bus พหูพจน์: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
Post on 16 / 02 / 20
2.1K viewed
ในบทความที่แล้ว เราได้อธิบายเรื่องคำนามเอกพจน์ และ คำนามพหูพจน์ไปแล้ว พร้อมทั้งติดค้างเรื่องหลักการการเปลี่ยน “คำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์” ในบทความนี้จึงจะมาเริ่มอธิบายหลักการให้ฟังดังนี้
พจน์ แปลว่า คำพูด/ถ้อยคำ | เอก แปลว่า หนึ่ง | พหู แปลว่า หลาย
การเปลี่ยน “คำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์”
การเปลี่ยนจาก คำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์นั้น จะมีนิยามสรุปต่าง ๆ กันไป ณ ที่นี้เราจะขอสรุปแบบยาว ๆ ให้ดูกันเลยว่ามีอยู่ทั้งหมด 12 ข้อ
แต่เดี๋ยวก่อนถ้าต้องการรู้เลยว่า คำนามเอกพจน์ไหน จะเปลี่ยนร่างเป็นคำนามพหูพจน์ยังไง โดยไม่มีเวลาไล่อ่านหลักการ เราแนะนำแน่เลย เครื่องมือช่วยเปลี่ยน คำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์ หากมีเวลาและอยากเข้าใจหลักการแบบละเอียด ก็อ่านได้ตามด้านล่างกันเลย
1. โดยทั่วไปเติม s หลังนามเอกพจน์ เช่น
Singular
Plural
Singular
Plural
apple ( แอปเปิล )
apples
stamp ( แสตมป์ )
stamps
comb ( หวี )
combs
face (หน้า )
faces
computer ( คอมพิวเตอร์ )
computers
2. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x, z ให้เติม es เช่น
Singular
Plural
Singular
Plural
glass ( แก้ว )
glasses
dish ( จาน )
dishes
bus ( รถประจำทาง )
buses
box ( กล่อง )
boxes
church ( โบสถ์ )
churches
quiz ( การสอบสั้นๆ )
quizes
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย o และหน้า o เป็นพยัญชนะ เติม es เช่น
Singular
Plural
Singular
Plural
tomato ( มันฝรั่ง )
tomatoes
echo ( เสียงก้อง )
echoes
potato ( มันฝรั่ง )
potatoes
torpedo ( ตอร์ปิโด )
torpedoes
hero ( วีรบุรุษ )
heroes
ข้อยกเว้น คำนามที่ลงท้ายด้วย o บางคำที่ข้างหน้าเป็นสระหรือพยัญชนะ เติม s เช่น
Singular
Plural
Singular
Plural
auto (รถยนต์ )
autos
casino ( บ่อนการพนัน )
casinos
bamboo ( ไม้ไผ่ )
bamboos
piano ( เปียโน )
pianos
studio (ห้องสตูดิโอ )
studios
tobacco ( ยาสูบ )
tobaccos
kangaroo ( จิงโจ้ )
kangaroos
kilo ( กิโล )
kilos
ข้อยกเว้น นามที่ลงท้ายด้วย o บางคำจะเติม s หรือ es ได้ทั้งสองอย่าง
Singular
Plural
Singular
Plural
cargo ( สินค้า )
cargos,cargoes
buffalo ( ควาย )
buffalos, buffaloes
mango ( มะม่วง)
mangos,mangoes
motto ( ภาษิตประจำใจ )
mottos,mottoes
mosquito ( ยุง )
mosquitos, mosquitoes
zero ( เลขศูนย์ )
zeros, zeroes
4. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
Singular
Plural
Singular
Plural
army ( กองทัพ )
armies
lady ( สุภาพสตรี )
ladies
family ( ครอบครัว )
families
library ( ห้องสมุด )
libraries
baby ( เด็ก )
babies
ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้เติมเพียง s
Singular
Plural
Singular
Plural
toy ( ของเล่น )
boy ( เด็กชาย )
key ( กุญแจ )
day ( วัน )toys
boys
keys
daysmonkey ( ลิง )
storey ( ชั้น )
valley ( หุบเขา )monkeys
storeys
valleys
5. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe เปลี่ยนให้เป็น v แล้วเติม es เช่น
Singular
Plural
Singular
Plural
calf ( ลูกวัว)
calves
wolf ( หมาป่า )
wolves
thief ( ขโมย )
thieves
life ( ชีวิต )
lives
knife ( มีด )
knives
wife ( ภรรยา )
wives
half ( ครึ่ง )
halves
ยกเว้นคำต่อไปนี้เติม s เท่านั้น
Singular
Plural
Singular
Plural
belief ( ความเชื่อถือ)
beliefs
dwarf ( คนแคระ )
dwarfs
brief ( สำนวนคดีความ )
briefs
grief ( ความเศร้าโศก )
griefs
chef ( หัวหน้าพ่อครัว )
chefs
gulf ( อ่าว )
gulfs
chief ( หัวหน้า)
chiefs
reef (หินโสโครก )
reefs
cliff ( หน้าผา )
cliffs
safe ( ตุ้นิรภัย)
safes
คำต่อไปนี้ทำได้ 2 แบบคือ
Singular
Plural
Singular
Plural
scarf ( ผ้าพันคอ )
scarfs,scarves
roof ( หลังคา )
roofs,rooves
staff (คณะบุคคล )
staffs,staves
wharf (ท่าเรือ )
wharfs ,wharves
6. ทำเป็นนามพหุพจน์โดยเปลี่ยนภายในคำ
Singular
Plural
Singular
Plural
goose ( ห่าน )
geese
man ( ผู้ชาย )
men
louse ( เหา,หมัด )
lice
woman (ผู้หญิง )
women
mouse ( หนู )
mice
ox ( วัว )
oxen
foot ( เท้า )
feet
child ( เด็ก )
children
tooth ( ฟัน )
teeth
7. คำต่อไปนี้เหมือนกันทั้งรูปพหูพจน์ และ เอกพจน์
Singular &
PluralSingular &
PluralSingular &
PluralSingular &
Pluralaircraft ( เครื่องบิน )
herring ( ปลาเฮอริง )
deer ( กวาง )
species ( ชนิด )
carp ( ปลาคาร์พ )
salmon ( ปลาซาลมอน )
bison ( วัวกระทิง )
corps ( กองร้อย )
fish ( ปลา )
mackerel ( ปลาแมคเคอเรล )
shellfish( สัตว์น้ำที่มีเปลือก )
series ( ชุด )
sheep ( แกะ )
trout ( ปลาเทร้า )
barracks ( โรงเรือนทหาร )
8. คำนามต่อไปนี้มีรูปพหูพจน์แต่ใช้อย่างเอกพจน์
economics (วิชา เศรษฐศาสตร์ )
civics ( วิชาหน้าที่พลเมือง )
works ( โรงงาน ผลงาน )
ethics (วิชาศีลธรรม)
mumps ( คางทูม)
news ( ข่าว )
mathematics ( คณิตศาสตร์ )
teens ( คนวัย 13 – 19 ปี )
ashes ( ขี้เถ้า )
mechanics ( กลสาสตร์ )
twenties ( คนวัย 20-29 )
measles ( หัด )
politics ( การเมือง )
thirties ( คนวัย 30 – 39 )
tactics ( กลยุทธ )
sciences ( วิทยาศาสตร์ )
headquarters ( สำนักงานใหญ่)
means ( วิธี )
statistics (วิชาสถิติ )
whereabouts ( ที่อยู่ )
เช่น Mathematics is my favorite subject.
Measles is still a fairly serious childhood disease in some countries.
9. คำนามต่อไปนี้มีรูปพหูพจน์และใช้อย่างความหมายพหูพจน์ เช่น
arms ( อาวุธ )
pajamas ( ชุดนอน )
thanks ( ความขอบคุณ )
assets (ทรัพย์สิน )
scissors ( กรรไกร )
shorts ( กางเกงขาสั้น )
auspices ( ฤกษ์ )
drawers ( ลิ้นชัก )
wages ( ค่าจ้าง )
biceps ( กล้ามเนื้อแขน )
sheers ( กรรไกรยาว )
intestines ( ลำใส้ใหญ่ )
clothes ( เสื้อผ้า )
suds ( ฟองสบู่ )
goods ( สินค้า )
contents ( สารบัญ )
spectacles ( แว่นตา )
eyeglasses ( แว่นตา )
customs ( ภาษีศุลกากร )
earnings ( รายได้ )
trousers,pants ( กางเกง )
jeans ( กางเกงจีนส์ )
binoculars ( กล้องส่องทางไกล )
sandals ( รองเท้าแตะ )
remains ( ซากที่เหลืออยู่ )
credentials ( หนังสือรับรอง )
เช่น My trousers are too long.
The company’s earings have increased for the last five years.
10. นามต่อไปนี้มีรูปเป็นเอกพจน์ แต่ใช้ในความหมายพหูพจน์
people( ประชาชน )
cattle ( ปศุสัตว์ )
youth ( คนหนุ่มสาว )
police ( ตำรวจ )
majority ( คนส่วนมาก )
swine ( สัตว์พันธุ์หมู รวมทั้งหมูป่า)
poultry ( สัตว์ปีก )
minority ( คนส่วนน้อย )
clergy ( พระฝรั่ง )
offspring ( ลูก )
เช่น They are nice people.
The police are looking for the Olympic Park bomber.
11. นามต่อไปนี้ เมื่อเป็นเอกพจน์มีความหมายอย่างหนึ่ง และเมื่อเป็นพหูพจน์มีความหมายอีกอย่างหนึ่ง
Singular
Plural
advice ( คำแนะนำ )
advices ( รายงาน )
air ( อากาศ )
airs (การวางท่าหยิ่ง )
color ( สี )
colors ( ธงประจำกองทหาร ธงชาติ )
compass ( เข็มทิศ )
compasses ( วงเวียน )
content ( ความพอใจ )
contents ( สารบัญ )
copper ( ทองแดง )
coppers ( เหรียญทองแดง )
custom ( ธรรมเนียม ประเพณี )
customs ( ศุลกากร )
draught ( กระแสลม )
draughts ( หมากรุกฝรั่ง )
dump (ที่ทิ้งขยะ )
dumps ( ความหดหู่ )
effect ( ผลกระทบ )
effects ( ทรัพย์สิน )
force ( อิทธิพล )
forces ( กองทัพ )
good ( ดี )
goods ( สินค้า )
ground ( ดิน )
grounds ( เหตุผล )
iron ( เหล็ก )
irons ( โซ่ตรวน )
manner ( วิธี อาการ)
manners ( มารยาท )
minute ( นาที )
minutes ( รายงานการประชุม )
physic ( ยา )
physics ( วิชาฟิสิกส์ )
quarter ( หนึ่งในสี่ )
quarters ( ที่อยู่อาศัย )
return ( การกลับ )
returns ( ผลกำไร ผลตอบแทน )
sand ( ทราย )
sands ( หาดทราย )
spirit ( น้ำใจนักกีฬา,วิญญาณ )
spirits ( เหล้า ปีศาจ )
water ( น้ำ )
waters ( แหล่งน้ำ น่านน้ำ )
work ( งาน ผลงาน )
works ( โรงงาน )
12. คำนามที่มาจากภาษาอื่น ซึ่งภาษาอังกฤษยืมมาใช้
Singular
Plural
มาจากภาษาลาติน เช่น
agendum (ระเบียบวาระ )
agenda
alumnus ( ศิษย์เก่าชาย )
alumni
appendix (ไส้ติ่ง,ภาคผนวก )
appendixes ( ไส้ติ่ง )
appendices ( ภาคผนวก )
bacterium ( แบคทีเรีย )
bacteria
curriculum ( หลักสูตร )
curricula
fungus ( รา )
fungi
focus ( จุดรวม )
foci, focuses
genius ( อัจฉริยะ )
genii
index ( ดรรชนี เลขชี้กำลัง)
indexes ( ดรรชนี ) fungi
matrix ( เบ้าแบบ )
matrices
maximum ( มากที่สุด )
indices ( เลขชี้กำลัง )maxima
medium ( สื่อ )
media ( สื่อมวลชน )
mediums ( ตัวกลาง )
memorandum ( บันทึกช่วยจำ )
memoranda
ovum ( รังไข่ )
ova
radius ( รัศมี )
radii
spectrum ( แสงสเปคตรัม )
spectra
มาจากภาษากรีก เช่น
axis ( แกน )
axes
analysis ( บทวิเคราะห์ )
analyses
basis ( หลักเกณฑ์ )
bases
crisis ( วิกฤตการณ์ )
crises
criterion ( สิ่งที่เป็นเกณฑ์ )
criteria
diagnosis ( ข้อวินิจฉัย)
diagnoses
parenthesis ( วงเล็บ)
parentheses
phenomenon ( ปรากฏการณ์ )
phenomena
hypothesis ( สมมุติฐาน )
hypotheses
synthesis ( บทสังเคราะห์ )
syntheses
synopsis ( บทสรุป )
synopses
[Update] ข้อสังเกตการใช้Countable and Uncountable nouns | bus พหูพจน์ – NATAVIGUIDES
Countable nouns (เค้าเทเบิล นาวสฺ) คือ ชื่อของสิ่งต่างๆ บุคคล หรืออื่นๆ ที่เราสามารถนับเป็นชิ้นเป็นอันเป็นตัวได้ เช่น เราสามารถพูดว่า
เอกพจน์
one cup (วัน คัพ) ถ้วย 1 ใบ
one egg (วัน เอ้ก) ไข่ 1 ฟอง
พหูพจน์
two cups (ทู คัพสฺ) ถ้วย 2 ใบ
five eggs (ไฟ้วฺ เอ้กสฺ) ไข่ 5 ฟอง
Uncountable nouns (อันเค้าเทเบิล นาวสฺ) คือ ชื่อของสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถนับได้ เช่น เราไม่สามารถพูดว่า
one rice X two rices X
ข้อสังเกต จากตัวอย่างที่ยกมา Countable nouns เป็นได้ทั้งรูปเอกพจน์ (singular form ซิงกิวเลอะ ฟอม) และพหูพจน์(plural form พลูเริล ฟอม) ส่วน Uncountable nouns มีเพียงรูปเอกพจน์ไม่สามารถวางคำแสดงจำนวนนับไว้ข้างหน้าได้ และไม่มีรูปพหูพจน์
ปกติหน้าคำนามนับได้รูปเอกพจน์ เรามักจะใช้คำ อาทิ a, an, one หรีออื่นๆ
ตัวอย่าง
I’ve got an egg. ฉันมีไข่ 1 ฟอง
He has a dog. เขามีสุนัข 1 ตัว
ในกรณีของคำนามนับได้พหูพจน์ และคำนามนับไม่ได้ เราอาจจะใช้คำว่า some (ซัม) แปลว่า “มีอยู่บ้าง” วางหน้านามก็ได้ หรืออาจจะไม่ใช้คำว่า some เลยก็ได้
ตัวอย่าง
We’ve got some oranges. เรามีส้มอยู่บ้าง
There’s some petrol. มีน้ำมันอยู่บ้าง
We’ve got oranges. เรามีส้ม
There’s petrol. มีนํ้ามัน
คำนามต่อไปนี้เป็นคำนามนับไม่ได้ ได้แก่
advice (แอ็ดไวซฺ) คำแนะนำ
bread (เบรด) ขนมปัง
furniture (เฟอนิเชอะ) เครื่องเรือน
hair (แฮ) ผมบนศีรษะ
information (อินฟอเมเชิ่น) ข้อมูล
money (มันนิ) เงิน
news (นิวสฺ) ข่าว
weather (เวเธอะ) อากาศ
spaghetti (สปาเก็ททิ) สปาเก็ตตี
ฉะนั้น
He’s got a bread. (ผิด)
He’s got some bread. (ถูก)
Her hairs are lovely. (ผิด)
Her hair is lovely.(ถูก)
ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า เราไม่สามารถนับคำนามที่เป็นนามนับไม่ได้ หากประสงค์จะนับจำนวนก็มีวิธี นั่นคือให้นับจำนวนภาชนะที่บรรจุคำนามนับไม่ได้ ได้แก่ glass (กลาส) = แก้ว, packet (เพ็กเค็ท) = ห่อ, carton (คาร์ทัน) = กล่อง, bottle (บ็อทเทิล) = ขวด, litre (ลิเทรอะ) = ลิตร, can (แคน = กระป๋อง, loaf (โลฟ) = ก้อน เช่น
a glass of water (เออะ กลาส ออฟ วอเทอะ) น้ำ 1 แก้ว
two packets of rice (ทู แพ็กเค็ทสฺ ออฟ ไรซฺ) ข้าว 2 ห่อ
three cartons of milk
(ธรี คาร์ทันสฺ ออฟ มิลคฺ)
นม 3 กล่อง
A bottle of oil
(เออะ บ็อททึ่น ออฟ ออย)
น้ำมัน 1 ขวด
two cans of lemonade
(ทู แคนสฺ ออฟ เลเมอะเนด)
นํ้ามะนาว 2 กระป๋อง
A loaf of bread
(เออะ โลฟ ออฟ เบรด)
ขนมปัง 1 ก้อน
ข้อสังเกต He’s got some bread. (นับไม่ได้)
He’s got a loaf of bread. (นับได้)
There’s some milk. (นับไม่ได้)
There are three cartons of milk. (นับได้)
คำนามส่วนมากในภาษาอังกฤษจัดอยู่ในประเภทของคำนามนับได้ นั่นก็หมายถึงว่า คำนามประเภทนี้มีทั้งรูปเอกพจน์ (singular form ซิงกิวเลอะ ฟอม) และรูปพหูพจน์ (plural form พลูเริล ฟอม) ซึ่งกฎเกณฑ์ในการเปลี่ยนคำนามนับได้จากรูปเอกพจน์เป็นรูปพหูพจน์มีดังนี้
1. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ส่วนมากเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์โดยการเติม -s เช่น a book – two books, a bus stop – three bus stops, a holiday – five holidays, a computer game – computer games ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
I haven’t read a book for ages.
ผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งมานานแล้ว
พหูพจน์
I haven’t read books for ages.
ผมไม่ได้อ่านหนังสือมานานแล้ว
เอกพจน์
We need a holiday a year.
เราต้องการวันหยุดสักครั้งหนึ่งในหนึ่งปี
พหูพจน์
We need at least three holidays a year.
เราต้องการวันหยุดอย่างน้อยที่สุดสามครั้งในหนึ่งปี
2. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย -ss, -s, -ch, -sh, -x เปลี่ยน เป็นรูปพหูพจน์ได้โดยการเติม -es เช่น a class – two classes, a bus – many buses, a Swiss watch – a few Swiss watches, a dish – two dishes, a box – three boxes ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
I’m in class 4.
ผมเรียนอยู่ชั้น ป.4
พหูพจน์
I have two classes today.
วันนี้ผมมีเรียนสองวิชา
เอกพจน์
Put that box over there.
วางกล่องใบนั้นที่โน่น
พหูพจน์
Put those boxes over there.
วางกล่องเหล่านั้นที่โน่น
3. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ส่วนใหญ่ที่ลงท้ายด้วย -0 เปลี่ยนเป็นรูป พหูพจน์โดยการเติม -es เช่น a potato – some potatoes, a tomato – many tomatoes แต่คำนามนับได้รูปเอกพจน์บางคำซึ่งมีเป็นส่วนน้อยที่เปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์โดยเติม –s เช่น a radio – many radios, a piano – two pianos, a photo – a lot of photos ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
Is that a potato ?
นั่นใช่มันฝรั่งหัวหนึ่งหรือเปล่า
พหูพจน์
Are those potatoes?
เหล่านั้นเป็นมันฝรั่งใช่ไหม
เอกพจน์
This is my photo.
นี้เป็นรูปถ่ายของผม
พหูพจน์
These are your photos.
รูปถ่ายเหล่านี้เป็นของคุณ
4. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย “อักษรพยัญชนะ + y” เปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ดังนี้คือ “อักษรพยัญซนะ + ies” นั่นคือเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es โดยมีข้อแม้ว่าหน้า y ต้องเป็นอักษรพยัญชนะ เช่น a country – many countries, a baby – two babies, a lady – many ladies แต่ถ้าอักษรหน้า y ของคำนามนับได้รูปเอกพจน์นั้นเป็นอักษรสระ ได้แก่ a, e, i, o, u เปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ โดยการเติม -s เช่น a day – three days, a boy – a few boys, a toy – many toys ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
We visited a country in Europe.
เราได้ไปเที่ยวประเทศหนึ่งในยุโรป
พหูพจน์
We visited many countries in Europe.
เราได้ไปเที่ยวหลายประเทศในยุโรป
เอกพจน์
I wil stay here for a day.
เราจะพักอยู่ที่นี่หนึ่งวัน
พหูพจน์
I will stay here for three more days.
เราจะพักอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสามวัน
5. คำนามนับได้รูปเอกพจน์บางคำมีรูปพหูพจน์โดยไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวมา ต้องอาศัยการจำหรือใช้บ่อยๆ ได้แก่ a woman – two women, a man – men, a tooth – many teeth, a mouse – a few mice, a fish – a lot of fish, a sheep – many sheep, a child – few children, a person -people, a foot – feet, a louse – a few lice, a deer – deer, an ox – two oxen ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
That child is naughty.
เด็กคนนั้นซุกซน
พหูพจน์
Those children are naughty.
เด็กๆ เหล่านั้นซุกซน
เอกพจน์
A person just arrived here.
มีคนหนึ่งเพิ่งมาถึงที่นี่
พหูพจน์
A lot of people came here.
มีหลายคนมาที่นี่แล้ว .
คำนามนับไม่ได้
คำนามนับไม่ได้ เป็นคำนามที่เราไม่สามารถนับได้โดยตรง คำนามประเภทนี้ มักใช้เครื่องตวงวัดเป็นเครื่องมือในการนับ ฉะนั้นจึงพอสรุปกฎเกณฑ์การใช้ได้ดังนี้
1. คำนามนับไม่ได้ไม่มีรูปพหูพจน์ เช่น rain, milk, money, ice, rice, work(งาน), snow, coffee, tea, air ฯลฯ
ตัวอย่าง
ผิด Coffees are bad for your health.
ถูก Coffee is bad for your health.
กาแฟเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ผิด If you need to change moneys, go to the bank.
ถูก If you need to change money, go to the bank.
ถ้าคุณต้องการแลกเปลี่ยนเงิน จงไปที่ธนาคาร
2. หากคำนามนับไม่ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งประธาน (subject ซับเจ็ก ทฺ) ของประโยค จะต้องใช้กริยาในรูปเอกพจน์ (singular verb ซิงกิวเลอะ เวิบ)
ตัวอย่าง
ผิด Rices are the basic ingredient of Eastern cooking.
ถูก Rice is the basic ingredient of Eastern cooking.
ข้าวเป็นส่วนประกอบหลักของการปรุงอาหารในซีกโลกตะวันออก
ผิด Waters are more important than food in the desert.
ถูก Water is more important than food in the desert.
ในทะเลทราย นํ้าสำคัญกว่าอาหาร
3. ไม่สามารถใช้ a, an หรือคำที่แสดงจำนวนตัวเลขเพื่อนับคำนามนับไม่ได้
ตัวอย่าง
ผิด My sister started a work when she was sixteen.
ถูก My sister started work when she was sixteen.
พี่สาวของผมเริ่มทำงานเมื่ออายุได้ 16 ปี
ผิด Last winter we had five ices on the lakes.
ถูก Last winter we had ice on the lake.
เมื่อช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา น้ำในทะเลสาบได้กลายเป็นน้ำแข็ง
4. หน้าคำนามนับไม่ได้ เราสามารถใช้ some, much, any, a lot of, (a) little, plenty of, lots of ได้ เมื่อกล่าวถึงปริมาณของสิ่งนั้น แต่ เราไม่ สามารถใช้คำว่า many, (a) few หน้าคำนามนับไม่ได้ ได้
ตัวอย่าง
ผิด We want to buy many breads.
ถูก We want to buy some bread.
เราต้องการซื้อขนมปัง
ผิด There’s a few petrol in the car.
ถูก There’s a little petrol in the car.
มีนํ้ามันเล็กน้อยในรถยนต์
5. คำนามบางคำสามารถเป็นได้ทั้งคำนามนับได้และนับไม่ได้ กล่าวคือ หากเป็นคำนามนับไม่ได้จะมีความหมายทั่วๆ ไป เช่น cheese (เนยแข็ง), glass (วัสดุแก้ว), paper (กระดาษ), iron (แร่เหล็ก), hair (ผมบนศีรษะ) แต่หากเป็นคำนามนับได้จะหมายถึงชนิดนั้นหรือมีความหมายเป็นอย่างอื่นเช่น 20 different cheeses (เนยแข็งชนิดต่างๆ 20 ชนิด), glasses (แว่นตา, แก้วน้ำ), a paper (หนังสือพิมพ์), an iron (เตารีด), a hair (ผม 1 เส้น)
ตัวอย่าง
นามนับไม่ได้
I hate cheese.
ผมเกลียดเนยแข็ง
นามนับได้
I bought 20 different cheeses.
ผมได้ซื้อเนยแข็งมา 20 ชนิด
นามนับไม่ได้
It’s made of glass.
มันทำมาจากวัสดุแก้ว
นามนับได้
I had a glass of Coca-Cola.
ผมมีเครื่องดื่มโคคา-โคลา 1 แก้ว
นามนับไม่ได้
Books are made of paper.
หนังสือทำมาจากกระดาษ
นามนับได้
Buy me a paper, please.
กรุณาซื้อหนังสือพิมพ์มาให้ผมด้วย
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล
(Visited 22,812 times, 2 visits today)
Grammar 5 นาที : การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (การเติม s, es, ies ท้ายคำนาม)
เนื่องในโอกาสวันพ่อในปี 2557 นี้ จึงอยากทำดีเพื่อพ่อโดยจัดทำวีดีโอให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ โดยจัดทำเป็นเนื้อหาสั้นๆ ตอนละประมาณ 5 นาที โดยใช้ชื่อว่า \”Grammar 5 นาที\” หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ชมนะคะ สามารถติดตามได้ที่ Facebook : Miss Noon
On the 5th of December is Father’s day in Thailand, since 2014 I would like to make the goodness for our father of Thailand so I make the videos about grammar for Thais who interested in English which the topic is \”Grammar 5 mins\” contact on Facebook : Miss Noon
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
Grade 2 – Regular Plural Nouns
www.learnova.co
ประธาน กริยา เอกพจน์ และพหูพจน์ คืออะไร ใช้อย่างไร
ประธานที่เป็นเอกพจน์ จะใช้กับ กริยาที่เอกพจน์
ประธานที่เป็นพหูพจน์ จะใช้กับ กริยาที่พหูพจน์
ประธานเอกพจน์ มีอะไรบ้าง
1. คำนามที่เป็นเอกพจน์ เช่น a dog, John
2. คำสรรพนาม ที่เป็นเอกพจน์ เช่น He, She, It, This, That
3. คำนามที่นับไม่ได้ เช่น Water rice
4. Gerund ( Vเติม ing) เช่น Walking
5. คำกริยาที่ นำหน้าด้วย To เช่น To walk, To run
ประธานพหูพจน์ มีอะไรบ้าง
1. คำนามที่เป็นพหูพจน์ เช่น Dogs, John and Lisa
2. คำสรรพนาม ที่เป็นพหูพจน์ เช่น They, We, You, These, Those
กริยาที่เป็นเอกพจน์ มี is, was, does, has, walk
กริยาที่เป็นพหูพจน์ มี are am , were, do, have, walks
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀
หลักการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ Singular and Plural
คำนามเอกพจน์ คำนามพหูพจน์ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์singular plural
Ep. 2: Plural Nouns #คำนามพหูพจน์
ติดตามช่องยูทูปคลิ๊ก👇
https://www.youtube.com/channel/UCUFkoqdGCuT8X42LZ5C4llg?sub_confirmation=1
ติดตามทางเฟสบุ๊คคลิ๊ก👇
https://www.facebook.com/krupimlearningtree/
PLURALS
(คำนามพหูพจน์)
คำนามที่นับได้หรือ countable noun จะมี 2 รูปด้วยกันคือ
(1) รูปเอกพจน์ (singular) โดยจะต้องมี a/an (แปลว่า \”หนึ่ง/1\”) หรือ the
นำหน้าเสมอ และ
(2) รูปพหูพจน์ (plural) คือมีมากกว่า 1
การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์
1. เติม s ท้ายคำนามได้เลย เช่น
2 cars
2 dogs
2 books
2 houses
2 apples
2. หากคำนามลงท้ายด้วย s, ss, ch, sh, x ต้องเติม es ท้ายคำนั้นๆ เช่น
2 buses
2 dresses
2 matches
2 dishes
2 boxes
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย o แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ เติม s หรือ เติม es
ส่วนมากแล้วคำนามที่ลงท้ายด้วย o มักจะเติม s ได้เลย เช่น
2 zoos
2 radios
2 photos
2 stereos
2 videos
2 kargaroos
2 pianos
บางคำที่ลงท้ายด้วย o จะต้องเติม es เช่น
2 echoes
2 heroes
2 potatoes
2 tomatoes
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย y แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือเติม s หรือเติม es
ถ้าหน้า y เป็นสระ a, e, i, o, u คำนามตัวนั้นจะต้องเติม s เช่น
2 keys
2 days
2 guys
2 boys
2 chimneys
ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้ตัด ทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็น i แล้วจึงเติม es เช่น
2 babies
2 cities
2 stories
2 parties
2 countries
2 strawberries
5. คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยนตัว f/ หรือ fe เป็น v แล้วจึงเติมes เช่น
2 leaves
2 wolves
2 lives
2 knives
2 shelves
ยกเว้น roof roofs, giraffe giraffes, cliff cliffs
6. คำนามบางคำ เวลาทำเป็นพหูพจน์ ต้องเปลี่ยนรูปคำนั้นทันที ได้แก่
a manmen
a womanwomen
a personpeople
a footfeet
a toothteeth
a childchildren
a mousemice
7. คำนามบางตัวจะมีรูปเดียวทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น
fish (ปลา)
sheep (แกะ)
deer (กวาง)
series (ซีรีส์)
species (พันธุ์, ชนิด)
means (วิธีการ)
aircraft (เครื่องบิน)
moose (กวางมูส)
trout (ปลาเทราต์)
salmon (ปลาแซลมอน)
8. คำนามบางคำเป็นพหูพจน์อยู่เสมอ คือต้องมี s หรือ es ต่อท้ายเสมอ
scissors (กรรไกร)
pants (กางเกง)
clothes (เสื้อผ้า)
jeans (กางเกงยีนส์)
glasses (แว่นตา)
noodles (ก๋วยเตี๋ยว)
goods (สินค้า)
ตัวอย่างอื่นๆ ของหน่วยบอกปริมาณหรือจำนวนของคำนามนับไม่ได้
a bottle of milk a glass of water
(นมหนึ่งขวด)
a jug of water a cup of tea
(น้ำหนึ่งแก้ว)
(น้ำหนึ่งเหยือก)
(ชาหนึ่งถ้วย)
a packet of tea
(ชาหนึ่งซอง)
a jar of honey
(น้ำผึ้งหนึ่งกระปุก)
a loaf of bread
(ขนมปังหนึ่งแถว)
a slice of bread
(ขนมปังหนึ่งแผ่น)
a carton of milk
(นมหนึ่งกล่อง)
a can of Coke
(โค้กหนึ่งกระป๋อง)
a bottle of Coke
(โค้กหนึ่งขวด)
a bowl of sugar
(น้ำตาลหนึ่งถ้วย)
a kilo of meat
(เนื้อหนึ่งกิโล)
a bar of soap
(สบู่หนึ่งก้อน)
a bar of chocolate
(ช็อกโกแล็ตหนึ่งแท่ง)
a piece of chocolate
(ช็อกโกแล็ตหนึ่งชิ้น)
a piece of furniture
(เฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้น)
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ bus พหูพจน์