถึง their investments นั่นเอง ถ้าใช้ themselves ความหมายจะเปลี่ยนไปเลยคือ ประเทศอื่นๆ ได้ลดด้วยตัวพวกเขาเอง — ลดอะไรก็ไม่รู้ =.=”
5. (A) himself ข้อนี้เป็นการเน้น ซึ่งประธานเป็นคนเดียวกัน เพราะเขาบอกว่า Mr. Takara ตัดสินใจใช้บริการเรื่องการจ่ายเงินเดือน เพราะว่ามันเริ่มยากเกินไปที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเขาเอง
ติว TOEIC : Pronoun คืออะไร? เทคนิคการใช้โดยครูดิว
✿ ถ้าพื้นฐานน้อย แนะนำหาคอร์สติวดีกว่าค่ะ! ✿
👉 สมัครคอร์ส KruDew ติว New TOEIC 2020 (ทดลองติวฟรี!) ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅Grammar ที่ใช้สอบ TOEIC ให้ครบ เริ่มสอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เทคนิคช่วยจำต่างๆ จำง่าย เอาไปใช้กับข้อสอบได้จริงๆ
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ครบ 200 ข้อ
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
Subject \u0026 Object Pronouns คืออะไร และใช้อย่าไง
Subject Pronoun คําสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธาน
I, you, he, she, it, we, they
Object Pronoun คําสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรม
me, you, him, her, it, us, them
คำสรรพนาม Pronoun | เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน | คืออะไร ใช้อย่างไร
Pronoun ( คำสรรพนาม ) คือคำที่ใช้แทนคำนามหรือคำเสมอนาม ( nouns equivalent ) เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงซ้ำซาก หรือแทนสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูด ผู้ฟัง
CR.Ajarn Suparada
ภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี!
📌 เรียนภาษาอังกฤษ parts of speech คำนาม Noun คืออะไร ใช้อย่างไร
👉 https://www.youtube.com/watch?v=ViNTwawK5Bc\u0026t=512s
📌 คำคุณศัพท์ Adjective | เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน | คืออะไร ใช้อย่างไร
👉 https://www.youtube.com/watch?v=C2k11x38yQc\u0026t=1s
📌 คำกริยา Verb | เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน | คืออะไร ใช้อย่างไร
👉 https://www.youtube.com/watch?v=rAV5k89HOtM
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv…
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r…
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1…
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5s…
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot…
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK…
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKY…
Pronouns Part 1: Subject Pronoun | Subject Pronouns | English For Kids | Mind Blooming
Pronouns: What are pronouns? (Subject Pronouns)
What are Pronouns? Learn how we can replace the subject of a sentence with the right pronoun.
For the \”Adjectives Series\” click the link below 🙂
https://www.youtube.com/playlist?list=PLGIhw0VkiENvmnKo_3u5rucTFEMOk5pMa
For the \”Verbs Series\” click the link below 🙂
https://www.youtube.com/playlist?list=PLGIhw0VkiENsDhCj1ZBll06x08Mf9wheA
For the \”Noun Series\” click the link below 🙂
https://www.youtube.com/playlist?list=PLGIhw0VkiENstmZafbmlTCXI7EIjZpuz
ENGLISH PRONOUNS: Types of Pronouns | List of Pronouns with Examples
What are English pronouns? https://7esl.com/englishpronouns/
What is a pronoun in English grammar? One of the nine parts of speech in the English language is the pronoun. Pronoun is a word that substitutes for a noun or noun phrase.
A pronoun is used instead of a noun or noun phrase in a sentence. A pronoun may take place of the name of a person, place or thing.
Pronoun examples: I, me, we, they, you, he, she, it, yours, himself, ourselves, its, my, that, this, those, us, who, whom…
WATCH MORE:
★ Grammar: https://goo.gl/7n226T
★ Vocabulary: https://goo.gl/E5Ty4T
★ Expressions: https://goo.gl/JBpgCF
★ Phrasal Verbs: https://goo.gl/Ux3fip
★ Idioms: https://goo.gl/y7wNjN
★ Conversations: https://goo.gl/pmdpQT
★ English Writing: https://goo.gl/46gmY7
★ IELTS: https://goo.gl/Tg2U4v
★ TOEFL: https://goo.gl/8Zwvic
★ British vs. American English: https://goo.gl/VHa5W8
★ Pronunciation: https://goo.gl/P4eR39
★ Business English: https://goo.gl/r7jqtB
OUR SOCIAL MEDIA:
Pinterest: https://www.pinterest.com/7english/
Facebook: https://www.fb.com/7ESLLearningEnglish/
For more videos and lessons visit:
https://7esl.com/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ pronouns คือ