ตัวอย่าง ประโยค present simple tense: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
Present Simple Tense
โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)
หลักการใช้:
- ใช้บอกกล่าว เล่าข้อเท็จจริงทั่วไปของ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่
- โครงสร้าง คือ ประธาน + กริยาช่องที่ 1 หรือ ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1
- ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es
- ประโยคคำถามนั้น ถ้ามีกริยาพิเศษบางตัว ให้เอากริยานั้นนำหน้าประโยคได้เลย ถ้าไม่มีให้เอา Verb to do มาใช้
- มีคำกริยา 3 ตัวที่ควรเรียนรู้และจำให้แม่น ใน Present Simple Tense ที่ต้องจดจำให้แม่น เพราะจะใช้กับ Tense อื่นๆด้วย
โครงสร้างประโยคบอกเล่า
ประธาน
+
กริยาช่องที่ 1
(ประธานเอกพจน์กริยาเติม s, es)
ประธาน
+
กริยาช่วย
+
กริยาช่องที่ 1
(กริยาไม่เติม s ทุกกรณี
)
ตัวอย่าง
I eat
a banana. ฉัน กิน กล้วย
She eats
a banana. หล่อน กิน กล้วย
We should eat
bananas. พวกเรา ควรจะ กิน กล้วย
He can eat
banana. เขา สามารถ กิน กล้วย
A cat must eat
bananas. ลิง ต้อง กิน กล้วย
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
ประธาน + do/ does + not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
ประธาน
+
กริยาช่วย
+
not
+
กริยาช่องที่ 1
(กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
ตัวอย่าง
I don’t eat
a banana. ฉัน ไม่ กิน กล้วย
She doesn’t eat
a banana. หล่อน ไม่ กิน กล้วย
I can’t eat
a banana. ผมไม่สามารถกินกล้วย (กินกล้วยไม่เป็น)
She shouldn’t eat
a banana. หล่อนไม่ควรกินกล้วย
You must not eat
bananas. คุณต้องไม่กินกล้วย
โครงสร้างประโยคคำถาม
ถ้ามี กริยาช่วย ให้เอากริยาช่วยนำหน้า
ถ้าไม่มี กริยาช่วยให้เอา Verb to do (Do, Does)
Do/Does + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
กริยาช่วย + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
ตัวอย่าง
Do
you
eat
a banana? คุณ กิน กล้วย ใช่ไหม
Yes, I do. /No, I don’t. ใช่ / ไม่
Does
she
eat
a banana? หล่อน กิน กล้วย ใช่ไหม
Yes, she does. /No, she doesn’t. ใช่ /ไม่
Can
you
swim
? คุณ สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำเป็นไหม)
Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)
Can’t
you
swim
? คุณ ไม่สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำไม่เป็นใช่ไหม)
Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)
Should
I
go
now? ผม ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
Yes, you should. ใช่ (ควรไป) No, you shouldn’t. ไม่ (ไม่ควรไป)
Must
she
go
now? หล่อน ต้องไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
Yes, she must. ใช่ (ต้องไป) No, she mustn’t. ไม่ (ไม่ต้องไป)
ตัวอย่าง ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม Present Simple Tense
กริยาแท้ Verb to be ( is, am, are)
บอกเล่า She
is
a doctor. หล่อนเป็นหมอ
ปฏิเสธ She
is
not
a doctor. หรือ
She isn’t
a doctor. หล่อนไม่เป็นหมอ
คำถาม
Is
she a doctor? หล่อนเป็นหมอใช่ไหม
คำตอบ Yes, she is. / No, she isn’t. หรือ No, she is not. ใช่ / ไม่ใช่
บอกเล่า I
am
a student. ฉันเป็นนักเรียน
ปฏิเสธ I
am
not a student.. หรือ I’m not a student. ฉันไม่เป็นนักเรียน
คำถาม
Are
you
a student? ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, I am. / No, I’m not. หรือ No, I am not. ใช่ ไม่ใช่
บอกเล่า You
are
a tiger. คุณเป็นเสือ
ปฏิเสธ You
are
not a tiger. หรือ You aren’t a tiger. คุณไม่เป็นเสือ
คำถาม
Am
I a tiger? ฉันเป็นเสือใช่ไหม
คำตอบ Yes, you are. / No, you are not. หรือ No, you aren’t. ใช่/ ไม่ใช่
กริยาแท้ Verb to have (Have, Has)
กริยาตัวนี้ ถ้าเป็นกริยาแท้ในประโยค ไม่ควรเอานำหน้าเพื่อทำเป็นประโยคคำถาม ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้ว
การสร้างประโยคคำถามและปฏิเสธให้เอา Do กับ Does มาใช้ครับ (เดี๋ยวค่อยเรียนรู้ให้ละเอียดในหัวข้อ การใช้ have has)
บอกเล่า He
has
a car. เขามีรถ
ปฏิเสธ He
does
not have a car. หรือ He doesn’t have a car. เขาไม่มีรถ
คำถาม
Does
he have a car? เขามีรถใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, he
does
. / No, he does not. หรือ No, he
doesn’t
. ใช่/ ไม่ใช่
บอกเล่า They
have
a cat. พวกเขามีแมว
ปฏิเสธ They do not
have
a cat. หรือ They don’t have a cat. พวกเขาไม่มีแมว
คำถาม Do they
have
a car? พวกเขามีแมวใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No, they don’t. ใช่/ ไม่ใช่
กริยาช่วย can, should, must
บอกเล่า A dog
can
swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้
ปฏิเสธ A dog
cannot
swim. หรือ A dog
can’t
swim. หมาไม่สามารถว่ายน้ำได้
คำถาม
Can
a dog swim? หมาว่ายน้ำได้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, a dog
can
. / No, a dog
cannot
. หรือ No, a dog can’t. ใช่/ ไม่ใช่
บอกเล่า Somchai
should
go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
ปฏิเสธ Somchai
should not
go to school now. หรือ Somchai
shouldn’t
go to school now. สมชายไม่ควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
คำถาม
Should
Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, Somchai
should
. / No, Somchai
should not
. หรือ No,Somchai shouldn’t. ใช่/ ไม่ใช่
บอกเล่า She
must
go. หล่อนต้องไป
ปฏิเสธ She
must
not go. หรือ She mustn’t go. หล่อนต้องไม่ไป
คำถาม
Must
she go? หลอ่นต้องไปใช่ไหม
คำตอบ Yes, She
must
. / No, she
mustn’t
. ใช่/ ไม่ใช่
ถ้าไม่มีกริยาช่วยในประโยคให้เอา Do กับ Does มาใช้ในประโยคคำถาม
Do + ประธานพหูพจน์
Does + ประธานเอกพจน์
บอกเล่า I
eat
a banana. ฉันกินกล้วย
ปฏิเสธ I
don’t
eat a banana. ฉันกินกล้วย
คำถาม
Do
I eat a banana? ฉันกินกล้วยใช่ไหม
คำตอบ Yes, I
do
. / No,I
don’t
. ใช่/ ไม่ใช่
บอกเล่า She
eats
a banana. หล่อนกินกล้วย
ปฏิเสธ She
doesn’t
eat a banana. หล่อนไม่กินกล้วย
คำถาม
Dose
she eat a banana? หล่อนไม่กินกล้วยใช่ไหม
คำตอบ Yes, she
does
. / No, she
doesn’t
. ใช่/ ไม่ใช่
บอกเล่า They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส
ปฏิเสธ They
don’t
go to school by bus. พวกเขาไม่ไปโรงเรียนโดยรถบัส
คำถาม
Do
they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนรถบัสใช่ไหม
คำตอบ Yes, they
do
. / No,they
don’t
. ใช่/ ไม่ใช่
บอกเล่า He
goes
to school. เขาไปโรงเรียน
ปฏิเสธ He
doesn’t
go to school. เขาไม่ไปโรงเรียน
คำถาม
Does
he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, he
do
. / No,he
doesn’t
. ใช่/ ไม่ใช่
การสร้างคำถามโดยใช้ Wh-Question
(Who, What, Where, When, Why, How) ทำได้โดยเอาคำเหล่านี้นำหน้าประโยคคำถามด้านบน แต่ต้องตัดคำที่จะเป็นคำตอบออกด้วย
Is she a doctor?
Who
is she? หล่อนเป็นใคร (ตัดหมอออก เพราะต้องการคำตอบเป็นบุคคล)
She is a doctor. หล่อนเป็นหมอ
Do they have a car? พวกเขามีรถใช่ไหม
What
do they have? พวกเขามีอะไร (ตัดรถออกเพราะต้องการคำตอบสิ่งของ)
They have a car. พวกเขามีรถ
Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม
Where
does he go? พวกเขาไปที่ไหน (ตัดโรงเรียนออก เพราะต้องการคำตอบสถานที่)
He goes to school. เขาไปโรงเรียน
Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
When
should Somchai go to school? สมชายควรจะไปโรงเรียนเมื่อไหร่ (ตัดเดี๋ยวนี้ เพราะต้องการคำตอบที่เป็นเวลา)
Shomchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
Why
should Somchai go to school now? ทำไม สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ (ไม่ตัดอะไรเลย เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ในประโยค)
Because he will be late. เพราะว่า เขาจะไปสาย
Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัสใช่ไหม
How
do they go to school? พวกเขาไปโรงเรียนอย่างไร (ตัดโดยรถบัสออก เพราะคำตอบต้องการวิธีการ)
They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส
สรุปประเด็นที่ต้องจดจำให้ได้
1. การสร้างประโยคคำถาม (yes – no question) จากประโยคบอกเล่าถ้ามีให้นำหน้าประโยค (แต่ไม่ใช่ทุกตัว) ถ้าไม่มี ให้เอา Do กับ Does มาใช้แทน
2. การสร้างประโยคคำถาม (wh- question) ให้เอา wh-question นำหน้า yes-no question ได้เลย แต่ต้องตัดคำตอบออกด้วย
แหล่งอ้างอิง : https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-present-simple-tense/
: https://sites.google.com/site/zthefly888/tense-12/present-tenses/1-present-simple-tense/prayokh-bxk-lea-ptiseth-khatham
Share this:
Like this:
Like
Loading…
[Update] สรุป ! โครงสร้าง Present simple tense พร้อมตัวอย่าง | ตัวอย่าง ประโยค present simple tense – NATAVIGUIDES
โครงสร้าง Present simple tense
ในเนื้อหาบทนี้เราจพูดถึง โครงสร้าง Present simple tense โดยมีโครงสร้างที่เราควรรู้ได้แก่
บอกเล่า
S + V.1
S + is/am/are
S + Aux.* + V.inf **
They play.
They are fun.
They can play.
ปฏิเสธ
S + do/does + not + V.inf
S + is/am/are + not
S + Aux. + not + V.inf
They do not play.
They are not fun.
They cannot*** play.
คำถามทั่วไป
Do/Does + S + V.inf + ?
Is/Am/Are + S + V.inf + ?
Aux. + S + V.inf + ?
Do they play?
Are they fun?
Can they play?
Wh- Question
นำคำมาไว้ด้านหน้าคำถาม
How are they?
How can they play?
Where do they play?
How is it?
How can you do it?
* Aux. = Auxiliary Verb หรือ Helping Verb คือกริยาที่วางด้านหน้ากริยาหลักเพื่อช่วยทำให้ประโยคสมบูรณ์
** V.inf = Verb infinitive คือกริยาที่เป็น base form (รากหรือต้นฉบับของกริยา) ห้ามเติมแต่ง
ไม่เหมือนกับ V.1 เพราะกริยาช่องที่หนึ่งจะมีการเติม s/es หลังคำกริยา เมื่อประธานเป็นเอกพจน์
*** cannot ห้ามเว้นวรรคระหว่างคำ
สถานการณ์ที่ใช้ Present Simple Tense
1) ใช้กับเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง, กฎธรรมชาติ, กฎทางวิทยาศาสตร์, ข้อมูลข่าวสาร คือ ต้องเป็นจริงเสมอ
• Light travels faster than sound. (แสงเดินทางเร็วกว่าเสียง)
• Dinosaurs are extinct. (ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว)
• Water boils at 100 degrees Celsius. (น้ำเดือดที่หนึ่งร้อยองศาเซลเซียส)
• I am fifteen years old girl. (ฉันเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าปี)
2) ใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น เทศกาลต่าง ๆ
• We celebrate Christmas on December 25. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)
• I wash my hair every other day. (ฉันสระผมวันเว้นวัน)
• They go to London once a year. (พวกเขาไปลอนดอนปีละครั้ง)
** ให้ดู adverb of frequency ประกอบด้วย เพื่อดูความถี่ของเหตุการณ์ (เรียนเพิ่มเติมในบท adverb)
แถม! everyday VS every day แตกต่างกันยังไง?
everyday (adj.) ต้องการคำนามตามหลังเสมอ
ex. He wants to wear an everyday outfit to the ceremony.
every day (adj. + n.) ไม่ต้องมีคำนามตามหลังแล้ว
ex. He wears the same outfit every day.
3) ใช้กับนิสัยหรือรสนิยมความชอบส่วนตัว
• She likes cats. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)
• I am not a morning person. (ฉันไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า)
• We hate homework. (พวกเราเกลียดการบ้าน)
4) ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย หรือคำคมต่าง ๆ
• Don’t bite the hand that feeds you. (อย่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา)
• Don’t count your chickens before they are hatched. (สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร)
• As you sow, so you reap. (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว)
• Actions speak louder than words. (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด)
5) ใช้กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ มักวางแผนไว้แล้ว ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว (มักเป็นเรื่องการเดินทาง)
• The bus leaves tonight at 8:30 pm. (รถเมล์ออกเดินทางคืนนี้สองทุ่มครึ่ง)
• The movie starts in 20 minutes. (หนังเริ่มอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า)
• What time does the conference start tomorrow? (พรุ่งนี้การประชุมเริ่มกี่โมง)
การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ และ ประโยคคำถาม
กรณีที่ 1 : เป็นคำถาม yes/no
ถ้าในประโยคมี Verb to be ( is, am, are หรือ was, were)
ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น
– I am a good cook. 🡪 I am not a good cook.
ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา verb to be มาไว้หน้าสุด เช่น
– I am a good cook. 🡪 Am I a good cook? **อย่าลืมใส่ ? ท้ายคำถามนะคะทุกคน
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, you are. / No, you are not.
ถ้าในประโยคมี Verb to have (have, has, had)
ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้า verb to have (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)
Do + ประธานพหูพจน์
Does + ประธานเอกพจน์
** ยกเว้นในกรณีถามประสบการณ์ใน Perfect tense จะใช้
S + verb to have + never… ในปฏิเสธ
verb to have + S + ever + …? ในคำถาม
ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น
– He has a big house. 🡪 He does not have a big house.
ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น
– He has a big house. 🡪 Does he have a big house?
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, he does. / No, he doesn’t.
ถ้าในประโยคมี Modal verb (can, should, must)
ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง Modal verb ได้เลย เช่น
– This bird can fly. 🡪 This bird cannot fly. **ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่าง can กับ not
– I should go outside. 🡪 I should not go outside.
ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา Modal verb มาไว้หน้าสุด เช่น
– This bird can fly. 🡪 Can this bird fly?
– I should go outside. 🡪 Should I go outside?
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, it can. / No, it can’t.
ถ้าในประโยคมีกริยาอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างบน
ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้าคำกริยา (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)
ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น
– We go to school together. 🡪 We do not go to school together.
ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น
– I love you. 🡪 Do you love me?
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, I do. / No, I don’t.
กรณีที่ 2 : เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นข้อมูลไม่ใช่ yes/no
ให้นำคำถามขึ้นต้นประโยค (Wh- question) มาไว้ด้านหน้าประโยคคำถามแบบ yes/no ได้เลย
-
What = อะไร มักใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เวลาวันที่
เช่น
What is your favorite animal?
What time is it?
-
Where = ที่ไหน มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่
เช่น
Where do we meet?
Where are you?
-
When = เมื่อไร มักใช้ถามเกี่ยวกับวันเวลา
เช่น
When is Christmas?
When will they sleep?
-
Why = ทำไม มักใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล
เช่น
Why are you so cute?
Why did you do that?
-
Who = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคน
เช่น
Who does he like?
Who is she?
-
Whose = ของใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ (ถามว่าเป็นของใคร)
เช่น
Whose pen is it?
Whose are these?
-
Whom = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคนเหมือน who แต่คนที่ถูกพูดถึงจะต้องเป็นกรรม
เช่น
Whom are you waiting for?
Whom do you serve?
-
Which = อันไหน/สิ่งไหน มักใช้ถามเวลาให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เช่น
Which dress do you like?
Which is nicer?
-
How = อย่างไร/เท่าไร มักใช้ถามเรื่องราคา จำนวน สุขภาพ อายุ ความถี่ วิธีการทำ
เช่น
How much is this?
How many pets do you have?
How do you do? หรือ How are you?
How old are you?
How often do you exercise?
How do you go to work?
Sara’s Day – featuring the Present Simple
What do you do EVERY DAY?
Wake up, go to work, have lunch, go home…
Watch this video about Sara’s day.
There are lots of examples of the PRESENT SIMPLE tense.
We use the Present Simple for repeated action, things that we always do.
Find out more about learning English with us:
Visit http://bigbusinessenglish.com/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
Present Simple Tense ในรูปประโยคคำถาม, ใช้ยังไง? | ครูแหม่ม by krumamclub
อธิบายการใช้ Present Simple Tense รูปประโยคคำถามแบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่าง
krumamclub
สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense
ติดตาม Facebook Fanpage ครูเชอรี่ English Bright
https://www.facebook.com/cherry.englishbright
Present Simple Tense [ ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม]
ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense
ประโยค present simple tense Present Simple Tense เรียนภาษาอังกฤษ
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ตัวอย่าง ประโยค present simple tense