Skip to content
Home » [NEW] จิตรกรเอกของโลกกับ 10 ผลงานชิ้นเอก | บรรยาย ภาพ – NATAVIGUIDES

[NEW] จิตรกรเอกของโลกกับ 10 ผลงานชิ้นเอก | บรรยาย ภาพ – NATAVIGUIDES

บรรยาย ภาพ: คุณกำลังดูกระทู้

คนที่จะเป็นศิลปินชั้นยอดได้นั้นจะต้องเปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความสามารถในการสร้างงานศิลปะที่โดดเด่น มีผลงานเป็นที่ยอมรับและชื่นชอบแก่ผู้คนทั่วไป ศิลปินเอกของโลกในแต่ละยุคแต่ละสมัยล้วนเป็นอัฉริยบุคคลที่เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์และความสามารถเอกอุ สร้างผลงานศิลปะที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบลุ่มหลง เป็นที่กล่าวขานยกย่องมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน ผู้คนล้วนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสได้ชื่นชมผลงานชิ้นเอกของศิลปินระดับโลกเหล่านั้นให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยสายตาของตัวเอง

และต่อไปนี้คือ 10 ศิลปินเอกของโลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดตลอดกาล กับ 10 ผลงานชิ้นเอกของพวกเขา

1. เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci)Leonardo-da-Vinci-00

ดา วินชี เป็นศิลปินผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งยุคเรอเนสซองส์ เกิดที่หมู่บ้าน Vinci ใกล้เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมื่อปี 1452 เขาเติบโตและเรียนศิลปะที่บ้านเกิดจนมีอายุได้ 20 ปีจึงได้เป็นศิลปินมืออาชีพอย่างเต็มตัว เริ่มมีผลงานที่ฉายแววความเป็นอัฉริยะด้านศิลปะด้วยภาพ Adoration of the Magi ก่อนที่จะออกจากฟลอเรนซ์ไปอยู่ที่เมืองมิลานในปี 1482 ดา วินชี ทำงานอยู่ที่มิลานนานถึง 17 ปี พร้อมกับสร้างผลงานชั้นยอดมากมาย รวมทั้ง The Last Supper, Virgin of the Rocks, Lady with an Ermine และ Vitruvian Man ที่เป็นหนึ่งในบรรดาภาพสเก็ตช์อันลือลั่นซึ่งเป็นความสามารถที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากจะมีใครเทียบได้

ปี 1503 ดา วินชี กลับมาอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์อีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้ได้สร้างผลงานภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ‘Mona Lisa’ เขาใช้เวลาในการเขียนภาพสุดพิเศษนี้นานหลายปี ในปี 1515 ดา วินชี เดินทางไปกรุงปารีสเพื่อรับตำแหน่งจิตรกรเอกและวิศวกรของราชสำนักฝรั่งเศส พร้อมกับหิ้วภาพสุดรักสุดหวงที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ไปด้วย แล้วไม่ได้กลับมาที่อิตาลีอีกเลย

ดา วินชี เสียชีวิตในปี 1519 มีอายุรวม 67 ปี ทิ้งผลงานชั้นยอดไว้มากมายทั้งผลงานด้านศิลปะและด้านวิทยาศาสตร์ ดา วินชี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รอบรู้ เชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆเกือบทุกสาขา เป็นศิลปินเอก นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ ฯลฯ เขาคือ ‘บุรุษแห่งยุคเรอเนสซองส์’ อย่างแท้จริง

10 ผลงานชิ้นเอกของเลโอนาร์โด ดา วินชี

Leonardo-da-Vinci-00

Mona Lisa

 

Leonardo-da-Vinci-02

The Last Supper

Leonardo-da-Vinci-03

Virgin of the Rocks

Leonardo-da-Vinci-04

Lady with an Ermine

Leonardo-da-Vinci-05

Portrait of Ginevra de’ Benci

Leonardo-da-Vinci-06

Madonna Litta

Leonardo-da-Vinci-07

The Adoration of the Magi

Leonardo-da-Vinci-08

St. John the Baptist

Leonardo-da-Vinci-09

Vitruvian Man

Leonardo-da-Vinci-10

Self-portrait in Red Chalk

 

2. ปาโบล ปีกัสโซ (Pablo Picasso)Pablo-Picasso-00

ปีกัสโซ เป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งศิลปะสมัยใหม่ เกิดเมื่อปี 1881 ที่เมืองมาลากา ประเทศสเปน เขาเติบโตและเรียนหนังสือในสเปน แต่ไปปักหลักอาศัยอยู่ที่ปารีสอย่างถาวรตั้งแต่ปี 1900 ผลงานของปีกัสโซมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงตามห้วงเวลาในช่วงชีวิตและแนวคิดในการสร้างสรรค์ ช่วงแรกเรียกว่ายุคสีน้ำเงิน (Blue Period) ใช้สีฟ้ากับฟ้าอมเขียวเป็นหลัก ภาพออกมาในโทนหม่นหมองเศร้าซึม ภาพที่โดดเด่นในยุคนี้ได้แก่ The Old Guitarist และ La Vie ถัดมาเป็นยุคสีชมพู (Rose Period) ภาพจะมีสีสันสดใสมากขึ้นด้วยสีส้มและสีชมพู มักจะมีลายข้าวหลามตัดและนักแสดงละครสัตว์เป็นส่วนประกอบ ภาพเด่นยุคนี้คือ Boy with a Pipe และ Family of Saltimbanques

ปี 1907 ปีกัสโซได้เปลี่ยนสไตล์ด้วยการเขียนภาพ Les Demoiselles d’Avignon ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแอฟริกา ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ในยุคต่อมาคือศิลปะแบบคิวบิสม์ (Cubism) ผลงานสำคัญของปีกัสโซในยุคนี้ได้แก่ Three Musicians และ Girl before a Mirror ในปี 1937 ปีกัสโซได้เขียนภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา ‘Guernica’ ซึ่งนำเสนอภาพสัญลักษณ์ที่สะท้อนความโหดร้ายและความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอันเป็นผลพวงจากสงคราม

ปีกัสโซได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินเอกของโลกตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ มีโอกาสได้ชื่นชมกับความสำเร็จของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตที่ร่ำรวยหรูหรา ไม่ได้เป็นศิลปินไส้แห้งแบบคนอื่น ปีกัสโซเสียชีวิตในปี 1973 ด้วยวัย 91 ปี ฝากผลงานอันทรงคุณค่าให้โลกได้ชื่นชมด้วยภาพเขียนกว่า 13,000 ภาพและงานศิลปะอื่นอีกมากมาย สมกับเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์มากที่สุดในศตวรรษที่ 20

10 ผลงานชิ้นเอกของปาโบล ปีกัสโซ

Pablo-Picasso-01

Guernica

 

Pablo-Picasso-02

Boy with a Pipe

Pablo-Picasso-03

Les Demoiselles d’Avignon

Pablo-Picasso-04

The Old Guitarist

Pablo-Picasso-05

The Weeping Woman

Pablo-Picasso-06

La Vie

Pablo-Picasso-07

Three Musicians

Pablo-Picasso-08

Nude, Green Leaves and Bust

Pablo-Picasso-09

Family of Saltimbanques

Pablo-Picasso-10

Girl before a Mirror

 

3. ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo)Michelangelo-00

ไมเคิลแองเจโล เป็นทั้งจิตรกร ประติมากร และสถาปนิก เป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเรอเนสซองส์ทัดเทียมกับเลโอนาร์โด ดา วินชี เขาเกิดเมื่อปี 1475 ที่เมืองอาเรซโซ ประเทศอิตาลี แต่ไปเล่าเรียนและเติบโตที่เมืองฟลอเรนซ์ อายุ 15 ปีก็เริ่มมีผลงานด้านประติมากรรม ปี 1497 เดินทางไปทำงานที่กรุงโรม และเมื่ออายุ 24 ปี ไมเคิลแองเจโลได้สร้างงานประติมากรรมชิ้นสำคัญของโลกคือ Pietà

เขากลับมาที่ฟลอเรนซ์ในปี 1499 คราวนี้เขามีโอกาสทำงานชิ้นสำคัญที่ค้างเติ่งมาเกือบ 40 ปีคืองานแกะสลักรูปเดวิด (David) เขารับงานนี้ตอนอายุ 26 ปี ใช้เวลาราว 4 ปีจึงแล้วเสร็จและกลายเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา ระหว่างเวลาช่วงนี้ไมเคิลแองเจโลยังได้สร้างผลงานอีกหลายชิ้น รวมทั้งภาพเขียน Doni Tondo และ Manchester Madonnaม

ปี 1505 ไมเคิลแองเจโลกลับมาที่โรมอีกครั้งเพื่อรับงานสร้างสุสานของพระสันตะปาปา Pope Julius II ซึ่งมีผลงานรูปแกะสลัก Moses และ Dying Slave รวมอยู่ด้วย และในระหว่างนี้เองเขาก็ได้สร้างผลงานสำคัญยิ่งใหญ่อีกชิ้นหนึ่งคือภาพเขียนบนเพดานโบสถ์น้อยซิสติน (Sistine Chapel Ceiling) บนพื้นที่กว่า 500 ตรม. ประกอบด้วยภาพกว่า 300 ภาพ และหนึ่งในนั้นเป็นภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือ The Creation of Adam

ไมเคิลแองเจโลกลับไปทำงานที่ฟลอเรนซ์อีก คราวนี้นานกว่า 20 ปีก่อนจะได้กลับมาที่โรม ปี 1534 เขาได้สร้างภาพเขียนชิ้นใหญ่บนผนังแท่นบูชาที่โบสถ์น้อยซิสตินคือภาพ The Last Judgement ที่ใช้เวลาทำถึง 8 ปี และในปี 1546 เขาได้รับงานใหญ่ชิ้นสุดท้ายคือการออกแบบมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่มีโดมใหญ่เด่นสง่าเป็นสัญลักษณ์ เขาเสียชีวิตในปี 1564 ด้วยวัย 88 ปี ก่อนที่โดมจะสร้างเสร็จ

10 ผลงานชิ้นเอกของไมเคิลแองเจโล

Michelangelo-01

David

 

Michelangelo-02

Pieta

Michelangelo-03

Madonna of Bruges

Michelangelo-04

Dying Slave

Michelangelo-05

Creation of Adam

Michelangelo-06

The Last Judgement

Michelangelo-07

Doni Tondo

Michelangelo-08

Manchester Madonna

Michelangelo-09

The Battle of Cascina

Michelangelo-10

Basilica of Saint Peter

 

4. วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent van Gogh)Vincent-van-Gogh-00.jpg

แวนโก๊ะเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก ผลงานของเขาโดดเด่นด้วยความงดงาม เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก และมีสีสันสดใส แต่ชีวิตจริงของเขากลับหม่นหมองทุกข์ระทม เขาเกิดที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 1853 เป็นเด็กที่เคร่งขรึมจริงจังและคิดมาก เขาต้องทำงานหลายอย่างตั้งแต่เป็นวัยรุ่น แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ ก่อนที่จะหันมาสนใจและเริ่มต้นเขียนภาพในวัย 27 ปี และในปี 1885 เขาก็มีผลงานสำคัญชิ้นแรกคือ The Potato Eaters

ปี 1886 แวนโก๊ะย้ายไปอยู่ที่กรุงปารีสที่ซึ่งเขาได้เรียนรู้เทคนิคและแนวทางใหม่ในการเขียนภาพ ได้พบกับศิลปินยุคนั้นหลายคนรวมทั้งปอล โกแก็ง เขาได้พัฒนาฝีมือในการเขียนภาพและสร้างแนวทางของตัวเองที่มีสีสันสดใสขึ้น ต่อมาในปี 1888 เขาย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสที่เมือง Arles และ Saint-Rémy ที่อยู่ใกล้กัน สองปีที่นี่เป็นจุดสูงสุดของการเป็นศิลปินของแวนโก๊ะ เขาสร้างผลงานชั้นยอดมากมายที่นี่ เช่น Sunflowers, Café Terrace at Night, Irises รวมทั้งผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา The Starry Night

แวนโก๊ะต้องทนทุกข์กับความเจ็บป่วยและอาการโรคจิตผิดปกติ เขาไม่ค่อยใส่ใจต่อสุขภาพ ไม่ค่อยกินอาหารแต่ดื่มจัด เคยคลุ้มคลั่งถึงขั้นใช้มีดโกนตัดใบหูข้างซ้ายของตัวเอง จนในที่สุดเขาก็จบชีวิตด้วยการยิงตัวเองเมื่อปี 1890 ด้วยวัยเพียงแค่ 37 ปี

แวนโก๊ะเหมือนเป็นผู้แพ้ตลอดมา ชีวิตล้มเหลว ถูกประนามว่าเป็นคนบ้า แต่ในช่วงเวลาเพียง 10 ปีของการเป็นจิตรกร เขามีผลงานภาพเขียนกว่า 800 ภาพ แม้ว่าตลอดชีวิตเขาจะขายภาพเขียนได้เพียงภาพเดียว คนซื้อยังเป็นเพื่อนศิลปินของเขาเอง แต่จากฝีแปรงที่หยาบและหนาไม่เหมือนใครกลับถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น หลังจากเขาเสียชีวิตภาพเขียนของเขากลับโด่งดังเป็นที่ต้องการ แต่ละภาพถูกซื้อขายด้วยราคาที่แพงลิบลิ่ว

10 ผลงานชิ้นเอกของวินเซนต์ แวนโก๊ะ

Vincent-van-Gogh-01

The Starry Night

 

Vincent-van-Gogh-02

Sunflowers

Vincent-van-Gogh-03

Irises

Vincent-van-Gogh-04

Wheat Field with Cypresses

Vincent-van-Gogh-05

Café Terrace at Night

Vincent-van-Gogh-06

Portrait of Dr. Gachet

Vincent-van-Gogh-07

Almond Blossoms

Vincent-van-Gogh-08

Self-Portrait without Beard

Vincent-van-Gogh-09

Starry Night Over the Rhone

Vincent-van-Gogh-10

The Potato Eaters

 

5. แรมบรันต์ (Rembrandt)Rembrandt-00

แรมบรันต์เป็นทั้งจิตรกร ช่างพิมพ์ และช่างเขียนแบบ เป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะ ผลงานของเขามีส่วนทำให้เนเธอร์แลนด์เข้าสู่ยุคทองที่รุ่งเรืองสุดขีดในช่วงศตวรรษที่ 17 แรมบรันต์ศึกษาและเรียนศิลปะที่บ้านเกิดจนอายุได้ 19 ปี จึงไปเรียนศิลปะที่อัมสเตอร์ดัมช่วงสั้นๆกับศิลปินดังยุคนั้น แล้วกลับมาทำงานเป็นศิลปินที่บ้านเกิด เขามีชื่อเสียงตั้งแต่วัยเยาว์ มีลูกศิษย์คนแรกที่ต่อมาเป็นศิลปินดังเช่นกันตั้งแต่อายุ 22 ปี

ปี 1632 แรมบรันต์ย้ายไปปักหลักอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม แต่งงานและมีสตูดิโอของตัวเอง สร้างผลงานชั้นยอดมากมายที่นี่ เช่น The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp, Danaë และ The Night Watch ที่เป็นผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา

ผลงานของแรมบรันต์มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องแสงและเงา ที่ทำให้ภาพสวยงามดูมีมิติ สามารถบอกระยะตื้นลึกของภาพได้เสมือนจริง เป็นที่ยอมรับของนักวิทยาศาสตร์และนักศิลปศาสตร์จนนำชื่อของเขามาใช้เป็นหนึ่งในประเภทของการจัดแสงถ่ายภาพคือ Rembrandt Lighting

แม้ว่าแรมบรันต์จะประสบความสำเร็จในการเป็นศิลปิน คุณครู และผู้แทนจำหน่ายงานศิลปะ แต่ด้วยการใช้ชีวิตที่โอ่อ่าอวดรวยจึงทำให้เขากลายเป็นบุคคลล้มละลายในปี 1656 ทรัพย์สมบัติของเขารวมถึงของสะสมที่เป็นงานศิลปะและวัตถุโบราณถูกนำออกประมูลขายเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ กระนั้นก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบกับการทำงานเลย เขายังคงสร้างผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตในปี 1669

10 ผลงานชิ้นเอกของแรมบรันต์

Rembrandt-01

The Night Watch

 

Rembrandt-02

The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp

Rembrandt-03

Danaë

Rembrandt-04

The Jewish Bride

Rembrandt-05

Bathsheba at Her Bath

Rembrandt-06

Belshazzar’s Feast

Rembrandt-07

Self-Portrait with Two Circles

Rembrandt-08

Flora

Rembrandt-09

Woman Bathing in a Stream

Rembrandt-10

Syndics of the Drapers’ Guild

 

6. โกลด มอแน (Claude Monet)Claude-Monet-00

มอแน เป็นผู้ริเริ่มศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์ เป็นจิตรกรคนสำคัญของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ถึง 20 เขาเกิดที่กรุงปารีสเมื่อปี 1840 แต่ไปเติบโตและเรียนศิลปะที่เมืองเลออาฟวร์ ในนอร์ม็องดีทางเหนือของฝรั่งเศส จนอายุ 19 ปีจึงได้มาล่าฝันการเป็นศิลปินต่อในกรุงปารีส ได้เรียนศิลปะเพิ่มและได้พบกับศิลปินที่มีความคิดต่อศิลปะแนวใหม่คล้ายๆกันหลายคน รวมทั้งเอดัวร์ มาแน และปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์ ในปี 1865 มอแนได้พบกับ Camille Doncieux ซึ่งมาเป็นนางแบบให้และต่อมาได้เป็นภรรยาคนแรกของเขา มอแนเขียนภาพที่มี Camille อยู่ในภาพด้วยจำนวนมาก ที่โดดเด่นได้แก่ Camille (The Woman in the Green Dress), Women in the Garden, Woman with a Parasol

มอแนกับเพื่อนหลายคนช่วยกันผลักดันภาพเขียนแนวใหม่จนได้จัดแสดงนิทรรศการครั้งแรกในกรุงปารีสเมื่อปี 1874 มอแนใช้ภาพ ‘Impression, Sunrise’ เป็นภาพหนึ่งในการจัดแสดงซึ่งต่อมาชื่อภาพถูกนำไปใช้เรียกศิลปะแนวใหม่ว่าอิมเพรสชันนิสม์ แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จและยังถูกต่อต้านจากกลุ่มนิยมศิลปะดั้งเดิม ทำให้มอแนต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นยาวนานถึง 20 ปี

ปี 1883 มอแนย้ายไปอยู่ที่เมืองจิแวร์นีย์ ในนอร์ม็องดี และทำสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ใช้เป็นสถานที่เขียนภาพไปตลอดจนถึงบั้นปลายของชีวิต ภาพชุด Water Lilies ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา เขียนจากสวนหลังบ้านของเขาเอง ช่วงหลังมอแนนิยมเขียนภาพชุดที่มีองค์ประกอบเดียวกันแต่ต่างมุมมอง ต่างเวลา ต่างสภาวะอากาศและแสงสี เกิดเป็นภาพชุดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย เช่น ชุด Rouen Cathedral, ชุด Poplars, ชุด Haystacks มอแนเสียชีวิตเมื่อปี 1926 ด้วยวัย 86 ปี ทิ้งผลงานให้ผู้คนได้ชื่นชมด้วยความ ‘ประทับใจ’ มากมาย

10 ผลงานชิ้นเอกของโกลด มอแน

Claude-Monet-01

Water Lilies

 

Claude-Monet-02

Impression, Sunrise

Claude-Monet-03

Women in the Garden

Claude-Monet-04

Woman with a Parasol – Madame Monet and Her Son

Claude-Monet-05

Camille (The Woman in the Green Dress)

Claude-Monet-06

Garden at Sainte-Adresse

Claude-Monet-07

Poppies

Claude-Monet-08

Rouen Cathedral at sunset

Claude-Monet-09

Three Trees in Grey Weather

Claude-Monet-10

Grainstacks at the End of the Summer, Morning Effect

 

7. โยฮัน เฟอร์เมร์ (Johan Vermeer)Johan-Vermeer-00

เฟอร์เมร์ เป็นชาวดัตช์ เกิดเมื่อปี 1632 ที่เมืองเดลฟท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาแต่งงานมีครอบครัวและอาศัยอยู่ที่เมืองเดลฟท์ตลอดชีวิต ไม่มีใครรู้เรื่องราวของเขามากนัก รู้เพียงว่าเขาทุ่มเทให้กับการเขียนภาพ เขาทำงานอย่างช้าๆด้วยความประณีต ประกอบกับเสียชีวิตไปด้วยวัยเพียง 43 ปี จึงมีผลงานค่อนข้างน้อย

เฟอร์เมร์ถูกลืมไปเกือบสองร้อยปีเนื่องจากผลงานของเขาถูกคิดว่าเป็นผลงานของคนอื่น จนกระทั่งในปี 1866 มีงานวิจัยของ Thoré-Bürger ที่เป็นนักวิจารณ์งานศิลปะได้ระบุว่ามีชิ้นงานกว่า 70 ภาพเป็นผลงานของเฟอร์เมร์ (ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานของเฟอร์เมร์ 34 ภาพ) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อเสียงของเฟอร์เมร์ก็เริ่มโด่งดังขึ้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในสมัยยุคทองของเนเธอร์แลนด์ ทัดเทียมกับแรมบรันต์

ผลงานของเฟอร์เมร์มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องการจัดแสง ภาพเขียนของเฟอร์เมร์ได้รับการยกย่องว่าเหมือนจริงที่สุด เหมือนกับภาพถ่ายมากที่สุด ซึ่งมาจากความประณีตในการเขียนภาพและเทคนิคการจัดแสงที่ยอดเยี่ยมของเขา จนช่างภาพในยุคหลังนิยมเอาเทคนิคการจัดแสงของเขามาใช้ในการถ่ายภาพ อย่างเช่นภาพ Girl With A Pearl Earring ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในผลงานของเขา สาวน้อยในภาพเหลียวหลังกลับมาในจังหวะที่แสงสาดมาตกกระทบทำมุมพอดีกับฉากหลังที่เป็นสีมืดทึบ ทำให้เธอโดดเด่นเป็นที่ชื่นชอบลุ่มหลงของผู้คนทั่วโลก

10 ผลงานชิ้นเอกของโยฮัน เฟอร์เมร์

Johan-Vermeer-01

Girl with a Pearl Earring

 

Johan-Vermeer-02

The Art of Painting

Johan-Vermeer-03

The Little Street

Johan-Vermeer-04

The Milkmaid

Johan-Vermeer-05

View of Delft

Johan-Vermeer-06

Woman Holding a Balance

Johan-Vermeer-07

The Astronomer

Johan-Vermeer-08

A Young Woman standing at a Virginal

Johan-Vermeer-09

The Lacemaker

Johan-Vermeer-10

Officer and Laughing Girl

 

8. ปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์ (Pierre-Auguste Renoir)Pierre-Auguste-Renoir-00

เรอนัวร์เป็นหนึ่งในผู้สร้างศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ให้ความสำคัญของการใช้สีสันสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าให้รายละเอียดที่เหมือนจริง งานของเรอนัวร์จะใช้สีสดใสมีชีวิตชีวา เน้นความสวยงามและเสน่ห์ของผู้หญิง เรอนัวร์เกิดในปี 1841 ที่เมือง Limoges ประเทศฝรั่งเศส แต่มาเติบโตที่กรุงปารีส เรียนศิลปะรุ่นเดียวกับโกลด มอแน เขาได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนภาพจากศิลปินรุ่นพี่หลายคนรวมทั้ง เอดัวร์ มาแน

เรอนัวร์มีผลงานเข้าร่วมในนิทรรศการศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์หลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ 3 ในปี 1877 ที่เขาส่ง Dance at Le Moulin de la Galette ภาพเขียนที่โด่งดังที่สุดของเขาเข้าร่วมด้วย แต่เขามาประสบความสำเร็จกลายเป็นศิลปินยอดนิยมด้วยภาพ Madame Georges Charpentier and Her Children ที่ได้จัดแสดงในปี 1879 เรอนัวร์แต่งงานกับ Aline Charigot ผู้เป็นนางแบบให้ในภาพ Luncheon of the Boating Party และ The Large Bathers

ราวปี 1892 เรอนัวร์เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ทำให้ต้องย้ายไปอยู่ในเมือง Cagnes-sur-Mer ที่มีอากาศอบอุ่นทางใต้ของประเทศ โรคข้ออักเสบทำให้เขาเคลื่อนไหวลำบาก แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ ยังคงเขียนภาพอย่างต่อเนื่อง โดยได้พัฒนาอุปกรณ์ช่วยให้เขาทำงานได้ แม้แต่ตอนที่อาการรุนแรงจนนิ้วมือเป็นอัมพาตขยับไม่ได้ เขายังใช้ผ้าผูกแปรงติดกับนิ้วมือเขียนภาพจนได้ สิ่งที่ปลอบประโลมใจเขาในปั้นปลายของชีวิตคือการได้กลับไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เพื่อดูภาพเขียนของเขาเองที่แขวนเคียงคู่อยู่กับศิลปินชั้นนำคนอื่นๆ เขาเสียชีวิตในปี 1919 ด้วยวัย 78 ปี

10 ผลงานชิ้นเอกของปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์

Pierre-Auguste-Renoir-01

Dance at Le Moulin de la Galette

 

Pierre-Auguste-Renoir-02

Luncheon of the Boating Party

Pierre-Auguste-Renoir-03

Two Sisters (On the Terrace)

Pierre-Auguste-Renoir-04

The Large Bathers

Pierre-Auguste-Renoir-05

Dance at Bougival

Pierre-Auguste-Renoir-06

La Grenouillère

Pierre-Auguste-Renoir-07

Girls at the Piano

Pierre-Auguste-Renoir-08

The Theatre Box

Pierre-Auguste-Renoir-09

The Umbrellas

Pierre-Auguste-Renoir-10

Madame Georges Charpentier and Her Children

 

9. ซานโดร บอตติเชลลี (Sandro Botticelli)Sandro-Botticelli-00

บอตติเชลลีเป็นศิลปินที่โดดเด่นในยุคเรอเนสซองส์ตอนต้น ก่อนหน้ายุคของดา วินชีและไมเคิลแองเจโล เขาเกิดในปี 1445 ที่เมืองฟลอเรนซ์ ตอนเด็กฝึกเป็นช่างทอง พอเป็นวัยรุ่นจึงเปลี่ยนมาเป็นจิตรกร ผลงานส่วนใหญ่ทำให้กับตระกูลเมดิชีซึ่งเป็นผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์ บอตติเชลลีมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์อย่างยาวนานภายใต้การอุปถัมภ์ของตระกูลนี้ เคยเป็นคณะกรรมการพิจารณาที่ตั้งรูปแกะสลักเดวิดของไมเคิลแองเจโลร่วมกับดา วินชี แต่ในช่วงปั้นปลายชีวิตชื่อเสียงต้องตกต่ำด่างพร้อยตามผู้อุปภัมภ์ที่หมดอำนาจ เขาจึงไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร แต่ผลงานของเขามิได้ด้อยค่าลงยืนยงเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน

ภาพเขียนของบอตติเชลลีเป็นสไตล์โบราณ แต่โดดเด่นที่ความอ่อนหวานประณีตงดงาม อย่างเช่น ภาพ The Birth of Venus และ Primavera ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุด ไปจนถึงภาพ Portrait of a Young Woman และ Madonna of the Book บอตติเชลลียังได้ร่วมสร้างภาพเฟรสโกที่ผนังของโบสถ์น้อยซิสตินเช่นเดียวกับศิลปินชั้นนำในยุคนั้น แม้ว่าจะไม่ใช่งานที่เขาถนัดมากนักแต่ผลงานภาพ Trial of Moses ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

บอตติเชลลีหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Simonetta Vespucci แต่ไม่สมหวังเพราะเธอแต่งงานแล้ว หลายคนเชื่อว่าเธอคือนางแบบในภาพของบอตติเชลลีหลายภาพรวมทั้ง The Birth of Venus และ Portrait of a Young Woman ทั้งๆที่เธอเสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเขียนภาพเหล่านั้นหลายปี บอตติเชลลีเคยขอร้องไว้ว่าให้ฝังร่างของเขาไว้แทบเท้าของเธอ และความหวังของเขาก็เป็นจริงในอีก 34 ปีต่อมาเมื่อเขาเสียชีวิตในปี 1510

10 ผลงานชิ้นเอกของซานโดร บอตติเชลลี

Sandro-Botticelli-01

The Birth of Venus

 

Sandro-Botticelli-02

Primavera

Sandro-Botticelli-03

Adoration of the Magi

Sandro-Botticelli-04

Madonna of the Magnificat

Sandro-Botticelli-05

Fortitude

Sandro-Botticelli-06

Mars and Venus

Sandro-Botticelli-07

Portrait of a young woman

Sandro-Botticelli-08

Trials of Moses

Sandro-Botticelli-09

Portrait of a Man with a Medal of Cosimo the Elder

Sandro-Botticelli-10

Madonna of the Book

 

10. ซัลบาโด ดาลี (Salvador Dalí)Salvador-Dali-00

ดาลีเป็นศิลปินแนวเหนือจริงเลื่องชื่อชาวสเปน เกิดในปี 1904 มีแววอัจฉริยะทางศิลปะที่มีความคิดเป็นของตัวเองแน่วแน่ไม่ตามใครมาตั้งแต่เด็ก อายุแค่ 14 ปีก็ได้แสดงนิทรรศการผลงานภาพเขียนของตัวเองแล้ว เข้าเรียนโรงเรียนศิลปะแต่ไม่เคยเข้าห้องสอบเพราะคิดว่าไม่มีใครตัดสิน “ศิลปะ” ได้ ถูกไล่ออกจากโรงเรียนสองครั้งเขาก็ไม่ใส่ใจ ยังคงสนใจเรียนรู้ด้านศิลปะต่อเนื่อง เขาศึกษางานของศิลปินชั้นครูรุ่นก่อนอย่างหลากหลายทั้งแนวคลาสสิคและสมัยใหม่ รวมทั้งงานของราฟาเอล เฟอร์เมร์ และปีกัสโซที่เขาเคารพนับถือเป็นพิเศษ

ผลงานของดาลีแปลกแหวกแนวด้วยความคิดสร้างสรรค์ล้ำยุคและสไตล์การเขียนภาพในแบบฉบับของตัวเอง แต่ละภาพของเขาซ่อนความหมายให้ผู้ชมได้จินตนาการและตีความเอาเองด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ อย่างเช่นภาพ The Persistence of Memory หรือภาพนาฬิกาหลอมเหลวอันโด่งดังของเขา ก็ดูจะแฝงความหมายของการปฏิเสธว่าเวลาไม่ใช่เป็นสิ่งที่กำหนดตายตัวที่ทำให้นึกถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์

ดาลีได้สร้างผลงานไว้มากมาย ภาพเขียนกว่า 1,500 ภาพ และยังมีงานด้านอื่นๆ เช่น ประติมากรรม ภาพยนตร์ แฟชั่น สถาปัตยกรรม ฯลฯ ตลอดชีวิตเขาคงเอกลักษณ์ความแปลกไม่เหมือนใครทั้งผลงานและชีวิตจริง เขาเคยเข้าร่วมกับกลุ่มลัทธิเหนือจริงแต่ไม่ทำตามกฎเกณฑ์จนถูกขับออกจากกลุ่ม เขาไม่ใส่ใจแถมบอกว่าเขาต่างหากที่เป็นพวกเหนือจริงตัวจริง ดาลีนับเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีผลงานโดดเด่นและมีอิทธิพลต่อวงการศิลปะมากที่สุดในศตวรรษที่ 20

10 ผลงานชิ้นเอกของซัลบาโด ดาลี

Salvador-Dali-01

The Persistence of Memory

 

Salvador-Dali-02

Swans Reflecting Elephants

Salvador-Dali-03

The Great Masturbator

Salvador-Dali-04

Christ of Saint John of the Cross

Salvador-Dali-05

Soft Construction with Boiled Beans

Salvador-Dali-06

The Burning Giraffe

Salvador-Dali-07

Metamorphosis of Narcissus

Salvador-Dali-08

Galatea of the Spheres

Salvador-Dali-09

Dream Caused by the Flight of a Bee Around a Pomegranate

Salvador-Dali-10

The Elephants

 

นอกจาก 10 ท่านนี้แล้วยังมีศิลปินเอกของโลกที่มีผลงานทัดเทียมกันอีกมาก เช่น ราฟาเอล, การาวัจโจ, ฌาค-หลุยส์ ดาวิด, ฌ็อง-โอกุสต์-ดอมีนิก แอ็งกร์, เอดัวร์ มาแน, กุสตาฟ คลิมต์, เอ็ดเวิร์ด มุงค์ และอีกหลายท่าน ซึ่งต้องขอบคุณศิลปินชั้นครูเหล่านี้ที่ได้สร้างผลงานให้โลกได้ชื่นชมอย่างมีความสุขตลอดมา

 

ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, the official websites of the artists

[NEW] 10 ผลงานชิ้นเด่นของแวน โก๊ะ ศิลปินเอกของโลกผู้มีประวัติแสนโศกเศร้า | บรรยาย ภาพ – NATAVIGUIDES

แวน โก๊ะ ศิลปินเอกของโลกกับผลงานชิ้นเอกของเขา ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของ Vincent van Gogh ได้เป็นอย่างดี สมกับความเป็นงานศิลปะที่มีมูลค่าหลักพันล้าน !

แวนโก๊ะ

ภาพจาก Anton_Ivanov / Shutterstock.com

 

         

ถ้าเอ่ยชื่อแวน โก๊ะ ขึ้นมา
ทุกคนก็คงพอทราบกันดีว่านี่คือชื่อเสียงเรียงนามของจิตรกรเอกของโลก
ผู้มีผลงานศิลปะเป็นเอกลักษณ์และโด่งดังอยู่หลายชิ้นด้วยกัน
โดยที่อาจจะไม่เคยชมภาพวาดของแวน โก๊ะ กับตาตัวเองเลยก็ตาม
ดังนั้นกระปุกดอทคอมจะขอพาทุกคนไปรู้จักศิลปินเอกของโลกที่มีชื่อว่า
แวน โก๊ะ พร้อมกับนำภาพวาดของแวน โก๊ะ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังถึง 10
ชิ้นมาให้ชมค่ะ

แวนโก๊ะ

ภาพจาก vincentvangogh.org

 

แวน โก๊ะ ประวัติศิลปินเอกของโลกที่แสนโศกเศร้า

          วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent van Gogh) เป็นศิลปินเอกชาวเนเธอร์แลนด์
เขาเกิดวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853
ชีวิตวัยเด็กของแวน โก๊ะ ไม่ได้สวยหรูเท่าไร เขาต้องทำงานตั้งแต่อายุได้เพียง
16 ปี และเปลี่ยนงานอยู่เนือง ๆ กระทั่งอายุได้ 27 ปี
แวน โก๊ะ ก็ผันตัวเองมาเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว ซึ่งใน 5 ปีต่อมา
แวน โก๊ะ ก็มีผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกนั่นก็คือ ภาพวาด The Potato Eaters

         

ขณะที่เป็นศิลปิน แวน โก๊ะ ก็เดินทางไปยังหลาย ๆ ประเทศในแถบยุโรป
และในช่วงชีวิตที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส แวน โก๊ะ ก็ได้พบกับศิลปินหลาย ๆ
คนด้วยกัน จุดนี้ทำให้เขาได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ
และได้รับแรงบันดาลใจในการวาดภาพให้สว่างและมีสีสันมากขึ้น
กระทั่งเขาได้สร้างสรรค์ผลงานชุดดอกทานตะวัน (Sunflowers,1888) ขึ้นมา

แวนโก๊ะ

ภาพจาก Martien van Gaalen / Shutterstock.com

   
    ทว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เองที่ แวน โก๊ะ
เริ่มแสดงอาการป่วยทางจิตเวชให้เห็น
โดยในวันหนึ่งเขามีอาการคลุ้มคลั่งถึงขั้นใช้มีดโกนตัดใบหูข้างหนึ่งของเขา
และนับตั้งแต่นั้น แวน โก๊ะ
ก็เข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชตลอดเวลาเพราะป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
กระทั่งในวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1890
แวน โก๊ะ ได้พยายามทำร้ายตัวเองด้วยการยิงตัวตาย
และสุดท้ายเขาก็จบชีวิตลงในอีก 2 วันต่อมา ด้วยอายุเพียง 37 ปีเท่านั้น

แวนโก๊ะ

ภาพจาก Nataliia Zhekova / Shutterstock.com

   
   

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงชีวิตของการเป็นศิลปิน
แวน โก๊ะ ได้สร้างสรรค์ผลงานกว่า 800 ภาพ
และแม้เขาจะขายภาพวาดได้เพียงภาพเดียวในตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่
แต่หลังจากที่แวน โก๊ะ จบชีวิตลง
ภาพวาดของเขากลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
และเขายังได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินเอกของโลก
ด้วยเอกลักษณ์ของลายพู่กันที่หยาบ
แต่หนักแน่นและสื่ออารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม
รวมไปถึงองค์ประกอบและการใช้สีของภาพที่แวน โก๊ะ วาดก็เป็นเลิศมาก ๆ
ถึงขนาดกาลเวลาจะผ่านมากว่าร้อยปี คุณภาพของภาพวาดก็ยังคงไม่ลบเลือนไป
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้จะมีการตั้งพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนของแวน โก๊ะ ขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในชื่อว่า Van Gogh Museum ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
เพื่อเป็นสถานที่ในการจัดแสดงภาพวาดของแวน โก๊ะ ทั้งหมดให้ชนรุ่นหลังได้ชมและศึกษาผลงานศิลปะของศิลปินเอกของโลกผู้นี้

แวนโก๊ะ

ภาพจาก www.hollandfoto.net / Shutterstock.com

          เอาล่ะ…คราวนี้เรามาชม 10 ผลงานชิ้นสำคัญของแวน โก๊ะ กันบ้างค่ะ

ภาพวาดที่มีชื่อเสียงของแวน โก๊ะ

1. Starry Night

แวนโก๊ะ

ภาพนี้ถูกวาดขึ้นในปี
ค.ศ. 1889 นับเป็นผลงานสำคัญในช่วงปลายชีวิตของเขา โดยมีบันทึกไว้ว่า
แวน โก๊ะ วาดภาพวิวนอกหน้าต่างห้องพักจากจินตนาการของตัวเอง
และด้วยภาพท้องฟ้าที่บรรจบกับผืนทะเล เป็นเกลียวคลื่นที่หมุนวน
แต่มีดวงจันทร์ลอยเด่น
สื่ออารมณ์ของแวน โก๊ะ ในขณะนั้นได้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังเผชิญกับความรู้สึกที่สับสนแต่ก็ยังคงไม่หมดความหวัง

2. Sunflowers

แวนโก๊ะ

3. The Starry Night Over The Rhone

แวนโก๊ะ

         

ภาพนี้ถูกวาดขึ้นในปี
ค.ศ. 1888 เป็นเวลาไล่ ๆ กันกับภาพ Starry Night โดยมีบันทึกไว้ว่า
แวน โก๊ะ นิยมวาดรูปท้องฟ้ายามค่ำคืนในช่วงนั้น
และภาพนี้ก็เป็นภาพวิวแม่น้ำยามค่ำคืนที่มีดาวกระจ่างฟ้า
โดยจะเห็นเอกลักษณ์ในการใช้สีและพู่กันของแวน โก๊ะ อย่างชัดเจนว่ามีความหนักแน่น
และเป็นภาพที่วางองค์ประกอบได้อย่างเหมาะเจาะ
โดยเฉพาะการลงแสงและเงาของภาพนี้ที่ส่งให้ภาพถ่ายทอดความโรแมนติกที่แฝงไปด้วยความลึกลับในช่วงรัตติกาล

4. Cafe’ Terrace at Night


แวนโก๊ะ

5. Irises

แวนโก๊ะ

         

ภาพวาดราคาแพงที่สุดของแวน โก๊ะ ก็คือภาพนี้เองค่ะ
โดยในปี ค.ศ. 1987 ภาพนี้ถูกขายในราคา 53.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายได้แซงภาพดอกทานตะวันไปในทันที โดยภาพนี้แวน โก๊ะ วาดเอาไว้เมื่อปี ค.ศ.
1889 ซึ่งเป็นช่วงปลายชีวิตของศิลปินเอกของโลกผู้นี้นั่นเอง

6. Almond Blossom

แวนโก๊ะ

7. Wheatfield with Crows

แวนโก๊ะ

         

ภาพทุ่งข้าวสาลียามค่ำคืนกับฝูงนกกาที่บินต่ำ
ภาพนี้เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกค่อนข้างรุนแรง
และเชื่อกันว่าเป็นภาพวาดสุดท้ายที่แวน โก๊ะ วาดทิ้งเอาไว้ก่อนที่เขาจะตัดสินใจยิงตัวตาย
โดยภาพนี้ถูกวาดขึ้นในปี ค.ศ. 1890

 

8. Red Vineyards at Arles

แวนโก๊ะ

          ภาพวาดในปี
ค.ศ. 1888 ซึ่งเป็นภาพวาดภาพเดียวที่แวน โก๊ะ ขายได้ในช่วงชีวิตของเขา
ซึ่งคนที่ซื้อภาพนี้ไปก็คือศิลปินหญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง
โดยแวน โก๊ะ ขายภาพนี้เพียง 400 ฟรังก์ (ตามค่าเงินของฝรั่งเศส) เท่านั้น

9. Self Portrait


แวนโก๊ะ

         

ในช่วงหลัง
ๆ แวน โก๊ะ เริ่มวาดรูปตัวเองบ่อยขึ้น
และนี่ก็จัดเป็นรูปพอร์เทรตที่ดีที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้
ที่สำคัญยังเป็นการวาดรูปตัวเองในช่วงบั้นปลายของเขาด้วย (ค.ศ. 1889)

10. The Potato Eaters

แวนโก๊ะ

   
    ผลงานสร้างชื่อชิ้นแรกของแวน โก๊ะ ที่แสดงถึงตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี
รวมไปถึงยังเป็นผลงานวาดรูปที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ชัดเจน
ด้วยลายเส้นที่ไม่ได้เนี้ยบแต่ลงแสงและเงาได้อย่างเป็นเลิศ
ส่งผลให้ภาพนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของวินเซนต์ แวน โก๊ะ อีกภาพหนึ่ง

   
   

เอกลักษณ์ในชิ้นงานและคุณภาพของภาพวาดที่ยังคงสีสันสดใสแม้จะผ่านเวลามาเป็นร้อยปีแล้วก็ตาม
ทำให้เรารู้สึกทึ่งและชื่นชมในตัวศิลปินเอกของโลก
ผู้มีอิทธิพลต่อวงการวาดภาพมาหลายยุคด้วยกันอย่างแวน โก๊ะ จริง ๆ เลยนะคะ

ภาพจาก vincentvangogh.org 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
The Art Of The world 
vangoghmuseumshop
vincentvangogh

วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent van Gogh) เป็นศิลปินเอกชาวเนเธอร์แลนด์ เขาเกิดวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ชีวิตวัยเด็กของแวน โก๊ะ ไม่ได้สวยหรูเท่าไร เขาต้องทำงานตั้งแต่อายุได้เพียง 16 ปี และเปลี่ยนงานอยู่เนือง ๆ กระทั่งอายุได้ 27 ปี แวน โก๊ะ ก็ผันตัวเองมาเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว ซึ่งใน 5 ปีต่อมา แวน โก๊ะ ก็มีผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกนั่นก็คือ ภาพวาด The Potato Eatersทว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เองที่ แวน โก๊ะ เริ่มแสดงอาการป่วยทางจิตเวชให้เห็น โดยในวันหนึ่งเขามีอาการคลุ้มคลั่งถึงขั้นใช้มีดโกนตัดใบหูข้างหนึ่งของเขา และนับตั้งแต่นั้น แวน โก๊ะ ก็เข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชตลอดเวลาเพราะป่วยด้วยโรคซึมเศร้า กระทั่งในวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 แวน โก๊ะ ได้พยายามทำร้ายตัวเองด้วยการยิงตัวตาย และสุดท้ายเขาก็จบชีวิตลงในอีก 2 วันต่อมา ด้วยอายุเพียง 37 ปีเท่านั้นแวน โก๊ะ มีภาพวาดชุดดอกทานตะวันอยู่หลายรูปด้วยกัน แต่สำหรับภาพดอกทานตะวัน 15 ดอกในกระถางชิ้นนี้มีความพิเศษออกไปทั้งลักษณะการใช้สี รวมไปถึงลักษณะดอกทานตะวันที่ดูมีชีวิตชีวามากกว่าภาพดอกทานตะวันรูปอื่น ๆ ในเซตเดียวกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าในขณะที่วาดภาพดอกทานตะวัน 15 ดอกนี้ น่าจะเป็นการวาดภาพในช่วงชีวิตที่ค่อนข้างมีสีสันของเขา โดยผลงานชิ้นนี้ถูกวาดขึ้นในปี ค.ศ. 1888 และยังเป็นผลงานที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของแวน โก๊ะ ด้วยนะคะ เพราะรูปนี้ถูกประมูลไปโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1987 ในราคาสูงถึง 39.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,278 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบันปี ค.ศ. 1888 แวน โก๊ะ ได้วาดภาพนี้เช่นเดียวกัน นับเป็นผลงานซีรีส์ยามค่ำคืนของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ในภาพนี้มุมมองในยามค่ำคืนของเขามีความแตกต่างออกไป เพราะเป็นการใช้สีสันที่สดใสของสีเหลือง ตัดกันดีกับเงามืดของตึกและท้องฟ้า ในบรรยากาศอันครึกครื้นของผู้คนที่มานั่งตากลมกันเพลิน ๆภาพดอกซากุระสีขาวกับพื้นหลังสีฟ้าภาพนี้แวน โก๊ะ วาดขึ้นในช่วงท้าย ๆ ของชีวิตนั่นก็คือปี ค.ศ. 1890 โดยภาพนี้เขาวาดเป็นของขวัญให้หลานชาย สื่อถึงความหมายดี ๆ ของการผลิบานและสีสันที่สด ใหม่ ส่งผลให้ภาพวาดชิ้นนี้เป็นภาพวาดที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของแวน โก๊ะ เลยทีเดียวภาพวาดในปี ค.ศ. 1888 ซึ่งเป็นภาพวาดภาพเดียวที่แวน โก๊ะ ขายได้ในช่วงชีวิตของเขา ซึ่งคนที่ซื้อภาพนี้ไปก็คือศิลปินหญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง โดยแวน โก๊ะ ขายภาพนี้เพียง 400 ฟรังก์ (ตามค่าเงินของฝรั่งเศส) เท่านั้นผลงานสร้างชื่อชิ้นแรกของแวน โก๊ะ ที่แสดงถึงตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงยังเป็นผลงานวาดรูปที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ชัดเจน ด้วยลายเส้นที่ไม่ได้เนี้ยบแต่ลงแสงและเงาได้อย่างเป็นเลิศ ส่งผลให้ภาพนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของวินเซนต์ แวน โก๊ะ อีกภาพหนึ่งภาพจาก vincentvangogh.orgขอขอบคุณข้อมูลจากThe Art Of The worldvangoghmuseumshopvincentvangogh


บุกป่าฝ่าดงระทึก บทที่ 34 กำราบแมมมอธขั้นเด็ดขาด


บุกป่าฝ่าดงระทึก บันทึกชาวสยาม
เรื่องโดยอาจารย์ \”สิงขร วงค์จิตติมา\” ชื่อเรื่องเดิม \”เถื่อนดิบสะท้านดง\”
©สงวนลิขสิทธิ์​​ แด่งานผู้ประพันธ์​ต้นทาง แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรียบเรียงและบรรยายเสียง โดย \”น้าชู\”
หนังสือเสียงนี้ทางบันทึกชาวสยามได้นำร้อยเรียงและ มาเล่าเรื่องอีกครั้ง
หากชอบ กดปุ่ม Subscribe เป็นกำลังใจให้ทีมงานนะครับ
เครดิตรูป ขอขอบคุณเจ้าของภาพ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

บุกป่าฝ่าดงระทึก บทที่ 34 กำราบแมมมอธขั้นเด็ดขาด

การบรรยายผลงานทางทัศนศิลป์


การบรรยายผลงานทางทัศนศิลป์

DLTV ป 3 ภาษาไทย 2564 10 2 การเขียนบรรยายภาพ


DLTV ป 3 ภาษาไทย 2564 10 2 การเขียนบรรยายภาพ

ตัวอย่างการทำเสียงบรรยายภาพ audio description กับเรื่องคิดถึงวิทยา


ตัวอย่างการทำเสียงบรรยายภาพ audio description กับเรื่องคิดถึงวิทยา

Bildbeschreibung B1-Prüfung (DTZ) — mündliche Prüfung


كيفية وصف صورة هام جدا لامتحان ال B1/تعلم اللغة الالمانية
B1Prüfung (DTZ) mündliche Prüfung Bildbeschreibung
Bildbeschreibung vorbereitung auf Prüfung B1

Bildbeschreibung B1-Prüfung (DTZ) -- mündliche Prüfung

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ บรรยาย ภาพ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *