affirmative แปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
Imperative sentence หรือ ประโยคคำสั่ง อีกหนึ่งในไวยากรณ์สำคัญของภาษาอังกฤษที่ไม่รู้ไม่ได้ เพราะมีทั้งในเนื้อหาวิชาเรียนแล้ว เรายังได้ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ดังนั้นมาทำความเข้าใจเรื่อง หลักการใช้และโครงสร้างประโยคคำสั่งในภาษาอังกฤษ (Imperative sentence) กันค่ะ
Imperative sentence คืออะไร?
Imperative sentence คือ การใช้คำกริยา Infinitive without to (V.1ที่ไม่มี to) มาขึ้นต้นประโยคเพื่อให้ประโยคนั้นเป็นประโยคคำสั่ง, ตักเตือน, แนะนำสั่งสอน, เชื้อเชิญ หรือถ้าเติม please เข้าไปจะเป็นประโยคขอร้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำเสียงของผู้พูด, ความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง และเจตนาในการสื่อความหมาย ที่สำคัญประโยค Imperative sentence จะลงท้ายด้วยเครื่องหมายวรรคตอน full-stop (.) หรือ exclamation mark (!) เสมอ เช่น
Be quiet. (จงเงียบ)
Come here! (มานี่)
Sit down! (นั่งลง)
รูปแบบและโครงสร้างประโยคคำสั่ง Imperative sentence
Imperative sentence ในรูปแบบประโยคบอกเล่า
– ใช้ Verb base form (V.1) ขึ้นต้นประโยคแล้วตามด้วยสิ่งที่จะสั่งให้ทำ หรืออาจใช้ Verb แค่คำเดียวก็ได้ เช่น
Stop!
(หยุด)
Come here!
(มานี่)
Open the door.
(จงเปิดประตู)
Speak English.
(จงพูดภาษาอังกฤษ)
– ใช้ Verb ‘be’ ขึ้นต้นประโยค เช่น
Be careful.
(จงระวัง)
Be a good boy.
(จงเป็นเด็กดี)
Be kind to children.
(จงมีเมตตาต่อเด็ก ๆ)
Imperative sentence ในรูปแบบประโยคปฏิเสธ
– การทำ Imperative sentence เป็นรูปแบบประโยคปฏิเสธ เพียงแค่วาง don’t (do not) หน้าคำกริยา Don’t + V.1 เช่น
Don’t go!
(อย่าไป)
Don’t touch me.
(อย่ามาแตะต้องตัวฉัน)
Don’t swim in this canal.
(อย่าว่ายน้ำในคลองนี้)
– Imperative sentence ที่ขึ้นต้นด้วยกริยา ‘be’ ก็เช่นเดียวกัน เพียงวาง don’t หน้ากริยา be เช่น
Don’t be noisy.
(อย่าส่งเสียงดัง)
Imperative sentence ในเชิงขอร้อง
เราสามารถใช้ Imperative sentence ในเชิงขอร้องได้ โดยเพียงเติม Please เข้าไปวางไว้หน้าหรือท้ายประโยคก็ได้ เพื่อให้ดูสุภาพขึ้น เช่น
Please sit down. หรือ Sit down, please.
(กรุณานั่งลง)
Please wait here.
(กรุณารอตรงนี้)
Please give me chocolate.
(เอาช็อกโกแลตให้ฉันหน่อยค่ะ)
Be quiet, please.
(กรุณาเงียบ)
Please don’t smoke here.
(กรุณาอย่าสูบบุหรี่ตรงนี้)
Imperative sentence ในเชิงเชื้อเชิญ
Imperative sentence ในเชิงเชื้อเชิญ เป็นประโยคคำสั่งที่รวมถึงตัวผู้พูดเข้าไปด้วย ทำได้โดยเติม Let’s ไว้หน้าคำกริยา และถ้าเป็นในรูปปฏิเสธ ใช้ Let’s not วางหน้าคำกริยา มีโครงสร้างคือ Let’s / Let’s not + V.1 เช่น
Let’s stop now.
(ตอนนี้หยุดกันเถอะ)
Let’s not tell him about it.
(อย่าบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยเถอะ)
วิธีตอบ ถาม Let’s ก็ตอบด้วย Let’s เช่น Yes, let’s. / No, let’s not
ข้อสังเกต : ใน Imperative sentence ไม่มีประธาน (Subject) โดยละประธานซึ่งคือ สรรพนามบุรุษที่ 2 ‘You’ ไว้
Imperative sentence กรณีพิเศษ
1. Imperative sentence แบบมีประธาน (Subject) แม้ว่าปกติแล้ว Imperative sentence ไม่ต้องใส่ประธาน (สรรพนามบุรุษที่ 2 ‘You’) แต่บางครั้งเราสามารถสร้างประโยค Imperative แบบมีประธานชัดเจนได้ เช่น
You be quiet!
(คุณ เงียบ!)
You, don’t touch me!
(แก อย่ามาถูกตัวฉันนะ)
Everybody sit down.
(ทุกคน นั่งลง)
Mike look!
(ไมค์ ดูสิ)
2. ประโยคคำสั่งแบบนามธรรม เราสามารถแสดงความหวังหรือความปรารถนาและข้อเสนอแนะด้วยรูปแบบประโยค Imperative ได้ ซึ่งประโยคเหล่านี้ไม่ใช่คำสั่งจริง ๆ เช่น
Have a nice day.
(ขอให้เป็นวันที่ดีนะ)
If there’s no soy milk try almond milk.
(ถ้าไม่มีนมถั่วเหลืองก็ลองนมอัลมอนด์สิ)
3. ประโยค Imperative กับ Do ถ้าต้องการเน้น Imperative sentence ให้เป็นประโยคขอร้อง, ขอโทษ และตำหนิมากขึ้น ก็เติม Do หน้าคำกริยา อีกทั้งยังมีความสุภาพมากขึ้นด้วย เช่น
Do tell me about her.
(ช่วยเล่าเรื่องของหล่อนให้ผมฟังหน่อยนะ)
Do try to keep the noise down, lady.
(ลองเบาเสียงลงหน่อยนะสาว ๆ)
4. ใช้ประโยค Imperative กับ always, never, ever โดยวางคำเหล่านี้หน้าคำกริยาช่อง 1 (V.1) เช่น
Always remember my advice.
(จงจำคำแนะนำฉันไว้เสมอ)
Never run in this room.
(อย่าวิ่งในห้องนี้)
Don’t ever leave your keys in your car.
(อย่าทิ้งกุญแจไว้ในรถ)
5. Imperative sentence กับ and บางครั้งเราก็ใช้ประโยค Imperative กับ and แทนประโยคเงื่อนไข (if-clause) เช่น
Work hard, and you will succeed in the end.
(จงมุ่งมั่นทำงานหนัก และคุณจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด)
ประโยคนี้ใช้แทนประโยค if-clause ที่ว่า If you work hard, you will succeed in the end. (ถ้าคุณมุ่งมั่นทำงานหนัก คุณจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด)
6. ใช้ประโยค Imperative กับ Question tag เราสามารถนำ question tag อย่าง can you?, can’t you?, could you?, will you?, won’t you? would you? มาวางไว้หลังประโยค Imperative ได้ เช่น
Don’t smoke in this room, will you?
(อย่าสูบบุหรี่ในห้องนี้ จะทำไหม)
Open the door, will you?
(เปิดประตูหน่อย จะเปิดให้ไหม)
[Update] interrogative sentence (หลักการสร้างประโยคคำถาม) | affirmative แปลว่า – NATAVIGUIDES
interrogative sentence (หลักการสร้างประโยคคำถาม)
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมีโครงสร้างที่ไม่เหมือนประโยคบอกเล่า ดังนั้นเวลาจะพูดหรือจะเขียนแต่ละทีต้องมานั่งนึกว่าอะไรมาก่อนมาหลัง ประธาน กริยา กรรม วางยังไง ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมี 2 ประเภท คือ
1. Yes/No Question
2. Wh-Question
1. Yes/No Question – เหตุใดจึงเรียกว่าเป็นคำถามแบบ yes/no question? ก็เพราะมันเป็นคำถามแบบที่ต้องตอบว่า yes หรือ no หลักการง่ายๆในการสร้างประโยคคำถามแบบนี้คือ เอากริยาช่วย (Helping verb) มาขึ้นต้นประโยค ไม่ว่าในประโยคนั้นจะมีกริยาช่วยอะไรเอามันมาไว้ข้างหน้าประโยคก่อนเลย แล้วที่เหลือก็เรียงประธานและกริยาแท้ตามลำดับ จบท้ายด้วย question mark (?)
กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้……..?
หลักการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุก Tense เช่น Continuous tense ก็จะมี Verb to be เป็นกริยาช่วย
- Is mom cooking dinner? (present continuous tense)
- Are you wearing sunglasses? (present continuous tense)
- Was she working when you came? (past continuous tense)
หรือ perfect tense ก็จะมี verb to have เป็นกริยาช่วย
- Have you ever been to Korea? (Present perfect tense)
- Had she called you before she left for Tokyo? (Past perfect tense)
แต่สำหรับ simple tense นั้น ในประโยคบอกเล่าจะไม่ปรากฏกริยาช่วยใดๆ แล้วจะหากริยาช่วยได้จากที่ไหน? Tense นี้มีความพิเศษหน่อยคือจะเอา Verb to do เข้ามาช่วย ฉะนั้นเวลาตั้งเป็นคำถามก็ต้องเอา verb to do (do, does, did) ขึ้นต้น ถ้าเป็น present tense ก็ใช้ do, does แต่ถ้าเป็น past tense ก็ใช้ did เช่น
- Do they take writing course this semester?
- Does she work as an assistant of Prof. Harisson?
- Did he go with you last night?
คำถามแบบ Yes/No question แน่นอนว่า เวลาตอบก็ต้องตอบ yes หรือ no เช่น
- Have they broken the window?
- Yes, they have. (ย่อมาจาก Yes, they have broken the window.)
- No, they haven’t. (ย่อมาจาก No, they haven’t broken the window.)
หรือในบางประโยคที่ตอง No ก็อาจจะพูดประโยคที่ถูกต้องไปเลยก็ได้ เช่น
- Are you Matt? No, I’m Martin.
** หลักการง่ายๆในการตอบแบบสั้นคือ ให้ตอบ Yes หรือ No แล้วตามด้วยสรรพนามที่แทนประธานในประโยคคำถาม แล้วตามด้วยกริยาช่วยและถ้าคำตอบเป็น No ก็เติม not ไปที่หลังกริยาช่วย เช่น
- Are the students wearing the scout uniform?
- Yes, they are. / No, they aren’t.
- Does she like eating spaghetti?
- Yes, she does. / No, she doesn’t.
2. Wh-quesiton – คือคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh-question words (What, When, Where, Why, Whose, Who, Which และ ตระกูล How เช่น How old, How long, How much, How many, etc.) ประโยคคำถามแบบ Wh-question นี้ จะเป็นการถามเพื่อขอข้อมูล
โครงสร้างประโยคก็เหมือน Yes/No question เพียงแต่วาง Wh-question ไว้ข้างหน้าสุด หน้ากริยาช่วย แล้วตามด้วยประธานและกริยาหลัก ตามลำดับ
Wh-question + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้….?
ตัวอย่างประโยคคำถามแบบนี้คือ
- Where does your brother work?
- What have you done these days?
- How long will you stay here?
- What movie were you watching last night when I called?
มีข้อควรระวังและข้อเสนอแนะอยู่สองสามข้อในการสร้างประโยคคำถามคือ ประโยคคำถามที่มี do/does/did เป็นกริยาช่วยนั้น กริยาแท้ที่ตามมาในประโยคจะต้องเป็นรูป base form คือรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม s/es และอีกข้อหนึ่งคือ Wh-question words ใดที่ต้องมีนามตามมาด้วย เช่นในความหมายว่า หนังสืออะไร หนังสือของใคร หนังสือเล่มไหน ให้วางนามต่อท้าย Wh-question words นั้นได้เลย เช่น what book, whose book, which book แล้วค่อยตามด้วยโครงสร้างที่เหลือ เช่น
- What book are you reading?
คุณกำลังอ่านหนังสืออะไร
Easy\u0026Simple English , ESE \”Have ไม่ได้แปลว่า มี (อย่างเดียว)\” เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
วิธีการใช้ have ในสถานการณ์ต่างๆ
Follow us on: https://www.facebook.com/easyandsimpleenglish
Visit our website: http://easysimpleenglish.com/
contact us: 026121249
ทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษฟรี: http://www.easysimpleenglish.com/easytest.php
Easy \u0026 Simple English เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
Present Simple Affirmative form
Created using Powtoon Free sign up at http://www.powtoon.com/youtube/ Create animated videos and animated presentations for free. PowToon is a free tool that allows you to develop cool animated clips and animated presentations for your website, office meeting, sales pitch, nonprofit fundraiser, product launch, video resume, or anything else you could use an animated explainer video. PowToon’s animation templates help you create animated presentations and animated explainer videos from scratch. Anyone can produce awesome animations quickly with PowToon, without the cost or hassle other professional animation services require.
have got/has got
Created using PowToon Free sign up at http://www.powtoon.com/youtube/ Create animated videos and animated presentations for free. PowToon is a free tool that allows you to develop cool animated clips and animated presentations for your website, office meeting, sales pitch, nonprofit fundraiser, product launch, video resume, or anything else you could use an animated explainer video. PowToon’s animation templates help you create animated presentations and animated explainer videos from scratch. Anyone can produce awesome animations quickly with PowToon, without the cost or hassle other professional animation services require.
Forming the Present Simple tense in English
Forming the Present Simple (affirmative)
The present simple tense is formed, in the affirmative, as follows
Subject + verb + object.
I + love + horseback riding.
I love horseback riding.
Conjugating the Present Simple (affirmative):
I love horseback riding
You love horseback riding
He/She loves horseback riding
We love horseback riding
They love horseback riding
Even though the differences between firstperson (I) and thirdperson (he/she) in the present simple are not big, they are very important. The s at the end of the thirdperson conjugation is extremely important. Similarly, it would be incorrect to say I plays football for a club.
Forming the Present Simple (negative)
The present simple tense is formed, in the negative, as follows
Subject + do + not + verb + object.
Amy + does + not + enjoy + musicals.
Amy does not enjoy musicals.
Conjugating the Present Simple (negative):
I do not enjoy musicals
You do not enjoy musicals
He/She does not enjoy musicals
We do not enjoy musicals
They do not enjoy musicals
The negative form of this tense is formed by pairing the main verb (enjoy in the case of the above example) with the auxiliary verb do in its negative form. As is made clear in the video, we can combine the two components of the negative form of this verb in a contraction, making the entire sentence flow more easily and allowing for more fluid conversation in spoken English (this way it will be easier for Amy to convey her disgust for musicals with greater facility of expression). The changes made in the contraction are as follows:
do not ⇒ don’t
does not ⇒ doesn’t
Therefore, our conjugation for the present simple (negative) should become
I don’t enjoy musicals
You don’t enjoy musicals
He/She doesn’t enjoy musicals
We don’t enjoy musicals
They don’t enjoy musicals
Forming the Present Simple (interrogative)
The present simple tense is formed, in the interrogative, as follows
Do + subject + verb + object
Do + you + play + the banjo
Do you play the banjo?
Conjugating the Present Simple (interrogative):
Do I play the banjo ?
Do you play the banjo ?
Does he/she play the banjo ?
Do we play the banjo ?
Do they play the banjo ?
It is important here to note the difference in punctuation. The question mark (?) is equally as important as the grammatical structure in marking the phrase as interrogative in written English.
HAVE GOT, HAS GOT (affirmative, negative \u0026 interrogative)
A short video on have got and has got.
Focuses on affirmative, negative and interrogative forms.
Credit:
bensound.com
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ affirmative แปลว่า