more การใช้: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
เชื่อเลยว่า เพื่อนๆ หลายคนจะต้องคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยาก โดยเฉพาะการเรียนเรื่อง Tense ซึ่งมีทั้งหมด 12 แบบด้วยกัน แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าถ้าเราสามารถจำเรื่อง Tense ได้ก็สบายไปครึ่งทางแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน และการสอบต่างๆ ดังนั้น ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มี Tense ทั้ง 12 แบบมาให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย
เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ
1. Present Simple Tense (ปัจจุบัน)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + กริยาช่องที่ 1
ถ้าประธานเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ + กริยาช่องที่ 1 เติม s หรือ es
ตัวอย่างการใช้
I go… / You go… / He goes… / They go…
She sings a song. แปลว่า หล่อนร้องเพลง
He plays football. แปลว่า เขาเล่นฟุตบอล
She is not here. หรือ She isn’t here. แปลว่า หล่อนไม่อยู่ที่นี่
We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลว่า พวกเราไม่ใช่คนขับรถ
สำหรับ ประโยคปฏิเสธและคำถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น
You do not like apple. หรือ You don’t like apple.
She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat.
Do you like it?
Does he like it?
หลักการเติม s ที่คำกริยา
เติม s หลังคำกริยานั้นๆ เช่น He eats. She sings. A tiger runs.
ถ้ากริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เติม es เช่น
He teaches English.
She goes away.
She brushes her teeth.
ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
He tries to study.
She studies English.
** หมายเหตุ ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ให้เติม s ได้เลย เช่น
play – plays = เล่น
pay – pay = จ่าย
destroy – destroys = ทำลาย
หลักการใช้ Present Simple Tense สรุปได้ดังนี้
1.1 แสดงลักษณะความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม เช่น
The earth moves around the sun. แปลว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
The sun rises in the east and sets in the west. แปลว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
The earth is round. แปลว่า โลกกลม
Water freezes at 0 C. แปลว่า น้ำมีจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส
1.2 การกระทำที่เกิดขึ้นเสมอๆ เกิดขึ้นจนเป็นนิสัย มักจะมี adverb of frequency ประกอบในประโยค เช่น every day, usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc. เป็นต้น ตัวอย่างการใช้มีดังนี้
She gets up at six o’clock. แปลว่า หล่อนตื่นนอน 6 โมงเช้า (ตื่นเวลานี้จนเป็นนิสัย)
He runs every morning. แปลว่า เขาวิ่งทุกๆ เช้า
John often drinks beer. แปลว่า จอห์นมักจะดื่มเบียร์
She never sits in front of the church. แปลว่า หล่อนไม่เคยนั่งข้างหน้าของโบสถ์เลย
1.3 แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เช่น
I go to Chiangmai in the afternoon. แปลว่า ฉันจะไปเชียงใหม่ในตอนบ่าย
He starts to study in five minutes. แปลว่า เขาจะเริ่มเรียนภายใน 5 นาที
The concert begins at 1.30. แปลว่า คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 1.30 นาฬิกา
1.4 ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น
New brooms sweep clean. แปลว่า ไม้กวาดใหม่ย่อมกวาดสะอาดกว่า
Money makes friend. แปลว่า เงินทองอาจทำให้ท่านมีเพื่อนฝูงมาก
Health is wealth. แปลว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังจะทำ)
โครงสร้างประโยค
I + am + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานพหูพจน์ + are + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ตัวอย่างการใช้
She is running.
Is he playing football now?
I am not sleeping.
They are walking.
หลักการเติม ing
คำกริยาที่ลงท้านด้วย e ให้ตัด e ทิ้งเสียก่อนแล้วเติม ing เช่น
bite > biting
come > coming
arise > arising
write > writing
take > taking
กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ing เลย เช่น
free > freeing
see > seeing
flee > fleeing
agree > agreeing
กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น
lie > lying
die > dying
tie > tying
กริยาพยางค์เดียว มีสระตัวเดียวและมีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
run > running
sit > sitting
hit > hitting
get > getting
dig > digging
rob > robbing
กริยาหลายพยางค์ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 1 ตัว หน้าพยัญชนะ มีสระหนึ่งตัว ให้เพิ่มพยัญชนะเข้าไปอีก 1 ตัว แล้วเติม ing เช่น
forget > forgetting
admit > admitting
กริยามี 2 พยางค์ ซึ่งออกเสียงหนักที่พยางค์หลังมีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
offer > offerring
refer > referring
occur > occurring
begin > beginning
คำต่อไปนี้ ใช้ได้ 2 แบบ คือ trevel, quarrel เช่น
travel > traveling (แบบอเมริกัน)
travel > travelling (แบบอังกฤษ)
quarrel > quarreling (แบบอเมริกัน)
quarrel > quarrelling (แบบอังกฤษ)
กริยาตัวอื่นๆ เติม ing ได้เลย เช่น
hear > hearing
burn > burning
bend > bending
read > reading
หลักการใช้ Present Continuous Tense สรุปได้ดังนี้
2.1 แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะพูด และคาดว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มักมีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time, at this moment etc. ตัวอย่างการใช้
She is eating.
Tom is running now.
We are walking.
2.2 แสดงการกระทำเริ่มก่อนพูดเป็นเวลานาน ขณะที่พูดนี้เหตุการณ์อาจไม่ได้ กำลังเกิดขึ้นจริงๆ มักมีคำว่า this week, this month etc. ตัวอย่างการใช้
I am working with my teacher this summer. แปลว่า ฉันกำลังทำงานกับครูของฉันในฤดูร้อนนี้ (ขณะที่พูดอาจทำ หรือไม่ทำอาการนี้ก็ได้)
Tom is working for an examination. แปลว่า ทอม กำลังดูหนังสือสำหรับการสอบในครั้งนี้ (ขณะพูดอาจจะไม่ได้ดูหนังสือก็ได้)
2.3 ใช้แทนอนาคตกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หรืออนาคตอันใกล้ มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.) ตัวอย่างการใช้
I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.) แปลว่า ฉันจะถามเขาพรุ่งนี้
He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.) แปลว่า เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์
2.4 กริยาที่ไม่นิยมใช้รูป Present Continuous Tense มีดังต่อไปนี้
กริยาแสดงความรู้สึกทางประสาททั้ง 5 ด้าน
see = เห็น/notice = สังเกต
smell = ดมกลิ่น
taste = ชิม
hear = ได้ยิน
recognize = จำได้
กริยาที่แสดงความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น
love = รัก
like = ชอบ
dislike = ไม่ชอบ
adore = รักยิ่ง บูชา
forgive = อภัย
wish = ปรารถนา
ต้องการ care = เอาใจใส่
desire = ปรารถนา
hate = เกลียด
want = ต้องการ
refuse = ปฏิเสธ
กริยาแสดงความคิด เช่น
think = คิด
know = รู้
realize = ตระหนัก
recollect = จำได้
suppose = คิด
recall = นึกได้
expect = คาดหวัง
suppose = คิด
understand = เข้าใจ
mean = ตั้งใจ, หมายความ
believe = เชื่อ
forget = ลืม
trust = เชื่อ
remember = จำได้
กริยาอื่นๆ เช่น
seem = ดูราวกับว่า
hold = บรรจุ
belong = เป็นของ
own = เป็นเจ้าของ
contain = บรรจุ
possess = เป็นเจ้าของ
consist = ประกอบด้วย
3. Present Perfect Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + has,have + Past Participle
ตัวอย่างการใช้
We have eaten American foods.
She has not(hasn’t) eaten Thai foods.
Has he smoked cigarettes?
หลักการใช้ Present Perfect Tense สรุปได้ดังนี้
3.1 แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน (ตอนพูด) และมีแนวโน้มว่าจะดำเนินต่อไปในอนาคต มักจะมีคำว่า since, for ตัวอย่างการใช้
Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958. แปลว่า ดร.เฮเลน อยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่ ค.ศ.1958
I have studied in America for four years. แปลว่า ฉันเคยเรียนที่อเมริกามาเป็นเวลา 4 ปี
3.2 แสดงการกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และพึ่งเสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มักมี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบด้วย ตัวอย่างการใช้
I have just passed my friend’s house. แปลว่า ฉันพึ่งผ่านบ้านเพื่อนของฉันมา
They have already finished housework. แปลว่า พวกเขาทำงานบ้านเสร็จแล้ว
3.3 แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังคงมาถึงปัจจุบันขณะที่พูด ตัวอย่างการใช้
I have read this book before. แปลว่า ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
He has opened the door. แปลว่าเขาได้เปิดประตูแล้ว (ผลของการกระทำยังอยู่คือประตูเปิด)
3.4 เหตุการณ์ที่เคยทำซ้ำๆ กันหลายหนแล้วในอดีต อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่สามารถบอกเวลาการเกิดขึ้นได้ มักมี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคด้วย ตัวอย่างการใช้
I have been to America many times. แปลว่า ฉันได้ไปอเมริกาหลายครั้งแล้ว
She has read this book three times. แปลว่่า หล่อนเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ 3 ครั้งแล้ว
He has eaten Thai food several times. แปลว่า เขาเคยกินอาหารไทยหลายครั้งแล้ว
4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์กำลังกระทำ)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + has, have + been + กริยาเติม ing
ตัวอย่างการใช้
I have been thinking. แปลว่า ฉันกำลังคิด
They have been talking. แปลว่า พวกเขากำลังพูดกัน
She has been living here for 2 weeks. แปลว่า หล่อนอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 สัปดาห์แล้ว
He has been studying hard all year. แปลว่า เขาเรียนหนังสือหนักมาตลอดปี
หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้
4.1 ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาโดยไม่ขาดตอน เช่น
John has been living in America since 1984. แปลว่า จอห์นได้มาอยู่อเมริกาตั้งแต่ปี 1984
** หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense นี้ ใช้เหมือน Present Perfect ต่างกัน ตรงที่ว่า Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อต้องการเน้นย้ำว่าการกระทำติดต่อกันมาตลอด และกริยา ที่ใช้มักเป็นกริยาที่มีลักษณะต่อเนื่องได้ ปัจจุบันไม่ใคร่นิยมใช้มากนัก
5. Past Simple Tense (อดีตธรรมดา)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + กริยาช่อง 2
ตัวอย่างการใช้งาน
She went home. แปลว่า เธอกลับบ้าน
I came here last night. แปลว่า ฉันมาที่นี่เมื่อคืน
หลักการใช้ Past Simple Tense สรุปได้ดังนี้
5.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year etc. ตัวอย่างการใช้
I got sick yesterday. แปลว่า ฉันป่วยเมื่อวานนี้
I lived in Phuket 3 years ago. แปลว่า ฉันอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
She went to the university last week. แปลว่า หล่อนไปมหาวิทยาลัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
5.2 แสดงเหตุการณ์ที่เป็นนิสัย ที่ทำประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว) มักมี adverb ความถี่อยู่ด้วย เช่น always, every, frequently etc. ตัวอย่างการใช้
Chris walked every morning. แปลว่า คริสเดินทุกๆ เช้า (เป็นนิสัยในอดีต ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว)
He always woke up late last year. แปลว่า เขาตื่นนอนสายเสมอๆเมื่อปีที่แล้ว
When I was young. I listened to the radio every night. แปลว่า เมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันฟังวิทยุทุกคืน
5.3 แสดงถึงการกระทำทั้งสองอย่างที่เกิดในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า as, while อยู่ด้วย ตัวอย่างการใช้
While she sang, I danced. แปลว่า ขณะที่หล่องร้องเพลง ฉันเต้นรำ
As she cooked, her son played football. แปลว่า ขณะที่หล่อนทำอาหาร ลูกชายของเธอก็เล่นฟุตบอล
6. Past Continuous Tense (อดีตกำลังกระทำ)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + was, were + กริยาเติม ing
ตัวอย่างการใช้
I was drinking a glass of water. แปลว่า ฉันกำลังดื่มน้ำ 1 แก้ว
They were playing football in the field. แปลว่า เขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในสนาม
หลักการใช้ Past Continuous Tense สรุปได้ดังนี้
6.1 ใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นและดำเนินอยู่ก่อนแล้ว เราจะใช้ Past Continuous และมีเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้น จะใช้ Past Simple ตัวอย่างการใช้
While I was cooking, the telephone rang. แปลว่า ขณะฉันทำอาหารโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
We are walking along the street, it began to rain. แปลว่า พวกเรากำลังเดินไปตามถนนฝนก็เริ่มตก
6.2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีต ตัวอย่างการใช้
He was sleeping in the class. แปลว่า ฉันกำลังหลับในห้องเรียน
He was running in the morning แปลว่า เขากำลังวิ่งในตอนเช้า
6.3 แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า while ในประโยค ตัวอย่างการใช้
While I was watching T.V, my brother was reading a book. แปลว่า ขณะที่ฉันดูทีวี น้องชายของฉันอ่านหนังสือ
She was sleeping while he was talking with his friends. แปลว่า หล่อนกำลังนอนหลับ ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนของหล่อน
7. Past Perfect Tense (อดีตสมบูรณ์)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + had + Past Participle (กริยาช่อง 3)
ตัวอย่างการใช้
She had slept. แปลว่า หล่อนได้นอนหลับแล้ว
He had not worked. แปลว่า เขาไม่ได้ทำงาน
I had eaten foods before you came. แปลว่า ฉันได้รับประทานอาหารก่อนที่คุณจะมา
หลักการใช้ Past Perfect Tense สรุปได้ดังนี้
7.1 แสดงเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน เราจะใช้ Past Perfect Tense อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดทีหลัง เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้
When I had finished my housework, I played T.V games. แปลว่า เมื่อฉันทำงานบ้านเสร็จฉันก็เล่น TV เกม (ทำงานบ้านเสร็จก่อนแล้วจึงเล่น)
7.2 ใช้เปลี่ยน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เป็น Indirect Speech ตัวอย่างการใช้
Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” แปลว่า หล่อนพูดว่า “ฉันเคยอยู่อเมริการมา 2 ปีแล้ว”
Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years. แปลว่า หล่อนพูดว่าหล่อนเคยอยู่อเมริกามา 2 ปีแล้ว
Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.” แปลว่า เขาพูดว่า”ฉันเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี”
Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years. แปลว่า เขาพูดว่าเขาเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี
8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตสมบูรณ์กำลังกระทำ)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + had been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่างการใช้
I had been sleeping. แปลว่า ฉันกำลังนอนหลับ
She had been waiting for two hours. แปลว่า หล่อนคอย 2 ช.ม. แล้ว
He had not (hadn’t) been walking before you came. แปลว่า เขาไม่ได้กำลังเดินก่อนคุณมา
หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้
8.1 ใช้คล้ายๆ กับ Past Perfect เราใช้ก็ต่อเมื่อเกิดมีเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เพื่อเน้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แล้วเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้
She had been living in America before she moved to Bangkok. แปลว่า หล่อนอยู่อเมริการก่อนที่ย้านมาอยู่ที่กรุงเทพ
I had been waiting two hour before He arrived. แปลว่า ฉันคอยเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่เขามาถึง
She had been reading for several hours when I saw her. แปลว่า หล่อนกำลังอ่านหนังสือหลายชั่วโมง เมื่อฉันเห็นหล่อน
9. Future Simple Tense (อนาคต)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + will, shall(I,We), be going to + กริยาเติม ing
ตัวอย่างการใช้
I will go to see you tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปพบคุณพรุ่งนี้
I shall go. แปลว่า ฉันจะไป
Mary will run. แปลว่า แมรี่จะวิ่ง
หลักการใช้ Future Simple Tense สรุปได้ดังนี้
9.1 ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เช่น to night, tomorrow, next week, next month etc. ตัวอย่างการใช้
I will see the movie tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปดูหนังพรุ่งนี้
She is going to see the doctor next week. แปลว่า หล่อนจะไปหาหมอสัปดาห์หน้า
The plane will arrive at the airport in a few minutes.แปลว่า เครื่องบินจะมาถึงท่าอากาศยานในอีก 2-3 นาที
การใช้ be going to แทน will, shall
ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเชื่อว่าเป็นจริง โดยไม่สงสัย ตัวอย่างการใช้
I am studying hard: I am going to try for scholarship. แปลว่า ฉันกำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก ฉันพยายามเพื่อสอบชิงทุนการศึกษา
She is going to write to her parents. แปลว่า หล่อนตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของเธอ
She has bought flour : She is going to make cake. แปลว่า หล่อนซื้อแป้งมาและจะทำเค้ก
ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงการคาดคะเน ตัวอย่างการใช้
I think it is going to rain. แปลว่า ฉันคิดว่าฝนจะตก (อย่างแน่นอน)
10. Future Continuous Tense (อนาคตกำลังกระทำ)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + will, shall(I,We) + be + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่างการใช้
I shall be running. แปลว่า ฉันกำลังวิ่ง
I will be working tomorrow. แปลว่า ฉันกำลังจะทำงานพรุ่งนี้
We shall be drinking. แปลว่า เรากำลังจะดื่ม
หลักการใช้ Future Continuous Tense สรุปได้ดังนี้
10.1 แสดงเหตุการ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์นั้นกำลังดำเนินอยู่ ตัวอย่างการใช้
-At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend. แปลว่า เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉันจะกำลังรอเพื่อน
-I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening. แปลว่า ฉันจะทำอาหารตอน 5 โมงเย็นพรุ่งนี้
-He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning. แปลว่า เขากำลังหลับตอน 4 โมงเช้าพรุ่งนี้
10.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense ส่วนเหตุการณ์หลังใช้ Present Simple Tense ตัวอย่างการใช้
-They will be playing football when you arrive at their house. แปลว่า เขาจะกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ เมื่อคุณมาถึงบ้านของเขา (เล่นก่อนที่คุณจะถึงบ้าน)
-When he calls to you, she will be going to the market.แปลว่า เมื่อเขาโทรมาหาคณ หล่อนกำลังจะไปตลาด
11. Future Perfect Tense (อนาคตสมบูรณ์)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3
ตัวอย่างการใช้
I shall have eaten. แปลว่า ฉันจะกินอยู่แล้ว
Sri will have gone. แปลว่า ศรีจะไปอยู่แล้ว
He will have finished his work. แปลว่า เขาจะเสร็จงานของเขาอยู่แล้ว
หลักการใช้ Future Perfect Tense สรุปได้ดังนี้
11.1 ใช้เมื่อคิดว่า เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์หรือการกระทำจะสิ้นสุดลง มักมีคำเหล่านี้ เช่น by that time, by then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc. ตัวอย่างการใช้
I will have slept in three hours. แปลว่า ฉันจะนอนเสร็จภายใน 3 ชั่วโมง
They will have finished the new road by next week. แปลว่า พวกเขาจะทำถนนใหม่เสร็จในสัปดาห์หน้า
11.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน คาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น เหตุการณ์หนึงจะเสร็จสมบูรณ์
เราจะใช้ Future Perfect Tense กับ เหตุการณ์นี้และจะเกิดเหตุการณ์ที่ 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense กับประโยคนี้ ตัวอย่างการใช้
By the time you arrive, I will have finished homework. แปลว่า เมื่อเวลาที่คุณมาฉันก็ทำการบ้านเสร็จพอดี
She will have eaten foods before you came. แปลว่า หล่อนรับประทานอาหารเสร็จก่อนที่คุณจะมา
The movie will have started before we reach the theater. แปลว่า ภาพยนตร์เริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะมาถึงโรงภาพยนตร์
12. Future Perfect Continuous Tense (อนาคตสมบูรณ์กำลังกระทำ)
โครงสร้างประโยค
ประธาน + will, shall (I,We) + have + been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่างการใช้
I shall have been working. แปลว่า เราคงจะทำงาน (ติดต่อกัน)
He will have been running. แปลว่า เขาคงจะวิ่ง (ติดต่อกัน)
หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้
12.1 สำหรับ Tense นี้ เน้นให้เห็นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่าถึงเวลานั้นในอนาคต การกระทำนั้นยังคงดำเนินอยู่ และจะดำเนินต่อไปอีก (ยังไม่หยุด) ตัวอย่างการใช้
-By ten o’clock I shall have been working without a rest. แปลว่า ถึงเวลา 10 นาฬิกา ฉันได้ทำงาน (ติดต่อกันมา) โดยไม่พัก
-When you arrive, she will have waiting for three hours. แปลว่า เมื่อคุณมาถึง หล่อนคงจะได้รอคุณ (โดยไม่หยุดรอ) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.tonamorn.com
บทความแนะนำ
[Update] หลักการใช้ Comparison of Adjectivesในภาษาอังกฤษ | more การใช้ – NATAVIGUIDES
หลักการใช้ที่สำคัญประการหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคำคุณศัพท์ก็คือ comparison (คอมแพริเซิ่น) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “การเปรียบเทียบ” สามารถจำแนกได้ 2 ระดับคือ
1. Comparative adjectives
2. Superlative adjectives
Comparative adjectives (คอมแพราทิฟวฺ แอ็ดเจ็กทิฟสฺ) หมายถึง “คุณศัพท์ขั้นกว่า” แสดงความหมายว่า มากกว่า/น้อยกว่า ส่วน Superlative adjectives (ซูเพอลาทิฟวฺ แอ็ดเจ็กทิฟสฺ) หมายถึง “คุณศัพท์ขั้นสุด” แสดงความหมายมากที่สุด/น้อยที่สุด คุณศัพท์ทั้งสองแบบนี้พอจะสรุปรูปของคำได้ดังนี้
1. คุณศัพท์พยางค์เดียว (one-syllable adjectives)
เมื่อต้องการเปลี่ยนรูปของคำคุณศัพท์ประเภทนี้ให้เป็น comparative adjectives และ superlative adjectives ให้เติม -er และ -est ท้ายคำคุณศัพท์นั้นตามลำดับ เช่น
Adjectives Comparative Superlative
small smaller smallest
cheap cheaper cheapest
young younger youngest
long longer longest
big bigger biggest
high higher highest
low lower lowest
short shorter shortest
dim dimmer dimmest
glad gladder gladdest
fair fairer fairest
ตัวอย่าง
Mount Manaslu is the lowest mountain.
ภูเขามานาสลูเป็นภูเขาที่ต่ำที่สุด
Mount Kangchenjunga is higher than Mount Manaslu.
ภูเขากังเจนจังก้าสูงกว่าภูเขามานาสลู
Mount Kangchenjunga is higher than Mount Manaslu, but lower than Mount Everest.
ภูเขากังเจนจังก้าสูงกว่าภูเขามานาสลู แต่ต่ำกว่าภูเขาเอเวอเรสต์
Mount Everest is the highest mountain.
ภูเขาเอเวอเรสต์เป็นภูเขาที่สูงที่สุด
2. คุณศัพท์สองพยางค์ (two-syllable adjectives)
คำคุณศัพท์บางคำที่มีสองพยางค์ เมื่อต้องการทำให้เป็น comparative adjectives และ superlative adjectives ให้เติม -er และ -est ท้ายคำ คุณศัพท์นั้นตามลำดับ เช่น
Adjectives Comparative Superlative
quiet quieter quietest
clever cleverer cleverest
noble nobler noblest
ตัวอย่าง
This room is quieter than that one.
ห้องนี้เงียบกว่าห้องนั้น
Malee is the cleverest of all the students.
มาลีเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในจำนวนเด็กนักเรียนทุกคน
คุณศัพท์สองพยางค์ที่ลงท้ายด้วย “consonant + y” (พยัญชนะ + y) ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -er เมื่อเป็น comparative adjectives และเติม -est เมื่อเป็น superlative adjectives เช่น
Adjectives Comparative Superlative
funny funnier funniest
easy easier easiest
jolly jollier jolliest
friendly friendlier friendliest
hungry hungrier hungriest
happy happier happiest
muddy muddier muddiest
handy handier handiest
messy messier messiest
ตัวอย่าง
Riding a bicycle is easier than driving a car.
การขี่จักรยานง่ายกว่าการขับรถยนต์
He has a happier life than she is.
เขามีชีวิตที่สุขสบายกว่าเธอ
Asian people are friendlier than Europeans.
ชาวเอเชียเป็นมิตรกว่าชาวยุโรป
คุณศัพท์สองพยางค์บางคำ เมื่อเป็น comparative adjectives และ superlative adjectives มีได้ 2 รูป กล่าวคือ เติม -er ท้ายคุณศัพท์หรือเติม more หน้าคุณศัพท์ และเติม -est ท้ายคุณศัพท์ หรือเติม most หน้าคุณศัพท์นั้นๆ ตามลำดับ เช่น
หมายเหตุ more (มากกว่า) ตรงข้ามกับ less (น้อยกว่า)
most (มากที่สุด) “ ” least (น้อยที่สุด)
Adjectives Comparative Superlative
common (ธรรมดา) commoner commonest
more common most common
cruel (โหดร้าย) crueller cruellest
more cruel most cruel
gentle (นิ่มนวล) gentler gentlest
more gentle most gentle
handsome (หล่อ) handsomer handsomest
more handsome most handsome
likely (มีแนวโน้ม) likelier likeliest
more likely most likely
mature (เป็นผู้ใหญ่) maturer maturest
more mature most mature
narrow (แคบ) narrower narrowest
more narrow most narrow
obscure (ไม่แจ่มชัด) obscurer obscurest
more obscure most obscure
pleasant (น่ารื่นรมย์) pleasanter pleasantest
more pleasant most pleasant
polite (สุภาพ) politer politest
more polite most polite
remote (ไกล) remoter remotest
more remote most remote
shallow (ตื้น) shallower shallowest
more shallow most shallow
simple (เรียบง่าย) simpler simplest
more simple most simple
stupid (โง่) stupider stupidest
more stupid most stupid
subtle (เด่นชัด) subtler subtlest
more subtle most subtle
ตัวอย่าง
Life in the country is simpler than life in the city.
ชีวิตในชนบทเรียบง่ายกว่าชีวิตในเมือง
Exposure to sunlight is one of the most common causes of cancer.
การรับแสงอาทิตย์มากเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งมากที่สุดประการหนึ่ง
คุณศัพท์สองพยางค์ที่ลงท้ายด้วย -ing, -ful, -ous หรือ -ed เมื่อเป็น comparative และ superlative จะวาง more และ most ไว้หน้าคำคุณศัพท์นั้น ตามลำดับ เช่น
Adjectives Comparative Superlative
precious (มีค่าหรือราคา) more precious most precious
advanced (ก้าวหน้า) more advanced most advanced
tiring (เบื่อ, เหนื่อย) more tiring most tiring
cheerful (ร่าเริงแจ่มใส) more cheerful most cheerful
ตัวอย่าง
Technology today is more advaned than that in the past.
เทคโนโลยีปัจจุบันลํ้าหน้ากว่าเทคโนโลยีในสมัยก่อน
Teaching is less tiring than doing clerical work.
การสอนน่าเบื่อน้อยกว่าการทำงานเสมียน
3. คุณศัพท์สามพยางค์หรือมากกว่า (three-syllable adjectives or more)
คุณศัพท์ตั้งแต่สามพยางค์ขึ้นไป เมื่อเป็น comparatives และ superlatives จะวาง more และ most ไว้หน้าคุณศัพท์นั้นๆ ตามลำดับ เช่น
หมายเหตุ more (มากกว่า) ตรงข้ามกับ less (น้อยกว่า)
most (มากที่สุด) “ ” least (น้อยที่สุด)
Adjectives Comparative Superlative
stupid (โง่) more stupid most stupid
interesting (น่าสนใจ) more interesting most interesting
popular (เป็นที่นิยม) more popular most popular
important (สำศัญ) more important most important
extraordinary (แปลก) more extraordinary most extraordinary comfortable (สบาย) more comfortable most comfortable
convenient (สะดวก) more convenient most convenient
profitable (ทำกำไร) more profitable most profitable
sophisticated (ลํ้าหน้า) more sophisticated most sophisticated
ตัวอย่าง
Things are becoming more expensive these days.
สิ่งต่างๆ มีราคาแพงขึ้นทุกวันนี้
Good health is more important than money.
สุขภาพดีสำคัญกว่าเงิน
What’s the most interesting book you’ve ever read?
หนังสือเล่มใดที่น่าสนใจมากที่สุดเท่าที่คุณเคยอ่านมา
4. คุณศัพท์พิเศษ (special adjectives)
คุณศัพท์บางคำมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น เมื่อทำหน้าที่ comparative adjectives และ superlative adjectives ต้องอาศัยการจำหรือใช้บ่อยๆ ได้แก่
Adjectives Comparative Superlative
good (ดี) better best
bad (แย่, เลว) worse worst
much, many (มาก) more most
little (น้อย) less least
far (ไกล) farther/further* farthest/furthest*
old (แก่,ชรา) older/elder* oldest/eldest*
หมายเหตุ คำที่ใส่เครื่องหมาย * ใช้ต่างกันดังนี้
ก. farther และ farthest นิยมใช้เมื่อกล่าวถึงระยะทาง ส่วน further และ furthest นิยมใช้วางหน้าคำนาม คือ details และ information เช่น further details แปลว่า “รายละเอียดเพิ่มเติม” อย่างไรก็ตามสามารถใช้คำทั้ง 4 กับการเปรียบเทียบระยะทางได้เช่นกัน
ข. older และ oldest ใช้แสดงการเปรียบเทียบเรื่องอายุ (age) ส่วน elder และ eldest ใช้เปรียบเทียบการเป็นพี่เป็นน้อง
ตัวอย่าง
Life in the country is worse than life in the city.
ชีวิตในชนบทแย่กว่าชีวิตในเมือง
He has a better life than she does.
เขามีชีวิตที่ดีกว่าเธอ
David is the eldest of the three boys in the family.
เดวิดเป็นพี่คนโตสุดในจำนวนพี่น้องทั้งสามคนในครอบครัว
การใช้ comparatives
1. ใช้ comparative หรือขั้นกว่า เมื่อเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง (แสดงว่าต้องมีสองสิ่งหรือสองบุคคลจะน้อยกว่านี้หรือเกินจากนี้ไม่ได้)ใช้โครงสร้าง
คุณศัพท์ + er / more + คุณศัพท์ … (than)
ตัวอย่าง
Martin is taller than Annie.
มาร์ตินสูงกว่าแอนนี
Annie is shorter than Martin.
แอนนี่เตี้ยกว่ามาร์ติน
Martin is taller.
(มาร์ตินสูงกว่า)
The white bag is bigger than the black bag.
กระเป๋าสีขาวใหญ่กว่ากระเป๋าสีดำ
The black bag is smaller than the white bag.
กระเป๋าสีดำเล็กกว่ากระเป๋าสีขาว
The white bag is bigger.
กระเป๋าสีขาวใหญ่กว่า
จะสังเกตเห็นว่า หลัง comparative adjectives มักจะตามด้วย than ดังนั้น taller than, bigger than, smaller than แต่บางครั้งก็มีการเอ่ยถึงสิ่งนั้นในเชิงการเปรียบเทียบกับอีกสิ่งที่ไม่ได้เอ่ยขึ้นมา แต่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าเป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งนั้น ก็เพียงแต่บอกถึงสิ่งที่ “…มากกว่า” เท่านั้นก็พอ อย่างนี้ไม่ต้องมี than กล่าวโดยสรุป พอจะเขียนโครงสร้างให้จำง่ายได้ดังนี้
NOUN 1 + comparative adjective + than + NOUN 2
หรือ
NOUN 1 /NOUN 2 + comparative adjective
(หมายเหตุ เครื่องหมาย / หมายถึง “หรือ”)
ลองดูตัาอย่างเพิ่มเติม
My book is thicker than yours, (yours = your book)
หนังสือของผมหนากว่าหนังสือของคุณ
My book is thicker.
หนังสือของผมหนากว่า
Your book is thinner.
หนังสือของคุณบางกว่า
Riding a motorbike is more dangerous than driving a car.
การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์อันตรายกว่าการขับรถยนต์
Riding a motorbike is more dangerous.
การขับขี่รถมอเตอร์ไซด์อันตรายกว่า
Driving a car is safer.
การขับรถยนต์ปลอดภัยกว่า
David’s kitchen is dirtier than mine.
ครัวของเดวิดสกปรกว่าครัวของผม
David’s kitchen is dirtier.
ครัวของเดวิดสกปรกกว่า
My kitchen is cleaner.
ครัวของผมสะอาดกว่า
หากต้องการเน้นปริมาณมากน้อยของ comparative adjectives ก็สามารถทำได้โดยวางคำหรือวลีดังต่อไปนี้ข้างหน้า comparative adjectives ได้แก่ (very) much, a lot, a little, a (little) bit, rather, หริอ far (= very much)
ตัวอย่าง
Ridding a motorbike is much more dangerous than driving a car.
การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์อันตรายกว่าการขับรถยนต์เป็นอย่างมาก
David’s kitchen is very dirty. Mine is a little bit cleaner.
ครัวของเดวิดสกปรกมาก ครัวของผมสะอาดกว่าเล็กน้อย
อาจจะมีคำถามว่า จะวาง comparative adjectives 2 คำ ซ้อนกันโดย ไม่มีคำเชื่อมระหว่าง comparative adjectives ได้ไหม คำตอบคือ “ไม่ได้” แต่ถ้ามีคำเชื่อมระหว่าง comparative adjectives สามารถทำได้
ตัวอย่าง
X The weather is getting more colder.
/ The weather is getting colder and colder.
อากาศหนาวเย็นขึ้นๆ
X David’s kitchen is dirty, but mine is more cleaner.
/ David’s kitchen is dirty. Mine is a lot cleaner.
ครัวของเดวิดสกปรก ครัวของผมสะอาดกว่ามาก
2. ใช้ the + comparative clause, the + comparative clause เพื่อ แสดงว่าสองสิ่งนั้นผันแปรไปตามกัน ลักษณะโครงสร้างดังกล่าวนี้ เรียกว่า double comparatives เนื่องจากทั้ง 2 clauses เริ่มต้นแต่ละ clause ด้วย the + comparative adjective/adverb + ฉะนั้นจึงใช้โครงสร้าง
The + comparative clause, the + comparative clause
ตัวอย่าง
The smaller a car is, the easier it is to park.
ยิ่งรถยนต์มีขนาดเล็กลงเท่าไร ก็ยิ่งหาที่จอดได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
The colder the weather, the higher my heating bills are.
ยิ่งอากาศหนาวเย็นลงเท่าใด ค่าใช้จ่ายด้านเครื่องทำความร้อนก็สูงขึ้นเท่านั้น
การใช้ superlatives
1. ใช้ superlative หรือขั้นสุด เมื่อมีการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งในจำนวนตั้งแต่สามขึ้นไป (แสดงว่า ต้องมีจำนวนตั้งแต่ 3 ถึงจะใช้ superlative ได้) โดยใช้โครงสร้าง.
the + superlative adjective/the + most/least + adjective)
ตัวอย่าง
Martin is the tallest of the three children.
มาร์ตินสูงที่สุดในจำนวนเด็กทั้งสามคน
The river Danube is the shortest.
แม่น้ำดานูบสั้นที่สุด
The river Nile is the longest.
แม่นํ้าไนล์ยาวที่สุด
John’s house is the least expensive.
บ้านของจอห์นแพงน้อยที่สุด
Bill’s house is the most expensive.
บ้านของบิลแพงที่สุด
หน้า superlative adjectives อาจจะเสริมด้วยคำหรือวลีต่อไปนี้ก็ได้ คือ easily หรือ by far ทั้งนี้เพื่อให้การเน้นย้ำมากเป็นพิเศษนั่นเอง
ตัวอย่าง
The Nile is by far the longest river in the world.
แม่น้ำไนล์นับเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก
What’s easily the most interesting book you’ve ever read? หนังสือที่นับว่าน่าสนใจที่สุดที่คุณเคยอ่านมาคืออะไร
ข้อสังเกต จะเห็นได้ว่า เมื่อใช้ superlative adjectives ในประโยคจะต้องวางคำว่า the ข้างหน้าคุณศัพท์ขั้นสุดนั้นทุกครั้ง
เปรียบเทียบคาามเท่า (as + Adj + as)
นอกเหนือจากการเปรียบเทียบความต่างเป็น มากกว่า/น้อยกว่า และมากที่สุด/น้อยที่สุด ยังมีการเปรียบเทียบความเท่ากัน โดยใช้โครงสร้าง as + adjective + as และ ไม่เท่ากัน โดยใช้โครงสร้าง not as/so + adjective + as หรือ less + adjective + than ทั้งนี้ใช้ได้เฉพาะกับการเปรียบเทียบ 2 สิ่งเท่านั้น
ตัวอย่าง
Judy is as tall as Martin.
จูดี้สูงเท่ากับมาร์ติน
Somchai’s house is not as expensive as Wirat’s house.
บ้านของสมชายราคาไม่แพงเท่ากับบ้านของวิรัตน์
= Somchai’s house is less expensive than Wirat’s house.
บ้านของสมชายแพงน้อยกว่าบ้านของวิรัตน์
เปรียบเทียบความมากกว่า/น้อยกว่าของนาม (more/less/fewer + Noun + than)
นอกจากจะสามารถเปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่งหรือบุคคลสองคนที่เกี่ยวเนื่องกับคุณสมบัติซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Adjectives แล้ว ยังสามารถเปรียบเทียบความมากปริมาณหรือจำนวนกว่า (more…than), น้อยปริมาณกว่า (less…than) หรือน้อยจำนวนกว่า (fewer…than) ของ Nouns ได้ด้วย โดยใช้โครงสร้าง
more + Countable/Uncountable Noun + than + Countable/ Uncountable Noun
หรีอ
fewer + Countable Noun + than + Countable Noun
หรือ
less + Uncountable Noun + than + Uncountable Noun
หมายเหตุ Countable Noun หมายถึง คำนามนับได้
Uncountable Noun หมายถึง คำนามนับไม่ได้ เครื่องหมาย/ หมายถึง “หรือ”
ตัวอย่าง
There’s more steak than chicken.
มีเนื้อสเต้กมากกว่าเนื้อไก่
There’s less chicken than steak.
มีเนื้อ ไก่น้อยกว่าเนื้อสเต้ก
There are more peaches than bananas in the bowl.
มีลูกพีชมากกว่ากล้วยในชาม
There are fewer bananas than peaches in the bowl.
มีกล้วยจำนวนน้อยกว่าลูกพีชในชาม
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
I eat more oranges than apples.
ผมกินส้มมากกว่าแอปเปิล
Canned food has fewer vitamins than frozen food.
อาหารกระป๋องมีวิตามินน้อยกว่าอาหารแช่แข็ง
There is less sugar than salt in this sauce.
มีนํ้าตาลน้อยกว่าเกลือในซอสชนิดนี้
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล
(Visited 200,006 times, 1 visits today)
Comparisons การเติม er / est / more / most
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
สรุปการเปรียบเทียบขั้นเท่า ขั้นกว่า ขั้นสูงสุด
แกรมมาร์เรื่อง Comparison การเปรียบเทียบ adjective กับ adverb แบบ comparative superlative
จะใช้ as..as หรือ er / est หรือ more /most
ลองทำแบบฝึกหัดสั้นๆ ในคลิป
[ฝาก Like + Subscribe 🤍]
👇
IG : bewbamtv
FB : bewbamtv
www.bewbamtv.com
bewbamtv
บิวแบมทีวี
แจกฟรี! คู่มือเอาตัวรอดในวิชาภาษาอังกฤษ📍📍📍 FREE English Grammar Notes by BewBamTV🔖https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1458861710939595\u0026id=100004473400806🔖
การใช้ Most / Most of / the most
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀
Ep.10 (1/2) การใช้ Wish ใช้อย่างไร | More Past คืออะไร รู้เรื่องนี้ เข้าใจได้อีกหลายเรื่อง |Advanced
Wish และ More past เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พบบ่อยมากในข้อสอบต่างๆ หากรู้เรื่องนี้แล้ว จะทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆตามมา เช่น if clause และ indirect sentences เป็นต้น
รู้อย่างนี้แล้ว เรามาเรียนกันดีกว่า จะรออะไรเนอะ
ดูคำอธิบายจากคลิปแล้ว โหลดแบบฝึกหัดมาทำกันได้เลยที่นี่ค่า
👉 https://drive.google.com/file/d/1A9xbQCYGw8Ie308x8nIDnzPQebnkYQr/view?usp=sharing
หลังจากทำแบบฝึกหัด เราก็มาต่อกันด้วยคลิปเฉลย ตามด้านล่างนี้นะคะ
👉 https://youtu.be/p8MdyVa82A4
▶ คลิปสอนการใช้ v.ช่วย + V.แท้ 👉 https://youtu.be/ErKKrSGmjmg
คลิปนี้ครูปัดให้อยู่ระดับ 🟢 คือค่อนข้างสูงถึงขั้นสูงนะคะ
คนที่เก่งแล้วก็มาทบทวนกันได้ค่ะ
.
ครูปัดแบ่งผู้เรียนเป็น 3 ระดับค่ะ
🔴 ระดับเริ่มต้น… แบบยังรู้น้อยๆ ค่อยๆเดินเตาะแตะ
🔵 ระดับกลาง… พอรู้อะไรๆมาบ้างแล้ว เรื่องยากนิดหน่อยก็พอไหว
🟢 ระดับค่อนข้างสูง… คนเรียนมีพื้นความรู้แน่นมากพอสมควรแล้ว และสามารถเข้าใจเรื่องยากๆได้โดยไม่ลำบาก
พร้อมแล้ว…มาลุยกันเลยจ้า…
wish more_past onetenseback unreal englishgrammar grammar advancedgrammar advancedenglishgrammar
The Alphabet Chant + More | ABC Songs | Super Simple Songs
Check out the Super Simple App for iOS! ► http://apple.co/2nW5hPd
😀 Learn the ABCs with The Alphabet Chant plus a few more of our favorite ABCD songs and chants!
Listen to Super Simple Songs on Spotify: https://spoti.fi/2ofnaZg
Listen to Super Simple Songs on Apple Music: https://apple.co/2pBcg0j
Or, just ask your smart speaker to play Super Simple Songs!
PARENTS AND TEACHERS: Thank you so much for watching Super Simple Songs with your families and/or students. If your young ones are watching without supervision, we recommend some of the following viewing options:
► SUPER SIMPLE APP http://bit.ly/SuperSimpleApp
Be the first to watch new Super Simple videos in the Super Simple App! Adfree and designed for young learners.
► DOWNLOAD http://bit.ly/SuperSimpleShop
Videos from all Super Simple channels are available for purchase at the Super Simple online shop. You can also find some DVDs there.
► YOUTUBE KIDS http://bit.ly/YouTubeKids
Designed to make it safer and simpler for young ones to watch online video, YouTube Kids includes a suite of parental controls so you can tailor the experience to suit your family’s needs.
► AMAZON VIDEO
Are you an Amazon Prime member? Watch Super Simple videos adfree on Amazon Prime Video. Just search for “Super Simple.”
► KHAN ACADEMY KIDS http://bit.ly/KhanKidsApp
Super Simple has partnered with Khan Academy on their latest app designed for preschoolers. You’ll find Super Simple Songs worked into the curriculum throughout the app.
► PLAYKIDS http://bit.ly/PlayKids
Do you have the PlayKids app? You can find many of our Super Simple Songs and programs in the app!
FREE SUPER SIMPLE TEACHING RESOURCES: http://bit.ly/SSFreeResources
SOCIAL MEDIA:
Super Simple Newsletter Sign Up: http://bit.ly/SuperSimpleSignUp
Facebook: http://bit.ly/SuperSimpleFacebook
Instagram: http://bit.ly/SuperSimpleInsta
Twitter: http://bit.ly/SuperSimpleTwitter
Pinterest: http://bit.ly/SuperSimplePinterest
Super Simple Songs® and Super Simple Learning® are registered trademarks of Super Simple Learning, Inc.
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ more การใช้