Skip to content
Home » [NEW] Question Sentences ประโยคคำถาม | ประโยค คํา ถาม past simple tense – NATAVIGUIDES

[NEW] Question Sentences ประโยคคำถาม | ประโยค คํา ถาม past simple tense – NATAVIGUIDES

ประโยค คํา ถาม past simple tense: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Post on 16 / 02 / 20

by: English Hero

1.6K viewed

ประโยคคำถาม (Question Sentences หรือ Interrogative sentence)

 

      หมายถึง ประโยคหรือกลุ่มคำที่ผู้พูดหรือผู้เขียนต้องการให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านให้คำตอบ ซึ่งอาจจะเป็นคำตอบสั้น ๆ ว่า  yes  หรือ  no  หรือเป็นคำตอบที่เป็นคำเดียว เป็นกลุ่มคำ หรือเป็นประโยค 

 

ประเภทของประโยคคำถาม

 

1. Yes/No questions

  1. Yes/No questions  ได้แก่คำถามที่ผู้ตอบมักจะต้องตอบรับหรือตอบปฏิเสธ คือ ตอบ  yes หรือ  no  คำถามประเภทนี้ สร้างขึ้นจากประโยคบอกเล่า  ในประโยคที่ใช้ tense ต่าง ๆที่มีกริยาช่วย หรือในประโยค ที่มี BE เป็นกริยาแท้เป็น   present simple tense หรือ past simple tense มักวางประธานและกริยา สลับที่กันกลายเป็นประโยคคำถาม Yes/No questions  การตอบคำถามส่วนมากจะเริ่มด้วยคำตอบ yes หรือ no  ตามข้อเท็จจริงที่ผู้ตอบต้องการสื่อและตามด้วยข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งอาจจะเป็นข้อความสั้น ๆ ที่อยู่ในรูปของ  declarative sentence

กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้……..?

Declarative Sentence

Question

Answer

That is our new English teacher.

Is that our new English teacher?

Yes./ Yes, that’s right./ Yes, it is.

I am from Thailand.

Are you from Thailand?

Yes, I am.

He is studying at my university.

Is he studying at your university?

Yes, he is. 

He has left for the airport.

Has he left for the airport?

Yes./ Yes, he has.

 

                    

 

     ประโยคที่มีกริยาอื่น ๆ เช่น walk, play, leave, study, etc.  เป็นกริยาแท้และอยู่ใน present simple tense ต้องใช้กริยาช่วย  do  หรือ  does ในประโยคคำถาม  ดังตัวอย่าง  

 

Declarative Sentence

Question

Answer

He walks to school.

Does he walk to school?  

Yes./ Yes, he does.

They play tennis.

Do they play tennis?

Yes, they do./ No, they don’t.

I play badminton.      

Do you play badminton?      

Yes, I do./ No, I don’t.

We like Italian food.

Do you like Italian food?

Yes, we do./ No, we don’t.

 

ใช้กริยาช่วย  did ในประโยคที่มีกริยาแท้อยู่ใน past simple tense เมื่อเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม   ดังตัวอย่าง

Declarative Sentence

Question

Answer

Korn studied in Bangkok.

Did Korn study in Chiang Rai?

No, he didn’t.  He studied in Bangkok.

The boys studied in Bangkok.

Did the boys study in Bangkok?

Yes, they did./ No, they didn’t.

 


                    
ในประโยคที่มี  do  และ have เป็นกริยาแท้และอยู่ใน present simple tense ต้องใช้กริยาช่วย  do  หรือ  does ในประโยคคำถาม  และใช้กริยาช่วย  did เมื่อ do  หรือ have อยู่ใน past simple tense  ดังตัวอย่าง  

Declarative Sentence

Question

Answer

He does his homework after school.

Does he do his homework after school?  

Yes, he does./ No, he doesn’t.

They always do the work by themselves.

Do they always do the work by themselves?

Yes, they do./ No, they don’t.

I did that alone. 

Did you do that alone?      

Yes, I did./ No, I didn’t.

We have Italian food once a week.

Do you have Italian food once a week?

Yes, we do./ No, we don’t.

We had Chinese food yesterday.

Did you have Chinese food yesterday?

Yes, we did./ No, we didn’t.

 

2. Wh-questions

  1. Wh-questions ได้แก่คำถามที่ผู้ตอบจะต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ถามตาม Wh-word ที่วางไว้ต้นประโยคคำถาม เช่น

                          Q:  Where did Korn study?  

                          A:  He studied in Bangkok.   

                        Wh-words ซึ่งใช้นำหน้าประโยคคำถาม ได้แก่คำต่อไปนี้    who (ใคร = subject), whom (ใคร = object), what (อะไร = subject และ object), when (เมื่อไร), where (ที่ไหน),

how (อย่างไร), which (คน/อัน/สิ่งไหน), whose (ของใคร), why (ทำไม) การสร้างประโยคคำถามด้วย Wh-words

                    2.1 Who ใช้เมื่อถามถึงประธานของประโยคที่เป็นคน

การเรียงคำในประโยคคำถามเหมือนการเรียงคำในประโยคบอกเล่าดังนี้

Wh-word (= ประธานของประโยค) + กริยา (= present simple หรือ past simple)?

Wh-word (= ประธานของประโยค) + กริยา (= aux. verb + main verb เมื่อเป็น tense อื่น)?  

                      นอกจาก  who ที่ใช้ถามถึงประธานของประโยคแล้วยังใช้ what, which, whose, how many ได้ ซึ่งเรียงคำในประโยคแบบเดียวกับ  who 

                    2.2 Whom ใช้เมื่อถามถึงบุคคลที่เป็นกรรมของประโยค 

                      หมายเหตุ  ปัจจุบันนิยมใช้  who  แทน  whom  โดยเฉพาะในภาษาพูดและภาษาไม่เป็นทางการ

                      การเรียงคำในประโยคคำถาม   ประธานของประโยค จะต้องวางสลับกับ กริยาช่วย  ดังนี้

                      – ในประโยคที่ใช้ tense ต่าง ๆ ที่มีกริยาช่วย วางประธานและกริยาช่วยสลับที่กัน   ในประโยคที่มี BE เป็นกริยาแท้ อยู่ใน  present simple tense หรือ past simple tense ต้องวางประธานและกริยา BE สลับที่กัน 

                  – ในประโยคที่มีกริยาอื่น เช่น  walk, buy, come, etc. เป็นกริยาแท้ อยู่ใน  present simple ต้องใช้ does วางหน้าประธานที่เป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์  และใช้ do  วางหน้าประธานที่เป็นบุรุษอื่น ๆ  แล้วเปลี่ยนกริยาแท้ให้อยู่ในรูป V base form วางไว้หลังประธาน  ถ้ากริยานั้นเป็น  past simple ให้ใช้  did วางหน้าประธานได้ทุกบุรุษ แล้วเปลี่ยนกริยาแท้ให้อยู่ในรูป  V base form วางไว้หลังประธาน

 

                 2.3 Whose ใช้เพื่อถามว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งของสิ่งหนึ่งหรือจำนวนหนึ่ง  ใช้คังนี้

                           whose:  Whose are these?   หรือ

                           whose + noun:  Whose car ran the fastest?  ประโยคคำถามนี้  “Whose car”

                  เป็นประธานของประโยค  รูปประโยคมีลักษณะดังนี้

                           whose + noun (= ประธานของประโยค) + กริยา (= present simple หรือ past simple)

                           Whose book are you reading? ประโยคคำถามนี้  Whose book เป็นกรรมของประโยค

                   รูปประโยคมีลักษณะดังนี้

                           whose + noun (=กรรม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                   2.4 Which  ใช้เพื่อถามว่า คนไหน/อันไหน/สิ่งไหน   ใช้ในลักษณะเดียวกับ whose คือมีนามตามมา หรือไม่มีคำนามตามมา   และใช้เป็นประธานหรือกรรมของประโยคก็ได้  เช่น

                           Which car ran the fastest? (Which car = subject) การเรียงคำในประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           which + noun (= ประธานของประโยค) + กริยา (= present simple หรือ past simple)

                           Which book did you buy? (Which book = object) การเรียงคำในประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           which + noun (= กรรม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.5 What  มีความหมายว่าอะไร  ส่วนมากใช้เพื่อถามถึงสิ่งของ  มีคำนามตามมาหรือไม่มีคำนามตามมาก็ได้  และใช้เป็นประธานหรือกรรมของประโยคได้   เช่น

                   What made that noise? (What = subject)

                   What animals live on plants?  (What animals = subject) การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยค มีลักษณะดังนี้

                   what/ what + noun (= ประธานของประโยค) + กริยา(= present simple หรือ past simple)                                  

                   What did he drink? (What = object)

                   What musical instrument does he play? (What musical instrument = object)

                      การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                    what/ what + noun (= กรรม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.6 When  มีความหมายว่าเมื่อไร ใช้ถามถึงเวลาซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค   เช่น

                           When did he leave?

                           When will they arrive?

                      การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           when + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.7 Where มีความหมายว่าที่ไหน  ใช้ถามถึงสถานที่   ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค เช่น

                                  Where are the boys?

                                  Where were the boys?

                           ใน  2  ประโยคนี้มี BE เป็นกริยาแท้ อยู่ใน present simple tense และ past simple tense

                      ต้องวางประธานและกริยา BE สลับที่กันดังนี้ 

                           where +  BE  (= กริยาแท้) + ประธาน

                                 Where did he study?

                                  Where are they going?

                           ในประโยคที่กริยาแท้เป็นกริยาอื่น เช่น study, go walk, eat, etc. การเรียงคำในประโยค

                      ต้องมีลักษณะดังนี้ 

                           where + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

 

                      2.8 Why มีความหมายว่าทำไม ใช้ถามถึงเหตุผล ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค เช่น

                           Why did he leave early?

                           Why is he crying?

                      การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           why + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.9 How มีความหมายว่าอย่างไร  ใช้ถามถึงลักษณะการกระทำว่าเป็นอย่างไร

                                      -ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค  

                           Ex:   How are the boys?

                                   How were the boys?

                           ใน 2 ประโยคนี้มี BE เป็นกริยาแท้ อยู่ใน  present simple tense และ past simple tense ต้องวางประธานและกริยา  BE  สลับที่กันดังนี้ 

                           how +  BE  (= กริยาแท้) + ประธาน

                           Ex:   How did he go to school?

                                    How are they going to the station?

                           ในประโยคที่กริยาแท้เป็นกริยาอื่น เช่น study, go, walk, eat, etc.

                      การเรียงคำในประโยค ต้องมีลักษณะดังนี้ 

                           how + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

                           how ใช้กับคำคุณศัพท์หรือคำกริยาวิเศษณ์ได้  เช่น

                           How old is the boy?

                           How often did he go to the cinema?

                           How many people came to the party?

                           How much water must we drink?

                           สำหรับ  how many + N และ how much + N  ใช้เป็นประธานได้และเรียงคำในประโยคเหมือน who  หรือใช้เป็นกรรมของประโยคและเรียงคำในประโยคเหมือน whom

 

 

 

ตัวอย่างการตั้งคำถามและการตอบคำถามให้สอดคล้องกับคำถาม

QUESTION

ANSWER

Wh-word as subject

Aux. verb       

Main verb  

Others (Adv. / Prep phr.)

Who

 

came

yesterday?

Lily.

Who

 

is

in the room?

Peter.

Who

has

got

John’s address?

The secretary.

Which boy

 

won

the game?

Henry from Class A.

Whose student

is going to 

enter

the competition?

Mr. Brown’s.

What

 

made

him cry?

The loud noise.

 

 

 

การเรียงคำในประโยคคำถามข้างต้นเหมือนในประโยคบอกเล่า

QUESTION

ANSWER

WH-word

Aux. verb  

Subject  

Aux. verb

Main verb

Others (Adv./Prep phr.)

Whom

did

you

 

ask?

 

His father.

What

is

he

 

doing?

 

He’s studying for the exam.

Why

did

she

 

leave

early?

She wasn’t feeling well.

When

will

he

 

move

to Bangkok ?

Soon./ Next month.

Where

does 

he

 

live?

 

He lives on Wireless Road.

How

did

you

 

open

that can?

I used this opener.

How long

has

he

been

working

there?

For 4 years.

                      การเรียงคำในประโยคคำถามข้างต้น   ประธานของประโยค จะต้องวางสลับกับกริยาช่วย 
                      การตอบคำถามผู้ตอบจะต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ถามตาม Wh-word ที่วางไว้ต้นประโยคคำถาม 

 

 

3. Tag Questions

  1. Tag Questions ได้แก่คำถามที่ส่วนหน้าเป็นรูปประโยคบอกเล่าหรือรูปประโยคปฏิเสธ และต่อท้ายหรือต่อส่วนสร้อยด้วยข้อความสั้น ๆ มีรูปเป็นคำถามคือ วางประธานและกริยาสลับที่กัน Tag question มีโครงสร้างดังนี้

                           ประโยคบอกเล่า, ส่วนสร้อยกริยาอยู่ในรูปปฏิเสธ 

                           ผู้ถามคาดหวังคำตอบ yes  

                                Peter has already gone home, hasn’t he?

                                ประโยคปฏิเสธ, ส่วนสร้อยกริยาอยู่ในรูปบอกเล่า

                                ผู้ถามคาดหวังคำตอบ no  

                                Peter hasn’t gone home yet, has he?

                           ส่วนที่เป็นคำถามต่อท้ายของ tag question จะประกอบด้วยกริยาช่วยและประธานที่เป็นคำสรรพนาม กริยาช่วยจะเป็นกริยาช่วยตัวเดียวกับที่อยู่ในส่วนหน้า  แต่เป็นรูปที่ต่างกัน คือ ถ้าส่วนหน้าเป็นรูปประโยคบอกเล่า  กริยาช่วยส่วนท้ายจะเป็นรูปปฏิเสธย่อ   ถ้าส่วนหน้าเป็นรูปประโยคปฏิเสธ กริยาช่วยส่วนต่อท้ายจะเป็นบอกเล่า   เช่น

                                John can come, can’t he?

                                John can’t come, can he?

                                Your sister has arrived, hasn’t she?

                                Your sister hasn’t arrived, has she?

                                Henry is working in the garden, isn’t he?

                                Henry isn’t working in the garden, is he?

                           ถ้าประโยคบอกเล่าส่วนหน้ามีกริยาแท้ที่เป็น present tense  ส่วนสร้อยจะต้องใช้ don’t  หรือ  doesn’t  แทนกริยาเดิม   ถ้ากริยาแท้เป็น past tense ส่วนสร้อยจะต้องใช้ didn’t  เช่น

                                You like Chinese food, don’t you?

                                He always comes to class late, doesn’t he?

                                Jim came home late, didn’t he?

                           ถ้าประโยคบอกเล่าส่วนหน้ามีกริยา BE หรือ have  เป็นกริยาแท้  ส่วนสร้อยจะใช้กริยา BE หรือ have  รูปปฏิเสธ  เช่น

                                He was late, wasn’t he?

                                She has two children, hasn’t she?

                                แต่   I am late, aren’t I?  (รูปปฏิเสธของ am  ให้ใช้  aren’t)

                           การทำประโยคคำสั่งเป็น tag question   ให้เติม   ‘will you?’/ ‘won’t you?’/ ‘can’t you?’ ต่อท้ายซึ่งใช้เมื่อพูดขอร้องโดยอาจจะแสดงถึงความรำคาญ หรือในการเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง  และสำหรับพูดขอร้องธรรมดา อาจจะใช้  could you?/ can you?/ would you? ต่อท้ายประโยคคำสั่ง   เช่น 

                                Stop talking, will you?

                                Sit down, will you?

                                Stop making that noise, can you?

                                Come a little bit early, can you?

 

 

ที่มา: http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english

 

[NEW] หลักการใช้ Past Simple Tense ง่ายมากๆ ใช้กริยาเดียวกันหมดเลย – NSRU BLOG | ประโยค คํา ถาม past simple tense – NATAVIGUIDES

Past Simple Tense คืออะไร มีหลักการใช้อย่างไร และโครงสร้างของประโยคเป็นอย่างไร : Past Simple Tense คือ อดีตกาลธรรมดา เอาไว้เล่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีต โครงสร้างของประโยคก็ง่ายๆคือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 ไม่ว่าประธานตัวใดก็ตาม

past simple tense

past simple tense คืออะไร

  • Past  พาสท แปลว่า อดีต
  • Simple  ซิ๊มเพิล  แปลว่า ธรรมดา
  • Tense เท็นส์ แปลว่า กาล
  • Past Simple Tense  คือ อดีตกาลธรรมดา  บ้างก็เรียก Simple Past

โครงสร้าง past simple tense

  • S + V 2 (Subject + Verb ช่อง 2)
  • ประธาน + กริยาช่อง 2

SubjectVerb (2)I, You, He, She, It, We,theyatewentdrank

หลักการใช้ past simple tense

Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะการเล่าเรื่องในอดีต ภาษาอังกฤษนั้น ประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน (เว้น was ใช้กับประธานเอกพจน์, were ใช้กับประธานพหูพจน์) ให้จำหลักสำคัญของ Tense นี้ไว้ว่า เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วด้วย ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน

1. ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่จะระบุเวลากำกับ หรือรู้กันดีว่ามันเกิดในอดีต

1.1 เล่าเหตุการณ์ที่มีเวลากำกับ คำกำกับเวลาที่พบบ่อย ได้แก่

– yesterday  เย็สเตอเด  เมื่อวาน
– last + เวลา/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ฤดู/  ปี เช่น

  • last hour ลาสท เอาเวอะ ชั่วโมงที่แล้ว
  • last night ลาสทไนท คืนที่แล้ว
  • last Monday ลาสท มันเด จันทร์ที่แล้ว  last Tuesday อังคารที่แล้ว……
  • last month ลาสท มันธ เดือนที่แล้ว
  • last Christmas ลาสท คริสมัส คริสต์มาสที่แล้ว
  • last Summer ลาสท ซัมเมอะ หน้าร้อนที่แล้ว Last winter ลาสท วินเทอะ หน้าหนาวที่แล้ว
  • last year ลาสท เยีย ปีที่แล้ว

– วินาที / นาที/ ชั่วโมง/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ ปี + ago เช่น

  • ten seconds ago เท็น เซเคินส อะโก สิบวินาทีที่แล้ว
  • Five minutes ago ไฟฟ มินนิทส อะโก ห้านาทีที่แล้ว
  • Three day ago ธรีเดส อะโก สามวันที่แล้ว
  • Two weeks ago สองสัปดาห์ที่แล้ว
  • one month ago หนึ่งเดือนที่แล้ว (เท่ากับ last month)
  • four years agoฟอเยียส อะโก สี่ปีที่แล้ว

ตัวอย่างประโยค past simple tense

ประโยคบอกเล่า

ประโยคบอกเล่าใน past simple tense คือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 กับประธานทุกตัว

saw Jane at the bank yesterday. ฉันพบเจนที่ธนาคารเมื่อวาน

went to Jim’s party lastnight. ฉันไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้ว

We studied math last Friday. พวกเราเรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว

He bought a radio last month. เขาซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว

She came to my house last year. หล่อนมาบ้านฉันปีที่แล้ว

It rained two days ago. ฝนตกสองวันที่แล้วThey ate dinner two hours ago.

พวกเขากินอาหารเย็นสองชั่วโมงที่แล้วJane met Jo ten days ago. เจนพบโจสิบวันที่แล้ว

The bus arrived thirty minutes ago. รถบัสมาถึงสิบนาทีที่แล้ว

cleaned my room two weeks ago. ผมทำความสะอาดห้องสองสัปสัปดาห์ที่แล้ว

My dog died two years ago. หมาฉันตายสองปีที่แล้ว

was at school yesterday. ฉันอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวาน

They were at home last weekend. พวกเขาอยู่บ้านเมื่อวันอยุดสุดสัปดาที่แล้ว

We had two cups of coffee this morning. พวกเราดื่มกาแฟสองถ้วยเมื่อเช้านี้

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคปฏิเสธใน past simple tense ให้เอา did not  หรือ didn’t นำหน้ากริยาหลัก และกริยาหลักให้เปลี่ยเป็นช่องที่ 1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es

din’t see Jane at the bank yesterday. ฉันไม่ได้พบเจนที่ธนาคารเมื่อวาน

didn’t go to Jim’s party lastnight. ฉันไม่ได้ไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้ว

We did not study math last Friday. พวกเราไม่ได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว

He did not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว

She didn’t come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้ว

ประโยคคำถาม

ประโยคคำถามใน past simple tense ให้เอา Did  น้ำหน้าประโยค หรือ Didn’t ถ้าเป็นคำถามแบบปฏิเสธ และกริยาหลักให้ใช้ช่องที่ 1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es

Did you see Jane at the bank yesterday. คุณได้พบเจนที่ธนาคารเมื่อวานไหม
Yes, I did. ใช่่ ฉันได้พบ

Did you go to Jim’s party lastnight. คุณได้ไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้วไหม
No, I didn’t. ไม่ ฉันไม่ได้ไป

Did they study math last Friday. พวกเราได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้วไหม
Yes, they did. ใช่ พวกเขาเรียน

Didn’t he not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้วใช่ไหม
Yes, he did. ใช่ เขาซื้อ

Didn’t she come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้วใช่ไหม
No, she didn’t. ไม่หล่อนไม่ได้มา

1.2 เล่าเหตุการณ์ที่ไม่มีเวลากำกับก็ได้แต่รู้กันดีว่าพูดถึงเรื่องในอดีต เช่น

Sam : Did you go to the party lastnight. คุณไปงานปาร์ตี้ใช่ไหมคืนที่แล้ว (มีคำว่า last อดีตแน่นอน)

Sim: Yes. It was the great party. I saw Jim and Jo. I drank a lot of cola and ate  lots of pizza.
ใช่ มันเป็นปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยม ฉันเห็นจิมและโจ ฉันดื่มน้ำอัดลมเยอะมาก และฉันกินพิซซ่าเยอะมาก

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าซิมไม่ได้ใช้เวลาระบุเหตุการณ์ในอดีตเลย ทั้งนี้คนถามได้ระบุแล้วเรียบร้อยนั่นเอง

คำบ่งบอกความถี่ เช่น always,  sometimes, never เป็นต้น

  • She always went to school late last month.
    หล่อน ไป โรงเรียน สาย เสมอ เมื่อเดือน ที่แล้ว (เดือนนี้ไม่มาสายแล้ว)
  • We sometimes watched movies at home last year.
    เรา ดู หนัง ที่ บ้าน เป็นบางครั้ง เมื่อปี ที่แล้ว (ปีนี้ไปดูที่โรงหนังอย่างเดียว)
  • I never read books in the evening last month.
    ฉัน ไม่เคย อ่าน หนังสือ ใน ตอนค่ำ เมื่อเดือน ที่แล้ว (เดือนนี้ต้องอ่านเพราะใกล้สอบแล้ว)

3. ใช้เล่านิทาน ส่วนใหญ่จะมีคำว่า Long time ago หรือ Once upon a time (นานมาแล้ว)

ตัวอย่างการใช้ Past Simple Tense ในนิทาน

THE LITTLE MERMAID ตำนานรักธิดาสมุทร

The sea king lived in under the sea.

ราชาแห่งท้องทะเลอาศัยอยู่ในทะเล

His palace was made of shells and sparkling stones.

ปราสาทของเขาทำจากเปลือกหอยและที่ที่เปล่งประกายแวววับ

His mother and six daughters also lived with him.

แม่และลูกสาวของเขาก็อาศัยอยู่กับเขาด้วย

All his daughters were beautiful but his young daughter was the most beautiful.

ลูกสาวทุกคนของเขาสวย แต่ลูกสาวคนเล็กสวยที่สุด

She was not like the others. Her sisters liked to play.

เธอไม่เหมือนคนอื่น พี่ๆของเธอชอบเล่น

But she liked to listen to stories.

JACK AND THE BEANSTALK แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์

Once upon a time there was a boy called Jack.

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มี เด็กชาย คนหนึ่ง ชื่อว่า แจ๊ค

He lived with his mother.

เขา อาศัยอยู่ กับ แม่ ของเขา

They were very poor.

พวกเขา จน มาก

All they had was a cow.

สิ่งที่ พวกเขา มี คือ วัว หนึ่งตัว

One morning, Jack’s mother told Jack to take their cow to market and sell her.

เช้าวันหนึ่ง แม่ของแจ็ค บอก แจ็ค ให้ เอา วัว ไปตลาด และขาย มัน

On the way, Jack met a man. He gave Jack some magic beans for the cow.

ขณะเดินทาง แจ็ค พบ ชาย คนหนึ่ง เขา ให้ เมล็ดถั่ว วิเศษ แก่แจ็ค เพื่อแลก วัว

Jack took the beans and went back home.

Time Line เส้นเวลา ใน Past Simple Tense

มาดูไทม์ไลน์กันเลยครับ ที่บอกว่า present simple tense ใช้ “บอกกล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึนในอดีต” นั้นเป็นเช่นไร

  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์
  • จุดสีแดงคือ เวลาในอดีต  สังเกตจุดสีแดงให้ดีนะครับ มันมีแค่จุดเดียว และมันจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ขอให้เป็นอดีต นับตั้งแต่เสี้ยววินาทีที่แล้วเป็นต้นไป และไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบันแล้วเด็ดขาด

สรุปว่าถ้านักเรียนต้องการสื่อเรื่องราวอะไรสักอย่าง ที่มันเป็น “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งในอดีต” ให้ใช้ Past Siple Tense อดีตกาลธรรมดา

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก: https://ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/หลักการใช้-past-simple-tense/


WH Questions หลักการสร้างประโยคคำถามภาษาอังกฤษ


วิธีแต่งประโยคที่ขึ้นต้นด้วย WH Questions
เรียนภาษาอังกฤษฟรี แต่งประโยคภาษาอังกฤษ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษฟรี

เรียนภาษาอังกฤษกับครูฟาง, ฝึกภาษาอังกฤษ, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, ติวสอบภาษาอังกฤษ, ติวภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน, ประโยคภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, คำศัพท์อังกฤษ, English lesson, แกรมม่าภาษาอังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

WH Questions หลักการสร้างประโยคคำถามภาษาอังกฤษ

Talking about Hobbies and Free Time Activities


Learn how to talk about your hobbies and free time activities. Enrich your vocabulary with new English words.

Talking about Hobbies and Free Time Activities

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ


สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ
คลิปนี้แยกมาจากคลิป \”Past Simple Tense ใช้ตอนไหน \u0026 แบบฝึกหัดท้ายบท\” เพื่อให้สะดวกแก่ผู้ชมที่ต้องการแยกศึกษาเฉพาะหลักการใช้ในคลิปเดียวค่ะ

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ

ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ กับ 100 คำที่คุณควรรู้ | คำนี้ดี RANDOM100 VOL.1


คลิปพอดแคสต์ย้ายไปลงที่ช่องยูทูบ THE STANDARD PODCAST แล้ว กดติดตามเพื่อไม่ให้พลาดตอนใหม่ๆ http://bit.ly/SUBthestandardpodcast
อยากพูดอังกฤษให้คล่อง ต้องพยายามไม่แปลจากภาษาไทยในหัวก่อนชั้นนึง แต่ต้องเห็นปุ๊บพูดเป็นอังกฤษได้ปั๊บเลย แบบฝึกหัดนี้น่าจะช่วยได้ กับ 100 สิ่งที่คุณควรรู้ว่าภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร จากเวลาที่เห็นภาพ เราให้แค่ 3 วินาทีเท่านั้นในการพูดศัพท์ออกมา แต่ถ้าอยากได้เวลามากกว่านั้น ให้กด pause เอาเองได้เลย
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Spotify : https://open.spotify.com/show/7o7TF3zfPyoydhWxtGSzLC?si=Nb_LuV8NS3C9mJ6ePdXLA
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/
KNDRANDOM100 คำนี้ดี TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ กับ 100 คำที่คุณควรรู้  | คำนี้ดี RANDOM100 VOL.1

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art


ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์
เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยวาชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และอื่นๆๆอีกมากมาย
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe WAWA kids art กันนะค่ะ
เกม คณิตศาสตร์หรรษา ระดับประถมศึกษา (10 ข้อ) https://youtu.be/GhlHe6bjBCQ
เกม หาภาพตรงกับคำสั่ง หมวดวิทยาสาสตร์ https://youtu.be/nqoTcc0QV4
เกม ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ https://youtu.be/xcT9ntfaVk
วาดการ์ตูนปลาโลมา, เรือ, ผีเสือ, เห็ด | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สนุกกับการเรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/7_bjSKieC7c
วาดการ์ตูน ผีเสื้อ, ดอกไม้, บอลลูน, อ่างอาบน้ำ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/sfOUFKhNmwc
เกมหารูปภาพตามคำสั่ง หมวดคำราชาศัพท์ https://youtu.be/6yPm5YA2is
เกมหาอักษรที่หายไป หมวดภาษาอังกฤษ https://youtu.be/If5UsAS9ZYQ
เรียนรู้ผลไม้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เล่นไข่เซอร์ไพรส์และลุ้นถ้วยไอศครีม | wawa kids art https://youtu.be/m0b4bpQLBfY
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เกม ทายคำศัพท์ยานพาหนะ หมวดภาษาอังกฤษhttps://youtu.be/dc4ApC1qn_w
เกม หาสุภาษิตไทยจากรูปภาพ เรียนรู้ความหมายของสุภาพษิตไทย https://youtu.be/JhqtK1qae_s

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ประโยค คํา ถาม past simple tense

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *