Skip to content
Home » [NEW] ประโยคคำถามแบบรับและปฏิเสธ (Yes/No Question) | ประโยค ปฏิเสธ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] ประโยคคำถามแบบรับและปฏิเสธ (Yes/No Question) | ประโยค ปฏิเสธ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ประโยค ปฏิเสธ ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษที่สามารถพูดคุยกันได้ง่าย ๆ นั้นก็คือ ประโยคที่ต้องการคำถามแบบยอมรับ หรือปฏิเสธ หรือที่เรียกว่า Yes/No Question ซึ่งเราจะได้เรียนรู้กันในวันนี้ค่ะ

Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ

ประโยคคำถาม (Interrogative Sentences)
ในการพบปะพูดคุยกันในตอนแรกๆ หรือเมื่อพบกันใหม่ๆ นั้น ส่วนมากมักจะเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน หรือถามเกี่ยวกับเรื่องราว หรือเหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้น จึงใช้ประโยคคำถามคำตอบกันเป็นส่วนมาก จึงมีคำถามว่า เมื่อเราพบกันใหม่ๆ มักจะพูดใช้เสียงสระอะไรมากที่สุด คำตอบก็คือเสียงสระไอ ซึ่งก็คือคำถามนั้นเอง เช่นถามว่ามาเมื่อไร สบายดีไหม อยู่ที่ไหน มากับใคร จะเห็นว่าการเริ่มต้นในการพูดคุยสนทนานั้น มักจะเป็นการถามตอบกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าประโยคคำถาม เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การสนทนาในรายละเอียด ฉะนั้นในที่นี้จึงเริ่มต้นศึกษากันด้วยประโยคคำถาม และเพราะประโยคคำถามนำไปใช้ในความหมายอื่นๆ ได้ด้วย ผู้ศึกษาจึงควรทำความเข้าใจให้ดี และใช้ให้ถูกต้อง
ประโยคคำถามมีหลายประเภท มีโครงสร้างและมีจุดมุ่งหมายใน การถามต่างกัน ซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
1. Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ
2. Wh- question        คำถามแบบใช้คำถาม
3. Alternative Question     คำถามแบบให้เลือกเอา
4. Tag Question        คำถามในท่อนหลัง
5. Indirect Question         คำถามโดยอ้อมหรือคำถามปลอม ประโยคคำถามต่างๆ เหล่านี้ มีโครงสร้างต่างกัน ซึ่งจะกล่าวใน
รายละเอียดเป็นลำดับไป
Yes/No Question
ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบรับ (Yes) หรือปฏิเสธ (No) เป็นการถามที่ผู้ถามอาจจะมีข้อมูลอยู่บ้างว่า น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถามเพื่อให้ได้ความแน่ใจว่าเป็นจริงตามที่เข้าใจหรือเปล่า ลักษณะโครงสร้างที่สำคัญของคำถามชนิดนี้ก็คือ วางกริยาไว้ต้นประโยค การสร้างประโยคคำถามชนิดนี้อาจจำแนกออกตามประเภทของกริยาที่ช่วยในการสร้างประโยค ดังนั้น ในที่นี้จึงแยกออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to be ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาหลัก เป็น to be เมื่อสร้างเป็นประโยคคำถาม วางกริยา to be ไว้ต้นประโยคได้เลย เช่น
Are you hungry?
คุณหิวไหม
Is it very hot today?
วันนี้ร้อนมากใช่ไหม
Is your name Sharda?
คุณชื่อชาร์ดาใช่ไหม
Was the show interesting for you?
การแสดงน่าสนใจสำหรับคุณหรือไม่
Are you going to do exercises today?
วันนี้คุณจะทำแบบฝึกหัดหรือไม่
ประโยคเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You are hungry.
It is very hot today.
Your name is Sharda.
The show was interesting for you.
You are going to do exercises today.
2. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to do ถ้าประโยคนั้นมีกริยาหลักไม่ใช่ to be ฌอสร้างเป็นประโยคคำถามต้องใช้กริยา to do มาช่วย และวางไว้ต้นประโยค โดยมีพจน์ (number) และกาล (tense) เช่นเดียวกันกับกริยาหลัก และเปลี่ยนกริยาหลักนั้นเป็นรูป infinitive คือรูปดั้งเดิมของกริยานั้น เช่น
Do you know his address?
คุณรู้ที่อยู่ของเขาไหม
Does she teach at your school?
เธอสอนอยู่ที่โรงเรียนคุณใช่ไหม
Does this bus go to the airport?
รถเมล์คันนี้ไปสนามบินใช่ไหม
Did you meet him at the party last night?
คุณพบเขาที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ไหม
Did he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาเข้าเรียนไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้เปลี่ยนมาจากประโยคบอกเล่าดังนี้
You knows his address.
She teaches at your school.
This bus goes to the airport.
You met him at the party last night.
He attended class yesterday.
3. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยาช่วย (helping verb) อื่นๆ ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาช่วยอยู่ด้วย เช่น will, can, may, would เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม วางกริยาช่วยไว้ต้นประโยคได้เลย ถ้ามีกริยาช่วยหลายตัว นำเฉพาะกริยาช่วยตัวแรกไปวางต้นประโยค เช่น
Can you speak Thai?
คุณพูดไทยได้ไหม
May I help you?
ฉันจะช่วยเอาไหม
Shall we go shopping after class?
เลิกเรียนแล้วไปหาซื้อของกันไหม
Will she come back here next week?
เธอจะกลับมาที่นี่สัปดาห์หน้าใช่ไหม
Could you lend me this book for two days?
คุณจะกรุณาให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันได้ไหม
Have you been to Chiang Mai?
คุ    ณเคยไปเชียงใหม่หรือไม่
Should he be informed of the news?
ควรจะแจ้งข่าวให้เขาทราบไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You can speak Thai.
I may help you.
We shall go shopping after class.
She will come back here next week.
You could lend me this book for two days.
You have been to Chiang Mai.
He should be informed of the news.
ประโยคคำถามเหล่านี้สามารถสร้างเป็นรูปปฏิเสธได้ เรียกว่า คำถามปฏิเสธ (Interrogative Negative หรือ Negative Question) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแยกกล่าวไว้เป็นอีกชนิดหนึ่งต่างหาก เพื่อจะได้ศึกษาอย่างละเอียด แต่ในที่นี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยคที่มีโครงสร้างอย่างเดียวกัน เพียงเติม not เข้ามาเท่านั้น ซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ ดังนั้น จึงนำมากล่าวไว้ด้วยกัน เพื่อจะได้ศึกษาทำความเข้าใจไปพร้อมกัน ฉะนั้นประโยคคำถามต่างๆ ที่ กล่าวมาแล้วนั้น สามารถสร้างเป็นคำถามปฏิเสธได้ดังนี้
Aren’t you hungry? (Are you not hungry?)
คุณไม่หิวใช่ไหม
Isn’t it very hot today? (Is it not very hot today?)
วันนี้ไม่ร้อนมากใช่ไหม
Wasn’t the show interesting for you?
การแสดงไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับคุณใช่ไหม
Don’t you know his address?
คุณไม่รู้ที่อยู่เขาใช่ไหม
Didn’t he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่เข้าเรียนใช่ไหม
Can’t you speak Thai?
คุณพูดภาษาไทยไม่ได้ใช่ไหม
Won’t she came back here next week?
สัปดาห์หน้าเธอจะไม่กลับมาที่นี่ใช่ไหม
Haven’t you been to Chiang Mai?
คุณไม่เคยไปเชียงใหม่ใช่ไหม
Shouldn’t he be informed of the news?
ไม่ควรแจ้งข่าวให้เขาทราบใช่ไหม
Couldn’t you lend me this book for two days?
คุณจะไม่ให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันใช่ไหม
การตอบคำถามแบบ Yes/No Question
ดังได้กล่าวแล้วคือ คำถามประเภทนี้ต้องการคำตอบรับ (yes) หรือปฏิเสธ (no) การตอบคำถามชนิดนี้อาจจำแนกกล่าวได้เป็น 2 แบบ ตามชนิดของลักษณะคำถาม คือ คำถามแบบธรรมดาและคำถามแบบปฏิเสธ ดังนี้
1. ตอบคำถามแบบธรรมดา เป็นคำถามแบบประโยคบอกเล่า ซึ่งถือเป็นคำถามธรรมดา ไม่ต้องการการตอบรับหรือปฏิเสธอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ฉะนั้น ผู้ถามจึงคาดว่าจะได้คำตอบรับหรือปฏิเสธก็ได้ แม้ว่าบางครั้งอาจจะหวังการตอบรับมากกว่าปฏิเสธก็ตาม ดังนั้น ในการตอบจึงอาจจะเป็นการรับหรือปฏิเสธ โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้
-ถ้าตอบรับ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย Yes แล้วตามด้วยประโยค บอกเล่า ซึ่งใช้คำสรรพนาม (pronoun) เป็นประธาน แล้วตามด้วยกริยาช่วย ที่ใช้ในประโยคคำถาม
-ถ้าตอบปฏิเสธ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย No แล้วตามด้วยประโยค ปฏิเสธ ซึ่งมีประธานและกริยาอย่างเดียวกันกับประโยคบอกเล่า เพียงแต่เติม not เข้ามาหลังกริยาซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

Are you hungry?

คุณหิวไหม        

Yes, I am.

หิว,ฉันหิว

No, I am not.

ไม่, ฉันไม่หิว

Is your name Virat?

คุณชื่อวิรัตน์ใช่ไหม

Yes, it is.

ใช่., ฉันชื่อวิรัตน์

No, it is not.

เปล่า, ไม่ใช่

Does this bus go to the zoo?

รถเมล์คันนี้ไปสวนสัตว์ใช่ไหม

Yes, it does.

ใช่,มันไปสวนสัตว์

No, it doesn’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Did Vichai and Suda come last night?

เมื่อคืนนี้ วิชัยและสุดามาไหม

Yes, they did.

มา,เขามา

No, they didn’t.

เปล่า,เขาไม่มา

Can you speak Chinese?

คุณพูดภาษาจีนได้ไหม

Yes, I can.

ได้,ฉันพูดได้

No, I can’t.

เปล่า,พูดไม่ได้

Will your mother arrive tomorrow?

คุณแม่ของคุณจะมาถึงพรุ่งนี้ใช่ไหม

Yes, she will.

ใช่, จะถึงพรุ่งนี้

No, she won’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Have you finished your homework?

คุณทำการบ้านเสร็จแล้วใช่ไหม

Yes,I have.

ใช่, เสร็จแล้ว

No, I haven’t.

เปล่า, ยังไม่เสร็จ

 

2. ตอบคำถามที่เป็นปฏิเสธ ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบปฏิเสธมากกว่า คือผู้ถามมีความมั่นใจว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าตอบรับผู้ถาม คงแปลกใจ เพราะตรงข้ามกับที่คิด แต่ในความเป็นจริง สามารถเป็นได้ทั้งตอบรับและตอบปฏิเสธ การตอบคำถามชนิดนี้อาจทำให้เกิดความสับสนในความหมายภาษาไทย คือตอบรับในภาษาอังกฤษมีความหมายเป็นปฏิเสธในภาษาไทย และปฏิเสธมีความหมายเป็นตอบรับ ฉะนั้น จึงทำให้ได้คำตอบที่ผิดในภาษาอังกฤษ คือตอบรับแล้วตามด้วยประโยคปฏิเสธ และตอบปฏิเสธตามด้วยประโยคบอกเล่า การตอบในภาษาอังกฤษเป็นไปตามกฎทั่วไป คือถ้า ตอบรับต้องตามด้วยประโยคบอกเล่า และถ้าตอบปฏิเสธต้องตามด้วยประโยคปฏิเสธ แต่ความหมายจริงๆ ในภาษาไทยแล้วก็เหมือนกัน ดังนั้น จึงได้ให้คำตอบภาษาไทยไว้ทั้งสองแบบ เพื่อให้เห็นความหมายที่เหมือนกัน
ตัวอย่าง
Are you not well today?
วันนี้คุณไม่สบายใช่ไหม
Yes, I am.
เปล่า, ฉันสบาย / สบาย, ฉันสบาย
No, I am not.
ใช่, ฉันไม่สบาย / ไม่สบาย, ฉันไม่สบาย
Isn’t it too difficult for you?
มันไม่ยากเกินไปสำหรับคุณใช่ไหม
Yes, it is.
เปล่า, มันยากเกินไป / ยาก, มันยากเกินไป
No, it isn’t.
ใช่, มันไม่ยากเกินไป / ไม่ยาก, มันไม่ยากเกินไป
Didn’t he tell you the news yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่ได้บอกข่าวคุณใช่ไหม
Yes, he did.
เปล่า, เขาบอก / บอก, เขาบอก
No, he didn’t.
ใช่, เขาไม่บอก / ไม่บอก, เขาไม่บอก
Can’t your wife speak Thai?
ภรรยาของคุณพูดไทยไม่ได้ใช่ไหม
Yes, she can.
เปล่า, เธอพูดได้ / ได้, เธอพูดได้
ใช่, เธอพูดไม่ได้ / ไม่ได้, เธอพูดไม่ได้
Haven’t you been to Japan?
คุณไม่เคยไปญี่ปุ่นใช่ไหม
Yes, I have.
เปล่า, ฉันเคยไป / เคย, ฉันเคยไป
No, I haven’t.
ใช่, ฉันไม่เคยไป / ไม่เคย, ฉันไม่เคยไป
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถามแบบ Yes/No Question แล้วตอบคำถาม
ตัวอย่าง
He speaks English very fast.
= Does he speak English very fast?
Yes, he does. / No, he doesn’t.
1. She sings very beautifully.
………………………………………………………………………………………….
2. This work is very hard for him.
………………………………………………………………………………………….

3. They practise speaking English every day.
………………………………………………………………………………………….

4. He got educated from B.H.U.
………………………………………………………………………………………….
5. He has been to Australia many times.
………………………………………………………………………………………….
6. We should go to take part in a party.
………………………………………………………………………………………….
7. You can tell me the way to the zoo.
………………………………………………………………………………………….

8. This car isn’t very expensive.
………………………………………………………………………………………….
9. She didn’t meet him yesterday.
………………………………………………………………………………………….
10. There are not many students in the class today.
………………………………………………………………………………………….

11. It is not far from the station to your house.
………………………………………………………………………………………….
12. You came back home in rain last night.
………………………………………………………………………………………….
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 163,024 times, 18 visits today)

[NEW] รวม 8 วิธี “พูดปฏิเสธเป็นภาษาอังกฤษ” อย่างไร ให้รักษาน้ำใจคนฟัง | ประโยค ปฏิเสธ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

     น้องๆ ชาว

Dek-D

เคยมั้ยครับ เวลาจะพูดปฏิเสธใครก็ตามเป็นภาษาอังกฤษ บางทีเราก็นึกประโยคไม่ออกว่าจะพูดว่าอย่างไรดี สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการตอบไปแค่ว่า

“No!”

ซึ่งในความจริงแล้ว เราก็อยากจะพูดปฏิเสธให้ฟังแล้วดูดี แถมไม่อยากให้คนฟังรู้สึกแย่ไปกับเราด้วย 

 

     วันนี้

พี่วุฒิ

และ

English Issues

ได้รวบรวมวิธีการพูดปฏิเสธเพื่อรักษาน้ำใจคนฟังในหลากหลายสถานการณ์มาให้น้องๆ ได้อ่านและนำไปใช้กัน มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ

 

1. ปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจ

 

     หลายคนน่าจะเคยมีโมเมนต์เวลาที่ใครนำอะไรมาเสนอให้ หรืออาจจะมีคนมาถามว่าเราอยากได้ของอันนี้มั้ย แต่ถ้าเราอยากปฏิเสธแบบไม่หักหน้าคนฟัง อย่างแรกเลยเราต้องขอบคุณก่อน แล้วก็ตามด้วยการให้เหตุผล เช่น 
 

“Thank you for asking, but that isn’t going to work out for me.”

ขอบคุณที่ถามเรานะ แต่มันคงไม่ค่อยจะเวิร์กกับเราสักเท่าไหร่อ่ะ 

 

2. ปฏิเสธและแสดงความสนใจ 

 

     สำหรับประโยคในข้อนี้ จะเจอบ่อยมากกับในสังคมการทำงาน ยิ่งช่วงเวลาที่มีคนติดต่องานมาเยอะๆ บางทีเราก็ไม่สามาารถรับได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่อยากจะเสียโอกาสที่มีคนหยิบยื่นมาให้ เลยเลือกที่จะปฏิเสธและเสนอแนวทางให้เค้าติดต่อมาภายหลัง หรือถ้าจำเป็นต้องปฏิเสธนัดกับใคร ก็ลองเสนอแนวทางอื่นที่จะพบกับเค้าให้ได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราอยากร่วมงานหรืออยากเจอกับเค้าจริงๆ ตัวอย่างประโยค เช่น
 

 “I want to do that, but I’m not available until April. Will you ask me again then?”

“ผมอยากทำมาก แต่ก็ไม่ว่างเลยจนถึงเดือนเมษายน คุณช่วยติดต่อมาภายหลังได้มั้ยครับ?”
 

“None of those dates work for me, but I would love to see you. Send me some more dates.”

“ไม่มีวันไหนที่สะดวกสำหรับผมเลยจริงๆ แต่ผมอยากพบคุณนะ พอจะเป็นวันอื่นได้มั้ยครับ” 
 

“I can’t put anything else on my calendar this month, but I’d love to do that with you sometime. Will you call me right before you go again?”

“ผมไม่สามารถลงคิวให้กับใครในปฏิทินเดือนนี้ได้จริงๆ แต่ผมอยากร่วมงานกับคุณนะครับ ถ้ายังไงรบกวนคุณช่วยโทรมาก่อนอีกครั้งได้มั้ยครับ?”

 

3. ปฏิเสธและแนะนำคนอื่นให้ 

 

      ข้อนี้ก็จะต่อมาจากข้อที่แล้ว แต่เปลี่ยนจากการที่บอกให้ติดต่อมาภายหลัง เปลี่ยนเป็นแนะนำคนอื่นที่เรารู้จักให้ อาจจะเป็นคนที่เราเห็นว่าเค้าเหมาะสมกับงานนั้นๆ เช่น 
 

“I can’t do it, but I’ll bet Palitchoke can. I’ll ask him for you.”

“ผมคงทำไม่ได้อ่ะ แต่ผมคิดว่าคุณผลิตโชคทำได้ เดี๋ยวผมไปถามเค้าให้คุณนะ”
 

“I just don’t have time right now. Let me recommend someone who may be able to help you.”

“ฉันไม่มีเวลาในตอนนี้จริงๆ ถ้างั้นฉันขอแนะนำคนนึงที่น่าจะช่วยคุณได้”

 

4. ปฏิเสธและทำให้พอใจด้วยวิธีอื่น 

 

     สมมติว่ามีคนที่สนิทกับเรามากๆ มาเชิญชวนเราให้ไปงานที่นำเสนอผลงานหรือสินค้าใหม่ของเค้า แต่เราไม่สามารถไปได้จริงๆ แต่ก็กลัวว่าเค้าจะเสียใจ และเราเองก็ไม่อยากให้เค้ารู้สึกผิดหวังที่เค้าอุตส่าห์ชวนเรา ถ้าอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออกแบบบนี้ ก็ลองปฏิเสธดูก่อน แล้วเสนอทำให้เค้าพอใจด้วยวิธีอื่น เช่น 
 

“I can’t speak at your event, but I will help you promote it on my blog.”

“ฉันไม่สามารถไปพูดที่งานของเธอได้จริงๆ แต่ฉันจะช่วยโปรโมตลงในบล็อกของฉันให้นะ”

 

5. ปฏิเสธพร้อมขอโทษแบบรู้สึกซาบซึ้ง

 

     กับใครสักคนที่เรารู้สึกว่าเค้าทำดีกับเรามากๆ และรู้สึกไม่อยากปฏิเสธ แต่มันจำเป็นที่ต้องปฏิเสธ วิธีพูดก็คือ ให้พูดแสดงถึงความจริงใจว่าเรารู้สึกซาบซึ้งกับเค้าจริงๆ และจากนั้นก็ปฏิเสธให้ดูสุภาพ
  

“Thank you so much for your support! I’m sorry I’m not able to help you at this time.”

“ขอบคุณมากเลยนะครับที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้ แต่ผมต้องขอโทษที่ไม่สามารถช่วยคุณในครั้งนี้ได้จริงๆ”

 

6. ปฏิเสธแบบเด็ดขาด 

 

      ในกรณีที่เราต้องกล่าวปฏิเสธแบบเด็ดขาดจริงๆ และไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้อีก ก็จะมีประโยคเฟียร์สๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ในกรณีนี้ เช่น 
 

“Thanks, I’ll have to pass on that.” 

“ขอบคุณค่ะ แต่คงต้องขอผ่านเรื่องนี้ไปก่อน”
 

“I wish I could, but it’s just not going to work right now.”

“ผมก็หวังว่าจะทำได้ แต่คงไม่ใช่ในเวลานี้”

 

7. ปฏิเสธโดยอ้างคนอื่นเป็นเหตุผล 

 

      วิธีนี้น่าจะเป็นการปฏิเสธที่หลายคนน่าจะใช้บ่อยมาก หรือบางคนอาจจะมีธุระที่นัดไว้กับคนอื่นไว้ก่อนแล้ว เลยจำเป็นต้องบอกปัดพร้อมบอกว่านัดกับคนอื่นไว้แล้ว เช่น 
 

“I promised my husband I wouldn’t take on any more projects right now. I’m working on creating more balance in my life.”

“ฉันสัญญากับสามีฉันไว้ว่า ตอนนี้จะไม่ทำโปรเจ็กต์อื่นๆ ไปมากกว่านี้แล้ว เพราะว่าฉันกำลังสร้างสมดุลให้กับชีวิต”
 

“Thanks so much for the invite, that’s the day of my son’s soccer game, and I never miss those.”

“ขอบคุณมากที่ชวน แต่ว่ามันตรงกับวันแข่งฟุตบอลของลูกชายของฉันพอดีเลยอะดิ และก็ไม่อยากผิดนัดลูกด้วย”
 

“I appreciate you thinking of me, but I’m afraid I’m already booked that day.”

“ผมซาบซึ้งมากที่คุณนึกถึงกัน แต่ผมเกรงว่าผมมีนัดแล้วในวันนั้น”

 

8. ไม่ตกลงและก็ไม่ปฏิเสธ

 

      เวลามีใครมาเสนออะไรก็ตาม แต่เรายังไม่สามารถตัดสินใจในตอนนั้นได้จริง เลยเลือกที่จะขอเก็บไปคิดก่อนแล้วให้คำตอบในภายหลัง ก็มีวิธีพูดสำหรับสถานการณ์นี้ เช่น 
 

“Let me think about it, and I’ll get back to you.”

“ฉันขอคิดก่อนนะ เดี๋ยวจะมาให้คำตอบทีหลัง”

 

      จริงๆ แล้วยังมีวิธีพูดปฏิเสธอีกเยอะมาก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เราเจอ และก็เหตุผลของแต่ละคนที่จะปฏิเสธด้วย วันนี้พี่ก็นำมาฝากไว้คร่าวๆ เพียงเท่านี้ก่อนละกัน น้องๆ ก็ลองนำไปใช้กันได้นะครับ ^^

 

Source:


วิชาภาษาอังกฤษ | Present Perfect ประโยคปฏิเสธ


ก่อนจะไปตามหาเรนเจอร์พี่ไอซ์ มาเรียนรู้ Present Perfect รูปประโยคปฏิเสธกับเรนเจอร์พี่จุ๊บก่อนดีกว่า😘

ดาวน์โหลด StartDee ได้ที่ลิงก์นี้✨⁣
📲ดาวน์โหลด : https://bit.ly/YTdownloadstartdee​​

ติดตาม StartDee ได้ที่✨⁣
📲Line@: https://line.me/R/ti/p/@startdee​​
📲Instagram: https://www.instagram.com/startdeeth​​
📲Facebook: https://www.facebook.com/startdeethai
📲Twitter: https://twitter.com/startdeeth​​
📲Tiktok: https://www.tiktok.com/@startdeeth

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

วิชาภาษาอังกฤษ | Present Perfect ประโยคปฏิเสธ

Day 18 การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ | ปฏิเสธ | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


คลิปนี้เราจะมาดูวิธีการเขียนประโยคปฏิเสธนะคะโดยใช้ verb to be คือ is am are was were และ Verb to do คือ do does did นะจ๊ะ

Day 18 การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ | ปฏิเสธ | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

🔻แพทเทิร์นประโยค การตอบปฏิเสธ ก็อปไปใช้ได้เลย❌


☺ บทเรียนชุดใหญ่ FREE คลิก
https://www.youtube.com/watch?v=bwu778BTcMw\u0026list=PLQDByO7h40Pr3mGPhfHzruLF2zQdmII5\u0026ab_channel=EnglishFitandFirm
ʕ•́ᴥ•̀ʔ ติดตามบทเรียนของครูส้มได้ที่
☺ Facebook:
https://www.facebook.com/EnglishFitandFirm/
☺ IG:
https://www.instagram.com/eng_som_o/?hl=en
☺ YouTube:
https://www.youtube.com/channel/UCKoHHFMpTvk84IdG3GoNnfQ
☺ Line:
http://line.me/ti/p/%40xrm6341q

ʕ•́ᴥ•̀ʔ
ไลน์ @englishfitandfirm
Click: http://line.me/ti/p/%40xrm6341q

🔻แพทเทิร์นประโยค การตอบปฏิเสธ ก็อปไปใช้ได้เลย❌

เรียนภาษาอังกฤษ💥Day 2: ประโยคปฏิเสธ💥ฝึกภาษาอังกฤษออนไลน์


วันที่ 2 คือการฝึกพูดประโยคปฏิเสธ มีรูปแบบในการฝึกพูด 6 รูปแบบดังนี้
ติดตามได้ที่👍🏻 https://www.youtube.com/channel/UCUFkoqdGCuT8X42LZ5C4llg?sub_confirmation=1
แบบที่ 1 พูดถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรือกิจวัตรประจำวันในรูปปฏิเสธ
I don’t go. ฉันไม่ไป
I don’t go to work today.
I don’t go to see the movies today.
I don’t go to the club every night.
today
every day
every month
every week
five days a week
three days a week
like ชอบ
I don’t like.
I don’t like the spicy food.
I don’t like to tell him the truth.
want ต้องการ, อยาก
I don’t want.
I don’t want to leave you alone.
I don’t want to go home.
clean ทำความสะอาด
I don’t clean my bathroom every week.
wash ชะล้าง, ล้าง
I don’t wash my hair every day.
eat กิน, ทาน
I don’t eat out every week.
แบบที่ 2 พูดถึงเหตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดในรูปปฏิเสธ
I am not going. ฉันไม่ได้กำลังไป
I am not going to the airport.
I am not going abroad.
go abroad ไปต่างประเทศ
I am not going abroad.
I am not going to the shop.
sleep นอน
I am not sleeping now.
read อ่าน
I am not reading a book.
run วิ่ง
I am not running.
drive ขับรถ
I am not driving.
smile ยิ้ม
I am not smiling at you.
แบบที่ 3 พูดถึงเหตการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในรูปปฏิเสธ
I will not go. ฉันจะไม่ไป
I will not go there alone again.
I will not go to the party tonight.
stay พักอยู่
I will not stay here again.
tell บอก
I will not tell him, I promise.
come มา
I will not come with you.
let ปล่อย, อนุญาต, ปล่อยให้
I will not let you go.
sell ขาย
I will not sell this house next week.
แบบที่ 4 พูดถึงสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้
I can not go. ฉันไม่สามารถไปได้
I can not go to work today.
I can not go swimming today.
finish เสร็จ, จบ
I can not finish my job in time.
tell บอก
I can not tell him a lie.
cook ทำอาหาร
I can not cook Thai food.
sleep นอน
I can not sleep well.
dance เต้น
I can not dance with you.
แบบที่ 5 พูดถึงสิ่งที่เราไม่อยากจะทำ
I would not like to go. ฉันไม่อยากจะไป
I would not like to go to the meeting today.
I would not like to go to the beach today.
have breakfast ทานอาหารเช้า
I would not like to have breakfast today.
phone โทรหา
I would not like to phone him tonight.
buy ซื้อ
I would not like to buy a new mobile phone.
drink ดื่ม
I would not like to drink too much tonight.
go for a walk ไปเดินเล่น
I would not like to go for a walk tomorrow.
แบบที่ 6 พูดถึงเหตการณ์ที่ไม่ได้ทำในอดีต
I did not go. ฉันไม่ได้ไป
I didn’t go.
I didn’t go to the party last night.
I didn’t go to Thailand last month.
buy ซื้อ
I didn’t buy a new pair of shoes.
sell ขาย
I didn’t sell my car last week.
eat กิน, ทาน
I didn’t eat too much last night.
have มี
I didn’t have an accident yesterday.
talk พูด
I didn’t talk to her the other day.

📢สำหรับท่านใดสนใจเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับครูพิม สมัครปุ้บ! เรียนได้ทันที ไม่มีวันหมดอายุ 📢
💥โปรจัดหนัก 5 คอร์ส คลิ๊ก👇👇
https://line.me/R/ti/p/%40learningtree
หรือไลน์ไอดี @learningtree
LearningTree เรียนต่อต่างประเทศ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ครูพิม ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ

เรียนภาษาอังกฤษ💥Day 2: ประโยคปฏิเสธ💥ฝึกภาษาอังกฤษออนไลน์

Present Simple Tense ประโยค​ปฏิเสธ, ใช้อย่างไร? | ครูแหม่ม​ by krumamclub


การใช้​ประโยคปฏิเสธ​ Present​ Simple​ Tense​ พร้อมตัวอย่าง​ แบบเข้าใจง่ายใช้ได้จริง​
krumamclub​

Present Simple Tense ประโยค​ปฏิเสธ, ใช้อย่างไร? | ครูแหม่ม​ by krumamclub

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ประโยค ปฏิเสธ ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *