Skip to content
Home » [NEW] ประโยคคำถามแบบ Indirect Question เป็นอย่างไร | ตัวอย่างประโยคบอกเล่าภาษาไทย – NATAVIGUIDES

[NEW] ประโยคคำถามแบบ Indirect Question เป็นอย่างไร | ตัวอย่างประโยคบอกเล่าภาษาไทย – NATAVIGUIDES

ตัวอย่างประโยคบอกเล่าภาษาไทย: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คำถามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นคำถามโดยตรง (Direct Question) คือทั้งประโยคที่พูดนั้นเป็นคำถามทั้งหมด เป็นคำถามจริงๆ แต่มีคำถามอีกชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบของประโยคอื่น คือมีคำพูดเป็นส่วนนำก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ซึ่งอยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า คำถามชนิดนี้ เรียกว่า Indirect Quest. (คำถามโดยอ้อม) คำถามชนิดนี้นิยมใช้พูดคุยสนทนามากเช่นกัน ผู้พูดอาจจะขอโอกาส ขอร้องหรือแสดงความรู้สึกก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ประโยคกล่าวนำนั้นอาจจะเป็นรูปประโยคอย่างใดก็ได้ อยู่ที่ผู้พูดว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างใดเพื่อนำไปสู่คำถามนั้นๆ เปรียบเทียบคำถามโดยตรงและคำถามโดยอ้อม ดังต่อไปนี้

Direct Question

Indirect Question

What is your name?

คุณชื่ออะไร

 

I want to know what your name is

ฉันอยากจะทราบว่า คุณชื่ออะไร

 

Where are you from?

คุณมาจากไหน

I don’t know where you are from.

ฉันไม่ทราบว่า คุณมาจากไหน

 

Is she married?

เธอแต่งงานหรือยัง

 

I wonder if she is married.

ฉันไม่ทราบว่าเธอแต่งงานหรือยัง

Do you like boxing or football?

คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

 

I’d like to know whether you like boxing or football.

ฉันอยากจะทราบว่า คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

 

He can play Chinese music, can’t he?

เขาเล่นดนตรีจีนได้ มิใช่หรือ

 

Do you know whether he can play Chinese music or not?

คุณทราบไหมว่า เขาเล่นดนตรีจีนได้ไหม

 

ประโยคคำถามโดยอ้อมนี้ก็คือประโยค Complex นั้นเอง คือส่วนที่เป็นความหมายคำถามนั้นเป็นอนุประโยคทำหน้าที่เป็นนาม (Noun Clause) ซึ่งส่วนมากทำหน้าที่เป็นกรรม (object) ของประโยคหลัก (Main Clause) จากตัวอย่างข้างบนนั้น จะเห็นว่าประโยคนำหรือประโยคหลักมีรูปประโยคเป็นไปได้ต่างๆ กัน
ปลี่ยน Direct Question เป็น Indirect Question
การเปลี่ยนคำถามโดยตรงเป็นคำถามโดยอ้อม ก็คือการเปลี่ยน Direct Speech เป็น Indirect speech นั้นเอง แต่ในที่นี่ประโยคตามเป็นประโยคคำถามทั้งหมด ประโยคคำถามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมานั้น สามารถเปลี่ยนเป็นคำถามโดยอ้อมได้ทุกชนิด ฉะนั้นการเปลี่ยนรูปประโยคในที่นี่จึงจำแนกออกตามชนิดของคำถามต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. เปลี่ยน Yes/No Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้เป็น คำถามโดยอ้อม นอกจากเปลี่ยนรูปประโยคเป็นบอกเล่าแล้วใช้ whether or not หรือ if (หรือไม่) เป็นคำเชื่อม
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Is he a doctor?

เขาเป็นหมอใช่ไหม

I don’t know if he is a doctor.

ฉันไม่ทราบว่า เขาเป็นหมอหรือไม่

Can you speak thai?

คุณพูดไทยได้ไหม

I wonder whether you can speak Thai (or not).

ฉันไม่ทราบว่า คุณพูดไทยได้หรือไม่

Did she come last week?

อาทิตย์ที่แล้ว เธอมาหรือไม่

Do you know whether (or not) she came last week?

คุณทราบไหมว่า อาทิตย์ที่แล้วเธอมาหรือไม่

Could you open the door?

คุณกรุณาเปิดประตูได้ไหม

I wonder if you could open the door.

ฉันไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาเปิดประตูได้หรือเปล่า

whether มาคู่กับ or not หรือมาโดยลำพังก็ได้ or no อาจจะวางติด whether หรือวางท้ายประโยคก็ได้ ถ้าประโยคไม่ยาวเกินไป ใช้ if แทนได้แต่ตามด้วย or not ไม่ได้
2. เปลี่ยน Wh-Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้ เพียงแต่ เปลี่ยนเป็นประโยคบอกเล่าเท่านั้น ไม่ต้องเติมคำเชื่อมใดๆ เพราะมี Question Words เป็นคำเชื่อมอยู่แล้ว
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Who is she?

เธอเป็นใคร

Do you know who she is?

คุณทราบไหมว่า เธอเป็นใคร

Whom do you want to see?

คุณต้องการพบใคร

 

I want to know whom you want to see.

ฉันอยากทราบว่า คุณต้องการพบใคร

What time is it?

เวลาเท่าไร

Please tell me what time it is.

กรุณาบอกฉันด้วยว่า เวลาเท่าไร

Where is the National Museum?

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอยู่ที่ไหน

I don’t know where the National Museum is.

ฉันไม่ทราบว่า พิพิธภัณฑ์สถานฯ อยู่ที่ไหน

When will the train leave?

รถไฟจะออกเวลาเท่าไร (เมื่อไร)

Do you know when the train will leave.

คุณทราบไหมว่า รถไฟจะออกเมื่อไร

Why did she say like that?

ทำไมเธอจึงพูดเช่นนั้น

I don’t understand why she said like that.

ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอจึงพูดเช่นนั้น

How can we get there?

เราจะไปที่นั้นกันอย่างไร

Please tell me how we can get there.

กรุณาบอกฉันด้วยว่า เราจะไปที่นั่นกันอย่างไร

How many brothers and sisters do you have?

คุณมีพี่น้องกี่คน

My question is how many brothers and sisters you have.

คำถามของฉันก็คือว่า คุณมีพี่น้องกี่คน

3. เปลี่ยน Alternative question คำถามชนิดนี้เปลี่ยนโดยเติม whether เป็นคำเชื่อม โดยให้เป็นตัวเลือกคู่กับ or ซึ่งมีอยู่แล้ว และเปลี่ยนเป็นประโยคบอกเล่า
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Do you speak English or French?       

คุณพูดภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศส

I wonder whether you speak English or French

ฉันไม่ทราบว่า คุณพูภาษาอังกฤษ หรือฝรั่งเศส

Are they Thai or Chinese?

พวกเขาเป็นคนไทยหรือจีน           

Do you know whether they are

Thaior Chinese?

คุณทราบไหมว่า พวกเขาเป็น คนไทยหรือจีน

Will Vichian or Tawee come to see me?

วิเชียรหรือทวีจะมาพบฉัน

 

I want to know whether Vichian or Tawee will come to see me.

ฉันอยากจะทราบว่าวิเชียรหรือทวีจะมาพบฉัน

 

Did you stay at home or go somewhere last Sunday?

เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว คุณพักอยู่ที่บ้านหรือไปเที่ยวบางแห่ง

Can you tell me whether you stayed at home or went somewhere last Sunday?

คุณบอกฉันได้ไหมว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วนั้น คุณพักอยู่บ้านหรือ

ไปเที่ยวบางแห่ง

4. เปลี่ยน Tag Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้ เหมือนกันกับ Yes/No Question เพราะต้องการคำตอบเหมือนกัน ใช้ whether or not เป็นคำเชื่อมอาจใช้ whether เฉยๆ หรือ if ก็ได้ แต่ใช้ whether or not จะได้ความตรงและเน้นกว่า
ตัวอยาง

Direct Question

Indirect Question

You know him very well, don’t you?

คุณรู้จักเขาดี มิใช่หรือ

I wonder whether you know him very well or not.

ฉันไม่ทราบว่า คุณรู้จักเขาดีหรือไม่

He will come, won’t he?

เขาจะมามิใช่หรือ

Do you know whether he will come or not?

คุณทราบไหมว่า เขาจะมาหรือไม่

The airport is far from the NationalStadium? isn’t it?

สนามบินอยู่ไกลจากสนามกีฬาแห่งชาติมิใช่หรือ

I’d like to knowwhether or not the airport is far from the National Stadium.

ฉันต้องการจะทราบว่า สนามบินอยู่ ไกลจากสนามกีฬาแห่งชาติหรือไม่

The express train doesn’t stop at this station, does it?

รถด่วนไม่หยุดที่สถานีนี้ใช่ไหม

Do you know whether or not the express train stops at this station?

คุณทราบไหมว่า รถด่วนหยุดที่สถานีนี่หรือไม่

He didn’t attend the meeting, did he?

เขาไม่เข้าประชุมใช่ไหม

I want to knowwhether or not he attended the meeting.

ฉันอยากจะทราบว่า เขาเข้าร่วมประชุมหรือไม่

การตอบคำถาม Indirect Question
คำถามประเภทนี้ แม้จะเป็นคำถามโดยอ้อม แต่ก็สามารถตอบได้ เช่นเดียวกับคำถามทั่วๆ ไป คือสามารถจะตอบได้ตามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ฉะนั้น การตอบคำถามชนิดนี้จึงมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
คำถาม
I want to know if he will come.
ฉันอยากจะทราบว่า เขาจะมาหรือไม่
คำตอบ
Yes, he will.
มา, เขาจะมา
No, he won’t,
ไม่มา, เขาจะไม่มา
คำถาม
I wonder if you can open the box.
ฉันไม่ทราบว่า คุณสามารถเปิดกล่องนี้ได้ไหม
คำตอบ
Yes, I can.
ได้, ฉันเปิดได้
No, I can’t.
ไม่ได้,ฉันเปิดไม่ได้
คำถาม
I’d like to know whether she is married or not.
ฉันอยากจะทราบว่า เธอแต่งงานหรือยัง
คำตอบ
Yes, she is.
แต่งแล้ว
No, she isn’t.
ยัง, เธอยังไม่แต่งงาน
คำถาม
The question is whether the train will arrive on time (or not).
คำถามก็คือว่า รถไฟจะมาถึงตรงเวลาหรือไม่
คำตอบ
Yes, it will.
ตรง, มาตรงเวลา
No, it won’t.
เปล่า, ไม่ตรงเวลา
คำถาม
I want to know whether he or his son was punished.
ฉันอยากจะทราบว่า เขาหรือลูกของเขาถูกทำโทษ
คำตอบ
His son was.
ลูกของเขา
คำถาม
Please tell me whether she passed or failed in the test.
ช่วยบอกฉันด้วยว่า เธอสอบได้หรือสอบตก
คำตอบ
She passed the test.
เธอสอบได้
คำถาม
I don’t know who she is.
ฉันไม่ทราบว่า เธอเป็นใคร
คำตอบ
She is our teacher.
เธอเป็นครูของพวกเรา
คำถาม
I’d like to know what you are talking about.
ฉันอยากจะทราบว่า คุณกำลังพูดเกี่ยวกับอะไร
คำตอบ
I’m talking about the plan to take a picnic.
คำถาม
Do you know where they are from?
คุณทราบไหมว่า พวกเขามาจากไหน
คำตอบ
They are from Australia.
พวกเขามาจากออสเตรเลีย
คำถาม
I don’t know when the show will start and finish.
ฉันไม่ทราบว่า การแสดงจะเริ่มเมื่อไรและสิ้นสุดเมื่อไร
คำตอบ
It will start at three and finish at six.
การแสดงจะเริ่มบ่าย 3 โมง และสิ้นสุดบ่าย 6 โมง
คำถาม
I want to ask you why we should visit that place.
ฉันอยากจะถามคุณว่า ทำไมเราจึงควรไปชมที่นั่น
คำตอบ
Because it is worth studying.
เพราะมันสมควรแก่การศึกษา
คำถาม
Can you tell me how I can contact him?
คุณสามารถจะบอกได้ไหมว่า ฉันสามารถติดต่อเขาได้อย่างไร
คำตอบ
You can contact Mm by phone.
คุณสามารถติดต่อกับเขาได้ทางโทรศัพท์
คำถาม
Could you tell me how much you have got?
คุณจะกรุณาบอกได้ไหมว่า คุณมีรายได้เท่าไร

คำตอบ
30,000 baht a month.
สามหมื่นบาทต่อเดือน
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถามโดยอ้อม (Indirect Question)
ตัวอย่าง
Do you like tea?
= I want to know if you like tea.
What are you doing?
= I want to know what you are doing.
Do you like tea or coffee?
= I want to know whether you like tea or coffee.
You like tea, don’t you?
= I want to know whether you like tea or not.
1.     Are you ready to go?
= I want to know…………………………………….
2.     Did he come to the party last night?
= Do you know……………………………………?
3.    Will she leave for London tomorrow?
= I wonde………………………………………….
4.    Can we go there by train or by bus?
= Can you tell me………………………………..?
5.    Was Daeng or Dam punished yesterday?
= Tell me………………………………………….
6.    You wrote this work, didn’t you?
= I don’t know……………………………………
7.    He doesn’t like smoking, does he?
=    Do you know……………………………….?
8.    Is the National Museum open today?
=    Can you tell me……………………………?
9.    What do you want to order first?
=    I want to know………………………………
10.    Where does she live?
=    I don’t know…………………………………
11.    How old is your father?
=    Please tell me……………………………….
12.    When did you finish high school?
=    Do you remember…………………………?
13.    How can we start this machine?
=    Do you know……………………………….?
14.    Whom would you like to speak to?
=    I don’t know…………………………………
15.    Which one are you going to select?
=    I want to know………………………………
16.    Who is she?
=    Do you know……………………………….?
17.    Why do you speak like that?
=    I don’t understand…………………………
18.    How many people are there in your family?
=    I want to know………………………………
19.    Where will the party be held next week?
=    Do you know……………………………….?
20.    What course did he take last term?
=    Please tell me………………………………
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา 

(Visited 67,112 times, 5 visits today)

[Update] ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม Present Simple Tense ม.3 | ตัวอย่างประโยคบอกเล่าภาษาไทย – NATAVIGUIDES

ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense

ในเบื้องต้นขอยกตัวอย่าง ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และการแต่งประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่านะครับ เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นตัวอย่างการแต่งประโยคง่ายๆ ขอให้จดจำไว้ว่า ในการสร้างประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่านั้น ถ้าประโยคดังกล่าวมี กริยาช่วย  อยู่ในประโยค ให้เอากริยาช่วยขึ้นต้นได้เลย แต่มีไม่กี่ตัวนะครับ ดูจากตัวอย่างเอาแล้วกัน

กริยาแท้ Verb to be ( is,  am,  are)

is am are ที่ยกตัวอย่างนี้ เป็นกริยาแท้นะครับ (เพราะมีตัวเดียวในประโยค ไม่ได้ไปเสริมกับกริยาตัวอื่น)

บอกเล่า She is a doctor. หล่อนเป็นหมอ
ปฏิเสธ  She is not a doctor. หรือ She isn’t a doctor. หล่อนไม่เป็นหมอ
คำถาม  Is she a doctor?  หล่อนเป็นหมอใช่ไหม
คำตอบ Yes, she is. / No, she isn’t. หรือ No, she is not. ใช่ / ไม่ใช่

บอกเล่า I am a student. ฉันเป็นนักเีรียน
ปฏิเสธ  I am not a student.. หรือ I’m not a student. ฉันไม่เป็นนักเรียน
คำถาม  Are you a student? ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, I am. / No, I’m not. หรือ No, I am not. ใช่ ไม่ใช่

บอกเล่า You are  a tiger. คุณเป็นเสือ
ปฏิเสธ  You are not a tiger. หรือ You aren’t  a tiger. คุณไม่เป็นเสือ
คำถาม  Am I a tiger? ฉันเป็นเสือใช่ไหม
คำตอบ Yes, you are. / No, you are not. หรือ No, you aren’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาแท้ Verb to have (Have, Has)

กริยาตัวนี้ ถ้าเป็นกริยาแท้ในประโยค ไม่ควรเอานำหน้าเพื่อทำเป็นประโยคคำถาม ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้ว

การสร้างประโยคคำถามและปฏิเสธให้เอา Do กับ Does มาใช้ครับ (เดี๋ยวค่อยเรียนรู้ให้ละเอียดในหัวข้อ การใช้ have has)

บอกเล่า  He has a car. เขามีรถ
ปฏิเสธ  He does not have a car. หรือ He doesn’t have a car. เขาไม่มีรถ
คำถาม  Does he have a car? เขามีรถใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, he does. / No, he does not. หรือ No, he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They have a cat. พวกเขามีแมว
ปฏิเสธ  They do not have a cat. หรือ They don’t have a cat. พวกเขาไม่มีแมว
คำถาม  Do they have a car? พวกเขามีแมวใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No, they don’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาช่วย can, should, must

บอกเล่า  A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้
ปฏิเสธ  A dog cannot swim. หรือ A dog can’t swim. หมาไม่สามารถว่ายน้ำได้
คำถาม Can a dog swim? หมาว่ายน้ำได้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, a dog can. / No, a dog cannot. หรือ No, a dog can’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  Somchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
ปฏิเสธ  Somchai should not go to school now. หรือ Somchai shouldn’t go to school now. สมชายไม่ควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
คำถาม  Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, Somchai should. / No, Somchai should not. หรือ No,Somchai shouldn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She must go. หล่อนต้องไป
ปฏิเสธ She must not go. หรือ She mustn’t go. หล่อนต้องไม่ไป
คำถาม Must she  go? หลอ่นต้องไปใช่ไหม
คำตอบ Yes, She must. / No, she must not. หรือ No, she mustn’t. ใช่/ ไม่ใช่

ถ้าไม่มีกริยาช่วยในประโยคให้เอา Do กับ Does มาใช้ในประโยคคำถาม

Do + ประธานพหูพจน์

Does + ประธานเอกพจน์

บอกเล่า  I eat a banana. ฉันกินกล้วย
ปฏิเสธ  I do not eat a banana. หรือ I don’t eat a banana. ฉันกินกล้วย
คำถาม  Do I eat a banana? ฉันกินกล้วย
คำตอบ Yes, I do. / No, I do not. หรือ No,I  don’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She eats a banana. หล่อนกินกล้วย
ปฏิเสธ  She does not eat a banana. หรือ She doesn’t eat a banana. หล่อนไม่กินกล้วย
คำถาม  Dose she eat a banana? หล่อนไม่กินกล้วยใช่ไหม
คำตอบ Yes, she does. / No, she does not. หรือ No, she doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส
ปฏิเสธ  They do not go to school by bus. หรือ They don’t go to school by bus. พวกเขาไม่ไปโรงเรียนโดยรถบัส
คำถาม  Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนรถบัสใช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No,they don’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  He goes to school. เขาไปโรงเรียน
ปฏิเสธ  He does not go to school . หรือ He doesn’t go to school. เขาไม่ไปโรงเรียน
คำถาม  Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, he do. / No, he does not. หรือ No,he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

ประโยคคำถามด้านบนเรียกว่า yes – no question เพราะคำตอบจะเป็น yes กับ no ส่วนด้านล่างเรียกว่า wh-question

 การสร้างคำถามโดยใช้ Wh-Question

(Who, What, Where, When, Why, How) ทำได้โดยเอาคำเหล่านี้นำหน้าประโยคคำถามด้านบน แต่ต้องตัดคำที่จะเป็นคำตอบออกด้วย เช่น

Is she a doctor? หล่อนเป็นหมอใช่ไหม

  • Who is she?  หล่อนเป็นใคร (ตัดหมอออก เพราะต้องการคำตอบเป็นบุคคล)
  • She is a doctor.  หล่อนเป็นหมอ

Do they have a car? พวกเขามีรถใช่ไหม

  •  What do they have?  พวกเขามีอะไร (ตัดรถออกเพราะต้องการคำตอบสิ่งของ)
  • They have a car. พวกเขามีรถ

Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม

  • Where does he go? พวกเขาไปที่ไหน (ตัดโรงเรียนออก เพราะต้องการคำตอบสถานที่)
  • He goes to school. เขาไปโรงเรียน

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

  •  When should Somchai go to school? สมชายควรจะไปโรงเรียนเมื่อไหร่ (ตัดเดี๋ยวนี้ เพราะต้องการคำตอบที่เป็นเวลา)
  • Shomchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

  • Why should Somchai go to school now? ทำไม สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ (ไม่ตัดอะไรเลย เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ในประโยค)
  • Because he will be late. เพราะว่า เขาจะไปสาย

Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัสใช่ไหม

  • How do they go to school? พวกเขาไปโรงเรียนอย่างไร (ตัดโดยรถบัสออก เพราะคำตอบต้องการวิธีการ)
  • They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส

Share this:

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…



ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ตัวอย่างประโยคบอกเล่าภาษาไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *