in order that แปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
Conjunction/ Connector
คือ คำเชื่อม ได้แก่
And (และ)
ใช้เชื่อมข้อความคล้อยตาม กันสอดคล้องกันหรือเป็นไปทำนองเดียวกัน เช่น
We eat with fork and a spoon.
Tina and Tom are playing football.
Or (หรือ)
ใช้เชื่อมข้อความเพื่อเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
Is your house big or small?
Would you like tea or coffee?
But (แต่)
ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน เช่น
That house is beautiful but very expensive.
I can ride a bicycle but I can’t ride a horse.
Because (เพราะว่า)
ใช้เชื่อมข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกันโดย becauseจะนำหน้าประโยคที่เป็น สาเหตุ
เช่น
I like my sister because she is pretty.
She can pass the exam because she studies hard.
So (ดังนั้น)
ใช้เชื่อมข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกันโดย so จำนำหน้าประโยคที่เป็นผล
เช่น
Cathy eats a lot so she is fat.
My sister is pretty so I like her.
Though/although (แม้ว่า)
ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน เช่น
Although he ran very fast, he didn’t win the first prize.
Either….or (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2อย่าง)
ถ้านำมาเชื่อมประโยคในส่วนที่เป็นประธานจะ ใช้คำกริยาตามประธานตัวหลัง เช่น
Either you or he is wrong.
You can get either this pen or that pencil.
Neither …….nor (ไม่ทั้ง 2อย่าง)
ถ้านำมาเชื่อมประโยคในส่วนที่เป็นประธานจะ ใช้คำกริยาตามประธานตัวหลัง
เช่น
Neither I nor she speaks English.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Conjunction/ Connector แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1. การเชื่อมความ คือ การเชื่อม ประโยค กับ ประโยค
2. การเชื่อมคำ คือ การเชื่อม ประโยคหรือคำ กับ คำ
การเลือกตัวเชื่อมมีหลายวิธีด้วยกัน อาจเลือกจากความหมายของประโยค หรือ เชื่อมเพื่อลำดับเวลา เป็นต้น
ตัวเชื่อมประโยคที่เน้นความหมายแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม เช่น
– ประโยคบอกความคล้อยตามกัน หรือ เสริมความเพิ่มเติม จะใช้
and (และ)
besides (นอกจาก)
as well as (และ , เช่นเดียวกันกับ)
furthermore (ยิ่งไปกว่านั้น)
both … and (ทั้ง … และ)
not only … but also (ไม่เพียงแต่ … แต่ยัง)
in addition (และ)
moreover (ยิ่งไปกว่านั้น)
– ประโยคบอกความขัดแย้ง จะใช้
although / though , even though , even if (ถึงแม้ว่า)
however (อย่างไรก็ตาม)
but (แต่)
still (ยังคง)
yet (แต่กระนั้น)
nonetheless , nevertheless (แต่กระนั้นก็ตาม)
no matter what (ไม่ว่าอะไรก็ตาม)
no matter how (ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม)
– ประโยคที่ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้
either…or (ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง) , neither…nor (ไม่ทั้งคู่)
– ประโยคบอกเหตุ ใช้
because , as , since , for (เพราะว่า , เนื่องจาก)
– ประโยคบอกผล ใช้
so , therefore , thus , hence , thereby , accordingly , consequently (ดังนั้น)
– ประโยคบอกวัตถุประสงค์ ใช้
in order that , so that (เพื่อที่ว่า)
ทั้งหมดนี้เป็นการเชื่อมความ คือ เชื่อมประโยคกับประโยค
มาดูการเชื่อม ประโยค กับ คำ หรือ กลุ่มคำ บ้าง
– กลุ่มคำที่แสดงความขัดแย้ง ใช้
despite , in spite of (แม้ว่า)
– กลุ่มคำที่ใช้บอกเหตุ ใช้
due to , owing to , as a result of , on account of , because of , thanks to (เพราะว่า , เนื่องจาก)
– กลุ่มคำที่บอกตัวอย่าง ใช้
such as (อย่างเช่น)
– กลุ่มคำที่ใช้บอกวัตถุประสงค์ ใช้
in order to , so as to (เพื่อที่จะ)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความแตกต่างระหว่างตัวเชื่อม 2 ประเภท
1. ตัวเชื่อมความ คือ ตัวเชื่อมที่เชื่อมระหว่าง ประโยค กับ ประโยค
นี่จึงจะถือว่าเป็น Conjunction (ตัวเชื่อม) ของแท้
S + v + Conjunction + S + V ( ประโยค + ตัวเชื่อม + ประโยค)
2. ตัวเชื่อมคำ คือ ตัวเชื่อมที่เชื่อมระหว่าง ประโยค กับ คำ หรือ คำ กับ คำ
นี่เค้าเรียกว่า Preposition (บุพบท) นะตัว ต้องดูให้ดี
S + V + Prep. + n./obj. / pro. / V.ing (ประโยค + บุพบท + คำนาม/กรรม/คำสรรพนาม/ กิริยานาม)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัวเชื่อมใช้เลือกใช้ตามความหมาย แบ่งเป็นกลุ่มๆ
1. ตัวเชื่อมบอกความคล้อยตาม หรือ เสริมความเพิ่มเติมข้อมูล
ม้กจะมีความหมายเหมือนคำว่า U”and”U แปลว่า U”และ”U เวลาใช้ต้องใช้หลักการคู่ขนาน (Parallelism)ด้วยทุกครั้ง
คือ ถ้าหน้า and เป็น noun หลัง and ก็ต้องเป็น noun แน่นอน หรือ หน้า and เป็น adj. หลัง and ก็ต้องเป็น adj.
ในกลุ่มนี้มี
Besides (นอกจากนี้)
Moreover (ยิ่งไปกว่านั้น)
Furthermore (ยิ่งไปกว่านั้น)
In addition (ยิ่งไปกว่านั้น)
พวกนี้จะตามด้วยประโยค ( + S + V.)
Not only … but also (ไม่เพียงแต่ … แต่ยัง …)
Both … and … (ทั้ง … และ…)
… and … ( … และ …)
… as well as … ( … และ …)
พวกนี้ใช้หลัก Parallelism
ตัวอย่าง
I don’t want to go shopping;besides,I haven’t got any money.
ฉันไม่อยากไปช้อปเลย นอกจากนี้ฉันก็ยังไม่มีตังค์อีก
เขียนได้อีกแบบนึง
I don’t want to go shopping. Besieds,I haven’t got any money.
Not only Mr.White but also Mr.Bean takes in charge of this job.
ไม่เพียงแต่คุณไวท์เท่านั้นที่ควบคุมงานนี้แต่คุณบีนก็ด้วย
Jenny works as a translator as well as a teacher.
เจนนี่เธอเป็นทั้งนักแปลและครูด้วย
หมายเหตุ
Moreover , Furthermore , still ,yet , however และ nevertheless มีวิธีการเขียนอยู่ 2 แบบ เมื่อไปเจอการใช้ไม่เหมือนกันก็อย่าไปงงกับมัน
S + V ; ………. , S + V
S + V . ………. , S + V
2. ประโยคบอกความขัดแย้ง
กลุ่มนี้มีความหมายเหมือน U”but” แปลว่า “แต่”U
While , Although , Though , Eventough , Even if , But
Still, แต่กระนั้นก็ตาม
Yet, แต่กระนั้นก็ตาม
However,
Nevertheless,
Nonetheless,
No matter what ไม่ว่าอะไรก็ตาม
No matter how ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
+ S + V , S + V
ตัวเชื่อมพวกนี้สามารถวางขึ้นต้นประโยคหรือกลางประโยคก็ได้ ตัวอย่าง
Although he wore dirty clothes , he was a rich man. หรือ
He was a rich man although he wore dirty clothes.
ถึงแม้ว่าเขาจะสวมเสื้อผกสกปรกแต่เขาเป็นคนมีตังค์นะ
He never listens no matter what I say.
เขาไม่เคยรับฟังอะไรก็ตามที่ฉันพูดเลย
แต่ถ้าหลังตัวเชื่อมเป็นกลุ่มคำเราต้องเปลี่ยนมาใช้ preposition ในกรณีที่ต้องการความขัดแย้ง ค่ะ
S + V + despite / in spite of + N / V.ing
เช่น Despite having just a little money , we enjoy our life.
ถึงแม้จะมีตังค์เพียงน้อยนิด แต่พวกเราก็มีความสุขกันได้
3. ประโยคให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
Either … or ….หรือ …. (ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง)
Neither …. nor …. ไม่ทั้ง …. และ ….(ไม่ทั้งคู่)
ตัวอย่าง
You can ask either Nid or Nee to go with you.
คุณจะขอให้นิดหรือไม่ก็นีไปกับคุณก็ได้
Neither my mom nor I like Somtum.
ทั้งแม่และฉันต่างก็ไม่กินส้มตำ.
ปัฉฉิมลิขิต อย่าลืมหลัก Paralellism นะคะ
4. ประโยคบอกเหตุ
ทั้งหมดแปลว่า U”เพราะ , เนื่องจาก”U
S + V (ผล) + because,since,for + S + V (เหตุ).
ตัวอย่าง
We have to work harder because/as/since/for we need more money.
พวกเราจำเป็นต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมเพราะว่าอย่างได้เงินเยอะๆ
เราสามารถย้ายตัวเชื่อมได้ เพราะมันสามารถวางขึ้นต้นประโยคหรือกลางประโยคก็ได้
แต่ต้องระวังให้ดีเวลาย้ายตัวเชื่อมนะคะ ต้องให้ตัวเชื่อมอยู่หน้าประโยคบอกเหตุเสมอ
ย้ำ ตัวเชื่อมพวกนี้ต้องตามด้วยประโยคเสมอ เพราะเป็นตัวเชื่อมที่เชื่อมระหว่า ประโยค กับ ประโยค
มาดูตัวเชื่อมที่ใช้เชื่อมระหว่างประโยคกับกลุ่มคำ กับบ้าง
due to / owing to / because of / as a result of / on account of / thanks to + V.ing / Noun (สาเหตุ) ตัวอย่าง
Owing to the bad weather,the match was cancelled.
เนื่องจากสภาพอากาศที่แย่ การแข่งขันฟุตบอลจึงถูกยกเลิกไป
Our flight was delayed on account of bad weather.
เที่ยวบินพวกเราต้องถูกงดเพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ
ตัวเชื่อมสามารถวางไว้ต้นประโยคได้ แต่ต้องมีกลุ่มคำหรือคำตามหลังเสมอ
5. ประโยคบอกผล
แปลว่า U”ดังนั้น”U
So / Therefore, / Thus, / Hence, / Thereby, / Accordingly, / Consequently, + S + V. (ผล)
ตัวอย่าง
The traffic was very heavy and as a result I arrived late.
เป็นเพราะการจราจรติดขัด (เหตุ)ฉัน จึงมาสาย (ผล)
Our new home is very nice ; therefore,we are very happy.
6. ประโยคบอกวัตถุประสงค์
แปลว่า U”เพื่อที่ว่า”U
S + V + in order that / so that + S + Modal verb (can,could) + V.inf ตัวอย่าง
We get up early in order that we could catch the bus.
พวกเราตื่นเช้าเพื่อที่ว่าพวกเราจะไ ด้ทันรถประจำทาง
She wore glassed so that nobody could recognize her.
เธอสวมใส่แว่นเพื่อที่ว่าจะไม่มีใครจำเธอได้
หรือ อาจจะใช้เชื่อมกับกลุ่มคำ ก็ได้
S + V + in order to / so as to + V.inf ตัวอย่าง
She travelled by train in order to / so as to avoid the traffic.
เธอเดินทางโดยรถไฟเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร (การจราจรอาจติดขัด)
7. ประโยคบอกตัวอย่าง
S + V. For example , S + V. (ตัวอย่าง)
ตัวอย่าง
There are many way to keep yourself fit. For example,you should exercise at least 30 minutes a day.
มีหลายวิธีที่จะทำให้คุณหุ่นดี ตัวอย่างเช่น คุณต้องออกกำลังการอย่างน้อยวันละ 30 นาที
หรืออาจจะเป็นตัวเชื่อม กับ กลุ่มคำหรือคำ
S + V + such as + noun / phrase ตัวอย่าง
Fatty foods such as chips are bad for you.
อาหารมันๆเช่น มันฝรั่งทอดไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ
8. ประโยคที่บอกปริมาณ ในความหมายที่ว่า …….. มาก เสียจนกระทั่ง
S + V + so + adj/adv. + that + S + V.
S + V + such + noun + that + S + V.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Tip !! วีธีการสังเกต
such เป็นคำ adj. ต้องอยู่ข้างหน้า noun เสมอ
ตัวอย่าง
The teacher speaks so cleary that we understand everything.
คุณครูพูดได้ชัดเจนแจ่มแจ้งมากจนกระทั้งพวกเราเข้าใจหมดทุกอย่างเลย
He is such an annoying man that we avoid talking with him.
เขาเป็นคนน่ารำคาญมากเสียจนกระทั่งพวกเราหลีกเลี่ยงที่จะพูดกับเขา
หรืออาจใช้เป็นตัวเชื่อมคำ
S + V + too + adj/adv. + to + V.inf แปลว่า มากเกินไป
ตัวอย่าง
He walks too slowly to arrive on time.
เขาเดินช้ามากเกินไปเลยไปถึงไม่ตรงเวลา
Tip
on time หมายถึง บนจุดของเวลา เมื่อเราใช้ on time จะมีความหมายว่า ตรงเวลา
in time หมายถึง ในช่วงของเวลา เมื่อเราใช้ in time จะมีความหมายเหมือน ทันเวลา , ภายในเวลาที่กำหนด
ออกนอกเรื่องอีกแล้ว
หรือ S + V + adj/adv. + enough to + V.inf แปลว่า เพียงพอที่จะ…
ตัวอย่าง
This lady is rich enough to buy this castle.
ท่านผู้หญิงคนนี้รวยพอที่จะซื้อประสาทแห่งนี้
Share this:
Like this:
ถูกใจ
กำลังโหลด…
[Update] adverb clause คืออะไร มีอะไรบ้าง พร้อมตัวอย่างประโยคเสริมความเข้าใจ | in order that แปลว่า – NATAVIGUIDES
0
SHARES
adverb clause คือ adverb ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ขยายความให้ชัดเจนว่า ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไม อย่างไร ฯลฯ ซึ่งจะมาในรูปของ dependent clause หรือ อนุประโยคไม่อิสระ
Adverb clause คืออะไร
- adverb แปลว่า คำคุณศัพท์
- clause แปลว่า อนุประโยค
- adverb clause แปลว่า วิเศษณานุประโยค คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์
Adverb Clause หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Adverbial Clause ทำหน้าที่เหมือนกับ adverb นั่นแหละครับ แต่หน้าตาของมันเป็นเช่นไร ไปดูพร้อมๆกันเลยครับ
Adverb คืออะไร
Adverb คือคำกริยาวิเศษณ์ ที่มาในรูปแบบเป็นคำๆ เป็นคำที่บอกเวลา สถานที่ อาการ ความถี่ห่าง บอกระดับ ซึ่งเราจำแนกออกเป็น 5 ประเภทหลักๆด้วยกัน
- I will sit there. ฉันจะนั่งตรงนั้น
คำว่า there แปลว่า ตรงนั้น เป็น adverb บอกสถานที่
- I will eat this cake tomorrow. ฉันจะกินเค้กนี้พรุ่งนี้
คำว่า tomorrow แปลว่า พรุ่งนี้ เป็น adverb บอก เวลา
อ่านเพิ่มเติม > Adverb คืออะไร
อ่านเพิ่มเติม > Clause คืออะไร
Adverb Clause คืออะไร
Adverb Clause คือ อนุประโยคทำหน้าที่เป็นกริยาวิเศษณ์ ซึ่งขึ้นชื่อว่า อนุประโยคแล้ว มันก็จะมาแบบยาวๆหน่อย ไปดูตัวอย่างเปรียบเทียบกับด้านบนนะครับ ว่ามันต่างกันอย่างไร
- I will sit where I want to sit. ฉันจะนั่งตรงที่ฉันอยากจะนั่ง
where I want to sit เป็น adverb clause
- I will eat this cake when I am hungry. ฉันจะกินเค้กนี้เมื่อฉันหิว
when I am hungry เป็น adverb clause
Adverb Clause มีกี่ประเภท
Adverb clause สามารถจำแนกออกเป็น 8 ประเภทหลักๆด้วยกันดังนี้
1. Adverb Clause of Time
adverb clause บอกเวลา คำที่ใช้บ่งบอกเวลาได้แก่ when, whenever, while, before, after, as, as soon as, as long as, by the time, since, till, until
- While I was walking to school, I saw a big bird.
- ตอนที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน ฉันเห็นนกตัวใหญ่
- As soon as the dog saw me, It ran to me.
- ทันทีที่สุนัขเห็นฉัน มันก็วิ่งมาหาฉัน
- After I took a bath, I ate dinner.
- หลังจากฉันอาบน้ำ ฉันกินข้าวเย็น
2. Adverb Clause of Place
Adverb Clause บอกสถานที่ คำบ่งบอกสถานที่ได้แก่ where, wherever, anywhere
- You can sit wherever you like.
- คุณสามารถนั่งตรงไหนก็ได้ที่คุณต้องการ
- I will go anywhere I want to.
- ฉันสามารถไปที่ไหนก็ได้ที่ฉันต้องการ
3. Adverb Clause of manner
adverb clause บอกอาการ คำบ่งบอกอาการได้แก่ as, as if, as though, like
- He ordered me as if he is my boss.
- เขาสั่งฉันราวกับว่าเขาเป็นเจ้านายฉัน
- Please love me like I do.
- กรุณารักฉันเหมือนที่ฉันรัก
4. Adverb Clause of comparision
adverb clause บอกการเปรียบเทียบ คำบ่งบอกการเปรียบเทียบ ได้แก่ as…as, as…so, than
- She is as tall as I am.
- หล่อนสูงเท่าฉัน
- She works harder than Jo does.
- หล่อนทำงานหนักกว่าโจ
- She is more beautiful than Jane is.
- หล่อนสวยกว่าเจน
5. Adverb Clause of condition
adverb clause บอกเงื่อนไข คำบ่งบอกเงื่อนไข ได้แก่ if, unless, whether, supposed, as long as, provided that
- If you go, I will go with you.
- ถ้าคุณไป ฉันจะไปกับคุณ
- I won’t go unless you go with me.
- ฉันจะไม่ไป เว้นเสียแต่ว่าคุณไปกับฉัน
6. Adverb Clause of contrast
adverb clause บอกความขัดแย้ง คำบ่งบอกความขัดแย้ง ได้แก่ while, though, even if, even though, despite, in spite of, whereas
- I still love you, even though you don’t love me.
- ฉันยังคงรักเธอ แม้ว่าเธอไม่รักฉัน
- She is cooking while her husband does nothing.
- เธอกำลังทำอาหาร ในขณะที่สามีของเธอไม่ทำอะไรเลย
7. Adverb Clause of purpose
adverb clause บอกจุดประสงค์ คำบ่งบอกจุดประสงค์ ได้แก่ that, so that, in order that
- We work hard so that we earn more money.
- เราทำงานหนัก เพื่อว่าเราจะมีรายได้มากขึ้น
- She will finish her homework tonight in order that she can go with us tomorrow.
- หล่อนจะทำการบ้านให้เสร็จคืนนี้ เพื่อว่าหล่อนจะสามารถไปกับเราได้วันพรุ่งนี้
8. Adverb Clause of reason
adverb clause บอกเหตุผล คำบ่งบอกเหตุผล ได้แก่ as, because, since, for, that
- I want to see you every day because I love you.
- ฉันอยากเจอคุณทุกวัน เพราะว่าฉันรักคุณ
- He can’t come today since he got an accident yesterday.
- เขาไม่สามารถมาได้วันนี้ เนื่องจากเขาประสบอุบัติเหตุเมื่อวานนี้
ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…
คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…
Using In order to, So as to, So that and In order that- to Express Purpose in English
in order to so as to so that and in order that
This is my video 39 of this English Speaking Course series. In this video, we will learn how to use \”in order to so as to so that and in order that\” with Examples to sound fluently in English.
How to use these conjunctions in order to so as to so that and in order that in English
1. In order to
In order not to
2. So as to
So as not to
3. So that
4. In order that
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
견생 첫 애견 글램핑장 ★ 짜장이만을 위한 하루(?)ㅣHamzy
애견글램핑 개헤엄 우대갈비
PENBOOK Tiếng Anh 12: Dạng 8.1 – Mệnh đề trạng ngữ chỉ mục đích
PENBOOK Tiếng Anh 12: Dạng 8.1 Mệnh đề trạng ngữ chỉ mục đích
PENBOOK: Bộ sách luyện đề bám sát cầu trúc đề thi chính thức, phá đảo 910 điểm thi THPTQG 2020
ĐẶT SÁCH PENBOOK tại: http://bit.ly/2LO26C0
PENI: Chiến thuật LUYỆN ĐỀ HẠ GỤC mọi dạng bài thi THPT QG 2020
Học thử MIỄN PHÍ: http://bit.ly/35uwmJC
2k2 ÔN LÀ ĐỖ trường TOP ít nhất 24 điểm !!!
Hamzy (Food Vlogger) Biography,Net Worth,Income,Boyfriend,Family,Cars,House \u0026 LifeStyle 2021
Hamzy is also one of the biggest internet celebrities in South Korea.
Hamzy is a Youtube personality with over 7 million subscribers, who is now in the middle of a controversy between South Korea, China, and the fermented cabbage side dish known as kimchi.
According to CGTN, it all started when Hamzy uploaded a video on her Youtube account where she was eating a \”Super Spicy Octopus Bibimbap,\” which featured some fried eggs and kimchi.
She started her channel since 25 Sep 2012 and already getting 7 million subscribers. As of 2021, his channel earned more than 2 Billion views.
Her favorite hobbies is traveling, eating and photo shooting.
Copyright Disclaimer Under Section 107 of the Copyright Act 1976, allowance is made for \”fair use\” for purposes such as criticism, comment, news reporting, teaching, scholarship, and research. Fair use is a use permitted by copyright statute that might otherwise be infringing. Nonprofit, educational or personal use tips the balance in favor of fair use.
Other Channel:
Celebrity News Facts:https://www.youtube.com/channel/UCm4S27WzSRGS2x4BOBfteCw
Baby Drawing School:https://www.youtube.com/channel/UClE7RFGm15bYQ5QJlWytXw
MORE VIDEOS:https://www.youtube.com/watch?v=lHkSDXY03HA
:https://www.youtube.com/watch?v=cBbqL4aKatA
:https://www.youtube.com/watch?v=3nM64wxvOZI
:https://www.youtube.com/watch?v=W_TJ6CKFLA4
:https://www.youtube.com/watch?v=Hzi5STtrmcQ
:https://www.youtube.com/channel/UCctJthqigctn5sKJbRr7xA/videos
Follow us on
Facebook: https://www.facebook.com/HORSE4U2123431934638808/?modal=admin_todo_tour
Twitter: https://twitter.com/4u_horse
Instagram: https://www.instagram.com/horse4u6/
Google+: https://plus.google.com/
THANKS FOR WATCHING.
HAMZY_FOOD_VLOGGERLIFESTYLE
การใช้ in order to และ so that
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ in order that แปลว่า